คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [SF] Just Somebody {7th} 40%
7th
“คะ.. ครับ...”
เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูค่อย ๆ ดึงชานยอลขึ้นมาจากห้วงนิทราอันสงบสุข ขาที่อยู่นอกผ้าห่มสัมผัสกับอากาศเย็นเฉียบจนต้องรีบชักกลับเข้ามาใต้เนื้อผ้า อุณหภูมิลดต่ำลงทำให้ร่างสูงเพรียวนึกอยากขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่นหนาไปตลอดทั้งวัน หน้าสวยซุกลงใต้เนื้อผ้าก่อนจมหายไปกับหมอนใบโต หากในสภาวะที่สติยังไม่กลับมาอย่างสมบูรณ์ เด็กหนุ่มบนเตียงเอื้อมมือปะป่ายไปทั่วรัศมีที่ทำได้อย่างคุ้นเคย ก่อนที่หัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อควานหาอ้อมกอดอุ่นที่คุ้นเคยไม่พบ เปลือกตาของเขาผ่าวร้อน ขณะพยายามลืมขึ้น
ทว่า...
หนัก... หนักเหลือเกิน
“พ... พี่” เสียงแผ่วหวิวเอ่ยขึ้น ลมหายใจร้อนจนต้องผ่อนออกช้าอย่างทรมาน ภาพบางอย่างฉายเข้ามาในความนึกคิดคำนึง และสั่นสะเทือนหัวใจจนทำให้น้ำตาไหล “สัญญา... สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ชานยอล.... เอ่อ ได้ครับ ... ยังนอนอยู่เลย...หือ .. เดี๋ยวแค่นี้นะครับคุณแม่ ได้ครับ..ครับ”
น้ำเสียงร้อนรนผสมปนเปกันเข้ามาจนชานยอลรู้สึกปวดหัว... เด็กหนุ่มใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อดึงสติของตนกลับคืน หากครู่ใหญ่กว่าที่เขาจะลืมตาขึ้นมาได้ เพดานสูงสีฟ้านวลปรากฎอยู่ในสายตา พร้อม ๆ กับสัมผัสนุ่มนวลเหนือไหล่เปลือยเปล่า
“ชานยอลครับ... ชานยอล”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วยุ่ง... น้ำเสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูอยู่ดังใกล้ชิดจนแทบไม่ต้องคิดว่าเขาตื่นหรือหลับอยู่
ทว่า... ตาของเขาพร่ามัวเหลือเกิน
“ฮยอง...คริสฮยอง...”
เสียงแผ่วหวิว... เจือรอยสะอื้นเล็ก ๆ ที่ทำให้ คริสยิ้มบาง ขณะจูบผิวขาวใสที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามแผ่วเบาครั้งแล้วครั้งเล่า มือหนาข้างหนึ่งวางที่สะโพกกลมมน และกระซิบข้างหูคนขี้เซา ก่อนเคลื่อนขึ้นไปประคองดวงหน้าที่ยังดูง่วงงุน และงัวเงียอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มจับจ้องใบหน้าขาวเนียนครู่ใหญ่อย่างหลงใหล และส่งนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นจนเลอะสองแก้มอย่างเบามือ
“ฝันร้ายเหรอ..... ”
“หือ... ผม...ผมเหรอ” ชานยอลเอ่ยเสียงเบา ถามกลับด้วยสีหน้าที่บอกว่าเจ้าตัวยังตื่นไม่เต็มตา หน้าซีดเซียวสะบัดแรง และกระพริบตาถี่... ดวงตากลมโตคลอด้วยน้ำใส ๆ และแดงก่ำ “พี่ไปไหนมา”
หนุ่มชาวจีนเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม... ก่อนนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่
สาเหตุมาจากสายของผู้ปกครองของเด็กน้อยขี้เซา
“เปล่านี่... พี่แค่ลุกไปโทรศัพท์เอง ปลุกเราเหรอ...”
“เปล่า... “
เด็กหนุ่มปฏิเสธผ่านส่ายตาเศร้าสร้อย ชานยอลยกฝ่ามือเรียวขึ้น ปลายนิ้วเลื่อนขึ้นมาแตะปลายคางอีกฝ่ายแผ่วเบา
“คริสฮยอง”
“ว่าไงครับ..”
“อย่าไปไหน...”
“หือ”
ชานยอลหลับตาลงเชื่องช้า แขนเรียวยาวทั้งสองเลื่อนขึ้นไปคล้องอยู่บนคอแกร่ง จนร่างสูงใหญ่ทิ้งน้ำหนักลงทาทาบเหนือร่างผอม พร้อมกับหัวเราะเบา ขบขันไม่น้อยกับอาการอ้อนของเด็กขี้เซา....
น่ารักจนไม่อยากปล่อยมือเลยสักนาทีเดียว
“ตื่นยังเนี่ย...ชานยอลเอ๋อ” คริสกระซิบเสียงพร่า ลมหายใจร้อนรินรดอยู่ซอกคอขาวเนียน ... กลิ่นกายหอมกรุ่นทำให้เขาสูดความหอมนั้นจนเต็มปอด... ก่อนค่อยแนบริมฝีปากร้อนลงหลังกกหูคนที่ยังตื่นไม่เต็มตา ร่างโปร่งบางบิดกายสะท้านขณะที่กลีบปากร้อน ๆ ลากเลื่อนลงมาที่ลำคอระหง
ฝ่ามือหนาควานหาช่องว่างของผ้าห่มผืนหนาและแทรกผ่านเข้าไปหาร่างเปลือยเปล่าที่อยู่ข้างใต้เนื้อผ้า
“ฮยองเอ๋อ อย่าน่า... ผมง่วง”
“นิดเดียวน่า... นะ” หนุ่มชาวจีนเอ่ยเสียงหวาน ไม่ละความพยายามที่จะนำพามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายขาวเนียนนั้น ปลายนิ้วเรียวยาวไต่อยู่บนหน้าท้องเรียบลื่นอ่อนนุ่ม และขยับลงไปเรื่อย ๆ อย่างคนที่คุ้นเคย ไม่สนใจกล้ามเนื้อที่เกร็งขึ้น และเรียวขาที่เบียดชิดเลยแม้แต่น้อย
“ฮยอง..” ชานยอลประท้วงแรงด้วยริมฝีปากอิ่มที่สั่นระริก ฝ่ามือเรียวพยายามผลักไส หากร่างกายที่ใหญ่โตกว่ากลับไม่ครั่นคร้ามกับการต่อต้านที่แสนอ่อนแรงนั้นเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อไหร่จะพอหือ.... ” หน้างามงอเง้า ... แม้จะเรียนรู้มาตลอดว่าเขาไม่เคยปฏิเสธคริสได้เลยสักครั้ง...
ไม่สิ.... คริสต่างหาก ที่ไม่เคยยอมให้เขาปฏิเสธเลยสักครั้ง
เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ขณะปล่อยให้ร่างสูงใหญ่นำพาเขาไปอย่างที่ต้องการ คริสจูบทุกที่ที่อยากจูบ ... แตะต้องทุกเรือนร่างราวกับเป็นเจ้าของของมัน... สายตากระหาย จ้องมองเขาไม่ต่างจากสิงโตที่กำลังขย้ำเหยื่อ กระต่ายตัวน้อยที่สยบอยู่ใต้กรงเล็บแหลม และคมเขี้ยวที่แสนอันตราย
อ่อนแรง... และเหนื่อยใจเกินกว่าจะต่อสู้
ชานยอลผ่อนอาการเกร็งที่กล้ามเนื้อ และยินยอมปล่อยกายให้เคลื่อนไหวไปตามที่คริสต้องการแต่โดยดี
“ผมจะฟ้องแม่... ”เสียงทุ้มบอกราวกับไม่รู้จะหาคำใดมาเอื้อนเอ่ยที่ดีกว่านี้อีกแล้ว “จะบอกแม่ว่าผมป่วยเพราะพี่”
คริสหัวเราะร่วน ก่อนฝังจมูกโด่งสวยลงบนแก้มนิ่มฟอดใหญ่ พร้อมดันเข่าให้แยกขาเรียวยาวออกจากกัน
“เด็กโง่....”
“อื้อ...อ้า... ”
เขาเพิ่งป่วยเป็นไข้หวัดอยู่เกือบสองอาทิตย์ นอนซมขยับแทบไม่ได้ไปสามวัน.. ตลอดระยะเวลานั้นคริสอยู่เคียงข้าง และดูแลเขาดียิ่งกว่ามีแพทย์ส่วนตัว
ชานยอลย้ายมาอยู่กับคริสได้เดือนกว่าแล้ว...เหตุผลเพราะคอนโดของคริสอยู่ใกล้มหาวิทยลัยของเขามากกว่าที่บ้าน หากคนที่มองเห็นปัญหานั้นไม่ใช่เขา...แต่เป็นคริส
นับตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจเสี่ยง... กับความรักครั้งใหม่ คริสเองก็ดูเหมือนอยากจะจัดการอะไร ๆ เกี่ยวกับตัวเขาไปเสียหมด
คริสเป็นฝ่ายออกปากขออนุญาติจากพ่อแม่เขาเอง ครอบครัวของชานยอลรู้จักเขาดี และใจกว้างมากพอที่จะรับได้กับความสัมพันธ์เช่นนี้ แม้จะแปลกใจกับการตัดสินใจของชานยอลก็ตาม
‘คิดดีแล้วเหรอลูก ‘
ทุกคนในครอบครัวรู้ประสบการณ์อันเลวร้ายของเขาดี ภาษาเกาหลีสำเนียงจีนของคริสเป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจของชานยอล
ไม่ใช่แค่การสื่อสาร... หากหมายรวมไปถึงบ้านเกิดของคริสด้วย
‘หากผมจะโชคร้ายมากขนาดต้องเจ็บอีกครั้ง... มันก็คงเป็นเพราะความซวยของผมเอง’
เขาเคยบินกลับมาจากญี่ปุ่นอย่างคนพ่ายแพ้ .... เคยปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นคนไม่แคร์อะไรด้วยการปล่อยเนื้อปล่อยตัว และมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทที่สุดอย่างแพคฮยอนหน้าตาเฉย ทิ้งตัวเองให้จมปลักกับความผิดหวังจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่เกือบปี...
ชานยอลไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติ... เขาสามารถให้ความช่วยเหลือ ดูแล หรือแม้กระทั่งเป็นเพื่อนกับคนพวกนั้นได้
แต่ไม่ใช่ความสัมพันธ์ในลักษณะนี้....
เขาไม่รู้เลย...ว่าทำไมต้องเป็นคนนี้
คริส... คนที่ทำให้เขากลับมามีสิ่งนี้อีกครั้ง
ความรัก...
ชานยอลรักคริส... เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าตัวเองรู้สึกเช่นนั้น
ในขณะเดียวกัน.... เขาก็รู้...ว่าคริสรักเขามากเพียงใด
อี้ฟานกำลังทำให้เขาเคยตัว... กำลังทำให้เขากลายเป็นคนอ่อนแอที่ไม่สามารถไปไหนได้โดยไม่มีร่างใหญ่อยู่เคียงข้าง
ไม่สามารถทำได้แม้กระทั่งตื่นขึ้นมาโดยไม่มีน้ำตา เมื่อไม่พบคริส
“อ๊า... ฮยอง... ”
ทันทีที่คริสพลิกกายของเขากลับหลัง...ร่างของชานยอลก็แทบจะร้อนเป็นไฟ กลิ่นแชมพูของคริสคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง เสียงกระซิบนุ่มนวล วาบหวามข้างใบหูทำให้เขาอ่อนแรงอีกครั้งจนแทบลืมกับความแสบร้อน... เจ็บหน่วง ขณะที่ร่างกายถูกเติมเต็มจากสัมผัสเร่าร้อน... และฝ่ามือแกร่ง ร่างโปร่งบางกระตุกเมื่อคริสเริ่มเคลื่อนไหว...แทรกสอด... ประสานเป็นจังหวะที่ร่างกายทั้งสองเท่านั้นถึงจะรู้
“ชานยอล...รัก... พี่รักเรานะ” คริสกระซิบเสียงหอบสะท้าน... ขณะกอดตระกองร่างสูงโปร่งที่ผอมจนเขากลัวเหลือเกินว่าจะแตกหักทุกครั้งที่ถูกสัมผัส งดงาม หากเปราะบาง...ราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
ทั้งร่างกาย... และความรู้สึก
“อื้อ...”
“เรารักกันนะ.... ห้ามลืมเด็ดขาด”
หัวใจของชานยอลเต้นถี่รัวเมื่อได้ยินประโยคนั้น แม้จะได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม
ทุกการกอด... จูบ หรือแม้กระทั่งทุกครั้งที่ถูกสัมผัส คริสไม่เคยละเลยที่จะพูดคำนี้
เรารักกัน...
คริสไม่เคยลืมที่จะสร้างความมั่นใจให้เขา
ชานยอลเอียงหน้าหนีริมฝีปากร้อนรุ่มทันทีที่ได้ยิน.... เครื่องหน้ากลมกลึงซุกลงบนหมอนใบโตพร้อมกับกัดริมฝีปากแน่น ... น้ำตาไหลออกจากดวงตาที่ปิดสนิท พร้อมกับเสียงสะอื้นแรง
“ฝัน... ผมฝันร้าย”
“ชานยอล....”
“อย่าทิ้งผม... อย่าหายไปแบบเมื่อกี้”
คริสขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็ทำให้ร่างโปร่งบางที่กำลังขดตัวหนีอยู่เบื้องล่างหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าอาบชุ่มน้ำตาทำให้คนแก่กว่าส่ายหน้า ริมฝีปากหนาประทับลงบนดวงตาร้อนผ่าวปิดลงทันที
“อย่ากลัว... พี่ไม่หนีไป”
ทว่า.... ทุกครั้งที่หลับตา ความหวาดกลัวกลับครอบงำเขา...
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
ภาพแผ่นหลังที่หายหลับไปต่อหน้า...และเสียงสะอื้นของตัวเอง...
“พี่สัญญา”
ชานยอลนึกโกรธตัวเอง... ขณะปล่อยให้คริสนำทางไปสู่หนทางอันว่างเปล่า ร่างกายของเขาถูกนำพาไปด้วยสัมผัสอันลึกซึ้ง และเสียงที่หวิววาบ
อีกครั้ง...และอีกครั้งที่ได้แต่ร้องห้ามอยู่ในใจ
อย่าทำแบบนี้...
อย่าทำ... เหมือนที่เขาคนนั้นเคยทำ
ทั้งความรัก...และการจากลา
หากการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาดอีกครั้ง... ชานยอลคงไม่เหลือหัวใจแม้แต่เพียงส่วนเสี้ยวที่จะรักได้อีก
ในเมื่อหัวใจของเขา... ถูกยกให้คริสไปหมดแล้ว
ความคิดเห็น