ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เพื่อนใหม่
        หนึ่งอาทิตย์ค่อย ๆ ผ่านเข้ามา นิวาต กับวิจักษณ์ก็ฝึกฝนกันอย่างเมามัน ทั้งสองผ่านบทเรียนต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่นิวาตเข้ามา วิจักษณ์ก็ขยันขึ้นมากจนอาจารย์อุชุประหลาดใจ บทเรียนเริ่มยากไปตามลำดับ นิวาตเริ่มฝึกป้องกันแล้ว ส่วนวิจักษณ์ก็ปล่อยพลังได้ขนาดใหญ่ และมีพลังรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
        “วันนี้จะมีเพื่อนใหม่ตามที่ข้าเคยบอกไว้ วันนี้จะพิเศษหน่อย คือ ข้าจะให้พวกเจ้าไปตามหาเพื่อนใหม่คนนี้ ซึ่งเดินทางมาจากหมู่บ้านวิภาดา ส่วนวิธีหาก็เอานี่ไปละกัน” อาจารย์อุชุยื่นผลึกสีขาวให้ทั้งสอง “มันจะเปล่งแสงเมื่อเจ้าเข้าใกล้เพื่อนใหม่คนนี้ ส่วนข้าก็จะไปหาซื้อของก่อนละกัน”
        “ครับผม” ทั้งสองขานรับ แล้วพากันเดินไปที่วงกลมเวทมนตร์เพื่อไปในตัวเมือง
        “เพื่อนใหม่จะมาแล้ว”วิจักษณ์พูดอย่างอารมณ์ดี
        “เดินไปทางนี้นะ รู้สึกว่าผลึกจะสว่างขึ้น” นิวาตชี้ไปข้างหน้า
        “เออ จริงด้วยแฮะ นั่นมันประตูเมืองทางใต้นี่ ไม่แน่ใจนะ”
        “ถ้าฉันตาไม่ฝาด นั่นมันผู้หญิงนี่นา” นิวาตเริ่มดูจะงง ๆ แล้ว แสงจากผลึกสว่างขึ้นเรื่อยท่าทางจะใช่คนนี้ซะแล้ว เพราะแถวนี้ก็ไม่มีใครด้วย เธอเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณวิจักษณ์ กับนิวาตเห็นจะได้ หน้าตาก็สวยใช้ได้ทีเดียว
        “สวัสดีครับ” วิจักษณ์รีบเดินไปหา
        “เอ๊ะ ใครน่ะ ดูท่าทางจะไม่ดีแล้ว” เด็กหญิงคนนั้นเริ่มกลัวนิด ๆ ด้วยความตกใจเธอจึงคว้าไม้ที่อยู่ข้าง แล้วก็ทุบเต็มแรง
        “ปึก” ไม้ท่อนนั้นฝาดโดนหัววิจักษณ์ แน่นอน เขาสลบไปเลย
        “ว้าย ขอโทษค่ะ เวลาเจอผู้ชายทีไรชอบเผลอทุกที...รักษา” มีแสงสีขาวออกมาจากมือเธอ มันผ่านเข้าไปในตัววิจักษณ์ ทันใดนั้นวิจักษณ์ก็หายดีเหมือนเดิม
        “โอยขอบคุณนะครับ” วิจักษณ์ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา และทำตาหวานให้
        “สวัสดีครับ พวกผมมาดีนะครับ”นิวาตทักทายเล็กน้อย
        “เมื่อกี๊ฉันก็พอจับกระแสจิตได้ค่ะ ว่าไม่ได้ประสงค์ร้าย ขอโทษที่ฉันตีหัวเพื่อนคุณนะคะ”
        “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่เพื่อนผมเขาชอบเพื่อนหน่ะครับ พอเจอเพื่อนใหม่เขาก็เลยแสดงอาการ ขอโทษด้วยนะครับที่เพื่อนผมแสดงกิริยาอย่างนี้”
        “ผมชื่อวิจักษณ์ครับ” วิจักษณ์แนะนำตัวเองเป็นคนแรก ท่าทางกระตือรือร้นผิดปกติ
        “ เฮ้อ ผมชื่อนิวาตครับ”
        “ฉันก็ชื่อ วิลาสินีค่ะ”
        “เอ้อ แล้วแสงสีขาว ๆ ที่พุ่งมารักษาผมนั่นมันอะไรหรือครับ” วิจักษณ์เริ่มซัก
        “นั่นเป็นเวทมนตร์ประจำหมู่บ้านของฉัน.....” วิลาสินีดูจะซึมเล็กน้อยเมื่อพูดถึงหมู่บ้านของตัวเอง
        “เธอนี่เก่งจัง ขนาดผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องหมู่บ้านของตัวเองเท่าไหร่เลย” นิวาต เปลี่ยนเรื่อง
        “แต่ฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ” วิลาสินีดูจะอารมณ์ดีขึ้น
        ระหว่างทางเดินกลับไปที่พัก เริ่มมีการปรับความเข้าใจกัน และคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่นานนักทั้งสามเดินกลับมาที่พัก ก็พบว่าอาจารย์อุชุคอยอยู่แล้ว เธอพูดคุยกับอาจารย์อุชุนิดหน่อย ก็ทำให้พบว่า เธอมีพื้นฐานทางด้านเวทมนตร์มาแล้วพอสมควร ทำให้การเรียนของเธอคงไม่ห่างจากชายทั้งสองมากนัก วิลาสินี เธอมีเวทมนตร์ทางสายรักษา เธอเริ่มแสดงเวทมนตร์ให้ดู แถมเธอยังทำได้ดีเสียด้วย ขนาดวิจักษณ์ยังอ้าปากค้างให้กับความเก่งกาจของเธอ หลังจบการแสดงของเธอแล้ว นิวาต กับวิจักษณ์ก็พาเธอไปที่ห้องพัก ดูท่าทางเธอก็ยังจะอึ้งกับสภาพห้องใหม่เหมือนกับนิวาตตอนมาใหม่ ๆ นั่นแหละ
        “เชิญครับ” วิจักษณ์เริ่มทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ
        “ขอบใจมากค่ะ” คำชมนี้ทำให้วิจักษณ์ถึงกับลอย แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไป
        “”ท่าทางจะเป็นมาก” นิวาตแซว แต่ดูเหมือนวิจักษณ์จะไม่ได้ยิน “เฮ้ วิจักษณ์” นิวาตสะกิด แต่วิจักษณ์ก็ยังค้างอยู่อย่างนั้น
        “ตุบ” นิวาตลองเอามือทุบหัววิจักษณ์ ได้ผล วิจักษณ์รู้สึกตัวอีกครั้ง “นายบ้าหรือเปล่าเนี่ย”
        “คงงั้นมั้ง”
        การฝึกของวันต่อ ๆ มายังดำเนินไปเรื่อย ๆ สถานที่ฝึกยังไม่เปลี่ยนไปไหน อยู่ที่ทุ่งลับแลนี่แหละ วิจักษณ์ยังคงทำเป็นสุภาพบุรุษต่อวิลาสินีอยู่เช่นเคย และเขายังมีท่าทางสดชื่นผิดปกติอีกด้วย นิวาตก็เข้าใจเพื่อนของตนดี
        “เอ้าทุกคน มาทางนี้หน่อย” อาจารย์อุชุเริ่มการฝึกของวันใหม่ด้วยเสียงนรก “วันนี้พวกเรามาฝึกกันอีกขั้นหนึ่งกัน เพราะตอนนี้ข้าลองตรวจฝีมือเจ้าดูแล้วว่า พวกเจ้ามีฝีมือพร้อมที่จะต่อสู้ได้แล้ว โดยข้าจะเสกคู่ต่อสู้ให้ ข้าทำมันมาจากก้อนดิน และข้าจะบังคับมันให้โจมตีพวกเจ้า ระวังให้ดีล่ะ” สิ้นเสียงอาจารย์อุชุ เริ่มมีดินลอยมาจากดินรอบตัว แล้วมันก็รวมตัวกัน ซักพักหนึ่งมันก็กลายเป็นหุ่นยักษ์ขนาด 3 เมตร ลักษณะท่าทางเหมือนมนุษย์มาก
        “หึ หึ หึ” หุ่นตัวนั้นเริ่มออกเสียง เสียงมันดูจะคล้าย ๆ กับเสียงของอาจารย์อุชุ “นี่คือตัวแทนของข้าเอง มันเป็นแค่ก้อนดินที่ข้าบังคับ ฉะนั้นมันจึงไม่มีชีวิต ดังนั้นก็โจมตีเข้ามาได้อย่างไม่เกรงใจนะ”
        “ดีเหมือนกันกำลังเซ็ง” วิจักษณ์กำมือแน่น มีพลังสีแดงวนรอบมือ
        “เดี๋ยวก่อนค่ะ ต้องลองดูลักษณะของศัตรูก่อนค่ะ” วิลาสินีโอบมือไว้ที่หน้าอก “จงบอกสถานะแก่ข้าเถิด” มีแสงพวยพุ่งออกมาจากตัวเธอ มันวนรอบหุ่นยักษ์เล็กน้อย แล้วมันก็ค่อย ๆ หายไป
        “อะไรหรือครับ” วิจักษณ์ถาม
        “เป็นเวทมนตร์ดูสถานะศัตรูค่ะ มันเป็นหุ่นดินขนาดใหญ่ เคลื่อนไหวไม่เร็วมากนัก มีพละกำลังมากเป็นพิเศษ แบบว่าโดนทีหมอบประมาณนั้นค่ะ”วิลาสินีตอบ
        “บึ้ม” หุ่นยักษ์เริ่มจู่โจมแล้ว โดยเริ่มจากการต่อยพื้นอย่างรุนแรง มีดินกระเด็นรอบทิศทาง และมันก็พุ่งมาหาทั้งสามด้วย
        “เฟี้ยวววววว”
        “ช้าจัง”วิจักษณ์ทำท่าเท่ห์ พร้อมทั้งกระโดดหลบไปมาอย่างง่ายดาย
        “กำแพงอากาศ” นิวาตใช้เวทมนตร์ป้องกัน พอก้อนดินนั้นโดนกำแพงเข้า ก็ค่อย ๆ ลดความเร็วและหล่นลงพื้น
        “โปร่ง” วิลาสินีก็ใช้เวทมนตร์เช่นกัน ก้อนดินผ่านตัวเธอไปอย่างกับว่าเธอเป็นอากาศ
        “เยี่ยม” หุ่นตัวนั้นชม “ขอออกแรงหน่อยนะ” หุ่นหันหน้ามาทางวิจักษณ์หมายเล็งวิจักษณ์เป็นเป้าหมายอันดับแรก
        “เฮ้ยอะไรเนี่ย”
        “ควับ ฟั่บ วืด” วิจักษณ์หลบหมัดหุ่น แต่มันก็ยังคอยตื้อไม่เลิก
        “เฮ้ เพื่...”
        “พลั่ก พลั่ก” ไม่ทันขาดคำวิจักษณ์ก็โดนซัดไปเต็ม ๆ สองหมัด
        “แล้วทำยังไงดีล่ะทีนี้” นิวาตพึมพำ
        “อ้อ ท่าทางจะแย่สินะ ที่คนมีเวทมนตร์โจมตีไม่อยู่ ลองดัดแปลงพลังของตัวเองให้ใช้โจมตีดูสิ” หุ่นแนะนำเล็กน้อย แล้ววิ่งมาแบบช้า ๆ เหมือนจะมาเล่นด้วย
        “ไม่ได้การล่ะ เผ่นไปตั้งหลักก่อนดีกว่า” นิวาตตัดสินใจหันหลัง และวิ่งหนีสุดฝีเท้า
        “อ้าว หนีซะแล้ว ยิ่งขี้เกียจตามอยู่ เอ้อ เอาของฝากไปหน่อยละกัน” หุ่นเริ่มควักดินมา ขนาดครึ่งเมตร แล้วปาใส่นิวาต
        “ระวังค่ะ” วิลาสินีตะโกนบอก ตอนนี้เธอกำลังช่วยรักษาวิจักษณ์อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
        “กำแพงอากาศ” นิวาตหันกลับไปแล้วสร้างกำแพงอากาศทันที
        “ฟื้บบบ” ก้อนดินพุ่งผ่านกำแพงอากาศอย่างง่ายดาย
        “กำแพงอากาศสามชั้น” นิวาตพยายามอีกครั้ง
        “วันนี้จะมีเพื่อนใหม่ตามที่ข้าเคยบอกไว้ วันนี้จะพิเศษหน่อย คือ ข้าจะให้พวกเจ้าไปตามหาเพื่อนใหม่คนนี้ ซึ่งเดินทางมาจากหมู่บ้านวิภาดา ส่วนวิธีหาก็เอานี่ไปละกัน” อาจารย์อุชุยื่นผลึกสีขาวให้ทั้งสอง “มันจะเปล่งแสงเมื่อเจ้าเข้าใกล้เพื่อนใหม่คนนี้ ส่วนข้าก็จะไปหาซื้อของก่อนละกัน”
        “ครับผม” ทั้งสองขานรับ แล้วพากันเดินไปที่วงกลมเวทมนตร์เพื่อไปในตัวเมือง
        “เพื่อนใหม่จะมาแล้ว”วิจักษณ์พูดอย่างอารมณ์ดี
        “เดินไปทางนี้นะ รู้สึกว่าผลึกจะสว่างขึ้น” นิวาตชี้ไปข้างหน้า
        “เออ จริงด้วยแฮะ นั่นมันประตูเมืองทางใต้นี่ ไม่แน่ใจนะ”
        “ถ้าฉันตาไม่ฝาด นั่นมันผู้หญิงนี่นา” นิวาตเริ่มดูจะงง ๆ แล้ว แสงจากผลึกสว่างขึ้นเรื่อยท่าทางจะใช่คนนี้ซะแล้ว เพราะแถวนี้ก็ไม่มีใครด้วย เธอเป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณวิจักษณ์ กับนิวาตเห็นจะได้ หน้าตาก็สวยใช้ได้ทีเดียว
        “สวัสดีครับ” วิจักษณ์รีบเดินไปหา
        “เอ๊ะ ใครน่ะ ดูท่าทางจะไม่ดีแล้ว” เด็กหญิงคนนั้นเริ่มกลัวนิด ๆ ด้วยความตกใจเธอจึงคว้าไม้ที่อยู่ข้าง แล้วก็ทุบเต็มแรง
        “ปึก” ไม้ท่อนนั้นฝาดโดนหัววิจักษณ์ แน่นอน เขาสลบไปเลย
        “ว้าย ขอโทษค่ะ เวลาเจอผู้ชายทีไรชอบเผลอทุกที...รักษา” มีแสงสีขาวออกมาจากมือเธอ มันผ่านเข้าไปในตัววิจักษณ์ ทันใดนั้นวิจักษณ์ก็หายดีเหมือนเดิม
        “โอยขอบคุณนะครับ” วิจักษณ์ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา และทำตาหวานให้
        “สวัสดีครับ พวกผมมาดีนะครับ”นิวาตทักทายเล็กน้อย
        “เมื่อกี๊ฉันก็พอจับกระแสจิตได้ค่ะ ว่าไม่ได้ประสงค์ร้าย ขอโทษที่ฉันตีหัวเพื่อนคุณนะคะ”
        “ไม่เป็นอะไรหรอกครับ แต่เพื่อนผมเขาชอบเพื่อนหน่ะครับ พอเจอเพื่อนใหม่เขาก็เลยแสดงอาการ ขอโทษด้วยนะครับที่เพื่อนผมแสดงกิริยาอย่างนี้”
        “ผมชื่อวิจักษณ์ครับ” วิจักษณ์แนะนำตัวเองเป็นคนแรก ท่าทางกระตือรือร้นผิดปกติ
        “ เฮ้อ ผมชื่อนิวาตครับ”
        “ฉันก็ชื่อ วิลาสินีค่ะ”
        “เอ้อ แล้วแสงสีขาว ๆ ที่พุ่งมารักษาผมนั่นมันอะไรหรือครับ” วิจักษณ์เริ่มซัก
        “นั่นเป็นเวทมนตร์ประจำหมู่บ้านของฉัน.....” วิลาสินีดูจะซึมเล็กน้อยเมื่อพูดถึงหมู่บ้านของตัวเอง
        “เธอนี่เก่งจัง ขนาดผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องหมู่บ้านของตัวเองเท่าไหร่เลย” นิวาต เปลี่ยนเรื่อง
        “แต่ฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ” วิลาสินีดูจะอารมณ์ดีขึ้น
        ระหว่างทางเดินกลับไปที่พัก เริ่มมีการปรับความเข้าใจกัน และคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่นานนักทั้งสามเดินกลับมาที่พัก ก็พบว่าอาจารย์อุชุคอยอยู่แล้ว เธอพูดคุยกับอาจารย์อุชุนิดหน่อย ก็ทำให้พบว่า เธอมีพื้นฐานทางด้านเวทมนตร์มาแล้วพอสมควร ทำให้การเรียนของเธอคงไม่ห่างจากชายทั้งสองมากนัก วิลาสินี เธอมีเวทมนตร์ทางสายรักษา เธอเริ่มแสดงเวทมนตร์ให้ดู แถมเธอยังทำได้ดีเสียด้วย ขนาดวิจักษณ์ยังอ้าปากค้างให้กับความเก่งกาจของเธอ หลังจบการแสดงของเธอแล้ว นิวาต กับวิจักษณ์ก็พาเธอไปที่ห้องพัก ดูท่าทางเธอก็ยังจะอึ้งกับสภาพห้องใหม่เหมือนกับนิวาตตอนมาใหม่ ๆ นั่นแหละ
        “เชิญครับ” วิจักษณ์เริ่มทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ
        “ขอบใจมากค่ะ” คำชมนี้ทำให้วิจักษณ์ถึงกับลอย แล้วเธอก็เดินเข้าห้องไป
        “”ท่าทางจะเป็นมาก” นิวาตแซว แต่ดูเหมือนวิจักษณ์จะไม่ได้ยิน “เฮ้ วิจักษณ์” นิวาตสะกิด แต่วิจักษณ์ก็ยังค้างอยู่อย่างนั้น
        “ตุบ” นิวาตลองเอามือทุบหัววิจักษณ์ ได้ผล วิจักษณ์รู้สึกตัวอีกครั้ง “นายบ้าหรือเปล่าเนี่ย”
        “คงงั้นมั้ง”
        การฝึกของวันต่อ ๆ มายังดำเนินไปเรื่อย ๆ สถานที่ฝึกยังไม่เปลี่ยนไปไหน อยู่ที่ทุ่งลับแลนี่แหละ วิจักษณ์ยังคงทำเป็นสุภาพบุรุษต่อวิลาสินีอยู่เช่นเคย และเขายังมีท่าทางสดชื่นผิดปกติอีกด้วย นิวาตก็เข้าใจเพื่อนของตนดี
        “เอ้าทุกคน มาทางนี้หน่อย” อาจารย์อุชุเริ่มการฝึกของวันใหม่ด้วยเสียงนรก “วันนี้พวกเรามาฝึกกันอีกขั้นหนึ่งกัน เพราะตอนนี้ข้าลองตรวจฝีมือเจ้าดูแล้วว่า พวกเจ้ามีฝีมือพร้อมที่จะต่อสู้ได้แล้ว โดยข้าจะเสกคู่ต่อสู้ให้ ข้าทำมันมาจากก้อนดิน และข้าจะบังคับมันให้โจมตีพวกเจ้า ระวังให้ดีล่ะ” สิ้นเสียงอาจารย์อุชุ เริ่มมีดินลอยมาจากดินรอบตัว แล้วมันก็รวมตัวกัน ซักพักหนึ่งมันก็กลายเป็นหุ่นยักษ์ขนาด 3 เมตร ลักษณะท่าทางเหมือนมนุษย์มาก
        “หึ หึ หึ” หุ่นตัวนั้นเริ่มออกเสียง เสียงมันดูจะคล้าย ๆ กับเสียงของอาจารย์อุชุ “นี่คือตัวแทนของข้าเอง มันเป็นแค่ก้อนดินที่ข้าบังคับ ฉะนั้นมันจึงไม่มีชีวิต ดังนั้นก็โจมตีเข้ามาได้อย่างไม่เกรงใจนะ”
        “ดีเหมือนกันกำลังเซ็ง” วิจักษณ์กำมือแน่น มีพลังสีแดงวนรอบมือ
        “เดี๋ยวก่อนค่ะ ต้องลองดูลักษณะของศัตรูก่อนค่ะ” วิลาสินีโอบมือไว้ที่หน้าอก “จงบอกสถานะแก่ข้าเถิด” มีแสงพวยพุ่งออกมาจากตัวเธอ มันวนรอบหุ่นยักษ์เล็กน้อย แล้วมันก็ค่อย ๆ หายไป
        “อะไรหรือครับ” วิจักษณ์ถาม
        “เป็นเวทมนตร์ดูสถานะศัตรูค่ะ มันเป็นหุ่นดินขนาดใหญ่ เคลื่อนไหวไม่เร็วมากนัก มีพละกำลังมากเป็นพิเศษ แบบว่าโดนทีหมอบประมาณนั้นค่ะ”วิลาสินีตอบ
        “บึ้ม” หุ่นยักษ์เริ่มจู่โจมแล้ว โดยเริ่มจากการต่อยพื้นอย่างรุนแรง มีดินกระเด็นรอบทิศทาง และมันก็พุ่งมาหาทั้งสามด้วย
        “เฟี้ยวววววว”
        “ช้าจัง”วิจักษณ์ทำท่าเท่ห์ พร้อมทั้งกระโดดหลบไปมาอย่างง่ายดาย
        “กำแพงอากาศ” นิวาตใช้เวทมนตร์ป้องกัน พอก้อนดินนั้นโดนกำแพงเข้า ก็ค่อย ๆ ลดความเร็วและหล่นลงพื้น
        “โปร่ง” วิลาสินีก็ใช้เวทมนตร์เช่นกัน ก้อนดินผ่านตัวเธอไปอย่างกับว่าเธอเป็นอากาศ
        “เยี่ยม” หุ่นตัวนั้นชม “ขอออกแรงหน่อยนะ” หุ่นหันหน้ามาทางวิจักษณ์หมายเล็งวิจักษณ์เป็นเป้าหมายอันดับแรก
        “เฮ้ยอะไรเนี่ย”
        “ควับ ฟั่บ วืด” วิจักษณ์หลบหมัดหุ่น แต่มันก็ยังคอยตื้อไม่เลิก
        “เฮ้ เพื่...”
        “พลั่ก พลั่ก” ไม่ทันขาดคำวิจักษณ์ก็โดนซัดไปเต็ม ๆ สองหมัด
        “แล้วทำยังไงดีล่ะทีนี้” นิวาตพึมพำ
        “อ้อ ท่าทางจะแย่สินะ ที่คนมีเวทมนตร์โจมตีไม่อยู่ ลองดัดแปลงพลังของตัวเองให้ใช้โจมตีดูสิ” หุ่นแนะนำเล็กน้อย แล้ววิ่งมาแบบช้า ๆ เหมือนจะมาเล่นด้วย
        “ไม่ได้การล่ะ เผ่นไปตั้งหลักก่อนดีกว่า” นิวาตตัดสินใจหันหลัง และวิ่งหนีสุดฝีเท้า
        “อ้าว หนีซะแล้ว ยิ่งขี้เกียจตามอยู่ เอ้อ เอาของฝากไปหน่อยละกัน” หุ่นเริ่มควักดินมา ขนาดครึ่งเมตร แล้วปาใส่นิวาต
        “ระวังค่ะ” วิลาสินีตะโกนบอก ตอนนี้เธอกำลังช่วยรักษาวิจักษณ์อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
        “กำแพงอากาศ” นิวาตหันกลับไปแล้วสร้างกำแพงอากาศทันที
        “ฟื้บบบ” ก้อนดินพุ่งผ่านกำแพงอากาศอย่างง่ายดาย
        “กำแพงอากาศสามชั้น” นิวาตพยายามอีกครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น