ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Story in Ragnarok

    ลำดับตอนที่ #10 : วาร์ป

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 47




    อโคสาวหยิบก้อนหินสีน้ำเงินมาจากกระเป๋า เธอเพ่งพินิจพิจารนามันอยู่ชั่วครู่ เธอพึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครได้ยิน แล้วโยนก้อนหินที่อยู่ในมือลงบนพื้น ใกล้เท้าของใครบางคน เกิดแสงสว่างขึ้นวาบขึ้นกระจายออกเป็นลักษณะล้อมรอบร่างที่ยืนอยู่นั่น

    “เฮ้ย ยายบ๊องเธอเล่นบ้าอะไร” นิคกระโจนออกจากกลุ่มแสงที่เกิดขึ้นนั่น นาลี่ยิ้มเจื่อนๆ ทุกๆคนดูจะงงกับการกระทำที่เกิดขึ้นนั้น

    “เล่นงี้มันเสี่ยงนะเธอ เธอจะส่งเขาไปไหนล่ะนั่น” ทออาร์ท่า ชะโงกหน้ามองวาร์ปที่เกิดขึ้น

    “ไม่รู้” เสียงใครพึมพำเบาๆซึ่งทุกคนคิดว่าน่าจะเป็นเสียงของนาลี่

    “เปิดประตูวาบเล่นทำไมน่ะเปลืองหินปล่าวๆ ดีนะที่นิคหนีออกทันไม่งั้นนาลี่วาปเธอไปตายแน่ๆเลย ฮ่าๆๆ” คาบาน่าจ้องมองนิคที่กำลังนั่งหน้าซีดเพราะเขาก็คิดอย่างเธอนั่นล่ะ

    นาลี่ตั้งต้นเอาใหม่เธอเปิดประตูวาร์ปอีกครั้ง(เมื่อกี้หายไปแล้ว) แล้วส่งเสียงตะโกนลั่น

    “ไปมอๆ มอร็อคจ้า” ผู้คนบริเวนนั้นบางคนวิ่งเข้าไปหากลุ่มแสงนั่นร่างค่อยๆจางหายไปทีละคน

    “นี่เธอวาร์ปไปมอร็อคจริงๆเหรอเมื่อกี้อ่ะ” แองเจล่ามีท่าทางไม่แน่ใจ

    นาลี่ต้องหน้าเสียอีกครั้งเมื่อผู้คนที่วิ่งเข้าประตูวาปของเธอเมื่อครู่เริ่มเดินออกมาจากอีกฟากของหอคอยกลางเมือง

    “ว่าแล้ว” วาร์เนียดพูดเบาๆเหมือนเสียงกระซิบ

    “ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยลองใหม่ดีรึปล่าวนาลี่ ก่อนที่มันจะแย่ไปกว่านี้” ทออาร์ท่าพูดขึ้น

    นาลี่มีสีหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรงเธอ ตั้งต้นเป็นประตูวาร์ปใหม่อีกครั้งคราวนี้ ประตูที่เปิดขึ้นไปไหนไม่มีใครรู้รู้แต่ว่า



    “คาบาน่า” วาร์เนียดเรียกเสียงหลง คาบาน่ารู้สึกเหมือนมีอะไรชนจนเซภาพทุกอย่างจะเลือนรางลง เหลือแต่แสงสีขาวฟ้าอยู่รอบกาย     คาบาน่าหลุดเข้ามาในประตูวาร์ปที่ถูกเปิดโดยฝีมือนาลี่ เมื่อม่านแสงสีขาวฟ้าจางลง พื้นที่ยืนไม่ใช่หินในเมืองกิฟเฟ่นอีกต่อไปแต่กลับกลายเป็นพื้นหญ้าเขียวชอุ่ม มีพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายนั่งขายของอยู่โดยรอบ หน้าปากทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่ง

    ปั๊ก

    “อุ๊ย โทษค่ะ” หญิงสาวคนหนึ่งเดินชนคาบาน่าที่ยังยืนงงอย่างเก้ๆกังๆอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย สายตาของคาบาน่าเหลือบไปเห็นคันธนูที่เธอคนนั้นถืออยู่ เมื่อมองไปรอบๆแล้วเหล่านักธนู(Archer)ทั้งหลายกำลังทยอยกันเข้าไปในถ้ำแห่งนั้น คาบาน่าออกเดินตามเข้าถ้ำไปอย่างอยากรู้อยากเห็น นักธนูเกาะกันอยู่เป็นกลุ่มง้างคันธนูเตรียมพร้อมจะยิง มีอโคยืนอยู่ข้างหลังคอยทำหน้าที่ชั่วเพิ่มพลังชีวิต

    พลั่ก

    “โอ๊ย”นักธนูคนหนึ่งโดนโจมตี ลูกธนูนับสิบพุ่งเข้าหาผีดิบ(Zombie)ที่เดินเข้าโจมตีคนใน ปาร์ตี้ ผีดิบทรุดลงไปกองกับพื้นพร้อมกับลูกธนูที่ปักอยู่ทั่วตัว  อโครีบเข้าไปพยาบาลอาร์เชอร์(นักธนู/Archer) ที่กำลังบาดเจ็บ  ยังมีมอนส์เตอร์ผีดิบเดินเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ลูกธนุนับร้อยถูกปล่อยจากคันศรข้ามหัวคาบาน่า เธอชักดาบออกจากฝักตามนิสัย อยากจะลองกับมอนส์เตอร์ผีดิบพวกนี้ดูสักตั้ง คาบาน่าวิ่งผ่านแนวหน้าของ อาร์เชอร์ไป ก็พบกับมอนส์เตอร์ที่มาอีกเป็นฝูง ผีดิบเอาร่างโทรมๆกระแทกเข้าที่ตัวเธอเล่นเอาจุกไปบ้างแต่หลังจากนั้นพวกมันก็โดนฟังซะเยินจนหมดสภาพ บางตัวถึงกับขาดครึ่งท่อนก็มี หลังจากที่ลุยอยู่คนเดียวมานานก็มีคนมาชวนเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยจนได้เมื่อรวมอยู่กันหลายคนแล้วก็ปลอดภัยมากกว่าเดิม ส่วนใหญ่คนที่ร่วมกันเก็บประสบการณ์(เลเวล)ครั้งนี้ก็มีแต่นักธนูทั้งนั้น เธอสังเกตเห็นได้ว่ามันแตกต่างจากนักดาบอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยปะทะกับมอนส์เตอร์ก็คือระยะประชิดเท่านั้น ไม่เคยวิ่งหนี ถ้าไม่ไหวจริงๆ   อาร์เชอร์ทั้งหลายโจมตีกันอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วก็จริง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแบบวิ่งๆๆๆๆๆ หันมายิงๆๆ แล้ววิ่งๆๆ กลับมาเก็บของ สำหรับหน้าที่ของเธอในตอนนี้คือต้องออกไปล่อซอมบี้ทั้งหลายมา เพราะเป็นนักดาบ(ฮือๆๆๆ) แล้วทำแบบเหล่านักธนูตามสูตรวิ่งหนีแล้ว(คนอื่น)ยิง  เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ที่อยู่ใน ถ้ำแห่งนี้เหล่านักธนูทั้งหลายเริ่มทยอยกันกลับเข้าเมือง เมื่อออกมาจากทาท้องฟ้าก็ทาด้วยสีม่วงแดง เพราะดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า เธอก็เดินเข้าเมืองไปกับคนอื่นๆด้วยท่ามกลางความเงียบนั่นเอง ทำให้คาบาน่ารู้ว่ามีเสียงเรียกจากคนในกิล(การคุยผ่านกันทางกิลอยู่คนละที่ก็คุยกันได้เหมือนใช้โทรจิตถ้าไม่ฟัง(ดู)ให้ดี อาจจะไม่ทันสังเกตเห็นเพราะจากสิ่งรบกวน(ปนปะกับประโยคอื่นๆ)เสียงของมนุษย์ทั้งชายหญิงก้องอยู่ในหัว เป็นประโยคคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    “คาบาน่า เธออยู่ไหน”

    “เป็นอะไรบ้างรึเปล่า”

    เธอจึงต้องหามุมสงบที่จะทำให้เกิดสมาธิเพื่อที่จะได้บอกตอบคนในกิลกลับไป

    “ฉันอยู่แถวหมู่บ้านนักธนู ไม่เป็นอะไรมาก”

    ไม่มีเสียงเรียกตอบกลับมาจากใคร

    “นาลี่ วาร์นียด แองเจล่า ทออาร์ท่า นิค”

    ดูเหมือนว่าไม่มีใครฟังเธออีกนั่นแหละ คาบาน่าถอนหายใจอย่างผิดหวัง ตอนนี้ก็ได้เพียงแต่คิดว่าทุกๆคนคงจะไม่มีใครเป็นอะไรเพราะอย่างน้อยในตอนนี้ตัวเธอก็ปลอดภัยแล้ว คาบาน่าจึงจำใจเดินเข้าเมืองอย่างเซ็ง ๆ ก่อนที่จะมืดไปกว่านี้เพราะรอบๆข้างก็มีแต่ป่าทั้งนั้น เมือง แห่งนักธนู(Payon) เต็มไปด้วยความสวยงามจากโคมไฟกระดาษที่ห้อยติดอยู่ตามที่ต่างๆเพื่อให้แสงสว่าง Merchant ตั้งร้านขายของกันอยู่กลางเมือง ท่ามกลางคืนอันคึกคัก เต็มไปด้วยผู้คน ทำให้เห็นแสงสีในยามค่ำคืนที่แตกต่างจากเมือง กิฟเฟ่นและ อิซลูด อย่างสิ้นเชิง แต่ถึงบรรยากาศภายนอกรอบตัวจะดูงดงามเพียงใด แต่ในในหัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความเหงาและเดียวดาย นานมาแล้วที่ไม่ได้พบกับการอยู่โดดเดียวอย่างนี้ เมื่อก่อนก็เคยชิน แต่ตอนนี้เมื่อขาดเพื่อนไปมันก็รู้สึกแปลกๆ

    “ไม่เป็นไรหรอกมั๊ง คงแค่วันเดียว” คำปลอบใจเบาๆตัวเองที่เป็นไปได้ไม่ง่ายหลุดออกจากปากของ   คาบาน่า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×