ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crimson Candle เรื่องราวก่อนหน้าและต่อจากนั้น

    ลำดับตอนที่ #3 : Marcus's Side Story -เรื่องราวก่อนหน้านั้น-

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 57


    “ว้าย ดูสิ! นั่นท่านมาร์คัสล่ะ!

    “กรี๊ด ท่านส่งยิ้มมาทางนี้ด้วยล่ะ ตกหลุมรักเข้าเต็มเปาเลย!

    “คนอะไรดูดีอย่างกับเทพบุตรแน่ะ!

    “ไม่ใช่แค่นั้นนะ นอกจากหน้าตาดีแล้วยังทำการค้าเก่งมากๆด้วยล่ะ!

    “คงจะรวยมากแหงเลย ใครได้แต่งงานกับท่านมาร์คัสนี่น่าอิจฉาสุดๆ!

    “ว่าแต่ท่านมาร์คัสเนี่ยเป็นใครมาจากไหนกันนะ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ”

    “ไม่เห็นต้องสนเลยนี่ ตอนนี้ยังไงท่านมาร์คัสก็ท่านมาร์คัสล่ะเนอะ!

    ...แหงล่ะ ตระกูลขุนนางเก่าปลายแถวอย่างข้าจะไปมีใครรู้จักกัน

    เคยคิดเช่นนั้นจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ชายหนุ่มที่ใช้เวลาไม่ถึง3ปีในการเปลี่ยนตัวเองมาเป็นเศรษฐีด้วยความสามารถของตนเองโดยสิ่งที่เขาแลกไป

               ...คือความจริงใจของคนรอบตัว

     

               แสงจากตะเกียงบนโต๊ะทำงานสาดส่องไปทั่วห้องใต้ท้องเรือ เกล็ดปลาสีฟ้าในมือต้องแสงเป็นประกายระยิบระยับเมื่อพลิกไปมา

                เกล็ดปลานี้นอกจากเป็นเครื่องรางที่พกไว้ไม่ให้ห่างแล้วยังเป็นเหมือนเครื่องพิสูจน์เดียวว่าเมื่อหลายปีก่อนซึ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

              

             หญิงสาวผู้แสนงดงาม แม้จะดูมีอายุแต่นั่นไม่ได้ทำให้สเน่ห์ของเธอลดลงเลยแม้แต่น้อย เธอมีดวงตาเรียวคมสีฟ้าใสและหางปลาที่เป็นประกาย...เธอคือนางเงือกผู้หลงใหลในโลกของมนุษย์

               เธอมีนิสัยชอบความท้าทาย สนใจสิ่งต่างๆรอบตัวเสมอ และความอยากรู้อยากเห็นนั้นก็ทำให้เธอถูกจับเข้าโดยเรือที่มาร์คัสเคยทำงานตอนยังเด็ก

              มาร์คัสที่ยังเด็กนั้นแอบเข้าไปช่วยนางเงือกไว้แล้วส่งเธอกลับทะเลไปโดยไม่มีใครรู้...แน่นอน ในทีแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน แต่ในเย็นวันนั้นตอนที่เขานั่งอยู่ริมชายหาด หญิงสาวผู้มีหางปลาก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง...มอบเกล็ดของเธอให้เขาไว้เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ในตัวตนของเธอและพิสูจน์ว่าเธอเชื่อมั่นในตัวเขา

               นางเงือกเล่าเรื่องต่างๆให้เด็กชายฟังด้วยเสียงที่ใสราวระฆัง การคงอยู่ของเหล่าเงือก ดวงตาสีฟ้าใสอันเป็นเอกลักษณ์ของเงือกเท่านั้น วิถีชีวิตที่ถูกต้อนให้เปลี่ยนแปลงไป การรุกรานของมนุษย์ มลพิษที่มนุษย์สร้าง และความอิจฉาในการฝืนโชคชะตาและธรรมชาติของมนุษย์

              “ถ้าข้ามีลูกล่ะก็...ข้าจะขอใช้ทุกสิ่งที่ข้ามีเปลี่ยนนางเป็นมนุษย์ ให้ได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ อยู่ในเมืองที่สงบสุขและเติบโตขึ้นอย่างงดงาม และข้ารู้แล้วว่าควรจะเป็นที่ใด...”

     

    ก๊อก ก๊อก

    “ท่านมาร์คัสขอรับ!! เราจวนถึงแล้วนะขอรับ!!

    “ข้ารู้แล้ว เคลวิน”

    ชายหนุ่มตะโกนตอบผู้ช่วยคนสนิทก่อนเก็บเกล็ดปลาใส่ลงในถุงเล็กๆแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าอีกที

    “มองจากหน้าต่างห้องข้าก็เห็นแล้ว เกาะข้างหน้านั่นสินะ”

    “ท...ท่านมาร์คัส ชุดนั่นมัน...”

           ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเจือแววสนุกสนานอยู่ตลอดเวลาและเรือนผมสีทองประกายถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาล         

    “แต่วันนี้มีนัดเจรจานะขอรับ!

    “ข้ารู้ว่าใครไวใจได้ เคลวิน ฝากเจ้าจัดการแทนข้าด้วย! ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง”

    ชายหนุ่มฉีกยิ้ม เจ้าของชื่อเคลวินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตอบออกมาอย่างเหนื่อยใจ “ก็ได้ขอรับ”

    “ขอบใจเจ้ามาก”

     

            เรือเดินสมุทรลำยักษ์เข้าเทียบท่า...ปะปนไปกับกลุ่มลูกเรือที่ลงจากเรือและลัดเลาะไปตามเหล่าผู้คนที่สัญจรไปมาบนท่าเรือขนาดใหญ่ มาร์คัสในชุดสีน้ำตาลเลือกที่จะใช้วันแรกบนเกาะญี่ปุ่นไปกับคำว่าอิสระ

     

           “...หากลูกของข้าได้ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะที่ถูกเรียกว่าญี่ปุ่นก็คงดี ที่นั่นเงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร ลูกข้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

    นั่นเป็นสิ่งที่นางเงือกได้พูดไว้ก่อนจะเกิดสงคราม...

            

            “ลองชิมนี่ดูหน่อยไหมพ่อหนุ่ม! ซุปสาหร่ายผลิคภัณฑ์ใหม่จากร้านข้าเอง!!” มาร์คัสที่มัวแต่คิดถึงคำพูดของเงือกสะดุ้งเมื่อมีมือหนึ่งยื่นชามซุปมาตรงหน้า เมื่อมองรอบๆเขาถึงรู้สึกตัวว่าตนเดินมาถึงบริเวณตลาดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

          “ขอบคุณ” ชายหนุ่มตอบด้วยภาษาญี่ปุ่นที่ศึกษาด้วยตนเองก่อนรับถ้วยซุปมา เขาพอจะรู้ถึงวัฒนธรรมที่นี่มาบ้างแต่ก็กระอักกระอ่วนนิดหน่อยที่ไม่มีช้อนให้ใช้ เขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนข้างๆยกถ้วยขึ้นซดเขาจึงทำตาม

          “เป็นอย่างไรบ้าง ท่านทั้งสอง” พ่อค้าถามหลังจากรับถ้วยซุปคืนไป

          “อร่อยมากขอรับ ข้าชอบมากๆเลย” ชายหนุ่มยิ้มออกมา

          “ถ้าเช่นนั้นสนใจซื้อไปไหม? เอ้า ข้าลดให้เจ้าพิเศษเลยนะพ่อหนุ่ม” พ่อค้าพูดออกมาอย่างดีใจ เขาหันไปหยิบเอาถุงซุปมาเต็มมือ

         “ข้าว่ามันเค็มไปนะ” เสียงหวานใสที่ดังจากหญิงสาวเมื่อครู่ทำเอาพ่อค้าหยุดชะงัก “ไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนไม่กินเค็มแต่นี่มันเค็มไปจริงๆ ข้าว่าท่านน่าจะลดเกลือลงแล้วเพิ่มรสหวานเข้าไปแทนนะ”

     พูดจบดวงตาสีฟ้าใสดูเรียบนิ่งของเธอตวัดหันมามองชายหนุ่ม

     “แต่ถ้าเจ้าปั้นหน้ายิ้มแล้วบอกว่ามันอร่อยขนาดนั้นก็เหมาไปเลยแล้วกัน ข้าขอแค่2ถุงก็พอ” พูดจบหญิงสาวก็หยิบเงินจากถุงเล็กๆแล้วส่งให้พ่อค้า “หวังว่าคำแนะนำของข้าจะเป็นประโยชน์”

      

          “เดี๋ยวก่อน เจ้าน่ะ!” หลังจากที่ซื้อซุปจากพ่อค้ามาแล้วมาร์คัสก็วิ่งตามหญิงสาวมาจนทัน

          “มีอะไรเหรอ?” หญิงสาวหันกลับมา ใบหน้าสวยรับกับเรือนผมสีดำขลับนั้นดูประหลาดใจ

          “ข้าแค่อยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้พูดแบบนั้นกับพ่อค้า”

          ใช่...มาร์คัสประหลาดใจ ทำไมหญิงสาวถึงได้พูดสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่แบบนั้น คนอย่างเขาที่เอาแต่ปั้นหน้ายิ้มแล้วพูดแต่สิ่งที่อีกฝ่ายอยากได้ยินมาตลอดไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งๆที่แค่เอ่ยปากชมไปน่าจะดีกับตนเองมากกว่าแท้ๆ

         “อ้อ...คนตะกี้นี่เอง” หญิงสาวทัดผมสีดำเงาไว้หลังหู “เจ้าก็คิดว่ามันเค็มเกินไปไม่ใช่เหรอ? ตอนที่เจ้ากินข้าแอบเห็นสีหน้าของเจ้าแว้บหนึ่ง แต่ก็เพียงชั่วครู่ก่อนที่เจ้าจะยิ้มออกมา”

        “...”

       “ข้าแค่ไม่อยากปล่อยให้เขาโดนคนอื่นนำไปนินทาหรือสุดท้ายก็ขายไม่ได้ไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง ซุปแบบนั้นจะมีสักกี่คนที่ชอบกัน อย่างมากพวกเขาก็แค่ยิ้มเจื่อนๆ พอถูกเสนอขายก็ขอตัวหนีไปกันทั้งนั้นล่ะ” หญิงสาวพูดชัดถ้อยชัดคำ “มีแค่เจ้านั่นล่ะมั้งที่ปั้นยิ้มแล้วบอกว่าอร่อยน่ะ”

        “ข้าไม่ได้ปั้นหน้ายิ้มเสียหน่อย”

        “นั่นแปลว่าเจ้าทำจนเคยตัวแล้วน่ะสิ” หญิงสาวตอบแบบไม่ต้องคิดทำเอามาร์คัสปั้นหน้าไม่ถูก “เจ้าเป็นชาวตะวันตกนี่? คงไม่ได้เป็นพวกสายสืบอะไรหรอกนะ?”

        “สบายใจได้ ข้าเป็นพ่อค้าน่ะ”

        “หืม? แต่เจ้าดูไม่เหมือนเลย...เอาเถอะ ข้าชื่อ(ชื่อคุณ) ถ้าเจ้าเป็นพ่อค้าก็ต้องอยู่ที่นี่อีกสักพักใช่ไหมล่ะ ข้าเป็นคนท้องถิ่นเพราะงั้นมีปัญหาอะไรถ้าข้าช่วยได้ข้าก็จะช่วย”

        “ขอบใจเจ้ามาก ข้ามาร์คัส จากนี้ไปก็...ต้องพูดว่าฝากตัวด้วยสินะ”

        “อาฮะ! ข้าเองก็ฝากตัวด้วยนะ มาร์คัส”

        รอยยิ้มของเด็กสาวตรงหน้าดูเปล่งประกายราวดอกทานตะวันท่ามกลางแสงอาทิตย์ เหมือนน้ำแข็งในใจของเขาได้ถูกแสงอันอบอุ่นค่อยๆละลายลงทีละน้อย

         ดวงตากลมโตสีฟ้าใสของเธอไร้ซึ่งความเสแสร้งเจือปน...บางแห่งลึกๆในใจของมาร์คัสบอกกับเขาว่าในที่สุดก็ได้พบกับสิ่งที่ขาดหายไป ราวกับทิวทัศน์ที่เคยเป็นสีขาวดำพลันเอ่อล้นไปด้วยสีสันมากมาน

        “ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ น้ำซุปนี่คงต้องเอาไปปรุงอีกยกใหญ่เลยล่ะ” พูดจบ(ชื่อคุณ)ก็ชูน้ำซุปสองถุงที่ซื้อมาก่อนวิ่งจากไป

     

    อาจฟังดูขี้โกงแต่ชายที่สวมหน้ากากเป็นชีวิตเช่นเขา

    กลับตกหลุมรักหญิงสาวผู้แสนจริงใจตั้งแต่แรกพบเข้าเสียแล้ว

     

     

           “ท่านตาท่านยายบอกให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านมาร์คัส...เจ้า...ไม่สิ ท่านไม่เห็นเคยบอกข้าเลยว่าท่านเป็นเศรษฐีตระกูลขุนนาง”

          ไม่นานนักหลังจากวันนั้นมาร์คัสก็เป็นที่รู้จักของคนทั้งหมู่บ้าน เป็นที่ชื่นชมและเปลี่ยนทัศนคติของชาวบ้านบนเกาะที่มีต่อชาวตะวันตก

         “ข้าเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไ------

        “เรื่องใหญ่สิเจ้าคะ ฐานะของท่านกับข้าต่างกันถึงเพียงนี้” หญิงสาวส่ายหน้า “ต่อไปนี้ข้าก็จะเรียกท่านว่าท่านมาร์คัส ท่านเองก็อย่าเรียกชื่อข้าให้ฟังดูสนิทสนมนักเลย”

        “งั้นจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดีล่ะ”

        “แล้วแต่ท่านสิ” หญิงสาวหัวเราะ

         “งั้น...เลดี้แล้วกัน ตกลงนะ?”

         “อื้ม! ข้าชอบนะ ถึงจะไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรก็เถอะ” พูดจบทั้งสองก็หัวเราะออกมา

       

        ก่อนที่มาร์คัสจะเงียบไป...แล้วพูดขึ้นหลังจากปล่อยเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง

        “เลดี้ ถ้าข้าจะชวนเจ้าไปอยู่ที่ตะวันตกกับข้าเจ้าจะไปไหม?”

        “เอ๋?”

        “...”

        “ท่านมาร์คัส...ข้าเกิดที่นี่นะ ข้าเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่ คนที่ข้ารักล้วนอยู่ที่นี่ ถึงแม้ที่ตะวันตกจะแสนสะดวกสบายแต่จะให้ข้าทิ้งพวกเขาเหล่านี้ไปได้อย่างไรกัน”

    ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นคงตอบตกลงในทันทีแท้ๆ... เพราะแบบนี้ไงเจ้าถึงได้พิเศษ

       

    ชายหนุ่มตัดสินใจใช้เรื่องนางเงือกเป็นข้ออ้าง

    ทำทีว่าจะไม่กลับตะวันตกถ้าไม่ได้ตัวหญิงสาวไปด้วย

    ยอมเป็นตัวร้ายในสายตาของเธอ

    ก็แค่...อยากอยู่เคียงข้างเธอเพียงเท่านั้น

    ไม่ต้องกลับไปตะวันตกก็ได้ ขออยู่กับเธอ จะที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น

     

    จนกระทั่ง...

    “โอซาวะ เรียว คนนั้นน่ะเหรอเคลวิน”

    “ขอรับ ไม่ผิดแน่...ทางตะวันตกสั่งให้เขาสังหารคนบนเกาะแลกกับการให้เขาไปที่ตะวันตก เป็นแผนที่ชาญฉลาดมากนะขอรับ”

    “...”

    “เพราะงั้นถึงได้มีคำสั่งให้คนของตะวันตกทุกคนออกจากที่นี่เพื่อจะได้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย แน่นอนว่ารวมถึงพวกเราด้วยขอรับ”

     

     

    กะอีแค่บ้านหลังเดียว...ร้านขายเทียนร้านเดียว...ขอแค่ข้าออกคำสั่งมันก็พร้อมจะจมอยู่ใต้กองเพลิงทันที”

    ต่อให้ต้องถูกเจ้ามองด้วยสายตารังเกียจอย่างถึงที่สุด

    “แน่นอนว่าแค่คนคนเดียว...อืม ถ้าด้วยเทคโนโลยีของตะวันตกที่ล้ำหน้ากว่านี้หลายเท่าก็คงฆ่าโดยที่ไม่มีใครจับได้ได้ละมั้ง“

    แม้จะเจ็บจนแทบฝืนยิ้มไม่ไว้

    “อย่ามาล้อเล่นนะ!!!!!! แบบนั้นมัน...ไม่ใช่คนแล้ว!!!!!!”

    “เจ้าเองก็ด้วยไม่ใช่หรือไง...เจ้าคิดว่าจะปิดบังไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?

    ขอแค่เจ้าเท่านั้น...ที่ไม่อยากให้ต้องรับรู้ความจริงอันโหดร้าย

    เพราะคนที่จะเจ็บปวดที่สุดเมื่อรู้ความจริงนั้นไม่ใช่ใครเลยนอกจากเจ้าเอง
     

     

     ชายหนุ่มไม่ได้หวังจะเป็นเจ้าชายที่เจ้าหญิงหันมารัก

    เขาแค่เพียงต้องการจะเป็นอัศวินที่คอยปกป้องเธอ

    แม้สุดท้ายในสายตาเธอนั้นเขาจะเป็นได้เพียงพ่อมดร้ายที่คุมขังเธอไว้ก็ตาม

     

     

    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×