ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก...อันตราย AimNam AF11

    ลำดับตอนที่ #6 : หวาน???? (แก้ไข)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 57


    “วันนี้เอมไม่กลับบ้านนะ ฝากบอกพ่อให้ด้วยนะ” เอมบอกกับบอดี้การ์ด เมื่อลงจากรถในมือมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม “ถ้ามีอะไรก็โทรมาละกัน”    
                “ได้ครับคุณหนู” พูมรับคำสั้นๆ เขาไม่มีคำถามสำหรับเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าคุณหนูกำลังหนักใจกับเรื่องอะไร
                บอดี้การ์ดหนุ่มค่อยๆเคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้านของสาวหมวย เอมยืนมองรถสักพักก่อนจะเดินตามน้ำเข้าไปในบ้าน บ้านหลังกะทัดรัดที่ดูไม่โออ่าเท่าบ้านของเธอ แต่มันก็ให้ความอบอุ่นในแบบที่เธอไม่ได้สัมผัสมานาน ทั้งชีวิตที่เกิดมาเธอรู้จักคำว่าอบอุ่นยังไม่ถึงครึ่งคำด้วยซ้ำ         
                “เอม มัวทำอะไรอยู่เข้าบ้านได้แล้ว”
               
                เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเรียก เธอหันไปยิ้มให้สาวหมวยที่ตีหน้าดุ ก่อนจะรีบเดินตามเข้าไปในบ้านไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ายืนเหม่อเป็นนางเอกเอมวีอยู่ตั้งนาน  
                “ทำอะไรอยู่ คิดว่าตัวเองสวยนักหรือไงถึงไปยืนเรียกเรตติ้งอยู่หน้าบ้าน” น้ำบอกเสียงเขียว ปากก็บอกว่าอีกฝ่ายไม่สวย แต่ในใจก็รู้ดีว่าตัวเองหวงความสวยของเอมมากแค่ไหน        
                “แหม ยืนแปปเดียว พูดเหมือนเอมไปยืนทุกวันอย่างนั้นแหละ” คนโดนกล่าวหาบอกอย่างอารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศแบบนี้ จนอยากจะขอเป็นครอบครัวกับคนที่บ้านนี้ “ว่าแต่เอม น้ำเถอะไปยืนเชคเรตติ้งบ้างหรือเปล่า”           
                เป็นครั้งแรกที่น้ำสังเกตสายตาของคนพูด แม้จะเป็นการพูดเล่นๆแต่แววตาของสาวหน้าคม กลับดูจริงจังจนน่ากลัว มันดูคาดคั้นความจริงและปนมาด้วยความรู้สึกหึงหวง แค่นั้นหัวใจเธอก็เต้นเป็นจังหวะที่เร็วขึ้นจนตัวเองยังตกใจ       
                “มันก็มีบ้างแหละ สวยขนาดนี้เก็บเอาไว้เสียดายแย่”
                แม้จะดูใจร้าย แต่สำหรับน้ำนี่คือช่วงเวลาพิสูจน์ความรู้สึก เธออยากจะสำรวจทั้งใจตัวเองและของอีกฝ่ายไปพร้อมๆกัน ให้มันรู้กันไปเลยว่าเราทั้งสองคนมี
    something wrong ต่อกันจริงๆ ไม่ใช่แค่หวั่นไหวหรืออาการหวงเพื่อนเฉยๆ  
                ถึงมันอาจจะดูเสี่ยงไปบ้าง ที่พามาพิสูจน์ถึงบ้านขนาดนี้ แต่เอาเถอะเป็นไงเป็นกัน      
                “ว่าแล้ว แต่ยังไงก็ระวังตัวหน่อยละกัน” และคนที่อยากพิสูจน์ใจ ก็เผยความรู้สึกออกมาชัดเจน จนตั้งตัวไม่ทัน ถึงคำพูดจะเตือนด้วยความเป็นห่วงแบบทั่วๆไป แต่แววตาดูเสียใจจนคนมองสงสาร        
                ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผ่านมาเอมเก็บความรู้สึกไว้แนบเนียน หรือเป็นเธอเองที่ไม่เคยคิดจะมองความรู้สึกของเพื่อนคนนี้เลยสักครั้ง           
                “ล้อเล่นน่ะเอม ใครมันจะบ้าไปยืนล่อเสือล่อตะเข้ล่ะ เห็นเงียบสงบน่าอยู่แบบนี้ก็เถอะ เวลากลางคืนน่ากลัวจะตายไป” น้ำบอกพร้อมทำท่าขนลุก แอบเห็นแววตาของคนฟังผ่อนคลายขึ้น แต่ก็แฝงความระแวงเอาไว้ 
                ในเมื่อแววตาของเอมอ่านง่ายขนาดนี้ เหตุผลที่เธอไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทแอบชอบคงเป็นเพราะตัวเธอเองนี่แหละ ที่ไม่เคยสังเกตอะไรเลย           
                “ไม่มีใครกล้าทำอะไรน้ำหรอก ถ้ามี เอมไม่เอามันไว้แน่นอน” เอมบอกเสียงเข้ม ถ้ามีใครกล้าทำให้น้ำแปดเปื้อนหรือบาดเจ็บ เธอไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน ต่อให้ต้องตามหาแทบพลิกแผ่นดินเธอก็ต้องเอาตัวมันมาลงโทษให้ได้    
                “โห โหดจังเลยนะคุณหนูเอม น้ำไม่เป็นอะไรหรอก สัญญาเลย” น้ำพูดพร้อมยิ้มกว้าง เธอเดินไปยืนตรงหน้าของเพื่อนสนิท แล้วยื่นมือทั้งสองข้างไปจับแก้มของคนตรงหน้าเอาไว้ “ที่น้ำกล้าสัญญาเพราะน้ำรู้ ว่าเอมจะไม่มีทางปล่อยให้น้ำเป็นอันตราย”            
                เอมนิ่งไปเมื่อรับรู้ว่าคนตรงหน้าไว้ใจในตัวเธอมากขนาดไหน หญิงสาวอยากจะยกมือขึ้นมากอดคนตรงหน้าเอาไว้ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยมันเอาไว้อย่างเดิม 
                แต่ใจเธอให้สัญญาไว้เช่นกัน ว่าจะไม่ปล่อยให้น้ำต้องเป็นอันตราย    
                “เรานี่โชคดีจัง มีคุณหนูมาปกป้องด้วย” สาวหมวยบอกติดตลก เธอรู้แค่ว่าเอมเป็นลูกคนมีฐานะและพ่วงมาด้วยความมีอำนาจ เพราะครั้งแรกที่เจอ รอบกายสาวหน้าคมก็มีแต่คนชุดดำน่ากลัวเต็มไปหมด ทำเอาการปฐมนิเทศวันแรกเป็นการสร้างความหวาดผวาในเพื่อนร่วมคณะเสียอย่างนั้น         
                แต่มันแปลกที่บางอย่างกลับดึงดูดให้เธอเดินเข้าไป ใบหน้าคมคายกับภาพลักษณ์เย่อหยิ่ง ที่เอมสร้างไว้ไม่ได้ทำให้เธอหวั่นใจแม้แต่น้อย ความรู้สึกลึกๆบอกกับเธอว่าผู้หญิงคนนี้คือคนของเธอ ทำให้เธอใจกล้าที่จะเข้าไปทักทาย และมิตรภาพของเราก็เกิดขึ้นในวันนั้น   
                “เราไม่ได้คุณหนูซะหน่อยนะ” เอมบอกเสียงอู้อี้ เพราะแก้มทั้งสองข้างยังอยู่ในมือของเพื่อนสนิท
                “จ้า ไม่คุณหนูก็ได้” น้ำบอกพลางบิดแก้มของเพื่อนสนิทอย่างหมั่นเขี้ยว จนคนโดนทนไม่ไหวรีบคว้ามือเธอเอาไว้ กลายเป็นว่าตอนนี้มือทั้งสองข้างของเธอ ถูกเอมยึดเอาไว้เรียบร้อย         
                น้ำปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ใบหน้าสวยของผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลกับเธอขนาดไหน วันแรกที่เจอสวยแค่ไหน วันนี้ที่เห็นก็ไม่ได้ลดลงกลับสวยมากขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าระยะห่างของใบหน้าเธอกับเอม มันค่อยๆลดลงเรื่อยๆ เมื่ออีกฝ่ายเลื่อนใบหน้าเข้ามาหา โดยที่เธอทำได้แค่ยืนนิ่ง  
                ฝ่ายที่เลื่อนใบหน้าเข้าไปใช่ว่าจะไม่ตื่นเต้น แต่ตอนนี้เอมรู้ว่าห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว เธอเก็บความรักมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่จะแสดงให้น้ำได้รู้ซะที ถ้าหลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ยอม       
                ขอให้เธอได้เผยความรู้สึกให้น้ำได้รู้ก็พอ     
                “น้ำ น้ากลับมาแล้วลูก”

     

    ร่างสูงใหญ่ยืนเผชิญหน้ากับผู้เฒ่าประจำตระกูล ใบหน้าเข้มมีร่องรอยความเครียดปรากฏอยู่ชัดเจน คุณเสวกพยายามทำใจยอมรับความจริง ว่าลูกสาวเขาต้องจากไป เขาเงยหน้ามองชายอีกคนที่อยู่ในห้องอย่างร้องขอ แม้รู้ว่าไม่มีประโยชน์ เว้นเพียงแต่ว่า 
                “เจ้าไม่มีทางจะได้บอกลูกเจ้า เธอต้องเป็นฝ่ายเลือกเองว่าจะไปทางไหน” ผู้เฒ่าตอบราวกับอ่านจิตใจของชายตรงหน้าออก “มันเป็นชะตากรรม” 
                คุณเสวกก้มหน้าลงเขาไม่อยากจะยอมรับชะตากรรมที่เขาไม่ได้ก่อ อำนาจและเงินตราที่ได้มาจากการเสียสละของผู้นำต้นตระกูล ซึ่งยอมเป็นทาสวิญญาณแลกกับชีวิตที่เป็นอมตะ เพื่อสะสมอำนาจบารมี เงินทอง ตั้งแต่ร้อยปีก่อน โดยบทลงโทษของมัน คือต้องอยู่กับความทรมานจากความรู้สึกราวกับโดนเปลวไฟแผดเผาในทุกวันพระ และความตายที่ทรมานจนเกิดกว่าใครจะคิดได้                                  
                ถ้าเลือกที่จะตาย จะต้องทนทรมานอยู่ในเปลวเพลิงเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วจึงจะได้จากไป
                มันเป็นตำนานที่นักบวชประจำตระกูลเล่ากันมา ซึ่งเขาไม่เคยใส่ใจจนกระทั่งวันที่เขาครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูล คำทำนายในวันนั้น เด็กผู้หญิงที่เกิดจากเขาจะต้องตายเมื่ออายุครบ 22 ปี
         
                คุณเสวกไม่เคยเชื่อจนเมื่อสองปีก่อนภรรยาของเขาจะตั้งครรภ์ เขาได้รับคำทำนายที่สอง ผู้ที่ได้รับของขวัญอันยิ่งใหญ่จะสูญเสียสิ่งสำคัญไปตลอดกาล เขาไม่เคยเข้าใจคำทำนายนี้จนกระทั่งวันที่เอมเกิดมา เด็กผู้หญิงตัวน้อยคือของขวัญอันยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา และในคืนนั้นเองภรรยาของเขาก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ คุณเสวกจึงได้รับรู้ว่าสิ่งสำคัญที่เขาต้องสูญเสียคืออะไร
                และลูกสาวในอ้อมกอดจะมีชะตากรรมอย่างไร
                “พรุ่งนี้ทุกอย่าง ก็จะเป็นไปในทางที่มันควรจะเป็น จงเชื่อใจในลูกของเจ้า เธอเข้มแข็งพอที่จะเลือก”       
                ถ้ามีอะไรที่พ่ออยากบอกลูกมากที่สุด พ่อรักลูกนะเอม

     

    “สองคนนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเกร็งๆยังไงชอบกล ทะเลาะกันหรือเปล่า” น้าก้อยถามขึ้นมาขณะนั่งทานข้าว เมื่อเห็นว่าหลานทั้งสองคนดูแปลกๆ
                “ไม่ได้ทำอะไรแปลกๆกันมานะ” น้าก้อยถามย้ำ ให้ทั้งสองคนตอบออกมาพร้อมกัน       
                “เปล่าค่ะ”         
                แปลก มันแปลกมาก พอตอบเสร็จก็กลับไปก้มหน้าก้มตาทานข้าว พอสบตากันปุ๊ปก็หลบสายตากันปั๊ป มันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอน   
                “น้ำ พาเอมไปทำมิดิมิร้ายมาหรือเปล่า” คนเป็นน้าพุ่งประเด็นไปที่หลานสาวบังเกิดเกล้า           
                “น้าก้อย เห็นน้ำเป็นคนยังไงเนี่ย” น้ำโอดครวญเมื่อน้าก้อยโยนความผิดที่เธอ ทั้งที่เหตุการณ์เมื่อกี้เอมเป็นคนเริ่มก่อนชัดๆ ใครยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าก็คนนั้นแหละที่เริ่ม  
                “ใครจะไปรู้ เอมออกจะเรียบร้อย” น้าก้อยบอกตรงๆ ก่อนจะหันไปยิ้มกับคนที่โดนพาดพิง ซึ่งไม่กล้าออกความเห็น
                “แหม พอเอมมาก็ลืมหลานเลยนะ ใช่สิ น้ำมันนิสัยไม่ดี” สาวหมวยเอ่ยอย่างงอนๆ เมื่อโดนน้าแท้ๆเมินและหันไปสนใจเพื่อนสนิทของตนแทน
                ฝ่ายคนที่ตกเป็นประเด็นก็ออกอาการอดรนทนไม่ได้ สาวหน้าคมตักกุ้งตัวโตในจานผัดผักไปใส่จานคนขี้งอนอย่างประจบ พลางส่งสายตาอ้อนๆให้คนมองเกือบละลาย         
                บทเอมจะง้อ ก็เล่นเอาหัวใจเกือบวายตาย  
               
    นี่ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย น้าก้อยคิดขณะมองเหตุการณ์ตรงหน้า ท่าทางง้องอนของคนเป็นเพื่อนสนิทเขาเป็นกันแบบนี้จริงๆหรือนี่ สงสัยต้องลองไปทำกับเพื่อนสนิทของตัวเองดูบ้างแล้ว อะไรมันจะออดอ้อนจนคนมองเบาหวานจะขึ้นตาแทน 
                “พอแล้วเอมหายงอนแล้ว” น้ำบอกเสียงสะบัด กลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจ พยายามเต็มที่ที่จะไม่เผยยิ้มออกมา มุมน่ารักแบบนี้ของเอมต่อให้ตาย เธอก็ไม่มีวันให้ใครได้เห็นหรอก      
                “อ่อ น้าก้อยพรุ่งนี้รีบกลับมาบ้านนะ” น้ำที่เพิ่งนึกขึ้นได้หันไปบอกผู้เป็นน้าให้สะดุ้งเฮือก เพราะมัวแต่จับจ้องพฤติกรรมของหลานอยู่           
                “รีบกลับมาทำไม” ถามอย่างงงๆ หันไปมองแขกของบ้านก็หน้างงไม่ต่างกัน     
                “พรุ่งนี้วันเกิดเอม กลับมาฉลองด้วยกันสิ” สาวหมวยตอบกลับ พลางหันไปมองเพื่อนสนิท “นี่อย่าบอกนะ ว่าลืมวันเกิดตัวเอง”           
                หลังจากประมวลความคิดของตัวเองได้สักพัก เอมจึงเพิ่งนึกออกว่าพรุ่งนี้วันเกิดครบรอบ
    22 ปีของตัวเอง สงสัยโดนไล่ยิงบ่อยจนลืมวันลืมคืนไปซะหมด           
                “ลืมจริงๆนั่นแหละ อันที่จริงก็ไม่ได้สำคัญอะไรนะ น้ำไม่ต้องตื่นเต้นก็ได้” สาวหน้าคมบอกพร้อมรอยยิ้ม วันเกิดเธอไม่ขออะไรมาก แค่อย่างน้อยมีพ่อ กับมีน้ำ แค่นี้เธอก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว      
                แต่ปีนี้อาจจะขอมากหน่อย ขอให้ตัวเองไม่โดนยิงตายเป็นพอ
                น้ำมองหน้าคนมักน้อยอย่างขัดใจ เธอจำได้ว่าวันเกิดเธอปีที่แล้ว เอมถึงขั้นสั่งปิดผับใหญ่กลางกรุงเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเธอ แต่พอเป็นของตัวเองกลับคิดน้อยซะอย่างนั้น         
                “ไม่ต้องเลยเอม พรุ่งนี้น้ำวางแผนงานไว้แล้ว เอมแค่รอเป็นเจ้าของงานวันเกิดอย่างเดียวพอ”     
                น้ำเสียงจริงจังทำเอาคนฟังปลื้มจนตัวเกือบลอย ทั้งที่ความจริงแล้วเธอหมายความอย่างที่พูดจริงๆ วันเกิดเธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรขนาดนั้น ทุกๆปีแค่มีน้ำอยู่เธอก็มีความสุขจนเกินจะฝันแล้ว แม้บางครั้งจะอยากให้อีกฝ่ายยืนอยู่ในฐานะคนรู้ใจมากกว่าเพื่อนสนิทก็ตาม 
                “งั้นพรุ่งนี้วางแผนกันไปนะสาวๆ เดี๋ยวน้าจะรอรับประทานอย่างเดียว” น้าก้อยปิดประเด็นด้วยเสียงหัวเราะ จนหญิงสาวทั้งสองต้องหัวเราะตามอย่างมีความสุข   
                แต่ถ้าเอมรู้อนาคตของตัวเอง เธออาจจะไม่อยากให้วันเกิดของตัวเองมาถึงเลยก็ได้

     

    ห้องนอนของน้ำไม่ใช่ว่าไม่เคยมาค้าง แต่ครั้งนี้มันรู้สึกแตกต่างไปกว่าที่เคย มันเหมือนความรู้สึกของหัวใจตัวเองยังไม่คงที่ พอยิ่งต้องมานอนค้างกันแบบนี้ เธอจะห้ามตัวเองไหวได้อย่างไร
                ห้ามตัวเอง ห้ามทำไม ทำไมต้องห้าม เพื่อนสนิทนะเอม เพื่อนสนิท    
                “ทำอะไรอยู่เอม บ่นพึมพำคนเดียว” น้ำที่เพิ่งออกจากห้องน้ำทักคนที่นั่งพูดคนเดียวอยู่บนเตียง สาวหมวยเดินไปนั่งหน้ากระจก เพื่อทาครีมก่อนนอนอย่างเคย แต่มันไม่เหมือนเคยพอเห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งจ้องเธออยู่นี่แหละ     
                “มองทำไม” เอ่ยถามเสียงดุๆ แม้ใจจะสั่นจนเกือบควบคุมอาการไม่อยู่ มือขาวเอื้อมไปหยิบครีมบนโต๊ะเครื่องแป้ง แต่ก็ช้ากว่าอีกมือหนึ่งที่มาคว้าไว้ก่อน   
                “เดี๋ยวเอมทาให้” สาวหน้าคมบอกพร้อมดวงตาเป็นประกาย สาวหน้าคมแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองมีความกล้าขนาดมาขอทาครีมให้เพื่อนสนิทได้อย่างไร     
                รู้ตัวอีกทีก็มาหยิบครีมของอีกฝ่ายมาไว้ในมือซะแล้ว
                น้ำจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายบีบครีมมาไว้ในมือด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆจับแขนเธอเอาไว้ และลูบครีมไปบนแขนขาวอย่างเบามือ น้ำรู้สึกเหมือนตัวเองหายใจติดขัด แก้มขาวๆขึ้นสีจาง แขนทั้งสองข้างถูกทาด้วยครีมจากคุณหนูมาเฟียที่ทำเอาใจเธอปั่นป่วน
                ไม่หยุดแค่นั้นเอมบีบครีมอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ขาทั้งสองข้าง ใบหน้าเข้มดูตั้งใจจริงแต่ก็แฝงด้วยประกายความพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม ไม่รู้ว่าพอใจที่ได้แกล้งหรือพอใจเรื่องอื่น       
                “ทาครีมนี่มันต้องทาทั้งตัวใช่ไหม” เอมถามขณะจะบีบครีมออกมาอีกครั้ง แต่ก็มีมือขาวมายึดเอาไว้ซะก่อน สาวหน้าคมมองใบหน้าแดงก่ำนั้นอย่างมีความสุข 
                ทำซะขนาดนี้แล้ว มันต้องรู้สึกอะไรบ้างแหละ

    น้ำลากคนขี้แกล้งมานอนบนเตียงได้สำเร็จ หลังจากอีกฝ่ายยืนยันจะทาครีมบนตัวเธอให้ได้ ถ้าขืนทำแบบนี้จริงวันนี้เธอคงไม่รอดมือเอมแน่นอน
                เราก็อุตส่าห์หลงวางใจมาตั้งนาน ที่แท้ก็เจ้าเล่ห์ไม่เบา         
                ใครมันจะไปรู้ว่าการอยู่บนเตียงมันทำให้สถานการณ์ของเธอเป็นรองมากขึ้นไปอีก ด้วยความที่เตียงของเธอสร้างมาเพื่อรองรับคนเดียว แต่ตอนนี้มันกำลังทำเกินหน้าที่ โดยมีคนสองคนนอนอยู่บนเตียงในลักษณะที่เรียกได้ว่าแนบชิด
                เอมนอนหันหน้าเข้าหาเพื่อนสนิทอย่างจงใจ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องลองทำให้มันสุด อะไรที่มันจะเกิดขึ้นหลังจากการกระทำนี้ เธอก็ต้องยอมรับมัน       
                “เอม เรามาคุยกันดีกว่าไหม” น้ำเอ่ยขึ้นมา ยอมรับว่าเกือบจะเคลิ้มไปกับสายตาอ่อนหวานของคนตรงหน้า แต่เธออยากให้เราทั้งสองคนเคลียร์เรื่องความรู้สึกก่อน ก่อนที่มันจะเกินเลยมากไปกว่านี้    
                “น้ำบอกตรงๆว่าน้ำสับสน แล้วน้ำก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกับเอม น้ำมีความสุขเวลาอยู่กับเอม น้ำไม่ชอบเวลาเอมไปสนิทกับคนอื่น แต่น้ำไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร เพราะเอมคือเพื่อนสนิท น้ำเลยไม่รู้ว่ารู้สึกกับเอมในฐานะอะไร น้ำ
    ...
                เสียงสาวหมวยเงียบหายไป เมื่อรู้สึกได้ถึงนิ้วมือของคนตรงหน้าที่ยื่นมาแตะริมฝีปากเธอไว้       
                “สำหรับเอม สามคำเท่านั้นที่เอมอยากบอกน้ำมาตลอด เอมไม่เคยสับสน ไม่เคยลังเล ไม่เคยคิดว่าความรู้สึกนี้มันเป็นอย่างอื่น เพราะเอมแปลความรู้สึกนี้ออกมาได้แค่นี้เท่านั้น”    
               คนพูดสูดหายใจเข้าปอด เพื่อรวบรวมความกล้า เพิ่งรู้ว่าการบอกรักมันยากกว่าหยิบปืนยิงใครสักคนซะอีก          
                “เอมรักน้ำนะคะ”           
                ทำนบทุกอย่างพังทลาย น้ำรู้สึกเหมือนบางสิ่งบางอย่างในกายเธอถูกเติมเต็ม ด้วยคำว่ารักจากคนที่เธอไม่เคยสนใจ แต่มีอิทธิพลมากที่สุดในใจเธอ หญิงสาวหลับตาลงช้าๆเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจที่ใกล้เข้ามา ก่อนจะหลอมรวมเป็นลมหายใจเดียวกัน เอมประทับริมริมฝีปากลงไปอย่างนุ่มนวล และขยับอย่างอ่อนโยน แม้จะอ่อนประสบการณ์ทั้งคู่ แต่ทั้งสองก็พากันชักจูงไปตามอย่างที่ควรจะเป็น ความหวานที่ปลายลิ้นดึงดูดให้สาวหน้าคมลุ่มหลงจนเกินถอนใจ เอมเก็บเกี่ยวความหวานจากอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลแต่ก็เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะถอนจูบเมื่อเห็นคนใต้ร่างหายใจไม่ทัน 
                “ขอบคุณนะคะ น้ำก็รักเอมเหมือนกัน”       
                พูดจบเธอก็โน้มตัวเพื่อนสนิทที่ขยับฐานะขึ้นมาเป็นคนรู้ใจลงมาอีกครั้ง คืนนี้ของสองเรามันคงอีกยาวไกลนัก   










    มาต่อเรียบร้อยแล้วค่ะ หลังจากหายไปนาน 5555
    ต่อไปนี้จะอัพทุกวันพุธนะคะ น่าจะเป็นอย่างนั้นถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคน แล้วก็คอมเม้นทุกคอมเม้นนะคะ
    เป็นกำลังใจที่ดีมากๆเลย ถ้าอ่านแล้วรู้สึกแปลกยังไงก็ติชมได้นะคะ

    ปล.1 มีรีดเดอร์คนไหนสนใจทำประกันบ้างมั๊ยคะ
    พอดีพี่สาวฝากมาถาม 5555 เลยต้องช่วยขายหน่อย
    ปล.2 สุขสันต์วันคริสต์มาส แล้วก็สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะคะ
    ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะคะ ^^ 
               

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×