ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Sunflower {KrisYeol}{รวมชอตฟิคคริสยอล}

    ลำดับตอนที่ #8 : [SF] Just Somebody {4th}

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 56


    4th
    Something about you

     

     

                    เรื่องราวบางอย่างมีเพียงแค่บางคน

                ...ที่ไม่อยากให้รับรู้

     

     

     

                    “มาเที่ยวไง.. ที่บอกไว้ อื้อ.. นั่นแหละ  กับฮยอง  เออ น่า ... ตัดสินใจแล้ว”

                    มือที่วางอยู่บนพวงมาลัยเกร็งตามสภาวะอารมณ์ของเจ้าของ  คริสกัดฟันตัวเองเพื่อระงับสิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่ในสมอง ตาคมพยายามจ้องมองทางข้างหน้าอย่างจดจ่อ  แม้ว่าเสียงของคนข้างตัวจะรบกวนสมาธิของเขาเท่าไหร่ก็ตาม 

                    “จริงเหรอ?   ได้เหรอ?  ก็... อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน  นายต่างหากล่ะแพคฮยอน... เดี๋ยวเถอะ  ถ้าพูดไปฉันโกรธนายจริง ๆ ด้วย   นั่นแหละ... เงียบ ๆ ไปเลย”

                    ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดกับเสียงซุบซิบราวกับกลัวว่าเขาจะรู้เรื่อง  โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายพลิกตัวกลับไปทางประตู และส่งเสียงอ้อมแอ้มคุยกับคนที่อยู่ปลายสาย  ภาพสะท้อนจากกระจกทำให้คริสพบว่าตัวเองกำลังหน้าเครียดมากแค่ไหน

                    “หือ.... พี่จุนมยอนเหรอ ... เอาจริงเหรอ   งั้น...เดี๋ยวขอถามฮยองก่อนนะ  โอเค ...แค่นี้แหละ”

                    ชานยอลหย่อนอุปกรณ์สื่อสารลงในเป้บนตัก ใบหน้ากลมกลึงได้รูปราวตุ๊กตาหันกลับมาหาคนขับรถพร้อมดวงตาใส  ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกะพริบตาถี่ 

                    “ฮยอง”

                    “หือ...” คริสพยายามซ่อนร่องรอยเคร่งเครียดไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย และทำเป็นจดจ่อกับทางตรงหน้า เขาพยักหน้าตอบรับราวกับไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก

                    “แพคฮยอนโทรมา มันบอกว่าเหงา อยากมาเที่ยวด้วย เลยถามว่าเราพักที่ไหน”

                    “อ๋อ....”

                    “มันบอกว่าพี่จุนมยอนมีบ้านพักตากอากาศอยู่แถว ๆ โรงแรมเรม... ถ้ายังไงไปปาร์ตี้กันที่นั่นก็ได้  อ้อ... แล้วก็จะมีพวกเพื่อน ๆ ผมมาด้วย  ฮยองจะว่าไง”

                    “ว่าไง?

                    “ผมหมายความว่า... เรา ...ไม่สิ... หมายถึง เราสองคน...แล้วก็แพคฮยอนด้วย ”

                    “หือ...”

                    “ถ้ามีแพคฮยอนกับเพื่อน ๆ ร่วมทริปด้วย  พี่จะว่าอะไรไหม”

                    คำถามนั้นทำให้คริสแทบเหยียบเบรกกะทันหัน  โชคดีที่คิดได้ก่อน  ชายชาวต่างประเทศลอบถอนหายใจพลางพยายามเก็บซ่อนสีหน้าไม่พอใจของตัวเองไว้ภายใต้ใบหน้าราบเรียบ และควบคุมไม่ให้คำสบถใด ๆ ดังออกมาจากปาก

                    ”อ๋อ... อื้อ ”

                    “ฮยองว่าไง โอเคไหม”

                    น้ำเสียงของชานยอลทำให้คริสประหลาดใจ และเมื่อเขาหันไป ก็พบกับสีหน้าที่เคยร่าเริงสดใสมีร่องรอยของความเคร่งเครียดฉายอยู่ไม่น้อย    แววตาจริงจังทำให้คริสครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา...

                    “ถ้าเราชอบ พี่ก็ไม่ว่าหรอก...ดีซะอีก หลาย ๆ คนจะได้ไม่เบื่อ”

                    “พูดจริงเหรอ?

                    เด็กหนุ่มถามย้ำ 

                    “พี่ดูเป็นคนชอบโกหกหรือไง” คริสยักไหล่ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

                    “เปล่า...ก็ ...” ชานยอลส่ายหน้า ... ก่อนที่ดวงตากลมโตจะมองเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ  “ขอบคุณครับ”

                โล่งอก?

                    คริสมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายด้วยความคาดไม่ถึง... ก่อนหันกลับมาจดจ่อกับการขับรถอีกครั้ง 

                    ความรู้สึกที่ส่งผ่านจากดวงตาคู่สวยนั้นค้างคาอยู่ในความคิดคำนึงจนเขาอยากจะหาคำตอบให้เร็วที่สุด

                    “ฮยองใจดีที่สุดในโลกเลย” เจ้าเอ๋อน้อยของเขายิ้มซื่อ  ก่อนตบท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ แบบที่ทำให้เขาเลิกคิ้วสงสัย ”ขอบคุณนะครับ ที่ตามใจผมตลอด...ถึงผมจะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ตาม ”

                    คริสส่ายหน้า...พลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย

                    “ไม่เห็นเป็นอะไรเลย  ก็พี่อยากตามใจเรานี่นา”

                    “พี่ใจดีกับทุกคนอย่างนี้หรือเปล่า”

                    อยู่ ๆ เสียงใส และท่าทางสนุกแบบไม่คิดอะไรของชานยอลก็แฝงแววจริงจังขึ้นมาจนคริสปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ... ดวงตาคมกริบหันไปมองเจ้าของคำถามครู่หนึ่ง   สีหน้าที่เปลี่ยนไปของชานยอลทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ....

                    แปลกทั้งสายตาของเจ้าตัว...และความรู้สึกวูบโหวงในอกของตัวเอง

                    “ให้พูดตรงๆ  เหรอ”

                    คริสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม....  หนักแน่นเสียจนเขาเองก็ตกใจตัวเอง

                    ความเงียบโรยตัวลงระหว่างคนทั้งคู่หลายวินาที... จนแม้แต่คนพูดก็รู้สึกอึดอัด  กระทั่งหนุ่มรุ่นน้องหัวเราะเบา และพลิกตัวกลับไปนั่งตัวตรงจ้องมองถนนตรงหน้าเหมือนทีแรก  ดวงตากลมโตจ้องมองขายาว ๆ ของตัวเองขณะพูด...    

                    “แหม ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม  ผมรู้นะว่าพี่ใจดี  ไม่งั้นพวกเพื่อนผมคงไม่ชอบพี่กันขนาดนี้หรอก ”

                    “ชานยอล... ”

                    “ผมรู้ว่าพี่ใจดี  ถึงไม่ใช่ผมพี่ก็ใจดี... ใช่ไหมล่ะ” ชานยอลเอ่ย...ด้วยเสียงคาดหวัง “พี่น่ะ...คงใจดีจนเคยชินแล้ว”

                    “เราไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าพี่เป็นแบบนี้เพราะอะไร” คริสถามกลับ

                    “เพราะพี่ใจดีไง ใช่ไหมล่ะ”

                    “เพราะเราต่างหากล่ะชานยอล” คริสแย้งเสียงแข็ง....หากเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาชักสีหน้า

                    “ฮ่า ๆๆ พี่ก็ชอบพูดตลก อยู่เรื่อย... ผมว่านะ”

                    “ทำไมเวลาพี่พูดจริงจังเราต้องหัวเราะทุกครั้งด้วยนะ....” ชายหนุ่มดุ... อารมณ์ดี ๆ ที่สั่งสมมาตั้งแต่เช้าเริ่มจะหายไป... ไม่ใช่เพราว่าโกรธ  แต่เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุผลใดที่ทำให้ชานยอลเลือกที่จะปฏิเสธเขาด้วยวิธีพวกนี้  “เวลาพี่พูดเรื่องนี้...เราชอบเฉไฉไปเรื่องอื่นเสมอเลย”

                    “ผมพูดเล่น ๆ ฮยองอยากจริงจังขึ้นมาเองทำไมล่ะ... ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว ” ชานยอลยื่นปากจู๋ พร้อมย่นจมูกให้เขาอย่างกวน ๆ  ก่อนพลิกตัวไป  “ทะเลสวยดีนะ  ผมอยากมาทะเลตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้มาซักที...”

                    “ชานยอล...”

                    “เห็นแล้วอยากเล่นน้ำจัง... ถ้าถึงที่พักเมื่อไหร่ผมจะรีบลงไปเล่นให้ชุ่มปอด”

                    “งั้นเหรอ!” คริสกัดฟัน  เท้าแตะเบรก ... ก่อนควบคุมพวงมาลัยให้เปลี่ยนทิศทางไปในฉับพลัน

                    “ฮยอง!!! ชานยอลร้องเสียงหลง... ทุกอย่างรวดเร็วจนแม้แต่คริสเองก็ไม่ทันตั้งตัว...รู้สึกตัวอีกครั้ง  ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองพารถคันเล็กกะทัดรัดพุ่งไปจอดที่ข้างทาง  พร้อมกับผ่อนลมหายใจลึกเข้าปอดอย่างช้า ๆ ราวกับต้องการระงับอารมณ์ของตัวเอง

                    ชานยอลหันกลับมามองเขาด้วยหน้าที่ซีดเผือด.... ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อย  ร่างสูงเพรียวแข็งทื่อ...

                    “ทำอะไร... อยู่ ๆ ก็....”

                    “ยังไม่รู้อีกเหรอ....ว่าที่พี่เข้ามาอยู่ใกล้ ๆ เพราะอะไร”

                    “ฮยอง.... พูดอะไร... ผม”

     

                    “บอกพี่สิ ว่าไม่รู้จริง ๆ ...หรือแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ”

                    “ฮยอง”

                “บอกพี่สิ ชานยอล...”  คริสย้ำด้วยเสียงคาดคั้น... พร้อมขยับแขนไปกั้นไม่ให้คนตัวสูงอีกคนหนีออกไปจากรถได้ ...  มือข้างหนึ่งตรงเข้าไปคว้ามือเล็กเรียวมาไว้ในอุ้งมือ

                    ลมหายใจของชานยอลกระตุก...  จังหวะเดียวกับที่ชักมือตัวเองกลับอย่างรวดเร็ว

                    ราวกับ....กำลังหวาดกลัว

                    “ยอล....”

                    ตอนแรกคริสเองก็ไม่ได้สังเกต... หรือแม้แต่เอะใจว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นมาอย่างดี และไม่มีอะไรที่แสดงความขัดแย้งของเขาทั้งสอง

                    สองเดือนมานี้... แทบไม่มีวันไหนที่คริสไม่ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและท่าทางร่าเริงซุกซนของชานยอล

                    ใกล้ชิดเสียจนมองไม่เห็นความลำบากใจบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้ความสดใสนั้น....

                    นี่เป็นครั้งแรก ที่ชานยอลสะดุ้งและชักมือกลับไปทันทีที่เขายื่นไปจับ....  เป็นครั้งแรกที่เห็นอาการตอบสนองที่รวดเร็วจนสัมผัสได้ว่ามาจากความรู้สึกจริง ๆ ของอีกฝ่าย

                    รวมไปถึง...ครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกตัว

                    “แหะ ๆ  ร้อนจัง... เหงื่อออกหมดเลย” เด็กหนุ่มรุ่นน้องขยับตัวอย่างอึดอัด... ก่อนที่ดวงตาจะหลุบลงต่ำ  เพื่อหลบสายตาค้นหาของอีกฝ่าย

                    “เกลียดพี่เหรอ”

    ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร คริสจึงกล้าเอ่ยคำถามนั้นออกไป.... อาจเพราะเพิ่งรู้สึกตัว ว่าชานยอลกำลังพยายามถอยห่างไปจากเขาเรื่อย ๆ ขยับออกไปทีละน้อย และกั้นช่องว่างไว้ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ...โดยที่เขาไม่ทันสังเกต

                    “พี่ก็รู้ว่าไม่ใช่...”

                    “แล้วทำไม... ”

     

                    ชายหนุ่มนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน... เหตุการณ์บางอย่างเชื่อมโยงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างน่าประหลาด ... อู๋ฟานคิดมาตลอดว่าจะไม่นำเรื่องที่ได้ยินจากคน ๆ นั้นมาคิดให้หนักหัว  และนึกไปเองว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มคนนั้นบอกกับเขา เป็นเพียงแค่การแสดงอาการหวงก้างเมื่อเห็นคนอื่นมาสนิทกับเพื่อนตัวเอง

                    ไม่ได้คิดมาก่อนว่าสิ่งที่เขารับรู้มาบางส่วนนั้นจะมีความจริงอยู่ด้วย....

                    ท่าทางของชานยอลทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าบางที... สิ่งที่รับรู้มา อาจจะเป็นความจริง

     

                    “ทำไมถึงต้องหนีพี่อยู่เรื่อย...”

                    “ผม... เปล่า” ชานยอลปฏิเสธ... หากสีหน้าซีดเซียวและดวงตาที่ตื่นกลัวนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังทำผิด....

                    คริสคิดถึงลูกแมวขี้ตื่นที่วิ่งไปหลบที่มุมห้องตอนที่มีใครสักคนพยายามเอื้อมมือไปคว้ามา... 

                    หลบหนีด้วยความหวาดกลัว... เพราะไม่อาจเชื่อใจใคร

                    คริสเพิ่งเข้าใจด้วยตัวเองก็ตอนนี้...ว่าเหตุใดแพคฮยอนถึงได้บอกเขาอย่างมั่นใจ

                    ความลับของชานยอล...ที่ออกมาจากปากของแพคฮยอนในวันนั้น...

     

                    “ชานยอลไม่มีวันรักคนแบบพี่ได้หรอก”

                    คริสขยับเข้าไปใกล้...หวังจะหาคำตอบจากตาคู่สวยให้จนได้

                    ¯

                    คนทั้งสองชะงักกึก...เมื่อเสียงริงโทนจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ดังขึ้น ชานยอลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและรีบควานหาต้นเสียงทันที    มือเรียวยาวคว้าอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาแนบหู พร้อมกับเบือนหน้าไปจากเขาด้วยดวงตาตื่น    น้ำเสียงที่เอ่ยกับปลายสายสั่นจนสังเกตได้

                    “แพค... อ๋อ .. อื้อ  ได้  โอเค...ที่เดิมที่เคยบอกนั่นแหละ   ไม่มีอะไรหรอก ”

                    แพคฮยอน...

                    ชื่อนี้สะกิดใจเขาอยู่ไม่น้อย ... เพื่อนสนิทของชานยอลคนนี้กุมความลับอะไรไว้ และสองคนนี้กำลังพยายามทำอะไร 

                    ชายหนุ่มตั้งคำถามอยู่เงียบ ๆ ระหว่างมองแผ่นหลังกว้างแต่บอบบางตรงหน้า ...

                    “ชานยอลไม่มีวันรักคนแบบพี่ได้หรอก”

                คำพูดของแพคฮยอนดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง... ก่อนที่เขาจะรีบโยนมันทิ้งลงไป  

                    “ไม่มีอะไรจริง ๆ”

                    แม้ว่าสิ่งที่แพคฮยอนบอกเขา  และปฏิกิริยาของชานยอลจะดูสอดคล้องกันจนเขาแทบจะหมดแรง  กระนั้นคริสก็เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่าอะไรทั้งสิ้น....

                    “เปล่า...ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี...อะ...” ชานยอลปฏิเสธปลายสาย  ก่อนที่เสียงสุดท้ายของตัวเองจะขาดห้วงไป

                    คริสเคลื่อนเข้าไปวางคางบนไหล่ลาด พร้อมกระซิบเสียงแผ่วหวิว ... ชานยอลนั่งตัวแข็งทื่อ...  เมื่อลมหายใจร้อนรุ่มรินรดอยู่ไม่ไกลจากริมฝีปากเท่าใดนัก

     

                “พี่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเราจะหนีพี่ไปได้นานแค่ไหน”

     

                    เขาไม่มีทางเชื่อ...จนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตัวเอง

     

    *************

     

     

                    แพคฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะลดโทรศัพท์ลงวางไว้บนตัก ... สายตาครุ่นคิดครู่หนี่ง  ก่อนที่จะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นและบอกคนที่นั่งประจำที่คนขับอยู่แล้ว

                    “โอเค...ไปเลยพี่... อย่าลืมแวะรับจงอินกับคยองซูด้วยน้า ผมนัดไว้แล้ว”

                    จุนมยอนหันมองคนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  เขารับรู้ความเป็นไปของเรื่องนี้มาตลอด  จึงรู้สึกข้องใจกับการตัดสินใจของคนข้างตัวอยู่ไม่น้อย ...รวมไปถึงใครอีกคนที่เป็นต้นเรื่องทั้งหมดด้วย

                    เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก...          

                    “แน่ใจแล้วเหรอแพคฮยอน ”

                    “แน่ใจสิ ...พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

                    น้ำเสียงของแพคฮยอนขุ่นมัวเล็กน้อย ต่างจากที่เคยเป็น  ร่องรอยเคร่งเครียดฉายอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจนจนหนุ่มรุ่นพี่ต้องส่ายหน้า  

                    “ก็... นายจะทำตามที่ชานยอลบอกจริง ๆ น่ะเหรอ”

                    “ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อน แล้วใครที่ไหนจะช่วยล่ะครับ  พี่ก็ถามแปลก ๆ ”

                    คำตอบนั้นทำให้จุนมยอนถึงกับถอนใจ ...

                    “ก็ตามใจ... แล้วอย่ามาร้องไห้กับพี่แล้วกัน”

                    “พี่พูดอะไร  ผมเนี่ยนะจะร้องไห้อีก... บ้าน่า”

                    แพคฮยอนมองเขา

                    “เปล่า... พี่แค่สงสัย...ว่านายไม่เห็นสายตาของชานยอลเลยหรือไง”

                    “ว่าไงนะ”              

                    “สายตาที่มองคริสน่ะ”

                    แพคฮยอนมองเขานิ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น ... นิ้วมือเรียวสวยกำแน่นอยู่บนตัก   ก่อนที่ประโยคต่อมาที่จุนมยอนเอ่ย จะทำให้แพคฮยอนหันหน้าไปอีกฝั่งราวกับโกรธที่เขาพูดแทงใจดำ

                    “ไม่สิ...สายตาที่เค้ามองกันต่างหากล่ะ”

                    “พี่จะพูดอะไรผมก็ไม่สนหรอก... เพราะคนที่ตัดสินใจคือชานยอล” หางเสียงของเด็กหนุ่มสะบัดขึ้น   จุนมยอนลอบถอนหายใจ  ขณะส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน  เสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าแพคฮยอนเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อต้องเอ่ยมันออกมา “พี่ก็รู้... สำหรับชานยอล  ถ้าไม่...ก็คือไม่”

                    “เหมือนที่ ไม่ กับนายสินะ ”

                    แพคฮยอนกัดปากตัวเองแน่น ... ประโยคนั้นจี้จุดในใจเขาอย่างรุนแรงจนเขาแทบสะอึก

                    “พี่หวังดีนะ...”

                    “พี่คงคิดว่าชานยอลใช้ผมเป็นเครื่องมือ.. ” เด็กหนุ่มเอ่ย... เขารู้ดีว่าคนอย่างจุนมยอนนั้นจริงใจและห่วงใยความรู้สึกของคนอื่นมากแค่ไหน  หนุ่มรุ่นพี่ที่ต้องมาเรียนปีเดียวกับพวกเขาจนสนิทสนมกันไปทั้งกลุ่มมีแต่ความปรารถนาดีให้คนอื่นเสมอ ... ทุกเรื่องที่อีกฝ่ายทักท้วง... เขาและเพื่อน ๆ ทุกคนจึงมักให้ความสำคัญ “พี่เข้าใจผิดแล้ว...ชานยอลไม่ได้หลอกใช้ผม”

                    ….

                    “ผมก็แค่... อยากทำเท่านั้นเอง”

                    “เอาน่า พี่เข้าใจ”  จุนมยอนพยักหน้ารับ ... สีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่ายทำให้เขาเอื้อมมือไปตบไหล่บาง และยิ้มให้

                    “ผม...ไม่อยากให้ชานยอลเป็นเหมือนตอนนั้นอีก” แพคฮยอนอธิบาย ความทรงจำจากในอดีตไหลบ่าเข้ามาเตือนให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นมีเหตุผลมาจากอะไร

                    “พี่อาจจะไม่เข้าใจนัก  แต่ก็อยากบอกว่าอย่าฝืนมากไปก็แล้วกัน ... เพราะสุดท้าย คนที่เจ็บที่สุดก็คือนายเอง”

                    “ครับ...”

                    “แล้วอีกอย่าง...นายคงเหนื่อยหน่อยนะ” ชายหนุ่มเริ่มสตาร์ทรถ ... ขณะเอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ในใจมาตลอด

                    “ผู้ชายคนนั้น...ดูจะไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ เลย”

                    จุนมยอนรู้ทันทีที่พบกับคริส  หนุ่มร่างสูงคนนั้นมีสายตาแบบคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง...และท่าทางไม่แคร์อะไรในโลกนั้นก็บอกเขาว่าคริสคงไม่มีวันยอมง่าย ๆ

                    ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างจงใจ... โดยเฉพาะเมื่อคนข้างตัวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจไม่แพ้กัน

                “ผมไม่ยอมแพ้หรอก... ผมไม่ยอมให้คนแบบนั้นมาทำร้ายชานยอลอีกเป็นอันขาด”

                    เขาก็หวังว่าแพคฮยอนจะทำได้...

                    ถึงแม้หัวใจของชานยอลเองจะดูอ่อนแอเกินกว่าจะดิ้นรนออกจากผู้ชายคนนั้นได้ก็ตาม

                                   

     

    *************

     

                    รถเคลื่อนต่อไป...

                    ทว่าชานยอลกลับไม่สามารถควบคุมสติของตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย

                ไออุ่นบางเบายังอาบไล้อยู่ที่แก้มขวา....รอยประทับแผ่วหวิวจากริมฝีปากที่นุ่มนวล และเสียงกระซิบทุ้มต่ำทำให้ทุกความคิดของเขาหลุดลอยหายไปไกล

                หัวใจที่เต้นแรงจนแทบทะลุออกมาของเขาเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนจนรู้สึกกลัว...ว่าสิ่งที่หวาดกลัวจะกลับมาอีกครั้ง

                   

                    คงถึงเวลา...

     

                    ที่เขาจะต้องหนีจริง ๆ

     

     

    TBC.

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×