ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เพิ่งเริ่มต้น
            นิวาตพยายามต้านแรงปะทะของก้อนดินเต็มที่
            “ย้ากกกกกก!!!!!” นิวาตผลักก้อนดินไปข้างหน้า แต่ก็ไม่สำเร็จ แรงของก้อนดินมีมากกว่าพลังของเขา ทำให้แรงปะทะนั้นกระแทกนิวาตลอยไปข้างหลัง
            “เฟี้ยววววววว”
            นิวาตลองมองไปข้างหลัง“เฮือก” เขากลืนน้ำลาย นี่เขาลอยอยู่เหนือพื้นมาสิบเมตรแล้ว ถ้าเขาตกลงไปหลังคงกระแทกพื้น และก็ต้องดับอย่างไม่ต้องสงสัย
            “อ้าว มาแล้วมาแล้ว” แต่ดูเหมือนใครอยู่ข้างล่าง
            “เตรียมตัวนะคะ กระโดดสูง” ดูเหมือนจะเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยดี ใช่แน่ วิจักษณ์กับวิลาสินี
            ขณะที่เขาใกล้จะถึงพื้นก็มีคนมาคว้าเขา และลงพื้นอย่างนิ่มนวล
            “เฮ้อ ขอบใจ วิจักษณ์” นิวาตโพล่งมาอย่างโล่งใจ
            “โธ่ แค่นี้ เล็ก ๆ น้อย ๆ น่า”
            “ฉันว่าพวกเราต้องรวมพลังกัน ถ้าฉันคิดไม่ผิดอาจารย์คงทดสอบเราอย่างนี้มั้งคะ”
            “ก็น่าจะจริงอย่างที่วิลาสินีบอกนะ ถ้างั้นเรามาประชุมกันก่อนเถอะ” แล้วทั้งสามก็ล้อมวงประชุมกันพักหนึ่ง
            “เอาตามนี้นะ” แล้วทั้งสามก็ออกแยกย้ายทำตามแผน
            “มาแล้วมาแล้ว” หุ่นตัวนั้นลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วโจมตีด้วยก้อนดินขนาดครึ่งเมตร
            วิจักษณ์กับนิวาตยังวิ่งประจันหน้าไปหาหุ่นตัวนั้น และไม่หลบก้อนดินที่กำลังพุ่งมาหาด้วย
            “กำแพงอากาศสามชั้น” นิวาตปล่อยดักไว้ข้างหน้า
            เมื่อก้อนดินชนกำแพงอากาศมันก็ลดความเร็วเล็กน้อย
            “ลูกพลัง” วิจักษณ์ปล่อยสมทบทันที ก้อนดินแตกกระจายเป็นผง “ฮ่า เล่นแบบนี้มันง่ายเกินไปแล้ว”
            “ไม่เลว” หุ่นชม แล้วก็ยืนนิ่งเตรียมตัวปะทะ
            “เริ่มเลยนะ”
            “อื้ม”
            “วืดดดด” หุ่นปล่อยหมัดใส่วิจักษณ์โดยไม่รอช้า
            “กำแพงอากาศสามชั้น” นิวาตปล่อยพลังบังหมัดหุ่นเอาไว้
            วิจักษณ์กระโดดเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อย แล้วก็ตามด้วย “ลูกพลัง” มันพุ่งไปหาขาของหุ่นอย่างรวดเร็ว
            “ตูม” หุ่นรีบเอามือมาบังขา แต่มันก็ยังสร้างความบาดเจ็บเล็กน้อยให้ คือ มีรอยหลุมเล็ก ๆ บนมือของหุ่น
            “เพิ่มพลัง” วิลาสินีคอยสนับสนุนเติมพลังให้ทั้งสองที่กำลังต่อสู้อยู่
            ของการต่อสู้ผ่านไปเรื่อย ๆ แต่หุ่นก็ยังดูเหมือนไม่เสียหายเท่า
ไหร่นัก
            วิจักษณ์ที่กำลังต่อสู้นั้น เขาเคลื่อนไหวมากที่สุดในกลุ่น ทำให้เขาดูท่าทางเหนื่อยที่สุดในกลุ่มด้วย ตอนนี้เหงื่อแทบจะท่วมตัวเขาแล้ว
            “ช่วยโจมตีด้วยสินิวาต” วิจักษณ์บอก เสียงดูอ่อนแรงลงไปมาก
            “รอเดี๋ยว”นิวาตตอบ “เรามีพลังป้องกัน พลังป้องกันที่ดีต้องแข็งแรง ใช่แล้ว ความแข็งแรงนี่แหละที่จะใช้โจมตีได้”
            “วิลาสินี ช่วยใช้คาถาโปร่งไห้วิจักษณ์ก่อนนะ” นิวาตสั่ง แล้วเขาก็ลองปรับพลังของเขาใหม่ เขาเริ่มสร้างกำแพงอากาศอันเล็ก ๆ แล้วหมุนวนมัน จนมันกลายเป็นวงกลม โดยมีช่องโหว่อยู่ตรงกลาง เขาลองผลักพลังนี้ไปที่หุ่นโดยไม่รอช้า
            “ลูกบอลอากาศ”
            “ตูมมม” มีหลุมบนตัวหุ่นแบบเดียวกับกับที่วิจักษณ์เคยโจมตีได้
            “เยี่ยมมากเพื่อน” วิจักษณ์ยกนิ้วให้ แล้วก็โจมตีต่อไป
            “เดี๋ยวลุยมั่งดีกว่า” หน้าตานิวาตดูจะชื่นบานมากขึ้น แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปบนตัวหุ่น เช่นเดียวกับวิจักษณ์
            หุ่นเริ่มสะบัดตัวเองเพื่อให้สองคนนั้นออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสองคนนั้นเกาะตัวหุ่นเหนียวหนึบยังกับตุ๊กแก แต่หุ่นก็ไม่โง่
            “เล่นงี้ใช่ไหม” หุ่นเริ่มอารมณ์เสีย แล้วมันก็ล้มตัวลงหมายจะบี้ทั้งสองให้ติดดินให้ได้
            “เหวออออออ”ทั้งสองร้อง
            “กระโดดสิกระโดด” นิวาตดูจะได้สติก่อน
            “ไม่ทันแล้ววววววว”
            “โปร่ง” วิลาสินีรีบช่วยก่อนที่นิวาต กับวิจักษณ์จะแบนติดพื้น
            “ขอบคุณมากครับ” วิจักษณ์หันไปหาพร้อมทำแววตาใส ให้ดูน่าสงสาร
            “ฮะๆ ยังกับลูกหมา” นิวาตแซว
            “วืบบบ” ฟาดฝ่ามือมาหา
            “นี่จะไม่ให้พักเลยใช่ไหมเนี่ย” แล้วทั้งสามก็รีบวิ่งออกไปข้าง ๆ
            “เออ ใช่” นิวาตเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง “วิจักษณ์ลองยิงลูกพลังไปหาหุ่นสิ”
            “มีอะไรเหรอ เออก็ได้ ลูกพลังงงงง”
            พอลูกพลังพุ่งออกไปนิวาตก็สร้างลูกบอลอากาศล้อมรอบลูกพลัง
            “ตูมมมมมมมมมมม” พลังรุนแรงขึ้นกว่าเดิม มันสร้างหลุมบนตัวหุ่นได้ขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสี่เท่า
            “เจ๋ง!” วิจักษณ์อุทาน
            “โอ้” หุ่นดูจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วมันก็โกรธมากขึ้นกว่าเดิมซะด้วยสิ มันจึงปล่อยหมัดมาอีกครั้ง
            “ไม่ยั่นล่ะ ลูกพลังๆๆ”
            “เช่นกัน ลูกบอลอากาศ” พลังพุ่งออกไปหาหมัดของหุ่นตัวนั้นสามชุด
            “ตูมมมมมมมมมมมมมมม” คราวนี้ถึงกับทำให้มือของมันแหว่งไปเลย
            “โอ๋” ดูมันจะแปลกใจยิ่งกว่าเดิม “ฮึ่มมมมมมมมมมมม” มันคำรามดังลั่น
            “ซวยแล้วไหมล่ะ มันโกรธแล้ว”นิวาตดูจะผวาเล็กน้อย
            “จะกลัวอะไร ก็เรามีพลังใหม่แล้วนี่” แล้ววิจักษณ์ก็ระดมยิงพลังไปพร้อมกับนิวาต
            “คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้หรือ” หุ่นตัวนั้นออกหมัดต่อยพลังด้วยมือที่เหลืออยู่
            “พลั่กกกกกก” หมัดโดนพลัง แต่กลับไม่ระเบิด แถมยังพุ่งกลับไปหาวิจักษณ์ นิวาต และวิลาสินีอีกด้วย
            “ตัวใครตัวมันล่ะทีนี้” แล้ววิจักษณ์ก็กระโดดหลบ เหลืออีกสองก็ใช้พลังตามที่ตนถนัด
            “ฟ้าววววว”
            “ถ้าจะไม่ดีแล้วเผ่นเถอะ” นิวาตแนะนำ เพราะเขาเห็นหุ่นกระโดดเหนือพื้นประมาณสิบเมตรได้
            “ถ้าตกลงมาแล้วแตกกระจายก็ดีสิ” วิจักษณ์พูดเล่น
            “ไม่ใช่เวลาจะมาทำเล่นนะคะ” วิลาสินีดูเครียดที่สุด
            “ฟ้าวววววว”
            “เฮือก ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
            “ถ้างั้น วิลาสินีช่วยใช้พลังกระโดดหน่อยครับ”
            “ได้เลยค่ะ กระโดด”
            “ฟ้าวววววว ฟึบ ฟึบ ฟึบ” มันเริ่มหมุนตัว และหล่นลงมากระแทกพื้น แถมแรงกระแทกนั้นทำให้มันลอยขึ้นไปหาทั้งสามเสียด้วย
            “เหวอออออ” วิจักษณ์ร้อง
            “ใช้โปร่งเร็วครับ” นิวาตรีบเรียก
            “ไม่ได้ค่ะ ระยะเวลาไม่พอ(ที่จะทำให้หุ่นผ่านตัว คือ มันจะหมดฤทธิ์ก่อนที่จะรอดว่างั้นเถอะ)”
            “อาจารรรรรรรรรย์” ทั้งสามร้องประสานเสียง
            “ซ่า.......” หุ่นตัวนั้นจู่ ๆ ก็กลายเป็นผง ทั้งสามค่อย ๆ หล่นลงมาด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
            “ฮ่า ๆๆๆๆ” อาจารย์อุชุหัวเราะมาตั้งแต่ไกล “เก่งมาก แต่นี่มันแค่เริ่มต้น พวกเจ้าต้องฝึกอีกเยอะ นี่ถ้าข้า
ไม่คลายพลังนะ ป่านนี้พวกเจ้าเละเป็นโจ๊กแล้ว”
            “ผมก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ทำอย่างนั้นแน่” วิจักษณ์แกล้งทำกลบเกลื่อนความกลัวที่เกิดเมื่อกี๊
            “จริงเรอะ เห็นเจ้าร้องลั่นที่สุดเลยนี่นา”อาจารย์อุชุไล่ต้อน ทำให้วิจักษณ์ถึงกับหน้าแดง
            “ง่วงจังเลยค่ะ” วิลาสินีเริ่มหาว
            “ผมก็รู้สึกอย่างงั้นเหมือนกัน”นิวาตกับวิจักษณ์พูดแทบพร้อม ๆกัน
            แล้วทั้งสามก็หลับไป
            “โธ่ เล่นกันจนพลังเวทมนตร์หมด อย่างนี้ก็ลำบากข้าอีกแล้วน่ะสิ” อาจารย์อุชุเซ็ง แล้วก็แบกทั้งสามไป
อย่างง่ายดาย       
           
            “ย้ากกกกกก!!!!!” นิวาตผลักก้อนดินไปข้างหน้า แต่ก็ไม่สำเร็จ แรงของก้อนดินมีมากกว่าพลังของเขา ทำให้แรงปะทะนั้นกระแทกนิวาตลอยไปข้างหลัง
            “เฟี้ยววววววว”
            นิวาตลองมองไปข้างหลัง“เฮือก” เขากลืนน้ำลาย นี่เขาลอยอยู่เหนือพื้นมาสิบเมตรแล้ว ถ้าเขาตกลงไปหลังคงกระแทกพื้น และก็ต้องดับอย่างไม่ต้องสงสัย
            “อ้าว มาแล้วมาแล้ว” แต่ดูเหมือนใครอยู่ข้างล่าง
            “เตรียมตัวนะคะ กระโดดสูง” ดูเหมือนจะเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยดี ใช่แน่ วิจักษณ์กับวิลาสินี
            ขณะที่เขาใกล้จะถึงพื้นก็มีคนมาคว้าเขา และลงพื้นอย่างนิ่มนวล
            “เฮ้อ ขอบใจ วิจักษณ์” นิวาตโพล่งมาอย่างโล่งใจ
            “โธ่ แค่นี้ เล็ก ๆ น้อย ๆ น่า”
            “ฉันว่าพวกเราต้องรวมพลังกัน ถ้าฉันคิดไม่ผิดอาจารย์คงทดสอบเราอย่างนี้มั้งคะ”
            “ก็น่าจะจริงอย่างที่วิลาสินีบอกนะ ถ้างั้นเรามาประชุมกันก่อนเถอะ” แล้วทั้งสามก็ล้อมวงประชุมกันพักหนึ่ง
            “เอาตามนี้นะ” แล้วทั้งสามก็ออกแยกย้ายทำตามแผน
            “มาแล้วมาแล้ว” หุ่นตัวนั้นลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วโจมตีด้วยก้อนดินขนาดครึ่งเมตร
            วิจักษณ์กับนิวาตยังวิ่งประจันหน้าไปหาหุ่นตัวนั้น และไม่หลบก้อนดินที่กำลังพุ่งมาหาด้วย
            “กำแพงอากาศสามชั้น” นิวาตปล่อยดักไว้ข้างหน้า
            เมื่อก้อนดินชนกำแพงอากาศมันก็ลดความเร็วเล็กน้อย
            “ลูกพลัง” วิจักษณ์ปล่อยสมทบทันที ก้อนดินแตกกระจายเป็นผง “ฮ่า เล่นแบบนี้มันง่ายเกินไปแล้ว”
            “ไม่เลว” หุ่นชม แล้วก็ยืนนิ่งเตรียมตัวปะทะ
            “เริ่มเลยนะ”
            “อื้ม”
            “วืดดดด” หุ่นปล่อยหมัดใส่วิจักษณ์โดยไม่รอช้า
            “กำแพงอากาศสามชั้น” นิวาตปล่อยพลังบังหมัดหุ่นเอาไว้
            วิจักษณ์กระโดดเอี้ยวตัวหลบเล็กน้อย แล้วก็ตามด้วย “ลูกพลัง” มันพุ่งไปหาขาของหุ่นอย่างรวดเร็ว
            “ตูม” หุ่นรีบเอามือมาบังขา แต่มันก็ยังสร้างความบาดเจ็บเล็กน้อยให้ คือ มีรอยหลุมเล็ก ๆ บนมือของหุ่น
            “เพิ่มพลัง” วิลาสินีคอยสนับสนุนเติมพลังให้ทั้งสองที่กำลังต่อสู้อยู่
            ของการต่อสู้ผ่านไปเรื่อย ๆ แต่หุ่นก็ยังดูเหมือนไม่เสียหายเท่า
ไหร่นัก
            วิจักษณ์ที่กำลังต่อสู้นั้น เขาเคลื่อนไหวมากที่สุดในกลุ่น ทำให้เขาดูท่าทางเหนื่อยที่สุดในกลุ่มด้วย ตอนนี้เหงื่อแทบจะท่วมตัวเขาแล้ว
            “ช่วยโจมตีด้วยสินิวาต” วิจักษณ์บอก เสียงดูอ่อนแรงลงไปมาก
            “รอเดี๋ยว”นิวาตตอบ “เรามีพลังป้องกัน พลังป้องกันที่ดีต้องแข็งแรง ใช่แล้ว ความแข็งแรงนี่แหละที่จะใช้โจมตีได้”
            “วิลาสินี ช่วยใช้คาถาโปร่งไห้วิจักษณ์ก่อนนะ” นิวาตสั่ง แล้วเขาก็ลองปรับพลังของเขาใหม่ เขาเริ่มสร้างกำแพงอากาศอันเล็ก ๆ แล้วหมุนวนมัน จนมันกลายเป็นวงกลม โดยมีช่องโหว่อยู่ตรงกลาง เขาลองผลักพลังนี้ไปที่หุ่นโดยไม่รอช้า
            “ลูกบอลอากาศ”
            “ตูมมม” มีหลุมบนตัวหุ่นแบบเดียวกับกับที่วิจักษณ์เคยโจมตีได้
            “เยี่ยมมากเพื่อน” วิจักษณ์ยกนิ้วให้ แล้วก็โจมตีต่อไป
            “เดี๋ยวลุยมั่งดีกว่า” หน้าตานิวาตดูจะชื่นบานมากขึ้น แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปบนตัวหุ่น เช่นเดียวกับวิจักษณ์
            หุ่นเริ่มสะบัดตัวเองเพื่อให้สองคนนั้นออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะสองคนนั้นเกาะตัวหุ่นเหนียวหนึบยังกับตุ๊กแก แต่หุ่นก็ไม่โง่
            “เล่นงี้ใช่ไหม” หุ่นเริ่มอารมณ์เสีย แล้วมันก็ล้มตัวลงหมายจะบี้ทั้งสองให้ติดดินให้ได้
            “เหวออออออ”ทั้งสองร้อง
            “กระโดดสิกระโดด” นิวาตดูจะได้สติก่อน
            “ไม่ทันแล้ววววววว”
            “โปร่ง” วิลาสินีรีบช่วยก่อนที่นิวาต กับวิจักษณ์จะแบนติดพื้น
            “ขอบคุณมากครับ” วิจักษณ์หันไปหาพร้อมทำแววตาใส ให้ดูน่าสงสาร
            “ฮะๆ ยังกับลูกหมา” นิวาตแซว
            “วืบบบ” ฟาดฝ่ามือมาหา
            “นี่จะไม่ให้พักเลยใช่ไหมเนี่ย” แล้วทั้งสามก็รีบวิ่งออกไปข้าง ๆ
            “เออ ใช่” นิวาตเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง “วิจักษณ์ลองยิงลูกพลังไปหาหุ่นสิ”
            “มีอะไรเหรอ เออก็ได้ ลูกพลังงงงง”
            พอลูกพลังพุ่งออกไปนิวาตก็สร้างลูกบอลอากาศล้อมรอบลูกพลัง
            “ตูมมมมมมมมมมม” พลังรุนแรงขึ้นกว่าเดิม มันสร้างหลุมบนตัวหุ่นได้ขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสี่เท่า
            “เจ๋ง!” วิจักษณ์อุทาน
            “โอ้” หุ่นดูจะงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วมันก็โกรธมากขึ้นกว่าเดิมซะด้วยสิ มันจึงปล่อยหมัดมาอีกครั้ง
            “ไม่ยั่นล่ะ ลูกพลังๆๆ”
            “เช่นกัน ลูกบอลอากาศ” พลังพุ่งออกไปหาหมัดของหุ่นตัวนั้นสามชุด
            “ตูมมมมมมมมมมมมมมม” คราวนี้ถึงกับทำให้มือของมันแหว่งไปเลย
            “โอ๋” ดูมันจะแปลกใจยิ่งกว่าเดิม “ฮึ่มมมมมมมมมมมม” มันคำรามดังลั่น
            “ซวยแล้วไหมล่ะ มันโกรธแล้ว”นิวาตดูจะผวาเล็กน้อย
            “จะกลัวอะไร ก็เรามีพลังใหม่แล้วนี่” แล้ววิจักษณ์ก็ระดมยิงพลังไปพร้อมกับนิวาต
            “คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้หรือ” หุ่นตัวนั้นออกหมัดต่อยพลังด้วยมือที่เหลืออยู่
            “พลั่กกกกกก” หมัดโดนพลัง แต่กลับไม่ระเบิด แถมยังพุ่งกลับไปหาวิจักษณ์ นิวาต และวิลาสินีอีกด้วย
            “ตัวใครตัวมันล่ะทีนี้” แล้ววิจักษณ์ก็กระโดดหลบ เหลืออีกสองก็ใช้พลังตามที่ตนถนัด
            “ฟ้าววววว”
            “ถ้าจะไม่ดีแล้วเผ่นเถอะ” นิวาตแนะนำ เพราะเขาเห็นหุ่นกระโดดเหนือพื้นประมาณสิบเมตรได้
            “ถ้าตกลงมาแล้วแตกกระจายก็ดีสิ” วิจักษณ์พูดเล่น
            “ไม่ใช่เวลาจะมาทำเล่นนะคะ” วิลาสินีดูเครียดที่สุด
            “ฟ้าวววววว”
            “เฮือก ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
            “ถ้างั้น วิลาสินีช่วยใช้พลังกระโดดหน่อยครับ”
            “ได้เลยค่ะ กระโดด”
            “ฟ้าวววววว ฟึบ ฟึบ ฟึบ” มันเริ่มหมุนตัว และหล่นลงมากระแทกพื้น แถมแรงกระแทกนั้นทำให้มันลอยขึ้นไปหาทั้งสามเสียด้วย
            “เหวอออออ” วิจักษณ์ร้อง
            “ใช้โปร่งเร็วครับ” นิวาตรีบเรียก
            “ไม่ได้ค่ะ ระยะเวลาไม่พอ(ที่จะทำให้หุ่นผ่านตัว คือ มันจะหมดฤทธิ์ก่อนที่จะรอดว่างั้นเถอะ)”
            “อาจารรรรรรรรรย์” ทั้งสามร้องประสานเสียง
            “ซ่า.......” หุ่นตัวนั้นจู่ ๆ ก็กลายเป็นผง ทั้งสามค่อย ๆ หล่นลงมาด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
            “ฮ่า ๆๆๆๆ” อาจารย์อุชุหัวเราะมาตั้งแต่ไกล “เก่งมาก แต่นี่มันแค่เริ่มต้น พวกเจ้าต้องฝึกอีกเยอะ นี่ถ้าข้า
ไม่คลายพลังนะ ป่านนี้พวกเจ้าเละเป็นโจ๊กแล้ว”
            “ผมก็รู้ว่าอาจารย์ไม่ทำอย่างนั้นแน่” วิจักษณ์แกล้งทำกลบเกลื่อนความกลัวที่เกิดเมื่อกี๊
            “จริงเรอะ เห็นเจ้าร้องลั่นที่สุดเลยนี่นา”อาจารย์อุชุไล่ต้อน ทำให้วิจักษณ์ถึงกับหน้าแดง
            “ง่วงจังเลยค่ะ” วิลาสินีเริ่มหาว
            “ผมก็รู้สึกอย่างงั้นเหมือนกัน”นิวาตกับวิจักษณ์พูดแทบพร้อม ๆกัน
            แล้วทั้งสามก็หลับไป
            “โธ่ เล่นกันจนพลังเวทมนตร์หมด อย่างนี้ก็ลำบากข้าอีกแล้วน่ะสิ” อาจารย์อุชุเซ็ง แล้วก็แบกทั้งสามไป
อย่างง่ายดาย       
           
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น