คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไม่เข้าใจ
“เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่เห็นคุณหนูไปส่งคนอื่นนอกจากคุณน้ำ” บอดี้การ์ดส่วนตัวเอ่ยขึ้นมาหลังจากส่งเพื่อนของคุณหนูเสร็จ
“เงียบไปเลยพี่พูม เป็นการชดเชยที่เอมไปทำให้เขาอับอายเฉยๆหรอก ไม่ได้มีอะไรเลย” เอมบอกอย่างเซ็งๆ ถ้ารู้ว่าเนสท์จะดื้อขนาดนี้ปล่อยให้กลับคนเดียวไปตั้งนานแล้ว ต้องฉุดกระชากลากถูกันเลยทีเดียวกว่าจะพามาที่รถได้ ดีนะที่พอถึงรถยังสงบลงไปได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงได้ตีกันเละในรถนี่แหละ
“แล้วทำไมวันนี้คุณน้ำไปไหนล่ะครับ” พูมยังถามถึงบุคคลที่หายไป
“มีนัดเดท” เอมตอบสั้นๆให้คนถามรู้ตัวว่าควรจะเงียบและอย่าถามอะไรมากไปกว่านี้ สาวหน้าคมนั่งพิงเบาะรถอย่างเหนื่อยใจเมื่อกลับมาคิดถึงเรื่องเดทของเพื่อนสนิท ป่านนี้เขาสองคนจะทำอะไรกันอยู่นะ กินข้าว ดูหนัง เดินเที่ยว หญิงสาวหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ที่คุ้นเคย จ้องมองอยู่สักพักแล้วก็ลบไป กลัวว่าถ้าโทรไปตอนนี้อาจจะโดนเหวี่ยง เลยจำต้องเก็บมันเข้าที่เดิมอย่างเซ็งๆ
เอี๊ยดดดด !!!!!! กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆอยู่ดีๆรถเธอก็เบรกกะทันหัน ขณะจะตั้งสติเพื่อถามบอดี้การ์ดก็มีเสียงดังขึ้นมาซะก่อน
“คุณหนู หมอบลง”
ก่อนจะได้โต้ตอบอะไรเสียงปืนก็ดังสนั่นหวั่นไหว เอมรีบหมอบลงกับพื้นรถอย่างรวดเร็ว พลางหยิบปืนพกในกระเป๋าออกมาเตรียมพร้อม แต่ฟังจากเสียงแล้วถ้าเธอยืดตัวขึ้นตอนนี้คงร่างพรุนแน่นอน
“คุณหนูยังอยู่ดีหรือเปล่าครับ” พูมหันมาตะโกนถาม เขาเองก็ตกอยู่ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะฝ่ายนั้นไม่ปล่อยให้เขาได้ยิงตอบโต้เลย
“ยังไม่ตายพี่” เอมตะโกนตอบในมือถือปืนพกไว้ในท่าเตรียมพร้อม
เสียงปืนเงียบไปแล้ว เอมค่อยๆยืดตัวขึ้นอย่างระมัดระวัง หญิงสาวเปิดประตูรถและก้าวออกไปข้างนอก แต่ยังกวาดปืนไปมาเผื่อจะมีพวกมันที่ยังหลงเหลืออยู่
แต่ทุกอย่างเงียบสงัดไม่มีอะไรเคลื่อนไหวนอกจากเธอและบอดี้การ์ดที่ออกมายืนข้างกัน สภาพรถบีเอ็มซีรีย์ 5 ยับเยินไม่เหลือชิ้นดี ครั้งที่สองของเดือนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ เอมกัดฟันอย่างแค้นใจ จะไม่รู้สึกแย่เท่านี้ถ้าเธอไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ
“จะจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหนกัน”
“เฮีย ทำแบบนี้มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ”
บอดี้การ์ดทุกคนยกปืนขึ้นเตรียมยิง เมื่อเห็นคุณหนูของบ้านพุ่งเข้ามาในห้อง เอมปัดปืนคนที่ยืนอยู่ใกล้ตัวที่สุดออกห่างอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเดินไปประจันหน้ากับที่เธอเรียกมาตลอดว่าพี่ชาย
“ทำอะไร อยู่ดีๆก็มาทำตัวเป็นหมาบ้าใส่เป็นอะไรของเธอ”
เมื่อเห็นว่าพี่ชายทำหน้าไม่สนใจ ยิ่งกระตุ้นความโกรธของหญิงสาวให้เพิ่มขึ้น เอมพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของพี่ชายอย่างไม่เกรงกลัวปืนทุกกระบอกที่หันมาทางเธอ แววดาดุดันเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
“เฮีย ส่งคนไปฆ่าฉัน อย่านึกว่าฉันจะโง่สิ”
“แกอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันไม่รู้เรื่อง” บอยปัดมือหญิงสาวออก ก่อนจะสูทให้เข้าที่เหมือนเดิม “แกมีหลักฐานอะไรถึงมากล่าวหากันแบบนี้ ฉันฟ้องแกได้นะเว้ย”
“มาถึงขนาดนี้แล้วเฮียยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกเหรอ รถที่พวกนั้นขับไปมันก็รถเฮีย ทำไมฉันจะไม่รู้” เอมตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า เธอรู้มาสักพักแล้วว่าความสัมพันธ์พี่น้องจอมปลอมมันจบลงตั้งแต่บิดาประกาศพินัยกรรม แต่ไม่คิดว่ามันจะบานปลายขนาดนี้
“แกมันบ้าบอ รถแบบนั้นใครก็มี ไม่จำเป็นต้องเป็นฉันก็ได้” บอยบอกอย่างไม่ทุกข์ร้อน ชายหนุ่มลุกเดินมาประจันกับผู้ที่ได้ชื่อว่าน้องสาว “แกจะมาหาฉันให้มันได้อะไรขึ้นมาเอม ถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ ก็ไปแจ้งตำรวจสิ ไม่ก็วิ่งหางจุกตูดไปฟ้องพ่อเลยไป๊”
เอมกัดฟันด้วยความคับแค้นใจ เพราะรู้ดีว่าพี่ชายพูดขนาดนี้เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใคร ไม่แม้แต่พ่อของตัวเอง
หญิงสาวไม่พูดอะไรแต่ตัดสินใจเดินหันหลังกลับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ต่อ มันก็ถูกที่รถแบบนั้นใครจะมีก็ได้ แต่เส้นทางกลับบ้านของเธอมีแต่คนในบ้านเท่านั้นที่รู้ ถ้าจะอีกคนหนึ่งก็น้ำนั่นแหละ แต่ตัดไปได้เลย
ใช่สิ ตอนนี้มันได้เวลาที่เธอต้องโทรหาน้ำแล้ว สงสัยวันนี้คงต้องใช้เบอร์บ้านโทรไปซะแล้ว เพราะมือถือเครื่องเก่าของเธอไม่เหลือชิ้นดีเลยแม้แต่น้อย กว่าจะได้เครื่องใหม่คงต้องรอพรุ่งนี้
เสียงมือถือที่ดังอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เรียกความสนใจจากเจ้าของให้รีบเดินไปดู น้ำหยิบมือถือขึ้นมาดูอย่างสงสัย เพราะเบอร์ที่โทรมาไม่คุ้นสายตาเลยแม้แต่น้อย
“ฮัลโหล น้ำนี่เอมเองนะ” เอมรีบแนะนำตัวทันทีเมื่ออีกฝ่ายรับสาย
“แปลกนะ วันนี้ใช้เบอร์อะไรโทรมา ตู้สาธารณะหรือเปล่าเนี่ย” น้ำแกล้งหยอก พอจะรู้อยู่แล้วว่าคงใช้เบอร์บ้านโทรมา แต่ก็อดจะแกล้งไม่ได้ จะเรียกว่าโรคจิตก็ได้ เพราะเธอชอบเสียงเอมเวลาโหยยยน้ามมม มันน่ารักดี
“โหยยย น้ำอ่า” นี่แหละเสียงแบบนี้เลย น้ำหัวเราะคิกคักเมื่อแกล้งเพื่อนสนิทได้สำเร็จ ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วมือถือไปไหนแล้วล่ะ ทำไมถึงใช้เบอร์บ้านโทรมา”
พอโดนถามถึงมือถือเอมถึงกับไปไม่เป็นอยู่ครู่หนึ่งแอบคิดในใจว่าดีเท่าไหร่แล้วที่เตรียมคำตอบมา
“พอดีจังหวะข้ามถนนมันหล่นน่ะ โดนรถเหยียบเท่านั้นแหละเละเลย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ขนาดนั้นเลยน้ำ เละเลย” เอมยืนยันในคำตอบให้อีกฝ่ายยิ่งสงสัย น้ำไม่ค่อยจะเชื่อกับคำตอบของเอมซะเท่าไหร่ แต่เพราะได้ยินแต่เสียงเลยจับโกหกอะไรไม่ได้
“ถามแต่เรื่องเรา วันนี้น้ำล่ะเป็นยังไงบ้าง ไปเที่ยวกับเพื่อนมาสนุกหรือเปล่า”
น้ำชะงักไปก่อนจะนึกได้ว่า เธอไม่ได้บอกเอมว่าจะไปกับพี่เต๋า
“ก็สนุกดีนะ ได้ไปดูหนังกินข้าว ก็ปกติเหมือนที่เพื่อนเขาไปกันนั่นแหละ” สาวหมวยตอบแบบรวบรัด ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่อยากเล่าให้เอมฟังเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนว่า แต่มันเหมือนเกรงใจมากกว่า สงสัยเพราะรู้สึกผิดที่โกหกด้วยล่ะมั้ง
แต่น้ำไม่รู้เลยว่า คนฟังนั้นรู้ทุกอย่าง เพียงแต่เอมเลือกที่จะไม่พูด เธอรอ รอจนกว่าน้ำจะพูดออกมาเอง ซึ่งวันนั้นอาจจะเป็นวันที่น้ำเดินมาบอกเธอว่าคบกับพี่เต๋าแล้ว
ต่างคนต่างเงียบใส่กัน เมื่อต่างรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเรื่องปิดบังกันและกันเอาไว้ น้ำอยากจะเอ่ยถามเรื่องที่เธอเห็นเอมที่ห้างวันนี้แต่ก็ไม่กล้าเอ่ย มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่สิ มันเคยเกิดมาแล้วตอนปีหนึ่ง ตอนที่เอมสนิทกับคนคนหนึ่ง
“เออ แล้วน้ำทำการบ้านของอาจารย์สุวลีหรือยัง” เอมเปลี่นเรื่องคุยเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเงียบเกินไป
“ทำแล้ว อย่าบอกนะว่าเอมยังไม่ได้ทำ” น้ำปรับอารมณ์แทบไม่ทัน พอเพื่อนสนิทเปลี่ยนเรื่องคุย แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็อึดอัดกับบรรยากาศที่ผ่านมา
“โอ๊ยยย ระดับเอมนะ”
“ยังไม่ได้ทำใช่หรือเปล่า”
“น้ำ รู้ทันตลอดอ่ะ”
เอมวางสายไปแล้วแต่น้ำยังถือโทรศัพท์ค้างไว้อยู่อย่างนั้น เพราะเธอยังไม่ได้ถามคำถามที่ค้างคาในใจเลย ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้ เวลาที่หวงเมื่อเห็นเอมอยู่กับใคร มันดูไม่ยุติธรรมเพราะเธอสามารถที่จะคุยกับใครก็ได้ แต่กับเอมทุกครั้งที่มีใครเข้าหาเพื่อนสนิทในเชิงชู้สาว เธอจะทำตัวเป็นไม้กันหมา กันทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เอมมีใคร แต่เอมไม่เคยทำแบบนี้กับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว สาวหน้าคมมักจะปล่อยให้เธอได้ทำตามใจตัวเอง แต่จะคอยอยู่เคียงข้างเสมอ เธอเลยไม่อยากจะเสียเอมไปให้ใคร โดยเฉพาะกับคนนั้น
“ได้เรื่องอะไรบ้างพี่พูม” เอมเอ่ยถามบอดี้การ์ดส่วนตัวที่เข้ามารายงานความคืบหน้าของการลอบยิง
“ตำรวจบอกว่าไม่มีหลักฐานครับ”
“ไม่มีหลักฐาน แล้วรถที่ยับเยินแบบนั้น มันเป็นหลักฐานไม่ได้หรือยังไง”
สาวหน้าคมผุดลุกขึ้นด้วยอารมณ์โมโห เธอโดนถล่มยิงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด รถพังยับเยินไม่มีชิ้นดี แต่ตำรวจดันบอกว่าไม่มีหลักฐานอะไรเลย นี่ตาบอดหรือหลับตาอยู่กันแน่
“เขาบอกว่าทางเราไม่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์ครับ” พูมรายงานเพิ่มเติม เขาเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงทำข้อตกลงกับทางตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว เขาไม่ชอบเลยคนที่เล่นสกปรกแบบนี้
“เออดี ทีหลังต้องโดนถล่มยิงกลางสี่แยกมั้ง ถึงจะมีพยาน”
เป็นวันที่เอมมาถึงมหาวิทยาลัยด้วยความรู้สึกไม่คงที่สักเท่าไหร่ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วยังหงุดหงิดไม่หาย ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
“อ้าว เอมทำไมทำหน้าบึ้งแบบนั้นวะ ใครไปกระตุกต่อมโกรธแกเนี่ย”
สาวหน้าคมหันไปตามเสียงทัก ก่อนจะส่งยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเป็นคิวเพื่อนคณะเดียวกัน แต่ก่อนเธอกับคิวก็สนิทกันนะ จนใครหลายคนเชียร์ให้เป็นแฟนกัน แต่คิวกลับบอกคนอื่นว่าเธอแมนเกินกว่าจะเป็นแฟนด้วย ตลกชัดๆ ทั้งที่ตัวเองต่างหากที่มีเจ้าของตัวจริงอยู่แล้ว ดันมาปล่อยข่าวให้คนอื่นเสียชื่อเสียง อีกเรื่องที่เธอจำได้ ตอนนั้นน้ำค้านข่าวนี้หัวชนฝาเลยทีเดียว แต่พอรู้ว่าคิวมีแฟนแล้วก็เลยมาเป็นเพื่อนกันได้ แต่ทุกวันนี้เวลาเจอหน้ากันก็ยังปะทะคารมกันอยู่อย่างต่อเนื่อง
“ตอนแรกไม่หงุดหงิดเท่าไหร่นะ แต่พอยิ่งมาเห็นหน้าแกตอนนี้อ่ะ โครตหงุดหงิดเลย”
“อ้าว ไอนี่กวนประสาท คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง”
แม้จะต่อล้อต่อเถียงกันเหมือนไม่ชอบหน้ากัน แต่คิวเป็นผู้ชายที่เธอสนิทด้วยสุดแล้วรองจากน้ำ ที่จริงยังมีแม็คอีกคนหนึ่ง แต่รายนั้นมักไม่ชอบสุงสิงกับใครๆ วันๆเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องชมรมแต่งเพลง ไม่รู้ป่านนี้กระดาษเนื้อเพลงกองท่วมหัวหรือยัง
“แล้วหมวยลี่ล่ะ” เอมถามหาแฟนสาวคิว เพราะเห็นเจ้าตัวนั่งเก็กหล่ออยู่คนเดียว
“ไปซื้อน้ำ”
“แล้วแกก็ปล่อยเขาไปซื้อคนเดียว โห เป็นผู้ชายที่แมนมาก”
“เฮ้ย อะไรก็ฉันบอกเขาแล้วว่าจะไปซื้อให้ แต่เขาบอกไม่ต้อง แกอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ” คิวโวยวายใส่ เมื่อโดนหาว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ “แล้วแกจะไปไหนเนี่ย”
“ไปหาน้ำสิ นี่สายแล้ว มัวแต่มายืนคุยกับแกนี่แหละ ไปแล้วนะ”
พูดจบเอมก็เดินจากไปทันที ไม่ทันได้ยินว่าคิวกำลังจะพูดว่าอะไร
“จะไปหาน้ำทำไมวะ ก็มันนั่งอยู่กับพี่เต๋านี่หว่า”
“อ้าว เอมมาแล้วเหรอ” เอมเงยหน้ามองเสียงที่ดังอยู่เหนือศีรษะ รอยยิ้มน้ำเป็นสิ่งที่เธอเห็นก่อนอย่างแรก และเลยไปถึงคนที่ยืนซ้อนหลังน้ำอยู่
“พี่เต๋าสวัสดีค่ะ” สาวหน้าคมยกมือไหว้รุ่นพี่ที่เคารพ ตอนนี้ความรู้สึกของเธอเหมือนถูกกดหยุด ทุกอย่างมึนงงไปหมด น้ำไม่เห็นบอกอะไรเลยว่าพี่เต๋าจะมานั่งด้วย
น้ำที่มองหน้าเอมอยู่ กำลังอยู่ในอาการหนักใจ รู้ตัวว่าเพื่อนสนิทต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน เป็นความผิดเธอเองที่ไม่ยอมปฏิเสธพี่เต๋าไปตั้งแต่แรก ตอนที่เขาเข้ามาขอนั่งด้วย เลยตกอยู่ในสถานะคนกลางที่น่าหนักใจ
“วันนี้พี่ขอนั่งด้วยนะครับน้องเอม” เต๋าเอ่ยขออนุญาตพร้อมรอยยิ้ม เขารู้ดีว่าถ้าจะพิชิตใจน้ำ หญิงสาวคนนี้ก็เป็นกุญแจสำเร็จแห่งความสำเร็จนั้น
“ตามสบายเถอะค่ะ ที่จริงพี่ไม่ต้องขอก็ได้นะ เพราะยังไงก็อุตส่าห์นั่งมาตั้งนาน จะนั่งต่อก็ไม่มีใครกล้าว่าหรอกค่ะ”
เต๋าหน้าเจื่อนไปเมื่อเจอคำพูดที่ไม่เป็นมิตรของเอม เขายิ้มน้อยๆแล้วก้มหน้าทานข้าวที่เพิ่งซื้อมา น้ำเห็นแบบนั้นแล้วนึกเกรงใจชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย พยายามจะผูกมิตรด้วยแต่กลับโดนเหวี่ยงใส่
“เอม ทำไมพูดแบบนั้นมันเสียมารยาทนะ” น้ำหันไปดุคนที่นั่งกดมือถือเหมือนไม่สนใจโลก
“อ้าว ปกติเอมก็พูดแบบนี้นะ ตอนเรียนอินเตอร์ไม่เห็นมีใครจะว่าอะไรเลย”
ฟังก็รู้ว่าคนพูดประชดอยู่ ตั้งแต่รู้จักกันมาเอมเป็นคนรู้จักกาลเทศะ มากกว่าเธอที่เรียนโรงเรียนไทยมาซะอีก เรื่องที่จะเห็นเอมพูดจาไม่ดีทำตัวเสียมารยาท หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก จะมีก็แต่ตอนโมโหแล้วก็ตอนที่งอนนี่แหละถึงจะพูดจาไม่ค่อยดี
บรรยากาศมาคุเกิดขึ้นท่ามกลางคนสามคน น้ำมองคนที่นั่งจิ้มมือถืออยู่ข้างอย่างเอาเป็นเอาตาย ดูก็รู้ว่าเป็นเครื่องใหม่ แต่อีกไม่นานก็คงเป็นเครื่องเก่าแน่นอน เล่นจิ้มใส่อารมณ์ซะขนาดนั้น ส่วนผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม ก็นั่งก้มหน้าก้มตาทานข้าวเหมือนเด็กโดนดุ น้ำอยากจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆ ไม่คิดว่าการเชื่อมสัมพันธ์ของคนสองคนจะยากขนาดนี้
“เดี๋ยวอีกสิบนาทีน้องน้ำต้องไปเรียนแล้วใช่ไหมครับ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปเก็บจานก่อน แล้วจะกลับมาช่วยถือกระเป๋านะ” เต๋าพูดทำลายบรรยากาศความเงียบขึ้นทันทีที่ทานข้าวเสร็จ
น้ำส่งยิ้มให้ชายหนุ่มเป็นเชิงตกลง และหันมาเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมพร้อมเข้าเรียน
“เอม เก็บมือถือได้แล้ว ไปเรียนกัน”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก น้ำรู้ตัวทันทีว่าโดนงอนขั้นสูงสุด เพราะนอกจากเล่นมือถือแล้ว เอมไม่ได้ทำอะไรที่จะไม่ได้ยินเสียงเรียกของเธอเลย
“เอม ไปเรียนกัน” ลองพยายามอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมเอมไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว
สาวหมวยขยับเข้าไปใกล้เพื่อนสนิท ก่อนจะซบลงไปที่หลังของคนขี้งอน หวังว่าวิธีง้อที่ใช้ประจำจะได้ผล
“เอม ไปเรียนกันเถอะนะ นะ นะ”
“น้ำ วันนี้เอมโดดนะ” ไม่มีท่าทีว่าหายโกรธ และน้ำยังต้องมาตกใจกับคำพูดของเพื่อนสนิท ร้อยวันพันปีเอมไม่เคยเรื่องที่จะโดดเรียนอยู่ในหัวเลย แล้วมันเกิดอะไรขึ้น
“เอม มันจะดูงี่เง่าเกินไปแล้วนะ” สาวหมวยเริ่มเก็บอาการโกรธไว้ไม่อยู่ เธอไม่ใช่คนใจเย็น ออกจะใจร้อนมากซะด้วยซ้ำ รู้ว่าคนตรงหน้าก็ร้อนพอกัน แต่รู้มาเสมอว่าถ้าเธอร้อนอีกฝ่ายจะเย็น แต่คงไม่ใช่ในตอนนี้
“มันงี่เง่าตรงไหนน้ำ แค่เอมไม่เข้าเรียนมันไม่ทำให้ใครตายหรอก ถ้าเหงานักไม่รู้จะคุยกับใคร นี่ไง เอาไปเรียนด้วยเลย” เอมเองก็แรงไม่แพ้กัน หญิงสาวหันหน้าไปทางชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่เพิ่งเดินกลับมาอยู่ข้างเพื่อนสนิท
“พี่เต๋ามีเรียนหรือเปล่าคะ” ดวงตาดุดันของเอมกดดันชายหนุ่มจนต้องส่ายหน้า “ดีเลยค่ะ ถ้าแบบนั้นก็ฝากเพื่อนเอมหน่อยนะคะ ฝากทั้งวันเลยเพราะวันนี้เอมไม่เรียน”
พูดจบสาวเข้มก็สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยน้ำทิ้งไว้กับชายหนุ่มรุ่นพี่ เต๋าออกจะงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพอสมควร การทะเลาะกันในแบบที่ เอ่อ เพื่อนสนิทไม่ทำกัน หันไปมองสาวหมวยที่เริ่มเก็บของเข้ากระเป๋า เลยต้องรีบเข้าไปช่วย
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่เต๋าน้ำถือเองได้” บอกแค่นั้นก่อนจะเดินหนีไปเข้าห้องเรียน ทิ้งชายหนุ่มให้ยืนงงอยู่สักพักก่อนจะเดินไปที่ห้องเรียนอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงสองคนนี้มันอะไรกันนะ
ความคิดเห็น