คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Marcus's Side Story -เรื่องราวก่อนหน้านั้น-
“ว้าย ดูสิ! นั่นท่านมาร์คัสล่ะ!”
“กรี๊ด ท่านส่งยิ้มมาทางนี้ด้วยล่ะ ตกหลุมรักเข้าเต็มเปาเลย!”
“คนอะไรดูดีอย่างกับเทพบุตรแน่ะ!”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ นอกจากหน้าตาดีแล้วยังทำการค้าเก่งมากๆด้วยล่ะ!”
“คงจะรวยมากแหงเลย ใครได้แต่งงานกับท่านมาร์คัสนี่น่าอิจฉาสุดๆ!”
“ว่าแต่ท่านมาร์คัสเนี่ยเป็นใครมาจากไหนกันนะ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ”
“ไม่เห็นต้องสนเลยนี่ ตอนนี้ยังไงท่านมาร์คัสก็ท่านมาร์คัสล่ะเนอะ!”
...แหงล่ะ ตระกูลขุนนางเก่าปลายแถวอย่างข้าจะไปมีใครรู้จักกัน
เคยคิดเช่นนั้นจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ชายหนุ่มที่ใช้เวลาไม่ถึง3ปีในการเปลี่ยนตัวเองมาเป็นเศรษฐีด้วยความสามารถของตนเองโดยสิ่งที่เขาแลกไป
...คือความจริงใจของคนรอบตัว
แสงจากตะเกียงบนโต๊ะทำงานสาดส่องไปทั่วห้องใต้ท้องเรือ เกล็ดปลาสีฟ้าในมือต้องแสงเป็นประกายระยิบระยับเมื่อพลิกไปมา
เกล็ดปลานี้นอกจากเป็นเครื่องรางที่พกไว้ไม่ให้ห่างแล้วยังเป็นเหมือนเครื่องพิสูจน์เดียวว่าเมื่อหลายปีก่อนซึ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน
หญิงสาวผู้แสนงดงาม แม้จะดูมีอายุแต่นั่นไม่ได้ทำให้สเน่ห์ของเธอลดลงเลยแม้แต่น้อย เธอมีดวงตาเรียวคมสีฟ้าใสและหางปลาที่เป็นประกาย...เธอคือนางเงือกผู้หลงใหลในโลกของมนุษย์
เธอมีนิสัยชอบความท้าทาย สนใจสิ่งต่างๆรอบตัวเสมอ และความอยากรู้อยากเห็นนั้นก็ทำให้เธอถูกจับเข้าโดยเรือที่มาร์คัสเคยทำงานตอนยังเด็ก
มาร์คัสที่ยังเด็กนั้นแอบเข้าไปช่วยนางเงือกไว้แล้วส่งเธอกลับทะเลไปโดยไม่มีใครรู้...แน่นอน ในทีแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงความฝัน แต่ในเย็นวันนั้นตอนที่เขานั่งอยู่ริมชายหาด หญิงสาวผู้มีหางปลาก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง...มอบเกล็ดของเธอให้เขาไว้เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ในตัวตนของเธอและพิสูจน์ว่าเธอเชื่อมั่นในตัวเขา
นางเงือกเล่าเรื่องต่างๆให้เด็กชายฟังด้วยเสียงที่ใสราวระฆัง การคงอยู่ของเหล่าเงือก ดวงตาสีฟ้าใสอันเป็นเอกลักษณ์ของเงือกเท่านั้น วิถีชีวิตที่ถูกต้อนให้เปลี่ยนแปลงไป การรุกรานของมนุษย์ มลพิษที่มนุษย์สร้าง และความอิจฉาในการฝืนโชคชะตาและธรรมชาติของมนุษย์
“ถ้าข้ามีลูกล่ะก็...ข้าจะขอใช้ทุกสิ่งที่ข้ามีเปลี่ยนนางเป็นมนุษย์ ให้ได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ อยู่ในเมืองที่สงบสุขและเติบโตขึ้นอย่างงดงาม และข้ารู้แล้วว่าควรจะเป็นที่ใด...”
ก๊อก ก๊อก
“ท่านมาร์คัสขอรับ!! เราจวนถึงแล้วนะขอรับ!!”
“ข้ารู้แล้ว เคลวิน”
ชายหนุ่มตะโกนตอบผู้ช่วยคนสนิทก่อนเก็บเกล็ดปลาใส่ลงในถุงเล็กๆแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าอีกที
“มองจากหน้าต่างห้องข้าก็เห็นแล้ว เกาะข้างหน้านั่นสินะ”
“ท...ท่านมาร์คัส ชุดนั่นมัน...”
ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาจากห้องส่วนตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเจือแววสนุกสนานอยู่ตลอดเวลาและเรือนผมสีทองประกายถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุมสีน้ำตาล
“แต่วันนี้มีนัดเจรจานะขอรับ!”
“ข้ารู้ว่าใครไวใจได้ เคลวิน ฝากเจ้าจัดการแทนข้าด้วย! ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง”
ชายหนุ่มฉีกยิ้ม เจ้าของชื่อเคลวินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตอบออกมาอย่างเหนื่อยใจ “ก็ได้ขอรับ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
เรือเดินสมุทรลำยักษ์เข้าเทียบท่า...ปะปนไปกับกลุ่มลูกเรือที่ลงจากเรือและลัดเลาะไปตามเหล่าผู้คนที่สัญจรไปมาบนท่าเรือขนาดใหญ่ มาร์คัสในชุดสีน้ำตาลเลือกที่จะใช้วันแรกบนเกาะญี่ปุ่นไปกับคำว่าอิสระ
“...หากลูกของข้าได้ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะที่ถูกเรียกว่าญี่ปุ่นก็คงดี ที่นั่นเงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร ลูกข้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
นั่นเป็นสิ่งที่นางเงือกได้พูดไว้ก่อนจะเกิดสงคราม...
“ลองชิมนี่ดูหน่อยไหมพ่อหนุ่ม! ซุปสาหร่ายผลิคภัณฑ์ใหม่จากร้านข้าเอง!!” มาร์คัสที่มัวแต่คิดถึงคำพูดของเงือกสะดุ้งเมื่อมีมือหนึ่งยื่นชามซุปมาตรงหน้า เมื่อมองรอบๆเขาถึงรู้สึกตัวว่าตนเดินมาถึงบริเวณตลาดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“ขอบคุณ” ชายหนุ่มตอบด้วยภาษาญี่ปุ่นที่ศึกษาด้วยตนเองก่อนรับถ้วยซุปมา เขาพอจะรู้ถึงวัฒนธรรมที่นี่มาบ้างแต่ก็กระอักกระอ่วนนิดหน่อยที่ไม่มีช้อนให้ใช้ เขาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนข้างๆยกถ้วยขึ้นซดเขาจึงทำตาม
“เป็นอย่างไรบ้าง ท่านทั้งสอง” พ่อค้าถามหลังจากรับถ้วยซุปคืนไป
“อร่อยมากขอรับ ข้าชอบมากๆเลย” ชายหนุ่มยิ้มออกมา
“ถ้าเช่นนั้นสนใจซื้อไปไหม? เอ้า ข้าลดให้เจ้าพิเศษเลยนะพ่อหนุ่ม” พ่อค้าพูดออกมาอย่างดีใจ เขาหันไปหยิบเอาถุงซุปมาเต็มมือ
“ข้าว่ามันเค็มไปนะ” เสียงหวานใสที่ดังจากหญิงสาวเมื่อครู่ทำเอาพ่อค้าหยุดชะงัก “ไม่ใช่เพราะข้าเป็นคนไม่กินเค็มแต่นี่มันเค็มไปจริงๆ ข้าว่าท่านน่าจะลดเกลือลงแล้วเพิ่มรสหวานเข้าไปแทนนะ”
พูดจบดวงตาสีฟ้าใสดูเรียบนิ่งของเธอตวัดหันมามองชายหนุ่ม
“แต่ถ้าเจ้าปั้นหน้ายิ้มแล้วบอกว่ามันอร่อยขนาดนั้นก็เหมาไปเลยแล้วกัน ข้าขอแค่2ถุงก็พอ” พูดจบหญิงสาวก็หยิบเงินจากถุงเล็กๆแล้วส่งให้พ่อค้า “หวังว่าคำแนะนำของข้าจะเป็นประโยชน์”
“เดี๋ยวก่อน เจ้าน่ะ!” หลังจากที่ซื้อซุปจากพ่อค้ามาแล้วมาร์คัสก็วิ่งตามหญิงสาวมาจนทัน
“มีอะไรเหรอ?” หญิงสาวหันกลับมา ใบหน้าสวยรับกับเรือนผมสีดำขลับนั้นดูประหลาดใจ
“ข้าแค่อยากรู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้พูดแบบนั้นกับพ่อค้า”
ใช่...มาร์คัสประหลาดใจ ทำไมหญิงสาวถึงได้พูดสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่แบบนั้น คนอย่างเขาที่เอาแต่ปั้นหน้ายิ้มแล้วพูดแต่สิ่งที่อีกฝ่ายอยากได้ยินมาตลอดไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งๆที่แค่เอ่ยปากชมไปน่าจะดีกับตนเองมากกว่าแท้ๆ
“อ้อ...คนตะกี้นี่เอง” หญิงสาวทัดผมสีดำเงาไว้หลังหู “เจ้าก็คิดว่ามันเค็มเกินไปไม่ใช่เหรอ? ตอนที่เจ้ากินข้าแอบเห็นสีหน้าของเจ้าแว้บหนึ่ง แต่ก็เพียงชั่วครู่ก่อนที่เจ้าจะยิ้มออกมา”
“...”
“ข้าแค่ไม่อยากปล่อยให้เขาโดนคนอื่นนำไปนินทาหรือสุดท้ายก็ขายไม่ได้ไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง ซุปแบบนั้นจะมีสักกี่คนที่ชอบกัน อย่างมากพวกเขาก็แค่ยิ้มเจื่อนๆ พอถูกเสนอขายก็ขอตัวหนีไปกันทั้งนั้นล่ะ” หญิงสาวพูดชัดถ้อยชัดคำ “มีแค่เจ้านั่นล่ะมั้งที่ปั้นยิ้มแล้วบอกว่าอร่อยน่ะ”
“ข้าไม่ได้ปั้นหน้ายิ้มเสียหน่อย”
“นั่นแปลว่าเจ้าทำจนเคยตัวแล้วน่ะสิ” หญิงสาวตอบแบบไม่ต้องคิดทำเอามาร์คัสปั้นหน้าไม่ถูก “เจ้าเป็นชาวตะวันตกนี่? คงไม่ได้เป็นพวกสายสืบอะไรหรอกนะ?”
“สบายใจได้ ข้าเป็นพ่อค้าน่ะ”
“หืม? แต่เจ้าดูไม่เหมือนเลย...เอาเถอะ ข้าชื่อ(ชื่อคุณ) ถ้าเจ้าเป็นพ่อค้าก็ต้องอยู่ที่นี่อีกสักพักใช่ไหมล่ะ ข้าเป็นคนท้องถิ่นเพราะงั้นมีปัญหาอะไรถ้าข้าช่วยได้ข้าก็จะช่วย”
“ขอบใจเจ้ามาก ข้ามาร์คัส จากนี้ไปก็...ต้องพูดว่าฝากตัวด้วยสินะ”
“อาฮะ! ข้าเองก็ฝากตัวด้วยนะ มาร์คัส”
รอยยิ้มของเด็กสาวตรงหน้าดูเปล่งประกายราวดอกทานตะวันท่ามกลางแสงอาทิตย์ เหมือนน้ำแข็งในใจของเขาได้ถูกแสงอันอบอุ่นค่อยๆละลายลงทีละน้อย
ดวงตากลมโตสีฟ้าใสของเธอไร้ซึ่งความเสแสร้งเจือปน...บางแห่งลึกๆในใจของมาร์คัสบอกกับเขาว่าในที่สุดก็ได้พบกับสิ่งที่ขาดหายไป ราวกับทิวทัศน์ที่เคยเป็นสีขาวดำพลันเอ่อล้นไปด้วยสีสันมากมาน
“ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนล่ะ น้ำซุปนี่คงต้องเอาไปปรุงอีกยกใหญ่เลยล่ะ” พูดจบ(ชื่อคุณ)ก็ชูน้ำซุปสองถุงที่ซื้อมาก่อนวิ่งจากไป
อาจฟังดูขี้โกงแต่ชายที่สวมหน้ากากเป็นชีวิตเช่นเขา
กลับตกหลุมรักหญิงสาวผู้แสนจริงใจตั้งแต่แรกพบเข้าเสียแล้ว
“ท่านตาท่านยายบอกให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านมาร์คัส...เจ้า...ไม่สิ ท่านไม่เห็นเคยบอกข้าเลยว่าท่านเป็นเศรษฐีตระกูลขุนนาง”
ไม่นานนักหลังจากวันนั้นมาร์คัสก็เป็นที่รู้จักของคนทั้งหมู่บ้าน เป็นที่ชื่นชมและเปลี่ยนทัศนคติของชาวบ้านบนเกาะที่มีต่อชาวตะวันตก
“ข้าเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไ------“
“เรื่องใหญ่สิเจ้าคะ ฐานะของท่านกับข้าต่างกันถึงเพียงนี้” หญิงสาวส่ายหน้า “ต่อไปนี้ข้าก็จะเรียกท่านว่าท่านมาร์คัส ท่านเองก็อย่าเรียกชื่อข้าให้ฟังดูสนิทสนมนักเลย”
“งั้นจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดีล่ะ”
“แล้วแต่ท่านสิ” หญิงสาวหัวเราะ
“งั้น...เลดี้แล้วกัน ตกลงนะ?”
“อื้ม! ข้าชอบนะ ถึงจะไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรก็เถอะ” พูดจบทั้งสองก็หัวเราะออกมา
ก่อนที่มาร์คัสจะเงียบไป...แล้วพูดขึ้นหลังจากปล่อยเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง
“เลดี้ ถ้าข้าจะชวนเจ้าไปอยู่ที่ตะวันตกกับข้าเจ้าจะไปไหม?”
“เอ๋?”
“...”
“ท่านมาร์คัส...ข้าเกิดที่นี่นะ ข้าเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่ คนที่ข้ารักล้วนอยู่ที่นี่ ถึงแม้ที่ตะวันตกจะแสนสะดวกสบายแต่จะให้ข้าทิ้งพวกเขาเหล่านี้ไปได้อย่างไรกัน”
ทั้งๆที่ถ้าเป็นคนอื่นคงตอบตกลงในทันทีแท้ๆ... เพราะแบบนี้ไงเจ้าถึงได้พิเศษ
ชายหนุ่มตัดสินใจใช้เรื่องนางเงือกเป็นข้ออ้าง
ทำทีว่าจะไม่กลับตะวันตกถ้าไม่ได้ตัวหญิงสาวไปด้วย
ยอมเป็นตัวร้ายในสายตาของเธอ
ก็แค่...อยากอยู่เคียงข้างเธอเพียงเท่านั้น
ไม่ต้องกลับไปตะวันตกก็ได้ ขออยู่กับเธอ จะที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น
จนกระทั่ง...
“โอซาวะ เรียว คนนั้นน่ะเหรอเคลวิน”
“ขอรับ ไม่ผิดแน่...ทางตะวันตกสั่งให้เขาสังหารคนบนเกาะแลกกับการให้เขาไปที่ตะวันตก เป็นแผนที่ชาญฉลาดมากนะขอรับ”
“...”
“เพราะงั้นถึงได้มีคำสั่งให้คนของตะวันตกทุกคนออกจากที่นี่เพื่อจะได้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย แน่นอนว่ารวมถึงพวกเราด้วยขอรับ”
“กะอีแค่บ้านหลังเดียว...ร้านขายเทียนร้านเดียว...ขอแค่ข้าออกคำสั่งมันก็พร้อมจะจมอยู่ใต้กองเพลิงทันที”
ต่อให้ต้องถูกเจ้ามองด้วยสายตารังเกียจอย่างถึงที่สุด
“แน่นอนว่าแค่คนคนเดียว...อืม ถ้าด้วยเทคโนโลยีของตะวันตกที่ล้ำหน้ากว่านี้หลายเท่าก็คงฆ่าโดยที่ไม่มีใครจับได้ได้ละมั้ง“
แม้จะเจ็บจนแทบฝืนยิ้มไม่ไว้
“อย่ามาล้อเล่นนะ!!!!!! แบบนั้นมัน...ไม่ใช่คนแล้ว!!!!!!”
“เจ้าเองก็ด้วยไม่ใช่หรือไง...เจ้าคิดว่าจะปิดบังไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?”
ขอแค่เจ้าเท่านั้น...ที่ไม่อยากให้ต้องรับรู้ความจริงอันโหดร้าย
เพราะคนที่จะเจ็บปวดที่สุดเมื่อรู้ความจริงนั้นไม่ใช่ใครเลยนอกจากเจ้าเอง
ชายหนุ่มไม่ได้หวังจะเป็นเจ้าชายที่เจ้าหญิงหันมารัก
เขาแค่เพียงต้องการจะเป็นอัศวินที่คอยปกป้องเธอ
แม้สุดท้ายในสายตาเธอนั้นเขาจะเป็นได้เพียงพ่อมดร้ายที่คุมขังเธอไว้ก็ตาม
。SYDNEY♔
ความคิดเห็น