ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Sunflower {KrisYeol}{รวมชอตฟิคคริสยอล}

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF] Just Somebody {1st}

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 56


    1st

    The way you look at me

                   

     

     

                    สวัสดีครับ

                    ชานยอลลืมตา ประโยคทักทายสั้น ๆ ภาษาเกาหลีสำเนียงแปร่งแปลกทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้    เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อลบภาพที่ติดอยู่ในหัวมาเกินกว่าสิบนาทีออกไป  แต่ทันทีที่หันหลังกลับไป... ร่างสูงก็เซแทบตกจากรั้วที่นั่งอยู่เป็นเวลานานสองนาน    ดวงตากลมโตเบิกกว้าง.... พร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดปกติอย่างไม่น่าเชื่อ

                    เฮ้ย!!!

                    เขากระพริบตาถี่   เพื่อปรับโฟกัสให้ดวงตาของตัวเอง  คอนแทคเลนส์ที่ใส่อยู่บางทีก็ทำให้การมองเห็นผิดปกติไปบ้าง  แต่ชานยอลไม่เคยพบว่ามันจะทำให้เกิดอาการภาพหลอนขึ้นมาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้    เด็กหนุ่มภาวนาอย่างร้อนรนอยู่ในใจว่าขอให้ภาพตรงหน้าเป็นเพียงแค่ความเพ้อเจ้อของตัวเอง

                    “เอ่อ... ขอโทษครับ

                    น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า  ... สีหน้าเรียบเฉย  หากมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยกลับทำให้ชานยอลรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังหัวเราะใส่เขา   เด็กหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนกระโดดลงจากรั้ว พร้อมกับกำมือที่กำลังสั่นไว้แน่นอยู่ข้างหลังตัวเอง  

                    บ้าที่สุด.... 

                    จะบ้าหรือไงนะชานยอล   ตื่นเต้นอะไรเล่า

                    ก็แค่.... คนที่กำลังคิดถึงอยู่ มายืนอยู่ตรงหน้าก็เท่านั้นเอง

                    “มะ มีอะไร...  ถามห้วน  ชานยอลยืดตัวยืนอยู่บนบาทวิถี  อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่เข้ามาทักทาย  จมูกโด่งสวยของอีกฝ่ายโดดเด่นอยู่ในระดับสายตา  ผมสีทอง รูปหน้าเรียวยาว... และสมบูรณ์แบบแทบจะทำให้ชานยอลต้องก้าวถอยหลังด้วยความรู้สึกอาย และขาดความมั่นใจ

                    มือเรียวยาวดึงฟังออกจากหู และพยายามมองคนตรงหน้าโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกไป

                    ...            

                    “มหาวิทยาลัย M ไปทางไหนครับ

                    “หือ?

                    “คือผมเดินมาเรื่อย ๆ แล้วก็เลยลืมว่ากลับทางไหน”  คนตรงหน้าอธิบาย  น้ำเสียงตะกุกตะกักราวกับพยายามหาคำมาประกอบในประโยคอย่างจริงจัง... หากก็คล่องแคล่วกว่านักท่องเที่ยวหลายคนที่เขาเคยพบมา

                    “คนต่างชาติจริงด้วย  ชานยอลถาม  หากอีกฝ่ายตอบมาอย่างสุภาพจนชักรู้สึกถึงความก้าวร้าวของตัวเอง

                    “ใช่ครับ

                    “ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษนะ เด็กหนุ่มสวนขึ้นในทันที   จนอีกฝ่ายอมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า

                    “ผมพูดเกาหลีได้

                    อ้อ... ถอนหายใจ พร้อมกับกัดริมฝีปาก...  “พูดได้ แล้วฟังรู้เรื่องแน่นะ...  

                    ประโยคนั้นทำให้คนตัวสูง(กว่าเขา)รีบใช้มือเรียวยาวปิดปากตัวเองด้วยความขำ 

                    “เอ้า... ก็เห็นบางคนพูดได้ประโยคสองประโยค แต่พอให้ฟังกลับฟังไม่รู้เรื่องซะงั้น  ก็จะถามให้แน่ใจไง ถามไม่ได้เหรอวะ

                    “อย่าอารมณ์เสียสิครับ  ผมพูดได้ ฟังรู้เรื่อง

                    แน่ใจนะ

                    “ครับ

                    ชานยอลมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง... ใบหน้านิ่งเรียบแผ่รัศมีความเป็นผู้ใหญ่และดุดันออกมาอย่างเห็นได้ชัด   หากรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมุมปากนั้นกลับขับไล่ความรู้สึกน่ากลัวที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ นั้นออกไปได้ ...   ดวงตาคมกริบทอดมองมาที่เขาอย่างจริงจัง  จนเด็กหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะหลบสายตา   ริมฝีปากได้รูปแย้มยิ้มออกมา ...

                    สายตาที่กำลังทำให้ชานยอลรู้สึกเหมือนเป็นเด็กอายุหกขวบที่มีผู้ใหญ่มองมาด้วยความเอ็นดู

                    ผมไม่ใช่เด็กน้อยนะ!!!

                    ชานยอลตะโกนอยู่ในอกด้วยความขัดใจ...  หากไม่กล้าไม่แต่จะพูดอะไร เมื่อสายตาคู่นั้นยังคงไม่ถอนออกไปจากตาของเขา     ตาที่มีพลานุภาพและดึงดูดให้ตกเข้าไปอยู่ในวังวนประหลาดนั้นได้....

                    ให้ตายเถอะ....

                    ความรู้สึกแบบนี้...ไม่ชินเอาเสียเลย

                    ชานยอลส่ายหน้าไล่ทุกสิ่งที่กำลังรบกวนหัวใจออก 

                    “มหาวิทยาลัย M เหรอ... ความจริงก็ไม่ได้ไกลนะ  แต่ก็ไม่ได้ใกล้เลยมาได้ถึงขั้นนี้ก็เก่งแล้ว   ผมไปส่งเอาไหม ทางกลับบ้านพอดี   ว่าแต่คุณชื่ออะไร ผมชื่อชานยอล ...

                    “อู๋ ฟาน ...

                    “หือ? อู๋?.. ฟาน คนจีนเหรอ... ตอนแรกนึกว่า... ฝรั่ง... “  ชานยอลบ่นงึมงำกับตัวเอง... ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เห็นจากที่ไกล    ก็จินตนาการไปว่าอีกฝ่ายเป็นหนุ่มตะวันตกสักคน... ด้วยรูปร่างใหญ่โต และผมสีทอง ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะมีเชื้อสายไปทางนั้น ... หากพอพิจารณาใกล้ ๆ ก็พบว่าหน้าตาของชายหนุ่มก็มีเค้าโครงมาทางเอเชียทั้งสิ้น...  ตั้งแต่ปาก จมูก...ตาสีน้ำตาลเข้ม  รูปหน้า  หรือองค์ประกอบโดยรวม...

                    ให้ตายเถอะ...ยิ่งมองก็ยิ่งหยุดไม่ได้

                    ผู้ชายอะไร....มีเสน่ห์ชะมัด

                    “เรียกคริสก็ได้นะ

                    “ตกลงเป็นคนจีนหรือฝรั่ง

                    “แล้วคิดว่าผมเป็นคนที่ไหนล่ะ

                    “ถ้าให้ตอบจริง ๆ จะคิดว่าไม่ใช่คน...  ชานยอลบอกหน้าตาเฉย ...อีกฝ่ายเลิกคิ้วใส่ด้วยสีหน้าเหรอหรา    จนชานยอลกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่    เขาระเบิดเสียงดังออกมาพร้อมกับตบรั้วไปด้วย

                ตอนแรกนึกว่าจะเก็กเป็นอย่างเดียว

                    เทวดาทำหน้าเหวอ... โอ๊ยย ขำ

                คุณอยู่ตรงนี้นานหรือยัง...อู๋ ฟานไม่ว่าอะไรกับการหัวเราะแบบจริงจังแบบไม่มีที่มาที่ไปของอีกคน ... หากรอกระทั่งใบหน้าสดใสนั้นเงยขึ้นมามองเขาอีกครั้ง    ดวงตาคมกริบจับจ้องรูปหน้าที่กลมกลึงไปทุกส่วนของอีกฝ่าย  ก่อนยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ตอบกลับมา

                    “นานแล้ว...มีอะไรเหรอ

                    เรา... เคยเห็นกันใช่ไหม

                    เอ๊ะ

                    “ไม่สิ...เราเคยพบกันก่อนหน้านี้ใช่ไหม ชายหนุ่มแก้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ... น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยพร้อมกับทอดมองไปยังพื้นที่....เดียวกับที่เขาเคยมองเมื่อหลายนาทีที่ผ่านมา

                    “ผมมองเห็นคุณ... จากตรงนั้น

                    ชานยอลยืนแข็งทื่อ.... ลมหายใจขาดห้วง

                    “คุณอยู่ตรงนี้... นั่งบนรั้วนี่...หันหลังให้แม่น้ำ  แล้วก็..หันกลับมา

                    อู๋ ฟานยิ้มทั้งปาก และตา.... ร่างสูงใหญ่ขยับมายืนพิงรั้วเย็น ๆ คู่กับเขา  ชายชาวต่างชาติหลับตาพริ้ม ก่อนค่อย ๆ ลืมขึ้น

                    “แต่พอผมกระพริบตา...คุณก็หายไป

                    “ก็...น่าจะใช่   กลายเป็นชานยอลที่ต้องพูดตะกุกตะกักเอง....  แทบไม่อยากเชื่อหู.... หรือแม้กระทั่งเชื่อว่าตัวเขาเองยังมีสติอยู่ได้ ณ ตอนนี้ .... ก็คงเป็นอย่างนั้น....

                แค่เผลอกระพริบตา...ทุกอย่างก็หายไป

                    “งั้นก็หมายความว่าเราก็รู้จักกันแล้วใช่ไหม

                    “คงงั้น.... มั้ง”  น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูกวนอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก....  ชานยอลหันไปหาคนข้าง ๆ พร้อมกับสายตาที่ประสานกัน   ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง  “รู้จักก็รู้จัก

                    “ชานยอล...

                    “หือ

                    “คุณสูงนะ

                    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  ผู้ชายที่ชื่ออู๋ ฟาน ถึงกล้าพูดประโยคนั้นออกมา  เด็กหนุ่มฟังแล้วจิ๊ปาก ก่อนมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ....

                    “พูดอะไรไม่ดูตัวเองเลยเนอะ

                    ชานยอลอุตส่าห์มั่นใจตัวเองว่าสูงสุด ๆ แล้ว.... พอมาเจอคนที่สูงกว่า เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนตัวเล็กไปเลย 

                    ถึงจะสูงกว่ากันแค่ไม่เกิน 5 เซนติเมตรก็เถอะ

                    “ผมแค่รู้สึกดีใจ

                    “ดีใจยังไง

                    “คนที่พอจะสบตากันแล้วสายตามองมายังที่เดียวกัน ไม่ใช่ทุกคนนะที่จะทำได้... เข้าใจผมไหม               

                    “ยังไง

                    “ตอนที่ผมมองมา... คุณอยู่ระดับเดียวกับสายตาของผมพอดี

                    คริสเอ่ย ... ทว่าไม่ได้พูดความจริงออกไปทั้งหมดว่าระดับสายตาเดียวกันนั้น...ทำให้เขาสบตากับเด็กหนุ่มชาวเกาหลีได้แบบพอดี ....

                    “มันสำคัญมากเหรอ... เวลาที่ต้องสบตากัน

                    ชานยอลพึมพำ.... หากดังพอที่จะทำให้อีกฝ่ายได้ยิน

                    “สำคัญสิ... โดยเฉพาะคนต่างชาติอย่างผม

                    ยังไง...

                    “...บางที ผมก็ไม่เข้าใจทุกคำที่คุณพูดนะ...”  คริสยอมรับด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ  ก่อนหันกลับมาจ้องตาเขา... ด้วยสายตาที่ชานยอลเริ่มจะคุ้นชินกับมัน   “...แต่ผมเข้าใจทุกสิ่งที่อยู่ในดวงตาของคุณ

                    ชานยอลปั้นสีหน้าไม่ถูก.... ไม่รู้ว่าควรยิ้มรับ  หรือขัดเขินดีกับสิ่งที่ได้ยิน....  ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเข้าใจประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมาหรือเปล่า ...

                    เขารู้สึกเหมือนกับ.... ถูกกระชากอะไรบางอย่างออกไปจากอกจนต้องเฉไฉไปอย่างอื่น  เพื่อควบคุมให้ตัวเองเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

                    “ไปกินข้าวกันไหม... เป็นสิ่งเดียวที่ชานยอลกล้าเอ่ยมันออกไปในที่สุด

                    คนเกาหลีชวนคนไปกินข้าวง่ายๆอย่างนี้เสมอเหรอ

                    “ผมชวนในฐานะผม....ปาร์ค ชานยอล ไม่ใช่ในฐานะคนเกาหลี

                    ”ให้ผมเลี้ยงไหม

                    “บ้า..ผมเลี้ยงเอง... คริส... เลี้ยงขอบคุณ

                    ชานยอลตั้งใจว่า ต่อให้อีกฝ่ายถามว่าเลี้ยงขอบคุณเรื่องอะไร เขาก็ไม่มีทางบอก...  เด็กหนุ่มร่างสูงซ่อนยิ้มไว้ภายใต้ดวงตากลมโตที่กำลังทอประกายระยิบระยับ...

                    ทว่า ไม่มีคำถามใด ๆ ดังขึ้นมาจากชายชาวต่างชาติ...

                    บางที...เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไร

                    …..

                    แค่ใครซักคนที่เหมือนกัน ...

                    “งั้นคราวหน้า...ให้ผมเลี้ยงตอบแทนด้วยนะ

                    “หือ

                    “เลี้ยงขอบคุณเหมือนกัน

                    วินาทีนั้น... ราวกับว่าชานยอลจะเข้าใจความหมายในดวงตาคู่นั้น

                    เอ.... อืม

                    ความหมายเดียวกับที่เด็กหนุ่มกำลังคิดอยู่ในขณะนี้

     

                ขอบคุณ... ที่มองมาที่ผม

                ในเวลาเดียวกับที่ผม...มองไปที่คุณ

                                   

     

     

    TBC.






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×