คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รักร้าย 3 [Rewrite]
รักร้าย 3
เพล้ง!!!!!!
“พี่บดินทร์ มินปวดท้อง……..” เสียงแก้วที่หล่นแตกดังขึ้นเสียงดังก่อนที่บดินทร์จะได้ยินเสียงของมินร้องดังขึ้นมา ทำให้บดินทร์รีบเดินขึ้นไปดูก็พบว่าน้องชายนั้นทรุดตัวลงอยู่กับพื้น ใบหน้าหวานก็มีเหงื่อซึมออกมาตามไรผมและมือที่กำลังจับท้องตัวเองอยู่ พอบดินทร์เห็นแบบนั้นก็รีบเดินไปหาน้องชายอย่างรวดเร็วก่อนที่มินที่เห็นพี่ชายเดินเข้ามาใกล้ก็พยายามเปล่งเสียงออกมาแม้ว่าความเจ็บปวดที่เกิดอยู่จะทำให้แทบจะสลบก็ตาม
“มินน้องเป็นอะไร น้องปวดท้องเหรอ” มินไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็กำชายเสื้อพี่ชายแน่นก่อนที่บดินทร์จะตัดสินใจอุ้มตนเองขึ้นเพื่อพาไปที่โรงพยาบาล
“สมภพไปที่โรงพยาบาลด่วนเลย ฉันสงสัยว่ามินจะคลอด” สมภพเมื่อได้ยินคำสั่งก็รีบวิ่งไปเปิดประตูให้ผู้เป็นนายก่อนจะรีบขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับและขับรถไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
“น้องอดทนก่อนนะมิน เดี๋ยวก็ถึงมือหมอแล้วนะ” บดินทร์ที่จูบหน้าผากคนน้องที่พิงไหล่ของตนและเอามือกำเสื้อไว้แน่นเพื่อหวังว่าจะระบายความเจ็บปวดตอนนี้ได้บ้าง
“ญาติคนไข้รออยู่ด้านนอกนะคะ” เมื่อมินถูกพาเข้าไปในห้องเตรียมผ่าคลอดแล้วพยาบาลสาวก็หันมาบอกบดินทร์ที่กำลังจะเดินตามเข้าไป ทำให้บดินทร์ต้องรออยู่ด้านนอกอย่างกังวลใจว่าน้องจะคลอดเด็กออกมาปลอดภัยหรือเปล่า
ฮึก แอ้!!!
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วที่บดินทร์เดินไปเดินมาตรงหน้าห้องคลอดจนได้ยินเสียงเด็กร้องขึ้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นพยาบาลเข็นทารกน้อยออกมาก่อนผู้เป็นแม่
“เป็นเด็กผู้ชายค่ะ แข็งแรงจนไม่ต้องเข้าตู้อบเลย เดี๋ยวดิฉันจะพาน้องไปห้องเด็กอ่อนก่อนส่วนคุณแม่ของเด็กเดี๋ยวจะตามออกมาทีหลังค่ะ” บดินทร์ที่มองดูหลานชายที่ตัวย่นๆแดงๆและส่งเสียงอ้อแอ้เบาๆเหมือนกับกำลังส่งเสียงทักทายผู้เป็นลุง
“เป็นเด็กดีนะหลานของลุง” บดินทร์ที่ไม่กล้าที่จะยื่นมือไปสัมผัสเด็กน้อยเพราะเพิ่งจะคลอดออกคงยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ก็ทำได้แค่บอกหลานชายที่มองตนอยู่เท่านั้น
แอ้!
เด็กน้อยที่เหมือนจะส่งเสียงรับคำพูดของคนเป็นลุง ก่อนที่พยาบาลจะเข็นทารกน้อยไปห้องเด็กและเมื่อเวลาผ่านไปสักพักมินก็ถูกเข็นออกมาและถูกนำไปที่พักห้องพิเศษที่บดินทร์จองไว้
“เดี๋ยวอีกสักอาทิตย์คุณแม่ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ” ก่อนพยาบาลและคุณหมอที่มาดูความเรียบร้อยจะออกไป คุณหมอก็ได้บอกอาการรวมถึงการพักฟื้นแก่ญาติคนไข้ก่อนจะขอตัวออกไปและพรุ่งนี้เช้าจะเข้ามาตรวจอาการใหม่ บดินทร์เลยนั่งมองน้องที่นอนหลับไปด้วยความเพลียหลังผ่าคลอดสักพักก่อนจะบอกสมภพให้ไปเอาเสื้อผ้ามาให้เพราะตนจะนอนเฝ้าน้องที่นี่ในคืนนี้
“พี่บดินทร์ลูกของมินอยู่ไหนเหรอครับ” มินที่ฟื้นขึ้นมาในช่วงเที่ยงก็ถามหาลูกเป็นอันดับแรก
“เดี๋ยวตอนบ่ายๆพยาบาลจะพาขึ้นมาหาน้องนะ ตาหนูน่ารักมากๆเลย น้องคิดชื่อไว้รึยัง”
“คิดไว้แล้วครับ แต่ตอนนี้มินอยากเห็นลูกมากๆเลย พี่บดินทร์ไปถ่ายรูปตาหนูให้มินดูหน่อยได้ไหมครับ” เพราะความอยากเจอลูกมินก็เลยออดอ้อนคนเป็นพี่ให้ไปถ่ายรูปลูกชายมาให้ก่อนที่พยาบาลจะพาลูกน้อยมาหา
“ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปไปถ่ายตาหนูมาให้ดู” และเพราะสมภพไม่อยู่ตนเองเลยต้องลุกออกไปถ่ายรูปตาหนูให้คุณแม่เพิ่งคลอดด้วยตัวเอง
“โอ๊ย!!! ขอโทษครับ” และก่อนจะถึงห้องเด็กอ่อนบดินทร์ก็เดินชนใครบ้างคนที่ตอนนี้สะดุดเข้ามาในอ้อมแขนที่เขายื่นมือไปรับไว้พอดี
“คุณเป็นอะไรไหมครับ” บดินทร์เอ่ยถามคนในอ้อมกอดก่อนจะช่วยคนตรงหน้าให้พยุงตัวยืนขึ้นดีๆ
“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษจริงๆครับ… คุณ…..” น้ำเสียงหวานหายไปเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
คนที่ดารินทร์เคยเจอเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ร้านดอกไม้
“ดารินทร์คุณเป็นอะไรมากไหมครับ” บดินทร์ที่เจอหมากของตนเองโดยบังเอิญก็รีบปั้นหน้าเป็นสุภาพบุรุษแบบที่เคยเจอกับคนตรงหน้าทันที
“ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่รับไว้ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่โรงพยาบาลเหรอครับ” ดารินทร์เอ่ยถามกลับไปอย่างสงสัยเพราะใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าดูมีความสุขกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกเสียอีก
เพราะแววตาที่สบตากันในตอนนี้ทำให้ดารินทร์รู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้านั่นกำลังมีความสุขมาก
“น้องผมคลอดตาหนูเมื่อคืนนี้ครับ นี่ผมกำลังจะไปถ่ายรูปหลานให้น้องดู เพราะคุณแม่เค้าอยากเห็นลูก ไปดูหลานผมด้วยกันไหมครับดารินทร์” บดินทร์เอ่ยชวนคนหน้าหวานตรงหน้าไปด้วยกัน
ไปดูลูกของคนที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วยยังไงล่ะดารินทร์!
ความคิดในใจที่ไม่พูดออกมาแต่กลับเป็นรอยยิ้มอบอุ่นแทนที่ทำให้ดารินทร์ตอบรับคำเชิญอย่างง่ายดาย
“ว้าว…. นั้นหลานคุณเหรอครับ น่ารักจัง” ดารินทร์มองผ่านกระจกห้องเด็กเข้าไปเมื่อบดินทร์ชี้ให้ดูว่าคนไหนหลานของตน
“น่ารักเหมือนแม่เลยครับดารินทร์”
“แสดงว่าน้องคุณคงน่ารักแน่ๆ เลย หลานคุณถึงคลอดออกมาน่ารักขนาดนี้”
“ว่างๆคุณก็มาเล่นกับตาหนูได้นะครับ”
“ได้จริงเหรอครับ ผมชอบเด็กมากๆ เพราะผมเป็นลูกคนเดียวน้องก็ไม่มีเลยเหงาๆในช่วงเด็ก”
“คุณก็แต่งงานสิครับแล้วก็มีลูกสักคน” บดินทร์ที่ตั้งใจพูดเรื่องแต่งงานกับอีกฝ่ายเพื่อที่จะดูปฏิกิริยาของอีกคนว่าจะเป็นยังไง
“การมีลูกมันต้องเกิดจากความรักสิครับมันถึงจะเป็นสิ่งที่วิเศษ” ดารินทร์ตอบกลับก่อนจะทอดสายตามองเด็กน้อยที่นอนในห้องกระจกอย่างเอ็นดู
เพราะตนเองนั้นคงไม่สามารถมีลูกได้แน่นอนถึงแม้จะแต่งงานกับพี่คุณก็ตาม เพราะเราไม่ได้รักกันอย่างที่ควรจะเป็นในการแต่งงานหรือใช้ชีวิตคู่
“เกิดจากความรักใช่ว่าจะดีเสมอไป ถ้าเกิดคนเป็นพ่อมันเลว” บดินทร์ที่เผลอพูดออกมาทำให้ดารินทร์ต้องถามกลับอีกครั้งอย่างสงสัยกับท่าทีของชายหนุ่ม
“คุณว่าอะไรนะครับ ผมได้ยินไม่ค่อยถนัด”
“เปล่าหรอกครับ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับคุณหมอเรื่องขอตาหนูไปหาแม่แกก่อนนะครับ หวังว่าคงได้เจอคุณอีก” บดินทร์รีบปรับสีหน้าเมื่อรู้ว่าตนเผลอพูดอะไรออกไป ก่อนจะหันมายิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะขอตัวไปคุยกับหมอ
“ครับ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก” ดารินทร์บอกอีกคนที่เดินออกไปแล้วก่อนจะหันไปมองดูเด็กๆต่ออีกสักพัก
“ต้องเจออยู่แล้วดารินทร์ ฉันไม่ปล่อยเธอไปหรอก” บดินทร์พึมพำเบาๆกับตนเองก่อนจะเข้าไปคุยกับพยาบาลเรื่องหลานต่อ
“รินมาทำอะไรตรงนี้ครับพี่ตามหาจนทั่วเลย บังคับพี่มาหาหมอกับทิ้งพี่ไว้กับหมอซะได้” เสียงพูดจากด้านหลังดังขึ้นทำให้ดารินทร์นึกได้ว่าตนนั้นมากับพี่คุณเพราะอีกฝ่ายนั้นต้องมาตรวจสุภาพประจำปีแต่กลับลืมจนเขาต้องลากมาแทน
“รินบังเอิญเจอคนรู้จักนะครับ น้องเค้าเพิ่งคลอดลูกเลยมาดูเด็กน้อยด้วยกัน” ศตคุณที่ได้ยินดารินทร์บอกอย่างนั้นก็เลยเดินเข้าไปใกล้ๆทันที
“พี่คุณดูเด็กคนนั้นสิครับ น่ารักมากเลย เป็นเด็กที่รินมาดูกับคนรู้จักเอง” ศตคุณหันหน้าไปตามนิ้วที่ดารินทร์ชี้ก็เห็นเด็กจ้ำม่ำนอนอยู่บนเตียงเด็ก เมื่อมองไปสักพักก็มีความรู้สึกตื้นตันก็ตีขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นหน้าของเด็กทารกชัดเต็มสองตา แม้ตัวเด็กจะยังดูตัวแดงหน้าย่นๆอยู่ก็ตาม
ศตคุณรีบสะบัดความคิดนั้นออกไปเพราะตนเองเผลอคิดถึงลูกที่มินบอกในวันนั้นว่าเป็นลูกของเขาแต่มันคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อเด็กนั้นแท้งไปแล้ว ไม่มีทางที่จะมานอนในโรงพยาบาลนี้ได้หรอก และอีกอย่างมารหัวขนนั่น………. มันไม่ใช่ลูกเขา
“กลับกันเถอะครับ พี่ต้องไปเคลียร์งานอีก” ดารินทร์เมื่อถูกชวนกลับก็ได้เดินตามคู่หมั้นไปโดยไม่รู้เลยว่ามีคนมองดูการกระทำของทั้งคู่อยู่ห่างๆ และก็เข้าใจไปว่าทั้งสองคนนั้นรักกัน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกโกรธแค้นแทนน้องของตนยิ่งนัก
“ตอนนี้มึงมีความสุขไปก่อนเถอะไอ้คุณ ก่อนที่ทุกอย่างของมึงจะต้องสูญเสียและเจ็บปวดไม่เว้นแม่แต่คู่หมั้นของมึงกูจะทำลายด้วยมือของกูเอง!!!”
“อาหารไม่อร่อยงั้นเหรอครับรินทร์ ทำไมทานน้อยจัง” ศตคุณที่มองอาหารในจานของดารินทร์พร่องไปเพียงนิดเดียวก็เอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยทันทีเมื่อตนเองในวันนี้ที่ว่างจากการประชุมเลยรับน้องออกมาทานข้าวด้วย
“อร่อยครับ แต่รินทร์กำลังคิดว่าเราควรคัดค้านเรื่องแต่งงาน รินทร์ว่ามันเร็วไป” เพราะจู่ๆก็ถูกทางบ้านเร่งถามเรื่องแต่งงานซึ่งดารินทร์ก็ไม่ได้ตอบอะไรกับที่บ้านเพราะตนเองนั้นไม่อยากแต่งตอนนี้
“เดี๋ยวพี่จะจัดการเอง พี่รู้ว่าเราลำบากใจที่จะแต่งตอนนี้ อย่าคิดมากเลย”
“ขอบคุณนะครับพี่คุณที่เข้าใจริน” ดารินทร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินผู้เป็นพี่พูดแบบนั้น ถ้าเกิดตนไปบอกกับคุณแม่ว่าจะไม่แต่งคงจะโดนว่าไม่น้อย แต่ถ้าพี่คุณไปพูดเองคุณแม่คงไม่ว่าอะไรมาก
“รินขอถามพี่คุณอะไรหน่อยได้ไหมครับ ตอนรินทร์อยู่ต่างประเทศเคยได้ยินว่าพี่คุณมีคนรักแล้ว แล้วตอนนี้คนรักของพี่ไปไหนครับ” ศตคุณที่ได้ยินคำถามนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไร้ความรู้สึกสำหรับดารินทร์ที่ได้ฟังมาก
“หึ เราเลิกกันแล้ว อย่าถามอะไรพี่เรื่องนี้อีกนะ พี่ขอร้อง” ศตคุณไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับมินอีกแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนทั้งสิ้น!!
“ครับ รินขอโทษ” ได้ยินน้ำเสียงราบเรียบราวกับไร้ความรู้สึกจากปากผู้เป็นพี่ ดารินทร์ก็ได้แต่เงียบลงก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพราะรู้สึกอยากหายไปจากบรรยากาศอึมครึมเมื่อถามเรื่องนี้ออกไป
“รินขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ พี่คุณทานไปก่อนเลย”
หลังจากที่ดารินไปเข้าห้องน้ำ ศตคุณก็นั่งมองออกไปนอกกระจกใสจนรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเก้าอี้เลื่อนเกิดขึ้นแต่คนที่นั่งกลับไม่ใช่ดารินที่ลุกไปเข้าห้องน้ำแต่เป็นคนที่ศตคุณไม่คิดว่าจะเจอ
“ไม่เจอกันนานนะไอ้คุณ มึงดูมีความสุขดีนิ” บดินทร์ที่เผอิญมาคุยกับลูกค้าที่ร้านก็เห็นว่าศตคุณและดารินทร์นั่งทานอาหารกันอยู่และพอดารินทร์ลุกออกไปจากโต๊ะก็เลยถือโอกาสมาทักทายเพื่อนเก่าสักหน่อย
“มีอะไร ได้ข่าวว่ามึงเข้ามาบริหารงานเต็มตัวแล้วนิ ไม่เอาเวลาไปดูน้องสุดที่รักมึงรึไง ตายไปรึยังล่ะ ไอ้เด็กนั่นหนะ” บดินทร์ที่ได้ยินศตคุณพูดแบบนั้นก็ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อของศตคุณขึ้นมาก่อนจะประเคนหมัดเข้าไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเต็มแรง
“หุบปากพล่อยๆมึงซะ มึงมันเหี้ยกว่าหมาเสียอีกไอ้คุณ หมามันยังรักลูกมันแต่มึงเป็นพ่อประสาอะไรที่แช่งให้ลูกมึงตาย แต่ก็ดีใจกับมึงด้วยที่เด็กในท้องของน้องกูตายไปแล้ว ตายไปพร้อมๆกับน้องกูที่เกิดขึ้นเพราะมึง สะใจมึงแล้วใช่ไหม!!!” บดินทร์ไม่ต้องการให้ศตคุณรู้ว่ามนชยาและลูกยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่ต้องการให้ไอ้หมอนี่มายุ่งกับน้องเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำแย่ๆให้อีกแล้ว ให้มันรู้ว่ามนชยาตายไปแล้วซะดีกว่า
“ตายแล้วงั้นเหรอ……” ศตคุณรู้สึกตกใจเล็กน้อยก่อนจะพึมพำกับตนเองเบาๆออกมา
“มึงจำไว้นะไอ้คุณ มึงจะต้องเจ็บกับการกระทำของมึงทุกอย่าง มึงจะต้องได้ชดใช้เรื่องน้องกู มึงจำไว้!” บดินทร์ผลักศตคุณออกก่อนจะรีบเดินจากไป ทิ้งให้ศตคุณตกใจเรื่องใครอีกคนได้ตายไปแล้ว….
“ชาลีไปตามสืบดูสิว่ามินตายรึยัง” ศตคุณเช็ดเลือดที่อยู่ริมฝีปากก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทที่ยืนรออยู่ไม่ไกลว่าให้ไปสืบมา เพราะตนเองนั้นไม่เชื่อเรื่องที่อีกคนนั้นได้ตายไปแล้วหรอก ไอ้บดินทร์มันต้องเล่นเกมส์อะไรอยู่แน่ๆ
“พี่คุณทำไมสภาพโต๊ะเป็นแบบนี้ล่ะครับ” ดารินทร์ที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำก็เอ่ยถามขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพโต๊ะที่ตอนนี้มันดูเละเทะไปหมดแถมยังสภาพของพี่คุณที่ริมฝีปากแตกและมีเลือดซิปอยู่อีก
“ไม่มีอะไรหรอกดารินทร์ พี่ขอตัวกลับไปเคลียร์งานก่อนนะ เราก็กลับบ้านดีๆ ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วยนะครับ” ศตคุณที่พูดเสร็จก็เดินออกจากร้านไปโดยทิ้งให้ดารินทร์ได้แต่มองตามอย่างสงสัยแต่ดารินทร์ก็ไม่ได้ตามไปซักถามต่อเพราะคิดว่าคงไม่เหมาะสมจึงตัดสินใจกลับบ้านแทน แต่พอเดินออกมานอกร้านก็พบว่าพบคนคุ้นหน้านั่งทำแผลอยู่ที่โต๊ะข้างร้านจึงเดินเข้าไปหา
“คุณบดินทร์! ไปทำอะไรมาครับถึงมีสภาพเป็นแบบนี้” บดินทร์ที่เห็นว่าเป็นดารินทร์ที่เดินเข้ามาตามที่คิดจึงส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบคำถามออกไป
ไม่เสียแรงจริงๆที่ให้สมภพเจาะยางรถของตนเองให้แบน
“พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยครับแถมรถยังพังอีก เลยกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะกลับบ้านยังไง”
“ผมไปส่งไหมครับถ้าคุณไม่รังเกียจ” ด้วยความที่มีนิสัยอ่อนโยนและใจดี ดารินทร์จึงเสนอตัวเองเพราะรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่าย
“คุณมีธุระที่ไหนต่อรึเปล่าครับ”
“ไม่หรอกครับ ผมกำลังจะกลับบ้านพอดี”
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนก็ขอความกรุณาด้วยนะครับ”
“ยินดีครับ”
รถคันหรูที่กำลังโลดแล่นบนท้องถนนที่บดินทร์ขอดารินทร์เป็นคนขับเองกำลังขับมุ่งหน้าออกไปทางชานและเมื่อดารินทร์เห็นสิ่งแวดล้อมดูสบายตาจนนึกไม่ถึงว่าที่ประเทศไทยจะมีสิ่งแวดล้อมที่ดีแบบนี้เหลืออยู่
“แถวนี้น่าอยู่จังเลยนะครับต้นไม้เยอะดีด้วย ดูแล้วสดชื่นดีจัง”
“ครับ พอดีน้องผมรักธรรมชาติเลยต้องย้ายจากบ้านในเมืองออกมาอยู่ที่นี่เพราะอยากให้แกได้สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง อยู่แต่ในเมืองบรรยากาศไม่ดีต่อแม่และเจ้าตัวน้อยเท่าไร”
“จริงด้วย คุณมีหลานแล้วนี่นา ตอนนี้คงจะประมาณสักสามเดือนแล้วสินะครับ เพราะเราเจอกันที่โรงพยาบาลก็ประมาณสักสามเดือน”
“ครับ ตอนนี้กำลังจ้ำม่ำเลย แก้มนี่น่าหยิกมากเลยครับ” ดารินทร์ที่มองคนพูดถึงหลานอย่างใจเต้นแรง ความรู้สึกดีๆที่ได้เจอกันครั้งแรงมันเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ดารินทร์รู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่อบอุ่นมากเวลาพูดถึงครอบครัว จนตนเองนั้นมีความรู้สึกว่าอยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
“ถ้าถึงที่บ้านแล้วผมขอเล่นกับหลานคุณด้วยได้ไหมครับ”
“ได้สิครับ” หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พุดคุยเรื่องราวต่างๆแลกเปลี่ยนกัน เสียงหัวเราะที่นานๆทีจะหลุดออกมาจากดารินทร์ที่แทบนับครั้งได้แต่ไม่รู้ทำไมเวลานี้ตนเองนั้นสามารถพูดไปยิ้มไปหัวเราะไปกับบดินทร์ตลอดเวลา
นี่สินะที่เขาเรียกว่าอาการตกหลุมรัก……
“มินพี่กลับมาแล้วครับ” พอมาถึงบ้านบดินทร์ก็เดินนำดารินทร์เข้ามาภายในตัวบ้านที่ตอนนี้มีเสียงหัวเราะเด็กน้อยที่ดังรอดผ่านเข้าหูแผ่วเบาให้ได้ยิน
“พี่บดินทร์กลับมาแล้วเหรอครับ ดูตาหนูสิครับวันนี้อารมณ์ดีทั้งวันเลย สงสัยจะรู้ว่าคุณลุงจะกลับมาหาเร็วกว่าทุกวัน” มินที่อุ้มลูกเดินออกมากหาบดินทร์ที่ตอนนี้ลูกชายตัวดีได้ตกไปอยู่ในอ้อมกอดของคุณลุงสุดที่รักแล้ว
“มิน นี่คุณดารินทร์นะ ดารินทร์ครับนี่น้องผมครับ มินเป็นแม่ของตาหนูเขา” บดินทร์รีบแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันเมื่อเห็นสายตาสงสัยของน้องชายที่มองมาก่อนจะฟัดแก้มหลานไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“สวัสดีครับคุณมิน ตัวจริงน่ารักมากๆเลย”
“คุณดารินทร์ก็ดูดีมากๆเลยครับ แล้วนี่ทำไมถึงมากับพี่บดินทร์ได้ครับ พี่บดินทร์เอารถออกไปนี่นา”
“รถพี่เสียแล้วเจอดารินทร์พอดีหนะ ดารินทร์ครับลองอุ้มตาหนูไหม ดูท่าแกอยากให้คุณอุ้มนะ” บดินทร์ที่อธิบายให้น้องชายฟังก่อนจะยื่นตัวหลานชายที่ทำไม้ทำมือจะไปหาดารินทร์ท่าเดียวจนต้องถามดารินทร์ขึ้น
“ผมไม่เคยอุ้มเด็กเลยครับ” แม้ดารินทร์อยากอุ้มแต่ก็กลัวว่าทำเด็กน้อยตรงหน้าหล่นหลุดมือเสียมากกว่า
“มาครับเดียวผมสอนอุ้ม ตาหนูแกอุ้มง่ายครับ” มินบอกก่อนจะอุ้มตาหนูจากพี่ชายออกมาให้ดารินทร์ดูอย่างง่ายๆก่อนจะยื่นตาหนูให้ดารินทร์ลองอุ้มดู
การกระทำเคอะเขินของดารินทร์มันดูน่าเอ็นดูเสียจนมินหลุดหัวเราะไม่เว้นแม้แต่บดินทร์เองที่หลุดยิ้มออกมาบางๆ
ไม่สิ….อย่าหลงไปกับเสน่ห์ของคนตรงหน้าสิบดินทร์เพราะคนตรงหน้านั้นเป็นแค่เหยื่อแก้แค้นไอ้คุณมันเท่านั้น!
บดินทร์ปฏิเสธใจตัวเองแม้ใจจะรู้สึกเต้นแรงกับความน่ารักแสนไร้เดียงสาของดารินทร์แต่ความแค้นนั้นก็มาบดบังจนหมดสิ้น……….
..........................................................................................
ความคิดเห็น