|
 วันที่ 21 เมษายนนี้ สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สองแห่งอังกฤษ จะทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษาแล้ว ทั่วทั้งเกาะอังกฤษได้จัดเตรียมพระราชพิธีเฉลิมฉลอง วันคล้ายวันพระราชสมภพ อย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง เพราะถือเป็นปีมหามงคลที่ควรค่าแก่การจารึกไว้ในหน้า ประวัติศาสตร์แดนผู้ดี และหากมีการจัดอันดับราชวงศ์ทั่วทั้งโลก ควีนเอลิซาเบธที่สองย่อม ถือได้ว่าเป็นประมุขที่ทรงงานหนักที่สุดในโลกอีกพระองค์หนึ่ง พระราชกรณียกิจมากมายเหลือ คณานับตลอด 54 ปีของการครองราชย์ คือกระจกชั้นดีที่สะท้อนให้เห็นว่า เหตุใดสถาบันพระมหากษัตริย์ของอังกฤษจึงอยู่ยั่งยืนยงเหนือกาลเวลามาถึงทุกวันนี้!!
พระราชกรณียกิจขององค์พระประมุขแห่งอังกฤษ รวมถึงสไตล์การทรงงาน และพระนิสัยส่วนพระองค์ ซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก ได้รับการถ่ายทอดอย่างละเอียดเป็นครั้งแรกในนิตยสารไทม์ ยุโรป ฉบับล่าสุด ผ่านคำบอกเล่าของเจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ พระราชโอรสองค์กลาง และเหล่าข้าราชบริพารชั้นสูงที่ถวายการรับใช้อย่างใกล้ชิดมาหลายทศวรรษ
 ในฐานะพระราชโอรสองค์โปรด “เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์” รับสั่งถึงพระราชมารดาว่า “คงยากจะจินตนาการภาพประมุขของประเทศให้เป็นปุถุชนธรรมดา แต่สำหรับพสกนิกรชาวอังกฤษ มั่นใจได้ว่าพระองค์จะไม่ทอดทิ้งพวกเขาอย่างแน่นอน!! พระองค์ทรงฉลาดมาก ทรงรู้ทุกอย่างและทุกเรื่อง...ทุกซอกทุกมุมในพระ ราชวังบั๊กกิ้งแฮมอยู่ในสายพระเนตรตลอด ซึ่งเราเองก็ยังงงว่าทรงทำได้อย่างไร”
โดยปกติแล้ว สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง มักจะทรงจดข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆที่ทอดพระเนตรเจอลงในกระดาษโน้ต และจะทรงตรวจตรารายละเอียดทุกอย่างภายในพระราชวัง ไม่ เว้นแม้กระทั่งจุดเล็กๆในห้องบรรทม พระ องค์ทรงไม่ยอมปล่อยให้อะไรผ่านไปง่ายๆ และหากทรงมีรับสั่งกับข้าราชบริพารแค่ว่า “เธอคิดเช่นนั้นจริงๆหรือ?” พวกนั้นก็จะตัวสั่นงันงกกันแล้ว เพราะรู้ว่ากำลังทรงไม่พอพระราชหฤทัย แต่ถ้าเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงโครงสร้างใหญ่ๆภายในพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม “โรเบิร์ต เลซี่” หนึ่งในทีมผู้จัดทำพระราชประวัติส่วนพระองค์ยืนยันว่า “พระองค์จะทรงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้รู้ โดยจะทรงฟังคำถวายรายงาน พระองค์ทรงไม่ใช่ผู้ริเริ่ม แต่จะทรงเป็นผู้ตามที่ละเอียดอ่อนมากกว่า พระองค์ทรงเป็นที่ปรึกษาที่ดี ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว เพราะประมุขที่ดีควรจะเป็นผู้ฟังที่ดี!!”
 “เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์” ทรงรู้ซึ้งดีที่สุดถึงพระราชหฤทัยของพระราชมารดา เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ควีนเอลิซาเบธที่สองทรงสนุกกับพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติหรือไม่ ทรงตอบทันทีว่า “เคยมีคนถามเราว่า มาแลกชีวิตกันไหมสัก 24 ชม. เพราะท่าทางชีวิตคุณจะแปลกน่าดู!! แต่เราไม่เคยเป็นคนอื่น และเราก็ว่าชีวิตทุก วันนี้ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน คงเหมือนพระราชมารดานั่นเอง พระองค์ไม่ทรงเคยสัมผัสชีวิตแบบอื่น ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งความรู้ และปัญญาล้วนแต่เป็นธรรมชาติของพระองค์ เช่นเดียวกับความ ห่วงใยในทุกข์สุขของประชาราษฎร์ ทรงรู้สึกมาจากก้นบึ้งจิตใจ”
อย่างไรก็ดี ตามประสาผู้เป็นลูก “เจ้าฟ้าชายแอนดรูว์” ทรงอดห่วงในพระพลานามัยของพระราชมารดาไม่ได้!! “พระราชมารดาทรงงานหนักมาก แต่ก็ยังมีพระวรกายแข็งแรงอย่างเหลือเชื่อ กระนั้นลูกๆอย่างเราต้องคอยเตือนข้าราชบริพารเสมอๆว่า พระองค์ มิได้ทรงเป็นกษัตริย์เท่านั้น แต่ทรงเป็นพระราชมารดาของพวก เราด้วย ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอัดหมายกำหนดการวันละ 6 งาน... ทรงเคยรับสั่งว่า อยากเกิดเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ใช้ชีวิตอยู่ในชนบท ซึ่งรายล้อมไปด้วยม้าและสุนัข ทุกวันนี้ ถ้าว่างจากพระราชกรณียกิจ จะใช้เวลาที่เหลือไปกับการเลี้ยงม้า”
 สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง ทรงทราบดีว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของ อังกฤษจะอยู่รอดหรือไม่รอด ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของประชาชนเป็นสำคัญ!! “เพนนี รัสเซลสมิธ” เลขาฯสำนักพระ ราชวัง ตั้งข้อสังเกตว่า “ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา พาดหัวข่าวแท็บลอยด์ ทุกฉบับหมกมุ่นอยู่กับการขุดคุ้ยเรื่องร้ายๆของเชื้อ พระวงศ์รุ่นใหม่ บ่มเพาะให้เกิดกลุ่มนักอ่าน ประเภทไร้สาระ ไม่สนใจว่าองค์พระประมุขอังกฤษจะทรงงานหนักขนาดไหน แต่พระองค์ก็หาได้ท้อแท้ ทรงวางแผนที่จะทรงงานหนักต่อไปไม่ยอมเกษียณ และจะทำให้ประชาชนเห็นความอุตสาหะ ของพระองค์ให้จงได้!!”
แม้จะเป็นถึงพระประมุขของอังกฤษ และทรงมีพระราชอำนาจในการยุบสภา เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรีที่ไม่โปรด แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วกลับทรงทำอย่างใจไม่ได้!! “วอลเตอร์ แบจฮอต” ผู้สื่อข่าวชื่อดัง ของอังกฤษ ชี้ว่า “สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง ทรงมีพระราชอำนาจที่จะสนับสนุน และตักเตือนรัฐบาลได้ แต่พระองค์ทรงมิได้ใช้พระราชอำนาจนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว ทรงมีบทบาทสำคัญใน ด้านอื่นมากกว่า นั่นคือการเป็นประมุขของรัฐ ทำหน้าที่เปิดประชุมสภา และยุบสภา, เสด็จเยือนประเทศต่างๆ และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำต่างประเทศ อีกด้านก็ทรงเป็นประมุขของประเทศ มุ่งเน้นเรื่องการสร้างสมานฉันท์ และรักษาเอกลักษณ์ของชาติ”
การครองใจคนถือเป็นศิลปะขั้นสูงอย่างหนึ่ง “เอ็ดเวิร์ด ยัง” ผู้ช่วยราชเลขาธิการส่วนพระองค์ เล่าถึงพระปรีชาสามารถในด้านนี้ว่า “พระองค์ทรงรู้มุมกล้องดี จะทรงหันไปหากล้องในจังหวะเหมาะเจาะ...มีแบล็กกราวน์เป็นภาพ เด็กๆยืนโบกธงด้วยสีหน้าแสนสุข ทำให้ ได้พระฉายาลักษณ์ที่ดูอบอุ่น ท่ามกลางพสกนิกรที่รักพระองค์...เมื่อมีการจัดเลี้ยงที่พระราชวังบั๊กกิ้งแฮม จะทรงให้ราชเลขาฯโน้ตประวัติสั้นๆของแต่ละคน เพื่อจะช่วยให้สามารถเปิดฉากสนทนาได้อย่างลื่นไหล เสมือนว่าทรงจดจำพวกเขาได้จริงๆ”
จริงอยู่ที่ว่า ตลอดหลายปีมานี้ สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง ทรงมีเรื่องทุกข์พระทัยไม่หยุดหย่อน แต่พระองค์ก็ยังคงยิ้มสู้ได้ ทรงกอบกู้สถานการณ์สร้างภาพใหม่ให้ราชวงศ์วินด์เซอร์กลายเป็น ครอบครัวแสนอบอุ่นครั้งแล้วครั้งเล่า โดยมีนักแสดงสมทบเป็นพระราชโอรส, พระราชธิดา, พระราชนัดดาหลายพระองค์ รวมถึงพระสุนิสาองค์ใหม่ “ดัชเชส ออฟ คอร์นวอลล์” ตัวการสร้างความปั่นป่วนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา!!
โพลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ซึ่งจัดทำโดยบั๊กกิ้งแฮม เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่ามีประชาชนเพียง 19% ที่อยากเห็นการเปลี่ยน แปลงระบอบการปกครองเป็นสาธารณรัฐ เพิ่มขึ้น 1% จากปี 1969 และมีไม่ถึง 25% ที่ต้องการยกเลิกระบอบกษัตริย์ในอังกฤษ...นี่ถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของควีนเอลิซาเบธ!!
ในสายตาของประชาชนทั่วไป องค์พระประมุขแห่งอังกฤษ อาจดูสูงส่งยากแก่การเข้าถึง แต่พระองค์ก็ยังทรงได้รับความเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง เพราะทรงพิสูจน์พระองค์ให้เห็นแล้วว่า ทรงอุทิศ พระองค์อย่างเต็มที่เพื่อความสุขของปวงประชา
 นับตั้งแต่ปี 1952 ทรงได้รับจดหมายจากประชาชน 3 ล้านฉบับ, ทรงเป็นเจ้าภาพจัดงานปาร์ตี้กลางสวน ที่มีแขกมาร่วมงานถึง 1.1 ล้านคน และยังทรงทำสถิติเสด็จเยือนประเทศต่างๆอย่างเป็นทางการถึง 256 ครั้ง รวม 129 ประเทศ!!
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกทุกวันนี้ ทำให้นักวิจารณ์ ราชวงศ์หลายสำนัก อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ควีนเอลิซาเบธที่สอง และสำนักพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม จะถูกทิ้งให้ล้าหลังไล่ตาม เทคโนโลยีสมัย ใหม่ไม่ทัน!! “เดวิด วอล์คเกอร์” ข้าราชบริพารชั้นสูงในบั๊กกิ้งแฮม อาสาแก้ต่างเรื่องนี้ว่า “ในปี 2000 บั๊กกิ้งแฮมอาจ จะยังไม่มีอีเมล์ แต่ทุกวันนี้เรามีเว็บไซต์ที่ทันสมัย และเครือข่ายป้องกันระบบความปลอดภัย ของคอมพิวเตอร์อย่างดี ข้าราชบริพารในนี้ก็มีอายุเฉลี่ยน้อยลง ทุกปี แต่มีคุณสมบัติสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าบั๊กกิ้งแฮมไม่ดีจริง คงไม่มีคนแห่มาสมัครงานตำแหน่งเดียวถึง 400 คน!!”
การปรับตัวขนานใหญ่ของสำนักพระราชวังบั๊กกิ้งแฮมยังเลยเถิดไปถึงเรื่องการเงิน บั๊กกิ้งแฮมต้องเคร่งครัดเรื่องการใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์ โดยมีสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธ ที่สองเป็นแบบอย่างดีที่สุดเรื่องความมัธยัสถ์...ก็อย่างที่ทราบๆกันคือ ทรงเตือน ข้าราชบริพารในวังบ่อยๆให้ปิดไฟที่ไม่จำเป็น!!
แม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายสิบปีแล้ว แต่ควีนเอลิซาเบธที่สอง ก็ยังทรงยึดมั่นในพระราชกระแสรับสั่ง ที่ทรงให้คำมั่นไว้แก่ปวงชน ชาวอังกฤษ ขณะพระชนม์ชีพ 21 ชันษา ก่อนขึ้นครองราชย์ ว่า “ชีวิตทั้งชีวิตของข้าพเจ้า ไม่ว่าจะยืนยาว หรือแสนสั้น ข้าพเจ้าขออุทิศเพื่อหน้าที่” และนี่เองคือหัวใจสำคัญของการครองแผ่นดินโดยธรรม ที่ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย และทุกแผ่นดิน!! | 
ความคิดเห็น