คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : น้อยใจ
“สวัสดีค่ะ พ่อ” หญิงสาวทักพ่อขึ้นมาก่อน คุณเสวกทำสายตาเป็นคำถามขณะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ “เอมมีเรื่องจะมาบอกให้พ่อทราบค่ะ”
ลูกสาวเลือกจะใช้คำว่าบอกแทนที่จะใช้คำว่าฟ้อง แต่คนเป็นพ่อรู้ดีว่าเรื่องที่กำลังจะได้ฟัง เป็นเรื่องอะไรและเกี่ยวกับใคร
“ผู้ชายคนนี้ไล่ยิงรถเอม” สาวหน้าคมใช้ปืนในมือชี้ไปยังชายหนุ่ม ที่หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มเมื่อโดนปืนจ่อใบหน้าในระยะเผาขน แต่หญิงสาวกลับทำเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา กับการจะเอาปืนชี้หน้าคนอื่น
“กลัวเป็นด้วยเหรอ เวลาโดนเอาปืนชี้หน้า” เสียงเรียบถามขึ้น เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัว “ตอนนายกับเพื่อนเลือกจะฆ่าฉัน ไม่คิดบ้างล่ะว่าฉันจะกลัว”
ไม่มีคำตอบจากปากนักฆ่าขี้ขลาด และเอมเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบอยู่แล้ว หญิงสาวเก็บปืนลงกระเป๋าถือเหมือนเดิม ถ้าไม่ใช่คนสนิทจริงๆจะดูไม่ออกเลยว่าเธอกำลังโกรธ ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไปส่งน้ำที่บ้านแล้ว เพราะถ้าพวกมันเลือกลงมือตอนน้ำอยู่บนรถ รับรองได้ว่าเธอไม่ปล่อยให้สองคนนี้มีชีวิตอยู่บนโลกแน่นอน ถ้าเกิดน้ำต้องเป็นอะไรขึ้นมา
สองคนนี้จะได้ไปยืนแก้ตัวกับยมบาลในนรกด้วยฝีมือเธอแน่นอน
“ใครจ้างนายมา” คุณเสวกถามเสียงเข้ม ถึงแม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“ผมไม่รู้จริงๆครับ มีคนจ้างผมมาอีกทอดหนึ่ง เขาไม่ได้บอกว่าใครเป็นจ้าง” ชายหนุ่มตอบเสียงสั่น เป็นครั้งแรกในชีวิตเขาเลยที่ได้มาอยู่ท่ามกลางสถานการณ์กดดันขนาดนี้ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อสาวหน้าคมหยิบปืนออกมาจากกระเป๋าอีกครั้ง
และปากกระบอกปืนนั้นก็กลับมาจ่ออยู่ที่หน้าผากเขาอีกครั้ง
“แล้วนายก็รับทำ ทั้งที่ไม่รู้ใครจ้าง” เอมถามด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
“ผมกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินครับ คนที่มาจ้างเขาบอกว่าไม่ต้องเอาให้ถึงตายแค่ยิงขู่ไปก็พอ”
ชายหนุ่มตอบก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ไม่นึกว่าหญิงสาวสวยตรงหน้า จะมีดีกรีความโหดมากกว่าที่เห็นภายนอก
เอมละสายตาจากชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้บอดี้การ์ดส่วนตัว ที่ยืนรออยู่มุมห้องเรียกลูกน้องให้มาลากตัวนักฆ่าปากแข็งออกไปจากห้อง
“ลองเอาให้หยอดน้ำข้าวต้มสักสองสามวัน หวังว่าหลังจากนั้นคงพูดอะไรได้มากขึ้นนะ”
พูมยิ้มเป็นเชิงรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เขาปิดประตูห้องนั่งเล่นอย่างแผ่วเบาและหันมามองหน้าชายหนุ่มเคราะห์ร้ายที่ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“ปรกติคุณหนูออกจะใจดีนะ ขนาดยุงยังไม่ตบเลย” พูมบอกเสียงนุ่มเห็นหน้าคนฟังมีสีขึ้นมานิดหน่อย คงจะใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว “แต่ที่ไม่ตบคือยุงที่ไม่กัด ไอที่เข้ามากัดน่ะ เละทุกราย เอ้ย ทุกตัว”
คุณเสวกเก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึม คนหนึ่งก็ลูกสาวในไส้แท้ๆ อีกคนหนึ่งก็ลูกชายแม้จะไม่ใช่ลูกในไส้แต่เขาก็รักไม่แพ้กัน แต่ผลประโยชน์ทุกอย่างรวมถึงธุรกิจทุกสิ่งที่เขามี มันต้องตกเป็นของทายาททางสายเลือดของเขา และเขาคิดว่าการแบ่งสมบัติครั้งนี้เขาไม่ได้ลำเอียง เพราะคิดว่ามันดีที่สุดแล้ว ไม่นึกว่าความโลภจะทำให้ลูกชายของเขาเปลี่ยนไป
แต่ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาเลือกเอมให้เข้ามาดูแลผลประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งเขาบอกออกไปไม่ได้ “เอมไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลยนะคะ พ่อก็รู้ เฮียบอยเองก็เป็นคนช่วยพ่อทำธุรกิจมาตั้งเยอะแยะ เขาจะไม่พอใจก็คงไม่แปลก เขาอาจะคิดว่าสิ่งที่เขาได้มันไม่คุ้มกับสิ่งที่เขาได้รับก็ได้นะคะ”
สาวหน้าคมบอกอย่างเป็นการเป็นงาน เมื่อพูดถึงพินัยกรรมที่เปิดขึ้นมาอาทิตย์ที่แล้ว ทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดของตระกูลปิ่นสินชัยตกอยู่ในมือของคุณหนูของบ้าน ผู้ซึ่งถือหุ้นใหญ่ 70% ส่วนพี่ชายของเธอได้กิจการนำเข้าและธุรกิจการปล่อยเงินกู้นอกระบบ
“แต่ลูกคือสายเลือดของปิ่นสินชัย พอตัดสินใจดีที่สุดแล้ว” บิดาโต้กลับเสียงเข้ม “บอยเขาควรได้รับในสิ่งที่เขาถนัด และพ่อคิดว่ามันจะดีกับเขา”
“แต่มันทำให้เอมตกอยู่ในอันตรายนะคะพ่อ ตั้งแต่เปิดพินัยกรรมาเอมเกือบตายมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่รอบ ทำอะไรก็ไม่ได้ แจ้งตำรวจก็ไม่ได้ เอมจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”
หญิงสาวระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อไม่ได้คิดถึงเธอเลย และไม่ใช่แค่เธอที่จะมีอันตราย คนรอบข้างเธอก็ตกอยู่ในอันตรายไปด้วย โดยเฉพาะกับน้ำ ถ้าเพื่อนสนิทต้องมาเจอกับอันตรายเพราะเธอ เธอคงให้อภัยตัวเองไม่ได้แน่นอน
“เอม ลูกเกิดมาในสังคมแบบนี้ เรื่องอันตรายเป็นเรื่องที่ลูกต้องเจออยู่แล้ว ลูกเลี่ยงมันไม่ได้ ถ้าลูกกลัวว่าคนที่ลูกรักต้องเจอกับอันตราย ก็ใช้ความรักทั้งหมดปกป้องเขา”
อย่าเหมือนพ่อที่ปกป้องลูกไม่ได้ เขาต่อประโยคนี้ในใจ
สาวหน้าคมนิ่งไป เธอจะอ้าปากเถียงแต่บิดาเลือกที่จะไม่ฟังอะไรจากเธออีกแล้ว ร่างสูงใหญ่เดินออกไปจากห้องทันที ทิ้งเธอนั่งจมอยู่กับความรู้สึกน้อยใจที่ปะทุขึ้น ถ้าเธอเลือกได้ขอเกิดเป็นคนธรรมดา มากกว่าจะมาเกิดในครอบครัวที่แย่งชิงความเป็นใหญ่กันแบบนี้
ลูกมาเฟียอย่างนั้นเหรอ เธอไม่เข้มแข็งพอจะคิดว่าตัวเองเป็นได้หรอกนะ
น้ำมองเพื่อนสนิทที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงข้ามอย่างแปลกใจ อาทิตย์ที่ผ่านมาเหมือนเอมจะมีอะไรในใจอยู่มากมาย แต่พอถามถึงก็มีแต่คำตอบว่าไม่เป็นไร ทั้งที่หน้าตาบ่งบอกว่าเป็นซะขนาดนั้น จนเธอขี้เกียจจะเซ้าซี้ คงต้องรอจนกว่าเจ้าตัวจะพร้อม
“น้ำ วันนี้ขอไปค้างด้วยได้หรือเปล่า” อยู่ๆสาวหน้าคมก็เอ่ยขึ้นมา แต่เป็นประโยคที่ทำเอาคนฟังถึงกับสำลักน้ำ
คนอะไรอยู่ดีๆก็มาขอนอนกับเขาหน้าตาเฉย
“ไม่สะดวกเหรอ” เอมถามพลางยื่นกระดาษทิชชู่ไปให้ ดูท่าทางแล้วเจ้าของบ้านจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ “ถ้าน้ำไม่อยากให้ไป เดี๋ยวเราไปถามคนอื่นก็ได้”
สาวหน้าคมสะดุ้งเฮือกเมื่อคนที่สำลักน้ำอยู่ หันขวับมาหาเธอด้วยสายตาเอาเรื่อง ทั้งที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรผิด น้ำมองเพื่อนสนิทที่กล้าพูดออกมาได้ว่าจะไปค้างบ้านคนอื่น แค่ไปสนิทกับคนอื่นเธอยังไม่ให้ทำ เรื่องที่จะไปค้างบ้านก็ฝันไปได้เลย
“ถ้าเอมไปค้างบ้านคนอื่น ก็เตรียมตัวจองโรงพยาบาลห้องพิเศษได้เลยนะ” เสียงห้าวพูดด้วยน้ำเสียงหวานผิดปกติ แต่คนฟังรู้ได้ทันทีว่าเสียงแบบนี้แหละอันตรายสุดๆ
ถ้าเธอไปค้างบ้านคนอื่น บอกเลยว่าน้ำทำอย่างที่บอกแน่นอน สาวหมวยผู้สยบมาเฟีย
“แล้วมีปัญหาอะไรที่บ้านหรือเปล่า” เวลาเป็นการเป็นงานน้ำก็ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เธอถามด้วยความเป็นห่วงเอมจริงๆ แต่ไหนแต่ไรคนตรงหน้าก็ชอบเก็บปัญหาเอาไว้อยู่คนเดียว มีเรื่องไม่สบายใจก็ไม่ค่อยบอกต้องให้ง้างปากตลอด
“เปล่า ไม่มีอะไร” คำปฎิเสธที่ฟังมาจนชิน ทำเอาน้ำยอมแพ้เมื่อรู้ว่าเค้นไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา
“จะไปก็ได้ น้าก้อยบ่นคิดถึงเอมอยู่พอดีเลย” น้ำบอกยิ้มๆ แล้วอยู่ก็เขินขึ้นมาซะเฉยๆเมื่อนึกถึงประโยคที่น้าก้อยบอกเธอเอาไว้ ว่าเอมรักเธอ
“เป็นอะไรน้ำ หน้าแดงๆไม่สบายเหรอ” เอมเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่อยู่ดีๆก็แก้มแดง ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้ร้อน สาวหน้าคมโน้มตัวไปข้างหน้า ก่อนจะแตะหน้าผากสาวหมวยด้วยหน้าผากของตัวเอง
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา แล้วทำไมหน้าแดง”
เอมถามอย่างสงสัยในขณะที่ยังคงค้างอยู่ในท่าวัดไข้อันระทึกใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่กำลังวัดไข้ให้หน้าแดงก่ำมากขึ้นกว่าเดิม น้ำอยากจะใช้มือมากุมหัวใจตัวเองที่มันกระหน่ำอยู่ตอนนี้ ให้มันหยุดเต้นเสียที
“น้ำไม่ได้ป่วยหรอกเอม” หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว การสบตากันในระยะใกล้แบบนี้ ตอนที่เธออยู่ในช่วงหวั่นไหวแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ หัวใจจะวาย เธอดันตัวเพื่อนสนิทออกช้าๆ พยายามไม่ให้เสียมารยาทเพราะกลัวอีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเธอรังเกียจ
แต่ที่ดันออกเหตุผลเพราะใจสั่นล้วนๆ
เอมยังคงมองใบหน้าแดงก่ำอย่างเคลือบแคลง แต่เมื่อน้ำบอกไม่ได้ป่วย ในฐานะเพื่อนที่ดีเธอควรเชื่อสินะ “แล้วสรุปวันนี้เอมไปค้างบ้านน้ำได้ใช่ไหม”
สาวหน้าคมวกกลับมาเรื่องที่ตัวเองยังค้างคา เพราะทุกวันนี้เธอไม่อยากจะกลับไปเหยียบบ้านอีกแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่ได้คุยกับบิดาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย มันกลับแย่ลงด้วยซ้ำ บ้านเธอตอนนี้เหมือนชุมโจรมีกองกำลังติดอาวุธเดินสวนกันไปมา ทั้งลูกน้องพี่ชายและลูกน้องของเธอ ที่ต่างฝ่ายต่างเขม่นกันไปมา ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจเจ้านายคงได้เปิดศึกยิงกันกลางบ้านไปแล้ว
มันทำให้เธอไม่มีความสุขกับการอยู่บ้านเลยสักนิด บางครั้งนอนอยู่ก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะระแวงว่าจะมีคนมาลอบยิงตอนหลับ สรุปเธอเป็นลูกสาวมาเฟียหรือนักโทษหนีคดีกันแน่
บอกตามตรงว่าเธอไม่ได้ชอบชีวิตที่ต้องเปื้อนเลือดคนอื่น แต่เพื่อความอยู่รอดบางครั้งก็ต้องโหดร้าย แม้ใจไม่อยากทำ พลันนึกถึงนักฆ่าขี้ขลาดที่เธอฝากให้บอดี้การ์ดจัดการ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ
“ไปได้สิ บ้านน้ำก็เหมือนบ้านเอมนั่นแหละ สบาย” สาวหมวยยักคิ้วให้อย่างกวนๆ “มาอยู่กับป๋าเดี๋ยวป๋าเลี้ยงเอง”
คนอารมณ์ดีบอกอย่างใจป้ำพลางตบอกตัวเองเป็นการยืนยัน ให้ฝ่ายที่มองอยู่หัวเราะด้วยความขบขัน
“ป๋าจะเลี้ยงเอมไหวเหรอคะ” สาวหน้าคมบอกก่อนจะยกกระเป๋าถือให้ดู “เอมเปลี่ยนกระเป๋าทุกเดือนเลยนะ อย่างใบนี้ที่ซื้อมาก็ประมาณสองหมื่น”
“โอ้โห ทำไมใช้แพงนักล่ะหนู เอามาแลกกับกระเป๋าใบละสามร้อยกับป๋าก่อนไหม” น้ำไม่ยอมแพ้หยิบกระเป๋าของตนยื่นไปแลกกับเพื่อนสนิท
สามร้อยกับสองหมื่น ระยะความห่างของมูลค่าไม่ต่างกันเท่าไหร่
“ถ้าป๋าเลี้ยงหนูไม่ไหว สลับให้หนูเลี้ยงป๋าเองได้หรือเปล่าคะ” จากเรื่องล้อเล่นกลับเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมาได้ เพียงแค่คำถามหนักแน่นที่ถามออกมาจากปากเอมเท่านั้น น้ำไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ว่าคนถามจริงจังหรือแค่ถามเธอเฉยๆ แต่ถ้าถามเฉยๆทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยล่ะ
แล้วเธอควรจะตอบแบบไหนดีล่ะ
“ถ้าให้เลี้ยงป๋าทั้งชีวิต จะไหวหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะป๋า”
ใบหน้าเคร่งขรึมมองไปยังร่างคุ้นตาที่อยู่ในห้องมืด เงาตะคุ่มกลางห้องขยับตัวเล็กน้อย คุณเสวกหนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหามันยังไง เขาจึงตัดสินใจมาที่ห้องนี้เพื่อมาคำแนะนำ แม้รู้ว่าดีว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร
“โชคชะตา กำหนดชีวิตเด็กคนนั้นมาแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงมันได้” เสียงในเงามืดตอบออกมาราวกับรู้ใจเขา “พวกเราไม่มีทางเลือก”
“แต่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น” บุรุษมาเฟียใหญ่พูดเสียงสั่นเครือ ลูกสาวคนเดียวของเขา ลูกสาวเขาที่ปกป้องเอาไว้ไม่ได้
“สิ่งที่เราทำได้คือรอเวลา และเวลานั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ทำใจเอาไว้ให้ดี”
“น้ำหันมาคุยกับเอมหน่อยสิ โกรธเอมเรื่องอะไร” การพยายามง้อเพื่อนสนิทเป็นสิ่งที่เอมคิดว่า มันยากลำบากมากกว่าอะไรทั้งหมดในชีวิตที่เคยทำมา เพราะรู้สึกว่าเธอพูดประโยคนี้ มาตั้งแต่พักกลางวันจนตอนนี้เกือบหมดเวลาของคาบบ่ายแล้ว ยังไม่มีคำพูดออกจากปากของน้ำสักคำ
คนสวยทำอะไรผิดล่ะนี่
คนที่นั่งฟังคนง้อก็ไม่ใช่ว่าไม่หวั่นไหว อันที่จริงใจอ่อนตั้งนานแล้ว ยิ่งอีกฝ่ายทำหน้าเศร้าแบบอ้อนๆก็ยิ่งทำให้ใจละลาย แต่พอนึกถึงเรื่องที่เธอไม่พอใจมันก็พาลไม่อยากยกโทษให้ซะอย่างนั้น
‘เนสท์มีคนที่ชอบแล้วค่ะ เขาเป็นคนจริงใจ น่ารัก นิสัยดี คอยเทคแคร์คนอื่นตลอดเวลา แต่เนสท์ว่าเขาคงไม่รู้ว่าเนสท์ชอบเขาอยู่’
จากคำให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุของมหาวิทยาลัย น้ำสามารถรู้ได้ในทันทีว่าคนที่ดาวคณะกำลังพูดถึงคือใคร ในเมื่อเธอเองก็ดูออกมาตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเนสท์มีใจให้เอม ไม่อย่างนั้นตอนที่เอมสนิทกับเนสท์ในช่วงประกวดดาวคณะ เธอคงไม่ไปวีนจนฝ่ายนั้นต้องถอยหนีออกไปหรอก
และคนข้างตัวก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรกับเขาเลย ยังจะไปอวยพรขอให้เนสท์กับคนที่ยัยนั่นแอบชอบลงเอยกันอีก ถ้ามันเกิดขึ้นจริงคงเป็นเธอนี่แหละที่อกแตกตายก่อน
“เอม น้ำถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า”
เอมชะงักไปเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเพื่อนสนิท เธอพยักหน้าตกลงแม้จะไม่รู้ว่าน้ำจะถามเรื่องอะไร หรือว่าน้ำจะถามว่าเธอชอบใคร ถ้าเป็นแบบนั้นจะตอบว่ายังไงล่ะ
“เอมคิดยังไงกับเนสท์”
เอมอยากจะร้องฮะออกไปดังๆ กับคำถามที่ไม่คาดคิดมาก่อน แต่พอเห็นหน้าของคนถามแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรที่นอกเหนือจากคำถาม เธอเลยพยายามนึกคำตอบที่เข้าท่าที่สุด
“คิดยังไงเหรอ เนสท์ก็น่ารักนะ ตัวเล็กตาโต ถึงจะขี้เหวี่ยงไปหน่อย แต่รวมๆแล้วเนสท์เป็นคนน่ารักมากเลยนะ แถมหน้าตาสวยด้วย”
“แค่นี้ใช่หรือเปล่า” น้ำถามเสียงแผ่วๆ “เอมไม่ได้คิดจะชอบเนสท์ใช่ไหม”
“เอมว่านะ น้ำคงต้องถามว่าเนสท์เนี่ยนะจะมาชอบคนอย่างเอมน่าจะเหมาะกว่า” สาวหน้าคมตอบติดตลก เนสท์เป็นคนสวย แถมยังดูน่ารักมองยังไงก็ไม่น่าเบื่อ แต่เธอไม่ได้คิดอะไรกับหญิงสาวตาโตคนนั้นแน่นอน
เพราะสำหรับเธอแล้ว คนที่จะได้คำว่ารักจากเธอไปมีแค่น้ำเท่านั้น
“ไม่เอาคำตอบแบบนี้สิเอม เอาคำตอบจริงๆ” สาวหมวยบอกเรียบๆ แม้ข้างในจะร้อนรนจนอกแทบไหม้ แค่รู้ว่าเอมมองเนสท์น่ารักก็รู้สึกแย่พออยู่แล้ว อย่าให้เอมต้องรู้สึกดีมากไปกว่านี้เลย
น้ำไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองคิดยังไงกับเพื่อนสนิท เธอรู้เพียงแค่ว่ามีเอมอยู่ด้วยก็พออยู่แล้ว และเอมต้องเป็นเพื่อนสนิทของเธอคนเดียวเท่านั้น เธอหวง เธอห่วง แต่พยายามบอกตัวเองมาตลอดว่าเพื่อนคนอื่นเขาก็ทำกันแบบนี้ ถ้าไม่มีคนมาพูดให้เธอรู้สึกตัว คงต้องเสียเอมไปสักวัน เพราะคำว่าเพื่อนคงรั้งเอมให้อยู่กับเธอตลอดไปไม่ได้
แต่ถ้าน้ำจะถามเอมสักนิด เธอจะรู้ว่าเอมเต็มใจจะอยู่ข้างๆไม่ว่าฐานะไหนก็ตาม
“เอมไม่ได้ชอบเนสท์ ไม่ได้คิดอะไรด้วยเลย”
สาวหน้าคมบอกเสียงเข้ม สายตาที่จ้องมองลงไปยังคนข้างหน้ามั่นคงกับคำตอบของตนอย่างที่สุด คนอย่างเธอถ้าไม่มั่นใจจะไม่พูดอะไรออกไปเด็ดขาด แต่ครั้งนี้เธอมั่นใจเพราะคนที่เธอชอบอยู่ตรงหน้านี้แล้ว เพียงแต่เธอไม่เคยบอกออกไปเท่านั้นเอง
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ ไม่ใช่ว่าไปเห็นเนสท์น่ารักขึ้นมาแล้วไปจีบเขาละ ถึงตายแน่เอม” น้ำคาดโทษเสียงเข้ม ขัดกับใบหน้าโล่งใจ แล้วหลังจากนั้นบรรยากาศหวานๆก็กลับมาอีกครั้ง
“คบกันไปเลยไหม จะได้จบๆ” จักจั่นที่หมั่นไส้กับบรรยากาศหวานของเพื่อนร่วมคลาส เอ่ยอย่างออกมาหมั่นไส้
อย่าให้จั่นมีแบบนี้บ้างนะ แม่จะหวานทั้งวันเลยคอยดู
ความคิดเห็น