คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : รักร้าย 4 [Rewrite]
รักร้าย 4
“ดารินทร์ ลูกควรจะไปคุยเรื่องงานแต่งกับตาคุณบ้างนะ แม่ไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าเลยตอนนี้” ท่ามกลางโต๊ะอาหารที่นานๆทีครอบครัวของดารินทร์จะทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน แต่ก็เป็นวันที่ดารินทร์ช่างอึดอัดเหลือเกิน เมื่อระยะหลังๆนี้ คุณแม่ชอบถามเรื่องความสัมพันธ์กับพี่คุณบ่อยๆ
“ช่วงนี้พี่คุณไม่ค่อยว่างครับคุณแม่ ดารินทร์ว่าเรื่องแต่งงานเลื่อนๆไปก่อนก็ได้” คุณหญิงดรุณีพอได้ยินลูกชายคนเดียวพูดแบบนั้นท่ามกลางโต๊ะอาหารที่กดดันอยู่แล้วก็ยิ่งกดดันเพิ่มขึ้นอีก
“ผมเห็นด้วยกับลูกนะคุณ อย่าไปเร่งอะไรให้เร็วขึ้นเลย” ประมุขของบ้านที่นานๆทีจะกลับมาบ้านก็เอ่ยแย้งขึ้นเช่นเดียวกัน แต่การกระทำของตนเองนั้นก็สร้างความไม่พอใจให้แก่ภรรยาได้เป็นอย่างดีเป็นอย่างดี
“คุณไม่ต้องมาพูดอะไรเลยนะ วันๆทำแต่งานไร้สาระ ฉันต้องทำทุกอย่าง ฉันเหนื่อยแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม เลิกสนใจงานธุรกิจสวนงี่เง่านั่นแล้วกลับมาสนใจลูกเมียตนเองเสียบ้าง” ตระกลูณฤสรณ์นั้นมีเรื่องภายในครอบครัวที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คนนอกเข้าใจหรือมองเห็น เพราะคุณแม่ท่านเป็นคนที่เข้มงวดแต่คุณพ่อกับเป็นคนอิสระ ดารินทร์เองก็โดนบังคับเรื่องเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่ออกไปเล่นก็ไม่เคย เพราะคุณแม่ไม่เคยอนุญาตและทุกอย่างต้องทำตามที่คุณแม่สั่งเท่านั้น แม้กระทั่งเรื่องการแต่งงานหรือจะครองคู่กับใครสักคน…………
“อย่าไปสนใจแม่เราเลยลูก ถ้าเราไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องแต่ง บ้านเราไม่จำเป็นที่ต้องเกี่ยวดองกับศตคุณขนาดนั้น แค่ทุกวันนี้เราก็ใช้ไม่หมดแล้ว มีแต่แม่เรานั้นแหละที่เป็นบ้าอยู่คนเดียว” หลังจากที่คุณหญิงดรุณีลุกเดินออกจากโต๊ะอาหารไป คุณพ่อก็พูดปลอบดารินทร์ และก็เป็นความจริงอยู่ที่บ้านของดารินทร์นั้นไม่มีวันอดตาย แต่ตนเองก็ไม่อยากทำให้คุณแม่เสียใจ ไม่อยากทำให้ท่านผิดหวังแม้ดารินทร์จะต้องฝืนใจทำในสิ่งที่คุณแม่ต้องการก็ตาม
“มีอะไรถึงมาหาพี่” ศตคุณที่เงยหน้าจากเอกสารมองดารินทร์ที่มาถึงก็นั่งเงียบอย่างเดียวจนตนเองนั้นต้องเป็นฝ่ายถามขึ้น
“เรื่องแต่งงานครับ คุณแม่ให้รินมาคุยกับพี่”
“เราสะดวกใจที่จะแต่งงานกับพี่รึเปล่า”
“ริน……” เป็นคำตอบที่ดารินทร์นั้นไม่กล้าตอบออกไปเมื่อถูกถามอีกครั้ง เพราะถึงแม้จะพูดความต้องการของตนเองออกไปอีกกี่ครั้งก็ตามยังไงก็ต้องแต่งอยู่ดี
“พี่รู้ว่ารินขัดคุณน้าไม่ได้ เอาเป็นว่ารินกลับไปบอกคุณน้าว่างานแต่งจะจัดขึ้นอีกสามเดือน คุณน้าจะได้ไม่ต้องมาว่าริน”
“ครับ…..” ดารินทร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งหมดหนทางที่จะพูดอะไรต่อ จึงขอตัวกลับเพราะพี่คุณก็ติดงานสำคัญอีกหลายงานด้วยตนเองก็ไม่อยากรบกวนเวลาไปมากกว่านี้
หลังจากที่ดารินทร์ออกไปแล้วศตคุณก็เปิดลิ้นชักก่อนจะหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งที่อยู่ลึกสุดที่ตนเก็บไว้ออกมาดูและพอเห็นรูปแล้วคำพูดของชาลีก็เกิดขึ้นให้ได้ยินในหัวอีกครั้ง
‘คุณมินตายแล้วครับ ประวัติในโรงพยาบาลได้แจ้งไว้ว่าตกเลือดตายพร้อมเด็กในท้อง แล้วคุณบดินทร์ก็จัดพิธีศพแบบเงียบๆขึ้นด้วย นี่ครับที่อยู่ของหลุมศพ’
“ตายแล้วงั้นเหรอ…………” นิ้วมือของศตคุณนั้นลูบไล้รูปถ่ายในมือไปมาอย่างเหม่อลอย
“ความตายมันก็เหมาะกับเธอแล้วมิน คนทรยศ” เมื่อศตคุณเอ่ยจบก็ขยำรูปในมือจนยับไปหมด ถึงแม้ภายในหัวใจจะเจ็บสักเพียงใด ตนเองก็ไม่ใส่ใจสักนิด เพราะความโกรธแค้นมันบังตาไปหมด
“อ้าว คุณดารินทร์มาหาพี่บดินทร์เหรอครับ ตอนนี้พี่บดินทร์ยังไม่กลับมาเลยครับ” มนชยาหรือมินที่เดินออกมาตอนรับแขกที่หลังๆเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาหลังจากที่พี่ชายพามาบ้านครั้งแรก หลังจากนั้นคุณดารินทร์ก็มาเยี่ยมบ่อยๆ บางทีก็ซื้อขนมจากร้านชื่อดังมาฝากบางทีก็ของเล่นตาหนูจนมินเริ่มเกรงใจแต่คนตรงหน้าก็บอกว่าไม่ต้องเกรงใจเพราะอยู่บ้านก็เหงาๆเลยมาเล่นกับตาหนูและมาคุยเล่นกับมินดีกว่า
“เปล่าครับ วันนี้มาหาน้องวินกับมินครับ พอดีวันนี้ว่างๆแล้วขับผ่านร้านเค้กชื่อดังเลยซื้อเอามาฝาก”
“เกรงใจจัง วันหลังไม่ต้องก็ได้นะครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เห็นมินอยู่บ้านคงจะเบื่อ เลยซื้อขนมมาฝาก ไปครับไปทานขนมกันดีกว่า” เป็นดารินทร์เสียเองที่ลากเจ้าของบ้านมานั่งก่อนจะส่งเค้กให้แม่บ้านไปจัดใส่จาน
“นี่น้องวินหลับเหรอครับ ผมไม่ได้ยินเสียงเลย”
“ใช่ครับ แกเพิ่งจะหลับเมื่อสักครู่เอง ไว้รอแกตื่นก็ได้ครับ ถ้าคุณดารินทร์ไม่รีบ”
“ไม่หรอกครับวันนี้ไม่ได้ไปไหน อยู่ได้จนน้องวินตื่นเลย” ดารินทร์บอกก่อนจะยิ้มออกมา
“งั้นระหว่างรอไปทำอาหารไว้ให้พี่บดินทร์กันไหมครับ รายนั้นชอบบ่นว่าเบื่อกับข้าวฝีมือแม่บ้านมาหลายวันแล้ว วันนี้ถ้าได้กินฝีมือคุณดารินทร์พี่บดินทร์คงหายเบื่อ” มินพูดออกมาก่อนจะยิ้มล้อเลียนคนหน้าแดงข้างๆ ตนเองนั้นสังเกตอาการของทั้งสองคนมานานแล้วว่าเหมือนมีอะไรพิเศษต่อกัน ถึงทั้งคู่จะไม่แสดงออกอะไรมากก็เถอะ แต่มินรู้สึกได้ว่าพี่บดินทร์ต้องจีบคนตรงหน้าตนเองแน่ๆ
“ไม่หรอกครับ ผมทำกับข้าวไม่ค่อยเก่งวันนี้เป็นลูกมือคุณมินแทนดีกว่า” ดารินทร์บอกก่อนจะเกาแก้มแล้วยิ้มเขินๆ เมื่อนึกถึงคนหน้าคมที่คอยส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ จนลืมเลือนไปแล้วว่าอีกไม่นานตนเองต้องแต่งงาน………
“วันนี้ทำอะไรเนี่ย หอมไปถึงข้างนอกเลย” บดินทร์ที่กลับมาจากทำงานและเมื่อพอเดินเข้ามาก็ถามหาน้องชายจากแม่บ้านซึ่งแม่บ้านก็บอกว่าอยู่ในครัวจึงเดินเข้ามาหา และพอเข้ามาในบริเวณห้องครัวก็ได้กลิ่นหอมๆ จนเผลอถามน้องชายออกไป
“เอ่อ… คุณมินไปดูน้องวินครับ” ดารินทร์หันมาบอกเมื่อพบว่าบดินทร์เดินเข้ามาในห้องครัว
“ครับ แล้วดารินทร์กำลังทำอะไรอยู่ครับ กลิ่นหอมเชียว” ร่างสูงของบดินทร์ที่เดินเข้ามาดมกลิ่นแกงที่ส่งกลิ่นหอมใกล้ๆแต่ก็ทำให้ดารินทร์หน้าแดงก่ำเมื่อบดินทร์เล่นเดินมาดมกลิ่นแกงจากทางด้านหลังตนเองแบบนี้ ทำให้ตอนนี้ดารินทร์ต้องต้องอยู่ภายในอ้อมแขนที่เป็นกรงขังจากคนทางด้านหลัง
“เอ่อ…. ลองชิมดูสิครับ” ดารินทร์ที่บอกเสียงตะกุกตะกักก่อนจะตักน้ำแกงใส่ช้อนแล้วยื่นให้บดินทร์ชิม
“อืม……” บดินทร์ที่ชิมไปแล้วส่งเสียงเบาๆเล็กน้อย พอทำให้คนที่รอฟังคำตอบนั้นมีความรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
“อร่อยครับ”
“จริงนะครับ”
“จริงสิครับ คุณทำอะไรก็อร่อย” พอดารินทร์ได้ยินแบบนั้นก็หันกลับมาปิดเตาแก้เขิน
เวลาอยู่กับคนตรงหน้าทีไร ดารินทร์รู้สึกความสูญเสียความเป็นตัวเองทุกที
“อะแฮ่ม! ขอโทษที่ขัดจังหวะหวานๆนะครับ พอดีว่าถึงเวลาทานอาหารแล้ว อยากให้คู่รักทั้งสอง เอ้ย!!! พี่บดินทร์กับคุณดารินทร์ไปรอที่โต๊ะทานอาหารด้วยครับ” มินที่เข้ามาเห็นฉากหวานแหววของพี่ชายตนกับคุณดารินทร์ก็อดจะส่งเสียงแซวไม่ได้ ทำให้ทั้งสองคนต้องผละออกจากกันอย่างเขินๆ
“เดี๋ยวเถอะเรา” บดินทร์เอ่ยบอกอย่างคาดโทษแต่ก็ไม่ได้ทำให้มินกลัวเลยสักนิด แถมยังเดินหัวเราะออกไปอีก
“ไปครับ ไปรอที่โต๊ะดีกว่า เดี๋ยวให้แม่บ้านมาจัดการตรงนี้” บดินทร์ที่เดินไปแกะผ้ากันเปื้อนให้ดารินทร์ก่อนจะจูงมือออกไปที่โต๊ะทานข้าว ดารินทร์เองก็มองตามมือของคนที่กำลังจูงมือตนเองอยู่ก็ใจก็เต้นแรงกว่าเดิม
รู้สึกเขินกับการกระทำของบดินทร์ยิ่งนัก
แย่แล้วสิ ดารินทร์หลงรักคุณบดินทร์เข้าเต็มๆเลยตอนนี้……
“อย่าเพิ่งกินนะมิน วันนี้เรามีแขกจะมาทานด้วย” บดินทร์เอ่ยบอกน้องชายที่กำลังจะแอบหยิบอาหารเข้าปากแต่มินก็ต้องชะงักก่อนจะวางอาหารลงเมื่อพี่ชายพูดขึ้น
“ใครครับ ทำไมมินไม่รู้” มินถามขึ้นก่อนจะหันไปมองลูกชายที่ดูดนมจากขวดนมยังไม่เสร็จ มินอุตส่าห์จะแอบกินตอนน้องวินดูดนมในขณะที่เจ้าตัวน้อยยังไม่อิ่มเสียหน่อย
“เราน่ะ ดูแลน้องวินรอไปเลย ดารินทร์ละครับหิวรึยัง” บดินทร์บอกน้องชายก่อนจะหันมาถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หรอกครับ ยังไม่หิวเท่าไร”
“เซอร์ไพรส์~~” ระหว่างที่มินกำลังดูแลลูกชายก็มีเสียงที่มินรู้สึกคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง และเมื่อตนเองหันไปมองก็เห็นคนที่คุ้นตาและมีรูปร่างสูงโปร่งพร้อมรอยยิ้มที่มีให้ประจำกำลังยืนส่งยิ้มมาให้มิน
“ภวิศ…”
“มินฉันกลับมาแล้วนะ” ภวิศ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่มาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ประจำตัวเดินเข้ามาหามินที่มองมาทางตนอย่างงุนงง
“ภวิศไปไหนมาเหรอ เราจำไม่ได้” มินรู้ว่าภวิศคือเพื่อนสนิทแต่ตนเองก็จำไม่ได้ว่าชายหนุ่มหายหน้าไปไหนมา
“เราไปเรียนต่อที่ต่างประเทศมาไง เรารู้เรื่องเหตุการณ์ของมินแล้วนะ เราเลยกลับมาดูแลมินช่วยพี่บดินทร์ไง” ภวิศบอกก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆมินที่ตอนนี้ได้หันกลับมาเช็ดปากให้ลูกน้อยที่แหวะนมออกมาหลังกินอิ่ม
“เด็กคนนี้…..”
“ลูกเราเองภวิศ ชื่อน้องวิน น่ารักใช่ไหม” มินบอกก่อนจะเช็ดปากลูกน้อยเมื่อเจ้าเด็กอ้วนไม่หยุดเล่นน้ำลายสักทีหลังจากที่มินเช็ดคราบน้ำนมให้แล้วเรียบร้อย
“ภวิศนี่ดารินทร์ ดารินทร์ครับนี่ภวิศเพื่อนของมิน” บดินทร์เอ่ยแนะนำดารินทร์และภวิศให้รู้จักกันก่อนจะบอกให้ทุกคนเริ่มลงมือทานอาหารก่อนที่อาหารจะเย็นเสียไปมากกว่านี้โดยให้แม่บ้านมารับตัวของหลานชายไปดูแลต่อก่อน
“อืม จานนี้อร่อยมากเลยครับ มินเป็นคนทำเหรอ” ภวิศถามเมื่อตักอาหารขึ้นมาทานและรู้สึกว่ารสชาติอร่อยกว่าร้านที่เคยทานจนต้องเอ่ยถามว่าฝีมือใคร
“คุณดารินทร์เป็นคนทำนะภวิศ ไม่ใช่มินทำเสียหน่อย”
“พี่บดินทร์นี่โชคดีมากเลยนะครับที่มีแฟนที่ทำอาหารเก่งขนาดนี้” พอได้ยินภวิศบอกแบบนั้นดารินทร์ก็รีบปฏิเสธทันที
“ไม่ใช่นะครับ ผมกับคุณบดินทร์เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ไม่ต้องเขินหรอกครับ ผมเข้าใจ”
“ไม่ใช่จริงๆนะครับ คุณบดินทร์บอกคุณภวิศสิครับว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เมื่อเห็นว่าปฏิเสธยังไงภวิศก็คงไม่เชื่อแน่ๆ จนดารินทร์ต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากบดินทร์แทน
“ทานข้าวก่อนนะครับดารินทร์อย่าเพิ่งเขิน ช่วงนี้คุณผอมลงอีกแล้วต้องทานเยอะๆนะครับ” บดินทร์ที่ไม่ช่วยแก้ความเข้าใจผิดแต่ตักอาหารมาใส่จานของตนให้แทน ทำให้ดารินทร์ทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว
แค่ผู้ชายตรงหน้าตักอาหารให้ก็ใจสั่นเสียยิ่งกว่าอะไร…
“ให้ผมไปส่งไหมครับดึกแล้วด้วย คุณขับกลับคนเดียวผมเป็นห่วง” หลักจากที่ทานข้าวเสร็จดารินทร์ก็ขอเล่นกับน้องวินก่อนจะขอตัวกลับแต่กว่าจะกลับก็ปาไปเกือบสามทุ่มจึงทำให้บดินทร์รู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยที่จะปล่อยให้อีกคนขับรถกลับบ้านคนเดียว
“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับได้ถ้าคุณบดินทร์ขับไปส่งเดี๋ยวก็ต้องขับรถกลับมาอีกจะลำบากเสียเปล่าๆ”
“ดารินทร์ครับ เรื่องที่ภวิศพูดวันนี้บนโต๊ะอาหาร ผมคิดจริงนะครับ ถ้าผมขอคุณคบคุณจะลำบากใจไหม” ก่อนที่ดารินทร์จะขึ้นรถก็โดนบดินทร์รั้งตัวไว้ก่อนจะเอ่ยถามคำถามที่ทำให้ดารินทร์ทำตัวไม่ถูก
“คุณบดินทร์….” เมื่อได้ฟังบดินทร์พูดออกมาแบบนี้ก็ทำให้ดารินทร์ทำตัวไม่ถูก
ตนเองชอบชายตรงหน้าก็จริงแต่ไม่นึกว่าจะโดนอีกคนขอคบแบบนี้….
“แต่ผมต้องแต่งงานภายในสามเดือน…..” ใช่แล้ว… ถึงแม้ดารินทร์จะชอบบดินทร์มากแค่ไหน แต่ตนเองก็ต้องยึดถือความถูกต้องมาก่อนความสุขของตัวเองเสมอ
“แต่งงาน.... คุณจะแต่งงานกับคนรักเหรอครับ”
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมต้องแต่งงานกับพี่ชายคนสนิทเพราะทางบ้านเราสองคนจับหมั้นหมายและต้องแต่งงานกัน” ดารินทร์ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องอธิบายให้ชายหนุ่มตรงหน้าฟัง เพราะกิเลสในจิตใจของตนนั้นมันบอกว่าให้จับความสุขเพียงชั่วคราวนี้ไว้ก็ยังดี
“งั้นคุณก็ไม่ได้แต่งด้วยความรักสิครับ”
“ครับ เราสองคนสนิทกันก็จริงแต่ก็สนิทกันแบบพี่น้อง พี่คุณเขาเป็นคนดี คอยดูแลผมมาตลอด”
“ถ้าคุณไม่ได้รักเขา คุณจะรักผมได้ไหมครับ” บดินทร์เอ่ยถามขึ้นอย่างมีความหวัง
“คุณจะรักผมแม้ผมก็ต้องแต่งงานกับพี่คุณเหรอครับคุณบดินทร์ คุณจะยอมคบกับผมทั้งๆที่ผมต้องแต่งงานงั้นเหรอครับ”
“ครับ เพราะผมรักคุณ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตเราจะผ่านมันไปด้วยกัน คบกับผมนะครับดารินทร์” บดินทร์ที่เอือมมือไปจับมือของดารินทร์แน่นก่อนจะยืนยันคำพูดตัวเองอีกครั้ง
“ครับ ผมจะคบกับคุณ”
ขอแค่เวลานี้ เวลาสั้นๆที่ดารินทร์จะมีความสุขสักครั้งในชีวิต ก่อนที่จะโดนพรากไป…
“น้องวินครับแม่ง่วงแล้วนะ เมื่อไรเราจะนอน” หลังจากที่ไล่ภวิศกลับไปสักพักแล้ว มินก็พาลูกชายขึ้นมาอาบน้ำก่อนจะพากล่อมเข้านอน แต่เด็กน้อยตัวอ้วนก็ไม่มีท่าทีจะนอนเลยนี่สิ เอาแต่มองมินตาแป๋วจนคนเป็นแม่อ่อนใจ
“น้องวินครับนอนนะลูก แม่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว”
“แอ้~~~” เด็กน้อยส่งเสียงร้องอ้อแอ้ตอบมารดาจนผู้เป็นแม่อย่างมินต้องอุ้มลูกน้อยขึ้นมากอดพร้อมกล่อมนอนพร้อมร้องเพลงขับกล่อมทารกน้อยให้หลับสักที
ไม่รู้ว่าดื้อตาใสและเอาใจยากแบบนี้ได้ใครทั้งๆที่ตนเองและพี่บดินทร์ก็ไม่มีนิสัยแบบนี้ เฮ้อ…
และกว่าลูกน้อยจะนอนหลับคาอ้อมกอดและวางลงบนเตียงเด็กได้ มินก็แทบจะยืนหลับกลางอากาศ หลังๆแม้ลูกชายจะเติบโตขึ้นทุกวันแต่ก็เอาใจยากขึ้นทุกวันเช่นกัน ถ้ามินสามารถจดจำใบหน้าพ่อของลูกได้คงต้องต่อว่าสักหน่อยแล้วที่ส่งต่อนิสัยดื้อด้านมาให้ลูกแบบนี้
ช่างเป็นพ่อของลูกที่แย่จริงๆ ไม่รู้ว่าตนเองหลงผิดไปรักจนยอมมีลูกกับผู้ชายที่ไม่มีอะไรให้ตนเองจดจำได้ยังไง แต่ถ้าลูกโตและถึงวัยถามถึงพ่อมินก็คงต้องบอกลูกว่าพ่อของลูกนั้นตายไปแล้ว ตายทั้งจากใจและความทรงจำของมินตั้งแต่ที่ตนเองนั้นจดจำไม่ได้แล้ว….
“อ๊ะ คุณคะ ทำไมรุนแรงจังเลยวันนี้” ส่วนคนที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นพ่อที่แย่แสนแย่อย่างศตคุณนั้นก็ใช้เวลาในยามค่ำคืนไปกับนางแบบสาวชื่อดังที่ตนเองส่งลูกน้องไปรับกลางดึกเพื่อร่วมสังเวียนรักยามค่ำคืนเพื่อระบายอารมณ์ความหงุดหงิด แต่มันก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเก่า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่ได้เรื่องทั้งนั้น…
“เธอกลับไปได้แล้ว รับเช็คจากชาลีแล้วออกไป” ศตคุณบอกพร้อมผลักหญิงสาวออกจากร่างของตนเมื่อเสร็จกิจก่อนจะเดินเข้าไปห้องน้ำโดยไม่เหลียวแลนางแบบสาวที่เพิ่งผ่านความเร่าร้อนกับตนเองเลยแม้แต่นิดเดียวจนนางแบบสาวอยากจะร้องกรี้ดออกมา แต่ก็รู้ว่าถ้าทำแบบนั้นมีแต่จะส่งผลเสียกับตนเองเลยต้องรีบแต่งตัวและรับเช็คจากเลขาของอีกฝ่ายและรีบกลับไปทันที
ส่วนศตคุณที่กำลังชำระร่างกายอยู่ก็รู้สึกหงุดหงิดไม่หยุดถึงแม้ตนเองจะระบายออกไปแล้วก็ตาม เพราะช่วงหลังๆมานี้ศตคุณไม่เคยรู้สึกมีความสุขในเซ็กส์เหมือนเช่นก่อน ไม่ว่าจะสวยหยาดเยิ้มแค่ไหนก็ไม่สามารถมัดใจตนได้ มีเซ็กส์ก็แค่เพื่อปลดปล่อยแต่ไม่สุขสมอารมณ์หมาย และพอเริ่มมีเซ็กไปสักพักหน้าของคนทรยศก็ลอยเข้ามา
ตายไปแล้วยังจะตามมาหลอกหลอน
คนแพศยา!!!!!!!!!!
“ได้เรื่องมาว่ายังไงบ้างชาลี” หลังจากที่ชำระร่างกายเสร็จก็เดินออกมาก่อนจะรับแก้วน้ำดื่มจากชาลีที่เตรียมไว้ให้เป็นเรื่องปกติเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“ครับ ตอนนี้คุณบดินทร์ได้เริ่มเข้ามาบริหารอย่างเต็มตัวและเริ่มจะตั้งตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามเรา”
“ฉันนึกอยู่แล้วเชียว คนอย่างมันคงต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ”
“ครับ ตอนนี้คุณบดินทร์มีแผนการว่าจะเริ่มลงทุนโปรเจคยักษ์ใหญ่กับทางจีน โดยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงวางแผนกับทางผู้ร่วมทุน”
“หึ มันจะโค่นฉันสินะ คนที่ไม่สนใจธุรกิจแบบมันแต่อยู่ๆหันมาบริหารเองแบบนี้ คงจะแค้นฉันมากจนแทบอยากจะทำลายเลยสิท่า” ศตคุณบอกออกมาก่อนจะแสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงหน้าอดีตเพื่อนรักที่กำลังเริ่มเดินเกมส์
“อีกเรื่องที่ให้ผมไปสืบว่าที่ตั้งหลุมศพคุณมนชยาอยู่ที่ไหน ทางเรายังหาไม่พบครับ”
“เหอะ! ซ่อนแม้กระทั่งศพ แต่มันจะซ่อนได้อีกนานแค่ไหน กูละอยากจะรู้จริงๆไอ้บดินทร์”
ศตคุณรู้ว่าบดินทร์นั้นมันรักน้องแพศยาของมันขนาดไหนก็ดูจากการที่มันเอาศพไปซ่อน แต่มันคงลืมไปว่าศตคุณคนนี้ไม่มีเรื่องที่อยากรู้แล้วจะไม่รู้ไม่ได้ สักวันแม้แต่หลุมฝังศพของคนแพศยาศตคุณก็ต้องหาเจออยู่ดีและเมื่อถึงวันนั้นแม้แต่วิญญาณตนเองก็จะทำให้มินได้รู้ว่าผลของการทรยศคนอย่างศตคุณคนนี้มันเลวร้ายแค่ไหน!
...............................................................................
ช่วงนี้ติดทำแล็ปฮับ แทบไม่ได้จับนิยายเลยยยยยย
ความคิดเห็น