ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เมื่อต้องอยู่คนเดียว
ตอนที่ 13 เมื่อต้องอยู่คนเดียว
    รุ่งเช้าวันใหม่หลังจากคืนอันแสนเซ็งของคาบาน่าผ่านไปกับการต้องนอนกลางป่า มีหมวกหนุนหัวดาบเป็นหมอนข้าง ไม่น่าเชื่อว่าผ่านเมื่อคืนมาได้อย่างไร เธอเดินออกจากเมืองเพื่อจะเก็บเลเวลกับไม้แดง(Elder Willow) โดยไม่ลืมกระซิบหาเพื่อนๆในกิล ผลก็คือไม่มีใครตอบ 
1เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก
ทั้งวันต้องทนกับพวกชอบแจมที่มีอยู่ทั่วทุกที่ในอาณาจักรมิดกัล นั่งพักสักหน่อยก็มีคนมาขอให้แทงให้(เห็นเราเก่งนักรึไง) ตกเย็นพลบค่ำ นักดาบหลายคนก็อยู่กันเป็นกลุ่มเพื่อพักผ่อนนอนหลับจากการเก็บเลเวลอันแสนหนักหน่วงทั้งวัน ต่างจับกลุ่มสนทนาเรื่องราวของตนเอง คาบาน่านักดาบหน้าใหม่ก็ค่อยๆดอดเข้าไปนั่งรอบๆกับเขาบ้างจนได้เข้าไปนั่งรวมกลุ่ม นักดาบทุกๆคนล้วนมาอย่างโดดเดี่ยวและรู้จักกันที่นี่ เมื่อตกกลางคืนยังไม่เดือดร้อนเงินทองยังไม่ต้องการเอาของเข้าไปขายในเมือง ขี้เกียจไปไกลก็หลับนอนกันอยู่ในป่าแห่งนี้ รวมกันมากๆจะได้ปลอดภัย  ครั้งแรกอาจยังไม่ค่อยคุ้นอยู่เก็บเลเวลกันในป่าเล็กๆไล่ฟันไม้แดงไปเรื่อยๆ เดินสวนกันก็ออกจะบ่อย เจอนักแจมจนชินบางครั้งก็คุยผ่านParty กันบ้าง การได้เจอเพื่อนใหม่ๆทำให้คลายความเหงาลงไปบ้างแต่กระนั้นก็ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทรู้ใจไปไหนด้วยกันได้ทุกที่ นักดาบที่เข้ามาก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ได้กิลอยู่บ้างก็มี บางคนยังมาชวนคาบาน่าอยู่กิลด้วยซ้ำแต่เธอนั้นยังไม่ละทิ้งความหวังที่จะได้เจอ เพื่อนๆอยู่ดี  เมื่ออยู่ไปนานเข้าก็ได้ฟังเรื่องราวจากหลายๆที่นำมาแลกเปลี่ยนกันคนแล้วส่วนใหญ่ ซึ่งก็คล้ายเธอกันทั้งนั้น
คาบาน่าเองเมื่อออกมาจากเทรนนิ่งกราวด์ ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกอบรมโนวิทก่อนออกไปเผชิญกับโลกภายนอก สถานที่ที่ซึ่งจะถูกปิดเป็นความลับ ไม่ทราบว่าอยู่ในส่วนไหนของอาณาจักรมิดกัล(หรืออาจจะไม่ได้อยู่ก็ได้) ตอนที่ศึกษาเล่าเรียนอยู่ข้างในนั้น หลายคนที่เป็นรุ่นเดียวกันได้รับข่าวคราวเช่นเดียวกับเธอ เรื่องเกี่ยวกับมอนส์เตอร์ที่เข้าโจมตีเมือง ทุกๆหลายปีเวทย์มนต์คาถาที่กักกันสัตว์ที่อยู่ภายในดันเจี้ยนต่างๆจะคลายลง ประตูเมืองมิอาจต้านทานไหว(นานๆเค้าจะปล่อยมอนส์เตอร์กลางเมืองซะทีเนอะ)ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประหลาดชั่วร้าย(ลอกนิยามของNPCมาเด๊ะ)มีการสูญเสียบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย ครอบครัวต้องแยกจากกันเพราะต่างต้องวิ่งหนีตายกันอลหม่าน โนวิททั้งหลายที่อยู่ในเทรนนิ่งกราวด์ ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนทางกายภาพแม้แต่น้อยแต่ทางจิตใจมันตรงกันข้าม นึกถึงครอบครัวที่อยู่ในมิดกัล ว่าจะเกิดอะไรกับพวกเขาบ้าง แต่ทางการไม่สามารถปล่อยพวกเขากลับมาทางวาร์ปได้เพื่อรักษาชีวิตของนักเรียน แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นนักเรียนทั้งหลายก็ต้องหยุดเรียนกันเกือบอาทิตย์ เพราะบรรดาคณะครู
อาจาร์ยทั้งหลายต้องออกไปช่วยดูสถานการณ์ในเมือง ปล่อยให้พวกเขาลุ้นกันอยู่ในโรงเรียน รอคอยรับฟังข่าวคราว อย่างทุกข์ทรมาน เพราะข่าวนั้นมันมีแต่ความสูญเสีย บางคนหาครอบครัวของตนเองไม่เจอ คาบาน่าเมื่อถูกส่งตัวกลับมายังอาณาจักรมิดกัลแล้วเธอก็ต้องพบแต่ความว่างเปล่า เมืองหลายเมืองเหมือนถูกล้างใหม่ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย บางคนสามารถตามหาครอบครัวของตนเองได้พบแต่อีกมากที่ต้องเคว้งคว้างและเดียวดาย คาบาน่าโดนส่งสุมมามอร์ร๊อค กับเงินที่มีติดตัวอยู่ไม่กี่เซนี อยู่เก็บเลเวลคนเดียวมาอย่างทรหดอดทน เธอเองก็ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะตกต่ำถึงเพียงนี้ จากคนที่เคยมีครอบครัวอยู่พร้อมพ่อแม่ญาติพี่น้องกลับศูนย์หาย เกือบทุกวันเธอนั่งร้องไห้เหมือนคนบ้าอยู่กลางเมืองเพราะความท้อแท้ที่เกาะกุมหัวใจบวกกับความเหงาที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ไร้ที่พึ่ง เกือบจะไร้ซึ่งความหวังแต่คาบาน่าก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งความฝันของตนเอง เพราะมันจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นั่นก็คือการเป็น อัศวิน (Knight)ของทางการมิดกัล เพื่อปกป้องผู้ที่ศูนย์เสียครอบครัวแต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะได้มาอยู่เป็นคนกลุ่มนั้น  คาบาน่าเริ่มเดินทางออกจากมอร์ร๊อคอย่างมุ่งมั่นกับระยะทางที่ไม่ใช่ใกล้ๆกว่าจะถึงเมือง อิซลูด เพื่อก้าวบันไดของการเป็นไนท์ขั้นแรก นั่นก็คือต้องเป็น Swordman นั่นเอง แต่ใครจะไปคิดถึงว่าเพราะความผิดพลาดเพียงนิดเดียวที่เผลอปามีดผิดทิศไปนั้นจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ร้ายๆที่เกือบจะถึงชีวิตของเธอได้ เธอไม่เคยลืมจงอยปากอันใหญ่ยักษ์ที่ไล่งับ แผลเป็น ที่เป็นรอยทางยาวอยู่ที่ต้นขายังอยู่ เป็นเครื่องเตือนความทรงจำและแน่นอน...ถ้าไม่มีนักดาบคนหนึ่งโผล่มาช่วยเธอในตอนนั้นคาบาน่าคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้เป็นแน่...
พอนั่งคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาเฉยๆ บ่อที่เคยเก็บกักน้ำตาเกิดจะล้นออกมาเสียให้ได้        คาบาน่าขอตัวออกจากวงสนทนา เดินหลบเลี่ยงออกมา ท่ามกลางความมืดแหงนมองดูฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยแสงสุกสกาวของดารา  นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้พบเจอ หรือติดต่อไม่ได้เลย อยากจะรู้เหลือเกินว่าพวกเขาจะมอง ฟ้าและคิดถึงกันรึไม่ ยังไงก็ยังอยู่ใต้ฟ้า ยืนบนผืนดิน เดียวกัน แต่การที่ไม่ได้พบหน้าได้พูดคุยนั้นมันช่างทรมานเหลือเกิน คาบาน่าเดินกลับมาหากลุ่มนักดาบที่นอนกันเหยียดยาว เมื่อหามุมใกล้ๆกองไฟที่ล้มตัวลงนอนได้แล้ว คืนนี้เธอก็ต้องหลับไปพร้อมกับเสียงสะอื้นของตัวเอง
วันนี้คาบาน่าดูเหมือนจะเป็นคนที่ตื่นได้ช้าที่สุดเพราะทุมเทมากไปหน่อยกับการเทน้ำออกจากตา ตื่นมาลากดาบหนักๆ ผมยุ่งฟูและยังหาวหวอดๆ แต่เธอไม่เคยใส่ใจเพราะไม่มีใครจะมาสนใจกับความเปลี่ยนแปลงนี้อยู่แล้ว ในวันนี้ระหว่างที่เดินเก็บเลเวลไปเรื่อยๆก็เริ่มมีความรู้สึกว่านักดาบหลายคนเริ่มหายหน้าหายตาไปกันหลายคน เพราะเนื่องจากเก่งเกินไปที่จะอยู่เก็บเลเวลที่นี่แล้ว คาบาน่าเองก็เพิ่งรู้สึก เพราะหลังจากที่นำของไปขายในเมืองแล้วมันมากขึ้นกว่าเดิมแต่เลเวลไม่ยอมขยับ!!! และจากการสอบถามและสำรวจมาแล้วก็พอว่าสถานที่ที่ควรจะไปมากที่สุดคือเกาะหัวกะโหลกกลางทะเลหรือ Byalan dungeon บางคนบอกว่าอยู่ได้จนถึงก่อนไปเปลี่ยนเป็นไนท์ ถ้ามีความอดทนพอและไม่เบื่อเสียก่อน แต่ตัวของเธอเองนั้นยังลังเลเพราะถ้าไปไกลถึงขนาดนั้นโอกาสที่จะได้พบเพื่อนๆก็น้อยลง แต่เมื่อเธอคิดย้อนกลับมานี่ก็เกือบเดือนแล้ว ที่ไม่ได้พบกันเลย ควรจะตัดใจดีไหมหนอ และแล้วความคิดเธอก็ต้องหยุดลงทันทีเมื่อ...
โครม....เพล้ง...ง
“เอ้ยยย เทกระจาดหมดแล้วววว”
พ่อค้าคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นกลับมาที่รถเข็นคันที่จอดไว้กลางทางอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากมายคาบาน่าก็ตกเป็นผู้ต้องหาทันทีกรณีทำลายทรัพย์สินส่วนบุคคลที่วางอยู่กลางถนนพร้อมหลักฐานคาเท้า
เลือดที่ไหลเวียนในเส้นเลือดหล่อเลี้ยงใบหน้าเป็นสีเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดว่าสีเหล่านั้นโดนถอดทิ้งออกไปเมื่อพ่อค้าผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองเธอหลังจากที่ดูของจำนวนมากที่เสียหายเรียบร้อยแล้ว
“ฉะ...ฉันต้องของโทษจริงๆนะคะคือ...เอ่อ..”
“คุณเดินยังไง...ไม่มองทางกันบ้างเลยหรือไงแล้ว...แล้ว...รถเข็นมันก็ไม่ใช่คันเล็กๆนะแล้วนี่ๆๆๆดู..โธ่ของก็เสียหายไปหมดดีนะดาบไม่เป็นราคาตั้งเกือบ200k(1K=1000เซนี) แต่ๆ น้ำยา potion กับๆๆ เอ้ยนี้มีน้ำองุ่น แง้...ยาไวสีเขียว ฯลฯ.....”(ฉอดๆๆ) เขาไล่รายการของที่เสียหาย(บ่น)พร้อมทั้งตรวจสอบเล่นเอาคาบาน่าแทบลมจับเมื่อคิดเป็นเงิน เธอเริ่มมองไปรอบๆตัวเพื่อค้นหาสายตาที่มองดูอย่างสนใจจากหน้าซีดก็เริ่มหน้าแดง แต่...ทำไมรถเข็นมันถึงมาตั้งอยู่ตรงทางเดินล่ะ
“แล้วทำไมมาจอดไว้ตรงทางเดินล่ะ” คาบาน่าเริ่มเถียงขึ้นมาบ้างหลังจากที่นิ่งอึ้งอยู่นาน
พ่อค้าคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยแต่เขาก็ยังต้องการให้เธอรับผิดชอบของทั้งหมดอยู่ดี
“ผมยอมรับก็ได้ว่ามีส่วนผิดแต่...คุณก็ต้องช่วยเรื่องค่าเสียหายของทั้งหมดนี่ด้วย”
“แล้วให้ฉันทำไงได้ล่ะ....คือไม่คิดทั้งหมดได้ไหมเพราะอย่างไรคุณก็มีส่วนผิดด้วยไม่ใช่เหรอที่เอารถเข็นมาจอดไว้กลางทาง” คาบาน่าเริ่มต่อรองเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีเงินพอชดใช้ทั้งหมดแน่
เขายังนั่งนิ่งคิดอยู่นานแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ หันมายิ้มอย่างมีเลสนัยกับคาบาน่าแล้วมองเธอขึ้นๆลงๆอย่างมีความหมาย
“ดูท่าทางเธอแล้วก็........น่าจะใช้ได้นะ เอางี้...ฉันมีข้อเสนอให้ฉันจะยกหนี้ให้ทั้งหมด...แต่เธอต้องมีอะไรเป็นข้อตอบแทนหน่อยละกัน...”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ และกับบอกข้อแลกเปลี่ยนของเขาให้เธอเมื่อคาบาน่าได้ฟังแล้วหน้าที่แดงระเรื่อก็เปลี่ยนเป็นซีดจนเขียวทันที
    รุ่งเช้าวันใหม่หลังจากคืนอันแสนเซ็งของคาบาน่าผ่านไปกับการต้องนอนกลางป่า มีหมวกหนุนหัวดาบเป็นหมอนข้าง ไม่น่าเชื่อว่าผ่านเมื่อคืนมาได้อย่างไร เธอเดินออกจากเมืองเพื่อจะเก็บเลเวลกับไม้แดง(Elder Willow) โดยไม่ลืมกระซิบหาเพื่อนๆในกิล ผลก็คือไม่มีใครตอบ 
1เดือนผ่านไปไวเหมือนโกหก
ทั้งวันต้องทนกับพวกชอบแจมที่มีอยู่ทั่วทุกที่ในอาณาจักรมิดกัล นั่งพักสักหน่อยก็มีคนมาขอให้แทงให้(เห็นเราเก่งนักรึไง) ตกเย็นพลบค่ำ นักดาบหลายคนก็อยู่กันเป็นกลุ่มเพื่อพักผ่อนนอนหลับจากการเก็บเลเวลอันแสนหนักหน่วงทั้งวัน ต่างจับกลุ่มสนทนาเรื่องราวของตนเอง คาบาน่านักดาบหน้าใหม่ก็ค่อยๆดอดเข้าไปนั่งรอบๆกับเขาบ้างจนได้เข้าไปนั่งรวมกลุ่ม นักดาบทุกๆคนล้วนมาอย่างโดดเดี่ยวและรู้จักกันที่นี่ เมื่อตกกลางคืนยังไม่เดือดร้อนเงินทองยังไม่ต้องการเอาของเข้าไปขายในเมือง ขี้เกียจไปไกลก็หลับนอนกันอยู่ในป่าแห่งนี้ รวมกันมากๆจะได้ปลอดภัย  ครั้งแรกอาจยังไม่ค่อยคุ้นอยู่เก็บเลเวลกันในป่าเล็กๆไล่ฟันไม้แดงไปเรื่อยๆ เดินสวนกันก็ออกจะบ่อย เจอนักแจมจนชินบางครั้งก็คุยผ่านParty กันบ้าง การได้เจอเพื่อนใหม่ๆทำให้คลายความเหงาลงไปบ้างแต่กระนั้นก็ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทรู้ใจไปไหนด้วยกันได้ทุกที่ นักดาบที่เข้ามาก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ได้กิลอยู่บ้างก็มี บางคนยังมาชวนคาบาน่าอยู่กิลด้วยซ้ำแต่เธอนั้นยังไม่ละทิ้งความหวังที่จะได้เจอ เพื่อนๆอยู่ดี  เมื่ออยู่ไปนานเข้าก็ได้ฟังเรื่องราวจากหลายๆที่นำมาแลกเปลี่ยนกันคนแล้วส่วนใหญ่ ซึ่งก็คล้ายเธอกันทั้งนั้น
คาบาน่าเองเมื่อออกมาจากเทรนนิ่งกราวด์ ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกอบรมโนวิทก่อนออกไปเผชิญกับโลกภายนอก สถานที่ที่ซึ่งจะถูกปิดเป็นความลับ ไม่ทราบว่าอยู่ในส่วนไหนของอาณาจักรมิดกัล(หรืออาจจะไม่ได้อยู่ก็ได้) ตอนที่ศึกษาเล่าเรียนอยู่ข้างในนั้น หลายคนที่เป็นรุ่นเดียวกันได้รับข่าวคราวเช่นเดียวกับเธอ เรื่องเกี่ยวกับมอนส์เตอร์ที่เข้าโจมตีเมือง ทุกๆหลายปีเวทย์มนต์คาถาที่กักกันสัตว์ที่อยู่ภายในดันเจี้ยนต่างๆจะคลายลง ประตูเมืองมิอาจต้านทานไหว(นานๆเค้าจะปล่อยมอนส์เตอร์กลางเมืองซะทีเนอะ)ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประหลาดชั่วร้าย(ลอกนิยามของNPCมาเด๊ะ)มีการสูญเสียบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนไม่น้อย ครอบครัวต้องแยกจากกันเพราะต่างต้องวิ่งหนีตายกันอลหม่าน โนวิททั้งหลายที่อยู่ในเทรนนิ่งกราวด์ ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนทางกายภาพแม้แต่น้อยแต่ทางจิตใจมันตรงกันข้าม นึกถึงครอบครัวที่อยู่ในมิดกัล ว่าจะเกิดอะไรกับพวกเขาบ้าง แต่ทางการไม่สามารถปล่อยพวกเขากลับมาทางวาร์ปได้เพื่อรักษาชีวิตของนักเรียน แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นนักเรียนทั้งหลายก็ต้องหยุดเรียนกันเกือบอาทิตย์ เพราะบรรดาคณะครู
อาจาร์ยทั้งหลายต้องออกไปช่วยดูสถานการณ์ในเมือง ปล่อยให้พวกเขาลุ้นกันอยู่ในโรงเรียน รอคอยรับฟังข่าวคราว อย่างทุกข์ทรมาน เพราะข่าวนั้นมันมีแต่ความสูญเสีย บางคนหาครอบครัวของตนเองไม่เจอ คาบาน่าเมื่อถูกส่งตัวกลับมายังอาณาจักรมิดกัลแล้วเธอก็ต้องพบแต่ความว่างเปล่า เมืองหลายเมืองเหมือนถูกล้างใหม่ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย บางคนสามารถตามหาครอบครัวของตนเองได้พบแต่อีกมากที่ต้องเคว้งคว้างและเดียวดาย คาบาน่าโดนส่งสุมมามอร์ร๊อค กับเงินที่มีติดตัวอยู่ไม่กี่เซนี อยู่เก็บเลเวลคนเดียวมาอย่างทรหดอดทน เธอเองก็ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะตกต่ำถึงเพียงนี้ จากคนที่เคยมีครอบครัวอยู่พร้อมพ่อแม่ญาติพี่น้องกลับศูนย์หาย เกือบทุกวันเธอนั่งร้องไห้เหมือนคนบ้าอยู่กลางเมืองเพราะความท้อแท้ที่เกาะกุมหัวใจบวกกับความเหงาที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ไร้ที่พึ่ง เกือบจะไร้ซึ่งความหวังแต่คาบาน่าก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งความฝันของตนเอง เพราะมันจะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นั่นก็คือการเป็น อัศวิน (Knight)ของทางการมิดกัล เพื่อปกป้องผู้ที่ศูนย์เสียครอบครัวแต่เธอก็ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะได้มาอยู่เป็นคนกลุ่มนั้น  คาบาน่าเริ่มเดินทางออกจากมอร์ร๊อคอย่างมุ่งมั่นกับระยะทางที่ไม่ใช่ใกล้ๆกว่าจะถึงเมือง อิซลูด เพื่อก้าวบันไดของการเป็นไนท์ขั้นแรก นั่นก็คือต้องเป็น Swordman นั่นเอง แต่ใครจะไปคิดถึงว่าเพราะความผิดพลาดเพียงนิดเดียวที่เผลอปามีดผิดทิศไปนั้นจะนำมาซึ่งเหตุการณ์ร้ายๆที่เกือบจะถึงชีวิตของเธอได้ เธอไม่เคยลืมจงอยปากอันใหญ่ยักษ์ที่ไล่งับ แผลเป็น ที่เป็นรอยทางยาวอยู่ที่ต้นขายังอยู่ เป็นเครื่องเตือนความทรงจำและแน่นอน...ถ้าไม่มีนักดาบคนหนึ่งโผล่มาช่วยเธอในตอนนั้นคาบาน่าคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้เป็นแน่...
พอนั่งคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาเฉยๆ บ่อที่เคยเก็บกักน้ำตาเกิดจะล้นออกมาเสียให้ได้        คาบาน่าขอตัวออกจากวงสนทนา เดินหลบเลี่ยงออกมา ท่ามกลางความมืดแหงนมองดูฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยแสงสุกสกาวของดารา  นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้พบเจอ หรือติดต่อไม่ได้เลย อยากจะรู้เหลือเกินว่าพวกเขาจะมอง ฟ้าและคิดถึงกันรึไม่ ยังไงก็ยังอยู่ใต้ฟ้า ยืนบนผืนดิน เดียวกัน แต่การที่ไม่ได้พบหน้าได้พูดคุยนั้นมันช่างทรมานเหลือเกิน คาบาน่าเดินกลับมาหากลุ่มนักดาบที่นอนกันเหยียดยาว เมื่อหามุมใกล้ๆกองไฟที่ล้มตัวลงนอนได้แล้ว คืนนี้เธอก็ต้องหลับไปพร้อมกับเสียงสะอื้นของตัวเอง
วันนี้คาบาน่าดูเหมือนจะเป็นคนที่ตื่นได้ช้าที่สุดเพราะทุมเทมากไปหน่อยกับการเทน้ำออกจากตา ตื่นมาลากดาบหนักๆ ผมยุ่งฟูและยังหาวหวอดๆ แต่เธอไม่เคยใส่ใจเพราะไม่มีใครจะมาสนใจกับความเปลี่ยนแปลงนี้อยู่แล้ว ในวันนี้ระหว่างที่เดินเก็บเลเวลไปเรื่อยๆก็เริ่มมีความรู้สึกว่านักดาบหลายคนเริ่มหายหน้าหายตาไปกันหลายคน เพราะเนื่องจากเก่งเกินไปที่จะอยู่เก็บเลเวลที่นี่แล้ว คาบาน่าเองก็เพิ่งรู้สึก เพราะหลังจากที่นำของไปขายในเมืองแล้วมันมากขึ้นกว่าเดิมแต่เลเวลไม่ยอมขยับ!!! และจากการสอบถามและสำรวจมาแล้วก็พอว่าสถานที่ที่ควรจะไปมากที่สุดคือเกาะหัวกะโหลกกลางทะเลหรือ Byalan dungeon บางคนบอกว่าอยู่ได้จนถึงก่อนไปเปลี่ยนเป็นไนท์ ถ้ามีความอดทนพอและไม่เบื่อเสียก่อน แต่ตัวของเธอเองนั้นยังลังเลเพราะถ้าไปไกลถึงขนาดนั้นโอกาสที่จะได้พบเพื่อนๆก็น้อยลง แต่เมื่อเธอคิดย้อนกลับมานี่ก็เกือบเดือนแล้ว ที่ไม่ได้พบกันเลย ควรจะตัดใจดีไหมหนอ และแล้วความคิดเธอก็ต้องหยุดลงทันทีเมื่อ...
โครม....เพล้ง...ง
“เอ้ยยย เทกระจาดหมดแล้วววว”
พ่อค้าคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นกลับมาที่รถเข็นคันที่จอดไว้กลางทางอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมากมายคาบาน่าก็ตกเป็นผู้ต้องหาทันทีกรณีทำลายทรัพย์สินส่วนบุคคลที่วางอยู่กลางถนนพร้อมหลักฐานคาเท้า
เลือดที่ไหลเวียนในเส้นเลือดหล่อเลี้ยงใบหน้าเป็นสีเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดว่าสีเหล่านั้นโดนถอดทิ้งออกไปเมื่อพ่อค้าผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองเธอหลังจากที่ดูของจำนวนมากที่เสียหายเรียบร้อยแล้ว
“ฉะ...ฉันต้องของโทษจริงๆนะคะคือ...เอ่อ..”
“คุณเดินยังไง...ไม่มองทางกันบ้างเลยหรือไงแล้ว...แล้ว...รถเข็นมันก็ไม่ใช่คันเล็กๆนะแล้วนี่ๆๆๆดู..โธ่ของก็เสียหายไปหมดดีนะดาบไม่เป็นราคาตั้งเกือบ200k(1K=1000เซนี) แต่ๆ น้ำยา potion กับๆๆ เอ้ยนี้มีน้ำองุ่น แง้...ยาไวสีเขียว ฯลฯ.....”(ฉอดๆๆ) เขาไล่รายการของที่เสียหาย(บ่น)พร้อมทั้งตรวจสอบเล่นเอาคาบาน่าแทบลมจับเมื่อคิดเป็นเงิน เธอเริ่มมองไปรอบๆตัวเพื่อค้นหาสายตาที่มองดูอย่างสนใจจากหน้าซีดก็เริ่มหน้าแดง แต่...ทำไมรถเข็นมันถึงมาตั้งอยู่ตรงทางเดินล่ะ
“แล้วทำไมมาจอดไว้ตรงทางเดินล่ะ” คาบาน่าเริ่มเถียงขึ้นมาบ้างหลังจากที่นิ่งอึ้งอยู่นาน
พ่อค้าคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยแต่เขาก็ยังต้องการให้เธอรับผิดชอบของทั้งหมดอยู่ดี
“ผมยอมรับก็ได้ว่ามีส่วนผิดแต่...คุณก็ต้องช่วยเรื่องค่าเสียหายของทั้งหมดนี่ด้วย”
“แล้วให้ฉันทำไงได้ล่ะ....คือไม่คิดทั้งหมดได้ไหมเพราะอย่างไรคุณก็มีส่วนผิดด้วยไม่ใช่เหรอที่เอารถเข็นมาจอดไว้กลางทาง” คาบาน่าเริ่มต่อรองเพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีเงินพอชดใช้ทั้งหมดแน่
เขายังนั่งนิ่งคิดอยู่นานแล้วดีดนิ้วดังเป๊าะ หันมายิ้มอย่างมีเลสนัยกับคาบาน่าแล้วมองเธอขึ้นๆลงๆอย่างมีความหมาย
“ดูท่าทางเธอแล้วก็........น่าจะใช้ได้นะ เอางี้...ฉันมีข้อเสนอให้ฉันจะยกหนี้ให้ทั้งหมด...แต่เธอต้องมีอะไรเป็นข้อตอบแทนหน่อยละกัน...”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ และกับบอกข้อแลกเปลี่ยนของเขาให้เธอเมื่อคาบาน่าได้ฟังแล้วหน้าที่แดงระเรื่อก็เปลี่ยนเป็นซีดจนเขียวทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น