ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰

    ลำดับตอนที่ #14 : กุ๊งกุ๊งที่ 12 : เสี่ยเลี้ยงเด็ก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 35.77K
      3.03K
      12 ต.ค. 62

    ตอน 13

     

    [nay]

     


     

    ไม่รู้ว่ามีความสุขขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

     

     

    ผมนั่งจ้องที่ห้อยกระเป๋าเซรามิคที่เป็นรูปทะเลที่ซื้อกลับมาหลังจากไปเที่ยวกับลุง นับว่าเป็นการไปทะเลครั้งแรกในหลายรอบปี หลังจากที่ขอและงอแงพ่อกับแม่เท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ไป


     

    เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากกินอะไรก็ได้กิน 

     


    เป็นครั้งแรกที่โดนชมบ่อยขนาดนี้ทั้งที่ผ่านไปไม่ถึงเดือน

     


    เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

     

     

    “ไอ้เน มึงนั่งมองพวงกุญแจทำไมวะ เล่นเอ็มวีเรอะ” ผมร้องเห้ยออกมาดังลั่นตอนที่ไอ้กันเอื้อมมือมาดึงพวงกุญแจออกไปจากมือ

    “ไอ้กัน มึงเอาคืนมานะ!!!

    “อะไรวะ พวงกุญแจง่อยสัด”

    “ไอ้กัน!!!” ผมผลักมันอย่างแรงแล้วรีบดึงของกลับมา 

    “เห้ยไอ้เน มึงร้อนอะไรอ่ะ ทำไมต้องผลักขนาดนี้วะ”

    “มึงห้ามยุ่งกับของกู!!!

    “เห้ย ไอ้เน ใจเย็นมึง” ไอ้นาถรีบรั้งตัวผมไว้ ไอ้กันขมวดคิ้วหงุดหงิด ผมไม่เคยทะเลาะกับเพื่อนมาก่อน นี่แทบจะเป็นครั้งแรกเลย 

    “เป็นเหี้ยไรวะเน”

    “มึงยุ่งกับของของกู”

    “กับอีแค่พวกกุญแจโง่ๆ เนี่ยนะ มึงถึงผลักกู” กันทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผม เพื่อนที่เหลือเลยแห่กันมาดึงตัวผมและกันแยกออกจากกัน 

    “มันไม่ใช่แค่พวงกุญแจโง่ๆ”

    “ไร้สาระว่ะ” 

     

    ไอ้กันสะบัดแขนเพื่อนที่ดึงรั้งอยู่ออกก่อนจะกระแทกเท้าออกจากห้องไป ห้องเรียนที่เพิ่งจะวุ่นวายกลับมาเงียบสงัดทันที ผมสูดลมหายใจเข้าเพื่อกลั้นน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหล

     

    “ไอ้เน มึงก็ไม่น่าผลักมันขนาดนั้น”

    “ไอ้กันแม่งตั้งท่าจะต่อยมึงแล้วนะ แค่พวงกุญแจเองนะ”

    “พวกมึงอย่ายุ่ง”

     

    ผมสะบัดตัวออกจากแขนพวกมันแล้วกระแทกเท้าเดินออกจากห้องเรียนตรงไปที่ห้องน้ำ ประตูห้องน้ำสามบานถูกเปิดเหลือว่างอยู่แค่สองห้องซ้ายขวาส่วนตรงกลางมีคนใช้งานอยู่ ผมเลือกที่จะเดินเข้าห้องริมขวาสุด  พอปิดประตูห้องน้ำเท่านั้นน้ำตาหยดแรกก็ไหลกระทบแขนพื้นดังแหมะ ผมเบะปากสะอื้นแบบไร้เสียง ปากบดกันจนเจ็บไปหมด ขี้มูกก็ย้อยยืดติดตามแขน 

     

    ผมทะเลาะกับเพื่อน

    ไม่ชอบเลย 

     

    “ฮึก”  โถส้วมกลายเป็นเก้าอี้จำเป็นในตอนนี้ ผมยกมือถือขึ้นกดหาเบอร์ลุง ทำไมต้องเป็นลุงก็ไม่รู้ แต่ผมต้องการเสียงลุงในตอนนี้

    [เน ทำไมโทรมาในเวลาเรียน]เสียงดุเป็นเอกลักษณ์นั่นเหมือนเป็นค้อนทุบถังน้ำตาชั้นดี ผมระเบิดร้องไห้ออกมาลั่น ไม่สนแล้วว่าห้องข้างๆ จะรำคาญ 

    “ฮืออออออออออ”

    [เป็นอะไรเน อยู่ไหน]

    “ลุง ฮึก ลุง”

    [เน ตั้งสติ ตอบพี่]ผมสูดขี้มูกหนึ่งฟืด

    “เนทะเลาะกับเพื่อน”

    […] เสียงดุนั่นเงียบไป ตามด้วยเสียงถอนหายใจยาว [พี่เกือบจะเก็บของบุกโรงเรียนแล้ว ทีหลังอย่าร้องไห้ดังขนาดนั้นนะ คิดว่าเรื่องด่วน]

     

    ผมบดปากตัวเองไปมา ก็รู้แหละว่าไร้สาระ แต่ผมไม่รู้จะคุยกับใครแล้วนี่ ชีวิตก็มีแค่ไอ้กันที่คุยด้วยทุกเรื่องมาตลอด ผมเจ็บจี๊ดๆ อึดอัดไปหมดเลย ขี้มูกเหลวเหนียวเต็มหน้า หายใจไม่ออกแล้ว

     

    “ลุง ฮึก กันจะต่อยเน”

    [ทำไมทะเลาะกันแรงนักหละ]

    “กัน... กันเอาพวงกุญแจเนไป พวงกุญแจที่ลุงซื้อให้” ผมปาดน้ำตาป้อยๆ พอพูดจบก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียงตัวเองงอแงมาก แถมปัญหายังดูไร้สาระอีก 

    [แล้วยังไงต่อ]

    “เนผลักมัน แต่เบามากนะ เบาๆ แต่ไอ้กันมันไม่ได้ตั้งตัว มันเลยดูเหมือนแรง แต่เนผลักเบานะ ลุงเนผลักเบา ลุงก็รู้เนไม่ได้มีแรงขนาดนั้น” 

    [ใจเย็นๆ ยังไม่ได้ว่าอะไร]เสียงทุ้มของลุงทำให้ผมรู้สึกตัวเองใจเย็นลง ผมย้ายจากนั่งบนชักโครกไปนั่งพิงกำแพงห้องน้ำแทน 

    “เนผิดเอง... แต่... แต่เนไม่ได้ตั้งใจ แต่กันจะต่อยเน ได้ไง เราเพื่อนกัน” 

    [กันอาจจะแค่โมโห มันอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะต่อยหรอก]

    “ฮึก เนยังไม่ได้ขอโทษมันเลย เนไม่รู้จะทำยังไง เนผิดเอง แต่เนไม่ได้ผิดขนาดนั้น ทำไมกันจะต่อยเน ลุง กันจะต่อยเน”

    [เน]

    “ฮึก”

    [หยุดร้องไห้ก่อน แล้วคุยกันดีๆ คุยไปร้องไห้ไปแบบนี้พี่ไม่ชอบ]เสียงลุงดูดุขึ้นนิดหน่อย ผมฟืดขี้มูกปาดน้ำตาสองสามรอบถึงค่อยจะรู้สึกใจเย็นลง

    “ฮึก”

    [หยุดรึยัง]

    “มันไม่หยุดให้เน แต่เนหยุดแล้ว” 

    [ฟังนะ เราหนะใช้อารมณ์ทั้งคู่ รอให้ใจเย็นแล้วก็ขอโทษกันซะ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะผิดก็ตาม ต่อให้เรามีส่วนผิดแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องรู้จักขอโทษ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเพื่อนยิ่งไม่ควรปากหนักกับคำนี้]เสียงทุ้มพูดยาวมันทัชผมมากจนพูดอะไรไม่ออก [เน ฟังอยู่ไหม? ]


    “อื้อ”

    [แล้วนี่อยู่ไหน]

    “ห้องน้ำ”

    [ล้างหน้าล้างตาซะ กลับไปเข้าห้อง แล้วเดี๋ยวค่อยเจอกันเลิกเรียน]

    “จะวางสายแล้วหรอ...”

    [อย่าทำเสียงอ้อน]

    “เปล่าอ้อน ลุงแทนตัวว่าพี่ จั๊กจี้หูชะมัด”

    [อย่าทักได้ไหม กำลังทำตัวให้ชินอยู่]ผมแอบยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าดุนั่นกำลังเขิน ลุงอ่ะขี้เขินแต่ชอบทำตัวเท่ เป็นคนแก่ขี้เก๊ก 

    “อื้อ แล้วเดี๋ยวเจอกันหลังเลิกเรียน ลุงซื้อชาเขียวปั่นให้หน่อยสิ”

    [หายเศร้าแล้วก็คิดถึงของกินเลยนะ]

    “เปล่าเศร้า”

    [ไปเรียนไป แค่นี้ก่อนเดี๋ยวมีประชุมกับแผนกขาย]

    “อื้อ บายครับ”


     

    วางสายไปแล้ว...



    ถึงอย่างนั้นเสียงทุ้มที่ยังติดอยู่ในหูก็ทำให้รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเยอะ ลุงหนะ เป็นพนักงานฝ่ายปลอบใจจากบริษัทเนจำกัดมหาชนที่ควรได้ขึ้นเงินเดือน ผมลุกขึ้นปาดน้ำตาของจากหน้า สูดลมหายใจเข้าหนึ่งฟืดเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะเปิดประตูออกไปล้างหน้าล้างตา 

    ระหว่างที่กำลังล้างมืออยู่นั้นประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงพูดคุย เด็กผู้ชายกลุ่มใหม่ที่เข้ามาชะงักตัวเมื่อเห็นผม ผมเองก็ชะงักตัวไปเหมือนกัน 

     

    แก๊งห้องหกที่ชอบด่าเรียกผมว่าตุ๊ด

    ดวงอะไรวะที่ต้องมาเจอกันในที่แบบนี้

     

    “อ้าวไอ้ตุ๊ดเนนี่กว่า” นั่นไง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดผิดที่ไหน 

    “ขอตัว” เลือกไม่ยุ่งดีกว่า ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวาย ผมกำลังจะเดินผ่านพวกมันเพื่ออกจากห้องน้ำ ตอนนั้นเองก็โดนคว้าข้อมือไว้ 

    “อ้าวๆ รีบไปไหนอ่ะ”

    “อย่ายุ่งกับกู” ผมสะบัดข้อมือออก 

    “เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ขนาดเยี่ยวยังต้องไปแอบเลย เจี๊ยวเล็กแหงเลยว่ะ” 

    “เสือก”

    “ปากดีว่ะ กูชอบนะ” ไอ้เวรหัวหน้าแก๊งนั่นบีบแก้มผม ผมปัดมือมันออกแต่ก็โดนหนึ่งในลูกกระจ๊อกแก๊งมันผลักจนหลังไปกระแทกอ่างล้างมือ 

    “หรือมันอาจจะไม่ได้เยี่ยวก็ได้นะเว้ย”

    “เออว่ะ โดนขุดทองไปยังอ่ะตุ๊ด เสียวป่ะ อยากรู้” 

    “ขี้ไม่ต้องเบ่งแล้วป่ะวะ”

     

    อยากอ้วก...

    ผมกำหมัดแน่นให้กับคำพูดพวกนั้น

     

    “พูดแต่อะไรต่ำๆ หัดเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่ได้รับการอบรมบ้างนะ” ผมจ้องหน้าไอ้เวรนั่นอย่างเอาเรื่อง ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองพูดตอกกลับไปอย่างแรงแล้วแท้ๆ แต่พวกมันกลับหัวเราะออกมา 

    “ไอ้เหี้ย ขนาดด่ากลับยังน่ารักเลย ขอบีบตูดทีได้ป่ะวะตุ๊ด”

    “กูไม่ใช่ตุ๊ด” ผมกัดฟันตอบ รู้สึกขยะแขยงจนอยากจะต่อยหน้าพวกมันให้หมด

    “มึงน่าจะดีใจนะ หน้ามึงหวานอ่ะ ไม่ต้องแปลงเพศก็ได้อยู่นะ” 

    “จริงมึง ไม่ติดว่ามึงมีเจี๊ยวกูจีบไปละนะตุ๊ด” 

    “ต่อให้กูไม่มี กูก็ไม่เอาพวกมึงหรอก โทษทีว่ะ ไม่นิยมคบสัตว์-” 

     

    ผลั่ก!!!!!

     

    ไม่ทันได้เตรียมตัวด้วยซ้ำ ผมโดนต่อยอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ใบหน้าซีกขวาชาไปทั้งแถบ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งติดอยู่ที่ปลายลิ้น    

     

    “ปากดีฉิบหาย ไอ้ตุ๊ด ได้ข่าวว่ามึงมีเสี่ยเลี้ยงใช่ไหมถึงได้ปากดีไปทั่ว คิดว่าแบ็กมึงหนามากหรอ” ไอ้เวรนี่ยกรองเท้านันยางขึ้นเตะหัวผม ผมลุกขึ้นเตรียมจะต่อยกลับแต่ก็โดนพวกมันที่เหลือดึงแขนไว้ สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด

    “ไม่ใช่แค่เสี่ยเลี้ยง เห็นเขาลือกันว่ามึงขายตูดอ่อเน”

     

    โกรธ โกรธจนน้ำตาไหล... 

     

    “แม่งไม่ตอบว่ะ สงสัยจะจริง” 

    “ตุ๊ดเนขายตูดว่ะ”

    “ไอ้ตุ๊ด เขาสนมึงเพราะรูมึงฟิตป่ะ”

    “มึงขายตูดเท่าไหร่วะตุ๊ด ถึงห้าร้อยป่ะ ได้กี่น้ำ” 

     

     

    อยากอ้วก อยากอ้วก อยากอ้วก

     

     

    ปั้ง!!!!!

     

     

    “หนวกหูว่ะ ขี้ไม่ออก” 


    ประตูห้องน้ำห้องตรงกลางถูกเปิดออกอย่างแรงดึงความสนใจทั้งหมด ผมเบิกตากว้างเมื่อคนที่เดินออกมาจากห้องนั้นคือ

    “ไอ้กัน...”

    “กูพูดจริงนะไอ้ตั้ม พวกมึงหัดเอาเวลาบูลลี่คนอื่นไปตั้งใจเรียนเถอะ พ่อมึงมารู้ว่าลูกทำตัวแบบนี้ เสียชื่อนักการเมืองชื่อดังอยู่นาาาาา” ไอ้กันเดินล้วงกระเป๋ากางเกงมาหยุดหน้าไอ้หัวหน้าแก็ง ที่ผมเพิ่งจะจำได้ว่ามันชื่อตั้ม 

    “เสือกไรวะกัน”

    “ไม่เสือกไม่ได้จริงๆ ขอเถอะ ขอนะมึงนะ”

    “ขอไรวะ”

    “ขอถีบหน้ามึงอ่ะ ไอ้สัตว์นรก!!!” 

     

    ผัวะ!!!!

    กันยกเท้าขึ้นถีบอกอีกฝ่ายอย่างแรงจนร่างของตั้มลอยไปกระแทกกับกำแพงห้องน้ำ พวกเพื่อนมันปล่อยตัวผมก่อนจะรีบวิ่งไปดูเพื่อนตัวเองกัน ไอ้กันหันหน้ากลับมาหาผม ใบหน้ากวนตีนนั่นจ้องมานิ่งๆ 

     

    “ขอโทษกูดิ” 

    “...”

    “เร็วไอ้เน”

    “ขอโทษ”

    “เออ กูก็ขอโทษ” มันพูดยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาดึงแขนผมให้ยืน แค่เจอหน้ามันน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก็กลับมาหยดเป็นเม็ดอีกรอบ 

    “ฮึก” 

    “อย่าร้องดิ เดี๋ยวลุงแม่งเอาเรื่องอากู” 

    “สัดกัน โผล่หัวออกมาปกป้องเมียเลยนะมึง” ยังไม่ทันได้คุยกันจบ เสียงน่ารำคาญก็ดังขัดเสียก่อน ไอ้กันถอนหายใจแล้วหันกลับไปหาพวกมัน

    “เออ เมียรักกูเลยคนนี้” ไอ้กันพูดติดตลก “แต่เอาดีๆ นะไอ้ตั้ม มึงพูดถูกนิดหน่อยเรื่องเสี่ยมันอ่ะ กูเตือนไว้ตรงนี้แล้วกัน ถ้าไม่อยากให้พ่อมึงลำบากอย่ายุ่งกับไอ้เนอีก”

    “...” ไอ้ตั้มชะงักตัวกึ้ก ผมเองก็ขมวดคิ้วงง 

    “เสี่ยไอ้เนเล่นพ่อมึงได้แล้วก็เล่นพ่อมึงสองคนได้ด้วย กูใจดีเตือนนะจ๊ะ” พูดจบมันก็ดึงมือผมลากออกจากห้องน้ำ ผมได้แต่เดินตามแรงลากมันไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ตรงแถวสนามบาส มุมโดดเรียนประจำของแก็งเรา 

    “...”

    “ปากมึงแตก ลุงแม่งเอาเรื่องกูแน่ สัดเอ๊ยยยย” ไอ้กันกุมขมับตัวเอง

    “... มึง ลุงแม่งเส้นใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอวะ” ผมตกใจนะเอาดีๆ ผมไม่เคยคิดว่าก่อนเลยว่าลุงจะมีอิทธิพลอะไรขนาดนั้น เห็นแต่ทำตัวเป็นลุงแก่ไปวันๆ ไม่เห็นจะดูน่ากลัวมีอำนาจอะไรขนาดนั้นเลย

    “หึ”

    “อ้าว”

    “ลุงอ่ะกูไม่รู้หรอก แต่อากูบอกว่าพ่อลุงอ่ะ เอาเรื่องเลยแหละ” 

    “อ่า... “

     ว่าแล้ว อย่างลุงหนะหรอจะไปมีอิทธฺิพลอะไรขนาดนั้น ขนาดแค่พิมพ์ไลน์ประโยคสั้นๆ ยังต้องหาแว่นมาเพ่งเลย ไอ้กันไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูก

     

     

    ไม่ว่าฝ่ายไหนจะผิดก็ตาม ต่อให้เรามีส่วนผิดแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องรู้จักขอโทษ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเพื่อนยิ่งไม่ควรปากหนักกับคำนี้

     

     

    “กัน”

    “ไร”

    “ขอโทษนะมึง ที่ผลักมึง กูรู้สึกแย่จริงๆ ”

    “เออ รู้ แอบฟังตอนมึงคุยโทรศัพท์แล้ว” โคตรชั่ว ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน 

    “แล้วมึงนั่งทำบื้ออะไรอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน”

    “จะออกมาตั้งแต่มันเรียกมึงตุ๊ดแล้ว”

    “...”

    “แม่งเปิดไม่ออกลูกบิดพัง”

     

    เอวัง...

    เหนื่อยใจกับมันจริงๆ ผมถอนหายใจก่อนจะนั่งลงพิงเสาอาคาร ไอ้กันพอเห็นผมนั่งมันก็ทิ้งตัวลงนั่งตาม 


     

    “ไอ้เน” 

    “หืม”

    “จะตุ๊ดไม่ตุ๊ดมึงก็เพื่อนกูนะ”

     

    บ้าเอ๊ย...

    น้ำตามาอีกรอบแล้ว!!!

     

    “...”

    “อย่าร้องไห้ดิ ขี้แงฉิบหาย” ปากด่าแต่มือก็เอื้อมมือขยี้หัวผม ไอ้กันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่รู้จักกันตอนม.หนึ่ง ถึงมันจะกวนตีนแต่ก็คอยโอ๋ผมเวลาร้องไห้เสมอ 

    “มึง...”

    “...”

    “กูดีใจนะที่มีมึงเป็นเพื่อน”

    “กูก็ดีใจเหมือนกัน แต่จะดีใจกว่านี้อีกนะ ถ้า...”

    “...”

    “ถ้ามึงให้ลุงขึ้นเงินเดือนให้อากู อยากไปญี่ปุ่นโว้ยยยยยยยยย” โวยวายลั่นแล้วก็เอนหัวพิงไหล่ผม ผมได้แต่ขำในลำคอเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง เหมือนทุกอย่างกำลังดีขึ้น มันอาจจะไม่ได้เห็นชัดเจน แต่ผมรู้สึกได้ว่าดีขึ้น

     

     

    ผมรู้สึกแบบนั้น

     

    จนกระทั่งเลิกเรียนเดินกลับไปถึงห้องทำงานของลุง

     


    ใบหน้าดุนั่นย่นคิ้วจนรอยย่นขึ้นชัดเจน ไอ้กันผู้ซึ่งเก่งกล้าในโรงเรียนก็เผ่นแน่บไปตั้งแต่เปิดมาเจอหน้าลุง ลุงลุกจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ก้าวขายาวฉับๆ มาหยุดหน้าผม 

     


    โอ๊ะโอ.... 

     


    “แหะๆ” 

    “ไม่ต้องมาแหะๆ นี่กันทำหรอ? ทำไมทะเลาะกันแรงขนาดนี้” ลุงยกมือขึ้นจับคางผม มือหนานั่นจับคางผมบิดไปซ้ายขวาเพื่อหาแผลตรงอื่น 

    “เปล่า ไม่ใช่ไอ้กัน” 

    “...”

    “ลุง...”

    “หืม? “

    “เน โดนเรียกว่าตุ๊ด” 

    “...”

    “จริงๆ เนชินแล้ว เนโดนเรียกบ่อย” 

    “มันไม่ควรชิน”

    “แต่คราวนี้...”

    “...”

    “เนโดนเรียกว่าเป็นเด็กเสี่ยแต่เนไม่ได้โกรธอะไรนะ ที่เนรู้สึกแย่หนะ” 

    “...”

    “เขาลือกันว่าเนขายตูด...”

    “...” 

     

    ลุงไม่ได้หลุดพูดอะไรออกมา ใบหน้าเครียดนั่นจ้องผมนิ่งก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด ลุงยกมือขึ้นลูบหัวผมไปมา 

     

    “เห็นไหม มาอยู่กับฉันมันก็มีแต่เรื่อง” กลับมาแทนตัวว่าฉันแล้วแฮะ... 

    “...”

    “คนคงเข้าใจผิด กลับไปอยู่บ้านไหม มันคงจะดีขึ้น” จบประโยคนั้นผมก็รู้สึกเหมือนโลกถล่ม 

    “ไม่กลับ ไม่ได้บอกว่าจะกลับ เนไม่ได้อยากกลับ เหลืออีกตั้งสองอาทิตย์”

    “...”

    “เนแค่... ไม่รู้ เนโกรธแต่เนทำอะไรไม่ได้เลย แต่เนไม่ได้อยากกลับบ้าน เนอยากอยู่กับลุง” ผมทิ้งหัวตัวเองปักไปกับแผ่นอกของลุง  

    “เห้อ เสี่ยเลี้ยงก็ไม่ได้ห่างไกลเลย” ลุงบ่นงึมงำแล้วก็วางคางลงบนหัวผม “... อย่าอ้อนให้มากเน พี่จะดูเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กจริงๆ แล้ว” 

    “ลุงรับเนไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมไหม”

    “...”

    “ถ้าคนอื่นเรียกเสี่ยเลี้ยงเด็กเนจะได้ตอบกลับไปว่าเออ เลี้ยงจริงๆ พ่อกูเอง ไรเงี้ย” 

    “นี่เข้าใจคำว่าเสี่ยเลี้ยงเด็กจริงๆ รึเปล่าเนี่ย” ลุงขมวดคิ้วถาม

     

     

    อ้าว...

    เสี่ยเลี้ยงเด็กก็ผู้ใหญ่ที่รับเด็กไปเลี้ยงไง ทำไมลุงต้องทำหน้างั้นด้วย 

     

    “...” พอเห็นผมทำหน้างง ลุงก็ยกมือขึ้นกุมขมับ

    sugar daddyจำความหมายได้ใช่ไหม”

    “ห๊ะ”

    “เออ ความหมายเหมือนกัน”

     

     

                ผมพะงาบปากไปมาก่อนจะรีบยกกระเป๋าขึ้นมาปิดหน้า

     

     

                ละ ลุงเป็นชูการ์แด๊ดดี้ของผมงั้นหรอ

     

     

                ไม่ใช่สักหน่อย!!!!

     

     

                ไม่คุยด้วยแล้ว!!!!

      

     

     

     ----- つづく



    ลดความหวานอีกสามสี่ตอนเตรียมทิชชู่ 5555555555 

    น้องเนน่าจะเป็นเรื่องที่ดราม่าที่สุดในจักรวาลแล้วนะคะ ซึ่งก็ดราม่าได้แค่นิดหน่อยตามภาษาค่ะ

    เพราะขนาดเรื่องน้องคุณดราม่าสุดก็แค่ล้มลู่วิ่งคิ้วแตก ส่วนน้องอู้ดราม่าสุดก็แค่พี่หมออดสะบั้มดุ้งน้อง แล้วก็โจรปลื้มดราม่าสุดก็แค่พี่ปื้มเกทมุกที่เล่นตั้งแต่ตอนหนึ่งเมื่อตอนที่เก้าสิบเก้า ส่วนพี่หญิงดราม่าสุดก็แค่ไม่อัพมาสองเดือนแน้ว 




    ทีมพี่หญิง : 





     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×