ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Sunflower {KrisYeol}{รวมชอตฟิคคริสยอล}

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Sunflower 3/3

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 55


     

     

                    “ชานยอล อยู่ดี ๆ นะ  อย่ากวนคริสให้มากล่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กเชื่อฟังผู้ใหญ่ ...ส่วนคริส นายก็ดูแลน้องฉันดี ๆ ด้วย อย่าให้ไปยุ่งกับฟืนไฟ   ถ้าหนีตามฉันไปเมื่อไหร่อนุญาติให้ดุด่าว่าได้เต็มที่  ”

                “พี่โชรง!!...  ไปซื้อของทำกับข้าวแค่นี้  พูดเหมือนจะไปสักสามปี”

    “อ้าว  ก็เราชอบแอบตามพี่ไปนี่นา”

     “ความจริงน่าจะไปทั้งสามคนเลยนะ  เดี๋ยวฉันไปช่วยหิ้ว”

    “ชานยอลเพิ่งหายป่วย  เจออากาศเย็น ๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย ส่วนนายอยากมาฉลองด้วย ก็ทำงานแลกอาหารซะนะ”

    “คร้าบ คุณผู้หญิง”

                “มาเร็ว ๆ นะฮะ”

                “จ้า ..พี่ไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะชานยอล... ”

                   

     

     

                    ช่วงเวลาหัวค่ำในปลายเดือนพฤศจิกายน  

    27 พฤศจิกายน  สามปีที่แล้ว... สภาพอากาศเลวร้าย หิมะตกหนักทำให้ถนนลื่น... แท็กซี่ที่โชรงนั่งไปประสบอุบัติเหตุ   และหญิงสาวเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ.... 

                    ญาติคนสุดท้ายของชานยอลเป็นคุณป้าท่าทางจู้จี้และเจ้าระเบียบ  หลังงานศพโชรงหล่อนรับชานยอลไปเลี้ยงดูตามหน้าที่  แม้จะดูไม่เต็มใจแต่เงินค่าประกันชีวิตของพ่อแม่ชานยอลและพี่สาวก็ดึงดูดใจอยู่ไม่น้อย 

                     คริสรู้ว่าอีกฝ่ายไม่หวังอะไรนอกจากเงินที่ชานยอลมี   สุดท้ายแล้วเด็กชายตาสวย และเคยมีแต่รอยยิ้มคงไม่เหลืออะไรนอกจากความเจ็บปวด 

    และจริงอย่างที่คริสคิดเอาไว้  เพียงแค่อาทิตย์เดียวก็มากเกินพอแล้วสำหรับชานยอล                ... เด็กชายวัยสิบหกปีหนีออกจากบ้านของคนเห็นแก่ตัวพร้อมกับบาดแผลหยิกข่วนทั่วร่าง โชคดีที่ชานยอลไม่มีที่ไปจนต้องหวนกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ที่เคยอยู่กับพี่สาว ...  และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเขาคงไม่มีวันปล่อยชานยอลให้หลุดมือไปอีกแล้ว

                    เงินไม่น้อย และอิทธิพลนิดหน่อยของคริส ทำให้ญาติคนนั้นต้องยอมปล่อยมือ  และยินยอมให้เขากลายเป็นผู้ปกครองของชานยอลตามกฎหมายต่อไปจนกระทั่งชานยอลบรรลุนิติภาวะ 

                ต่อไปก็...คิดว่าพี่เป็นพี่ชายแล้วกัน  พี่รับปากโชรงเอาไว้แล้ว พี่จะดูแลเราเอง... 

                พี่คงรักพี่โชรงมากสินะฮะ ...  ถ้าพี่สาวรู้  คงดีใจมาก  ๆ เลย

    อาจเรียกได้ว่าโชคดี... ที่คริสได้มีโอกาสใกล้ชิดกับชานยอลอย่างที่ใจต้องการ

    หากโชคร้ายก็คือ ...

                    เด็กน้อยร่างบางลืมทุกอย่างในคืนนั้นไปจนหมด.... เหลือไว้แต่ความทรงจำแสนเศร้าและบทสนทนาสุดท้ายของพี่สาวตัวเองเท่านั้น 

                    ชานยอลลืมทุกอย่าง ... และฝังจำเพียงแค่เรื่องที่เขาเป็นคนรักของโชรงเท่านั้น

    คริสรู้สึกละอายใจมากเกินกว่าจะกล้าบอกเหตุผลที่เขาพาชานยอลมาอยู่ใกล้ ๆ ตัว   ไม่กล้าพอที่จะบอกว่าเพราะเขาไม่ต้องการให้ชานยอลอยู่ไกลสายตาเลยแม้แต่วันเดียว

                    คงปล่อยให้ชานยอลเข้าใจมาตลอดว่าทุกสิ่งที่เขาทำให้  เป็นเพราะความรักที่เขามีต่อโชรง....

                    กว่าจะรู้ตัว  ก็เผลอทำร้ายจิตใจชานยอลไปจนยับเยิน เพียงเพราะทิฐิที่ต้องการรักษาสัญญาของตัวเอง  และการคิดมากไม่เข้าท่า

     

     

     

     

                    “ตื่นแล้วเหรอ ”  คริสยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเปลือกตาของคนที่เฝ้ามองมาเกือบสองวันขยับเขยื้อน   หน้าซีดเผือดเพราะการหลับที่ยาวนาน  แต่ดีขึ้นกว่าวันแรกอย่างเห็นได้ชัด  เพราะวันนั้นหลังจากหมดฤทธิ์ยา ชานยอลก็กลับมาไข้สูงอีกครั้งอย่างน่าตกใจ  ถึงจุนมยอนจะย้ำแล้วย้ำอีกก็ตามว่าไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านี้ แต่เขาก็ไม่วางใจ ... จนต้องขอร้องกึ่งบังคับให้จุนมยอนพักอยู่ในบ้านจนกว่าชานยอลจะหายดี    

                    “น้ำไหม” คนป่วยลืมตาขึ้น ขยับลุกขึ้นนั่งเชื่องช้าและพยักหน้า  ชายหนุ่มช่วยประคองและวางหมอนพิงไว้ข้างหลังชานยอล  ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำพร้อมหลอดมาจ่อที่ริมฝีปากซีดแห้งแตก  “ค่อย ๆ จิบ”

                    ชานยอลใช้เวลาดื่มน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงคอที่แห้งจัดนานพอสมควร

    “ไข้ลดแล้ว   เวียนหัวไหม”

    “มะ ไม่...ฮะ” เสียงแผ่วเบาเอ่ย พลางส่ายหน้าปฏิเสธ     

                    “หิวหรือเปล่า .. พี่จะบอกมินอาให้เอาโจ๊กมาให้ ”  ร่างสูงบอกอย่างกระตือรือร้น และเตรียมลุกขึ้น หากมือที่กระตุกที่ชายเสื้อกลับทำให้เขาชะงัก   หนุ่มชาวจีนมองหน้าคนป่วยด้วยความสงสัย

                    “...”  คิ้วเข้มขมวดยุ่ง ... สีหน้าสับสน     ริมฝีปากบางสั่นระริกราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

                    “เอ้า... ทำหน้าเหมือนจำพี่ไม่ได้”        

    “ผะ... ผม... ”

    คริสเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นท่าทางว้าวุ่นของอีกฝ่าย ... ชายหนุ่มทรุดนั่งลงที่เดิมและคว้าต้นแขนทั้งสองไว้แน่น    พยายามสบตาคู่สวยค้นหาความจริง

    “ช่านเลี่ย.... จำพี่ได้หรือเปล่า ”  น้ำเสียงของคริสบ่งบอกถึงความกระวนกระวาย    ท่าทางของชานยอลดูไม่ต่างจากวันที่เด็กชายร่างบางช็อคจนหมดสติไปหลังจากเห็นร่างไร้วิญญาณของพี่สาว ... และตื่นมาอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหายไป

    “ช่านเลี่ย บอกพี่สิ”

    ตาคู่สวยกะพริบถี่.... ก่อนที่รอยยิ้มบางจะผุดขึ้นที่มุมปาก  เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง

    “พี่ฟ่าน  จำได้สิฮะ ... ” 

    คริสถอนหายใจ ... และเคาะนิ้วบนหน้าผากมนเบา ๆ   เสียงทุ้มดุเล็กน้อย หากไม่มากไปกว่าสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิดของตัวเอง

    “โล่งอก  นี่เราหลับไปนานเลยนะ... นานจนพี่กลัว”

                    “นานเท่าไหร่ฮะ...” ตาใสแจ๋วสบตากับเขานิ่ง ... สีหน้าไร้เดียงสาทำให้คริสหัวเราะเบา   เรื่องราวในอดีตลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง   จนทำให้เขาต้องเอ่ยออกไป

    “สามปีล่ะมั้ง”  

                    “นานจัง...  ” เด็กน้อยตัวโตของเขาพึมพำ  

                    “เด็กบ้า... ถ้าหลับไปสามปีป่านนี้เหลือแต่กระดูกไปแล้วมั้ง”คริสบอก ฝ่ามือซ้ายเลื่อนขึ้นไปประคองกรอบหน้ารูปไข่ที่ซูบลงไปอย่างเห็นได้ชัดอย่างอ่อนโยน ... นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบาบนริมฝีปากล่างบางนิ่ม  และบอกต่อไป “แค่นี้ก็ทำให้พี่จะบ้าตายแล้วนะ”

                    ชานยอลหลุบลงมองตามการเคลื่อนไหวของมือหนา   ก่อนจับจ้องที่ใบหน้าคมคร้าม และไรหนวดเขียวครึ้มทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายจนรู้สึกแปลกตา

                บางที... อาจจะไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ

                    ชานยอลแบะปาก...   น้ำตาพาลจะไหลอีกครั้ง

                    “พี่หายโกรธผมแล้วใช่ไหมฮะ”

                    “พี่จะโกรธเราเรื่องอะไรล่ะ ...เด็กดื้อ”  คริสโยกหัวทุยสวยเล็กน้อยและเลิกคิ้ว

                    “เรื่องที่...ผมวางแผนจะออกไปจากที่นี่” 

                    ชายหนุ่มชะงักกับคำตอบนั้น     ...   ทั้ง ๆ ที่เขาเกือบลืมไปแล้วว่าสาเหตุของการทะเลาะกันจนชานยอลล้มไปแบบนั้นเกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้  

                    “คิดดีแล้วเหรอ ...”

                    “ผม...  ไม่รู้สิฮะ” ชานยอลสูดลมหายใจ ขณะที่น้ำใส ๆ เอ่อเต็มสองตา...  “ผมไม่รู้จริง ๆ ”

                    “อยากให้พี่ห้ามหรือเปล่า”

                    “พี่ฟ่าน...”

                    “ถ้าพี่บอกว่า...อย่าไป  จะทำตามคำขอร้องของพี่หรือเปล่า” 

                    ประโยคเดียว..ชานยอลสะอื้นแรงกับประโยคนั้น และปล่อยให้ทำนบน้ำตาแตกออกโดยไม่สะกดกลั้นเอาไว้   อ้อมกอดอุ่นหนาโอบรอบตัวเขาในเวลาต่อมาพร้อมกับน้ำเสียงหนักแน่นของคริส

                    “ไม่อนุญาต... ยังไงพี่ก็ไม่อนุญาต”

                    ชานยอลสวมกอดร่างหนาเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ... นานมาแล้วที่ไม่ได้สัมผัสไออุ่นนี้  นานมาแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

                    “ขอโทษฮะ... ขอโทษ  ผมไม่ได้อยากไปไหน... ไม่เคยอยากไปจากพี่เลยสักนิด”

     “คราวหลังก็พูดสิเด็กโง่ บอกพี่สิ... ถ้าต้องการ... ก็เรียกพี่สิ...”  คริสโอบแผ่นหลังกว้าง ทว่าบอบบางกว่าที่มองเห็นเอาไว้แน่น ...  

    ชานยอลโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ 

    และคงโตพอที่จะทำให้เขาปล่อยมือจากบ่วงที่เขาตั้งใจใช้ผูกมัดตัวเองไว้ไม่ให้ทำอะไรตามใจต้องการ

    “หิวหรือยัง...”  คริสปล่อยชานยอลออกจากอ้อมกอด  และลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มอย่างอ่อนโยน ...  เด็กน้อยตัวสูงเท่าเขาแล้ว   เป็นผู้ใหญ่แล้ว...  หากดวงตากลมโตใสแจ๋วยังอ้อนเขาอยู่เสมอ    ชานยอลส่ายหน้าปฏิเสธ

    เด็กหนุ่มมองเขานิ่งครู่ใหญ่  ... ราวกับตั้งใจพิจารณาใบหน้าของเขาให้ชัดเจน    จนคริสเองก็เผลอมองหน้าอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน   เขาจึงไม่ได้เตรียมใจไว้ในยามที่ใบหน้าของชานยอลเคลื่อนไหวเข้ามาในฉับพลัน    

                    ริมฝีปากของชานยอลอยู่ห่างเขาไม่ถึงข้อนิ้วมือ    ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดแผ่ว  คริสตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจเมื่อชานยอลชะงักค้างอยู่ในกิริยานั้น   ดวงตาของเด็กหนุ่มคล้ายกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก        

                    “จริง ๆ ด้วย...”

                    “ช่านเลี่ย”

                    “ผมฝัน...”

                    เสียงทุ้มต่ำสั่น....  แขนเรียวที่คล้องโอบรอบคอเขาก็เช่นกัน    คริสมองเส้นผมของคนที่ก้มงุดอยู่ถัดจากปลายคางเขาไปเล็กน้อย  และรับฟังสิ่งที่ชานยอลพูดด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้น  

                    “วันที่พี่... พี่โชรงตาย ... พี่พูดอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ...    คืนวันเกิดของผม”

                    “ช่านเลี่ย...”

                    “พี่... ได้พูดอะไรบ้างหรือเปล่าฮะ”  ชานยอลถามย้ำอีกครั้ง  หากคราวนี้คริสกลับเชยคางมนขึ้นเพื่อมองใบหน้าอาบน้ำตาชัด ๆ และกลายเป็นฝ่ายถามกลับ

                    “จำได้... แล้วจริง ๆ เหรอ”

                    “ผม...”

                    “จำเรื่องตอนนั้นได้แล้วเหรอ” คริสคาดหวัง

    “ผมไม่รู้ว่าลืมอะไรไปบ้าง  แต่ตอนที่หลับ... อยู่ ๆ ...มันก็เข้ามาในฝัน แต่... ผมไม่แน่ใจ” ชานยอลสับสนอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่เห็นในความฝัน ...  ความทรงจำส่วนนี้ราวกับถูกตัดทิ้งไปนานจนเขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริง หรือเป็นเพียงความคิดของเขาเองฝ่ายเดียว  “ผมไม่แน่ใจ...ว่ามันเป็นแค่ฝันหรือเปล่า”

                    “แล้ว...เราฝันว่าอะไรบ้างล่ะ”  คริสเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสออก  “ลองบอกมาซิ”

                    “ผมฝัน... ว่าพี่...”   คนฝันเม้มปาก ... ภาพที่ปรากฏอยู่ในหัวทำให้เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล ...    แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดออกไป   อีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกริ่ม 

                    “จูบเรางั้นเหรอ...   กี่ครั้งล่ะ”

                    “อะ... เอ๊ะ ... ”  ชานยอลเบือนหน้าหลบแววตายิ้มได้ของคริส  ริ้วแดงฉานบนแก้มขึ้นสีเข้มขึ้น 

                    “หนึ่ง... สอง  หรือสาม ” 

                    “ไม่.. .ไม่รู้” ชานยอลหลบตา.. “ใครจะไปนับล่ะฮะ  ”

                    “ก็นั่นสินะ มันออกจะนับไม่ถ้วนซะขนาดนั้น”

                “พี่ฟ่าน!!!ชานยอลเม้มปากสนิท   แก้มยุ้ยทั้งสองอมลมจนป่อง  “พี่ในตอนนั้น...ก็ชอบยั่วผมเหมือนตอนนี้เลย”

                    คริสหัวเราะร่วน  ... มีความสุขจนอยากจะตะโกนดัง ๆ

    “แล้วไงต่อ... จำอะไรได้อีกไหม”

    คำถามนั้นทำให้เด็กหนุ่มเงียบลง ... คิ้วได้รูปขมวดเป็นปมจนนิ้วเรียวยาวเคลื่อนไปคลึงเบา ๆ เพื่อให้คลายออก 

    “หืม...”

    “พี่บอกผมว่า.. ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โชรง”  เสียงของชานยอลเบาลงเรื่อย ๆ ...

    “แล้วไงต่อ”

    “แล้ว.... ก็บอกผม...ว่า... ผมไม่แน่ใจ มัน...  ”

    เสียงกระซิบแผ่วเบาในความทรงจำดังขึ้นเรื่อย ๆ ... ชานยอลสบตาคู่ที่จ้องเขาเขม็งด้วยความรู้สึกหลากหลาย    ใบหน้าหล่อเหลาใกล้จนเขาแทบหายใจไม่ออก    เสียงหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา  แรงจนเขาอาย  ไม่อยากให้คริสได้ยินมัน

    คริสยิ้มกว้าง ... ริมฝีปากร้อนประทับลงเหนือมุมปากชานยอล  เด็กหนุ่มกลั้นหายใจ ... ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก    

    “ที่พี่มาหาทุกวัน  ที่พี่มาอยู่ใกล้ ๆ .... ก็เพราะช่านเลี่ย  ...เพราะเรา  ไม่ใช่โชรง ถูกไหม”

    “....  ฮะ”

    “แล้วพี่ก็บอกเราต่อไปอีกว่า...  จะเป็นไปได้ไหม ถ้าช่านเลี่ยเป็นผู้ใหญ่แล้ว... จะมองพี่บ้าง ”

                    “พี่ฟ่าน...”

                    “มอง...ในฐานะ คนที่จะดูแลช่านเลี่ยได้ ... คนที่จะอยู่เคียงข้างเราไปเรื่อย ๆ ” คริสพูดไปเรื่อย ๆ ดวงตาจับจ้องปฏิกิริยาบนใบหน้าสวยด้วยความตื่นตา   ก่อนถามย้ำ “ใช่ไหม...พี่พูดแบบนี้หรือเปล่า”

                    “ ฮะ” ชานยอลรับคำอย่างว่าง่าย ...  หากประกายวาววับในดวงตาบ่งบอกถึงความสงสัยมากกว่า “แล้ว... พี่ยังอยากจะทำแบบนั้นอยู่อีกเหรอฮะ”

                    “หือ”

    “พี่... ไม่อยากเปลี่ยนใจบ้างเหรอฮะ” เด็กอายุน้อยกว่ากลั้นใจพูดประโยคนั้นออกมา  คริสตกใจไม่น้อยที่ได้ยิน ... แต่สีหน้ากระวนกระวายของชานยอลกลับทำให้เขาดีใจ

    “อยากให้พี่เปลี่ยนใจหรือเปล่าล่ะ”

    เด็กน้อยตัวโตส่ายหน้าพรืด  ริมฝีปากแบะออก...  ตาใสหม่นลงไม่น้อย  

    “มาถามอะไรตอนนี้ หืม..  ให้พี่รอมาได้ตั้งสามปี ยังจะมาบอกให้พี่เปลี่ยนใจงั้นเหรอ” คริสว่าพลางดีดหน้าผากมน และโยกศีรษะได้รูปสวยไปมา

                    “ก็... เผื่อพี่อยู่กับผมแล้วอยากเปลี่ยนใจนี่ฮะ  แล้วพี่ก็... ทำเหมือนไม่สนใจผมเลยด้วย”

                    “ที่ทำแบบนั้นเพราะกลัวต่างหาก... ”  คริสแย้ง  “ เรายังเด็ก ”

                    “ผมไม่ใช่เด็กนะ!!  ผมอายุยี่สิบแล้วด้วย ” ชานยอลบอกและทำหน้ามุ่ย

     “นั่นสินะ...โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ ”   หนุ่มชาวจีนหัวเราะ  “แสดงว่าเราก็มองพี่ได้แล้วน่ะสิ ... ใช่ไหม”

                    “....ทำไมล่ะฮะ”

                    “ทำไม... อะไร?

                    “พี่ไม่รู้เหรอฮะ... ” ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก  ก้อนขม ๆ จากตะกอนของความรู้สึกที่กักเก็บไว้มานานกำลังดันขึ้นมา  “ผม... มองพี่มาตลอดนะฮะ   มองแค่คนเดียวมาตลอด ”

                    เพียงคนเดียวที่คิดถึงทุกครั้งที่ลืมตา    เพียงคนเดียว... ที่ไม่ต้องการให้ห่างสายตา

                    คนเดียวที่ทำให้เขาเกลียดตัวเองอยู่เสมอ   ....  เกลียดที่หลงรักคนที่รักพี่สาวของเขามากเหลือเกิน

                    “แต่พี่พูดถึงแต่พี่โชรง ... คิดถึงแต่พี่โชรง   ผมเลยไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง   ที่ได้อยู่ข้าง ๆ พี่แบบนี้  ก็เพราะพี่สัญญากับพี่โชรงไว้  ”  แผ่นอกเรียบสะท้านเพราะแรงสะอื้น...    รอยหม่นในดวงตาเพิ่มขึ้นเมื่อพูดถึงความเข้าใจผิดที่ผ่านมาในอดีต  “ผมก็เลยไม่รู้ ...ว่าต้องทำยังไง  พี่ถึงจะมองผมบ้าง... อยากให้มองผม   พูดถึงผม... แล้วก็รักผมเหมือนที่รักพี่สาวบ้าง  ผมเลยพยายามทุกอย่าง  ... ทำทุกสิ่งที่พี่ชอบ   เผื่อพี่จะได้มองผมบ้าง”

                    คนอายุมากกว่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ... มองหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาเปรอะแก้ม  และเลื่อนหน้าไปประทับจูบหนักหน่วงบนกลีบปากอวบอิ่ม    ฝ่ามือทั้งสองประคองใบหน้ารูปไข่ขึ้นรับสัมผัสร้อนรุ่มที่ตั้งใจสารภาพทุกสิ่งที่อยู่ในความคิดลงกับจุมพิตอ่อนหวานนี้    

                    ให้จูบนี้บอกให้ชานยอลรับรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  ไม่ใช่แค่ชานยอลเท่านั้นที่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้

                    “แล้วตอนนี้... สมหวังหรือยัง” คริสกระซิบแผ่วเบาขณะฝังจมูกลงบนเนื้อนิ่มที่พวงแก้มแดงจัด  เสียงแหบพร่าย้ำหนักทุกคำ  คางสาก ๆ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกจั๊กจี้อยู่ไม่น้อย “รู้แล้วหรือยังว่าที่ผ่านมาพี่มองใคร   แล้วคนที่พี่รักจริง ๆ คือใคร ”

                    ชานยอลพยักหน้า ... ก่อนทำใจกล้าด้วยการจูบมุมปาก

                    “หลังจากนี้ มองพี่เฉพาะเวลาที่พี่มองเรานะ ”

    “ฮะ...”  หน้าสวยเอียงมองเขาตาแป๋ว ... ไม่แตกต่างจากเด็กชายตัวน้อยที่เคยทำให้เขาหลงรักรอยยิ้มและดวงตาใสคนเดิมเลยแม้แต่น้อย 

    คริสหัวเราะ ... และเคลื่อนริมฝีปากลงไปที่ลำคอยาวระหง   ก่อนประทับร่องรอยแดงช้ำตัดกับผิวขาวสวยราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ

    ชานยอลครางหวิว... นิ้วเรียวยาวเกาะแขนเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น พร้อมกับหลับตาปี๋

    “ช่านเลี่ยมองพี่เฉย ๆ ก็พอ...”

    ชานยอลอาจเคยเป็นทานตะวันที่หันหลังให้ทั้งโลก และเลือกที่จะจ้องมองเพียงแค่พระอาทิตย์ไปตลอดชีวิต

    แต่ในวันนี้...มันไม่ใช่

                    “พ... พี่ฟ่าน”

    ใครว่าทานตะวันทำได้เฝ้ามองพระอาทิตย์อยู่เพียงผู้เดียว....

    สำหรับพระอาทิตย์ดวงนี้....

    เขาได้มอบชีวิตและหัวใจให้กับทานตะวันดอกนี้ไปนานแล้วเช่นกัน

                “เพราะต่อไปนี้...พี่จะเป็นฝ่ายทำอย่างอื่นนอกจากมองเอง”

     

     

    THE END.

     

     



    ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะคะ ;) 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×