ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Sunflower {KrisYeol}{รวมชอตฟิคคริสยอล}

    ลำดับตอนที่ #12 : [SF]Eyes on Me | 1/2 |

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 56


         Eyes on me     

     

    Kris   &  Chanyeol

     

    คงดีกว่านี้ ถ้าเจ้าของดวงตาที่คุณรักจะเป็นผม  

    ....ไม่ใช่เขา

     

     

     

     

     

     

     

     

    -1.-

     

                “ชานยอล.....  ชานยอล

                ได้ยินพี่ไหม   ได้ยินพี่หรือเปล่า”

                แรงกระแทกอัดร่างของผมจนลอยลิ่ว.... กระดูกทั้งร่างแทบแหลกละเอียด  หัวก็ปวดจนอาจจะระเบิดออกมาได้ในไม่ช้านี้   แสงสีแดงจัดสว่างจ้าจนผมแสบตา  น้ำตาที่เอ่อล้นช่วยดูแลน้ำตาของผม  หากมันกลับทำให้หนักจนไม่อาจลืมขึ้นมารับรู้ภาพใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะแทนที่ด้วยความมืด

                ผมพยายามอ้าปากเพื่อร้องเรียกใครบางคน...  แต่กลับไม่สามารถทำได้  

                    เจ็บเหลือเกิน... เจ็บจนทนไม่ไหว  

                “ชานยอล... พี่ขอโทษ  ได้ยินพี่หรือเปล่า กลับมาหาพี่เถอะ”

                เสียงนั้น....มาจากไหน    เสียงทุ้มนุ่ม อ่อนโยน กระวนกระวาย... และเจ็บปวด

                ใครกัน....  เสียงนั้น

                “ชานยอล....”

                คุณเรียกใครอยู่

                ชานยอล....  ใครเหรอครับ

     

               

    -2.-

     

                ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ ตัว ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างขวาง แต่จัดพื้นที่ใช้งานได้เป็นสัดส่วน เฟอร์นิเจอร์สีโทนมืดทำให้ห้องดูเคร่งขรึมไม่ต่างจากคนที่ยืนเด่นอยู่กลางห้องด้วย  ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของเขาทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกโกรธ... 

                หรือบางทีเขาอาจกำลังโกรธผมจริง ๆ ก็ได้....

                ผมไม่กล้าสบตาเขา...ทำได้เพียงแค่มองโน่นมองนี่  เพื่อไม่ให้ตัวเองว่างจนเกินไป  แต่ยิ่งมองเท่าไหร่ ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่มีอะไรที่สะดุดสายตาเลยแม้แต่น้อย  

                ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่สะดุดตาเขา

                “นี่ห้องของเรา... เราอยู่ด้วยกัน  เตียงฝั่งนั้นของนาย  ส่วนฝั่งนี้ของพี่”  เสียงทุ้มแหบห้าวของคนที่อยู่เบื้องหลังผมอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน 

                “คุณ...  รู้จักผมจริง ๆ ใช่ไหม”

                “ชานยอล”

                “อยู่ ๆ ผมก็คิดไม่ออก... ผมไม่รู้ว่าผมเป็นใคร แล้วทำอะไรอยู่ที่นี่ ผม.... ไม่รู้อะไรซักอย่าง”

                “นายยัง...กลัวพี่อยู่ไหม”

                เสียงของเขาสั่น และแหบพร่า ราวกับกำลังประหม่า  ยิ่งมองไปที่ดวงตาของเขา.... ผมยิ่งรับรู้ถึงความเจ็บปวด  เขาเจ็บเพราะผมใช่หรือเปล่า....  เพราะสิ่งที่ผมเป็นอยู่

                เพราะความทรงจำที่ผมเคยมี  มันหายไปหมดแล้ว  ทั้งที่เกี่ยวกับตัวผมเอง  และเกี่ยวกับเขา

                ผมส่ายหน้า...  แม้จะรู้ตัวดีว่ากำลังโกหก    ภายในหัวของผมว่างเปล่า..ว่างเกินไปจนรู้สึกกลัว

                กลัวทุกอย่างที่เกิดขึ้น   

                “คุณดีกับผมขนาดนี้ ผมจะกลัวได้ยังไงล่ะครับ  คุณ..เอ่อ พี่..ฟ..ฟ่าน” ผมพยายามทำเสียงสดใส... แต่ดูเหมือนมันจะหลอกความคิดของผมไม่ได้ 

                “งั้นเหรอ”

                เสียงของเขาเบาลง...  ราวกับไม่รู้จะพูดอะไร  แม้ผมจะรู้สึกผิด  แต่ก็ไม่อาจพูดสิ่งใดออกไปเพื่อปลอบเขาได้ เพราะแม้แต่ชื่อเขา...ผมก็ยังไม่มั่นใจนักว่าพูดถูกหรือเปล่า   

                เขา แนะนำตัวเองว่าชื่ออู๋  อี้ฟาน อายุ 27 ปี  และบอกกับผมว่า...ให้ผมเรียกเขาว่าฟ่าน เพราะฟ่านเป็นชื่อผมมักจะเรียกแบบนั้นอยู่เสมอ  เขาเป็นคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษและเกาหลีได้ดี  ใบหน้าของเขาหล่อเหลา... เครื่องหน้าคมชัดโดดเด่น  ตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผมฟื้นขึ้นมาและอยู่ที่โรงพยาบาล  นางพยาบาลมากหน้าหลายตามักจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแลผมแทบจะทุกชั่วโมง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมาดูหน้าเขามากกว่า

                ครั้งแรกที่มองตัวเองหลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วมองแขนขาที่ยาวเก้งก้างภายใต้เสื้อผ้าของโรงพยาบาล ผมรู้สึกว่าผมคงเป็นผู้ชายที่สูงเอามาก ๆ  แต่กลับกลายเป็นว่า เขาเสียอีกที่สูงกว่าผม แม้จะห่างกันไม่ถึงคืบ...แต่ร่างกายของเขาก็ใหญ่กว่าผมมาก  หลังและไหล่ของเขากว้าง พอ ๆ กับฝ่ามือที่หนากว่า 

                “นายชอบมาตามติดพี่... ชอบวิ่งมาหาพี่ ชอบซื้อนักเกตมาให้ ชอบมาวุ่นวายกับพี่ มันนานเสียจนพี่ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่... แต่ถ้านับจริง ๆ เราก็คบกันมาสองปีแล้ว”

                คบกัน  ในความหมายของเขาก็คือ... ผมกับเขา มีความสัมพันธ์ที่มากกว่าพี่น้อง...หรือเพื่อน

                “พี่...เป็นแฟนผมเหรอ  ผู้ชายน่ะเหรอ”

                 เขาพยักหน้า... ผมไม่กล้าถามว่าเขาโกหกหรือเปล่า  แต่สีหน้าของเขากังวล และเครียดมากจนผมรู้สึกเสียใจ    ดวงตาสีดำสนิทของเขามองเข้ามาในตาของผมราวกับพยายามถามอยู่ตลอดเวลาว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันจริงไหม...

                ถึงผมจำอะไรไม่ได้เลย  แต่ผมรับรู้ความรู้สึกของเขาได้ 

                อี้ฟานเจ็บและเสียใจ...  

                “ถ้านายกลัว... บอกพี่นะ  แต่อย่าหนีไปไหน” 

                ผมหันไปมองเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล  ขอบตาของเขาแดงก่ำ... ไหล่ของเขาสั่นเทา แม้แต่น้ำเสียง...ก็ยังสั่นจนทำให้หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะ  

                “ขอร้องนะ...ชานยอล”  

                ถึงผมจำอะไรไม่ได้เลย... แม้แต่ชื่อของตัวเอง แต่การได้ยินคำว่า ชานยอล ที่ดังจากปากของเขา... กลับทำให้ผมรู้สึกคุ้นอย่างน่าประหลาด

                ผมก้มหน้างุด มองพื้นข้างล่างและพึมพำบอกเขา

                “ผมขอโทษ” 

     

    -3.-

     

                “ให้ผมช่วยไหมฮะ”

                ผมมองการเคลื่อนไหวที่เก้งก้างของเขาหน้าเตาด้วยความกังวล  และเอ่ยออกไปเป็นครั้งที่สาม

                “ไม่ได้เด็ดขาด  นายจำอะไรไม่ได้เลย... ของพวกนี้มันอันตรายนะ”

                เขากำลังทำอาหารเช้าให้ผมเป็นครั้งแรก วันนี้เป็นวันอาทิตย์ และวันแรกที่อี้ฟานไม่ได้ไปทำงาน  แม่บ้านที่ส่งอาหารให้ประจำลาป่วย  อี้ฟานจึงตัดสินใจทำอาหารเช้าง่าย ๆ สำหรับสองคนให้ผมและเขา  แต่ดูท่าทางเขาจะไม่คล่องเอาเสียเลย  ผมพยายามอาสาเพื่อช่วยเหลือ  เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับห้องครัวไม่ใช่น้อย  แต่เขาก็ส่ายหน้า  และปฏิเสธผมอย่างไร้เยื่อใย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้คล่องแคล่วอะไรเลย

                ดูเหมือนเขาพยายามจะทำไข่ดาว.... แต่ไข่ของเขาก็ระเบิดและไหม้เสียหายไปแล้วเกินสามฟอง

                อี้ฟานยังคงพยายามต่อไป...เช่นเดียวกับผม ที่พยายามห้ามใจไม่ให้เอ่ยปากขอช่วยเหลืออีกครั้ง

                ผ่านมาเจ็ดวันสำหรับการใช้ชีวิตเงียบ ๆ ของพวกเรา  ผมยังคงจำอะไรไม่ได้  ส่วนอี้ฟานก็เงียบยิ่งกว่าเงียบ... ทุกคืนเขามักจะหอบผ้าห่มกับหมอนไปนอนที่โซฟาในห้องรับแขก และปล่อยให้ผมนอนอยู่ในห้องคนเดียวเสมอ  เช้าตรู่เขาถึงจะเข้ามาเปลี่ยนชุดในห้อง   บอกลาผมแล้วจึงออกไปทำงาน เจ็ดโมงครึ่งจะมีแม่บ้านมาส่งอาหารให้ผมสำหรับสองมื้อ  ตกเย็น แฟน ผู้เงียบขรึมถึงจะกลับมาและพาเผมออกไปกินข้าวข้างนอก

                “นายจำอะไรได้บ้างหรือยัง...”                

                น้ำเสียงของเขาคาดหวัง...  กระนั้นผมก็ยังคงส่ายหน้า  เขานิ่งเงียบไปทุกครั้งที่ได้คำตอบ

                “ขอโทษนะฮะ”

                ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เราพูดคำว่า ขอโทษ กันบ่อยจนผมรู้สึกเกลียดมันตะหงิด ๆ ทั้งผมและเขาต่างขอโทษกันและกัน...

                ขอโทษซ้ำ ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำผิด

                ผมเดาว่า....อาจเพราะว่าเราสองคนต่าง กลัว ว่าจะเผลอทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้  เพราะผมเองก็รู้สึก ทุกครั้งที่ถามอะไรเขาไปมากกว่าสองประโยค.... หัวใจของผมมันจะเต้นเร็วขึ้น พร้อม ๆ หัวที่ปวดจี๊ดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุราวกับกำลังลงโทษที่ผมพูดมากเกินไป

                ตัวผมในอดีตอาจจะไม่ชอบพูดมากก็ได้  หรือไม่... ตัวผมในอดีต อาจจะกำลังบอกผมว่า  อี้ฟานไม่ชอบคนพูดมาก

                “ขอโทษนะที่พี่พูดไม่ค่อยเก่ง” ประโยคนี้เช่นกันที่เขามักบอกผมเสมอ ตามมาด้วยการหลบตา....  ไม่ใช่ผมอีกต่อไปที่เป็นฝ่ายกลัวที่จะมองเขา  แต่เขาเองกลับไม่ยอมมองหน้าผมอีกต่อไป ผมเสียใจที่กลายเป็นแบบนี้... ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่ผมก็จำอะไรไม่ได้  ผมพยายามค้นหาร่องรอยที่จะสะกิดเตือนความทรงจำของผมให้กลับคืนมา แต่มันก็มีเพียงเอกสารสำคัญเกี่ยวกับตัวผม ของใช้ส่วนตัว บัตรนักศึกษาปีสี่หนังสือที่ผมเคยชอบ ไอพอดที่มีเพลงที่ผมน่าจะชอบ เครื่องดนตรีสองสามชนิดที่วางอยู่มุมห้องแล้วผมยังไม่กล้าแตะต้อง... ด้วยเหตุผลที่ผมเองก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่กล้าถามว่าใครเป็นเจ้าของ หรือกลัวที่จะแตะต้องมันก็ไม่อาจบอกได้

                ผมมองตามร่างสูงใหญ่ที่กำลังยกจานสองใบที่มีอาหารเช้าของเราอยู่  แล้วแอบมองใบหน้าที่มันเยิ้มไม่ต่างจากไข่และไส้กรอกในจานนั้น  ก่อนกลั้นหัวเราะ

                “พี่ทำไม่เก่งเท่าไหร่  ขอ...”

                “ขอโทษนะ”  ผมพูดออกไปอัตโนมัติ พร้อมกับยิ้มกว้าง “ขอโทษผมเยอะ ๆ ถ้าผมไม่ยกโทษให้จะทำยังไงล่ะฮะ”

                พริบตานั้น... อี้ฟานยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็ง  ผมหยุดหัวเราะ แล้วจึงเม้มปากสนิท  ความกลัวเกาะกินหัวใจอีกครั้ง

                เขาไม่ชอบหรือเปล่า

                “พี่ฟ่าน... ก...โกรธผมเหรอฮะ”

                อี้ฟานวางจานอาหารเช้าคล้ายคนกำลังหมดแรง แล้วจึงส่ายหน้า   หากสีหน้ายังคงเรียบสนิท   ดวงตาของเขาวูบไหว... แต่ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร

                “เกลียดผมเหรอ ...ม... ไม่ชอบผมหรือเปล่า”

                เขายังคงส่ายหน้า   แต่กลับเป็นผมที่เริ่มลนลาน

                ผมกลัว.... ไม่รู้ว่ากลัวอะไร  

                แต่สีหน้าแบบนั้น  มันทำให้ผมกลัว

                “ถ้าผมพูดมาก ๆ แบบนี้ พี่จะเกลียดผมไหม....แล...แล้ว....”

                ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว... เร็วจนผมไม่อาจตั้งตัวได้   ฝ่ามือใหญ่ของเขาคว้าเอวผมไป พร้อมกับริมฝีปากที่ปิดลงมา  ผมคิดอะไรไม่ออก  ไม่กล้าผลักไส ...หรือแม้แต่ตอบรับอะไรกับสิ่งที่เขาทำ เนื้ออุ่นร้อนบดเบียดปากของผมจนแทบจะหลอมละลาย ราวกับกำลังสูบลมหายใจของผมออกไป ผมเหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม  แล้วล่องลอยด้วยแรงดันจากเขาที่ชักชวนให้ผมโบยบินไปตามจูบนั้น  ร่างของผมอ่อนลง   จนเขาขยับพาผมไปชิดกับโต๊ะรับประทานอาหาร  เขายกสะโพกอ่อนแรงของผมขึ้นวางบนนั้น  แล้วจึงผละออกจากริมฝีปากผม  แล้วจึงกอดผมนิ่ง   ใบหน้าของเขาซบอยู่บนไหล่  เสียงสั้น ๆ ทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก

                “พี่ขอโทษ...” เขาพูดเสียงเบาหวิว...  “พี่.... กลัวตัวเอง”

                อยู่  ๆ  น้ำตาของผมหยดลงอาบแก้ม... ความวูบโหวงในช่องท้องทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังหายใจไม่ออก  ตัวผมกำลังสั่น...  แต่สมองของผมกลับไม่รับรู้อะไรเลย...  สิ่งที่ได้ยิน กำลังทับถมอยู่ในช่องว่างของความทรงจำที่ขาดหาย  หัวใจกำลังเต้นกับทุกการกระทำ  ทุกความรู้สึกที่พรั่งพรูออกมา

                แม้จะจำอะไรไม่ได้....แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของอี้ฟาน

                “พี่..กลัวว่าจะทำให้นายร้องไห้  กลัวจะทำให้นายหนีไปอีก  กลัวว่า... จะทำให้นายต้องเจ็บ”

                เขาอดทนแค่ไหน... เจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเห็นผมเจ็บ  ต้องรอนานแค่ไหนกว่าผมจะฟื้นจากการหลับที่ยาวนานเพราะอุบัติเหตุ และต้องกระวนกระวายแค่ไหนที่ต้องเห็นผมฟื้นขึ้นมาโดยที่จำอะไรไม่ได้เลยแบบนี้

                อี้ฟานบอกผมในวันที่ออกจากโรงพยาบาลว่า... เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานโดยไม่มีครอบครัว ก่อนที่จะพบผม

                ส่วนผม.... เลือกที่จะทิ้งทุกคนในครอบครัวเพื่อมาอยู่กับเขา  ทั้งที่ยังเรียนไม่จบ... ทั้งที่ไม่มีอะไรแม้แต่อย่างเดียว  การคบกับมนุษย์เงินเดือนธรรมดา ๆ ไร้ความก้าวหน้าในชีวิต  และการคบกับคนต่างชาติ  ยังไม่ร้ายแรงท่าการคบกับผู้ชาย 

                ความผิดของชานยอลคนนี้ใหญ่หลวงจนไม่ได้รับการให้อภัย  พ่อและแม่โกรธผมมากจนไม่ยอมรับการติดต่อใด ๆ โดยเฉพาะจากอี้ฟาน

                นิ้วนางของผมสวมแหวนเงินเรียบ ๆ ไร้ลวดลายสลักเสลา   ....ของเขาก็เช่นกัน

                สองปีก่อน...  ผมยังเป็นแค่นักศึกษาปีสอง ส่านเขาอายุ 25 ปีเพิ่งทำงานได้แค่ปีกว่า ๆ แต่เรากลับตกลงแต่งงานกันเงียบ ๆ ที่ริมฝั่งแม่น้ำฮัน  มีสายลมเย็นโบกสะบัดเป็นบาทหลวง   มีไอเย็นจากแม่น้ำเป็นพยาน  และมีจูบแทนคำสาบาน 

                ผมรับฟังแล้วอดคิดไม่ได้ว่าชานยอลคนนั้น...ช่างโง่ชะมัด

                ทิ้งทุกอย่าง.. เพื่อความรักอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน

                “พี่ขอโทษ... พี่กลัวว่าพวกเขาจะพานายจากไป”

                ผมเป็นเจ้าชายนิทราอยู่เกือบเดือน... ก่อนจะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่ขาดหายไป  แต่อี้ฟานกลับไม่กล้าแจ้งข่าวนี้ให้กับครอบครัวของผม  เพราะรู้ดีว่า...หากทุกคนรับรู้เรื่องนี้  ทุกอย่างจะจบลง

                ผมที่จำอะไรไม่ได้เลย...ก็จะจากเขาไปตลอดกาล

                ครอบครัวของเขาก็คือผม  ส่วนครอบครัวของผม ก็คือเขา

                ตลอดสองปีที่ผ่านมาเราสองคนเป็นหนึ่งเดียวกัน  กระทั่งวันนี้....

                วันที่ครึ่งชีวิต  ... คนที่ครอบครัวของอี้ฟานหายไป....

                ทุกอย่างเป็นเพราะผม....

                มีแค่ผม....ที่ไม่รู้อะไรเลย       

                “พี่รักนาย... ชานยอล  ได้ยินไหม.... พี่รักนาย”

                วันนี้... เราจูบกันอีกหลายครั้ง  อี้ฟานราวกับคนหลงทางในทะเลทรายที่กำลังกระหายน้ำ   เขากอดผมแน่น... และจูบผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทบไม่ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ  ราวกับกำลังทดแทนสิ่งที่เขาต้องการทำมานานแสนนาน

                แม้หัวใจของผมจะเต้นแรงจนแทบกระโดดออกมานอกอก  แต่ผมเองก็ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างที่เขาต้องการ ดวงตาของเขาเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืน  มืดมิด..ลึกล้ำ  แต่ดึงดูดให้ผมตกอยู่ในภวังค์

                ความทรงจำของผมว่างเปล่า

                แต่ความรู้สึกที่ได้รับจากการกระทำของอี้ฟาน... กลับเปี่ยมล้น จนแทบทะลักออกมา   

                “ชานยอล... ชานยอล”  เขาเรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา  ราวกับต้องการเรียกคนที่ซ่อนอยู่ข้างในตัวผมให้กลับคืน

                อยู่ ๆ .... ผมก็รู้สึกอิจฉา

                เขารัก ชานยอล คนนี้มากขนาดไหนนะ

     
     

    TBC.

    (ตอน 2/2 น่าจะอัพเย็น ๆ หรือค่ำ ๆ นะคะ ;)

    ชอบหรือไม่ชอบ ติดแท็กได้นะคะ  #ฟิคeyesonme 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×