คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [01] SuperStar
Superstar
ชาวเน็ตขนานนาม “ฝาแฝดของชานยอล” ให้กับ “คริส” นายแบบหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง ในภาพถ่ายแฟชั่นสนามบินครั้งล่าสุด
ชาวเน็ตฮือฮาหลังภาพแฟชั่นสนามบินของ “คริส” หนุ่มลูกครึ่งจีน – เกาหลี สัญชาติ แคนาดา นายแบบหนุ่มสุดฮอตที่ถูกจับตาจากคนในวงการว่าจะเป็นอนาคตซุปเปอร์สตาร์คนต่อไป ได้ถูกเปิดเผยจากแฟนคลับ และถูกโพสต์เปรียบเทียบกับ ปาร์ค ชานยอล ศิลปินและนักแสดงชื่อดัง ดาวดวงใหม่แห่งวงการที่ได้รับการขนานนามว่า “ความสุขของคนทั้งประเทศ” หรือรู้จักกันในนามเจ้าชายแห่งรอยยิ้ม
ภาพดังกล่าวแสดงถึงความเหมือนกันราวกับฝาแฝดของคนทั้งสอง ด้วยรูปร่างหน้าตา ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูงที่ใกล้เคียงกัน ผมสีบลอนด์ทอง รวมไปถึงสเวตเตอร์แบบเดียวกัน และภาพที่อยู่ในมุมเดียวกัน ส่งผลให้ชาวเน็ตต่างแสดงความเห็นเกี่ยวกับภาพดังกล่าวว่า “เหมือนฝาแฝดเลย” บ้างกล่าว “ถ้ายืนคู่กันต้องคิดว่าเป็นฝาแฝดแน่ ๆ ” “อยากให้สองคนนี้ร่วมงานกันจังเลย” แสดงให้เห็นถึงความชื่นชมและสนใจในตัวนายแบบหนุ่ม แต่ชาวเน็ตบางคนกลับแสดงความเห็นว่า “นี่มันตั้งใจเลียนแบบชัด ๆ ” “อย่ามาเลียนแบบ Happy Virus ของพวกเรานะ ”
.
.
“เว้ย! ไม่เห็นจะเหมือนเลย!!! พี่ชานยอลหล่อกว่าตั้งเยอะ ชิ ข่าวบ้าบอพวกนี้ หมอนี่มันเลียนแบบสไตล์พี่ชานยอลแท้ ๆ ยังมาชื่นชมอีก ”
พยอน แพคฮยอนแยกเขี้ยวใส่หน้าจอแท็บเล็ตของตนก่อนยัดมันลงในเป้ด้วยหน้าตาบูดบึ้ง ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะอารมณ์ดีและมีความสุขทั้งวัน ให้สมกับเป็นวันของคนที่เขารักที่สุด
ใช่แล้ว...
แพคฮยอนกอดดอกไม้ช่อใหญ่ไว้ในอก ก่อนก้มหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มลงบนดอกไม้สีสวยพิจารณากลีบอ่อนบางที่เขาทะนุถนอมเป็นอย่างดี แขนบอบบางประคองช่อดอกไม้ พร้อมกับปลายนิ้วเรียวสวยที่เกี่ยวถุงใส่คุกกี้ธัญพืชครบคุณค่าทางโภชนาการที่เขาทำเองกับมือ เครื่องดื่มบำรุงกำลังยี่ห้อโปรดของพี่ชานยอล และซองจดหมายที่ติดหน้าซองด้วยแสตมป์รูปรอยยิ้ม สัญลักษณ์ของคนที่เขาเฝ้ารอ
โชคร้ายที่วันนี้แพคฮยอนติดสอบวิชาสำคัญ เขาเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมแสดงพลังของคนรักพี่ชานยอลในเวทีประกาศรางวัลประจำปีนี้ แพคฮยอนใช้เวลาในการทำใจหลังทราบตารางสอบอยู่เป็นเดือนกว่าจะทำใจได้ว่าคงไม่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Happy Syndrome ซึ่งเป็นชื่อแฟนคลับชานยอลที่ไปรวมตัวกันส่งเสียงเชียร์ศิลปินที่เขารัก โบกแท่งไฟพร้อมกับลูกโป่งยิ้มในงานนี้ งานที่แพคฮยอนเชื่อว่าพี่ชานยอลของเขาจะเด่นที่สุดในงาน
หนึ่งปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีของชานยอลอย่างแท้จริง หลังจากที่ผันตัวเองจากนักร้องเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง ชานยอลก็ได้ก้าวเข้าสู่การแสดงอย่างเต็มตัว แม้ผลงานเรื่องแรกจะไม่ได้รับบทนำ แต่บทรองที่ชายหนุ่มได้รับก็ทำให้ทุกคนในประเทศรู้จัก ปาร์ค ชานยอลชั่วข้ามคืนในฉากเปิดตัว เพราะไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์กินขาดแม้กระทั่งพระเอกยังสู้ไม่ได้ การแสดงที่เยี่ยมยอด รวมไปถึงรอยยิ้มกินใจ ยิ้มที่มาจากหัวใจ ล้วนแต่ทำให้ทุกคนในประเทศอยากรู้จักพี่ชานยอลทั้งสิ้น
จากตอนแรกที่มีเพียงแฟนคลับกลุ่มใหญ่ที่ติดตามมาตั้งแต่พี่ชานยอลเริ่มเข้าวงการ ปัจจุบัน ชื่อเสียงของพี่ชานยอลของเขาอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการ ทุกคนในประเทศเกาหลีต่างรู้จักชานยอลกันในนาม เจ้าชายแห่งรอยยิ้ม เจ้าชายแห่งความสุข หรือ Happy Virus ของแพคฮยอน
ไวรัสที่นำความสุขมาให้กับทุกคนที่เห็น
นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาชอบชานยอล นอกจากรูปร่างสมส่วนจนกลายเป็นนายแบบที่วงการซุปเปอร์โมเดลต้องการตัวที่สุดแห่งปีแล้ว หน้าตาของชานยอลยังเกินกว่าคำว่าสมบูรณ์แบบไปไกลโข ไม่ว่าจะเป็นหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตและแววตาสดใสร่าเริงที่ทำให้ทุกคนที่มองต้องเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว จมูกโด่งสวยกลมกลึง ริมฝีปากสีชมพูสวยแบบไม่ต้องพึ่งลิปสติก ผิวขาวเนียนเหมือนน้ำนม ไม่ซีดมากจนเกินไป เป็นใบหน้าที่เหมาะกับทุกทรงผม และที่สำคัญคือทั้งใบหน้าของชานยอลนั้นไม่ได้ถูกเสริมแต่งด้วยมีดหมอเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น... ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้นที่ทำให้เขาหลงรักพี่ชานยอล... แต่เพราะนิสัย และความน่ารัก โดยเฉพาะกับแฟนคลับที่ทำให้เขาหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น
หลายเดือนที่แล้วเขาต้องห่างหายไปจากการติดตามพี่ชานยอล เพราะมีสอบปฏิบัติวิชาสำคัญ กว่าจะหลุดพ้นจากวังวนที่แสนทรมานนั้นได้ก็ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน แต่การไม่ได้เจอก็ยิ่งทำให้เขาแทบจะขาดใจและอ่านหนังสือสอบไม่รู้เรื่อง แพคฮยอนจึงตัดสินใจทิ้งการทบทวนบทเรียนหนึ่งวัน และไปยืนรอพี่ชานยอลหน้าบริษัทเหมือนเคย ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่าที่เขาเลือกไปยืนรออยู่ห่างจากแฟนคลับกลุ่มอื่น ... และพบว่าศิลปินที่เขารักใช้วิธีหลอกล่อแฟนคลับเพื่อเข้าบริษัทในประตูอื่นพอดี
สาบานว่าแพคฮยอนไม่ได้ตั้งใจเลยแม้แต่น้อย... เขาเหนื่อยที่จะไปยืนเบียดกับสาว ๆ พวกนั้น และเพียงต้องการเสี่ยงดวงดู แต่ไม่คิดว่าทุกอย่างจะบังเอิญขนาดนี้
พี่ชานยอลสวมแว่นดำ ใส่เสื้อยืดสีเทาลายจุด และกางเกงยีนส์ตัวเก่งที่ชอบใส่บ่อย ๆ ผมสีบลอนด์ทองสลวยไม่ได้ดัดลอนเหมือนที่ชอบทำ ริมฝีปากสีชมพูสดตัดกับผิวสีน้ำนม เป็นลุคที่แพคฮยอนไม่ค่อยได้พบ และทำให้เขาช็อคไปในทันทีที่เห็น
หล่อ... ออร่าวิ๊งค์ ๆ มาดแมน และเท่ที่สุดในโลก
พื้นที่ว่างเปล่านั้นไม่มีใครเลยนอกจากเขา แต่โชคร้ายที่วันนั้นเขาไม่ได้พกอะไรติดตัวไปเลย เมื่อไม่มีทั้งกล้องและของขวัญ แพคฮยอนจึงตัดสินใจยืนมองพี่ชานยอลก้าวฉับ ๆ เคียงข้างกับผู้จัดการหน้าโหดที่ชาว Happy syndrome ทุกคนกลัว ความตกใจกับลุคใหม่ของพี่ชานยอลทำให้เขายืนนิ่งแทบเป็นใบ้ และมองคนร่างสูงทั้งสองผ่านไปโดยไม่ได้ทักทายหรือแสดงอาการตื่นเต้นดีใจ แพคฮยอนต้องขอบคุณตัวเองที่นิ่งเสียจนเป็นเป้าให้พี่ชานยอลมองเห็น และหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าเขา
ศิลปินที่รักของเขาไม่มีแม้แต่ความลังเลหรือเกรงใจแรงกระตุกจากผู้จัดการมาดเข้ม ร่างสูงใหญ่ยืนสง่าผ่าเผยเบื้องหน้าของแพคฮยอน เสียงทุ้มต่ำกระซิบถาม ด้วยรอยยิ้มสดใสแบบที่เขาเคยมองอยู่ไกล ๆ ... แต่คราวนี้มาอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ
‘เรา...ชื่อแพคฮยอนใช่ไหม... ’
‘คะ...ครับ’ เขาจำได้ถึงร่างที่แข็งทื่อของตัวเอง ....ริมฝีปากของเขาสั่นระริกจนแทบไม่มีเสียงออกมา
ตลอดระยะเวลาที่ติดตามเป็นแฟนคลับของพี่ชานยอล เขาส่งจดหมายไปให้ชายหนุ่มแทบนับไม่ถ้วน แม้จะยื่นให้เองกับมือบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายอ่านมัน ... หรือแม้แต่จำได้ว่าเขาชื่ออะไร
แต่พี่ชานยอลจำได้....จำหน้าตาของเขา หรือแม้กระทั่งเนื้อหาที่เขาเขียนลงไปได้
‘ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะ ... แล้วเจอกัน พยอนแพค ’
“ชานยอลฮยอง”
แค่คิดถึงตรงนี้ แพคฮยอนก็ต้องปิดปากตัวเอง พร้อมสะกดใจและสูดลมหายใจเข้าอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตก พี่ชานยอลของเขามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจจนทำให้เขาต้องควบคุมหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึง
ถึงแม้จะดูประหลาดอยู่ไม่น้อยที่ผู้ชายคนหนึ่งจะชื่นชอบศิลปินที่เป็นผู้ชาย แต่แพคฮยอนรัก และภูมิใจในตัวพี่ชานยอลเกินกว่าจะเขินอายทุกครั้งที่เขาบอกใคร ๆ ว่า
เขาเป็น “แฟนบอย” ของพี่ชานยอล!!!
“ผมรักพี่ครับ...”
เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงใส ก่อนกุมหน้าเขิน และคว้าสมาร์ทโฟนขนาดพอดีมือขึ้นมาติดตามข่าวสารอีกครั้ง เขาตัดสินใจที่จะรอฟังผลทีเดียวหลังงานจบ จะได้ไม่ต้องตกใจหลายครั้ง นิ้วเรียวสวยเลื่อนไปมาบนหน้าจอไม่กี่ครั้ง ตาเล็กรีก็ต้องเบิกกว้าง พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง
ผลประกาศรางวัล...
“เจ้าชายแห่งรอยยิ้ม ปาร์ค ชานยอล ดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการแสดงกวาดรางวัล นักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ขวัญใจชาวอินเทอร์เน็ต ดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามากที่สุด และ.... นักแสดงสมทบยอดเยี่ยมแห่งปี”
ริมฝีปากเขาสั่น ขณะอ่านข่าวที่ถูกเขียนบนเว็บสำนักข่าวที่เชื่อถือได้ และระเบิดเสียงของความดีใจดังลั่น
“เย้ พี่ชานยอล... พี่ชานยอลเก่งที่สุด!!”
.
.
“ชานยอลอปป้า!!”
แพคฮยอนสะดุ้งสุดตัว ...เสียงกรีดร้องแว่วจากที่ไหนซักแห่งทำให้เขาผุดลุกขึ้นพร้อมกับเก็บอุปกรณ์สื่อสารในทันที มือทั้งสองกระชับช่อดอกไม้และของขวัญในมือ สัญชาตญาณของแฟนคลับทำงานอย่างรวดเร็ว พอ ๆ กับสัญชาตญาณของตัวเอง แพคฮยอนหันซ้ายหันขวา ตรงหน้าเขาเป็นที่จอดรถก็จริง แต่ศิลปินส่วนใหญ่มักไม่ขึ้นรถกันแถวนี้ แพคฮยอนยืนอยู่ห่างจากแฟนคลับกลุ่มใหญ่พอสมควร แต่อยู่ ๆ การเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาต้องขยับตัวและพุ่งตรงไปหลบอยู่ที่รถสีดำคันเล็ก
ทว่า เสียงกระซิบกระซาบกลับทำให้แพคฮยอนก้าวออกมาราวกับโดนสะกดจิต เสียงทุ้มต่ำกำลังออดอ้อนคนข้างกายพร้อมเขย่าท่อนแขนแข็งแรงไปด้วย
“จงอินน่า... สักหน่อยก็ไม่ได้เหรอ ”
“ไม่ได้!!! ... ” หน้าคมหันไปตวาดพร้อมแกะมือศิลปินในความดูแลออกอย่างไม่ไยดี
“แต่พวกเค้ามารอตั้งนานนะ”
“ห่วงตัวเองบ้างได้ไหม งานคราวก่อนถูกข่วนจนเลือดซิบแล้วยังไม่เข็ดอีกเหรอปาร์ค ชานยอล!!”
“หึ....อ๊ะ ... เย้!”
เด็กหนุ่มร่างบอบบางยืนตัวแข็งอีกครั้ง เมื่อร่างสูงใหญ่หันมาสบตากับเขา ตาสองคู่ประสานกันชั่ววินาที ก่อนที่รอยยิ้มสดใสร่าเริงจะแย้มออก พร้อม ๆ กับขายาวที่วิ่งตรงมาที่เขาแทบจะในทันที จนผู้จัดการหน้าโหดที่อยู่ข้าง ๆ สบถแรง
“ชานยอล!! นายนี่มัน”
“เห็นไหมจงอินนายสับขาหลอกไม่สำเร็จหรอก นี่น่ะแฟนพันธุ์แท้ของฉันเลย ”
“ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ ชานยอล!”
“แบร่ ..” ชานยอลลอยหน้าลอยตา และแลบลิ้นให้คนเสียงดุอย่างกวน ๆ ก่อนหันกลับมาก้มตัวลงเล็กน้อย เพื่อยิ้มกว้าง ๆ ให้กับคนตัวเล็กกว่า ... ขณะที่แววตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับจนแพคฮยอนรู้สึกแสบตา ร่างสูงอยู่ในชุดสูทเรียบหรูดูดีกว่าที่เคยดูดีอยู่แล้วประมาณหนึ่งร้อยเท่า เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับคนตรงหน้าเป็นเทวดาที่มาปรากฏตัวเพราะการอธิษฐานของเขา
“รู้ได้ไงเนี่ยว่าผมออกทางนี้ ” น้ำเสียงตื่นเต้นดังขึ้น ริมฝีปากสีชมพูสวยแย้มขึ้นอวดฟันสีน้ำนมขาวเรียงเป็นระเบียบ ทุกอย่างสว่างสดใสราวกับแพคฮยอนกำลังยืนรับพระอาทิตย์ในยามเช้า ทั้ง ๆ ที่รอบกายนั้นมืดสลัว
“คะคะ...คือ” แพคฮยอนก้มหน้าก้มตามองปลายเท้าตัวเองพูดตะกุกตะกัก รู้สึกชาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงหน้า แต่ดอกไม้ที่ทิ่มจมูกก็ทำให้เขานึกขึ้นมาได้ คนตัวเล็กยืดตัวสูง และยื่นออกไปให้คนตรงหน้าพร้อมเสียงดังฟังชัด “เดาครับ แล้วก็...นะ...นะนี่ครับ... ยินดีด้วยนะครับพี่ชานยอล”
เจ้าของร่างสูงใหญ่เบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ... และยกนิ้วโป้งให้ร่างบอบบางอย่างจริงใจ
“แทบัก!!!”
“ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!!! ปาร์คชานยอล”
ทันทีที่ชานยอลยื่นมือมารับของทั้งหมดไป หนุ่มร่างใหญ่กำยำก็คว้าแขนยาวลากไปยังรถส่วนตัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าชานยอลจะยังฝืนตัวไม่ยอมตามไปก็ตาม แต่ร่างกายที่แข็งแรงกว่าก็ทำให้ศิลปินที่แสนร่าเริงของแพคฮยอนถูกพาไปขึ้นรถได้ในที่สุด ถึงกระนั้นมือขององค์ชายแห่งรอยยิ้มของเขาก็ยังคงโบกไปมาอย่างบ้าคลั่งหลังประตูรถที่ไคดันไว้ไม่ให้เปิดออก และตวาดห้ามปรามกิริยาของศิลปินในความดูแลพร้อมกับใบหน้าบึ้งตึง
แพคฮยอนมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก กระทั่งเจ้าของใบหน้าคมคร้ามและผิวสีแทนเข้มก้าวฉับ ๆ มาหยุดตรงหน้าเขา พร้อมกับน้ำเสียงคาดโทษ
“เธอก็ด้วย อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอสะกดรอยตามชานยอลมา คิดว่าทำหน้าซื่อตาใสแล้วชานยอลจะใจอ่อนไม่เอาเรื่องอะไรใช่ไหม”
“เอ๊ะ?”
“จำไว้ ...ถ้าคราวหน้าทำให้ชานยอลเดือดร้อนอีกฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ เจ้าตัวแสบ”
เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง... ยืนมองคนที่ใส่ร้ายเขาขึ้นรถไปด้วยความงุนงง เป็นที่ขึ้นชื่อในหมู่แฟนคลับว่าผู้จัดการของพี่ชานยอลโหดและดุมาก ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา คำพูด รวมไปถึงการใช้กำลัง ฝ่ามือแข็งแกร่งไม่เคยลังเลที่จะปัดป้องคนที่เข้ามาใกล้พี่ชานยอลของเขาด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“ไอ้เมเนหน้าโหด!!!” แพคกำมือแน่น กัดปากตัวเองและกระทืบเท้าเพื่อระบายอารมณ์ ถ้าไม่ติดว่าพี่ชานยอลอยู่ในรถนั้นด้วย เขาคงจะตะโกนด่าหมอนั่นให้เสียหมาเลยแน่ ๆ
รถเคลื่อนผ่านเขาไปอย่างช้า ๆ ... แพคฮยอนตั้งใจเงยหน้ามองคนที่รักแม้เพียงแวบเดียวก็ยังดี แต่คนในรถกลับไม่คิดเช่นนั้น เพราะกระจกใสถูกเลื่อนลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับใบหน้าแป้นแล้นที่ยื่นออกมานอกรถและเสียงร่าเริง
“พรุ่งนี้เจอกันนะ พยอนแพค ... ”
“ชานยอล!!!”
ชานยอลส่งท้ายเสียงตวาดของจงอินด้วยรอยยิ้มหวาน และมือที่โบกไปมา แพคฮยอนอึ้ง และใช้เวลานานพอดูกว่าที่จะรู้ตัวว่าควรทำอะไร แต่นั่นก็ทำให้รถสีดำเคลื่อนหายไปจากสายตาแล้ว
พี่ชานยอล...
“คะคะคะ คร้าบบ” แพคฮยอนตะโกนสุดเสียง แม้จะรู้ว่าคนที่อยากให้ฟังไม่ได้ยินก็ตามที
พยอนแพค.... อีกครั้ง
ยิ่งกว่าฝัน...ยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น
พี่ชานยอลจำเขาได้จริง ๆ
พี่ชานยอลของเขาน่ารักที่สุดในโลก
***************
“มากเกินไปแล้วนะ”
คิม จงอินกระแทกเสียงบอกคนที่กำลังสาละวนกับการขยับเบาะให้เหมาะกับขายาว ๆ ของตน ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาและยิ้มหน้าบาน
“ช่าย... วันนี้ได้รางวัลตั้งเยอะเลย ถ้าแบกกลับต้องลำบากแน่ ดีนะที่ท่านประธานช่วยขนถ้วยรางวัลกลับ” ดาวรุ่งในค่ำคืนนี้เอ่ยหน้าตาเฉย จนจงอินต้องหันไปพร้อมกับแววตาดุดัน
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
“อ้าวเหรอ... ว้า ก็นึกว่าคุยเรื่องเดียวกัน ” ชานยอลบอกยิ้ม ๆ ก่อนทำท่าบิดขี้เกียจ “นายน่ะซีเรียสเกินไป แฟนคลับเค้าก็ต้องอยากอยู่ใกล้ศิลปินเป็นเรื่องธรรมดา เห็นใจเค้าบ้างสิ”
จงอินอยากจะหัวเราะให้กับคนที่พูดราวกับตัวเองเป็นแฟนคลับเสียเอง ชายหนุ่มถอนหายใจแรง และบอกด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“แล้วไอ้รอยแผลทั้งหลายแหล่บนตัวนายนั่นมันเกิดมาจากอะไรล่ะ ไม่ใช่พวกแฟนคลับบ้าคลั่งพวกนั้นที่มาหยิกข่วนนายเหรอชานยอล... ”
“ก็นาน ๆ ครั้ง คุณลู่หานยังไม่ว่าเลย ท่านบอกว่าดีเสียอีก ร่างกายมีแผลบ้างจะได้ดูเซ็กซี่สมชายชาตรี”
ชานยอลอมยิ้มเมื่อเอาคำของเสี่ยว ลู่หาน หรือที่พวกเขาถูกบังคับให้เรียกว่าคิม ลู่หาน หนุ่มชาวจีนที่ย้ายมาอยู่ประเทศเกาหลีเป็นการถาวรมาอ้าง แม้จะรู้ดีว่าจงอินนั้นไม่ค่อยอยากจะฟังประธานหนุ่มคนเก่งที่หน้าเด็กเสียจนหลายคนคิดว่าเด็กม.ปลาย แต่แท้จริงแล้วอายุเกือบ ๆ สามสิบเท่าไหร่ก็ตามที
‘คนแบบนั้นทำให้บริษัทนี้อยู่มาได้ยังไงกันนะ ... ’
จงอินบ่นอุบเสมอทุกครั้งที่ได้รับคำสั่งจากคนหน้าเด็ก ที่มักบอกเสมอว่า ‘ไม่ต้องคิดมากน่า สบาย ๆ เข้าไว้ ’
ชานยอลเองก็เคยสงสัยเช่นเดียวกับจงอินว่าชายคนนั้นบริหารงานมาอย่างไร บริษัทต้นสังกัดของเขาจึงกลายเป็นต้นสังกัดศิลปินที่มีผลกำไรสูงสุดต่อเนื่องกันมากเกินกว่าสามปีแล้ว ทั้ง ๆ ที่เจ้าของนั้นติดนิสัยรักสบาย ไม่ค่อยสนใจแข่งขันทางธุรกิจ หรือผลกำไรมากเท่าไหร่
“นายยังจะเชื่อผู้ชายที่เอาแต่พูดจาภาษาดอกไม้ วัน ๆ วิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นตลอดเวลานั่นอยู่เหรอ ” จงอินส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “แต่นายต้องระวังนะ เดี๋ยวนี้ซาแซงแฟนน่ากลัวจะตาย อุบัติเหตุเมื่อเช้านั่นก็...”
“จงอิน!” ชานยอลขัด เอามือปิดหูและทำหน้ามุ่ย “เลิกบ่นซะทีเหอะ อุบัติเหตุทางรถยนต์มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ... ไม่เกี่ยวกับแฟนคลับของฉันหรอกน่า”
“จะต้องให้ฉันลงไปชี้เลยไหมว่าแฟนคลับคนไหนที่แอบตามเฝ้านายอยู่หน้าบ้านจนถึงในโรงพยาบาล แล้วคนที่อยู่ในรถคันที่เบียดรถพวกเราจนเกือบเป็นศพกันทั้งคันนั่นเป็นใคร นายจะได้ตาสว่างซักทีว่าแฟนคลับนายเป็นคนดีใสซื่อมีเจตนาบริสุทธิ์เหมือนนายไปทุกคน”
จงอินพูดแบบโกรธ ๆ อุบัติเหตุเมื่อเช้าทำให้เขาโกรธจนแทบอยากฆ่าคน อยู่ ๆ แท็กซี่คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาตีคู่รถของเขาด้วยความเร็วสูง มิหนำซ้ำภายในรถคันนั้นยังมีใครสักคนยกกล้องถ่ายพวกเขาอย่างจงใจ
ผู้ชายตัวเล็ก ... ผมสั้น หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม
เนื่องจากพยายามบังคับรถเต็มที่ ผู้จัดการหนุ่มจึงสังเกตได้เพียงเท่านี้ และหลังจากนั้นไม่นาน จงอินก็ไม่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้ จนต้องปล่อยให้รถเสยฟุตบาธ ก่อนที่แท็กซี่เจ้าปัญหาจะขับหนีไปอย่างไร้ร่องรอย โดยที่เขาไม่ทันแม้แต่จะดูเลขทะเบียน
โชคดีที่เข็มขัดนิรภัยทำงานได้อย่างดี และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ที่สำคัญไม่มีตำรวจหรือแม้แต่แฟนคลับคนใดที่อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนชานยอลผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตัวเองคือไม่ต้องการให้พื้นที่ข่าวมีแต่เรื่องส่วนตัวมากไปกว่าผลงาน ไม่อยากให้สื่อ หรือแม้แต่ลู่หานเองก็ตามรู้เรื่องนี้ ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์จึงไม่มีพาดหัวถึงอุบัติเหตุดังกล่าว
“นายก็มองโลกในแง่ร้ายเกินไป ตอนนี้ฉันก็ไม่เป็นอะไรซักหน่อย ”
“แล้วถ้ามันเป็นขึ้นมาล่ะ”
“ก็คงเพราะฉันดวงซวยเองล่ะมั้ง เงียบเหอะน่าจงอิน เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ฉันไม่อยากอารมณ์เสียตอนไปเจอคุณแม่หรอกนะ ... ”
“หึ... Happy Virus อารมณ์เสียเป็นด้วยเหรอ” จงอินเลิกคิ้ว และถามพลางกลั้นหัวเราะ
“เป็นเพราะนายนั่นแหละ กัมจง” ชานยอลเรียกอีกฝ่ายด้วยฉายาที่ใช้เรียกกันมานานปี และย่นจมูกให้กับคนขับ
“ขอบใจที่ทำให้รู้ ” ไคเคาะนิ้วกับพวงมาลัย ก่อนขยับไปหมุนโวลลุ่มเปิดเพลงเบา ๆ ที่ชานยอลชอบฟังตอนนั่งรถให้อย่างรู้ใจ “หลับก่อนก็ได้นะ ถึงแล้วจะเรียก”
“ป่านนี้คุณแม่จะหลับหรือยังน้า ... ” ชานยอลเปรย ก่อนหลับตาลงตามที่ผู้จัดการสุดโหดของแฟนคลับเขาเสนอ เจ้าของร่างสูงโปร่งหดขาตัวเองขึ้นมาอยู่บนเบาะ และขดตัวราวกับเด็กน้อย
“คงนั่งดูข่าวตอนนายได้รางวัลแล้วอวดคุณพยาบาลอยู่ล่ะมั้ง”
“ฮ่า ๆ นั่นสินะ ...แต่คุณแม่ต้องงอนแน่ที่ไม่ได้เอาถ้วยรางวัลไปให้ดู เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปหาคุณลู่หานแต่เช้าแล้วไปโรงพยาบาลกันเนอะ พรุ่งนี้นายต้องตื่นเช้า ๆ แล้วมารับฉันด้วยนะ ... เอ๊ะ หรือจะไปค้างบ้านนายดี”
“ตามสบายเถอะคร้าบ” จงอินตามใจ ก่อนตวัดเสื้อคลุมตัวใหญ่ใกล้มือไปคลุมอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้ฝูงชนที่ยืนห้อมล้อมอยู่ข้างนอกทางออกเห็น ผู้จัดการหนุ่มเคลื่อนรถออกมาอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต เพราะบางครั้งจะมีแฟนคลับบางกลุ่มหรือบางคนที่ไม่ห่วงชีวิตตัวเองเอาเสียเลยมาขวางรถ แม้กระทั่งเข้ามาเคาะกระจกรถเพื่อเรียกศิลปินโดยไม่สนใจมารยาท หรือแม้แต่ความปลอดภัยของตนเอง
“นี่”
ชานยอลหันมองเจ้าของผิวสีเข้ม และดึงเสื้อขึ้นมาจนถึงจมูก ... เหลือเพียงดวงตากลมโตใสแจ๋วที่จับจ้องไปยังสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด
“หือ”
“ฉันว่า การมีตัวตนอยู่ในชีวิตใครสักคนมันเป็นเรื่องดีนะ ... โดยเฉพาะคนที่รักเราแบบไม่มีข้อแม้น่ะ นายไม่คิดว่างั้นเหรอ....ไค”
เจ้าของชื่อหันขวับไปยังต้นเสียง ดวงตายิ้มได้มองมาที่เขา
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกชื่อนี้”
“ทำไม มีปัญหาเหรอครับเมเนเจอร์อปป้า” ชานยอลหัวเราะสดใส ล้อเลียนด้วยน้ำเสียงคล้ายกับที่แฟนคลับสาว ๆ ของเขามักเรียกอีกฝ่ายเสมอ “แล้วระหว่างแฟนคลับกับแอนตี้แฟนนายเลือกอย่างไหนล่ะ”
“นายก็มองโลกในแง่ดีอยู่เรื่อย ... “
“มองโลกในแง่ดี จะได้เห็นแต่อะไรดี ๆ ไง... นายมองโลกในแง่ร้าย เห็นแต่อะไรร้าย ๆ ก็เลยไม่มีความสุขซะที ” ชานยอลอธิบาย
“มีความสุขเกินไปก็ไม่ดีนะ ...” จงอินแย้งพร้อมกับส่ายหน้า “ถ้าวันนึง นายต้องเจอความทุกข์...นายจะรับมือกับมันลำบาก”
ดาราดาวรุ่งเลิกคิ้ว ... ฝ่ามือหนาดึงเสื้อคลุมลงมาคลุมแค่คอ
“แย่จัง... ไหนทุกคนบอกว่าฉันเป็นแฮปปี้ไวรัสยังไงล่ะ ... ทำไมกับนายฉันถึงทำให้ยิ้มไม่ได้ซะทีนะ ” เจ้าตัวบ่นอุบ
“พยายามต่อไปนะ Happy Virus ”
ชานยอลฟังแล้วอมลมจนแก้มป่อง ... ก่อนเอ่ย
“แม่ฉันบอกว่า ไม่มีใครเห็นรอยยิ้มของฉันแล้วไม่หลงรักหรอก ... นายว่าจริงไหม”
จงอินเลิกคิ้ว ... พลางนึกถึงน้ำเสียงเย็น ๆ และสายตาอ่อนหวานของหญิงวัยกลางคนท่าทางอ่อนแอและน่าทะนุถนอมที่เฝ้าบอกให้ลูกชายคิดแต่แง่ดี ทุกสิ่งบนโลกในสายตาของชานยอลจึงล้วนแล้วแต่สวยงามและน่าสนใจทั้งสิ้น แต่นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชานยอลกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีไปพร้อม ๆ กับความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างรุนแรงด้วย...
พูดกันตรง ๆ ก็คือคนหลงตัวเองนั่นเอง
“จริงมั้ง..” จงอินแค่นหัวเราะ...
“แล้วแม่ก็บอกว่า ใครที่ได้หลงรักฉันนะ ไม่มีใครหรอกที่จะไม่มีความสุข นายว่าจริงไหม?”
“อือ... น่าจะจริง” คนเป็นผู้จัดการตอบส่ง ๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนที่จะแตะเบรกจนแทบหัวทิ่มไปทั้งสองคนเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของคนข้างกาย
“ถ้างั้น... นายมาหลงรักฉันเอาไหม”
“ปาร์ค ชานยอล!!!!”
“ดูนายทำหน้าสิ ฮ่าๆๆๆ” ชานยอลหัวเราะลั่น “นายจะได้มีความสุขไง อุตส่าห์หวังดี“
“สนุกมากหรือไง ” จงอินถามด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน
ดาราดาวรุ่งตีขาตัวเองและระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่ห่วงภาพพจน์ตัวเอง
“สนุกสิ ...ตลกดีจังเลย จงอินอปป้า”
จงอินนึกอยากจะโกรธคนที่ชอบล้อเลียนเขานัก ... แต่สุดท้ายก็โกรธไม่ลงเมื่อเห็นตาคู่ใสที่เต็มไปด้วยประกายวาววับ ไร้เดียงสาของอีกฝ่าย
“แต่ช้าแต่จงอินอปป้า... อย่าโกรธน้า”
“พักผ่อนซะ... ถึงโรงพยาบาลแล้วจะบอก”
“คร้าบ” ดาราหนุ่มยิ้มกว้างสดใสให้เขาอีกครั้ง และทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้ที่ปรับให้เอนลงโดยไม่เกี่ยงงอน เวลาพักผ่อนของชานยอลมีค่ามาก แม้จะห้านาทีหรือสิบนาทีบนรถเขาก็จำเป็นต้องใช้เวลานั้นให้คุ้มค่าที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่งานจะเลิกและได้พักจริง ๆ
.......
เสียงครางของแอร์ดังแผ่วเบาพอ ๆ กับเสียงลมหายใจของชานยอล
สายตาดุดันในดวงตาคมอ่อนลง เมื่อเหลือบมองไปยังคนที่หลับตาปี๋แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มละไมอยู่บนใบหน้า
จงอินรู้สึกอยากขอบคุณคุณแม่ของชานยอลที่ได้ให้กำเนิดคนที่นอนขดอยู่ข้าง ๆ และเลี้ยงมาด้วยความรัก จนกระทั่งชานยอลกลายมาเป็น Happy Virus ผู้ที่ส่งความสุขให้กับทุก ๆ คนที่เห็นจนถึงตอนนี้
หญิงวัยกลางคนพูดถูก
รอยยิ้มของชานยอลทำให้ทุกคนหลงรัก และคนที่หลงรักชานยอลก็ไม่มีใครที่จะไม่มีความสุข
“คิดถึงเตียงนอนจังเลยเนอะ... ” เสียงทุ้มต่ำบ่นงึมงำ จนจงอินส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างอ่อนใจกับพฤติกรรมราวกับเด็กสามขวบ
“คืนนี้นอนบ้านฉันก็ได้”
“แทบัก!” เด็กสามขวบร่างยักษ์ร้องอย่างดีใจ .. และหลับตาพริ้มภายใต้เสื้อคลุมตัวโต
ปล่อยให้จงอินมองภาพนั้นด้วยสายตาที่ทอประกายลึกซึ้ง
แล้วใครบอกล่ะ...ว่าอยู่กับนายแล้วฉันไม่มีความสุข
ชานยอล
*************
ชานยอลรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในโลกที่มีเพียงแค่สีขาวและปุยนุ่น ปลายเท้าของเขาแตะลงบนพื้นที่อ่อนนุ่ม พร้อม ๆ กับรอยยิ้มของสตรีคนหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาในสายตา
แม่ครับ...
ชานยอลขยับตัว และรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ เขาทรุดตัวลงบนเก้าอี้ และมองมารดาที่เอนหลังบนเตียง พร้อมกับยิ้มบาง ฝ่ามือหนาโอบรอบนิ้วเรียวสวยบอบบางของหญิงวัยกลาง ก่อนเอียงหน้าซบกับฝ่ามือขาวสะอาดนุ่มนิ่มนั้นเหมือนเคย
“ไหนยิ้มให้แม่ดูอีกทีซิ”
“ผมก็ยิ้มให้แม่ดูทุกวันอยู่แล้วนี่ฮะ” เขาเงยหน้าขึ้นด้วยสายตาคำถาม
“ก็แม่อยากเห็นอีกนี่นา ...”น้ำเสียงเย็น ๆ เอ่ยช้า แม้จะแหบพร่า หากชัดเจนและทำให้ชานยอลหัวเราะเบา ก่อนยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันทุกซี่
“แม่อยากให้ชานยอลยิ้ม อยากเห็นชานยอลมีความสุขไปทุกวัน”
“แค่อยู่กับแม่ ผมก็มีความสุขแล้วฮะ ...”
“ชานยอล..”
“ฮะ”
"ยิ้มเข้าไว้นะชานยอล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกต้องเข้มเข็งและยิ้มเข้าไว้”
ยิ้มของเขาคลายลงเล็กน้อย ... ดวงตาคู่สวยของมารดาทอดมองประสานกับเขาลึกซึ้ง ชานยอลลุกขึ้นโผเข้ากอดเอวเล็กบางในชุดโรงพยาบาลและซุกหน้าลงบนอกนิ่มราวกับเด็กน้อย
“เมื่อคืนแม่เข้าไปอ่านในอินเตอร์เน็ต ... เค้าบอกว่ารอยยิ้มของลูกแม่เป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าประทานมาให้”
“คราวหน้าผมจะบอกทุกคนว่าพระเจ้าคนนั้นก็คือแม่นั่นเอง” เด็กน้อยบอกด้วยใบหน้าแป้นแล้น จนมารดายิ้มกว้างไม่ต่างกัน หญิงร่างบางโอบตัวลูกชายไว้ พร้อมกับกระซิบแผ่วเบา
“ต้องมีความสุขนะลูก... ต้องมีความสุขให้มาก ๆ มีความสุขเผื่อเด็กคนนั้นด้วย”
“ฮะ? ” ชานยอลขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“จำได้ไหม... เรื่องที่แม่เคยบอกลูกไปเมื่อคราวก่อน”
ชายหนุ่มขยับตัวออกจากอ้อมกอด ... ความนัยจากประโยคนั้นของมารดาทำให้เขาแตะวัตถุที่ห้อยอยู่บนคออย่างเผลอไผล สายตาของเขาเต็มไปด้วยคำถาม หญิงวัยกลางคนแย้มยิ้มบาง และพยักหน้า
“ใช่จ้ะ”
ชานยอลกลืนน้ำลายที่แห้งจนเหนียวลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกอึดอัดแทรกผ่านเข้ามาอัดทับกันอยู่ในอก ริมฝีปากได้รูปสั่นเล็กน้อยขณะเอ่ยเบา
“คงดีนะฮะ ถ้าเขา... ”
“ยิ้มไว้นะลูก... ยิ้มเผื่อเขาด้วยนะ”
“ฮะแม่...”
“ถ้ามีโอกาส... ถ้าลูกมีโอกาส ... แม่ฝากให้ลูกนำความสุขไปให้เขาด้วยนะ ชานยอล”
มือเรียวบางลูบศีรษะของเขาอย่างนุ่มนวล ... รอยยิ้มอ่อนหวานทำให้ชานยอลซุกตัวกอดมารดาอีกครั้ง... อ้อมกอดอบอุ่นทำให้เขาอยากจะหลับตา...
และจมอยู่ในห้วงนิทราไปให้นานที่สุด
“ได้.... ได้ฮะ ผมจะพยายามฮะ”
.
.
.
“ได้ครับ....ครับ ฝากด้วยนะครับ”
ชานยอลขยับตัวอย่างไม่ค่อยสบายตัว เปลือกตาของเขาค่อย ๆ เปิดออก ...ได้ยินเสียงจงอินกระซิบเบาราวกับกลัวว่าเขาจะได้ยิน ถึงกระนั้นก็ตามด้วยหน้าที่การงานได้ทำให้ชานยอลกลายเป็นคนหลับง่าย และตื่นง่ายโดยแทบไม่รู้สึกงัวเงียอะไรเลย
“จงอิน... “
“อ๊ะ ... แค่นี้นะครับ ” ผู้จัดการหนุ่มวางโทรศัพท์ลง และหันมาหาคนตัวสูงที่กำลังบิดขี้เกียจด้วยหน้าตื่น ๆ
“ถึงนานหรือยัง..ทำไมไม่ปลุกล่ะ”
“เพิ่งถึงเมื่อกี้.. กำลังจะปลุกพอดี โอเคหรือยัง...น้ำหน่อยไหม” คิม จงอินเอื้อมไปหยิบขวดน้ำมายื่นให้คนที่เพิ่งตื่นเหมือนที่เคย ใบหน้าที่รอยยิ้มไม่เคยจางหายหันมาที่เขาพร้อมกับดวงตาสดใส
“ขอบใจ”มือเรียวยื่นมือไปรับน้ำมาเปิดดื่มในทันที ชั่วอึดใจน้ำทั้งขวดก็หมดลงอย่างเรียบร้อย ชานยอลมองรอบ ๆ ตัวและพบว่าทั้งสองกำลังอยู่ในที่จอดรถของโรงพยาบาล
“กี่โมงแล้วเนี่ย...ป่านนี้คุณแม่หลับไปแล้วมั้ง โทรหาคุณพยาบาลก่อนไหมว่าคุณแม่หลับหรือยัง ถ้าหลับแล้วเราก็กลับบ้านก่อนดีกว่าเนอะ” ชายหนุ่มยกนาฬิกาในมือขึ้นดู และครุ่นคิด หากสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจงอินกลับทำให้เขา
“มีอะไรหรือเปล่า... ”
“ฉัน... โทรถามแล้วล่ะ”
“อา.. ดีเลย” ชานยอลพยักหน้าเมื่อได้ยิน เขาไม่แปลกใจนักกับคำบอกนั้น เพราะรู้ดีว่าจงอินรู้ใจเขาแทบจะทุกอย่าง หากสีหน้าลำบากใจของอีกฝ่ายกลับทำให้หัวใจของเขากระตุกอย่างไม่มีสาเหตุ
...
“เกิดอะไรขึ้น...”
จงอินโกหกคนไม่เก่งเช่นเดียวกับเขา... ชานยอลรู้จักคนที่กำลังนั่งนิ่ง ก้มหน้ามองโทรศัพท์ของตัวเองมาตลอดชีวิต ... ดาวรุ่งในค่ำคืนนี้แบะปาก ... สูดลมหายใจเข้าไปในปอดอย่างยากลำบาก
เนิ่นนานกว่าที่จงอินจะเอ่ยปาก... นานพอดูกว่าที่ชานยอลจะรู้ว่าตัวเองกำลังกลั้นลมหายใจของตัวเองเอาไว้
“ไค.. ”
“คุณน้าอยู่ในห้องไอซียู”
......
...
“แล้วก็...ทำใจไว้หน่อยก็ดี...”
***************
ในที่สุด...
ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ... ดวงตาสีนิลสนิทยังคงมองนิ่งอยู่ที่เป้าหมายเดิม เหมือนที่มองมาตลอดหลายนาทีที่ผ่านมา ร่างสูงใหญ่ยังคงยึดผนังสีขาวไว้เป็นอาณาเขตส่วนตัวและยืนกอดอกด้วยท่าทางสบาย ๆ ปลายนิ้วสัมผัสวัตถุเย็นเยียบในอุ้งมือพร้อม ๆ กับจ้องมองไปในดวงตาของใครอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เช่นเดียวกับความจริง... ที่อยู่ไม่ไกล
เขาเตรียมพร้อมมาตลอด... รอมาตลอด...
รอเวลาที่จะได้พูดคำนี้
“ไม่คิดบ้างหรอ ว่าทำไมเราถึงคล้ายกันขนาดนี้
คุณก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะครับ...
ปาร์ค จีเฮ
***********
TBC.
ความคิดเห็น