คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Sunflower 3/3
♥
“ชานยอล อยู่ดี ๆ นะ อย่ากวนคริสให้มากล่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กเชื่อฟังผู้ใหญ่ ...ส่วนคริส นายก็ดูแลน้องฉันดี ๆ ด้วย อย่าให้ไปยุ่งกับฟืนไฟ ถ้าหนีตามฉันไปเมื่อไหร่อนุญาติให้ดุด่าว่าได้เต็มที่ ”
“พี่โชรง!!... ไปซื้อของทำกับข้าวแค่นี้ พูดเหมือนจะไปสักสามปี”
“อ้าว ก็เราชอบแอบตามพี่ไปนี่นา”
“ความจริงน่าจะไปทั้งสามคนเลยนะ เดี๋ยวฉันไปช่วยหิ้ว”
“ชานยอลเพิ่งหายป่วย เจออากาศเย็น ๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย ส่วนนายอยากมาฉลองด้วย ก็ทำงานแลกอาหารซะนะ”
“คร้าบ คุณผู้หญิง”
“มาเร็ว ๆ นะฮะ”
“จ้า ..พี่ไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะชานยอล... ”
ช่วงเวลาหัวค่ำในปลายเดือนพฤศจิกายน
27 พฤศจิกายน สามปีที่แล้ว... สภาพอากาศเลวร้าย หิมะตกหนักทำให้ถนนลื่น... แท็กซี่ที่โชรงนั่งไปประสบอุบัติเหตุ และหญิงสาวเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ....
ญาติคนสุดท้ายของชานยอลเป็นคุณป้าท่าทางจู้จี้และเจ้าระเบียบ หลังงานศพโชรงหล่อนรับชานยอลไปเลี้ยงดูตามหน้าที่ แม้จะดูไม่เต็มใจแต่เงินค่าประกันชีวิตของพ่อแม่ชานยอลและพี่สาวก็ดึงดูดใจอยู่ไม่น้อย
คริสรู้ว่าอีกฝ่ายไม่หวังอะไรนอกจากเงินที่ชานยอลมี สุดท้ายแล้วเด็กชายตาสวย และเคยมีแต่รอยยิ้มคงไม่เหลืออะไรนอกจากความเจ็บปวด
และจริงอย่างที่คริสคิดเอาไว้ เพียงแค่อาทิตย์เดียวก็มากเกินพอแล้วสำหรับชานยอล ... เด็กชายวัยสิบหกปีหนีออกจากบ้านของคนเห็นแก่ตัวพร้อมกับบาดแผลหยิกข่วนทั่วร่าง โชคดีที่ชานยอลไม่มีที่ไปจนต้องหวนกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ที่เคยอยู่กับพี่สาว ... และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าเขาคงไม่มีวันปล่อยชานยอลให้หลุดมือไปอีกแล้ว
เงินไม่น้อย และอิทธิพลนิดหน่อยของคริส ทำให้ญาติคนนั้นต้องยอมปล่อยมือ และยินยอมให้เขากลายเป็นผู้ปกครองของชานยอลตามกฎหมายต่อไปจนกระทั่งชานยอลบรรลุนิติภาวะ
‘ต่อไปก็...คิดว่าพี่เป็นพี่ชายแล้วกัน พี่รับปากโชรงเอาไว้แล้ว พี่จะดูแลเราเอง... ’
‘ พี่คงรักพี่โชรงมากสินะฮะ ... ถ้าพี่สาวรู้ คงดีใจมาก ๆ เลย’
อาจเรียกได้ว่าโชคดี... ที่คริสได้มีโอกาสใกล้ชิดกับชานยอลอย่างที่ใจต้องการ
หากโชคร้ายก็คือ ...
เด็กน้อยร่างบางลืมทุกอย่างในคืนนั้นไปจนหมด.... เหลือไว้แต่ความทรงจำแสนเศร้าและบทสนทนาสุดท้ายของพี่สาวตัวเองเท่านั้น
ชานยอลลืมทุกอย่าง ... และฝังจำเพียงแค่เรื่องที่เขาเป็นคนรักของโชรงเท่านั้น
คริสรู้สึกละอายใจมากเกินกว่าจะกล้าบอกเหตุผลที่เขาพาชานยอลมาอยู่ใกล้ ๆ ตัว ไม่กล้าพอที่จะบอกว่าเพราะเขาไม่ต้องการให้ชานยอลอยู่ไกลสายตาเลยแม้แต่วันเดียว
คงปล่อยให้ชานยอลเข้าใจมาตลอดว่าทุกสิ่งที่เขาทำให้ เป็นเพราะความรักที่เขามีต่อโชรง....
กว่าจะรู้ตัว ก็เผลอทำร้ายจิตใจชานยอลไปจนยับเยิน เพียงเพราะทิฐิที่ต้องการรักษาสัญญาของตัวเอง และการคิดมากไม่เข้าท่า
“ตื่นแล้วเหรอ ” คริสยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเปลือกตาของคนที่เฝ้ามองมาเกือบสองวันขยับเขยื้อน หน้าซีดเผือดเพราะการหลับที่ยาวนาน แต่ดีขึ้นกว่าวันแรกอย่างเห็นได้ชัด เพราะวันนั้นหลังจากหมดฤทธิ์ยา ชานยอลก็กลับมาไข้สูงอีกครั้งอย่างน่าตกใจ ถึงจุนมยอนจะย้ำแล้วย้ำอีกก็ตามว่าไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านี้ แต่เขาก็ไม่วางใจ ... จนต้องขอร้องกึ่งบังคับให้จุนมยอนพักอยู่ในบ้านจนกว่าชานยอลจะหายดี
“น้ำไหม” คนป่วยลืมตาขึ้น ขยับลุกขึ้นนั่งเชื่องช้าและพยักหน้า ชายหนุ่มช่วยประคองและวางหมอนพิงไว้ข้างหลังชานยอล ก่อนเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำพร้อมหลอดมาจ่อที่ริมฝีปากซีดแห้งแตก “ค่อย ๆ จิบ”
ชานยอลใช้เวลาดื่มน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงคอที่แห้งจัดนานพอสมควร
“ไข้ลดแล้ว เวียนหัวไหม”
“มะ ไม่...ฮะ” เสียงแผ่วเบาเอ่ย พลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“หิวหรือเปล่า .. พี่จะบอกมินอาให้เอาโจ๊กมาให้ ” ร่างสูงบอกอย่างกระตือรือร้น และเตรียมลุกขึ้น หากมือที่กระตุกที่ชายเสื้อกลับทำให้เขาชะงัก หนุ่มชาวจีนมองหน้าคนป่วยด้วยความสงสัย
“...” คิ้วเข้มขมวดยุ่ง ... สีหน้าสับสน ริมฝีปากบางสั่นระริกราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
“เอ้า... ทำหน้าเหมือนจำพี่ไม่ได้”
“ผะ... ผม... ”
คริสเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นท่าทางว้าวุ่นของอีกฝ่าย ... ชายหนุ่มทรุดนั่งลงที่เดิมและคว้าต้นแขนทั้งสองไว้แน่น พยายามสบตาคู่สวยค้นหาความจริง
“ช่านเลี่ย.... จำพี่ได้หรือเปล่า ” น้ำเสียงของคริสบ่งบอกถึงความกระวนกระวาย ท่าทางของชานยอลดูไม่ต่างจากวันที่เด็กชายร่างบางช็อคจนหมดสติไปหลังจากเห็นร่างไร้วิญญาณของพี่สาว ... และตื่นมาอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหายไป
“ช่านเลี่ย บอกพี่สิ”
ตาคู่สวยกะพริบถี่.... ก่อนที่รอยยิ้มบางจะผุดขึ้นที่มุมปาก เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนแรง
“พี่ฟ่าน จำได้สิฮะ ... ”
คริสถอนหายใจ ... และเคาะนิ้วบนหน้าผากมนเบา ๆ เสียงทุ้มดุเล็กน้อย หากไม่มากไปกว่าสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิดของตัวเอง
“โล่งอก นี่เราหลับไปนานเลยนะ... นานจนพี่กลัว”
“นานเท่าไหร่ฮะ...” ตาใสแจ๋วสบตากับเขานิ่ง ... สีหน้าไร้เดียงสาทำให้คริสหัวเราะเบา เรื่องราวในอดีตลอยเข้ามาในหัวอีกครั้ง จนทำให้เขาต้องเอ่ยออกไป
“สามปีล่ะมั้ง”
“นานจัง... ” เด็กน้อยตัวโตของเขาพึมพำ
“เด็กบ้า... ถ้าหลับไปสามปีป่านนี้เหลือแต่กระดูกไปแล้วมั้ง”คริสบอก ฝ่ามือซ้ายเลื่อนขึ้นไปประคองกรอบหน้ารูปไข่ที่ซูบลงไปอย่างเห็นได้ชัดอย่างอ่อนโยน ... นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยเบาบนริมฝีปากล่างบางนิ่ม และบอกต่อไป “แค่นี้ก็ทำให้พี่จะบ้าตายแล้วนะ”
ชานยอลหลุบลงมองตามการเคลื่อนไหวของมือหนา ก่อนจับจ้องที่ใบหน้าคมคร้าม และไรหนวดเขียวครึ้มทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายจนรู้สึกแปลกตา
บางที... อาจจะไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ
ชานยอลแบะปาก... น้ำตาพาลจะไหลอีกครั้ง
“พี่หายโกรธผมแล้วใช่ไหมฮะ”
“พี่จะโกรธเราเรื่องอะไรล่ะ ...เด็กดื้อ” คริสโยกหัวทุยสวยเล็กน้อยและเลิกคิ้ว
“เรื่องที่...ผมวางแผนจะออกไปจากที่นี่”
ชายหนุ่มชะงักกับคำตอบนั้น ... ทั้ง ๆ ที่เขาเกือบลืมไปแล้วว่าสาเหตุของการทะเลาะกันจนชานยอลล้มไปแบบนั้นเกิดขึ้นเพราะเรื่องนี้
“คิดดีแล้วเหรอ ...”
“ผม... ไม่รู้สิฮะ” ชานยอลสูดลมหายใจ ขณะที่น้ำใส ๆ เอ่อเต็มสองตา... “ผมไม่รู้จริง ๆ ”
“อยากให้พี่ห้ามหรือเปล่า”
“พี่ฟ่าน...”
“ถ้าพี่บอกว่า...อย่าไป จะทำตามคำขอร้องของพี่หรือเปล่า”
ประโยคเดียว..ชานยอลสะอื้นแรงกับประโยคนั้น และปล่อยให้ทำนบน้ำตาแตกออกโดยไม่สะกดกลั้นเอาไว้ อ้อมกอดอุ่นหนาโอบรอบตัวเขาในเวลาต่อมาพร้อมกับน้ำเสียงหนักแน่นของคริส
“ไม่อนุญาต... ยังไงพี่ก็ไม่อนุญาต”
ชานยอลสวมกอดร่างหนาเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ... นานมาแล้วที่ไม่ได้สัมผัสไออุ่นนี้ นานมาแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้
“ขอโทษฮะ... ขอโทษ ผมไม่ได้อยากไปไหน... ไม่เคยอยากไปจากพี่เลยสักนิด”
“คราวหลังก็พูดสิเด็กโง่ บอกพี่สิ... ถ้าต้องการ... ก็เรียกพี่สิ...” คริสโอบแผ่นหลังกว้าง ทว่าบอบบางกว่าที่มองเห็นเอาไว้แน่น ...
ชานยอลโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ
และคงโตพอที่จะทำให้เขาปล่อยมือจากบ่วงที่เขาตั้งใจใช้ผูกมัดตัวเองไว้ไม่ให้ทำอะไรตามใจต้องการ
“หิวหรือยัง...” คริสปล่อยชานยอลออกจากอ้อมกอด และลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มอย่างอ่อนโยน ... เด็กน้อยตัวสูงเท่าเขาแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว... หากดวงตากลมโตใสแจ๋วยังอ้อนเขาอยู่เสมอ ชานยอลส่ายหน้าปฏิเสธ
เด็กหนุ่มมองเขานิ่งครู่ใหญ่ ... ราวกับตั้งใจพิจารณาใบหน้าของเขาให้ชัดเจน จนคริสเองก็เผลอมองหน้าอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เขาจึงไม่ได้เตรียมใจไว้ในยามที่ใบหน้าของชานยอลเคลื่อนไหวเข้ามาในฉับพลัน
ริมฝีปากของชานยอลอยู่ห่างเขาไม่ถึงข้อนิ้วมือ ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดแผ่ว คริสตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจเมื่อชานยอลชะงักค้างอยู่ในกิริยานั้น ดวงตาของเด็กหนุ่มคล้ายกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
“จริง ๆ ด้วย...”
“ช่านเลี่ย”
“ผมฝัน...”
เสียงทุ้มต่ำสั่น.... แขนเรียวที่คล้องโอบรอบคอเขาก็เช่นกัน คริสมองเส้นผมของคนที่ก้มงุดอยู่ถัดจากปลายคางเขาไปเล็กน้อย และรับฟังสิ่งที่ชานยอลพูดด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
“วันที่พี่... พี่โชรงตาย ... พี่พูดอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ... คืนวันเกิดของผม”
“ช่านเลี่ย...”
“พี่... ได้พูดอะไรบ้างหรือเปล่าฮะ” ชานยอลถามย้ำอีกครั้ง หากคราวนี้คริสกลับเชยคางมนขึ้นเพื่อมองใบหน้าอาบน้ำตาชัด ๆ และกลายเป็นฝ่ายถามกลับ
“จำได้... แล้วจริง ๆ เหรอ”
“ผม...”
“จำเรื่องตอนนั้นได้แล้วเหรอ” คริสคาดหวัง
“ผมไม่รู้ว่าลืมอะไรไปบ้าง แต่ตอนที่หลับ... อยู่ ๆ ...มันก็เข้ามาในฝัน แต่... ผมไม่แน่ใจ” ชานยอลสับสนอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่เห็นในความฝัน ... ความทรงจำส่วนนี้ราวกับถูกตัดทิ้งไปนานจนเขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นความจริง หรือเป็นเพียงความคิดของเขาเองฝ่ายเดียว “ผมไม่แน่ใจ...ว่ามันเป็นแค่ฝันหรือเปล่า”
“แล้ว...เราฝันว่าอะไรบ้างล่ะ” คริสเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสออก “ลองบอกมาซิ”
“ผมฝัน... ว่าพี่...” คนฝันเม้มปาก ... ภาพที่ปรากฏอยู่ในหัวทำให้เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล ... แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดออกไป อีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกริ่ม
“จูบเรางั้นเหรอ... กี่ครั้งล่ะ”
“อะ... เอ๊ะ ... ” ชานยอลเบือนหน้าหลบแววตายิ้มได้ของคริส ริ้วแดงฉานบนแก้มขึ้นสีเข้มขึ้น
“หนึ่ง... สอง หรือสาม ”
“ไม่.. .ไม่รู้” ชานยอลหลบตา.. “ใครจะไปนับล่ะฮะ ”
“ก็นั่นสินะ มันออกจะนับไม่ถ้วนซะขนาดนั้น”
“พี่ฟ่าน!!!” ชานยอลเม้มปากสนิท แก้มยุ้ยทั้งสองอมลมจนป่อง “พี่ในตอนนั้น...ก็ชอบยั่วผมเหมือนตอนนี้เลย”
คริสหัวเราะร่วน ... มีความสุขจนอยากจะตะโกนดัง ๆ
“แล้วไงต่อ... จำอะไรได้อีกไหม”
คำถามนั้นทำให้เด็กหนุ่มเงียบลง ... คิ้วได้รูปขมวดเป็นปมจนนิ้วเรียวยาวเคลื่อนไปคลึงเบา ๆ เพื่อให้คลายออก
“หืม...”
“พี่บอกผมว่า.. ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่โชรง” เสียงของชานยอลเบาลงเรื่อย ๆ ...
“แล้วไงต่อ”
“แล้ว.... ก็บอกผม...ว่า... ผมไม่แน่ใจ มัน... ”
เสียงกระซิบแผ่วเบาในความทรงจำดังขึ้นเรื่อย ๆ ... ชานยอลสบตาคู่ที่จ้องเขาเขม็งด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใบหน้าหล่อเหลาใกล้จนเขาแทบหายใจไม่ออก เสียงหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา แรงจนเขาอาย ไม่อยากให้คริสได้ยินมัน
คริสยิ้มกว้าง ... ริมฝีปากร้อนประทับลงเหนือมุมปากชานยอล เด็กหนุ่มกลั้นหายใจ ... ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก
“ที่พี่มาหาทุกวัน ที่พี่มาอยู่ใกล้ ๆ .... ก็เพราะช่านเลี่ย ...เพราะเรา ไม่ใช่โชรง ถูกไหม”
“.... ฮะ”
“แล้วพี่ก็บอกเราต่อไปอีกว่า... จะเป็นไปได้ไหม ถ้าช่านเลี่ยเป็นผู้ใหญ่แล้ว... จะมองพี่บ้าง ”
“พี่ฟ่าน...”
“มอง...ในฐานะ คนที่จะดูแลช่านเลี่ยได้ ... คนที่จะอยู่เคียงข้างเราไปเรื่อย ๆ ” คริสพูดไปเรื่อย ๆ ดวงตาจับจ้องปฏิกิริยาบนใบหน้าสวยด้วยความตื่นตา ก่อนถามย้ำ “ใช่ไหม...พี่พูดแบบนี้หรือเปล่า”
“ ฮะ” ชานยอลรับคำอย่างว่าง่าย ... หากประกายวาววับในดวงตาบ่งบอกถึงความสงสัยมากกว่า “แล้ว... พี่ยังอยากจะทำแบบนั้นอยู่อีกเหรอฮะ”
“หือ”
“พี่... ไม่อยากเปลี่ยนใจบ้างเหรอฮะ” เด็กอายุน้อยกว่ากลั้นใจพูดประโยคนั้นออกมา คริสตกใจไม่น้อยที่ได้ยิน ... แต่สีหน้ากระวนกระวายของชานยอลกลับทำให้เขาดีใจ
“อยากให้พี่เปลี่ยนใจหรือเปล่าล่ะ”
เด็กน้อยตัวโตส่ายหน้าพรืด ริมฝีปากแบะออก... ตาใสหม่นลงไม่น้อย
“มาถามอะไรตอนนี้ หืม.. ให้พี่รอมาได้ตั้งสามปี ยังจะมาบอกให้พี่เปลี่ยนใจงั้นเหรอ” คริสว่าพลางดีดหน้าผากมน และโยกศีรษะได้รูปสวยไปมา
“ก็... เผื่อพี่อยู่กับผมแล้วอยากเปลี่ยนใจนี่ฮะ แล้วพี่ก็... ทำเหมือนไม่สนใจผมเลยด้วย”
“ที่ทำแบบนั้นเพราะกลัวต่างหาก... ” คริสแย้ง “ เรายังเด็ก ”
“ผมไม่ใช่เด็กนะ!! ผมอายุยี่สิบแล้วด้วย ” ชานยอลบอกและทำหน้ามุ่ย
“นั่นสินะ...โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ ” หนุ่มชาวจีนหัวเราะ “แสดงว่าเราก็มองพี่ได้แล้วน่ะสิ ... ใช่ไหม”
“....ทำไมล่ะฮะ”
“ทำไม... อะไร?”
“พี่ไม่รู้เหรอฮะ... ” ริมฝีปากอิ่มสั่นระริก ก้อนขม ๆ จากตะกอนของความรู้สึกที่กักเก็บไว้มานานกำลังดันขึ้นมา “ผม... มองพี่มาตลอดนะฮะ มองแค่คนเดียวมาตลอด ”
เพียงคนเดียวที่คิดถึงทุกครั้งที่ลืมตา เพียงคนเดียว... ที่ไม่ต้องการให้ห่างสายตา
คนเดียวที่ทำให้เขาเกลียดตัวเองอยู่เสมอ .... เกลียดที่หลงรักคนที่รักพี่สาวของเขามากเหลือเกิน
“แต่พี่พูดถึงแต่พี่โชรง ... คิดถึงแต่พี่โชรง ผมเลยไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง ที่ได้อยู่ข้าง ๆ พี่แบบนี้ ก็เพราะพี่สัญญากับพี่โชรงไว้ ” แผ่นอกเรียบสะท้านเพราะแรงสะอื้น... รอยหม่นในดวงตาเพิ่มขึ้นเมื่อพูดถึงความเข้าใจผิดที่ผ่านมาในอดีต “ผมก็เลยไม่รู้ ...ว่าต้องทำยังไง พี่ถึงจะมองผมบ้าง... อยากให้มองผม พูดถึงผม... แล้วก็รักผมเหมือนที่รักพี่สาวบ้าง ผมเลยพยายามทุกอย่าง ... ทำทุกสิ่งที่พี่ชอบ เผื่อพี่จะได้มองผมบ้าง”
คนอายุมากกว่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ... มองหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาเปรอะแก้ม และเลื่อนหน้าไปประทับจูบหนักหน่วงบนกลีบปากอวบอิ่ม ฝ่ามือทั้งสองประคองใบหน้ารูปไข่ขึ้นรับสัมผัสร้อนรุ่มที่ตั้งใจสารภาพทุกสิ่งที่อยู่ในความคิดลงกับจุมพิตอ่อนหวานนี้
ให้จูบนี้บอกให้ชานยอลรับรู้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ชานยอลเท่านั้นที่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้
“แล้วตอนนี้... สมหวังหรือยัง” คริสกระซิบแผ่วเบาขณะฝังจมูกลงบนเนื้อนิ่มที่พวงแก้มแดงจัด เสียงแหบพร่าย้ำหนักทุกคำ คางสาก ๆ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกจั๊กจี้อยู่ไม่น้อย “รู้แล้วหรือยังว่าที่ผ่านมาพี่มองใคร แล้วคนที่พี่รักจริง ๆ คือใคร ”
ชานยอลพยักหน้า ... ก่อนทำใจกล้าด้วยการจูบมุมปาก
“หลังจากนี้ มองพี่เฉพาะเวลาที่พี่มองเรานะ ”
“ฮะ...” หน้าสวยเอียงมองเขาตาแป๋ว ... ไม่แตกต่างจากเด็กชายตัวน้อยที่เคยทำให้เขาหลงรักรอยยิ้มและดวงตาใสคนเดิมเลยแม้แต่น้อย
คริสหัวเราะ ... และเคลื่อนริมฝีปากลงไปที่ลำคอยาวระหง ก่อนประทับร่องรอยแดงช้ำตัดกับผิวขาวสวยราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ
ชานยอลครางหวิว... นิ้วเรียวยาวเกาะแขนเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น พร้อมกับหลับตาปี๋
“ช่านเลี่ยมองพี่เฉย ๆ ก็พอ...”
ชานยอลอาจเคยเป็นทานตะวันที่หันหลังให้ทั้งโลก และเลือกที่จะจ้องมองเพียงแค่พระอาทิตย์ไปตลอดชีวิต
แต่ในวันนี้...มันไม่ใช่
“พ... พี่ฟ่าน”
ใครว่าทานตะวันทำได้เฝ้ามองพระอาทิตย์อยู่เพียงผู้เดียว....
สำหรับพระอาทิตย์ดวงนี้....
เขาได้มอบชีวิตและหัวใจให้กับทานตะวันดอกนี้ไปนานแล้วเช่นกัน
“เพราะต่อไปนี้...พี่จะเป็นฝ่ายทำอย่างอื่นนอกจากมองเอง”
THE END.
ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะคะ ;)
ความคิดเห็น