คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : รักร้าย 5 [Rewrite]
รักร้าย 5
“ออกไปซะ ไอ้เด็กบ้า แกจะมายืนอยู่ทำไม” เด็กชายวัยสิบขวบที่เดินเข้ามาในห้องนอนของมารดาก็ต้องโดนตวาดใส่เสียงดัง เมื่อตนเองนั้นได้เข้าไปขัดขวางความสุขของมารดากับใครไม่รู้บนเตียง
“แม่ครับ คนนั้นเป็นใครครับ” เด็กน้อยไร้เดียงสาที่ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ได้แต่ชี้นิ้วไปที่ผู้ชายคนที่นอนบนตัวของมารดาที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งแล้วสูบบุหรี่ดับอารมณ์ขุ่นมัวจากการที่มีคนมาขัดอารมณ์
“เป็นใครแกจะมายุ่งทำไม แกนี่มันไม่น่าเกิดมาเลย ทำให้ฉันต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้ ฉันเบื่อทั้งแก เบื่อทั้งพ่อของแก” คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมารดาเดินเข้ามาฟาดฝ่ามือใส่ลูกชายที่เข้ามาขัดจังหวะ แล้วยิ่งเป็นไอ้ลูกที่ไม่รักที่เกิดมาเพราะความจำใจอีก
หล่อนเกลียดมัน เกลียดที่ต้องทนอยู่ที่นี่!!!!
“แม่ครับ ผมเจ็บ ฮึก… ปล่อยผมครับแม่..” เด็กชายที่โดนตีเสมอตั้งแต่เล็กจนโต เวลาที่พ่อไม่อยู่บ้านแม่ก็มักจะทำร้ายร่างกายของตนเองเพื่อระบายความโมโห สาวใช้ในบ้านก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคนเนื่องจากกลัวโดนไล่ออก
“คุณ ไม่เอาน่า อย่าไปตีมันเลย เรามาสนุกกันต่อดีกว่า” ผู้ชายที่อยู่ในห้องลุกขึ้นมาก่อนจะดึงตัวเธอออกจากเด็กตรงหน้า
ทั้งสงสารและสมเพชที่มันเกิดมาเป็นลูกผู้หญิงคนนี้จะตาย ถึงตนเองนั้นจะเป็นผู้ชายขายตัวแต่ก็ไม่อยากเห็นเด็กมันร้องไห้หรอก
“แกออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ออกไปรอพ่อโง่ๆของแก ออกไป!!!!” เด็กน้อยถูกไล่ออกมาจากห้องก่อนจะมานั่งร้องไห้กอดเข่ารอพ่อของตนอยู่หน้าบ้าน แต่เหมือนวันนี้มันจะเป็นวันของการแตกหัก เมื่อคุณชายของบ้านกลับบ้านมาเร็วกว่าทุกวันและพอลงจากรถก็เห็นลูกชายร้องไห้อยู่หน้าบ้านจึงเดินเข้าไปถาม แต่ลูกชายก็ไม่บอกอะไร ถามสาวใช้ก็ไม่ยอมบอก ตนเองจึงต้องเดินขึ้นห้องเพื่อที่จะไปถามภรรยาให้รู้ความ
“สารเลว นังผู้หญิงแพศยา!!!” เสียงทะเลาะกันดังขึ้นลั่นบ้านสักพักใหญ่ ก่อนที่แม่จะเดินออกมาพร้อมกับขนของออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้ชายที่อยู่ในห้อง
“แม่ครับ แม่จะไปไหน” เด็กชายที่วิ่งไปกอดขาแม่ของตนเองแน่นเมื่อรู้สึกว่าแม่นั้นจะทิ้งตนเองไป
“ปล่อยฉันนะไอ้ลูกนอกคอก แกคิดว่าฉันอยากอยู่ที่นี่งั้นเหรอ บ้านเฮงซวย! ถ้าฉันไม่เห็นแก่เงินแล้วต้องอยู่ดูลูกนอกไส้แบบแกฉันไปนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้ฉันไม่อยากอยู่แล้ว พอกันที!!!!” หล่อนสะบัดขาออกจากเด็กชายที่กอดขาแน่น แล้วเดินไปขึ้นรถของชู้รักแล้วจากไปโดยไม่เหลียวแล
“ฮึก ผมไม่ใช่ลูกของแม่เหรอครับ” เด็กชายที่วิ่งมากอดพ่อแล้วร้องถาม
“พ่อขอโทษลูก พ่อขอโทษที่เอาผู้หญิงแพศยาแบบนั้นมาเป็นแม่ของลูก พ่อขอโทษ” คนเป็นบิดาได้แต่พร่ำขอโทษลูกชายเบาๆ ในใจของตนนั่นเคียดแค้นผู้หญิงคนนั้นสิ้นดี ตนเองช่วยออกมาจากสลัมเพราะเห็นว่าน่าสงสาร ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะใช้มารยาหลอกให้หลงจนตนเองหน้ามืดยอมให้เป็นคุณหญิงของบ้าน ซึ่งลึกๆก็เพราะตนเองนั้นต้องการคนมาดูแลลูกชายวัยสิบเดือนที่ภรรยาของตนจากไปหลังคลอด แต่ตนกลับคิดผิดเลี้ยงดูงูเห่าให้มันมาแว้งกัดแบบนี้
“จำไว้นะลูก…อย่าไปหลงเชื่อคำพูดหวานหูของใคร สุดท้ายจะเป็นเราที่เจ็บเอง!!!”
เฮือก!!!!
ศตคุณสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันถึงเรื่องเดิมๆที่มันเป็นแผลใจมาหลายสิบปี ทั้งๆที่เคยคิดว่าจะมีคนรักเขาจริงนอกจากพ่อ
แต่ไม่เลย…… ศตคุณก็ยังโดนหักหลังอย่างเลือดเย็น ทั้งๆที่รักแทบตายแต่ยังทำสันดานต่ำๆลับหลัง….
เมื่อคิดถึงใบหน้า รอยยิ้ม ที่ดูไร้เดียงสาปรากฏภาพของคนที่ศตคุณนั้นแสนเกลียดขึ้นมาในห้วงความคิด เรื่องราวในวันนั้นมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีคำโกหกออกมา
ไปทำต่ำๆลับหลังเขาแล้วยังมาตีหน้าซื่อ แถมยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่หลักฐานเต็มตาเสียขนาดนั้น
คนทรยศ จะตายก็สมควรแล้ว!!!!!!!!!!!
แอ้!!!!!!!!
เสียงร้องดังไห้ของลูกชายดังขึ้นในยามดึกจนทำให้มินสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจก่อนจะรีบเดินไปดูลูกชายที่ยังส่งเสียงร้องอยู่ทันที
“น้องวิน หนูเป็นอะไรครับอย่าร้องนะลูก” มินอุ้มลูกขึ้นมาปลอบแต่ทำน้องวินก็ไม่ยอมหยุดร้องสักที เด็กน้อยร้องจนหน้าแดงตัวแดงจนคนเป็นแม่อย่างตนรู้สึกปวดใจ
แม่จะขาดใจแล้วน้องวิน…..
“อย่าร้องนะครับน้องวิน เดี๋ยวแม่จะพาไปหาหมอนะครับ” มินรีบหยิบกุญแจรถ แล้วหยิบกระเป๋าเงินเพื่อที่จะพาลูกชายไปหาหมอด้วยตัวเองเพราะวันนี้พี่บดินทร์ก็ไม่อยู่เพราะไปประชุมที่ต่างประเทศพร้อมคุณสมภพจึงไม่มีคนที่จะพาไปโรงพยาบาลได้ แม่บ้านก็ลากลับต่างจังหวัด ทำให้วันนี้มีตนเองอยู่กับลูกแค่สองคนเท่านั้น
“เดี๋ยวก็ถึงมือหมอแล้วนะครับ น้องวินทนอีกนิดนะลูก” มินบอกลูกน้อยก่อนจะวางน้องวินลงบนคาร์ซีทและรีบขึ้นรถเพื่อขับไปโรงพยาบาลใกล้บ้านให้เร็วที่สุด และถึงแม้จะไม่ได้ขับรถมานานแต่ตอนนี้มินก็ไม่มีเวลามากังวลอะไร เมื่อลูกร้องไม่หยุดตลอดทางแบบนี้ ซึ่งก็โชคดีมากที่การจราจรตอนกลางคืนไม่ค่อยมีรถทำให้สามารถขับถึงโรงพยาบาลได้เร็วกว่าปกติ และพอมาถึงโรงพยาบาลมินก็รีบอุ้มลูกเข้าไปแจ้งพยาบาลก่อนที่น้องวินจะถูกนำตัวเข้าไปตรวจอย่างรวดเร็ว
“หมอครับลูกของผมเป็นยังไงบ้างครับ” เมื่อหมอตรวจเสร็จ มินก็รีบเอ่ยถามหมอทันทีด้วยความกังวล
“เป็นไข้หวัดใหญ่ครับ คงต้องให้แอดมิดที่โรงพยาบาลสักสองคืนถึงจะดีขึ้น คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะครับ ไม่มีอะไรร้ายแรง”
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ” มินพูดเอ่ยขอบคุณหมอก่อนจะมีพยาบาลเดินเข้ามาแจ้งห้องพักของลูกชาย มินเองก็รีบเดินไปที่ห้องพักเพื่อดูลูกและก็ไม่ลืมโทรบอกพี่ชายไว้ด้วยเพราะเดี๋ยวกลับมาไม่เจอมินและหลานจะตกใจ
“น้องวินเจ็บมากไหมลูก แม่ขอโทษที่ดูแลหนูไม่ดีนะ” มินลูบศรีษะลูกชายเบาๆที่ตอนนี้หลับสนิทไปด้วยฤทธิ์ยาที่ถูกฉีดอย่างรู้สึกผิด เพราะตอนท้องพี่บดินทร์เคยบอกว่าตนเองนั้นเกือบแท้งไปสองรอบทำให้พอคลอดน้องวินออกมา ร่างกายของลูกชายเลยไม่ค่อยแข็งแรงแบบนี้
“หายไวๆนะครับคนเก่งของแม่ แม่รักน้องวินที่สุด” มินที่ก้มจูบหน้าผากลูกรัก ก่อนจะนั่งลงเฝ้าลูกชายข้างเตียงโดยไม่ยอมไปนอนบนโซฟาเพราะกลัวลูกจะตื่นขึ้นมาไม่เห็นตนเอง
“รินครับทำไมเราต้องแวะมาที่โรงพยาบาลก่อนล่ะ” ศตคุณเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะวันนี้คือวันที่ตนเองและดารินทร์ต้องไปลองชุดแต่งงานที่ใกล้เข้ามา ศตคุณจึงไปรับดารินทร์จากที่บ้านเพื่อจะได้ไปพร้อมๆกัน แต่น้องคนสนิทกลับขอแวะที่โรงพยาบาลก่อนที่จะไปลองชุดแต่งงาน
“เพื่อนของรินเองครับพี่คุณ เมื่อคืนลูกของเพื่อนรินไม่สบายแล้วไม่มีเวลากลับบ้านไปเอาเสื้อผ้า รินเลยเอาชุดรินมาให้เปลี่ยนก่อน” ดารินทร์เอ่ยตอบคำถามว่าที่เจ้าบ่าวด้วยรอยยิ้มบางๆเหมือนทุกครั้งเมื่อนึกถึงคนโทรมาหาเมื่อคืนอย่างบดินทร์ที่ถึงแม้จะโทรมาบอกเรื่องของคุณมินและน้องวินก็ตาม แต่ดารินทร์ก็ดีใจที่ตนเองเป็นคนที่อีกฝ่ายไว้ใจถึงขั้นฝากตนเองช่วยดูแลน้องชายและหลานชายแบบนี้ แต่วันนี้เพราะดารินทร์ไม่ว่างเลยทำได้แวะเอาเสื้อผ้ามาให้คุณมินเปลี่ยนก่อนและในช่วงเย็นถึงจะแวะมาหาอีกครั้ง
“พี่รอตรงประชาสัมพันธ์ได้ไหม” พอเดินเข้ามาในโรงพยาบาลศตคุณก็ขอตัวรอที่ด้านล่างแทนที่จะเดินขึ้นไปด้วย
“ครับ งั้นเดี๋ยวรินทร์มานะครับ” ดารินทร์บอกก่อนจะเดินไปกดลิฟต์เพื่อไปยังชั้นที่คุณมินและน้องวินพักอยู่
“คุณมินครับ รินทร์แวะเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยนครับ” ดารินทร์เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะชูถุงเสื้อผ้าให้ดู
“ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณดารินลำบาก”
“ไม่เป็นไรครับ รินก็เป็นห่วงน้องวินเหมือนกัน ดูสิหน้าแดงไปหมดเลย” ดารินทร์เดินเข้ามาดูน้องวินที่นอนหลับอยู่บนเตียงก่อนจะจับแก้มเด็กน้อยวัยสี่เดือนเบาๆอย่างเอ็นดู
“เมื่อคืนผมตกใจมากเลยครับที่อยู่ๆเจ้าตัวเล็กก็ร้องกลางดึก เลยหยิบแค่โทรศัพท์กับกระเป๋าเงินก่อนจะรีบมาที่โรงพยาบาล”
“เป็นผมก็คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวตอนเย็นรินทร์จะเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนนะครับ พอดีต้องไปทำธุระต่อ” ดารินทร์บอกก่อนที่มินจะเข้าไปกุมมืออีกคนอย่างเป็นกำลังใจให้
“คุณดารินทร์อย่าทำหน้าเศร้าสิครับ ทุกอย่างมันต้องมีทางแก้ไขนะครับ ยิ้มเข้าไว้” มินรับรู้ทุกเรื่องของคนตรงหน้าที่อีกฝ่ายโดนบังคับให้แต่งงานทั้งๆที่คุณดารินทร์และพี่บดินทร์รักกัน มินเลยได้แต่เป็นกำลังใจให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีและให้คุณดารินทร์มีชีวิตที่มีความสุขเป็นของตนเองได้ในสักวัน
“ขอบคุณมากนะครับ รินก็หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีเหมือนกัน” เพราะถ้าเลือกได้ดารินทร์ก็อยากจะแต่งงานกับคนที่ตนเองรู้สึกดีอย่างคุณบดินทร์อยู่แล้ว….
“ชุดนี้เป็นอย่างไรบ้างริน พี่ว่าเหมาะกับรินดีนะ” ศตคุณที่ดูแบบร่างของชุดแต่งงานที่ดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกร่างแบบไว้และตัดชุดไว้ทุกแบบตามที่ศตคุณสั่งไว้ให้ดู เมื่อตนเองดูเสร็จตนเองก็ยื่นตัวอย่างชุดให้ดารินทร์ดูอีกครั้ง
“รินทร์ยังไงก็ได้ครับ ตามใจพี่คุณเลย” ดารินทร์เอ่ยบอกก่อนจะนึกถึงว่าถ้าคนข้างๆเป็นบดินทร์มาช่วยเลือกชุดแต่งงานก็คงดีกว่านี้
“ได้ยังไง นี่ชุดของเรานะ พี่ว่าเราเข้าไปลองเลยดีกว่า” ศตคุณบอกก่อนจะสั่งให้ช่างมาพาดารินทร์ไปลองชุดทันที เพราะถึงแม้จะแต่งงานที่ไม่ใช่ความรักแบบคนรักแต่ตนเองก็เอ็นดูดารินทร์แบบน้องในครอบครับ จึงอยากจะให้ทุกอย่างในงานนั้นดูดีและเหมาะสมกับดารินทร์มากที่สุด
“ถ้าพี่คุณว่าแบบนั้น รินขอตัวไปลองชุดก่อนนะครับ” ดารินทร์ที่ไม่อาจจะขัดใจศตคุณได้อยู่แล้วจึงได้เดินตามช่างเข้าไปในห้องแต่งตัว และเมื่อเข้าไปได้สักพักใหญ่จึงสวมชุดออกมาให้ว่าที่เจ้าบ่าวดู
“เหมาะกับรินทร์จริงๆด้วย เราใส่แล้วดูดีมาก”
“งั้นรินให้ช่างแก้ให้พอดีตัวเลยนะครับ”
“ตามที่รินเห็นว่าสมควร เพราะพี่คิดว่ารินทร์ใส่อะไรก็คงดูดีไปหมด” ศตคุณแซวน้องชายยิ้มๆ แต่ก็ทำให้พนักงานยิ้มเขินแทนเพราะเหมือนเจ้าบ่าวอย่างศตคุณจะดูเหมือนว่าตามใจว่าที่ภรรยาเหลือเกิน
“งั้นเดี๋ยวรินไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”
“ครับ ถ้าเปลี่ยนเสร็จแล้วเราไปทานข้าวกันต่อเพราะพี่จะคุยเรื่องรายละเอียดงานแต่งของเราต่อด้วย”
“ครับพี่คุณ”
หลังจากที่มาทานอาหารเที่ยงอย่างที่ศตคุณได้บอกไว้ เมื่อทานเสร็จศตคุณก็เลยเริ่มคุยถึงเรื่องงานรายละเอียดงานแต่งทันที
“รินอยากได้อะไรในงานเพิ่มไหม พี่จะได้ให้ชาลีจัดการให้”
“รินไม่อยากได้อะไรเพิ่มหรอกครับ รินแล้วแต่พี่คุณเลย”
“รินรู้ใช่ไหม ถึงเราสองคนจะไม่ได้รักกันแบบคนรักแต่พี่ก็รักเราแบบน้องชายแท้ๆคนหนึ่งนะ ยังไงก็ไม่อยากให้มาดูถูกว่าที่เจ้าสาวของพี่ได้” ศตคุณก็ยังคงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังดั่งเช่นทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องงานแต่ง
“รินรู้ครับ รินก็รักและนับถือพี่มากเหมือนกันไม่อยากทำให้พี่คุณยุ่งยากไปมากกว่านี้ด้วย”
“อย่าคิดว่าพี่ยุ่งยากเพราะพี่เต็มใจ ถ้าอย่างนั้นรินอยากปรับเปลี่ยนอะไรในงานแต่งก็บอกพี่นะเดี๋ยวพี่จะให้ชาลีจัดการให้ แล้วช่วงบ่ายพี่มีประชุมต่อ รินจะให้พี่ไปส่งที่บ้านก่อนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ พี่คุณรีบกลับบริษัทเถอะครับ เดี๋ยวรินจะเดินซื้อของต่ออีกสักหน่อยแล้วจะไปหาเพื่อนที่โรงพยาบาลต่อ”
“งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆนะ พี่ไปก่อน” ศตคุณบอกก่อนจะลูบหัวของดารินทร์ด้วยความเอ็นดูแล้วลุกออกจากร้านเพื่อกลับบริษัท
ดารินทร์เองที่หลังจากแยกกับศตคุณแล้วก็มาเดินดูขนมเพื่อซื้อไปฝากคุณมิน เพราะรู้ว่าคุณมินชอบทานของหวานมาก อีกอย่างคุณมินอยู่โรงพยาบาลคงจะไม่ค่อยมีเวลาไปหาซื้อของอร่อยๆไว้ทานด้วย
ครืน~ ครืน~~
เสียงโทรศัพท์ของดารินทร์สั่นและหน้าจอปรากฏเป็นชื่อของคนที่ตอนนี้ไปต่างประเทศ
“ครับคุณบดินทร์”
“ทำอะไรอยู่ครับ”
“ผมกำลังซื้อขนมไปฝากคุณมินอยู่ครับ คุณบดินทร์ละครับทานข้าวหรือยัง”
“ทานแล้วครับ พอทานเสร็จเลยโทรมาหาดารินทร์เลย”
“ปากหวานจัง…” ดารินทร์อดที่จะรู้สึกเขินอายกับความปากหวานของอีกคนไม่ได้จนรู้สึกร้อนที่ใบหน้าหน่อยๆเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยจบประโยค
“ฮะๆๆ คุณเขินผมอยู่ใช่ไหมครับดารินทร์”
“เขินสิครับ คุณบดินทร์ก็อย่ามาแซวผมสิครับ”
“ฮ่าๆๆ ครับๆๆ ผมไม่แซวคุณแล้ว เย็นนี้ผมจะกลับแล้วไว้เราไปเที่ยวกันสองคนนะครับ”
“จะดีเหรอครับ น้องวินยังไม่หายป่วยเลย” ดารินทร์บอกอย่างเป็นกังวล ถึงแม้ตนเองจะอยากไปเที่ยวกับชายหนุ่มมากแค่ไหนก็ตาม แต่คงดูไม่ดีถ้าหากทิ้งน้องวินที่ยังป่วยให้คุณมินดูแลเพียงคนเดียว
“หลังจากน้องวินหายไงครับเราค่อยไปกัน”
“ก็ได้ครับ”
“ครับ งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะครับ ได้ยินเสียงคุณรู้สึกมีแรงขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”
“มั่วแล้วครับ ผมไม่ใช่ยาชูกำลังนะครับจะได้ยินเสียงแล้วหายเหนื่อย”
“คุณไม่ใช่ยาชูกำลังกายแต่เป็นยาชูกำลังใจของผมนะครับดารินทร์”
“คุณบดินทร์……”
“ฮะๆๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้วแล้วครับ ผมไปทำงานก่อนนะครับที่รัก” บดินทร์พูดจบก็วางสายไปทันที ทิ้งให้ดารินทร์ยืนหน้าแดงพร้อมความรู้สึกเขินอายกับคำพูดทิ้งท้ายของชายหนุ่มไว้อยู่คนเดียวแบบนี้
ที่รักอะไรกัน เราเพิ่งเป็นแฟนกันเอง…………..
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่หัวใจที่เต้นแรงของตนเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แค่คำพูดหวานของชายหนุ่มก็ทำให้ดารินทร์ไม่มีความเป็นตัวเองแล้ว!
“น้องวินครับ หม่ำๆนมหน่อยนะครับ” มินบอกลูกชายที่ตอนนี้ตนเองนั้นกำลังป้อนซุปปลาให้ลูกชายไม่ไม่ยอมกินสักคำเดียวอย่างอ่อนใจ
“น้องวินดูสิครับ น่าอร่อยออก ถ้าน้องวินไม่กินแม่จะกินเองนะครับ” มินที่ทำเป็นขู่ลูกชายที่พอป่วยแล้วงอแงเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะนมที่เป็นของโปรดก็ไม่อยากกินทั้งๆที่ปกติจะดูดจากขวดนมอย่างเอาแต่ใจ
เอี๊ยด…….
แต่แล้วมินก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อมีเสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างบางของดารินทร์ถือขนมและอาหารมาเต็มสองมือเดินเข้ามาในห้อง
“คุณมินครับ รินซื้อขนมกับอาหารมาฝากนะครับ”
“น้องวินดูสิครับ คุณน้าดารินทร์ซื้อของมาฝากน้องวินด้วย” ดารินทร์ที่ชูของเล่นสำหรับเด็กสี่เดือนขึ้นเพื่อขึ้นเรียกความสนใจจากน้องวิน
“แอ้ๆๆ บู่!!” ลูกชายที่เห็นคุณน้าคนโปรดก็ชูไม้ชูมือพร้อมกับพ่นน้ำลายออกมาอย่างตื่นเต้น
“น้องวินหม่ำๆนมก่อนนะครับ ถ้าเราหม่ำ แม่จะไม่ให้คุณน้าดารินทร์เล่นด้วยนะ” ทารกน้อยเหมือนจะเข้าใจที่ผู้เป็นแม่สื่อสารเพราะจู่ๆก็เลิกดื้อพร้อมทำปากมุบมับเหมือนต้องการจะดูดนม ทำให้มินต้องรีบเอาขวดนมป้อนลูกชายทันทีเพราะดูท่าแล้วซุปปลานั้นคงไม่ยอมกินง่ายๆอย่างแน่นอน
“ดีมากครับ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแม่จะให้น้าดารินทร์เล่นด้วย” ดารินทร์ยืนมองสองแม่ลูกอย่างขำๆ ก่อนจะเข้าไปมองดูหลานชายดูดนมใกล้ๆเตียงนอน
“น้องวินงอแงเหรอคุณมิน”
“ใช่แล้วครับ ยิ่งป่วยแกยิ่งไม่อยากกิน ปกติให้กินเท่าไรก็ไม่พอแต่พอป่วยแบบนี้กลับงอแงไม่กิน ดีนะครับที่คุณรินทร์มาน้องวินเลยยอมกินเพราะอยากเล่นกับคุณรินแสบแต่เด็กจริงๆเลย”
“ฮะๆ เด็กดื้อก็คือเด็กฉลาดนะครับ ดูสิครับแก้มยุบไปหมดเลย ขนาดป่วยไปแค่วันเดียว” ดารินทร์ที่เขี่ยแก้มหลานชายอย่างหยอกล้อหลังเจ้าตัวน้อยดูดนมจนอิ่มและถูกตบหลังเบาๆให้เรอออกมาก่อนจะถูกวางลงบนเตียงเหมือนเดิม
“เห็นน้องวินแล้วก็รู้สึกอยากมีลูกเองเลยนะครับ ไม่รู้ว่าถ้ามีจะน่ารักเหมือนน้องวินหรือเปล่า”
“คุณรินก็บอกพี่บดินทร์สิครับ พี่บดินทร์คงดีใจจนรีบพาคุณรินทำลูกเลย” มินพูดออกมาอย่างหยอกล้อและยิ่งเห็นคนหน้าหวานแก้มแดงก็ยิ่งเอ็นดู
“คุณมินล่ะก็ รินกับคุณบดินทร์ยังไม่มีอะไรกันสักหน่อย”
“งั้นก็รีบมีนะครับ น้องวินเองก็คงอยากมีน้องแล้ว เพราะถ้าโตกว่านี้อีกหน่อยน้องวินจะได้มีเพื่อนเล่น” พอดารินทร์ได้ยินแบบนั้นก็เดินหนีด้วยความเขินไปนั่งโซฟาแทน
ตนเองกับคุณบดินทร์ยังไม่เคยมีอะไรกันสักหน่อย น้องวินคงต้องรออีกนานเลยแหละเพราะปัญหาในชีวิตตอนนี้ของดารินทร์ก็แทบมองไม่เห็นอนาคตแล้ว…
ถึงอย่างนั้นก็ขอเพียงเวลาสั้นๆที่หลงลืมและวาดฝันชีวิตในอนาคตของตนเองสักนิดก็ยังดี แม้ความเป็นจริงจะไม่มีวันเกิดขึ้นก็ตาม……
..
ทางด้านบดินทร์เองหลังจากที่วางสายจากดารินทร์ ก็แสยะยิ้มในเรื่องที่จะเกิดขึ้นภายในอนาคตอย่างสุขใจ….
คนของตนที่สั่งให้คอยตามดารินทร์นั้นโทรมารายงานมาว่าวันนี้สองคนนั้นไปลองชุดแต่งงาน…
งานแต่งที่มันจะล่มในไม่ช้านี้… บดินทร์จะทำให้ศตคุณจะต้องอับอายและก็ต้องรับรู้ความรู้สึกของการสูญเสียซะบ้าง ว่าถ้าหากว่าที่เจ้าสาวมันหายไปและตกเป็นเมียของคนที่มันเกลียดจะเป็นยังไง แค่คิดก็สะใจพิลึกจนแทบจะรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆไม่ไหว
อ่า…. การแก้แค้นมันช่างหอมหวานและเมื่อดอกไม้งามถูกย่ำยีจนมีแต่รอยช้ำบดินทร์ก็จะโยนมันกลับไปคืนเจ้าของดอกไม้อย่างสาแก่ใจ….
บดินทร์เองที่ตกอยู่ภายใต้ความแค้นที่บังตาบังใจจนทำให้หมกหมุ่นในการแก้แค้นจนลืมนึกไปว่าดอกไม้งามอย่างดารินทร์นั้นมีความเปราะบางและงดงามแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อมันถูกทำร้ายจนบอบช้ำก็อาจจะปกป้องตนเองอย่างสุดความสามารถเช่นเดียวกัน
...........................................................................
นิยายพล็อตน้ำเน่าค่ะ แจ้งอีกครั้ง ไม่ชอบกดออกได้เลยค่ะ ไม่ว่ากันนนนนนนนนน
ความคิดเห็น