คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [SF] Just Somebody {3rd}
3rd
เอ๋อ
“นี่อู๋ ฟาน เควิน คริส เรียกอะไรก็ได้ครับ เจ้าตัวเค้าอนุญาตหมด ใช่ไหมครับคริสฮยอง”
ชานยอลบอกด้วยน้ำเสียงหน่าย ๆ ขณะแนะนำให้ครอบครัวรู้จักกับคนข้างตัว
“ครับ ... ขอยืมตัวชานยอลไปซักวันสองวันนะครับ”
“โอ๊ย เอาไปเลยจ้า แม่อนุญาต”
“แหม มีเพื่อนหน้าตาดีขนาดนี้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรกนะยอลลี่....” เสียงหวานเยิ้มของหญิงสาวตรงหน้าเขาดังขึ้น ใบหน้าขัดเขินจนพวงแก้มยุ้ยขึ้นสีแดงจัดและสายตาตกตะลึงของพี่สาวทำให้ชานยอลแสดงสีหน้าอ่อนเพลีย
ทันทีที่หนุ่มร่างสูงก้าวเข้ามาในบ้านของเขาพร้อมใบหน้าหล่อ ๆ (ไม่ต่างจากทุกครั้งที่พบ) และแต่งตัวเหมือนเพิ่งเดินออกมานิตยสารแฟชั่น(เหมือนเคย) ตั้งแต่เสื้อผ้า หน้า ผม รองเท้า ล้วนแล้วแต่เนี้ยบไปทั้งตัวจนชานยอลรู้สึกแปลกใจว่าชายหนุ่มใช้เวลาไปเท่าไหร่กับการแต่งตัว และนั่นก็ทำให้ทั้งแม่และพี่สาวของเขาเกิดอาการตกตะลึงเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ทันทีที่เห็นหนุ่มรุ่นพี่ สองสาวต่างวัยแต่หน้าตาถอดแบบจากกันมาแสดงสีหน้าเคลิบเคลิ้มกับหน้าตาราวเทพบุตรเทวดาของคนข้างตัวอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางตื่นเต้นดีใจทำให้ชานยอลอดน้อยใจไม่ได้
ลูกชายคนเล็กของบ้านอย่างเขาก็หน้าตาดีไม่แพ้ใครนะ!!!
“น้อย ๆ หน่อยพี่...ผมก็ไม่ได้ขี้เหร่นะ จะคบกับคนหน้าตาดี ๆ เหมือนตัวเองบ้างไม่ได้หรือไง”
ชานยอลคิดอย่างหงุดหงิด ก่อนเหลือบมองสีหน้ายินดีปรีดาของคนข้างตัวด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
“คนนี้ก็ด้วย เลิกหว่านเสน่ห์แม่กับพี่สาวผมได้แล้ว เดี๋ยวเหอะ แค่ที่มหา’ลัยยังไม่พอหรือไง” เด็กหนุ่มแยกเขี้ยวให้คนที่กำลังยิ้มหวานให้คนในครอบครัวเขา ก่อนยกเท้าเตะขาอีกฝ่ายไม่เบานักด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย... แล้วทำไมต้องทำร้ายพี่ด้วยล่ะ” ใบหน้าเปื้อนยิ้มปรากฏร่องรอยเจ็บปวดเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะเบาเมื่อยกขาตัวเองมาคลำป้อย ๆ เมื่อได้ยินชานยอลเอ่ย
“หมั่นไส้ มีปัญหาปะ”
“เอ๊ะ เรานี่ พี่เค้าอุตส่าห์มารับไปเที่ยว ยังทำตัวแบบนี้อีก เดี๋ยวตีเลยเด็กคนนี้”
“แม่!!” ชานยอลร้องเสียงหลง เมื่อแม่ทำท่าจะตีเขากลับ เพราะความผิดฐานไปทำร้ายหนุ่มหล่อที่นาน ๆ ครั้งจะพบเจอ “ผมลูกแม่นะ!!”
เด็กชายตัวสูงกระโดดหนีมือของแม่ไปหลบอยู่หลังร่างสูงใหญ่ที่ยืนยิ้มพร้อมพยายามกลั้นหัวเราะอยู่
“แม่ใจร้ายที่สุด ผมโกรธแม่แล้ว”
“ไม่ต้องมาร้องเลย รีบไปเอากระเป๋ามาเดี๋ยวนี้ เอ้อละเหยลอยชายร้องเพลงตลอดเช้าเนี่ย เก็บของเสร็จหรือยัง แม่สอนแล้วใช่ไหมว่าให้คนรอมันไม่ดี แล้วเป็นเจ้าบ้านแท้ ๆ พาเที่ยวประเทศตัวเองแท้ ๆ ก็อย่าทำให้พี่เค้าผิดหวังล่ะ เราชอบเล่นไม่รู้เรื่องเป็นเด็ก ๆ อยู่เรื่อย นี่ฟังแม่อยู่ไหมชานยอล”
ชานยอลเบ้ปากให้กับคำบ่นยืดยาว เขายกมือขึ้นปิดหูก่อนรีบกระโดดหนีเสียงแม่เพื่อตรงไปยังกระเป๋าเป้ใบโตสำหรับการเดินทางพาคนตัวสูง(กว่า)ไปเที่ยว’ประเทศตัวเอง’ ที่วางอยู่มุมห้องรับแขก
“แล้วคริสล่ะจ๊ะ อยู่เกาหลีมานานแค่ไหนแล้ว พูดคล่องเชียว แล้วไปรู้จักลูกชายแม่ได้ยังไงจ๊ะ”
เสียงหวานเจี๊ยบของแม่ดังแว่วเข้ามาเข้าหูชานยอลที่กำลังสะพานเป้ขึ้นบ่า เด็กหนุ่มย่นจมูกพร้อมพาร่างสูงเพรียวก้าวขายาว ๆ ตรงมาที่คนทั้งสาม ก่อนแทรกตัวเข้าไประหว่างกลางคนตัวใหญ่กับสาว ๆ และสอดแขนเรียวยาวเข้ากับท่อนแขนของอีกฝ่ายทันที
“ห้ามจีบฮยองของผมนะ!!! ไม่งั้นผมจะฟ้องพ่อกับพี่เขยจริง ๆ ด้วย”
“ยอลลี่!!!” เสียงแหลมปรี๊ดของสองสาวดังลั่นบ้าน ชานยอลยิ้มกว้างอวดฟันขาวอย่างกวน ๆ ให้กับแม่และพี่สาว และรีบก้าวออกมาจากบ้านทันที
“ไปแล้วนะคร้าบ อีกสองวันเจอกัน ;p” ลูกชายคนสุดท้องส่งจูบให้กับสมาชิกในครอบครัวก่อนฉุดกึ่งลากร่างสูงใหญ่ให้เดินตามออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็วเพราะกลัวถูกมะเหงกลูกโตจากคนทั้งสอง
“เดินทางปลอดภัยนะคริส” นี่เสียงหวานของพี่สาว
“กลับมาแล้วแม่จะรอเลี้ยงข้าวนะคริส” ทางด้านเสียงคุณแม่ก็หวานไม่น้อยเช่นเดียวกัน...
“รับเป็นลูกอีกคนเลยไหมครับแม่!” ส่วนเด็กชายชานยอลขี้อิจฉาก็รีบตะโกนกลับไปอย่างรวดเร็ว
คริสที่ยืนนิ่งให้ร่างสูงเพรียวเกาะพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ ชายหนุ่มมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปทุกวินาทีด้วยความเพลิดเพลิน ดวงตากลมโตทอประกายระยิบระยับ ริมฝีปากยิ้มกว้างเผยฟันขาวเป็นระเบียบ ขณะโบกมือให้คนที่อยู่ในบ้านอย่างคลุ้มคลั่ง
“ยิ้มอะไรเหรอคริสฮยอง มีความสุขมากเหรอ ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาถามคล้ายจะหาเรื่อง หากสีหน้าที่ประดับด้วยยิ้มละไมกลับทำให้คริสยกมือขึ้นขยี้ผมสลวยบนศีรษะทุยสวยอย่างเอ็นดู
“ฮยองของผม”
คริสอมยิ้ม... ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแค่คำ ๆ เดียวจะทำให้เขายิ้มกว้างมากขนาดนี้ จนกระทั่งอีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาด้วยตัวเอง...
ถึงจะรู้ว่าประโยคดังกล่าวชานยอลไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยก็ตามที
หนุ่มร่างสูงใหญ่เดินนำเด็กน้อยที่วันนี้เซ็ทผมจนหยิกเป็นลอนเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ตรงไปที่รถสีดำขนาดกะทัดรัดท่าทางปราดเปรียวที่จอดอยู่หน้าบ้าน ใบหน้าจิ้มลิ้มของชานยอลแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าพาหนะที่พวกเขาจะใช้ตลอดสองวันนี้
“หามาได้จริงด้วย... มีอะไรบ้างเนี่ยที่ฮยองทำไม่ได้” ชานยอลยกนิ้วให้คนที่ยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ เพราะตอนแรกที่หนุ่มรุ่นพี่ชวนไปเที่ยว เขาก็แกล้งยื่นข้อเสนอโน่นนี่เล่น ๆ อย่างเช่นขอรถส่วนตัว เลือกโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากจนเสี่ยงต่อการไม่ได้ที่พัก.... แถมด้วยไปสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เพราะไม่คิดว่าคริสจะทำได้ทุกอย่างเช่นนี้ เขาไม่อยากเชื่อว่านอกจากรูปร่างหน้าตาแบบเทวดาแล้ว มิสเตอร์อู๋ ฟานยังมีความสามารถพิเศษประเภทเสกทุกอย่างมาได้ดั่งใจคิดเสียด้วย
เด็กหนุ่มซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจขณะที่พยายามชวนอีกฝ่ายพูดคุย.... เพราะเกรงว่าคนที่มีสายตาคมกริบนั้นจะจับสิ่งที่เขาพยายามเก็บไว้ได้...
ทั้งเกรง...และกลัว
“แต่พี่ว่าคันเล็กไปหน่อย ตอนแรกตั้งใจจะเช่า แต่เพื่อนพี่ให้ยืมมาฟรี
“แค่นี้ก็ดีแล้วเหอะ... ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าพี่จะหาได้ ตอนแรกคิดว่าจะแกล้งเล่นเฉย ๆ ไม่คิดว่าจะเอาจริงนี่นา”
ใครจะคิดว่าชายหนุ่มชาวต่างประเทศที่มาเรียนเกาหลีแค่ปีสองปีจะมีใบขับขี่ แถมหาอะไรมาได้ง่าย ๆ เสียจนเจ้าของประเทศอย่างเขารู้สึกอาย
“อย่าดูถูกพี่สิ”
“ดูถูกที่ไหน ผมรู้อยู่แล้วว่าคริสฮยองของผมเจ๋งที่สุด” ร่างสูงเพรียวที่ชอบทำตัวเหมือนเด็กหันมายิ้มกว้างโชว์ฟันให้คนตัวสูงอีกคน ก่อนรีบเปิดประตูรถและพุ่งเข้าไปนั่งข้างในด้วยรอยยิ้มสดใส สายตาซุกซนมองสำรวจรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น พร้อมขยับที่นั่งเพื่อให้เหมาะกับขายาว ๆ ของตัวเอง
“รถคันเล็กหรือขาผมยาวกันแน่เนี่ย...”
“คงเพราะทั้งสองอย่างล่ะมั้ง ”
คริสหัวเราะขำท่าทางของซุกซน และการอยู่ไม่นิ่งของคนข้างตัว
“ขาฮยองก็ยาวเหมือนกันนั่นแหละ อย่ามาว่าผมเลย”
“เด็กน้อยขายาว ”
“ผมไม่ได้เด็กแล้วนะ คริสฮยองขายาวกว่า”
เด็กชายตัวสูงมองเขาพร้อมกับย่นจมูก ดวงตากลมโตทอประกายสนุก ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนอมลมจนแก้มนุ่มนิ่มสีขาวอมชมพูป่องกลมทั้งสองข้าง ใบหน้าสดใสแป้นแล้น ดูน่ารักจนอยากจับมาฟัดให้รู้สึกตัวเสียทีว่าตัวเองชอบทำตัวเป็น ‘เด็กน้อย’ มากแค่ไหน...
ตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มทอดมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนยกมือขึ้นมาดึงแก้มนิ่มด้วยความหมั่นเขี้ยวอย่างรวดเร็ว และรีบหันไปสนใจพวงมาลัยเช่นเดิม หากคนที่กำลังสนุกกลับไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะกำลังตื่นเต้นที่จะได้เที่ยว
“ว้าว ๆๆๆ เที่ยว... ทะเลๆๆๆ ว้าว ๆๆ ”
คริสส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มให้พวงมาลัยอย่างจริงจัง เจ้าเด็กแป้นแล้นของเขาน่ารักเสียเหลือเกิน
“เอ๋อ...”
สิ้นเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยคำหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าเหมือนตุ๊กตาของชานยอลก็หันขวับมายังคนที่ทำหน้าที่ขับรถทันทีด้วยความงุนงง
“ว่าไงนะ... ”
“เราน่ะ เอ๋อ”
“อะไรนะ!” ชานยอลถามย้ำ พร้อมขมวดคิ้วยุ่ง
“ชานยอลเอ๋อ” หนุ่มรุ่นพี่เอ่ยย้ำ น้ำเสียงหนักแน่น
“ว่าผมทำไม” คนถูกว่ากัดปากอย่างงอน ๆ เมื่อโดนอีกฝ่ายเรียกแบบนั้น
“ไม่ได้ว่าซักหน่อย...พี่จะชมต่างหาก”
“แล้วคนบ้าที่ไหนชมกันว่าเอ๋อบ้างล่ะ จะว่าผมเพี้ยน ผมประสาทกลับก็พูดมาตรง ๆ เลย” ชานยอลเริ่มจะอารมณ์ขุ่นมัว
“เฮ้ย เปล่านะ....” คริสสะดุ้ง... สีหน้าตกใจ เพราะมั่นใจกับศัพท์ที่เพิ่งเรียนรู้มาเมื่อไม่นานมานี้มาก “พี่ตั้งใจจะชม ก็เราน่ะเอ๋อมากจริง ๆ.... “
“ชมว่าเอ๋อเนี่ยนะ.... ผมเอ๋อมากนักเหรอ!!”
“อือ...ก็เราน่ะเอ๋อจริง ๆ”
“คริสฮยอง ” ชานยอลจ้องอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ พร้อมทวนชื่อคนข้างกายด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“แล้วพี่ก็ว่ามันเหมาะกับเราดี”
“เหมาะกับผีสิ พี่รู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง”
“ก็เอ๋อ...คือ” ชายหนุ่มทบทวนความทรงจำที่ได้จากเพื่อนชาวเกาหลีที่สนิทกับชานยอล... ... ผลจากการเข้าไปหาชานยอลทุกวันทำให้เขารู้จักเพื่อนในกลุ่มชานยอลแทบทุกคน แถมยังใช้เสน่ห์ส่วนตัวเข้าไปล้วงความลับของคนข้างตัวจากเพื่อนกลุ่มมาหลายอย่าง...
“อยู่กับมันก็ทำใจหน่อยนะพี่ ไอ้ชานยอลมันเอ๋อ ”
จำได้ว่าวันนั้นเขาไปรอชานยอลอยู่ใต้ตึก แล้วพบกับแพคฮยอน จุนมยอน รวมไปถึงคยองซูที่นั่งรออยู่ใต้คณะอยู่เช่นเดียวกัน แพคฮยอนนำทีมนินทาเจ้าคนตัวสูงที่สุดในวงอยู่ด้วยความสนุกสนาน แม้ว่าจะชวนให้เขาไปร่วมวงแล้วก็ยังไม่หยุดที่จะนินทาให้ได้ยิน โดยเฉพาะคนที่รู้จักชานยอลมาตั้งแต่สมัยมัธยมอย่างแพคฮยอนดูเหมือนจะอยากขายเพื่อนให้เขาฟังเสียเหลือเกิน
“เอ๋อแปลว่าอะไร”
แม้จะมาเรียนภาษาอยู่ที่นี่เกือบสองปีแล้ว หากคำศัพท์บางคำที่เป็นศัพท์เฉพาะกลุ่มมาก ๆ คริสก็มีปัญหาในการทำความเข้าใจพอสมควร โชคดีที่แพคฮยอนใจดีพอจะช่วยอธิบายให้เขาฟัง โดยมีจุนมยอนกับคยองซูมองตาปริบ ๆ อยู่กับคำอธิบายนั้น
“เอ๋อเหรอ...เอ๋อแปลว่าน่ารัก So cuteน่ะพี่ น่ารักสุดๆเลย ยิ่งน่ารักเท่าไหร่ก็ยิ่งเอ๋อเท่านั้น ชานยอลมันทั้งน่ารักและเอ๋อ พอเอ๋อก็เลยน่ารัก ยิ่งเอ๋อก็ยิ่งน่ารัก ประมาณนี้แหละพี่ ” ชายหนุ่มจำได้ว่าขมวดคิ้วจนยุ่งหลายครั้งกับคำอธิบายแบบวกไปวนมาของแพคฮยอน ... ไม่แน่ใจว่าเพราะทักษะภาษาเกาหลีของเขาแย่ หรือว่าอีกฝ่ายตั้งใจอธิบายไม่ให้เขาเข้าใจกันแน่
“พี่ว่าไหม ” แพคฮยอนสบตาเขาด้วยดวงตาสดใส พร้อมกับกล่าวย้ำ “เป็นคำที่เหมาะกับชานยอลสุด ๆ แล้วล่ะ.... เอ๋อเนี่ย”
แม้จะไม่เข้าใจความหมายของมันมากนัก.... หากคริสกลับรู้สึกว่าคำ ๆ นี้เหมาะกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลาของอีกคนยิ่งกว่าคำใด ๆ ที่เคยเรียนรู้มา ... ดวงตากลมโตที่มักเปล่งประกายระยับ รวมไปถึงสายตาซุกซนเวลามองเห็นสิ่งแปลกใหม่นั่นก็ด้วย
“อือ...เหมาะดี”
“แพค... หยุดเถอะ” จุนมยอนที่ท่าทางเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มทำท่าจะยุติเด็กหนุ่มร่างเล็ก หากคนที่ถูกห้ามกลับรีบเอ่ยสำทับอีกครั้ง
“แล้วก็...ชานยอลมันชอบให้คนเรียกมันว่าเอ๋อด้วยล่ะ”
…..
….
‘เอ๋อแปลว่าน่ารัก’
‘ชานยอลชอบ...’
….
“เอ๋อแปลว่าน่ารักไม่ใช่เหรอ”
“หา!!!” คนน่ารักเบิกตากว้างจนเหมือนตาจะถลน
หนุ่มรุ่นพี่ชาวต่างประเทศหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนละสายตาจากภาพตรงหน้ามามองคนข้างตัวที่กำลังขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิง
“ไม่ใช่เหรอ...?”
“ใช่ที่ไหนล่ะ ใครมันบ้าสอนพี่แบบนั้นวะ”
“พูดไม่เพราะเลย” คริสปรามด้วยเสียงแผ่ว ๆ เริ่มรู้สึกขาดความมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย เพราะน้ำเสียงและสีหน้าของชานยอลที่แสดงอาการไม่ค่อยชอบคำที่เขาเพิ่งเรียนรู้มาเท่าไรนัก
“ถ้าพี่เก่งขนาดรู้ว่าคำไหนเพราะ คำไหนไม่เพราะแล้วทำไมไม่รู้จักคำว่าเอ๋อนะ!” ชานยอลสบถ ก่อนหันไปมองคนข้างตัว ... สีหน้าของคริสทำให้เขาเกือบจะกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่
“ไม่ชอบเหรอ ..งั้นไม่เรียกก็ได้” คริสเอ่ยเสียงอ่อน หากปลายเสียงกลับสะบัดขึ้นแบบที่ฟังออกก็รู้ว่าไม่พอใจนัก
ปกติคริสจะเป็นผู้ใหญ่ และเคร่งขรึม... หากคราวนี้ กลับกลายเป็นหนุ่มขี้งอนไปซะง่าย ๆ เพียงเพราะความเข้าใจผิดของตัวเอง
“เอ๋อก็เอ๋อ อย่ามาเอ๋อใส่ได้ปะคริสฮยอง” ชานยอลระเบิดเสียงหัวเราะออกมาในที่สุด มือเรียวยาวตบที่คอนโซลรถอย่างจริงจัง เมื่อเห็นดวงตาเขียวปัดที่หันมาค้อนขวับใส่เขา
“ตลกมากเหรอ...”
“ขอโทษ... ก็คริสฮยองมาเอ๋อใส่ผมก่อนทำไมล่ะ เอ้า ๆ ดูทางด้วยสิฮยอง ” ชานยอลรีบชี้ไม้ชี้มือให้หนุ่มรุ่นพี่ดูทางข้างหน้า เมื่อหน้าหล่อเหลาหันมามองเขาพร้อมด้วยตาคม ๆ
“พี่ไม่ได้เอ๋อซักหน่อย เรานั่นแหละที่เอ๋อ” มิสเตอร์อู๋ ฟานแก้ ก่อนสะบัดหน้ากลับไปจดจ่อกับถนนตรงหน้า
“ฮยองนั่นแหละ เอ๋อที่สุด... ”
“เรานั่นแหละที่เอ๋อ... ”
“ฮยองเอ๋อ...เอ๋อๆๆๆๆ ”
ทุ่มเถียงแบบไม่จริงจังอยู่พักใหญ่ คนตัวสูงสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันด้วยความขบขัน ... ถึงแม้ว่าชายชาวต่างประเทศจะยังไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า ‘เอ๋อ’ หากดูเหมือนคนทั้งคู่จะรับรู้ความหมายนั้นด้วยความรู้สึกของตัวเอง...
ก็คงเอ๋อกันทั้งคู่นั่นแหละ....
คู่เอ๋อ
“ฮยองเอ๋อยิ้มอะไร...” น้ำเสียงสนุกถาม ขณะที่ร่างสูงเพรียวขยับตัวมานั่งเอียงหน้าให้เขาพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส
“แล้วเด็กเอ๋อล่ะ ยิ้มอะไร” เขาถามกลับ รู้สึกถึงรอยยิ้มที่คงประดับอยู่บนใบหน้าของตัวเองอย่างชัดเจน...
ไม่ได้การล่ะ ทำไมเขาห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มเวลาอยู่กับเด็กชายจอมซนคนนี้ไม่ได้เสียทีนะ
“ยิ้มเพราะฮยองเอ๋อ”
“เจ้าเอ๋อ”
“ฮยองนั่นแหละเอ๋อ” เจ้าเอ๋อน้อยของเขายิ้มซื่อ ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น
“เอ๋อกันทั้งคู่นั้นแหละ”
TBC.
ความคิดเห็น