รักหมดใจ...นายมีเขี้ยว (จบเรื่องแล้ว) - นิยาย รักหมดใจ...นายมีเขี้ยว (จบเรื่องแล้ว) : Dek-D.com - Writer
×

    รักหมดใจ...นายมีเขี้ยว (จบเรื่องแล้ว)

    คุณเคยแอบรักเพื่อนสนิทในกลุ่มบ้างไหม แล้วมันรู้สึกยังไงเหรอ ถ้าสารภาพรักออกไปแล้ว จะเสียเพื่อนไหม จะมองหน้ากันติดหรือเปล่า คำถามเหล่านี้คงเป็นคำถามโลกแตกที่เหล่าวัยรุ่นอย่างเราๆต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    1,914

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    15

    ผู้เข้าชมรวม


    1.91K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    54
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  22 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  2 ต.ค. 62 / 23:07 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

             

    คุณเคยแอบรักเพื่อนสนิทในกลุ่มบ้างไหม แล้วมันรู้สึกยังไงเหรอ ถ้าสารภาพรักออกไปแล้ว จะเสียเพื่อนไหม จะมองหน้ากันติดหรือเปล่า คำถามเหล่านี้คงเป็นคำถามโลกแตกที่เหล่าวัยรุ่นอย่างเราๆต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง 

                   นี่คือเรื่องราวความรักในรั้วโรงเรียนสหศึกษาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ดันคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทในกลุ่ม จากความสัมพันธ์ที่แสนธรรมดากลับเพิ่มขึ้นไม่รู้ตัว ถ้าจะบอกความรู้สึกที่มีออกไปก็กลัวเสียเพื่อน ดีไม่ดีโดนเพื่อนในห้องล้ออีก คงไม่ดีแน่ แต่การได้แอบรักใครก็คงเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง จริงไหม

                        เรื่องราวนี้เกิดขึ้นตอนผมอยู่ ม. 4 แม้ว่าผมจะยังผ่านโลกมาไม่นานเท่าไหร่ แต่ด้วยวัยที่เต็มไปด้วยความฝัน ชายหนุ่มอย่างผมที่อายุ 16 ปี กำลังจะได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่มันก็เป็นอะไรที่ท้าทายที่เราจะลองผิดลองถูกกับการใช้ชีวิตให้เต็มที่ในสิ่งที่เราชอบ และหากว่าผมจะลองมีความรักดูสักที มันก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...

    ตัวละคร


    1) ผมชื่อ Park


    ผมก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตจำแจ กิน นอน เล่นเกม เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ....

    .....เสพติดการนอนเป็นชีวิตจิตใจ.....

    ส่วนสูง 175 c.m. น้ำหนัก 62 K.g.

    เกิดวันที่ 3 พฤศจิกายน ราศีตุลย์

    งานอดิเรก วาดภาพ ฟังเพลง อ่านการ์ตูน

    การ์ตูนที่ชอบ คือ เซนต์เซย่า

    ผลไม้ที่ชอบ มะม่วง

    ผลไม้ที่ไม่ชอบ ทุเรียน

    สัตว์ที่กลัวสุดๆ แมงป่อง

     

    2) Yun


    ไอ้เขี้ยว คนอะไรมีเขี้ยวยังกับแวมไพร์ ตัวขาวๆ....และสูงชิบหาย....รูปหล่อ หน้าตาดี มีเขี้ยว แถมเล่นบาสเก่งอีกต่างหาก

    จะเพอร์เฟคอะไรขนาดนั้น.... อิจฉาชิบหาย  หล่อแล้วเสือกรวยอีก... มีเพื่อนหล่อก็ทำตัวไม่ถูกเลยเรา (เหอๆ)

    ยอมรับตรงๆเลยว่า ตอนแรกที่เจอหน้ามัน ไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่ เพราะดูทรงว่ามันออกจะขี้เก๊กไปหน่อย

    แต่พอได้รู้จักจริงๆ ทำไมมันเอ๋อกว่าที่คิดไว้ล่ะเนี่ย

    ส่วนสูง 183 c.m. น้ำหนัก 75 K.g.

    เกิดวันที่ 14 มิถุนายน ราศีพฤษภ

    งานอดิเรก สะสมการ์ดยูกิ

    การ์ตูนที่ชอบ คือ ยูกิ เกมส์กลคนอัจฉริยะ Hunter x Hunter

    ผลไม้ที่ชอบ เงาะ

    ผลไม้ที่ไม่ชอบ ขนุน

    สัตว์ที่กลัวสุดๆ ตุ๊กแก

     

    3) Kim

    เพื่อนสมัยม.ต้น เอาจริงๆก็ไม่ค่อยสนิทกับมันเท่าไหร่หรอก เพราะมันนิสัยออกทะเล้นๆ กวนๆ

    เคยคุยกันบ้างบางครั้ง การที่ได้เรียนม.ปลาย ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะสนิทกันมากขึ้นละมั้ง

    ส่วนสูง 170 c.m. น้ำหนัก 62 K.g.

    เกิดวันที่ 1 เมษายน ราศีมีน

    งานอดิเรก เล่นเกม Ragnarok

    การ์ตูนที่ชอบ คือ Hikaru เซียนโกะ

    ผลไม้ที่ชอบ ทุกอย่าง

    ผลไม้ที่ไม่ชอบ ไม่มี

    สัตว์ที่กลัวสุดๆ ผึ้ง

     

    4) Max

    เพื่อนสนิทไอ้ Kim มัน อยู่แก๊งเดียวกันตอนม.ต้น

    เล่นบาสเก่งพอตัว เก่งภาษาอังกฤษมาก เจ้าชู้สุดๆ เป็นเทพบุตรสายเปย์ตัวจริง

    ส่วนสูง 182 c.m. น้ำหนัก 65 K.g.

    เกิดวันที่ 11 มกราคม ราศีธนู

    งานอดิเรก ฟังเพลง อ่านการ์ตูน

    การ์ตูนที่ชอบ คือ Slam Dunk

    ผลไม้ที่ชอบ ทุเรียน

    ผลไม้ที่ไม่ชอบ ลิ้นจี่

    สัตว์ที่กลัวสุดๆ หนู

     

    5) Joong

    แก๊งเดียวกันกับ Kim และ Max

    สมัยม.ต้นตัวเล็กมาก แต่พอขึ้นม.ปลาย ส่วนสูงกลับขึ้นมาเกือบ 25 c.m.

    จนตอนนี้มันสูงแซงหน้าผมไปละ การเรียนก็งั้นๆ เออจะว่าไปมันนี่จอมลอกข้อสอบเลยแหละ

    หน้าตาถือว่าดีใช้ได้ สาวๆเยอะใช่เล่น เห็นว่ามันชอบสาวมีอายุมากกว่าด้วย

    ส่วนสูง 180 c.m. น้ำหนัก 65 K.g.

    เกิดวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ราศีมังกร

    งานอดิเรก นอน ให้ครบ 15 ชั่วโมง

    การ์ตูนที่ชอบ ไม่ดูการ์ตูน

    ผลไม้ที่ชอบ ทุกอย่าง

    ผลไม้ที่ไม่ชอบ ไม่มี

    สัตว์ที่กลัวสุดๆ งู


    สวัสดีคร้าบ ขอต้อนรับเข้าสู่โลกที่แสนธรรมดาของผู้ชายเซอๆ

    ความฝันของผมในวัยเด็กก็คือการแต่งนิยายนี่แหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอ่านจะชอบนิยายของเราไหม

    แต่ถ้าไม่ลองแต่งก็คงไม่มีทางรู้ว่าเราควรปรับปรุงการใช้ภาษาตรงไหนบ้าง จริงไหม

     

    เรื่องที่แต่งนี้ได้แรงบันดาลใจจากประสบการณ์ตัวเองหน่อยๆ ใส่สีตีไข่บ้างให้จั๊กจี้หัวใจเล่น

     

    อาจจะแต่งเรื่องเข้าข้างตัวเองบ้างก็ขออภัยนะครับ (อิอิ)

    ความจริงสมัยเรียนมัธยมปลาย ผมแอบหลงรักเพื่อนคนหนึ่ง แต่ไม่มีโอกาสพูดออกไป เพราะกลัวความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิม

    เอาจริงๆที่แต่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะเข้ามาอ่านหรอก แค่ทำตามเสียงที่หัวใจเรียกร้องเท่านั้น

    แม้จะเป็นนิยาย ชาย x ชาย


    แต่ผมก็อยากให้ผู้อ่านลองเปิดใจและลองมองความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง

    ผมเชื่อว่าคงมีคนอยู่ไม่น้อยที่แอบหลงรักเพื่อนสนิทอยู่บ้างแหละน่า แม้รู้ว่ามันไม่มีทางสมหวัง

    แต่มันก็คุ้มที่ได้ลองรักใครสักคนจริงไหม?

    ส่วนภาพประกอบ ไม่ได้ว่าตัวเองหน้าเหมือนหรืออะไรหรอก แค่ชอบเป็นการส่วนตัว

    แต่คนที่ผมดันชอบ มันก็มีส่วนหน้าเหมือน Yunho เหมือนกันนะ (เอิ้กๆ)

    ขอให้สำราญกับนิยายนะครับ

    ติดชมได้ แต่อย่าแรงมาก (เพราะขี้นอย T_T)

     

    ขอบคุณที่ติดตามขอรับ

     

     

    คำเตือน


    อาจจะมีคำหยาบคายบ้าง หรืออาจจะมีฉาก 18+ (ไหม?) ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ


    รักหมดใจ...นายมีเขี้ยว

     

     

    บทนำ

     

              ทั้งๆที่วันหยุดปิดเทอมยังเหลืออีกตั้ง 10 วันแท้ๆ ทำไมผมต้องไปเข้าค่ายธรรมะอะไรบ้าๆนั้นด้วย เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นช่วงหน้าร้อน ปลายเดือนเมษายน ก่อนเปิดภาคเรียนในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่นั้น เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดซึ่งมีนโยบายว่า นักเรียนที่เข้าเรียนใหม่ในชั้นม.1 และ ม.4 จะต้องเข้าค่ายธรรมะทุกคน ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับผมแล้ว คงเป็นกิจกรรมที่โคตรน่าเบื่อเลย

              นักเรียนส่วนใหญ่ เป็นนักเรียนเก่าที่ยกชั้นขึ้นจากม.3 ผมเป็นก็เป็นหนึ่งในนั้น นักเรียนเก่าที่ประสงค์เรียนต่อโรงเรียนเดิม จะต้องมีผลการเรียนตามที่โรงเรียนได้กำหนดไว้ ระดับชั้นม.4 จะแบ่งเป็นสายให้เลือกเรียน ห้อง 1 – 4 จะเป็นห้อง สคว. (ส่งเสริมวิทย์คณิต) หรือห้องหัวกะทิสุดๆของโรงเรียน แหล่งรวมอัจฉริยะทั้งหลาย รองลงมาคือห้อง 5 – 12 แผนวิทย์คณิตธรรมดาทั่วไป ซึ่งความเก่งก็ลดหลั่นลงมาตามห้องแรกถึงห้องท้าย แผนศิลป์คำนวณ ห้อง 13 – 15 แผนศิลป์ภาษาอังกฤษ ห้อง 16 แผนศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ห้อง 17 และแผนศิลป์ทั่วไป ห้อง 18 – 19

              มันสมองระดับสามัญชนธรรมดาอย่างผม  คงไม่ถึงกับเรียน สคว.หรอกครับ แต่ก็ยังคงอยู่ในแผนวิทย์คณิตนะครับ และไม่ผิดที่จะพูดว่าเรียนเพราะพ่อแม่บังคับ หากพวกคุณอ่านแล้วคงคิดว่าผมเป็นพวกไม่มีจุดยืน ก็คงไม่ผิด เพราะผมมันเป็นพวกขี้เกรงใจ ตลอดทั้งเดือนเมษายน ครอบครัวเราถกเรื่องเรียนต่อ ทั้งๆที่ผมอย่างเรียนศิลป์ภาษาใจจะขาด แต่เพราะพ่อแม่ผมเป็นพวกโบราณหัวชนฝา กลัวลูกเรียนจบไปแล้วไม่มีงานทำ จึงบังคับให้ผมเรียนแผนวิทย์ให้ได้ และยิ่งไปกว่านั้น เกรดผมก็ไม่ได้ถือว่าห่วยจนเรียนแผนวิทย์ไม่ได้ มันก็เลยตามเลยจนมาถึงตอนนี้ และอาจจะเป็นโชคดีของผมก็ได้ ที่ยอมเรียนตามที่พ่อแม่บังคับ

              หลังจากประกาศผลสอบเลือกห้อง และเป็นที่แน่ชัดว่าผมได้อยู่ที่ห้อง ม.4/11 ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ได้อยู่ห้องอันดับต้นๆของสาย แต่ก็ไม่ใช่ห้องที่โหล่ของแผน ที่ผมดีใจไม่ใช่อะไร การที่เราต้องอยู่ในห้องที่ทุกคนตั้งใจเรียนหมด คงรู้สึกอึดอัดอยูไม่น้อย ข้อดีของการอยู่ห้องท้ายก็แบบนี้แหละ ไม่ต้องตั้งใจเรียนอะไรมาก ขอให้ไม่ติด 0 ร มส ก็พอ

              เมื่อหลีกเลี่ยงที่จะเข้าค่ายธรรมะไม่ได้ ที่ทำได้เพียงก็คือยอมรับและปฏิบัติสะ คนอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้จริงไหม เสียงเล่าลือของการไปเข้าค่ายธรรมะจากรุ่นพี่ คือการนุ่งขาว ห่มขาวและถือศีล 8 นั่นคือการกินข้าวแค่มื้อเดียว มันก็คงเป็นโอกาสดีสำหรับผมเหมือนกันนั่นแหละที่จะได้ลดน้ำหนักก็คราวนี้ (น้ำหนัก 68 นิดๆ มีพุงหน่อย เอาไขมันออกก็ดี)

              คืนก่อนวันเดินทาง สิ่งที่ต้องทำก็คือจัดของลงกระเป๋า ชุดขาวที่ซื้อมาใหม่ 2 ชุด ที่ไม่ต้องเตรียมไปเยอะ จากคำบอกเล่าของรุ่นพี่ว่าที่สถานปฏิบัติธรรมมีชุดให้เช่า จึงไม่จำเป็นที่ต้องแบกกระเป๋าหนักๆไปเท่าไหร่ ส่วนชุดรำลองก็คงไม่ต้องเตรียม เพราะตลอดการเข้าค่าย 6 วัน 5 คือ เราใส่เพียงแค่ชุดขาวปฏิบัติธรรมเท่านั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้คือกางเกงชั้นในชายสำหรับ 5 คืน, ผ้าเช็ดตัวสัก 2 ผืน, ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก 2 ผืน, และเครื่องใช้ส่วนตัวอีกหน่อยจำพวก ขัน ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาสระผม และโลชั่นทากันยุง เมื่อตรวจเช็คของเสร็จแล้วสิ่งที่ต้องทำถัดไปคือเข้านอนให้เร็วที่สุด เพราะไม่งั้นตื่นสายแน่

              เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ ตี 5 ครึ่ง ตอนนี้เริ่มส่งเสียงปลุกคนที่ตื่นยากเช่นผมแล้ว แม้จะไม่อยากลุกก็คงต้องฝืนและพยุงตัวเองให้ลุกจากเตียงให้ได้ ด้วยอากาศเย็นๆช่วงรุ่งเช้า มันก็เป็นการยากที่จะทำใจอาบน้ำอีกนั่นแหละ เพราะที่บ้านไม่มีน้ำอุ่น จึงต้องยืนทำใจสัก 5 นาที ก่อนจะรดน้ำในขันลงที่ตัว

              แม้จะเป็นลำบาก แต่ผมก็รอดจากการอาบน้ำเย็นมาได้ ตอนนี้เวลาประมาณ 6.30 น. ได้เวลาที่ผมจะต้องออกเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนแล้ว เพราะเวลาที่รถจะออกคือ 08.00 . แม้จะยังไม่สาย แต่คนที่หน้าหงิกก็คือแม่ของผมเองที่ตวาดเสียงดังลั่นบ้านให้ผมรีบออกจากบ้านสะที เห็นดุๆแบบนี้แต่ก็เป็นห่วงลูกชายอยู่ไม่น้อย เพราะแม่ของผมแพ็คนมถั่วเหลืองให้ผมประมาณ 12 กล่องได้ และบังคับผมให้เอาไปด้วย เผื่อหิวตอนกลางคืน

              ระยะห่างจากบ้านมาที่โรงเรียน ประมาณหนึ่งกิโลกว่าๆ เดินจากบ้านประมาณ 15 นาทีก็ถึง เมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียน รถโดยสารจอดเรียงรายประมาณ 10 คันได้ และนักเรียนส่วนหนึ่งก็พากันมารอที่จะขึ้นรถแล้ว คนส่วนหนึ่งคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะเป็นเพื่อนที่มาจากม.ต้นด้วยกัน มีหลายคนที่แม้จะเรียนม.ต้นห้องเดียวกันกับผมมาหลายปี แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกสนิทกันเท่าไหร่ มีแค่ทักทายกันบ้างตามประสา

              เมื่อจวนจะถึงเวลารถออก อาจารย์ประจำรถก็ขานเรียกแต่ละห้องให้ขึ้นรถ ผมซึ่งรู้สังขารตัวเองดีว่าเป็นพวกเมารถ ตำแหน่งที่พอจะนั่งได้คือข้างหลังรถนั่นเอง เพราะถ้านั่งๆไปและอ้วกต่อหน้าเพื่อนใหม่ คงไม่ดีแน่

              ทันทีที่ก้าวขึ้นรถ คนคุ้นหน้าคุ้นตาที่พอจำหน้าได้ก็มีไอ้ Kim ไอ้ Max แล้วก็ไอ้ Joong สามคนนี้คือเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันกับผมสมัย ม.ต้น เมื่อเลือกที่นั่งได้แล้ว ผมก็สังเกตเห็นใครบางคนที่ตัวสูงๆกำลังคุยกับไอ้ Kim อย่างสนิทสนม และก็อดสงสัยในใจไม่ได้ว่า... (ใครวะ?...สงสัยจะเป็นเด็กใหม่) แต่ที่แน่ๆผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับมันสักเท่าไหร่

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น