ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : หมู่บ้านปฏิญญา
                                                สวัสดีครับ สำหรับผู้ที่มาอ่านเรื่องของผมเป็นครั้งแรก ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณที่ได้เข้ามาเยี่ยมนะครับ ผมขอความกรุณาให้ลองอ่านของผมซักสองสามตอนดูก่อนนะครับ ส่วนใครที่ไม่อยากอ่านเลยก็ขอให้ช่วยวิจารณ์ หรือลงความคิดเห็นให้หน่อยก็ยังดีนะครับ  เริ่มอ่านตอนแรกของเรื่องนี้ได้ที่ข้างล่างเลยครับ
                                                นิวาตเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง เขาอยู่ในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่เด็ก จนบัดนี้อายุของเขาก็เวียนมาครบ 15 ปีพอดี เขาอยู่อย่างมีความสุข ทำให้เขาไม่คิดจะจากหมู่บ้านนี้ไปเลย
            “ลูกจ๊ะ อาหารเช้าเสร็จแล้วล่ะจ้ะ” แม่ของนิวาตเรียกอย่างใจดี เสียงลอดผ่านหน้าต่างไปจนถึงหูของนิวาต ที่กำลังมองดูแสงอาทิตย์ที่โผล่จากขอบฟ้า
            “ครับ เดี๋ยวผมไปครับ” นิวาตสูดอากาศเข้าเต็มปอดทีหนึ่ง ก่อนที่จะไปกินข้าวเช้าที่แม่เขาเตรียมไว้ให้ อาหารเช้าก็ไม่มีอะไรมาก เป็นข้าวผัดพื้นบ้านของหมู่บ้านนี้ เขาลงมือกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
            “เออ ลูกจ๊ะวันนี้วันเกิดลูกนี่นา” แม่ถามขณะล้างกระทะอยู่
            “ใช่ครับ คุณแม่ แต่งานวันเกิดผมก็ไม่สำคัญสู้งาน บูชาเทพปฏิญญา ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวผมกะจะไปช่วยพ่อเตรียมงานด้วยครับ”
            “อืมก็ดีจ้ะ ลูกนี่เห็นประโยชน์ส่วนรวม ดีจริง ๆ เลย” แล้วแม่ก็มองดูนิวาตเดินออกไปนอกบ้าน เธอเก็บจานของลูก ก่อนที่จะทำงานของเธอต่อไปอย่างมีความสุข
           
            นิวาตวิ่งไปตามถนนของหมู่บ้าน เขาวิ่งไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงกลางหมู่บ้าน ตอนนี้มีชาวบ้านอยู่มากมาย กำลังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ตอนนี้สิ่งที่ดูโดดเด่นมากที่สุด คือ แท่นบูชา มันเป็นเสาไม้เกะสลักลายสวยงามขนาดสูงใหญ่ มีอัญมณีสีเขียวอยู่บนยอดไม้ โดยมันถูกครอบโดยโดมแก้ว บ่งบอกว่ามันคือสิ่งสำคัญของหมู่บ้าน
            “คุณพ่อครับ” นิวาตตะโกนไปหาชายร่างใหญ่ผู้หนึ่ง
            “อ้าวลูก มาได้จังหวะพอดีเลย คือพ่อต้องการผู้ช่วยอยู่พอดี” พ่อชี้นิ้วไปทางกองไม้ฝั่งตรงข้าม “เอ่อ ช่วยพ่อขนที”
            ด้วยน้ำพักน้ำแรงของคนในหมู่บ้าน ทำให้ไม่นานนักการเตรียมงานก็เสร็จ พวกผู้หญิงได้นำอาหารมาตั้งบนโต๊ะที่เตรียมไว้แล้ว เพื่อไว้เลี้ยงชาวบ้านในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้
            “สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” ชายบนเวทีพูดเสียงดัง หรือจะเรียกว่าเป็นพิธีกรก็ได้(แขกผู้มีเกียรติ จริง ๆ แล้วก็คือคนทั้งหมู่บ้านนั่นแหละ) “ในช่วงเที่ยงนี้ขอให้ทุกคนได้รับประทานอาหารกันตามใจชอบนะครับ หลังจากนั้นเราจะเริ่มสวดบูชาเทพปฏิญญากัน อ้อ! สำหรับปีนี้ก็พิเศษหน่อยนะครับ เราจะเพิ่มบทสวดบูชาเทพ อีกหนึ่งบท เพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้กับเทพปฏิญญา และเพื่อขุมพลังเวทมนตร์ของหมู่บ้านเรา” พอสิ้นเสียงประกาศ ชาวบ้านทุกคนก็โห่ร้องอย่างรื่นเริง “ตอนนี้ก็เชิญรับประทานอาหารกันตามอัธยาศัยครับ”
            ชาวบ้านทุกคนต่างรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ที่จริงแล้วอาหารเหล่านี้เป็นอาหารฝีมือแม่บ้านของหมู่บ้านนี้เอง รวมทั้งแม่ของนิวาตด้วย ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า อาหารที่เตรียมมาเหล่านั้นก็หมดเกลี้ยง
            “บัดนี้ ทุกท่านคงได้รับประทานอาหารอิ่มกันทั่วหน้าแล้ว รวมถึงผมด้วย เอาละครับ ตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว เราจะมาร่วมกันสวดมนต์เพื่อบูชาเทพของพวกเรากัน เนื้อความในการสวดนะครับ ผมจะแจกให้ อันนี้ผมกับพวกของผมได้ช่วยกันเขียนจนมือเกือบหงิก(เห็นได้ว่าที่นี่ยังไม่มีเครื่องถ่ายเอกสาร หรือเครื่องพิมพ์) เอาพวกเราเอามาแจกได้แล้ว” พิธีกรเรียกลูกน้องที่อยู่หลังเวทีมาแจกบทสวด มีคนห้าคนถือกระดาษปึกใหญ่มาแจกทุกคนโดยบทสวดแต่ละชุดมียี่สิบแผ่น หรือสี่สิบหน้านั่นเอง(เยอะน่าดู) พวกเขาเอามาแจกจนครบทุกคน “คงได้รับกันทุกคนแล้วนะครับ ทุกคนกำมือท่าบูชาครับ ขอเชิญตัวแทนเทพมาเริ่มพิธีครับ” พิธีกรประกาศเชิญ ก่อนที่เขาจะลงจากเวที
            คราวนี้ก็มีชายชราขึ้นมาแทน เขาสวมชุดขาว ใส่หมวกขาว มีสัญลักษณ์ของอัญมณีประจำหมู่บ้าน ติดอยู่บนหน้าอก และบนหัวหมวก
            “ขอเชิญตัวแทนเทพนำสวดบูชาเทพปฏิญญาได้เลยครับ” พิธีกรที่อยู่ข้างล่างเวทีประกาศบอกตัวแทนเทพ
            “พวกเราขอบูชาเทพปฏิญญา”ตัวแทนเทพได้สวดเป็นต้นเสียง จริง ๆ แล้วบทสวดไม่ใช่ภาษาประหลาดอะไร มันเป็นภาษาเรียบง่าย ที่พวกชาวบ้านบรรจงคิด และเขียนออกมาเพื่อเป็นบทสวด เพื่อบูชาเทพที่เคารพของเขา เพื่อให้เทพของเขาพอใจมากที่สุด เพื่อพลังเวทมนตร์ของหมู่บ้าน เพื่อความอยู่รอดของหมู่บ้าน
            เสียงสวดดังไปทั่วหมู่บ้าน มันฟังดูไพเราะ น่าเลื่อมใสยิ่งนัก สิ่งที่น่าสังเกตคืออัญมณีบนแท่นบูชา ยิ่งสวดเท่าไหร่มันก็ยิ่งเปล่งแสงมากขึ้น มีเส้นแสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ลำแสงค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ขณะนี้บทสวดใกล้จะจบเต็มที่แล้ว ขนาดลำแสงตอนนี้เท่ากับแท่นบูชาแล้ว ท้องฟ้าด้านบนดูเป็นสีเขียว และเมื่อสวดจบอัญมณีก็เปล่งแสงสีเขียววาบไปทั่วหมู่บ้าน เหมือนเป็นการบ่งบอกของเทพว่าพอใจมาก
            “โอ้เทพปฏิญญา ”ตัวแทนเทพเริ่มพูดแต่...
            “หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” มีเสียงหนึ่งดังก้องมาจากท้ายหมู่บ้าน ชาวบ้านหันไปมองก็เห็นชายคนหนึ่งยืนบนหลังคาหนึ่งหลังบ้าน เขาใส่ชุดคลุมสีดำ ลักษณะของเขาดูน่ากลัวยิ่งนัก
            “เพิ่งทำพิธีเสร็จอย่างนี้พลังเต็มเปี่ยม ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” คราวนี้มีเสียงดังมากจากหน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านหันไปมองก็เห็นชายอีกคนแต่คนนี้ใส่ชุดคลุมสีแดง
            “เริ่มเลยดีไหม”ชายชุดดำพูด พร้อมแสยะยิ้ม
            “ทำลาย ทำลาย ทำลาย” ชายชุดแดงร้องเป็นเพลง
            “ขอต้อนรับสู่ชั่วโมงแห่งการทำลายล้าง”
                                                นิวาตเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง เขาอยู่ในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่เด็ก จนบัดนี้อายุของเขาก็เวียนมาครบ 15 ปีพอดี เขาอยู่อย่างมีความสุข ทำให้เขาไม่คิดจะจากหมู่บ้านนี้ไปเลย
            “ลูกจ๊ะ อาหารเช้าเสร็จแล้วล่ะจ้ะ” แม่ของนิวาตเรียกอย่างใจดี เสียงลอดผ่านหน้าต่างไปจนถึงหูของนิวาต ที่กำลังมองดูแสงอาทิตย์ที่โผล่จากขอบฟ้า
            “ครับ เดี๋ยวผมไปครับ” นิวาตสูดอากาศเข้าเต็มปอดทีหนึ่ง ก่อนที่จะไปกินข้าวเช้าที่แม่เขาเตรียมไว้ให้ อาหารเช้าก็ไม่มีอะไรมาก เป็นข้าวผัดพื้นบ้านของหมู่บ้านนี้ เขาลงมือกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
            “เออ ลูกจ๊ะวันนี้วันเกิดลูกนี่นา” แม่ถามขณะล้างกระทะอยู่
            “ใช่ครับ คุณแม่ แต่งานวันเกิดผมก็ไม่สำคัญสู้งาน บูชาเทพปฏิญญา ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวผมกะจะไปช่วยพ่อเตรียมงานด้วยครับ”
            “อืมก็ดีจ้ะ ลูกนี่เห็นประโยชน์ส่วนรวม ดีจริง ๆ เลย” แล้วแม่ก็มองดูนิวาตเดินออกไปนอกบ้าน เธอเก็บจานของลูก ก่อนที่จะทำงานของเธอต่อไปอย่างมีความสุข
           
            นิวาตวิ่งไปตามถนนของหมู่บ้าน เขาวิ่งไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงกลางหมู่บ้าน ตอนนี้มีชาวบ้านอยู่มากมาย กำลังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ตอนนี้สิ่งที่ดูโดดเด่นมากที่สุด คือ แท่นบูชา มันเป็นเสาไม้เกะสลักลายสวยงามขนาดสูงใหญ่ มีอัญมณีสีเขียวอยู่บนยอดไม้ โดยมันถูกครอบโดยโดมแก้ว บ่งบอกว่ามันคือสิ่งสำคัญของหมู่บ้าน
            “คุณพ่อครับ” นิวาตตะโกนไปหาชายร่างใหญ่ผู้หนึ่ง
            “อ้าวลูก มาได้จังหวะพอดีเลย คือพ่อต้องการผู้ช่วยอยู่พอดี” พ่อชี้นิ้วไปทางกองไม้ฝั่งตรงข้าม “เอ่อ ช่วยพ่อขนที”
            ด้วยน้ำพักน้ำแรงของคนในหมู่บ้าน ทำให้ไม่นานนักการเตรียมงานก็เสร็จ พวกผู้หญิงได้นำอาหารมาตั้งบนโต๊ะที่เตรียมไว้แล้ว เพื่อไว้เลี้ยงชาวบ้านในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้
            “สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” ชายบนเวทีพูดเสียงดัง หรือจะเรียกว่าเป็นพิธีกรก็ได้(แขกผู้มีเกียรติ จริง ๆ แล้วก็คือคนทั้งหมู่บ้านนั่นแหละ) “ในช่วงเที่ยงนี้ขอให้ทุกคนได้รับประทานอาหารกันตามใจชอบนะครับ หลังจากนั้นเราจะเริ่มสวดบูชาเทพปฏิญญากัน อ้อ! สำหรับปีนี้ก็พิเศษหน่อยนะครับ เราจะเพิ่มบทสวดบูชาเทพ อีกหนึ่งบท เพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้กับเทพปฏิญญา และเพื่อขุมพลังเวทมนตร์ของหมู่บ้านเรา” พอสิ้นเสียงประกาศ ชาวบ้านทุกคนก็โห่ร้องอย่างรื่นเริง “ตอนนี้ก็เชิญรับประทานอาหารกันตามอัธยาศัยครับ”
            ชาวบ้านทุกคนต่างรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ที่จริงแล้วอาหารเหล่านี้เป็นอาหารฝีมือแม่บ้านของหมู่บ้านนี้เอง รวมทั้งแม่ของนิวาตด้วย ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า อาหารที่เตรียมมาเหล่านั้นก็หมดเกลี้ยง
            “บัดนี้ ทุกท่านคงได้รับประทานอาหารอิ่มกันทั่วหน้าแล้ว รวมถึงผมด้วย เอาละครับ ตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว เราจะมาร่วมกันสวดมนต์เพื่อบูชาเทพของพวกเรากัน เนื้อความในการสวดนะครับ ผมจะแจกให้ อันนี้ผมกับพวกของผมได้ช่วยกันเขียนจนมือเกือบหงิก(เห็นได้ว่าที่นี่ยังไม่มีเครื่องถ่ายเอกสาร หรือเครื่องพิมพ์) เอาพวกเราเอามาแจกได้แล้ว” พิธีกรเรียกลูกน้องที่อยู่หลังเวทีมาแจกบทสวด มีคนห้าคนถือกระดาษปึกใหญ่มาแจกทุกคนโดยบทสวดแต่ละชุดมียี่สิบแผ่น หรือสี่สิบหน้านั่นเอง(เยอะน่าดู) พวกเขาเอามาแจกจนครบทุกคน “คงได้รับกันทุกคนแล้วนะครับ ทุกคนกำมือท่าบูชาครับ ขอเชิญตัวแทนเทพมาเริ่มพิธีครับ” พิธีกรประกาศเชิญ ก่อนที่เขาจะลงจากเวที
            คราวนี้ก็มีชายชราขึ้นมาแทน เขาสวมชุดขาว ใส่หมวกขาว มีสัญลักษณ์ของอัญมณีประจำหมู่บ้าน ติดอยู่บนหน้าอก และบนหัวหมวก
            “ขอเชิญตัวแทนเทพนำสวดบูชาเทพปฏิญญาได้เลยครับ” พิธีกรที่อยู่ข้างล่างเวทีประกาศบอกตัวแทนเทพ
            “พวกเราขอบูชาเทพปฏิญญา”ตัวแทนเทพได้สวดเป็นต้นเสียง จริง ๆ แล้วบทสวดไม่ใช่ภาษาประหลาดอะไร มันเป็นภาษาเรียบง่าย ที่พวกชาวบ้านบรรจงคิด และเขียนออกมาเพื่อเป็นบทสวด เพื่อบูชาเทพที่เคารพของเขา เพื่อให้เทพของเขาพอใจมากที่สุด เพื่อพลังเวทมนตร์ของหมู่บ้าน เพื่อความอยู่รอดของหมู่บ้าน
            เสียงสวดดังไปทั่วหมู่บ้าน มันฟังดูไพเราะ น่าเลื่อมใสยิ่งนัก สิ่งที่น่าสังเกตคืออัญมณีบนแท่นบูชา ยิ่งสวดเท่าไหร่มันก็ยิ่งเปล่งแสงมากขึ้น มีเส้นแสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ลำแสงค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ขณะนี้บทสวดใกล้จะจบเต็มที่แล้ว ขนาดลำแสงตอนนี้เท่ากับแท่นบูชาแล้ว ท้องฟ้าด้านบนดูเป็นสีเขียว และเมื่อสวดจบอัญมณีก็เปล่งแสงสีเขียววาบไปทั่วหมู่บ้าน เหมือนเป็นการบ่งบอกของเทพว่าพอใจมาก
            “โอ้เทพปฏิญญา ”ตัวแทนเทพเริ่มพูดแต่...
            “หึหึหึ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” มีเสียงหนึ่งดังก้องมาจากท้ายหมู่บ้าน ชาวบ้านหันไปมองก็เห็นชายคนหนึ่งยืนบนหลังคาหนึ่งหลังบ้าน เขาใส่ชุดคลุมสีดำ ลักษณะของเขาดูน่ากลัวยิ่งนัก
            “เพิ่งทำพิธีเสร็จอย่างนี้พลังเต็มเปี่ยม ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” คราวนี้มีเสียงดังมากจากหน้าหมู่บ้าน ชาวบ้านหันไปมองก็เห็นชายอีกคนแต่คนนี้ใส่ชุดคลุมสีแดง
            “เริ่มเลยดีไหม”ชายชุดดำพูด พร้อมแสยะยิ้ม
            “ทำลาย ทำลาย ทำลาย” ชายชุดแดงร้องเป็นเพลง
            “ขอต้อนรับสู่ชั่วโมงแห่งการทำลายล้าง”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น