คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [SF] Just Somebody {4th}
4th
Something about you
เรื่องราวบางอย่างมีเพียงแค่บางคน
...ที่ไม่อยากให้รับรู้
“มาเที่ยวไง.. ที่บอกไว้ อื้อ.. นั่นแหละ กับฮยอง เออ น่า ... ตัดสินใจแล้ว”
มือที่วางอยู่บนพวงมาลัยเกร็งตามสภาวะอารมณ์ของเจ้าของ คริสกัดฟันตัวเองเพื่อระงับสิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่ในสมอง ตาคมพยายามจ้องมองทางข้างหน้าอย่างจดจ่อ แม้ว่าเสียงของคนข้างตัวจะรบกวนสมาธิของเขาเท่าไหร่ก็ตาม
“จริงเหรอ? ได้เหรอ? ก็... อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน นายต่างหากล่ะแพคฮยอน... เดี๋ยวเถอะ ถ้าพูดไปฉันโกรธนายจริง ๆ ด้วย นั่นแหละ... เงียบ ๆ ไปเลย”
ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดกับเสียงซุบซิบราวกับกลัวว่าเขาจะรู้เรื่อง โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายพลิกตัวกลับไปทางประตู และส่งเสียงอ้อมแอ้มคุยกับคนที่อยู่ปลายสาย ภาพสะท้อนจากกระจกทำให้คริสพบว่าตัวเองกำลังหน้าเครียดมากแค่ไหน
“หือ.... พี่จุนมยอนเหรอ ... เอาจริงเหรอ งั้น...เดี๋ยวขอถามฮยองก่อนนะ โอเค ...แค่นี้แหละ”
ชานยอลหย่อนอุปกรณ์สื่อสารลงในเป้บนตัก ใบหน้ากลมกลึงได้รูปราวตุ๊กตาหันกลับมาหาคนขับรถพร้อมดวงตาใส ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกะพริบตาถี่
“ฮยอง”
“หือ...” คริสพยายามซ่อนร่องรอยเคร่งเครียดไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย และทำเป็นจดจ่อกับทางตรงหน้า เขาพยักหน้าตอบรับราวกับไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก
“แพคฮยอนโทรมา มันบอกว่าเหงา อยากมาเที่ยวด้วย เลยถามว่าเราพักที่ไหน”
“อ๋อ....”
“มันบอกว่าพี่จุนมยอนมีบ้านพักตากอากาศอยู่แถว ๆ โรงแรมเรม... ถ้ายังไงไปปาร์ตี้กันที่นั่นก็ได้ อ้อ... แล้วก็จะมีพวกเพื่อน ๆ ผมมาด้วย ฮยองจะว่าไง”
“ว่าไง?”
“ผมหมายความว่า... เรา ...ไม่สิ... หมายถึง เราสองคน...แล้วก็แพคฮยอนด้วย ”
“หือ...”
“ถ้ามีแพคฮยอนกับเพื่อน ๆ ร่วมทริปด้วย พี่จะว่าอะไรไหม”
คำถามนั้นทำให้คริสแทบเหยียบเบรกกะทันหัน โชคดีที่คิดได้ก่อน ชายชาวต่างประเทศลอบถอนหายใจพลางพยายามเก็บซ่อนสีหน้าไม่พอใจของตัวเองไว้ภายใต้ใบหน้าราบเรียบ และควบคุมไม่ให้คำสบถใด ๆ ดังออกมาจากปาก
”อ๋อ... อื้อ ”
“ฮยองว่าไง โอเคไหม”
น้ำเสียงของชานยอลทำให้คริสประหลาดใจ และเมื่อเขาหันไป ก็พบกับสีหน้าที่เคยร่าเริงสดใสมีร่องรอยของความเคร่งเครียดฉายอยู่ไม่น้อย แววตาจริงจังทำให้คริสครุ่นคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา...
“ถ้าเราชอบ พี่ก็ไม่ว่าหรอก...ดีซะอีก หลาย ๆ คนจะได้ไม่เบื่อ”
“พูดจริงเหรอ?”
เด็กหนุ่มถามย้ำ
“พี่ดูเป็นคนชอบโกหกหรือไง” คริสยักไหล่ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“เปล่า...ก็ ...” ชานยอลส่ายหน้า ... ก่อนที่ดวงตากลมโตจะมองเขาด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณครับ”
โล่งอก?
คริสมองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายด้วยความคาดไม่ถึง... ก่อนหันกลับมาจดจ่อกับการขับรถอีกครั้ง
ความรู้สึกที่ส่งผ่านจากดวงตาคู่สวยนั้นค้างคาอยู่ในความคิดคำนึงจนเขาอยากจะหาคำตอบให้เร็วที่สุด
“ฮยองใจดีที่สุดในโลกเลย” เจ้าเอ๋อน้อยของเขายิ้มซื่อ ก่อนตบท้ายด้วยน้ำเสียงแผ่ว ๆ แบบที่ทำให้เขาเลิกคิ้วสงสัย ”ขอบคุณนะครับ ที่ตามใจผมตลอด...ถึงผมจะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ตาม ”
คริสส่ายหน้า...พลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็พี่อยากตามใจเรานี่นา”
“พี่ใจดีกับทุกคนอย่างนี้หรือเปล่า”
อยู่ ๆ เสียงใส และท่าทางสนุกแบบไม่คิดอะไรของชานยอลก็แฝงแววจริงจังขึ้นมาจนคริสปรับอารมณ์แทบไม่ทัน ... ดวงตาคมกริบหันไปมองเจ้าของคำถามครู่หนึ่ง สีหน้าที่เปลี่ยนไปของชานยอลทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ....
แปลกทั้งสายตาของเจ้าตัว...และความรู้สึกวูบโหวงในอกของตัวเอง
“ให้พูดตรงๆ เหรอ”
คริสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม.... หนักแน่นเสียจนเขาเองก็ตกใจตัวเอง
ความเงียบโรยตัวลงระหว่างคนทั้งคู่หลายวินาที... จนแม้แต่คนพูดก็รู้สึกอึดอัด กระทั่งหนุ่มรุ่นน้องหัวเราะเบา และพลิกตัวกลับไปนั่งตัวตรงจ้องมองถนนตรงหน้าเหมือนทีแรก ดวงตากลมโตจ้องมองขายาว ๆ ของตัวเองขณะพูด...
“แหม ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม ผมรู้นะว่าพี่ใจดี ไม่งั้นพวกเพื่อนผมคงไม่ชอบพี่กันขนาดนี้หรอก ”
“ชานยอล... ”
“ผมรู้ว่าพี่ใจดี ถึงไม่ใช่ผมพี่ก็ใจดี... ใช่ไหมล่ะ” ชานยอลเอ่ย...ด้วยเสียงคาดหวัง “พี่น่ะ...คงใจดีจนเคยชินแล้ว”
“เราไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าพี่เป็นแบบนี้เพราะอะไร” คริสถามกลับ
“เพราะพี่ใจดีไง ใช่ไหมล่ะ”
“เพราะเราต่างหากล่ะชานยอล” คริสแย้งเสียงแข็ง....หากเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาชักสีหน้า
“ฮ่า ๆๆ พี่ก็ชอบพูดตลก อยู่เรื่อย... ผมว่านะ”
“ทำไมเวลาพี่พูดจริงจังเราต้องหัวเราะทุกครั้งด้วยนะ....” ชายหนุ่มดุ... อารมณ์ดี ๆ ที่สั่งสมมาตั้งแต่เช้าเริ่มจะหายไป... ไม่ใช่เพราว่าโกรธ แต่เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุผลใดที่ทำให้ชานยอลเลือกที่จะปฏิเสธเขาด้วยวิธีพวกนี้ “เวลาพี่พูดเรื่องนี้...เราชอบเฉไฉไปเรื่องอื่นเสมอเลย”
“ผมพูดเล่น ๆ ฮยองอยากจริงจังขึ้นมาเองทำไมล่ะ... ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว ” ชานยอลยื่นปากจู๋ พร้อมย่นจมูกให้เขาอย่างกวน ๆ ก่อนพลิกตัวไป “ทะเลสวยดีนะ ผมอยากมาทะเลตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้มาซักที...”
“ชานยอล...”
“เห็นแล้วอยากเล่นน้ำจัง... ถ้าถึงที่พักเมื่อไหร่ผมจะรีบลงไปเล่นให้ชุ่มปอด”
“งั้นเหรอ!” คริสกัดฟัน เท้าแตะเบรก ... ก่อนควบคุมพวงมาลัยให้เปลี่ยนทิศทางไปในฉับพลัน
“ฮยอง!!!” ชานยอลร้องเสียงหลง... ทุกอย่างรวดเร็วจนแม้แต่คริสเองก็ไม่ทันตั้งตัว...รู้สึกตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองพารถคันเล็กกะทัดรัดพุ่งไปจอดที่ข้างทาง พร้อมกับผ่อนลมหายใจลึกเข้าปอดอย่างช้า ๆ ราวกับต้องการระงับอารมณ์ของตัวเอง
ชานยอลหันกลับมามองเขาด้วยหน้าที่ซีดเผือด.... ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อย ร่างสูงเพรียวแข็งทื่อ...
“ทำอะไร... อยู่ ๆ ก็....”
“ยังไม่รู้อีกเหรอ....ว่าที่พี่เข้ามาอยู่ใกล้ ๆ เพราะอะไร”
“ฮยอง.... พูดอะไร... ผม”
“บอกพี่สิ ว่าไม่รู้จริง ๆ ...หรือแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ”
“ฮยอง”
“บอกพี่สิ ชานยอล...” คริสย้ำด้วยเสียงคาดคั้น... พร้อมขยับแขนไปกั้นไม่ให้คนตัวสูงอีกคนหนีออกไปจากรถได้ ... มือข้างหนึ่งตรงเข้าไปคว้ามือเล็กเรียวมาไว้ในอุ้งมือ
ลมหายใจของชานยอลกระตุก... จังหวะเดียวกับที่ชักมือตัวเองกลับอย่างรวดเร็ว
ราวกับ....กำลังหวาดกลัว
“ยอล....”
ตอนแรกคริสเองก็ไม่ได้สังเกต... หรือแม้แต่เอะใจว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นมาอย่างดี และไม่มีอะไรที่แสดงความขัดแย้งของเขาทั้งสอง
สองเดือนมานี้... แทบไม่มีวันไหนที่คริสไม่ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและท่าทางร่าเริงซุกซนของชานยอล
ใกล้ชิดเสียจนมองไม่เห็นความลำบากใจบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้ความสดใสนั้น....
นี่เป็นครั้งแรก ที่ชานยอลสะดุ้งและชักมือกลับไปทันทีที่เขายื่นไปจับ.... เป็นครั้งแรกที่เห็นอาการตอบสนองที่รวดเร็วจนสัมผัสได้ว่ามาจากความรู้สึกจริง ๆ ของอีกฝ่าย
รวมไปถึง...ครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกตัว
“แหะ ๆ ร้อนจัง... เหงื่อออกหมดเลย” เด็กหนุ่มรุ่นน้องขยับตัวอย่างอึดอัด... ก่อนที่ดวงตาจะหลุบลงต่ำ เพื่อหลบสายตาค้นหาของอีกฝ่าย
“เกลียดพี่เหรอ”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร คริสจึงกล้าเอ่ยคำถามนั้นออกไป.... อาจเพราะเพิ่งรู้สึกตัว ว่าชานยอลกำลังพยายามถอยห่างไปจากเขาเรื่อย ๆ ขยับออกไปทีละน้อย และกั้นช่องว่างไว้ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ...โดยที่เขาไม่ทันสังเกต
“พี่ก็รู้ว่าไม่ใช่...”
“แล้วทำไม... ”
ชายหนุ่มนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน... เหตุการณ์บางอย่างเชื่อมโยงกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้อย่างน่าประหลาด ... อู๋ฟานคิดมาตลอดว่าจะไม่นำเรื่องที่ได้ยินจากคน ๆ นั้นมาคิดให้หนักหัว และนึกไปเองว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มคนนั้นบอกกับเขา เป็นเพียงแค่การแสดงอาการหวงก้างเมื่อเห็นคนอื่นมาสนิทกับเพื่อนตัวเอง
ไม่ได้คิดมาก่อนว่าสิ่งที่เขารับรู้มาบางส่วนนั้นจะมีความจริงอยู่ด้วย....
ท่าทางของชานยอลทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าบางที... สิ่งที่รับรู้มา อาจจะเป็นความจริง
“ทำไมถึงต้องหนีพี่อยู่เรื่อย...”
“ผม... เปล่า” ชานยอลปฏิเสธ... หากสีหน้าซีดเซียวและดวงตาที่ตื่นกลัวนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังทำผิด....
คริสคิดถึงลูกแมวขี้ตื่นที่วิ่งไปหลบที่มุมห้องตอนที่มีใครสักคนพยายามเอื้อมมือไปคว้ามา...
หลบหนีด้วยความหวาดกลัว... เพราะไม่อาจเชื่อใจใคร
คริสเพิ่งเข้าใจด้วยตัวเองก็ตอนนี้...ว่าเหตุใดแพคฮยอนถึงได้บอกเขาอย่างมั่นใจ
ความลับของชานยอล...ที่ออกมาจากปากของแพคฮยอนในวันนั้น...
“ชานยอลไม่มีวันรักคนแบบพี่ได้หรอก”
คริสขยับเข้าไปใกล้...หวังจะหาคำตอบจากตาคู่สวยให้จนได้
¯
คนทั้งสองชะงักกึก...เมื่อเสียงริงโทนจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ดังขึ้น ชานยอลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและรีบควานหาต้นเสียงทันที มือเรียวยาวคว้าอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาแนบหู พร้อมกับเบือนหน้าไปจากเขาด้วยดวงตาตื่น น้ำเสียงที่เอ่ยกับปลายสายสั่นจนสังเกตได้
“แพค... อ๋อ .. อื้อ ได้ โอเค...ที่เดิมที่เคยบอกนั่นแหละ ไม่มีอะไรหรอก ”
แพคฮยอน...
ชื่อนี้สะกิดใจเขาอยู่ไม่น้อย ... เพื่อนสนิทของชานยอลคนนี้กุมความลับอะไรไว้ และสองคนนี้กำลังพยายามทำอะไร
ชายหนุ่มตั้งคำถามอยู่เงียบ ๆ ระหว่างมองแผ่นหลังกว้างแต่บอบบางตรงหน้า ...
“ชานยอลไม่มีวันรักคนแบบพี่ได้หรอก”
คำพูดของแพคฮยอนดังขึ้นมาในหัวอีกครั้ง... ก่อนที่เขาจะรีบโยนมันทิ้งลงไป
“ไม่มีอะไรจริง ๆ”
แม้ว่าสิ่งที่แพคฮยอนบอกเขา และปฏิกิริยาของชานยอลจะดูสอดคล้องกันจนเขาแทบจะหมดแรง กระนั้นคริสก็เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองมากกว่าอะไรทั้งสิ้น....
“เปล่า...ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี...อะ...” ชานยอลปฏิเสธปลายสาย ก่อนที่เสียงสุดท้ายของตัวเองจะขาดห้วงไป
คริสเคลื่อนเข้าไปวางคางบนไหล่ลาด พร้อมกระซิบเสียงแผ่วหวิว ... ชานยอลนั่งตัวแข็งทื่อ... เมื่อลมหายใจร้อนรุ่มรินรดอยู่ไม่ไกลจากริมฝีปากเท่าใดนัก
“พี่ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเราจะหนีพี่ไปได้นานแค่ไหน”
เขาไม่มีทางเชื่อ...จนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตัวเอง
*************
แพคฮยอนขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะลดโทรศัพท์ลงวางไว้บนตัก ... สายตาครุ่นคิดครู่หนี่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเงยหน้าขึ้นและบอกคนที่นั่งประจำที่คนขับอยู่แล้ว
“โอเค...ไปเลยพี่... อย่าลืมแวะรับจงอินกับคยองซูด้วยน้า ผมนัดไว้แล้ว”
จุนมยอนหันมองคนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เขารับรู้ความเป็นไปของเรื่องนี้มาตลอด จึงรู้สึกข้องใจกับการตัดสินใจของคนข้างตัวอยู่ไม่น้อย ...รวมไปถึงใครอีกคนที่เป็นต้นเรื่องทั้งหมดด้วย
เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก...
“แน่ใจแล้วเหรอแพคฮยอน ”
“แน่ใจสิ ...พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
น้ำเสียงของแพคฮยอนขุ่นมัวเล็กน้อย ต่างจากที่เคยเป็น ร่องรอยเคร่งเครียดฉายอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจนจนหนุ่มรุ่นพี่ต้องส่ายหน้า
“ก็... นายจะทำตามที่ชานยอลบอกจริง ๆ น่ะเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อน แล้วใครที่ไหนจะช่วยล่ะครับ พี่ก็ถามแปลก ๆ ”
คำตอบนั้นทำให้จุนมยอนถึงกับถอนใจ ...
“ก็ตามใจ... แล้วอย่ามาร้องไห้กับพี่แล้วกัน”
“พี่พูดอะไร ผมเนี่ยนะจะร้องไห้อีก... บ้าน่า”
แพคฮยอนมองเขา
“เปล่า... พี่แค่สงสัย...ว่านายไม่เห็นสายตาของชานยอลเลยหรือไง”
“ว่าไงนะ”
“สายตาที่มองคริสน่ะ”
แพคฮยอนมองเขานิ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น ... นิ้วมือเรียวสวยกำแน่นอยู่บนตัก ก่อนที่ประโยคต่อมาที่จุนมยอนเอ่ย จะทำให้แพคฮยอนหันหน้าไปอีกฝั่งราวกับโกรธที่เขาพูดแทงใจดำ
“ไม่สิ...สายตาที่เค้ามองกันต่างหากล่ะ”
“พี่จะพูดอะไรผมก็ไม่สนหรอก... เพราะคนที่ตัดสินใจคือชานยอล” หางเสียงของเด็กหนุ่มสะบัดขึ้น จุนมยอนลอบถอนหายใจ ขณะส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยอ่อน เสี้ยวหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าแพคฮยอนเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อต้องเอ่ยมันออกมา “พี่ก็รู้... สำหรับชานยอล ถ้าไม่...ก็คือไม่”
“เหมือนที่ ‘ไม่’ กับนายสินะ ”
แพคฮยอนกัดปากตัวเองแน่น ... ประโยคนั้นจี้จุดในใจเขาอย่างรุนแรงจนเขาแทบสะอึก
“พี่หวังดีนะ...”
“พี่คงคิดว่าชานยอลใช้ผมเป็นเครื่องมือ.. ” เด็กหนุ่มเอ่ย... เขารู้ดีว่าคนอย่างจุนมยอนนั้นจริงใจและห่วงใยความรู้สึกของคนอื่นมากแค่ไหน หนุ่มรุ่นพี่ที่ต้องมาเรียนปีเดียวกับพวกเขาจนสนิทสนมกันไปทั้งกลุ่มมีแต่ความปรารถนาดีให้คนอื่นเสมอ ... ทุกเรื่องที่อีกฝ่ายทักท้วง... เขาและเพื่อน ๆ ทุกคนจึงมักให้ความสำคัญ “พี่เข้าใจผิดแล้ว...ชานยอลไม่ได้หลอกใช้ผม”
“….”
“ผมก็แค่... อยากทำเท่านั้นเอง”
“เอาน่า พี่เข้าใจ” จุนมยอนพยักหน้ารับ ... สีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่ายทำให้เขาเอื้อมมือไปตบไหล่บาง และยิ้มให้
“ผม...ไม่อยากให้ชานยอลเป็นเหมือนตอนนั้นอีก” แพคฮยอนอธิบาย ความทรงจำจากในอดีตไหลบ่าเข้ามาเตือนให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นมีเหตุผลมาจากอะไร
“พี่อาจจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็อยากบอกว่าอย่าฝืนมากไปก็แล้วกัน ... เพราะสุดท้าย คนที่เจ็บที่สุดก็คือนายเอง”
“ครับ...”
“แล้วอีกอย่าง...นายคงเหนื่อยหน่อยนะ” ชายหนุ่มเริ่มสตาร์ทรถ ... ขณะเอ่ยสิ่งที่คิดอยู่ในใจมาตลอด
“ผู้ชายคนนั้น...ดูจะไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ เลย”
จุนมยอนรู้ทันทีที่พบกับคริส หนุ่มร่างสูงคนนั้นมีสายตาแบบคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง...และท่าทางไม่แคร์อะไรในโลกนั้นก็บอกเขาว่าคริสคงไม่มีวันยอมง่าย ๆ
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างจงใจ... โดยเฉพาะเมื่อคนข้างตัวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจไม่แพ้กัน
“ผมไม่ยอมแพ้หรอก... ผมไม่ยอมให้คนแบบนั้นมาทำร้ายชานยอลอีกเป็นอันขาด”
เขาก็หวังว่าแพคฮยอนจะทำได้...
ถึงแม้หัวใจของชานยอลเองจะดูอ่อนแอเกินกว่าจะดิ้นรนออกจากผู้ชายคนนั้นได้ก็ตาม
*************
รถเคลื่อนต่อไป...
ทว่าชานยอลกลับไม่สามารถควบคุมสติของตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย
ไออุ่นบางเบายังอาบไล้อยู่ที่แก้มขวา....รอยประทับแผ่วหวิวจากริมฝีปากที่นุ่มนวล และเสียงกระซิบทุ้มต่ำทำให้ทุกความคิดของเขาหลุดลอยหายไปไกล
หัวใจที่เต้นแรงจนแทบทะลุออกมาของเขาเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนจนรู้สึกกลัว...ว่าสิ่งที่หวาดกลัวจะกลับมาอีกครั้ง
คงถึงเวลา...
ที่เขาจะต้องหนีจริง ๆ
TBC.
ความคิดเห็น