ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Sunflower {KrisYeol}{รวมชอตฟิคคริสยอล}

    ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Just Somebody {3rd}

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 56


    3rd

     เอ๋อ

     

     

                     

     

                    “นี่อู๋ ฟาน เควิน คริส เรียกอะไรก็ได้ครับ เจ้าตัวเค้าอนุญาตหมด  ใช่ไหมครับคริสฮยอง”                            

                    ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงหน่าย ๆ ขณะแนะนำให้ครอบครัวรู้จักกับคนข้างตัว 

                    “ครับ ... ขอยืมตัวชานยอลไปซักวันสองวันนะครับ”

                    “โอ๊ย เอาไปเลยจ้า แม่อนุญาต”

                    “แหม มีเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรกนะยอลลี่....” เสียงหวานเยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าเขาดังขึ้น  ใบหน้าขัดเขินจนพวงแก้มยุ้ยขึ้นสีแดงจัดและสายตาตกตะลึงของพี่สาวทำให้ชานยอลแสดงสีหน้าอ่อนเพลีย    

                    ทันทีที่หนุ่มร่างสูงก้าวเข้ามาในบ้านของเขาพร้อมใบหน้าหล่อ ๆ (ไม่ต่างจากทุกครั้งที่พบ) และแต่งตัวเหมือนเพิ่งเดินออกมานิตยสารแฟชั่น(เหมือนเคย)  ตั้งแต่เสื้อผ้า หน้า ผม รองเท้า ล้วนแล้วแต่เนี้ยบไปทั้งตัวจนชานยอลรู้สึกแปลกใจว่าชายหนุ่มใช้เวลาไปเท่าไหร่กับการแต่งตัว   และนั่นก็ทำให้ทั้งแม่และพี่สาวของเขาเกิดอาการตกตะลึงเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ทันทีที่เห็นหนุ่มรุ่นพี่  สองสาวต่างวัยแต่หน้าตาถอดแบบจากกันมาแสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มกับหน้าตาราวเทพบุตรเทวดาของคนข้างตัวอย่างเห็นได้ชัด   ท่าทางตื่นเต้นดีใจทำให้ชานยอลอดน้อยใจไม่ได้  

                ลูกชายคนเล็กของบ้านอย่างเขาก็หน้าตาดีไม่แพ้ใครนะ!!!

                    “น้อย ๆ หน่อยพี่...ผมก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ จะคบกับคนหน้าตาดี ๆ เหมือนตัวเองบ้างไม่ได้หรือไง”

                    ชานยอลคิดอย่างหงุดหงิด  ก่อนเหลือบมองสีหน้ายินดีปรีดาของคนข้างตัวด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

                    “คนนี้ก็ด้วย เลิกหว่านเสน่ห์แม่กับพี่สาวผมได้แล้ว เดี๋ยวเหอะ  แค่ที่มหาลัยยังไม่พอหรือไง”  เด็กหนุ่มแยกเขี้ยวให้คนที่กำลังยิ้มหวานให้คนในครอบครัวเขา  ก่อนยกเท้าเตะขาอีกฝ่ายไม่เบานักด้วยความหมั่นไส้ 

                    “โอ๊ย... แล้วทำไมต้องทำร้ายพี่ด้วยล่ะ”  ใบหน้าเปื้อนยิ้มปรากฏร่องรอยเจ็บปวดเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะเบาเมื่อยกขาตัวเองมาคลำป้อย ๆ เมื่อได้ยินชานยอลเอ่ย

                    “หมั่นไส้ มีปัญหาปะ”

                    “เอ๊ะ เรานี่  พี่เค้าอุตส่าห์มารับไปเที่ยว ยังทำตัวแบบนี้อีก  เดี๋ยวตีเลยเด็กคนนี้”

                    “แม่!!” ชานยอลร้องเสียงหลง   เมื่อแม่ทำท่าจะตีเขากลับ เพราะความผิดฐานไปทำร้ายหนุ่มหล่อที่นาน ๆ ครั้งจะพบเจอ   “ผมลูกแม่นะ!!

                    เด็กชายตัวสูงกระโดดหนีมือของแม่ไปหลบอยู่หลังร่างสูงใหญ่ที่ยืนยิ้มพร้อมพยายามกลั้นหัวเราะอยู่

                    “แม่ใจร้ายที่สุด ผมโกรธแม่แล้ว”

                    “ไม่ต้องมาร้องเลย รีบไปเอากระเป๋ามาเดี๋ยวนี้ เอ้อละเหยลอยชายร้องเพลงตลอดเช้าเนี่ย เก็บของเสร็จหรือยัง  แม่สอนแล้วใช่ไหมว่าให้คนรอมันไม่ดี  แล้วเป็นเจ้าบ้านแท้ ๆ พาเที่ยวประเทศตัวเองแท้ ๆ ก็อย่าทำให้พี่เค้าผิดหวังล่ะ  เราชอบเล่นไม่รู้เรื่องเป็นเด็ก ๆ อยู่เรื่อย  นี่ฟังแม่อยู่ไหมชานยอล”

                    ชานยอลเบ้ปากให้กับคำบ่นยืดยาว  เขายกมือขึ้นปิดหูก่อนรีบกระโดดหนีเสียงแม่เพื่อตรงไปยังกระเป๋าเป้ใบโตสำหรับการเดินทางพาคนตัวสูง(กว่า)ไปเที่ยวประเทศตัวเองที่วางอยู่มุมห้องรับแขก

                    “แล้วคริสล่ะจ๊ะ อยู่เกาหลีมานานแค่ไหนแล้ว  พูดคล่องเชียว แล้วไปรู้จักลูกชายแม่ได้ยังไงจ๊ะ”

                    เสียงหวานเจี๊ยบของแม่ดังแว่วเข้ามาเข้าหูชานยอลที่กำลังสะพานเป้ขึ้นบ่า   เด็กหนุ่มย่นจมูกพร้อมพาร่างสูงเพรียวก้าวขายาว ๆ ตรงมาที่คนทั้งสาม ก่อนแทรกตัวเข้าไประหว่างกลางคนตัวใหญ่กับสาว ๆ  และสอดแขนเรียวยาวเข้ากับท่อนแขนของอีกฝ่ายทันที

                    “ห้ามจีบฮยองของผมนะ!!! ไม่งั้นผมจะฟ้องพ่อกับพี่เขยจริง ๆ ด้วย”

                    “ยอลลี่!!!” เสียงแหลมปรี๊ดของสองสาวดังลั่นบ้าน ชานยอลยิ้มกว้างอวดฟันขาวอย่างกวน ๆ ให้กับแม่และพี่สาว และรีบก้าวออกมาจากบ้านทันที

                    “ไปแล้วนะคร้าบ  อีกสองวันเจอกัน ;p” ลูกชายคนสุดท้องส่งจูบให้กับสมาชิกในครอบครัวก่อนฉุดกึ่งลากร่างสูงใหญ่ให้เดินตามออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็วเพราะกลัวถูกมะเหงกลูกโตจากคนทั้งสอง  

                    “เดินทางปลอดภัยนะคริส” นี่เสียงหวานของพี่สาว

                    “กลับมาแล้วแม่จะรอเลี้ยงข้าวนะคริส”  ทางด้านเสียงคุณแม่ก็หวานไม่น้อยเช่นเดียวกัน...

                “รับเป็นลูกอีกคนเลยไหมครับแม่!ส่วนเด็กชายชานยอลขี้อิจฉาก็รีบตะโกนกลับไปอย่างรวดเร็ว

                    คริสที่ยืนนิ่งให้ร่างสูงเพรียวเกาะพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่  ชายหนุ่มมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปทุกวินาทีด้วยความเพลิดเพลิน   ดวงตากลมโตทอประกายระยิบระยับ  ริมฝีปากยิ้มกว้างเผยฟันขาวเป็นระเบียบ  ขณะโบกมือให้คนที่อยู่ในบ้านอย่างคลุ้มคลั่ง           

                    “ยิ้มอะไรเหรอคริสฮยอง  มีความสุขมากเหรอ ”

                    ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาถามคล้ายจะหาเรื่อง หากสีหน้าที่ประดับด้วยยิ้มละไมกลับทำให้คริสยกมือขึ้นขยี้ผมสลวยบนศีรษะทุยสวยอย่างเอ็นดู

                “ฮยองของผม”

                    คริสอมยิ้ม...   ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแค่คำ ๆ เดียวจะทำให้เขายิ้มกว้างมากขนาดนี้  จนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาด้วยตัวเอง...

                    ถึงจะรู้ว่าประโยคดังกล่าวชานยอลไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยก็ตามที

                    หนุ่มร่างสูงใหญ่เดินนำเด็กน้อยที่วันนี้เซ็ทผมจนหยิกเป็นลอนเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ตรงไปที่รถสีดำขนาดกะทัดรัดท่าทางปราดเปรียวที่จอดอยู่หน้าบ้าน    ใบหน้าจิ้มลิ้มของชานยอลแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าพาหนะที่พวกเขาจะใช้ตลอดสองวันนี้

                    “หามาได้จริงด้วย... มีอะไรบ้างเนี่ยที่ฮยองทำไม่ได้”  ชานยอลยกนิ้วให้คนที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ    เพราะตอนแรกที่หนุ่มรุ่นพี่ชวนไปเที่ยว เขาก็แกล้งยื่นข้อเสนอโน่นนี่เล่น ๆ อย่างเช่นขอรถส่วนตัว เลือกโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากจนเสี่ยงต่อการไม่ได้ที่พัก.... แถมด้วยไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนพลุกพล่านเป็นพิเศษ  เพราะไม่คิดว่าคริสจะทำได้ทุกอย่างเช่นนี้ เขาไม่อยากเชื่อว่านอกจากรูปร่างหน้าตาแบบเทวดาแล้ว  มิสเตอร์อู๋ ฟานยังมีความสามารถพิเศษประเภทเสกทุกอย่างมาได้ดั่งใจคิดเสียด้วย    

                    เด็กหนุ่มซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจขณะที่พยายามชวนอีกฝ่ายพูดคุย.... เพราะเกรงว่าคนที่มีสายตาคมกริบนั้นจะจับสิ่งที่เขาพยายามเก็บไว้ได้...

                    ทั้งเกรง...และกลัว

                    “แต่พี่ว่าคันเล็กไปหน่อย ตอนแรกตั้งใจจะเช่า  แต่เพื่อนพี่ให้ยืมมาฟรี

                    “แค่นี้ก็ดีแล้วเหอะ... ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าพี่จะหาได้  ตอนแรกคิดว่าจะแกล้งเล่นเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะเอาจริงนี่นา”

                    ใครจะคิดว่าชายหนุ่มชาวต่างประเทศที่มาเรียนเกาหลีแค่ปีสองปีจะมีใบขับขี่ แถมหาอะไรมาได้ง่าย ๆ เสียจนเจ้าของประเทศอย่างเขารู้สึกอาย

                    “อย่าดูถูกพี่สิ”

                    “ดูถูกที่ไหน   ผมรู้อยู่แล้วว่าคริสฮยองของผมเจ๋งที่สุด” ร่างสูงเพรียวที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กหันมายิ้มกว้างโชว์ฟันให้คนตัวสูงอีกคน ก่อนรีบเปิดประตูรถและพุ่งเข้าไปนั่งข้างในด้วยรอยยิ้มสดใส  สายตาซุกซนมองสำรวจรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น พร้อมขยับที่นั่งเพื่อให้เหมาะกับขายาว ๆ ของตัวเอง   

                    “รถคันเล็กหรือขาผมยาวกันแน่เนี่ย...”

                    “คงเพราะทั้งสองอย่างล่ะมั้ง ”

                    คริสหัวเราะขำท่าทางของซุกซน และการอยู่ไม่นิ่งของคนข้างตัว

                    “ขาฮยองก็ยาวเหมือนกันนั่นแหละ  อย่ามาว่าผมเลย”

                    “เด็กน้อยขายาว ”

                    “ผมไม่ได้เด็กแล้วนะ  คริสฮยองขายาวกว่า”

                    เด็กชายตัวสูงมองเขาพร้อมกับย่นจมูก  ดวงตากลมโตทอประกายสนุก ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง  ก่อนอมลมจนแก้มนุ่มนิ่มสีขาวอมชมพูป่องกลมทั้งสองข้าง  ใบหน้าสดใสแป้นแล้น ดูน่ารักจนอยากจับมาฟัดให้รู้สึกตัวเสียทีว่าตัวเองชอบทำตัวเป็น เด็กน้อยมากแค่ไหน...

                    ตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มทอดมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องพร้อมกับรอยยิ้ม  ก่อนยกมือขึ้นมาดึงแก้มนิ่มด้วยความหมั่นเขี้ยวอย่างรวดเร็ว และรีบหันไปสนใจพวงมาลัยเช่นเดิม  หากคนที่กำลังสนุกกลับไม่ได้ใส่ใจนัก   เพราะกำลังตื่นเต้นที่จะได้เที่ยว

                    “ว้าว ๆๆๆ เที่ยว... ทะเลๆๆๆ  ว้าว ๆๆ ”               

                    คริสส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มให้พวงมาลัยอย่างจริงจัง  เจ้าเด็กแป้นแล้นของเขาน่ารักเสียเหลือเกิน   

                    “เอ๋อ...”

                    สิ้นเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยคำหนึ่งขึ้นมา   ใบหน้าเหมือนตุ๊กตาของชานยอลก็หันขวับมายังคนที่ทำหน้าที่ขับรถทันทีด้วยความงุนงง

                    “ว่าไงนะ... ”

                    “เราน่ะ เอ๋อ”

                    “อะไรนะ!” ชานยอลถามย้ำ พร้อมขมวดคิ้วยุ่ง

                    “ชานยอลเอ๋อ” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยย้ำ น้ำเสียงหนักแน่น

                    “ว่าผมทำไม” คนถูกว่ากัดปากอย่างงอน ๆ  เมื่อโดนอีกฝ่ายเรียกแบบนั้น

                    “ไม่ได้ว่าซักหน่อย...พี่จะชมต่างหาก”

                    “แล้วคนบ้าที่ไหนชมกันว่าเอ๋อบ้างล่ะ จะว่าผมเพี้ยน ผมประสาทกลับก็พูดมาตรง ๆ เลย” ชานยอลเริ่มจะอารมณ์ขุ่นมัว

                    “เฮ้ย เปล่านะ....”  คริสสะดุ้ง... สีหน้าตกใจ เพราะมั่นใจกับศัพท์ที่เพิ่งเรียนรู้มาเมื่อไม่นานมานี้มาก “พี่ตั้งใจจะชม ก็เราน่ะเอ๋อมากจริง ๆ.... “

                    “ชมว่าเอ๋อเนี่ยนะ.... ผมเอ๋อมากนักเหรอ!!

                    “อือ...ก็เราน่ะเอ๋อจริง ๆ”

                    “คริสฮยอง ”  ชานยอลจ้องอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ พร้อมทวนชื่อคนข้างกายด้วยเสียงทุ้มต่ำ

                    “แล้วพี่ก็ว่ามันเหมาะกับเราดี”

                    “เหมาะกับผีสิ  พี่รู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง”

                    “ก็เอ๋อ...คือ”  ชายหนุ่มทบทวนความทรงจำที่ได้จากเพื่อนชาวเกาหลีที่สนิทกับชานยอล... ... ผลจากการเข้าไปหาชานยอลทุกวันทำให้เขารู้จักเพื่อนในกลุ่มชานยอลแทบทุกคน แถมยังใช้เสน่ห์ส่วนตัวเข้าไปล้วงความลับของคนข้างตัวจากเพื่อนกลุ่มมาหลายอย่าง... 

     

                “อยู่กับมันก็ทำใจหน่อยนะพี่  ไอ้ชานยอลมันเอ๋อ ”

                    จำได้ว่าวันนั้นเขาไปรอชานยอลอยู่ใต้ตึก แล้วพบกับแพคฮยอน จุนมยอน รวมไปถึงคยองซูที่นั่งรออยู่ใต้คณะอยู่เช่นเดียวกัน   แพคฮยอนนำทีมนินทาเจ้าคนตัวสูงที่สุดในวงอยู่ด้วยความสนุกสนาน  แม้ว่าจะชวนให้เขาไปร่วมวงแล้วก็ยังไม่หยุดที่จะนินทาให้ได้ยิน โดยเฉพาะคนที่รู้จักชานยอลมาตั้งแต่สมัยมัธยมอย่างแพคฮยอนดูเหมือนจะอยากขายเพื่อนให้เขาฟังเสียเหลือเกิน

                “เอ๋อแปลว่าอะไร”

                แม้จะมาเรียนภาษาอยู่ที่นี่เกือบสองปีแล้ว หากคำศัพท์บางคำที่เป็นศัพท์เฉพาะกลุ่มมาก ๆ คริสก็มีปัญหาในการทำความเข้าใจพอสมควร  โชคดีที่แพคฮยอนใจดีพอจะช่วยอธิบายให้เขาฟัง  โดยมีจุนมยอนกับคยองซูมองตาปริบ ๆ อยู่กับคำอธิบายนั้น

                “เอ๋อเหรอ...เอ๋อแปลว่าน่ารัก  So cuteน่ะพี่   น่ารักสุดๆเลย ยิ่งน่ารักเท่าไหร่ก็ยิ่งเอ๋อเท่านั้น  ชานยอลมันทั้งน่ารักและเอ๋อ พอเอ๋อก็เลยน่ารัก  ยิ่งเอ๋อก็ยิ่งน่ารัก ประมาณนี้แหละพี่  ” ชายหนุ่มจำได้ว่าขมวดคิ้วจนยุ่งหลายครั้งกับคำอธิบายแบบวกไปวนมาของแพคฮยอน ... ไม่แน่ใจว่าเพราะทักษะภาษาเกาหลีของเขาแย่ หรือว่าอีกฝ่ายตั้งใจอธิบายไม่ให้เขาเข้าใจกันแน่ 

                “พี่ว่าไหม ” แพคฮยอนสบตาเขาด้วยดวงตาสดใส พร้อมกับกล่าวย้ำ   “เป็นคำที่เหมาะกับชานยอลสุด ๆ แล้วล่ะ....  เอ๋อเนี่ย”

                    แม้จะไม่เข้าใจความหมายของมันมากนัก.... หากคริสกลับรู้สึกว่าคำ  ๆ นี้เหมาะกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาของอีกคนยิ่งกว่าคำใด ๆ ที่เคยเรียนรู้มา ... ดวงตากลมโตที่มักเปล่งประกายระยับ รวมไปถึงสายตาซุกซนเวลามองเห็นสิ่งแปลกใหม่นั่นก็ด้วย

                “อือ...เหมาะดี”

                “แพค... หยุดเถอะ” จุนมยอนที่ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มทำท่าจะยุติเด็กหนุ่มร่างเล็ก  หากคนที่ถูกห้ามกลับรีบเอ่ยสำทับอีกครั้ง

                “แล้วก็...ชานยอลมันชอบให้คนเรียกมันว่าเอ๋อด้วยล่ะ”

                    …..

                    ….

                เอ๋อแปลว่าน่ารัก

                    ‘ชานยอลชอบ...

                ….

               

                    “เอ๋อแปลว่าน่ารักไม่ใช่เหรอ”

                    “หา!!!” คนน่ารักเบิกตากว้างจนเหมือนตาจะถลน

                    หนุ่มรุ่นพี่ชาวต่างประเทศหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนละสายตาจากภาพตรงหน้ามามองคนข้างตัวที่กำลังขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิง

                    “ไม่ใช่เหรอ...?

                    “ใช่ที่ไหนล่ะ ใครมันบ้าสอนพี่แบบนั้นวะ”

                    “พูดไม่เพราะเลย” คริสปรามด้วยเสียงแผ่ว ๆ เริ่มรู้สึกขาดความมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย  เพราะน้ำเสียงและสีหน้าของชานยอลที่แสดงอาการไม่ค่อยชอบคำที่เขาเพิ่งเรียนรู้มาเท่าไรนัก

                    “ถ้าพี่เก่งขนาดรู้ว่าคำไหนเพราะ คำไหนไม่เพราะแล้วทำไมไม่รู้จักคำว่าเอ๋อนะ!” ชานยอลสบถ ก่อนหันไปมองคนข้างตัว ... สีหน้าของคริสทำให้เขาเกือบจะกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่   

                    “ไม่ชอบเหรอ ..งั้นไม่เรียกก็ได้” คริสเอ่ยเสียงอ่อน หากปลายเสียงกลับสะบัดขึ้นแบบที่ฟังออกก็รู้ว่าไม่พอใจนัก

                    ปกติคริสจะเป็นผู้ใหญ่ และเคร่งขรึม... หากคราวนี้ กลับกลายเป็นหนุ่มขี้งอนไปซะง่าย ๆ เพียงเพราะความเข้าใจผิดของตัวเอง 

                    “เอ๋อก็เอ๋อ อย่ามาเอ๋อใส่ได้ปะคริสฮยอง” ชานยอลระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด  มือเรียวยาวตบที่คอนโซลรถอย่างจริงจัง  เมื่อเห็นดวงตาเขียวปัดที่หันมาค้อนขวับใส่เขา

                    “ตลกมากเหรอ...”

                    “ขอโทษ... ก็คริสฮยองมาเอ๋อใส่ผมก่อนทำไมล่ะ เอ้า ๆ ดูทางด้วยสิฮยอง ” ชานยอลรีบชี้ไม้ชี้มือให้หนุ่มรุ่นพี่ดูทางข้างหน้า  เมื่อหน้าหล่อเหลาหันมามองเขาพร้อมด้วยตาคม ๆ

                    “พี่ไม่ได้เอ๋อซักหน่อย เรานั่นแหละที่เอ๋อ”  มิสเตอร์อู๋ ฟานแก้ ก่อนสะบัดหน้ากลับไปจดจ่อกับถนนตรงหน้า    

                    “ฮยองนั่นแหละ เอ๋อที่สุด... ”

                    “เรานั่นแหละที่เอ๋อ... ”

                    “ฮยองเอ๋อ...เอ๋อๆๆๆๆ ”

                    ทุ่มเถียงแบบไม่จริงจังอยู่พักใหญ่ คนตัวสูงสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยความขบขัน ...  ถึงแม้ว่าชายชาวต่างประเทศจะยังไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า เอ๋อหากดูเหมือนคนทั้งคู่จะรับรู้ความหมายนั้นด้วยความรู้สึกของตัวเอง...

                    ก็คงเอ๋อกันทั้งคู่นั่นแหละ....

                    คู่เอ๋อ

                    “ฮยองเอ๋อยิ้มอะไร...” น้ำเสียงสนุกถาม ขณะที่ร่างสูงเพรียวขยับตัวมานั่งเอียงหน้าให้เขาพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส

                    “แล้วเด็กเอ๋อล่ะ ยิ้มอะไร” เขาถามกลับ  รู้สึกถึงรอยยิ้มที่คงประดับอยู่บนใบหน้าของตัวเองอย่างชัดเจน...

                 ไม่ได้การล่ะ  ทำไมเขาห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มเวลาอยู่กับเด็กชายจอมซนคนนี้ไม่ได้เสียทีนะ

                    “ยิ้มเพราะฮยองเอ๋อ”

                    “เจ้าเอ๋อ”

                    “ฮยองนั่นแหละเอ๋อ” เจ้าเอ๋อน้อยของเขายิ้มซื่อ ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น   

                “เอ๋อกันทั้งคู่นั้นแหละ”

     

     

     

     

    TBC.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×