คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : กุ๊งกุ๊งที่ 8 : Comfort Zone
ตอนที่ 8
ห้องทำงานของผมเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกบานใหญ่ไว้มองวิวทิวทัศน์ พ่อผมเคยบอกว่ามันแก้เครียดได้ดี ถึงบางช่วงของวันจะต้องปิดม่านหนีแดดก็ตาม การตกแต่งของห้องเรียบง่ายมีเพียงสิ่งที่จำเป็นต่อการทำงาน
และบางครั้งก็มีบ้างที่จะมีของไม่จำเป็น
อย่างเช่น...
“ไอ้กันหลานกูเนี่ยนะ”
มนุษย์ที่ชื่อไอ้เก่งเป็นต้น
“ใช่”
“มึงจะอยากเจอหลานกูไปเพื่ออะไรวะ”
“...”
“ไอ้สัด ไอ้ไม้ อย่าบอกนะว่ามึง...”
“...”
“มึงจะ...”
“...”
“มึงจะให้ทุนหลานกูด้วยความรักและเอ็นดูหลังจากที่มึงประทับใจที่มีกูเป็นเพื่อน!!!“
“ก็คิดอยู่ว่ามึงจะต้องพูดอะไรแปลกๆ แต่ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้” ผมมองหน้าของไอ้เก่งที่เลิ่กลั่กไปมา “... แต่เอาเป็นว่าไม่ใช่”
“ไม่ใช่ที่จะให้ทุนหลานกูด้วยความรักและเอ็นดูหลังจากที่มึงประทับใจที่มีกูเป็นเพื่อน?”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง”
“กี๊ด มึงตบมุก”
“...” บุญแค่ไหนไม่ตบมึงด้วย
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแต่ด่ามันทางสายตาแทน ไอ้เก่งปรบไม้ปรบมือยินดีกับตัวเองอยู่สองสามวิถึงค่อยหันกลับมาเข้าประเด็น
“แต่เดี๋ยว เรื่องใช้ห้องน้ำมึงนี่จริงจังขนาดจะเรียกมาด่าเลยหรอวะ ปล่อยหลานกูไปเถ้อ” จริงๆ ไอ้ประเด็นห้องน้ำนั่นแทบไม่อยู่ในสมองผมเลยด้วยซ้ำ แต่พอมันพูดขึ้นมาถึงค่อยนึกได้ว่ามันก็ดูเป็นข้ออ้างที่เป็นเหตุเป็นผลดีเหมือนกัน
“เพราะมึงสปอยล์หลานมึงแบบนี้ไง ถึงได้เกเร”
“ถึงร้ายก็หลานนะเกเรยังไงก็หลานนะ”
“...”
“โจอี้บอยร้องไห้แล้วนะไม้”
“...”
“สัด ใจร้าย แค่มุกก็ตบให้ไม่ได้ เออๆ เดี๋ยวเลิกเรียนกูจะลากมันมาให้ เลิกนั่งหน้าบูดได้แล้ว ช่วงนี้เห็นมีแต่คนซุบซิบกันว่ามึงดูอารมณ์ดี เสือกดีกับคนอื่นแต่ร้ายกับกูหรอ กูเพื่อนนะ!!! “
“กูอารมณ์ดีหรอ” ผมขมวดคิ้วให้กับข่าวใหม่ที่ไม่เคยได้ยิน
เก่งเป็นบุคคลที่ตรงข้ามกับผมมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย มันเป็นคนเข้าสังคมเก่งแทบจะมีเพื่อนอยู่ในทุกคณะ ต่างจากผมที่จะเฮฮาตามอารมณ์ เข้าสังคมได้บ้างแต่ก็ไม่ได้สนิทไปทั่ว ยิ่งพอเข้าวัยทำงานสังคมที่ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจยิ่งแคบจนแทบจะไม่มี ต่างจากไอ้เก่งที่ยังล้อกับแม่บ้านเล่นได้เหมือนเป็นญาติสนิท และด้วยความสนิทไปทั่วของมันนั่นแหละ มันจึงเป็นแหล่วข่าวที่ดีมากๆ สำหรับผม ใครนินทาอะไรเข้าหูผมหมดแม้จะไม่ได้อยากฟังก็ตาม
“เออสิ แม่บ้านห้องน้ำชั้นสามบอกว่ามึงผิวปากลงไปซื้อกาแฟ อารมณ์ดีเหมือนมีเมีย”
“หรือกาแฟแค่อร่อย”
“หรือมีเมีย”
“หรือแค่กูอารมณ์ดี”
“หรือมึงมีเมียยยยยย”
“...” ผมยกมือขึ้นนวดขมับ
ถ้ามันรู้อายุคนที่มันกล่าวหาว่าเป็นเมียผมเท่าหลานมัน
มันคงไม่ยืนทำหน้าจิ้กจอกเจ้าเล่ห์แบบนี้ใส่ผมแน่ๆ
“หูย มึงร้ายว่ะสัด มีสาวไม่บอกกู” ไอ้เก่งกระแทกตัวลงกับเก้าอี้ ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผม
“กูไม่ได้มีสาว”
“แหนะะะะ หรือมึงเก็บเด็กเลี้ยงไว้ ได้วัยมึงเลย เสี่ยเลี้ยงเด็กเนี่ย”
“...”
นิ่งไว้ก่อน เสือกถูก เดาเก่ง
แต่เสี่ยเลี้ยงเด็กอะไรวะ ไม่ได้เลี้ยง เขาเรียกให้ที่พักอาศัย เกิดอยากจะทวงความยุติธรรมให้เสี่ยทั่วโลกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“อ้าวเงียบว่ะสัด มึงซุกเด็กจริงหรอไอ้ไม้”
“...”
“ออ มอ กอ”
“...”
“หระ หระ หรือที่มึงเรียกหลานกูมาก็เพราะว่า!!!!”
“...”
“มึงจะให้ทุนหลานกูด้วยความรักและเอ็นดูหลังจากที่มึงประทับใจที่มีกูเป็นพะ-”
“หมดหน้าที่มึงแล้ว ออกไปแล้วอย่าลืมตามหลานมึงมาหลังเลิกเรียนด้วย” ผมถอนหายใจแล้วเอนตัวลงกับเก้าอี้ ไอ้เก่งส่งเสียงล้อผมอยู่สองสามประโยคก่อนจะยอมถอยทัพออกจากห้องไป
ป่านนี้ไอ้เด็กดื้อจะทำอะไรอยู่ในโรงเรียนนะ
นับจากวันที่เนมาอยู่ห้องนี่เพิ่งผ่านไปได้แค่สองวันและแน่นอนกว่าการเรียกตัวหลานไอ้เก่งมาเพราะผมจำเป็นที่จะต้องรู้ข้อมูลบางอย่าง
ข้อมูลที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะถามเนในตอนนี้
แต่มันก็สำคัญมากพอที่ผมควรจะรู้ก่อนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเนไปอีกหนึ่งเดือน
.
.
.
.
“คุณลุงงงงงง ผมขอโทษจริงๆ นะครับบบ คือไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้าไปใช้ห้องน้ำของลุงเลยครับ” ผมกระพริบตามองเด็กมัธยมปลายตรงหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มองอาของมัน
อืม...
ความกวนตีนมันถ่ายทอดทางพันธุกรรมรึเปล่าวะ
“ใครลุงของนาย”
“ครับ? ลุงของผม อ๋อ ลุงแท้หรอๆ หรอครับ”
“...”
“ลุงผมชื่อลุงกร แต่ลุงกรทำงานอยู่ชลบุรีกับป้าดามีลูกชื่อองุ่นมั้ง ไม่แน่ใจอ่ะ ผมไม่ค่อยสนิทกับลุงเท่าไหร่หรอก เจอกันครั้งสุดท้ายงานบวชแฟนน้ากิ่ง”
“...” มาเป็นผังครอบครัวตะกูลแบล็กในแฮร์รี่ พูดจาเหมือนผมเป็นคนในครอบครัวถึงจะเข้าใจเนื้อเรื่องไปกับมัน
ไม่รู้ตั้งใจกวนตีนไหม
แต่เอาเป็นว่าวันนี้ผมอยากจะเตะคนครั้งที่สองของวัน
ครั้งแรกคนที่เป็นอา ครั้งสองคนที่เป็นหลาน ปวดหัว
“แต่ถามถึงลุงกรทำไมอ่ะ”
“ฉันหมายถึงใครเป็นลุงของนาย เรียกฉันอายุเท่าอานาย”
“อ้าว ก็ไอ้เนบอก...”
“เกี่ยวอะไรกับเน” ผมขมวดคิ้วจ้องหน้าเด็กตรงหน้า
“ฮือออ อย่าจ้องผมงั้น กลัวแล้วคร้าบ อาไม้ก็อาไม้” เด็กตรงหน้ายกมือขึ้นพนมพรางส่งเสียงฮือ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเรียกสติก่อนจะกลับเข้าประเด็น
“เอาหละ วันนี้ฉันเรียกมาเตือนก็จริง แต่ก็มีคำถามด้วย”
“เอ๋?”
“สนิทกับเนมานานหรือยัง”
“ไอ้เน? อ๋อ ก็นานแล้วนะครับ ตั้งแต่ม.1 ก็หกปีแล้วนะ นานแหละ“
“เล่าอะไรเกี่ยวกับเนที่นายรู้ให้ฉันฟังหน่อย”
“ทำไมผมต้องเล่าเรื่องเพื่อนผมให้ลุงฟังด้วยอ่ะ”
“เอาเป็นฉันไล่ไอ้เก่งออกแทนเล่าเรื่องก็ได้นะ ง่ายกว่าเยอะ” ผมยกยิ้มเป็นมิตรแต่เด็กตรงหน้าถึงกับกรี๊ดในคอพร้อมกับหดขาขึ้นกอด
“ละ เล่าแล้วครับ คือ เอ่อ เริ่มไงอ่ะ มันเป็นผู้ชายที่น่ารักอ่ะ ในโรงเรียนมันนี่ฮอตมากเลย แต่ประเด็นคือโรงเรียนผมมันชายล้วนไง มันชอบโดนพวกรุ่นพี่ไม่ก็รุ่นเพื่อนแกล้ง เอ่อ แกล้งแบบไม่ใช่แกล้งแบบผู้ชายอ่ะ ผมพูดไม่ถูก แกล้งแบบบีบก้นพยายามจับนมเงี้ย ด้วยความที่มันไม่ใช่พวกโดนบีบแล้วหันไปต่อยอ่ะ มันโวยวายก็เลยยิ่งน่าแกล้ง พวกผมก็ช่วยกันได้ส่วนหนึ่งนะแต่มันก็ช่วยไม่ได้ตลอดอ่ะ”
“...”
เรื่องลวนลามที่เนเคยระบายออกมาสินะ
พอจะรู้มาบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดี
“แต่มันก็เป็นเด็กดีนะถ้าเทียบกับผม มันพยายามทำตัวไม่ดีแต่เวลาทำก็กลัวว่ามันไม่ดี ผมพูดงงไหมอ่ะ”
“ไม่งง พูดต่อ” ข้อนี้ก็พอจะรู้อยู่แล้วแม้จะรู้จักในเวลาสั้นๆ
“อ้อ แล้วก็เนมันมีปัญหากับที่บ้าน”
“...” พอถึงตรงนี้ผมก็ขมวดคิ้วเบาๆ
“ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนะ มันก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องที่บ้านมัน แต่ก็รู้มาบ้างว่ามันมีปัญหากับพ่อ” ถึงตรงนี้ผมก็สะดุดนิดหนึ่ง
ถ้าจำไม่ผิด
เนไม่เคยพูดถึงพ่อออกมาเลย ขนาดตอนผมไปปลุกก็ยังนึกถึงแม่ขึ้นมาก่อน สิ่งที่หลานไอ้เก่งเล่าทำให้ผมพาลไปนึกถึงบทสนทนาระหว่างกับแนนเมื่อวันก่อน
[....นั่นสินะคะ]
“หืม?”
[เด็กผู้ชายเนี่ย ให้ผู้ชายสอนคงเข้าใจได้มากกว่าผู้หญิงจริงๆ แหละ]
... ไม่คิดเลยว่ามันจะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่ในคำพูดเบาๆ นั่น
“แล้วไงต่อ”
“แล้วก็... อ้อ ไอ้เนมันรักพี่สาวมันมากเลย โคตรเกรงโคตรกลัว จะขู่อะไรมันเอาพี่สาวมาขู่มันยอมหมดทุกอย่าง แต่อย่าว่างั้นงี้นะ เนมันรักพี่สาวมันมากแต่บางครั้งผมก็รู้สึกว่ามันเกลียดพี่สาวตัวเอง บอกไม่ถูกอ่ะ”
“...”
“แล้วก็-“
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ลุงงงงงงงงงงงงงง อย่าทำร้ายร่างกายเพื่อนเนนนนนนนนนนนน” ยังไม่ทันฟังหลานไอ้เก่งเล่าต่อ เสียงโวยวายก็ดังมาจากหน้าห้อง ก็ยังดีที่มีมารยาทเคาะห้องแต่ดันส่งเสียงโวยวายลั่นตึก ไอ้เด็กเวร
“... เน”
“ลุงงงงงงง เนเปิดเข้าไปได้ไหมอ่ะะะะะะะ” ผมกุมขมับ ตะโกนถามขนาดนี้ ไอ้เด็กบ้า
“ให้ผมเล่าต่อไหมอ่ะ หรือลุงจะถามมันเองเลย”
“แค่นี้พอแล้ว แล้วไม่ต้องบอกเนด้วยว่าฉันถาม”
“เคครับ”
“แล้วอีกอย่าง”
“...”
ผมตบโต๊ะตรงหน้าก่อนจะก้มหน้าลงจ้องตากับหลานไอ้เก่ง
“อย่าเรียกลุง”
สิ้นคำขู่ผมก็มีอีกเสียงดังแทรกขึ้น
“ลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
ไม่ทันขาดคำ...
ไอ้เด็กเวรนี่...
“เน...”
“ลุงทำไรไอ้กันอ่ะ แค่ห้องน้ำไม่เห็นต้องหวงเลย ทีลุงปวดขี้แวะเข้าห้องน้ำปั๊มเจ้าของปั๊มก็ไม่เรียกไปด่าป่ะ” เออ เอาเข้าไป แล้วหลานไอ้เก่งจากที่นั่งหน้าซีดกลัวผมตอนนี้มันวิ่งไปหลบหลังไอ้เนแล้ว
“ฉันไม่ได้ทำอะไร”
“เชื่อได้ป่ะเนี่ย”
“เน” ผมเรียกสั้นๆ ปากยื่นๆ นั่นก็หุบลง
“เชื่อแล้วเชื่อแล้ว อย่ามองดุดิ” มีขยับปากบ่นงุบงิบในลำคอต่อก่อนจะหันหลังไปหาเพื่อน “แล้วมึงอ่ะกัน รีบออกมาไม่บอกกูเลยนะ ปล่อยกูยืนรออยู่หน้าโรงเรียนตั้งนาน”
“โถไอ้เวร สภาพกูดูเหมือนคนเต็มใจมาเรอะ”
“แล้วคุยไรกันอ่ะ ไม่ไปเปิดประตูให้กูด้วย”
“ถามลุง...” มันชี้นิ้วมาที่ผมแต่พอเห็นมองก็รีบหุบนิ้วกลับไปก่อนจะอ้อมแอ้มแก้คำพูด “กูหมายถึงถามอาไม้ของมึง นู่น”
“ลุง” เนหันหน้ามาถามผมผ่านสายตา
“เห้อ ไม่มีอะไร ฉันแค่เตือนเรื่องโดดเรียนเฉยๆ ใช่ไหมกัน” หลานไอ้เก่งมองหน้าผมก่อนจะรีบพยักหน้ารัวๆ
“จริงหรอ ทำไมเนรู้สึกมันมากกว่านั้น”
“นี่เรียบร้อยแล้วใช่ไหม เดี๋ยวจะได้ไปหาอะไรกิน” ผมเปลี่ยนเรื่องและก็ทำสำเร็จ เพราะแค่พูดถึงเรื่องอาหาร เนก็ย้ายระบบความคิดไปเป็นเรื่องเมนูอาหารแทนทันที ผมสบตากับกันเพียงไม่กี่วิ เจ้าตัวก็เป็นงานรีบไหว้ผมก่อนจะขอตัววิ่งออกไปทันที ส่วนเนที่ตอนแรกสงสัยนักหนาก็แค่หันไปบ้ายบายเพื่อนแล้วกลับมาเสนอเมนูกับผมต่อ
“เอ็มเคไหมอ่ะเอ็มเค อยากกินเป็ด”
“วันนี้มีการบ้านไหม”
“มีคณิตกับเคมี แต่หรือกินชาบูชิดีลุงว่า อยากกินอะไรต้มๆ อ่ะ”
“สอบสปีคกิ้งอังกฤษเป็นไง”
“อาจารย์บอกเวรี่กู้ด เนตกลงเอ็มเค เอ็มเคแล้วกันจบๆ “ คิดเอง ตกลงเอง จบเอง โคตรจะเน
ส่วนผมก็โคตรจะลุงแก่ๆ ที่เสือกยิ้มให้กับท่าทางเด๋อๆ ของเด็กตรงหน้า
... เหนื่อยใจกับตัวเองพอๆ กับเหนื่อยใจกับเนเลย ให้ตายเถอะ
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเก็บเอกสารและของที่จำเป็นเข้ากระเป๋า ส่วนเนที่นั่งแกว่งขาเล่นโทรศัพท์รอก็ดูจะพร้อมอยู่แล้ว จากที่ทำงานผมไปห้างชื่อดังแม้จะไม่ได้ไกลกันมากแต่ด้วยความเป็นเวลาเลิกงานก็ทำให้ต้องใช้เวลาบนถนนอยู่เกือบชั่วโมงบวกกับวนหาที่จอดรถอีก หน้าของเด็กแสบถึงยู่ยี่คิ้วแทบติดกัน
“กรุงเทพชีวิตดีๆ ที่ลงตัวมาก ลงตัวสุดๆ หิวจะตาย” เนบ่นพร้อมกับเดินนำผมเข้าห้าง
“เสื้อหลุดจากกางเกงหมดแล้ว”
“เลิกเรียนแล้วไม่เป็นไรหรอกกก”
“ใส่ดีๆ ” ยู่หน้าเป็นคำตอบแต่ก็ยอมยกมือจกชายเสื้อนักเรียนที่หลุดลุ่ยของตัวเองเข้ากางเกง ถึงจะสั่งให้อีกคนเก็บเสื้อดีๆ แต่ผมดันเป็นฝ่ายยกมือขึ้นปลดกระดุมเม็ดบนพร้อมกับพับแขนเสื้อเชิร์ตขึ้น
“เอ็มเคนะลุง”
“อืม เดินนำไปเลย”
เนฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเดินนำทางไปที่ร้าน พอไปถึงก็ยกมือขึ้นชูสองนิ้วว่ามาสองคน พนักงานสาวยิ้มต้อนรับก่อนจะพาเดินนำไปที่โต๊ะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติจนกระทั่งเมื่อผมสอดตัวลงนั่งแล้วเงยหน้ามองเนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
แขนเล็กนั่นค้นของในกระเป๋าก่อนจะเอาของในมือออกมากางพร้อมกับยกขึ้นสวม
เน...
ใส่หมวกคลุมอาบน้ำ....
“เน...”
“หือ?”
“ใส่หมวกทำไม” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไอ้เด็กบ้าตรงหน้าผมใส่หมวกคลุมอาบน้ำรูปเป็ดเหลืองกลางเอ็มเค
“ก็เนเพิ่งสระผมเมื่อวาน เดี๋ยวหัวเหม็น พี่แนนทำทุกครั้งที่ไปกินปิ้งย่างเลย” ตอบหน้าตาเฉยพร้อมกับเปิดเมนูอ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมหันไปสบตากับพนักงานสาวที่ส่งยิ้มเบาๆ ตอบกลับมาเหมือนไม่แปลกใจ
ทำไมไม่แปลกใจ เด็กสมัยนี้ทำแบบนี้กันเยอะหรอ มันแปลกมากนะสำหรับผม
หัวเหม็นก็สระสิ
โอเค ผู้หญิงยังเข้าใจเพราะผมยาว แต่เนเนี่ยผมทรงผู้ชายปกติไม่กี่นาทีก็แห้งแล้วยังต้องขี้เกียจสระอีกหรอวะ
คำถามมีเป็นสิบในหัวแต่เลือกไม่ถามแล้วพยายามเข้าใจกับสิ่งที่เด็กตรงหน้าทำ
... มันคงจะเป็นช่องว่างระหว่างวัยที่ผมเข้าไม่ถึง
เนเป็นเด็กกินเก่งมากตามภาษาเด็กผู้ชาย แต่หุ่นก็ยังดูเก้งก้างจนไม่รู้ว่าสารอาหารมันละลายไปอยู่ที่ไหน แล้วดูท่าทางจะชอบกินเป็ดจริงๆ เพราะพอพนักงานมาเสิร์พตากลมก็เบิกกว้างร้องหูหาทันที
“ลุงเชื่อป่ะ เนชอบกินหนังเป็ดมาก” เนพูดพร้อมกับเคี้ยวเป็ดเต็มปาก
“อืมเชื่อ” มีเหตุผลอะไรต้องไม่เชื่อ ลอกหนังเข้าปากตัวเองเกือบทุกชิ้น
“แต่ปกติไปกินกับที่บ้าน แม่ชอบแกะหนังให้พี่แนน ทั้งที่เนก็ชอบกินอ่ะ พอแย่งพี่แนนก็โวยวาย เนก็โดนดุ เซ็ง” ปากบ่นไปก็เคี้ยวตุ้ยๆ ไป ดวงตากลมฉายแววน้อยใจเล็กน้อยแต่สักพักก็กลับมาสดใสกับของที่มาเสิร์พต่อ
“ตอนที่สีน้ำเกิดฉันเนี่ยหมาหัวเน่าเลย อยากกินอะไรก็ต้องให้น้องก่อน” ผมยิ้มให้กับอดีต หมาหัวเน่าขนาดที่สีน้ำทำฟิกเกอร์จูเร็นเจอร์ของสะสมลูกรักของผมหักแม่ก็ยังเข้าข้างน้องว่าน้องยังเด็ก ตอนนั้นหนะโกรธมากนะครับ เสียใจมาก แต่พอโตมานึกย้อนไปก็ตลกดี
“เนก็เป็นน้อง ทำไมเนไม่เห็นได้อะไรบ้าง”
“ได้สิ ได้หมูนุ่ม” ผมคีบหมูนุ่มที่เพิ่งลวกเสร็จใส่จานเด็กตรงหน้า เนยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนจะคีบหมูเข้าปาก
“ลุงรักพี่สีน้ำไหมอ่ะ”
“รักสิ น้องสาวทั้งคนนะ เห็นงี้ฉันเป็นพี่ชายที่หวงน้องมากนะ”
“สมควรหวงอ่ะ พี่สีน้ำสวย”
ผมหัวเราะเบาๆ มักจะมีคนมาบอกเสมอว่าผมหวงน้องสาวเพราะสีน้ำเป็นคนสวย แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าสีน้ำจะสวยหรือไม่สวยผมก็หวงหมดนั่นแหละ ก็ช่วยแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ใครจะมายุ่งก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ
“ทำไมถามถึงครอบครัว คิดถึงบ้านขึ้นมาแล้วรึไง”
“เปล่านะ”
“อยู่เดือนนึงเดี๋ยวเธอก็คิดถึงเอง”
“ลุงออกมาอยู่คนเดียวก็คิดถึงครอบครัวหรอ” เนขมวดคิ้ว มือที่คีบเป็ดหยุดชะงัก ตากลมเงยขึ้นจากของกินมาจ้องหน้าผม
“คิดถึงสิ ถึงฉันจะดูอายุเยอะในสายตาเธอแต่ยังไงบ้านเป็นคอมฟอร์ตโซนสำหรับฉันอยู่ดี”
หลายคนเคยบอกผมว่าเรายิ่งอายุเยอะขึ้นเรายิ่งห่างกับครอบครัว ทั้งหมดนั่นใช้ไม่ได้สำหรับผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้ามีเวลาว่าง วันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่ติดงานผมก็ขับรถกลับไปอยู่ที่บ้านแทนคอนโดเสมอ
ในวันที่เหนื่อยมาทั้งวันคงไม่มีอะไรดีไปกว่ากลับบ้านไปกินข้าวฝีมือแม่ ฟังพ่อเล่าเรื่องธุรกิจแม้จะเล่าซ้ำมาหลายสิบครั้งและคอยเป็นผู้ฟังที่ดีให้น้องสาวมาระบายเรื่องผู้ชายที่ฟังแล้วก็ได้แต่ปวดใจ จากน้องสาวใสๆ ในวันนั้นสู่สาวน้อยที่เปลี่ยนแฟนเก่งเป็นว่าเล่น... แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหวงน้องอยู่ดี
“บ้านเป็นคอมฟอร์ตโซนสำหรับลุงหรอ”
“ใช่”
“บ้านก็เป็นคอมฟอร์ตโซนสำหรับเนนะ”
“...”
“แต่ถ้าหมายถึงครอบครัวอ่ะ ไม่ใช่”
“หมายความว่าไง” ผมขมวดคิ้วกับคำตอบของเด็กตรงหน้า
“ง่ะ ก็ห้องนอนเนอ่ะเป็นคอมฟอร์ตโซนของเน อยู่แล้วสบายใจมาก บางวันเนไม่อยากจะออกจากห้องนอนเลย”
“...”
“แต่ถ้าหมายถึงครอบครัวอ่ะ”
“...”
“พวกเขาไม่ได้รวมอยู่ในนั้น”
เนพูดปกติเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไรมากนัก ผมนิ่งไปเล็กน้อยกับคำตอบ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรกลับไป เพียงแค่คีบหนังเป็ดที่เหลืออยู่ใส่จานของเด็กตรงหน้า
เหมือนเด็กมีปัญหาตรงหน้า
จะมีปัญหาที่ใหญ่กว่าที่ผมคิด...
.. つづく
นิยายรายเดือนสุดๆ 55555555555555555555555
และนี่ก็คือก้อนน้องเนเวลาอยู่บนเตียงแล้วหยิบคอมลุงมาเล่นฮาร์เวสมูน
และนี่คือลุงตอนออกไปดื่มกับเพื่อนเก่ง
ไม่ค่อยลงรูปเห็นหน้านะคะ เพราะอยากให้ไปจินตนาการกันเอง กลัวลงแล้วไม่ตรงจินตนาการคนอ่านแล้วจะผิดหวังกัน
แต่หุ่นประมาณนี้แหละค่ะ เป็นก้อนดื้อๆ ก้อนชอบกินหนังเป็ดกับคุณลุงที่เริ่มลุงขึ้นเรื่อยๆ 555555555555555555555
เหมือนจะเป็นนิยายเรื่องแรกของเราที่มุกน้อยที่สุดแล้วค่ะ หวังว่าจะยังชอบกันนะคะ
ความคิดเห็น