ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] Bad Love รักร้าย [Mpreg]

    ลำดับตอนที่ #3 : รักร้าย 2 [Rewrite]

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 65


     

     

    รักร้าย 2

     

     

    “คุณหมอครับ น้องผมเป็นอย่างไรบ้าง” บดินทร์รีบลุกขึ้นไปถามอาการน้องของตนทันทีที่หมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน

    “คือว่าหมออยากให้คุณทำใจไว้นะครับ คนไข้เกิดอาการช็อกเฉียบพลัน ความทรงจำบางส่วนอาจจะขาดหายไป แล้วเด็กในท้องมีความเสี่ยงมากที่จะเกิดการแท้ง ต้องรอดูอาการอีกสักระยะ ถ้าคนไข้ยังไม่ดีขึ้นหมอคงต้องขออนุญาตเอาเด็กออก” พอหมอพูดจบและเดินจากไปบดินทร์ก็แทบจะล้มทั้งยืนจากคำตอบของหมอ

    นี่น้องของตนเองมีกรรมอะไรหนักหนาถึงโดนสวรรค์กลั่นแกล้งแรงถึงเพียงนี้ แค่โดนคนเป็นพ่อเด็กในท้องทำแบบนี้ใส่ก็ว่าร้ายแรงแล้ว นี่ยังจะทำให้หลานของเขาอาจไม่มีชีวิตรอดอีก

    นี่มันโหดร้ายเกินไปสำหรับชีวิตคนๆนึงแล้ว…

    “มินน้องพี่…น้องต้องเข็มแข็งไว้นะ” บดินทร์พูดออกมาอย่างแผ่วเบาเพราะเริ่มไร้เรี่ยวแรงจะสู้ต่อแต่ก็หวังว่าคำพูดของตนเองนั้นจะส่งผ่านไปกับสายลมเพื่อให้น้องชายได้รับรู้ว่ายังมีพี่ชายคนนี้อยู่เคียงข้างเสมอ

     

    “คุณแม่ทำอย่างนี้ไม่ถูกนะครับ ผมกับพี่คุณเราเป็นเพียงแค่พี่น้องกัน จะให้เราหมั้นกันได้อย่างไร” ดารินทร์คุณหนูตระกูลใหญ่ที่ถือว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ตระกูลหนึ่งพูดขึ้นอย่างโต้แย้งเมื่อรับรู้จากปากของมารดาว่าตนเองนั้นต้องหมั้นกับพี่ชายที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก

    “แม่รู้ว่าเรากับตาคุณเป็นแค่พี่น้องกัน แต่ลูกก็ไม่มีแฟนสักที แถมตาคุณยังไม่มีใคร ก็หมั้นๆกันไปเถอะ”

    “คุณแม่ มันไม่มีทางเป็นไปได้ ผมเคยได้ยินมาว่าพี่คุณมีคนรักแล้วนะครับ จะให้รินไปแย่งพี่คุณจากคนรักเขาได้อย่างไร”

    “ถ้ามีตาคุณก็คงจะปฏิเสธงานหมั้นไปแล้วสิ ลูกเองก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะเพราะมันเป็นผลประโยชน์ต่อครอบครัวของเราทั้งสองฝ่าย ยังไงงานหมั้นก็ต้องเกิดขึ้น อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละ” 

    สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องผลประโยชน์สินะ ดารินทร์คนนี้ก็เป็นได้แค่หมากในเกมส์ของคนในบ้านที่ใครจะจับไปวางตรงไหนหรือกำหนดให้เดินทางไหน โดยที่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้เลยแม้แต่นิดเดียว…

    “ทานข้าวกับพี่ไม่อร่อยงั้นเหรอริน” ศตคุณเอ่ยถามคนตรงหน้าที่กำลังนั่งมองอาหารตรงหน้าอย่างเหม่อลอยมาสักพักหลังจากที่ตนเองนั้นไปรับน้องมาทานข้าวนอกบ้าน

    “อร่อยครับ แต่เราไม่เห็นต้องมาทานข้าวด้วยกันเลยนี่ครับ รินว่ามันไม่จำเป็นเท่าไรที่พี่คุณจะมาเทคแคร์รินแบบนี้ เราเป็นคู่หมั้นกันแค่ในนามเท่านั้น อีกอย่างที่เราหมั้นกันก็เพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจ พี่คุณก็รู้ดี”

    “พี่รู้ แต่พี่เอ็นดูรินแบบน้อง รินอย่าคิดมากเลย เราแค่หมั้นกัน แต่ถ้ารินเจอคนที่รักพี่ก็จะถอนหมั้นให้”

    “คนที่รักเหรอครับ ไม่หรอกมีหรอกครับพี่คุณแต่ถึงจะมีแต่คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะยังไงพี่คุณก็รู้ว่าเราสองคนต้องแต่งงานกันอยู่ดี” ใช่แล้ว… รินก็เป็นแค่นกน้อยในกรงทองเท่านั้น ไม่สามารถที่จะโผบินออกจากกรงไปได้หรอกถ้าเจ้าของกรงไม่อนุญาติ

            ศตคุณมองหน้าคนที่เอ็นดูแบบน้องชายอย่างเป็นห่วง แต่มองไปเพียงครู่เดียวก็ต้องหันหน้าหนีเพราะตนเองนั้นมองเห็นหน้าดารินทร์เป็นหน้าของมินทับซ้อนขึ้นมา

    ‘จะนึกถึงคนแบบนั้นทำไมศตคุณ ก็แค่คนแพศยาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีค่าให้นึกถึงเลยสักนิด’ 

    ศตคุณย้ำบอกตัวเองในใจก่อนจะเริ่มทานอาหารตรงหน้าและไม่ลืมที่จะตักอาหารจานโปรดของดารินทร์ให้อีกคนด้วย

    ในตอนนี้สิ่งที่ศตคุณควรสนใจที่สุดก็คือว่าที่เจ้าสาวของตนเอง ไม่ใช่คนในอดีต….

     

    “นายน้อยครับ นี่คือคนที่คุณศตคุณจะหมั้นหมายด้วยครับ” บดินทร์รับซองเอกสารจากสมภพที่เป็นเลขาและมือขวาของตนขึ้นมาเปิดดู

    “ดารินทร์งั้นเหรอ” บดินทร์ที่อ่านชื่อและประวัติในเอกสารก่อนจะเปิดดูรูปถ่ายของคู่หมั้นของของอดีตเพื่อนที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าสาวในไม่ช้าอย่างสนใจ

    “ดูงดงามและช่างไร้เดียงสาเสียจนน่าทำให้มันแปดเปื้อนเสียจริง” บดินทร์พูดออกมาเบาๆในขณะที่นิ้วมือก็ลูบไปมาบนรูปถ่ายของดารินทร์อย่างที่ไม่มีใครคาดเดาสายตาที่เรียบนิ่งนี้ได้

    “จับตาดูไว้ให้ดี ตอนนี้อย่าเพิ่งลงมือทำอะไร ฉันอยากให้น้องชายปลอดภัยก่อนถึงจะเริ่มลงมือ งานแต่งงั้นเหรอไอ้คุณ ถ้าว่าที่เจ้าสาวแกตกเป็นเมียคนอื่นแกจะอกแตกตายไหมนะ” บดินทร์เหยียดยิ้มออกมาเมื่อในความคิดของตนเองในตอนนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ทำตามสิ่งที่คิดได้

    กูจะรอดูมึงทุรนทุรายยิ่งกว่าที่น้องของกูเจ็บ ไอ้คุณ!

            “นะ น้ำ…..” มินที่นอนสลบมาได้สามวันแล้วก็เพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจะร้องขอน้ำเบาๆ

    “น้องค่อยๆดื่มนะเดี๋ยวจะสำลัก” บดินทร์ที่เห็นว่าน้องชายขยับตัวก็ลุกขึ้นมาตรงเตียงก่อนจะได้ยินเสียงร้องขอน้ำดื่มจึงรีบเทน้ำใส่แก้วพร้อมหลอดแล้วพยุงตัวน้องให้ดื่มแก้กระหาย

    “ที่นี่ที่ไหนครับพี่บดินทร์” มินเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อมองไปรอบๆและปรากฏว่าไม่ใช่ที่คุ้นเคยที่ตนเองนั้นเคยอยู่

    “น้องอยู่โรงพยาบาลครับ ตอนนี้น้องไม่สบายแถมมีอาการช็อกเพราะป่วยหนักพี่เลยให้นอนที่โรงพยาบาลดูอาการ” บดินทร์เลือกที่จะโกหกออกไปเพราะมินในตอนนี้ดูแล้วคงจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย

    “น้องจำอะไรได้บ้างลองบอกพี่หน่อย”

    “มินจำได้ว่ามีลูก มินท้องใช่ไหมครับพี่บดินทร์” มินลองหลับตานึกก่อนจะเห็นภาพตัดไปตัดมาในหัวและภาพที่เห็นก็คือตัวเองถือที่ตรวจครรภ์และมีภาพที่ใครสักคนแทรกขึ้นมา

    ใครสักคนที่ผลักตนเองล้มลงพื้นและนอนจมกองเลือด….

    แต่มินไม่รู้ว่าเขาคนนั้นคือใคร ทำไมถึงทำแบบนี้ จำไม่ได้สักนิด……

    “เลือดครับพี่บดินทร์ มินเห็นเลือด… เลือดเต็มขาของมินเลย” มินเอ่ยบอกเสียงสั่นก่อนจะถูกพี่ชายกอดปลอบแน่นเพื่อให้ตนเองหายหวาดกลัว

    “มันผ่านมาแล้วครับน้องพี่ มันผ่านไปแล้วอย่านึกถึงมันเลย” บดินทร์ลูบหัวน้องเบาๆอย่างปลอบประโลมและพูดปลอบเบาๆให้น้องชายสบายใจขึ้นมา

    “พี่บดินทร์ครับมินจำได้ว่ามีคนผลักมินล้มแล้วเลือดก็ไหนเต็มไปหมดเลย มินร้องให้คนๆนั้นช่วยแต่เขาไม่หันมามองเลย ลูกของมินจะเป็นอะไรไหมครับ” 

    “หลานของพี่ปลอดภัยดี แต่พี่อยากให้น้องอย่าพยายามนึกถึงมัน น้องทำให้พี่ได้ไหม” 

    “มันน่ากลัวมากเลยพี่บดินทร์ น่ากลัวจนมินอยากลืม มินจะไม่นึกถึงมันอีกแล้วครับ” ยิ่งหลับตามินก็เจอแต่เลือดไหลเต็มขาพร้อมกับเงาดำๆที่เป็นใครสักคนเดินจากไปแต่ก็นึกไม่ออกว่าเค้าคนนั้นเป็นใคร และถึงแม้ว่าภายในใจของตนนั้นสั่งให้ลืมๆมันไป ลืมว่าเคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นแต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าให้พยายามจดจำให้ได้

    “น้องพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะไปตามหมอมาดูอาการเรา” มินทำตามที่พี่ชายบอกอย่างว่าง่ายก่อนจะเอนตัวลงบนเตียงและหลังจากบดินทร์เดินออกไปตามหมอแล้วตนเองก็เอามือสัมผัสท้องเบาๆก่อนจะเอ่ยคำพูดกับเด็กในท้องเพื่อลูกจะรับรู้

    “หนูเป็นลูกของใครแม่จำไม่ได้ แต่หนูต้องเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงนะ” ไม่รู้ทำไมพอสัมผัสกับท้องแบบนี้ มินก็เหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ เหมือนหัวใจมันโดนแทงซ้ำๆ จนรู้สึกเจ็บไปหมด เจ็บอย่างไม่รู้สาเหตุ……

            “ความทรงจำของคนไข้ได้ขาดหายไปบางส่วนอย่างที่หมอเคยแจ้งไว้นะครับ จะบอกว่าคนไข้รีเซ็ทตัวเองก็ได้เหมือนสมองสั่งให้ลืมสิ่งที่อยากลืม แต่หมอไม่สามารถบอกได้ว่าคนไข้จะกลับมาจำได้เมื่อไร บางคนอาจจะแค่อาทิตย์เดียวหรือบางคนเป็นปี แล้วแต่ว่าจะมีอะไรมากระตุ้นความทรงจำของคนไข้รึเปล่า คุณอาจจะให้คนไข้ไปในที่ๆเคยทำกิจกรรมให้คนไข้คุ้นเคยอาจจะทำให้ความทรงจำกลับมาเร็วขึ้นก็ได้ครับ” บดินทร์ที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกดีใจมากที่น้องของตนนั้นลบไอ้ชั่วนั้นออกจากสมองได้สักทีแม้มันจะฟังดูเห็นแก่ตัวมากก็ตาม

    “แล้วหลานผมล่ะครับหมอเขาจะปลอดภัยไหม” นี่เป็นอีกเรื่องที่บดินทร์เป็นห่วง หลานเพราะมินเกือบแท้งลูกมาแล้วครั้งหนึ่ง ตนเองกลัวว่าหลานอาจจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตออกมาลืมตาดูโลก

    “ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากครับที่ทารกในท้องไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรที่รุนแรง แต่หมอขอย้ำอีกครั้งนะครับว่าอย่าให้ว่าที่คุณแม่เครียดอีกหรือเกิดแรงกระทบที่ท้องอีกครั้งเด็ดขาด”

    “ได้ครับหมอ ขอบคุณคุณหมอมากจริงๆที่ช่วยเหลือน้องและหลานของผมไว้”

    “ยินดีครับ”

            หลังจากที่หมอเดินไปแล้ว มินที่อ่อนเพลียก็ผล็อยหลับไปตอนที่หมอตรวจร่างกาย บดินทร์ที่เห็นน้องชายหลับก็เดินไปห่มผ้าให้ก่อนจะลูบหัวของน้องเบาๆด้วยความรู้สึกโล่งใจ

    “น้องพี่ต่อไปนี้พี่จะอยู่กับน้อง ช่วยน้องเลี้ยงหลานนและหลานของพี่จะต้องเติบโตมาอย่างดีที่สุดแม้เลือดครึ่งหนึ่งในตัวจะเป็นเลือดของไอ้ชั่วนั่นก็ตาม”

    “หลานของลุง หลานต้องรักแม่ให้มากๆนะ เพราะพ่อของหลานมันทำร้ายแม่ของหลานและหลาน พอเกิดมาหลานจะต้องเกลียดมันให้สมกับความเลวของมัน” บดินทร์ก้มกระซิบกับท้องของน้องชายเบาๆที่มีหลานตัวน้อยอาศัยอยู่ 

    จะหาว่าตนเองนั้นร้ายกาจก็ได้ที่เสี้ยมหลานตั้งแต่อยู่ในท้อง แต่ถ้าใครมาเป็นบดินทร์ก็คงจะรู้สึกแบบตนเองว่าน้องชายที่โดนทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจจนเกือบตายไปมันเป็นยังไง

    “เรื่องของกูกับมึงมันยังไม่จบหรอกไอ้คุณมันเพิ่งเริ่มต่างหาก!”

     

    “มิน พี่บอกน้องแล้วใช่ไหมว่าอย่าเดินหรือยืนนาน” บดินทร์ที่เพิ่งกลับจากบริษัทก็โดนสาวใช้รายงานว่าน้องของตนนั้นกำลังเข้าครัวทำอาหารเย็นอยู่

    “พี่บดินทร์ มินไม่ได้ยืนนานเลยนะครับแค่ตาหนูบอกว่าอยากกินอาหารฝีมือของมิน มินก็เลยเข้าครัวทำให้ตาหนูกินแล้วทำให้เผื่อพี่บดินทร์ด้วย” มินหันกลับมาตอบคำถามพี่ก่อนจะหันกลับไปทำต่อ บดินทร์ที่เห็นแบบนั้นก็ส่ายหัวในความดื้อของน้องชายตนเองก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกสองเม็ดแล้วพับแขนขึ้นและเดินไปแย่งตะหลิวมาจากน้องก่อนจะดันน้องให้ไปนั่งรอที่โต๊ะในครัวแล้วตนเองยืนทำแทน

    “นั่งอยู่ตรงนี้เลยเดี๋ยวพี่จัดการแทนเอง” บดินทร์บอกก่อนจะจัดการต่อแทนทุกอย่างให้เรียบร้อยจนมินที่โดนสั่งห้ามก็หน้ามุ่ยก่อนจะก้มลงไปพูดกับลูกในท้องเบาๆ

    “ดูคุณลุงหนูสิ เอาแต่ใจที่สุดเลย”

    “เดี๋ยวเถอะ ฟ้องหลานพี่แบบนั้นได้ไงเดี๋ยวพี่จะฟ้องคืน” เมื่อบดินทร์ที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็หันมายีหัวน้องของตนอย่างหมั่นเขี้ยว

    ตอนนี้มินก็ท้องได้เจ็ดเดือนแล้วเรื่องร้ายๆผ่านมาได้สามสี่เดือนแล้ว และตลอดเวลาน้องก็ไม่เคยถามหาว่าพ่อของเด็กคือใคร น้องบอกแค่ว่า ถ้าสมองสั่งให้ลืมก็ลืมดีกว่า เพราะมินคนเก่าก็คงไม่อยากจำ ถึงแม้บางครั้งน้องจะบอกว่าตนเองฝันร้ายก็ตามแต่เมื่อพอตื่นเช้าขึ้นมาก็กลับมายิ้มแย้มดังเดิม

    ที่จริงบดินทร์อยากจะส่งน้องไปอยู่ต่างประเทศเสียมากกว่าแต่น้องขอไว้เพราะอยู่ที่นี้ยังมีคนรู้จัก และน้องขอมาอยู่ที่บ้านชานเมืองแทนจะอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลเพื่อความสงบและอากาศที่ดีกว่าในตัวเมืองซึ่งมันก็เป็นผลดีต่อคนท้อง

    “วันนี้ตาหนูของพี่ดื้อมากไหม” บดินทร์ที่นั่งลงกับพื้นเพื่อที่จะได้สัมผัสท้องของน้องชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถาม

    “ดื้อมากเลยครับ วันนี้ก็ดิ้นตั้งแต่เช้าเลย มินต้องพาเดินเล่นรอบบ้านถึงจะหยุดดิ้น พอโตขึ้นต้องดื้อมากแน่ๆเลย” มินบอกออกมาก่อนจะนึกถึงตอนเช้าที่ต้องตื่นเพราะแรงถีบจากในท้องและพอลุกขึ้นจัดการตัวเองเสร็จตนเองก็ลงมาทานอาหารเช้าที่สาวใช้ในบ้านจัดไว้ให้ พอทานเสร็จว่าจะงีบหลับสักแปปแต่แรงถีบในท้องไม่ยอมหยุดจนตนต้องออกไปเดินที่สวนหน้าบ้านจึงสงบลง

    “อย่าดื้อมากนะครับรู้ไหม เดี๋ยวแม่หนูจะไม่สบาย” บดินทร์เอ่ยคำพูดผ่านท้องของน้องชายเพื่อจะบอกหลานน้อยของตนที่อยู่ในท้อง

    ตุบๆๆ

    สัมผัสที่กระทุ้งตอบมาหลังจากที่บดินทร์พูดเสร็จก็ทำให้สองพี่น้องนั้นหัวเราะออกมา

    “ดูตาหนูสิครับ เชื่อฟังพี่บดินทร์มากกว่ามินอีก โตขึ้นมาคงจะฟังพี่มากกว่ามินแน่ๆเลย”

    “อย่าน้อยใจลูกเลย ยังไงตาหนูของพี่ก็รักน้องที่สุด” และก็ต้องเกลียดคนเป็นพ่อมากที่สุดเช่นกัน……

    บดินทร์พูดต่อในใจก่อนจะลุกขึ้นแล้วพาน้องชายไปนั่งรอที่โต๊ะทานข้าว เพื่อรอสาวใช้เตรียมสำหรับอาหารเย็นในวันนี้ขึ้นโต๊ะ

    “นายน้อยครับ นี่คือข้อมูลส่วนตัวและประวัติการทำงานล่าสุดของคุณดารินทร์ครับ” หลังจากบดินทร์เอานมอุ่นๆไปให้น้องชายดื่มก่อนจะส่งน้องเข้านอนแล้วกลับมาที่ห้องทำงาน สมภพก็ยื่นเอกสารที่ตนเองสั่งให้ไปหามายื่นให้

    “ดี ฉันจะเริ่มเดินเกมส์ซักที ฉันปล่อยไอ้คยูมันอยู่อย่างสุขสบายมาหลายเดือนแล้ว ฉันจะขัดขวางมันทุกอย่างแม้กระทั่งธุรกิจที่มันรัก” บดินทร์บอกก่อนจะหยิบประวัติของดารินทร์ที่ตนให้สมภพไปหามาใหม่อีกครั้งอย่างละเอียดขึ้นมาอ่านก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อพบว่าข้อมูลชุดใหม่นี้มีบางสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย….

     

    “วันนี้คุณดารินทร์จะรับดอกไม้อะไรดีคะ” เสียงทักทายที่สดใสเอ่ยถามดั่งเช่นทุกวันทำให้ดารินทร์ส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงหวนกลับไป

    “วันนี้ขอเดินดูก่อนได้ไหมครับ เพราะไม่ได้คิดมาว่าจะเลือกดอกอะไรดี”

    “ได้คะ ถ้าได้แล้ว เรียกดิฉันเลยนะคะ” 

    ดารินทร์ที่ผละจากหญิงสาวออกมาเดินชมดอกไม้ในร้านก่อนจะมองไปรอบๆเพื่อหาดอกไม้ที่ตนถูกใจ ดารินทร์นั้นชอบกลิ่นหอมๆของดอกไม้มากเพราะฉะนั้นทุกวันก่อนจะไปทำงานจึงแวะซื้อดอกไม้ที่ร้านนี้เป็นประจำเพื่อที่จะนำดอกไม้ไปจัดในห้องทำงานของตนเองให้ดูสดชื่นในทุกๆวัน

    “เมื่อวานนี้เราใช้ดอกกุหลาบสีชมพูนี่น่า วันนี้จะใช้อะไรดีนะวันนี้” ดารินทร์พึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะเดินมองดอกไม้ไปเรื่อยๆจนไม่สังเกตเห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างหน้า

    ตุบ!!!

    “ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรไหมครับ” เสียงทุ้มต่ำตรงหน้าที่รับตัวดารินทร์ไว้ไม่ให้ไปกองกับพื้นเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงทำให้ดารินทร์ที่พยุงร่างกายยืนขึ้นดีๆเงยหน้ามองคนที่ช่วยตนเองไว้

    “เอ่อ…ขอโทษครับ ผมสิมัวแต่มองดอกไม้จนไม่ทันได้มองทางจนชนคุณเข้า”

    “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเองก็ไม่ทันมองเหมือนกันเพราะมัวแต่ดูดอกไม้”ชายหนุ่มตรงหน้าพูดก่อนจะหัวเราะเบาๆส่งมาให้ทำให้ดารินทร์ยิ้มบางๆตอบกลับ

    “ซื้อดอกไม้ไปให้คนรักเหรอครับ” ดารินทร์อดถามไม่ได้เมื่อผู้ชายตรงหน้าดูเป็นคนที่บุคลิกจะไม่ใช่คนชอบอะไรแบบนี้เลย

    “ครับ แต่เป็นน้องชายนะครับ ตอนนี้น้องชายผมกำลังมีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วยผมก็ไม่รู้จะซื้อดอกอะไรไปฝากดี” ชายหนุ่มตรงหน้าบอกอย่างเขินๆ และนั่นก็ทำให้ดารินทร์หัวเราะเบาๆด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นหูของผู้ชายตรงหน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ คงจะอายมากๆเลยที่ตนเองนั้นเป็นผู้ชายที่ดูสุขุม หน้าดุๆ เข้าร้านดอกไม้แบบนี้

    “งั้นผมช่วยแนะนำให้ไหมครับ เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยไว้เมื่อครู่นี้”

    “งั้นรบกวนด้วยนะครับ คุณ…..”

    “ดารินทร์ครับ”

    “ผมบดินทร์นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับดารินทร์” หลังจากที่แนะนำตัวกันเสร็จดารินทร์ก็เดินพาบดินทร์เดินดูดอกไม้ไปเรื่อยๆ จนเจอดอกไม้ที่คิดว่าเหมาะกับคนท้องจึงหยุดแนะนำ

    “ผมว่าดอกสแตติสน่าจะเหมาะกับคนท้องนะครับความหมายก็ดีด้วย” ดารินที่จับช่อสแตติสมาให้บดินทร์ดูก่อนจะเอ่ยคำแนะนำ

    “ดารินทร์ว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้นครับ ผมไม่ค่อยรู้ความหมายของดอกไม้ซะด้วยสิ วันนี้หลานในท้องก็ครบแปดเดือนแล้วด้วย”

    “งั้นสแตติสก็เหมาะเลยนะครับ เป็นดอกไม้ที่มอบให้ในวันครบรอบพอดี เหมาะกับน้องชายและหลานตัวน้อยของคุณมากๆเลย”

    “งั้นผมเอาดอกนี้แหละครับ แล้วดารินทร์จะซื้อดอกอะไรครับ ผมเห็นคุณมองอยู่นานแล้ว”

    “ไม่รู้สิครับ เมื่อวานผมซื้อดอกกุหลาบสีชมพูไป วันนี้เลยไม่รู้จะซื้อดอกไม้อะไรดี” ดารินทร์เอ่ยบอกคนตรงหน้าก่อนจะมองไปรอบๆ จนหันกลับมาก็พบว่ามีเจ้าดอกลิลลี่สีขาวถูกยื่นมาให้

    “ผมว่าลิลลี่นี่ดูเหมาะกับคุณดีนะครับ ความหมายมันแปลว่าอะไรครับคุณรู้ไหม” บดินทร์ที่เห็นดอกไม้ชนิดนี้ใกล้ตัวและตนเองก็คิดว่าเหมาะกับคนตรงหน้าจึงหยิบมันขึ้นมาให้อีกคน

    “เอ่อ…….” ดารินทร์ที่ติดอ่างไปสักครู่เพราะอยู่ๆก็รู้สึกเหมือนลิ้นแข็งไม่ยอมทำงานขึ้นมาแถมยังแอบเผลอใจเต้นไปวูบนึงเมื่อถูกผู้ชายตรงหน้ายื่นดอกลิลลี่สีขาวมาให้ตนพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นแบบนี้

    “ผมว่าคุณน่าจะรู้ความหมายมันนะ”

    “ครับ มันหมายถึง ฉันรู้สึกดีที่ได้รู้จักและอยู่ใกล้คุณ" พูดจบดารินทร์ก็รู้สึกแก้มของตนร้อนขึ้นมา 

    ดารินทร์คงไม่เขินผู้ชายแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักหรอกใช่ไหม?

    “ครับ ผมว่ามันเหมาะกับเราดี” บดินทร์บอกพร้อมรอยยิ้มละมุนชวนให้ใจเต้นก่อนจะส่งดอกไม้ทั้งสองชนิดให้เด็กในร้านที่เดินเข้ามาถามพอดีและทั้งสองคนก็เดินไปรอที่เคาท์เตอร์พร้อมกันโดยที่ดารินทร์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาหลังจากที่บดินทร์พูดประโยคนั้นออกมา

    “อ่า… ช่อดอกไม้ของผมได้แล้ว งั้นผมขอตัวก่อนะครับ” เมื่อได้ช่อดอกไม้ของตนเองแล้วดารินทร์ก็หันไปเอ่ยลาผู้ชายที่นั่งรอดอกไม้อยู่ข้างๆกายก่อนจะเดินจากโดยทิ้งให้บดินทร์มองตามจนสุดสายตา และเมื่อดารินทร์เดินจากไปจนพ้นแล้วสายตาที่เคยดูอบอุ่นก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดันตามเดิม

    “แสนดีซะจนอยากจะน่าทำให้โลกใบนั้นมันแปดเปื้อนซะจริงดารินทร์ที่รัก”

     

     .................................................................................

    เรื่องนี้คู่รองเด่นกว่าคู่หลักค่ะ ขอบอกไว้ก่อน

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×