คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SF] Just Somebody {1st}
1st
The way you look at me
“สวัสดีครับ”
ชานยอลลืมตา ประโยคทักทายสั้น ๆ ภาษาเกาหลีสำเนียงแปร่งแปลกทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อลบภาพที่ติดอยู่ในหัวมาเกินกว่าสิบนาทีออกไป แต่ทันทีที่หันหลังกลับไป... ร่างสูงก็เซแทบตกจากรั้วที่นั่งอยู่เป็นเวลานานสองนาน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง.... พร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดปกติอย่างไม่น่าเชื่อ
“เฮ้ย!!!”
เขากระพริบตาถี่ เพื่อปรับโฟกัสให้ดวงตาของตัวเอง คอนแทคเลนส์ที่ใส่อยู่บางทีก็ทำให้การมองเห็นผิดปกติไปบ้าง แต่ชานยอลไม่เคยพบว่ามันจะทำให้เกิดอาการภาพหลอนขึ้นมาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เด็กหนุ่มภาวนาอย่างร้อนรนอยู่ในใจว่าขอให้ภาพตรงหน้าเป็นเพียงแค่ความเพ้อเจ้อของตัวเอง
“เอ่อ... ขอโทษครับ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยช้า ... สีหน้าเรียบเฉย หากมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยกลับทำให้ชานยอลรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังหัวเราะใส่เขา เด็กหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนกระโดดลงจากรั้ว พร้อมกับกำมือที่กำลังสั่นไว้แน่นอยู่ข้างหลังตัวเอง
บ้าที่สุด....
จะบ้าหรือไงนะชานยอล ตื่นเต้นอะไรเล่า
ก็แค่.... คนที่กำลังคิดถึงอยู่ มายืนอยู่ตรงหน้าก็เท่านั้นเอง
“มะ มีอะไร...” ถามห้วน ชานยอลยืดตัวยืนอยู่บนบาทวิถี อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่เข้ามาทักทาย จมูกโด่งสวยของอีกฝ่ายโดดเด่นอยู่ในระดับสายตา ผมสีทอง รูปหน้าเรียวยาว... และสมบูรณ์แบบแทบจะทำให้ชานยอลต้องก้าวถอยหลังด้วยความรู้สึกอาย และขาดความมั่นใจ
มือเรียวยาวดึงฟังออกจากหู และพยายามมองคนตรงหน้าโดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกไป
...
“มหาวิทยาลัย M ไปทางไหนครับ”
“หือ?”
“คือผมเดินมาเรื่อย ๆ แล้วก็เลยลืมว่ากลับทางไหน” คนตรงหน้าอธิบาย น้ำเสียงตะกุกตะกักราวกับพยายามหาคำมาประกอบในประโยคอย่างจริงจัง... หากก็คล่องแคล่วกว่านักท่องเที่ยวหลายคนที่เขาเคยพบมา
“คนต่างชาติจริงด้วย” ชานยอลถาม หากอีกฝ่ายตอบมาอย่างสุภาพจนชักรู้สึกถึงความก้าวร้าวของตัวเอง
“ใช่ครับ”
“ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษนะ ” เด็กหนุ่มสวนขึ้นในทันที จนอีกฝ่ายอมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า
“ผมพูดเกาหลีได้”
“อ้อ...” ถอนหายใจ พร้อมกับกัดริมฝีปาก... “พูดได้ แล้วฟังรู้เรื่องแน่นะ...”
ประโยคนั้นทำให้คนตัวสูง(กว่าเขา)รีบใช้มือเรียวยาวปิดปากตัวเองด้วยความขำ
“เอ้า... ก็เห็นบางคนพูดได้ประโยคสองประโยค แต่พอให้ฟังกลับฟังไม่รู้เรื่องซะงั้น ก็จะถามให้แน่ใจไง ถามไม่ได้เหรอวะ ”
“อย่าอารมณ์เสียสิครับ ผมพูดได้ ฟังรู้เรื่อง ”
“แน่ใจนะ”
“ครับ”
ชานยอลมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง... ใบหน้านิ่งเรียบแผ่รัศมีความเป็นผู้ใหญ่และดุดันออกมาอย่างเห็นได้ชัด หากรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมุมปากนั้นกลับขับไล่ความรู้สึกน่ากลัวที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ นั้นออกไปได้ ... ดวงตาคมกริบทอดมองมาที่เขาอย่างจริงจัง จนเด็กหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะหลบสายตา ริมฝีปากได้รูปแย้มยิ้มออกมา ...
สายตาที่กำลังทำให้ชานยอลรู้สึกเหมือนเป็นเด็กอายุหกขวบที่มีผู้ใหญ่มองมาด้วยความเอ็นดู
ผมไม่ใช่เด็กน้อยนะ!!!
ชานยอลตะโกนอยู่ในอกด้วยความขัดใจ... หากไม่กล้าไม่แต่จะพูดอะไร เมื่อสายตาคู่นั้นยังคงไม่ถอนออกไปจากตาของเขา ตาที่มีพลานุภาพและดึงดูดให้ตกเข้าไปอยู่ในวังวนประหลาดนั้นได้....
ให้ตายเถอะ....
ความรู้สึกแบบนี้...ไม่ชินเอาเสียเลย
ชานยอลส่ายหน้าไล่ทุกสิ่งที่กำลังรบกวนหัวใจออก
“มหาวิทยาลัย M เหรอ... ความจริงก็ไม่ได้ไกลนะ แต่ก็ไม่ได้ใกล้เลยมาได้ถึงขั้นนี้ก็เก่งแล้ว ผมไปส่งเอาไหม ทางกลับบ้านพอดี ว่าแต่คุณชื่ออะไร ผมชื่อชานยอล ...”
“อู๋ ฟาน ...”
“หือ? อู๋?.. ฟาน คนจีนเหรอ... ตอนแรกนึกว่า... ฝรั่ง... “ ชานยอลบ่นงึมงำกับตัวเอง... ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่เห็นจากที่ไกล ๆ ก็จินตนาการไปว่าอีกฝ่ายเป็นหนุ่มตะวันตกสักคน... ด้วยรูปร่างใหญ่โต และผมสีทอง ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะมีเชื้อสายไปทางนั้น ... หากพอพิจารณาใกล้ ๆ ก็พบว่าหน้าตาของชายหนุ่มก็มีเค้าโครงมาทางเอเชียทั้งสิ้น... ตั้งแต่ปาก จมูก...ตาสีน้ำตาลเข้ม รูปหน้า หรือองค์ประกอบโดยรวม...
ให้ตายเถอะ...ยิ่งมองก็ยิ่งหยุดไม่ได้
ผู้ชายอะไร....มีเสน่ห์ชะมัด
“เรียกคริสก็ได้นะ”
“ตกลงเป็นคนจีนหรือฝรั่ง”
“แล้วคิดว่าผมเป็นคนที่ไหนล่ะ”
“ถ้าให้ตอบจริง ๆ จะคิดว่าไม่ใช่คน...” ชานยอลบอกหน้าตาเฉย ...อีกฝ่ายเลิกคิ้วใส่ด้วยสีหน้าเหรอหรา จนชานยอลกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เขาระเบิดเสียงดังออกมาพร้อมกับตบรั้วไปด้วย
ตอนแรกนึกว่าจะเก็กเป็นอย่างเดียว
เทวดาทำหน้าเหวอ... โอ๊ยย ขำ
“คุณอยู่ตรงนี้นานหรือยัง...” อู๋ ฟานไม่ว่าอะไรกับการหัวเราะแบบจริงจังแบบไม่มีที่มาที่ไปของอีกคน ... หากรอกระทั่งใบหน้าสดใสนั้นเงยขึ้นมามองเขาอีกครั้ง ดวงตาคมกริบจับจ้องรูปหน้าที่กลมกลึงไปทุกส่วนของอีกฝ่าย ก่อนยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงทุ้ม ๆ ตอบกลับมา
“นานแล้ว...มีอะไรเหรอ”
“เรา... เคยเห็นกันใช่ไหม”
“เอ๊ะ”
“ไม่สิ...เราเคยพบกันก่อนหน้านี้ใช่ไหม” ชายหนุ่มแก้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ... น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยพร้อมกับทอดมองไปยังพื้นที่....เดียวกับที่เขาเคยมองเมื่อหลายนาทีที่ผ่านมา
“ผมมองเห็นคุณ... จากตรงนั้น”
ชานยอลยืนแข็งทื่อ.... ลมหายใจขาดห้วง
“คุณอยู่ตรงนี้... นั่งบนรั้วนี่...หันหลังให้แม่น้ำ แล้วก็..หันกลับมา”
อู๋ ฟานยิ้มทั้งปาก และตา.... ร่างสูงใหญ่ขยับมายืนพิงรั้วเย็น ๆ คู่กับเขา ชายชาวต่างชาติหลับตาพริ้ม ก่อนค่อย ๆ ลืมขึ้น
“แต่พอผมกระพริบตา...คุณก็หายไป”
“ก็...น่าจะใช่” กลายเป็นชานยอลที่ต้องพูดตะกุกตะกักเอง.... แทบไม่อยากเชื่อหู.... หรือแม้กระทั่งเชื่อว่าตัวเขาเองยังมีสติอยู่ได้ ณ ตอนนี้ .... “ก็คงเป็นอย่างนั้น....”
แค่เผลอกระพริบตา...ทุกอย่างก็หายไป
“งั้นก็หมายความว่าเราก็รู้จักกันแล้วใช่ไหม”
“คงงั้น.... มั้ง” น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูกวนอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก.... ชานยอลหันไปหาคนข้าง ๆ พร้อมกับสายตาที่ประสานกัน ริมฝีปากคลี่ยิ้มกว้าง “รู้จักก็รู้จัก”
“ชานยอล...”
“หือ”
“คุณสูงนะ”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผู้ชายที่ชื่ออู๋ ฟาน ถึงกล้าพูดประโยคนั้นออกมา เด็กหนุ่มฟังแล้วจิ๊ปาก ก่อนมองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ....
“พูดอะไรไม่ดูตัวเองเลยเนอะ”
ชานยอลอุตส่าห์มั่นใจตัวเองว่าสูงสุด ๆ แล้ว.... พอมาเจอคนที่สูงกว่า เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนตัวเล็กไปเลย
ถึงจะสูงกว่ากันแค่ไม่เกิน 5 เซนติเมตรก็เถอะ
“ผมแค่รู้สึกดีใจ”
“ดีใจยังไง”
“คนที่พอจะสบตากันแล้วสายตามองมายังที่เดียวกัน ไม่ใช่ทุกคนนะที่จะทำได้... เข้าใจผมไหม”
“ยังไง”
“ตอนที่ผมมองมา... คุณอยู่ระดับเดียวกับสายตาของผมพอดี”
คริสเอ่ย ... ทว่าไม่ได้พูดความจริงออกไปทั้งหมดว่าระดับสายตาเดียวกันนั้น...ทำให้เขาสบตากับเด็กหนุ่มชาวเกาหลีได้แบบพอดี ....
“มันสำคัญมากเหรอ... เวลาที่ต้องสบตากัน”
ชานยอลพึมพำ.... หากดังพอที่จะทำให้อีกฝ่ายได้ยิน
“สำคัญสิ... โดยเฉพาะคนต่างชาติอย่างผม”
“ยังไง...”
“...บางที ผมก็ไม่เข้าใจทุกคำที่คุณพูดนะ...” คริสยอมรับด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ก่อนหันกลับมาจ้องตาเขา... ด้วยสายตาที่ชานยอลเริ่มจะคุ้นชินกับมัน “...แต่ผมเข้าใจทุกสิ่งที่อยู่ในดวงตาของคุณ”
ชานยอลปั้นสีหน้าไม่ถูก.... ไม่รู้ว่าควรยิ้มรับ หรือขัดเขินดีกับสิ่งที่ได้ยิน.... ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเข้าใจประโยคที่อีกฝ่ายพูดออกมาหรือเปล่า ...
เขารู้สึกเหมือนกับ.... ถูกกระชากอะไรบางอย่างออกไปจากอกจนต้องเฉไฉไปอย่างอื่น เพื่อควบคุมให้ตัวเองเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ไปกินข้าวกันไหม...” เป็นสิ่งเดียวที่ชานยอลกล้าเอ่ยมันออกไปในที่สุด
“คนเกาหลีชวนคนไปกินข้าวง่ายๆอย่างนี้เสมอเหรอ”
“ผมชวนในฐานะผม....ปาร์ค ชานยอล ไม่ใช่ในฐานะคนเกาหลี”
”ให้ผมเลี้ยงไหม”
“บ้า..ผมเลี้ยงเอง... คริส... เลี้ยงขอบคุณ”
ชานยอลตั้งใจว่า ต่อให้อีกฝ่ายถามว่าเลี้ยงขอบคุณเรื่องอะไร เขาก็ไม่มีทางบอก... เด็กหนุ่มร่างสูงซ่อนยิ้มไว้ภายใต้ดวงตากลมโตที่กำลังทอประกายระยิบระยับ...
ทว่า ไม่มีคำถามใด ๆ ดังขึ้นมาจากชายชาวต่างชาติ...
บางที...เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไร
…..
แค่ใครซักคนที่เหมือนกัน ...
“งั้นคราวหน้า...ให้ผมเลี้ยงตอบแทนด้วยนะ”
“หือ”
“เลี้ยงขอบคุณเหมือนกัน”
วินาทีนั้น... ราวกับว่าชานยอลจะเข้าใจความหมายในดวงตาคู่นั้น
“เอ.... อืม”
ความหมายเดียวกับที่เด็กหนุ่มกำลังคิดอยู่ในขณะนี้
ขอบคุณ... ที่มองมาที่ผม
ในเวลาเดียวกับที่ผม...มองไปที่คุณ
TBC.
ความคิดเห็น