ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุทธ์

    ลำดับตอนที่ #8 : ในห้องโถง

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 47


            นิวาตลุกขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่ง เหมือนมีใครมาสะกิดเขาให้ตื่น สภาพในห้องยังคงปกติไม่มีอะไรผิดสังเกต แต่วันนี้แปลกตรงที่ไม่ได้ยินเสียงอาจารย์อุชุปลุก



            “แอ๊ดดดด” นิวาตผลักประตูออกไปเบา ๆ เขาค่อย ๆ ก้าวเท้าไปช้า ๆ ไปยังที่ห้องโถง เงียบ มันเงียบมากจนผิดสังเกต คนอื่นไปไหนหมด หรือยังไม่ตื่นกันแน่



            ห้องโถงที่ผ่านไปผ่านมาทุกวันนี้ มันช่างกว้างขวางมากเหลือเกิน เขาลองกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างพิถีพิถัน รู้สึกว่าจุดต่าง ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นนั้นมีอยู่หลายจุด ตรงปลายสุดของโถงมันดูลึกลับชวนให้สัมผัส และอีกอย่างมันมีอะไรบ้างอย่างเรียกเขาอยู่ด้วย นิวาตเดินไปที่จุดนั้นเรากับต้องมนต์สะกด ข้างฝามีรูปติดอยู่เจ็ดรูป ซึ่งเป็นรูปผู้ชายทั้งหมด เรียงไปตามลำดับความแก่ มีตัวหนังสือบอกว่า ทวดของทวด จนไปถึงคำว่าอาจารย์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นรูปของอาจารย์อุชุนั่นเอง คาดว่าทั้งหมดคงเป็นตระกูลของอาจารย์อุชุ ที่ปลายสุดของห้องมีวงกลมเวทมนตร์ขนาดใหญ่เขียนอยู่ ตรงกลางมันไม่มีสัญลักษณ์อะไรเลย นิวาตค่อย ๆ ยกเท้าหมายจะวางลงไปในวงกลมนี้ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ เขาก็ควบคุมตัวเองได้น้อยลง ในที่สุดสติสัมปชัญญะของเขาก็ดับวูบลง





            นิวาตรู้สึกตัวอีกครั้ง รอบข้างของเขามันมืด มืดเหลือเกิน



            “ที่นี่มันที่ไหน” นิวาตพึมพำ แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินไปอย่างไร้จุดหมาย



            “นี่หรือ ศิษย์คนปัจจุบัน” มีเสียงแว่วมา มันเหมือนเสียงชายแก่ นิวาตไปที่ต้นเสียงทันที



            “ไม่ต้องตกใจหรอก” มีเสียงดังมา เสียงออกจะหนุ่มขึ้นหน่อย



            “แป๊ก” เหมือนเสียงดีดนิ้ว ทันใดนั้นรอบ ๆ ห้องก็สว่างขึ้น เผยให้เห็นชายหกคนทั้งหนุ่มทั้งแก่ปน ๆ กัน หน้าตาเหมือนรูปที่เขาเห็นบนข้างฝา



            “เป็นไปไม่ได้” นิวาตขยี้ตาตัวเอง แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง



            “หึ หึ เจ้ามองไม่ผิดหรอก” ทวดของทวดพูดขึ้น “ที่นี่น่ะเป็นห้องมิติที่ข้าสร้างขึ้น และตามประเพณีทุกคนในตระกูลเราต้องคัดลอกจิตใจลงมาที่นี่ มันคล้าย ๆ กับหุ่นยนต์ของวิทยาศาสตร์ที่ป้อนข้อมูลลงไปในหุ่น แล้วหุ่นตัวนั้นก็คล้ายมีชีวิต แต่มันก็ไม่มีชีวิต หรือไม่ก็การโคลนนิ่ง แต่มันก็คนละชีวิตกับคนที่ถูกโคลนนิ่ง เพียงแต่นี่เป็นเวทมนตร์ และมันก็ไม่มีชีวิตเช่นกัน”



            “หุ่นยนต์ วิทยาศาสตร์ โคลนนิ่ง มันคืออะไรครับ” นิวาตขมวดคิ้ว สายตาบอกถึงความสงสัย



            “เด็กน้อย เจ้ายังอ่อนประสบการณ์อยู่มาก การเดินทางก็ยังน้อย สิ่งเหล่านั้นอยู่ในที่ที่เจ้ายังไม่เคยไป ข้าบอกได้ว่าซักวันเจ้าจะรู้จักมัน” ปู่ของทวดตอบ



            “แต่ตัวจริงของข้าตายไปนานแล้ว ข้าก็เป็นเพียงระบบตอบรับ ที่คั้นออกมาจากความทรงจำตอนที่ข้ามีชีวิต แต่ในที่สุดข้าก็ต้องหายไปเช่นกัน” ทวดของทวดอธิบายต่อ แล้วบรรยากาศรอบข้างก็เงียบอีกครั้งหนึ่ง



            “แล้วที่เรียกผมมามีจุดประสงค์อะไรหรือครับ” นิวาตสร้างเสียงกลบความเงียบ



            “พวกเรามีความจริงที่เจ้าต้องรับรู้” พ่อของอาจารย์อุชุเริ่ม



            “ช่วงเวลาที่แสนโหดร้าย มีแต่การฆ่าฟันกันไม่หยุดหย่อนจะเกิดขึ้นแล้ว พวกข้าเรียกเจ้ามาบอกเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้นเอง” พ่อของทวดเอ่ย



            “แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ”



            “เจ้าหรือ ทำแค่สิ่งที่เจ้าต้องการจะทำ”



            “แต่ผมไม่เข้าใจ”



            “อย่างนั้นหรือ เจ้าเข้าใจได้ตามปัญญาของเจ้า แต่นี่คือความจริง”



            สิ้นเสียง จิตใจของนิวาตเหมือนจะระเบิด มันเต็มไปด้วยคำถาม ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ ต่าง ๆ นานา แล้วปากของนิวาตก็ขยับ “ทำไมต้องเป็นผมที่จะต้องรู้เรื่องนี้”



            “เพราะเจ้าเหมาะสมที่สุด แต่ถึงเจ้าไปเล่าให้ใครฟัง ก็ไม่มีใครที่จะเข้าใจได้เท่าเจ้าแล้ว



            “นี่นะเข้าใจ” นิวาตคิด “เข้าใจมากที่สุดเลย”



            “ข้าคิดผิดมากที่สร้างสถานที่นี่ขึ้น” ทวดของทวดเสียงเริ่มเบาลง “ข้ารู้สึกว่า ข้าไม่สามารถฝืนธรรมชาติได้เลย ขนาดข้าที่เป็นข้อมูลก็ยังต้องหายไป ไม่มีอะไรที่จะทำให้‘ตัวตน’ ของข้าคงอยู่ได้ตลอดไปได้เลย”



            “ผมว่ามันต้องมีอะไรที่เหนือความตาย” นิวาตพูดลอย ๆ อย่างไม่ตั้งใจ



            “นั่นแหละที่ทำให้พวกข้าเลือกเจ้า” ทั้งหกยิ้มอย่างพอใจ



            “ข้ารู้ ข้ารู้” ทวดของทวดพูดดักคอนิวาต เสียงของเขายิ่งเบากว่าเดิม “เจ้าอยากถามอะไรอีกมาก แต่พลังงาน

    เวทมนตร์ก็มีวันหมดเช่นกัน มีสิ่งอะไรที่เป็นอมตะไหมนี่”



            “เอ่อ เดี๋ยวครับ” นิวาตพยายามจะถาม แต่รอบข้างก็มืดลงเหมือนเดิม พอสว่างอีกทีเขาก็โผล่มาที่ห้องโถง ยังเงียบเหมือนเดิม ยังไม่มีใครออกมาจากห้องเลย อยู่ดี ๆ เขาก็เกิดความคิดขึ้น แล้วเขาก็วาดมือเป็นวงกลม



            “จงบอกเวลาข้าด้วย” นิวาตทำแบบที่อาจารย์อุชุเคยทำ มีอักษรบอกเวลาว่า ‘ตีสาม’ มิน่าล่ะทำไมถึงยังไม่มีใครออกมาจากห้อง



            “ปึง” ประตูบานหนึ่งเปิดขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก อาจารย์อุชุนั่นเอง



            “สวัสดีตอนเช้ามืดอาจารย์อุชุ” นิวาตทักเสียงอ่อย



            “ตื่นเร็วจังนิวาต” อาจารย์อุชุขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นหรือ”



            นิวาตไม่ตอบ เพียงแต่ชี้ไปยังที่ที่เขาไปมา



            อาจารย์อุชุหน้าซีดเล็กน้อย “เขาบอกอะไรบ้าง”



            “พวกเขาบอกอะไรที่ผมไม่เข้าใจ”



             “อย่าพูดปัดน่า พวกเขาบอกว่าอะไร” อาจารย์อุชุตะคอกใส่นิวาต



            “ผะ ผะ พวกเขา บ่ะ บอกว่า ช่วงเวลาที่มีแต่จะมีแต่การฆ่าฟันกันจะเกิดขึ้นแล้ว และแนะนำผมว่าให้ทำสิ่งที่ต้องการจะทำ แถมบอกว่าผมเหมาะสมที่สุดที่จะรู้เรื่องนี้” นิวาตตอบเสียงสั่น เขาไม่เคยเห็นอาจารย์อุชุโกรธอะไรเท่านี้เลย



            “ไม่ต้องสนใจหรอก บรรพบุรุษของข้าก็ประหลาด ๆ อย่างนี้แหละ ปลุกเจ้าไปฟังเรื่องไร้สาระน่ะ ฮ่าๆๆ” อาจารย์อุชุเปลี่ยนท่าทาง อย่างที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อกี๊เขาโกรธได้เลย “เออ เอาล่ะ เดี๋ยวข้าไปตรวจคลังอาหารหน่อย”



            “คลังอาหาร? อาจารย์มีคาถาเสกอาหารไม่ใช่หรือครับ แล้วคลังอาหารมีไว้ทำอะไรล่ะครับ”



            “ในห้องของเจ้าน่ะมีสัญลักษณ์ไฟใช่ไหม คิดว่าไว้ใช้ทำอะไรล่ะ”



            “เอ่อ ใช่ครับ ผมคิดว่าน่าจะมีไว้สำหรับทำอาหารนะครับ”



            “ถูกต้องแล้วล่ะ เวทมนตร์ไม่ใช่ว่าสามารถทำอะไรทุกอย่างหรอกนะ วัตถุดิบมันก็ต้องมี ไม่งั้นข้าก็สอนให้พวกเจ้าเสกอาหารไปนานแล้ว เพียงข้ากลัวเดี๋ยวพวกเจ้ากินเปลืองจนอาหารในคลังข้าหมดน่ะ”



            “พอเข้าใจแล้วล่ะครับ”



            “ถ้างั้นข้าไปก่อนล่ะ เดี๋ยวเจ้านั่งสมาธิรอเวลาไปก่อนละกัน” แล้วอุชุก็เดินไปที่วงกลมเวทมนตร์ พึมพำอะไรเล็กน้อย แล้วก็หายไปตามระเบียบ



            นิวาตกลับมานั่งครุ่นคิดถึงเรื่องวันนี้อีกหน่อย อย่างน้อยคำทำนายก็ถูกข้อหนึ่งว่าไปเล่าให้ใครฟังเขาก็ไม่สนใจ หรือ

    ไม่บรรพบุรุษก็ไม่มีความน่าเชื่อถือจนอาจารย์อุชุไม่สนใจ



            “คิดไปก็เครียดเปล่า ๆ นั่งสมาธิให้สบาย ๆ ดีกว่า” คราวนี้เขานั่งบนโต๊ะแล้วหลับตาเบา ๆ แล้วเริ่มบริกรรมในจิต



            “เทพ เทพ เทพ คำทำนายหรือ เทพ เทพ ทำไมอาจารย์อุชุถึงโกรธขนาดนั้น เทพ เทพ เทพสิ อย่าคิดสิ เทพ เทพ เจ้าเหมาะสมที่สุด เทพพพพพพ” นิวาตต้องลืมตา จิตใจของเขาฟุ้งซ่านเกินกว่าที่จะทำสมาธิให้สงบได้ “ฮ้าวววว ง่วงจังสงสัยจะตื่นเช้าไปหน่อย”

            



            สำหรับใครที่ติดตามเรื่องของผมได้มาถึงตอนนี้ได้ ผมขอขอบคุณ ที่ติดตามด้วยครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×