ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอน1
อดีต ปัจจุบัน อนาคต
แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้มีวันเดือนปีเป็นอะไรหรืออยู่ยุคใด?
มีเพียงแค่ ดวงตะวันและดวงจันทร์ เป็นเพียงตัวช่วยบอกเวลาเท่านั้น
ถึงโลกแห่งนี้จะมีสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างพวกภูต ผี ปีศาจ เวทมนต์ ก็ตาม
แต่วิทยาการไม่ได้เลิศเลออะไรมากมาย
ใช้แค่ขวานตัดไม้
เพิ่มความอุ่นแค่ก่อกองไฟ แค่นี้ก็สุดกำลังความสามารถแล้ว
พวกเราอยู่บนท้องชนบททอันเต็มไปด้วยธรรมชาตินานาชนิด มีภูเขาน้อยใหญ่อยู่บ้าง บ้านแต่ละหลัง
ส่วนใหญ่ก็สร้างด้วยไม้ไม่ก็อิฐ
ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีกว้างใหญ่ไพศาล แต่มิอาจเทียบเท่าท้องนภา หากมองสุดขอบฟ้าก็มิอาจรู้ได้ว่า
สถานที่นั้นคือสถานที่แห่งใดกัน อยากจะโผบินไปที่นั่น อยากจะมองจากเบื้องบนดูผืนแผ่นดินข้างล่าง
"นี่ มนุษย์ต่างดาวนี่มันมีจริงเหรอ?" เบล สาวน้อยในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ทับด้วยชุดกระโปรงแขนกุดสีแดงบนบริเวณอกของชุดปักตัวอักษรด้วยไม้พรมสีแดงเข้มว่า MARIA มีผ้าสีแดงผืนใหญ่ผูกไว้เป็นตัวฮู้ด
มีผมบลอนด์สั้น นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล เท้าเปล่าที่ไม่สวมรองเท้าหรือถุงเท้าใดๆ นอนใต้ร่มเงาของต้นไม้ร่วมกับคนอื่นๆ เพียงสามคน มองท้องฟ้ายามอัสดง แล้วพูดอะไรแปลกๆลอยออกมา
"มนุษย์ เอ่อ.. มนุษย์อะไรนะ?" ไอริณ เด็กสาวในเสื้อคลุมสีดำ คอปกสีขาว ใส่ทับเชิ้ตแขนยาวทับด้วยเสื้อกั๊กสีเดียวกับกระโปรงยาวเลยเข่าไม่มากเป็นสีกรมท่า มีเนคไทดำห้อย เป็นเจ้าของเรือนผมสีเทาสั้นดูยุ่งเล็กน้อย เอกลักษณ์ของเธอคือคิ้วหนา หมวกสีดำคู่ใจที่ขยับมันเป็นระยะๆ และใบหน้าบ่งบอกถึงความเป็นเอเชีย
ตาสีดำมองเบลปนความรู้สึกเอือมเล็กน้อย
"เบลคงอยากจะหาอะไรคุยละมั้ง ตั้งแต่เช้าแล้วเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ" ลูเซีย เด็กหญิงในชุดกระโปรงสีเขียวทับด้วยผ้ากันเปื้อนโทรมนิดๆ เรือนผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้าครามสดใส พูดแล้วตบท้ายรอยยิ้มดูเริงร่า
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งมีชีวิตแบบนั้นมีอยู่ในชีวิตจริงหรือเปล่า? แค่รู้ว่ามันคือสิ่งที่คนสมัยก่อนเขาคิดขึ้นมาเองเท่านั้น" ไอริณได้แสดงความเห็น
"ไม่มีจินตนาการเอาซะเลย" เบลกล่าว
"อะไรของเธอ..." ไอริณถึงขนาดเอาหมวกมาปิดหน้า แทนการทำมือกุมขมับ
เงียบ...
"ไอริณเนี่ยก็พูดในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันนะ" เบลตั้งประเด็น
"หา?" ไอริณงง
"ก็อย่างเช่น ฮาร์ด บอยด์ ที่เธอชอบพูดอยู่เป็นประจำไงล่ะ" เบลตอบ
"ฉันน่ะหลงใหลในการสืบสวนโดยไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง นี่ล่ะคือวิถีของฮาร์ด บอยด์"ไอริณพูดไปพร้อมกับแกว่งหมวกเล่นแบบเท่ๆ
"สุดท้าย เธอก็ไม่ต่างจากคนที่เพ้อเรื่องมนุษย์ต่างดาวอย่างเค้าหรอกนะ" น้ำเสียงของเบลดูกลั้นหัวเราะ
"นี่เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่เนี่ย" ไอริณทำหน้าเอือม
ทุกอย่างเงียบสักพัก เห็นดังนั้นแล้วลูเซียจึงลุกขึ้น
"ตอนนี้ก็ตอนเย็นแล้วกลับบ้านกันเถอะ" ลูเซียพูด
................
...............................
ยามอาทิตย์อัสดง หมู่นกกาบินกลับรัง แม้ผู้คนก็เช่นกัน แต่ละคนต่างหอบอุปกรณ์จอบ ขวาน ฯลฯ
กลับบ้านอันแสนอบอุ่นของตน เพื่อพบคนในครอบครัว
ในลานสนามกว้างๆ มีกลุ่มเด็กผู้ชาย วิ่งเล่นไล่กันอย่างสนุกสนาน การละเล่นต้องไม่พ้นการเตะบอล
แต่ตัวลูกบอลนั้นกลับทำด้วยไม้อ่อนจักสานเป็นทรงกลม แล้วในบอลวัตถุบางอย่างที่ทำให้ลูกบอล
มีน้ำหนักไม่หนักไม่เบา ให้สมดุลพอที่จะเล่นได้
ปึก!
"เฮ้! เล่นดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง?" ระหว่างเดินทางกลับ เบลและผองเพื่อน รวมกันเป็นสามคน มีลูกบอล
ไปกระแทกศีรษะของลูเซียอย่างจังจนเธอร้องโอดโอย ทำให้ไอริณออกมาต่อว่าแทนเพื่อน
"ลูกบอลเบาแค่นี้ คงไม่เจ็บอะไรหรอก" เด็กหนุ่ม ผมสีดำสนิทเหมือนอีกา เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้ามีพลาสเตอร์ เดินมาหยิบลูกบอลโดยไม่ขอโทษสักคำ
"ให้ตายเถอะ ฟาบิโอ นายเนี่ยเคยพูดขอโทษคนอื่นเป็นไหมเนี่ย?" ไอริณพูดด้วยน้ำเสียงระอาเล็กน้อย
"ฉันล่ะกลุ้มเด็กผู้หญิงที่เอาแต่เรียกร้องเรื่องไร้สาระแบบนี้จริงๆ" ฟาบิโอกล่าวด้วยใบหน้าดูเหนื่อยใจ
"นี่ๆ ฉันได้ยินมาว่านายเนี่ยกลัวไก่จนแค่เห็นก็วิ่งเข้าบ้านด้วยเหรอ?" เบลกลับเปลี่ยนเรื่อง แล้วยื่นหน้าหาฟาบิโหถามด้วยรอยยิ้มดูไร้เดียงสา
"หะ..หา? ถามอะไรโง่ๆล่ะเบล ฉันจะไปกลัวสัตว์แบบนั้นที่ไหนกันล่ะ" ฟาบิโอตอบด้วยสีหน้าดูซีด เพราะไอริณเดินยื่นใบหน้าดูโกรธมากดดัน
"คนกลัวไก่แค่เห็นไข่ก็สะพรึงแล้วสินะ?" ไอริณยิ้มเย้ยหยันก่อนที่ล้วงหยิบไข่ในกระเป๋าโชว์ให้ฟาบิโอ
จนกลัวหัวหด
"ชิ บ้าน่า ฉันก็แค่กลัวใบหน้ามืดมนของเธอ ต่างหากเล่า!!" ฟาบิโอเหงื่อตกพยายามแถ
"มันก็แค่ข้ออ้าง..." ไอริณไม่ทันพูดจบ ฟาบิโอหยิบไพ่ใบสุดท้ายให้ไอริณสะดุ้งกรี๊ดทันทีที่เห็นมันแล้ว
ชกหน้าฟาบิโอจนล้มไปอยู่กับพื้นดิน
คือ ดอกทานตะวัน
ทั้งสองก็ไม่ต่างอะไร กลัวในสิ่งที่คนเขาไม่กลัวกัน
ฟาบิโอสวนกลับด้วยการต่อยหน้าไอริณโดยอัติโนมัติ
ไอริณ เป็นผู้หญิงแท้ แต่กลับมีแรงพอๆกับผู้ชายแท้
"ไอ้บ้าเอ๊ย!!" คราวนี้ไอริณฟาดหน้าเขาด้วยหน้าแข้ง จนใบหน้าช้ำบวม
"เธอนั่นแหละ!" ฟาบิโอกำมือมือแน่นพุ่งตัวไปหาทั้งสองโดยไม่สนว่าพวกเธอเป็นผู้หญิงอีกต่อไป
จนไอริณเดี้ยงลงไปอย่างน่าสังเวช
"นี่!" เบลทำหน้าเหวอวิ่งไปหาพวกเขาทั้งสอง
"เบล!" ตามาด้วยลูเซียวิ่งตามกันไปเพื่อช่วยห้าม
"นี่แน่!" เบลกลับกระโดดถีบหน้าท้องฟาบิโอจนจุก
ไม่ได้ไปช่วยห้ามเหรอเนี่ย. . .
"แย่แล้ว!" กลุ่มเด็กผู้ชายในสนามที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างวิ่งกรู มุ่งไปหากลุ่มชกต่อยชุลมุนที่อยู่ข้างหน้า
ลูเซียจึงตะโกนบอกพวกเขา
"ทุกคน รีบไปห้ามสามคนนี้เถอะ!"
"เอาเลย!" พวกเขาไม่ได้ฟังที่ลูเซียพูดเลยสักนิด พวกเขารวมตัวเป็นไทยมุงดูแล้วเชียร์มันราวกับว่าเป็นกีฬา
สายตาของฟาบิโอแข็งกร้าวกับความรู้สึกที่เจ็บใจ วิ่งร้องย๊าก ปล่อยหมัดไปหาเบล แต่
เบลไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด เธอเล่นต่อสู้กับผู้ชายเหมือนที่กรู้สึกกำลังเล่นแบบเด็กผู้หญิงอยู่
โดย..
ยกที่หนึ่ง ฟาบิโอทุ่มแรงกำปั้นพุ่งไป เบลหลบได้แล้วตบศีรษะจากข้างหลัง ล้มลงไปอย่าน่าอนาถ
ยกที่สอง ฟาบิโอเริ่มใช้เท้าเหวี่ยงฟาด แต่เบลใช้เท้าเตะช้างน้อยของเขา แล้วล้มลงไปอย่างน่าสลดใจ
ยกที่สาม เบลได้เป็นฝ่ายสู้ก่อน แต่ทั้งสองโดนโขกหน้าผากกันและกัน โดยมือปริศนา
"คะ...คุณมาม่า" ลูเซียตกใจกับเจ้าของมือปริศนาดังกล่าว
....................
.................................
อาทิตย์จะลับสุดขอบฟ้า เสียงการ้องและเสียงจักจั่นดังไปทั่วผืนดิน
เด็กสามคนอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเดินมากับเด็กสาวที่ไม่ได้มีร่องจาการต่อสู้อะไร
และ
หญิงวัยผู้ใหญ่มาพร้อมกับเสียงเทศนา
"น่าดีใจริงๆ! ที่ฉันมีศิษย์หญิงที่ไปชกต่อยอย่างกับผู้ชายไม่มีผิด! กับ ศิษย์ชายที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงแถมใช้กำลังเข้ากับเด็กผู้หญิง! กะเทยยังมีกาลเทศะกว่าชายหญิงปกติเสียอีก!" คือคุณมาม่าในสถานะควันขึ้นหัว
หงุดหงิดกับการกระทำของพวกเขา
"แบร่!"
"ยังไม่เลิกอีก!" คุณมาม่าดุเบลจนทำหน้าหงอยเดินคอตกเพราะเมื้อกี้เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ฟาบิโอ
"เฮ้อ..." คุณมาม่าถอนหายใจ
"โอ้ ถึงบ้านแล้ว" ไอริณกับใบหน้าฟกช้ำมีเลือดซึมนิดๆ เห็นบ้านที่เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มีบานประตูหน้า
และหน้าต่างหกบาน
แต่
"หืม? ใครล่ะคะเนี่ย?" ลูเซียสังเกตุเห็นเงาลางๆจากที่ไกลซึ่งน่าจะเป็นคนทีมีรูปร่างใหญ่ อยู่หน้าบ้านของเขา
"อึก..." คุณมาม่าและฟาบิโอทำหน้าตกใจ
"อะไรเหรอ?" เบลงง
"ฟาบิโอ...พาพวกเบลไปที่ห้องใต้ดินนั่นทีนะ" คุณมาม่าสีหน้าเครียดวิ่งไปที่บ้านทัน ฟาบิโอเห็นได้นั้นจึงตอบตกลงแล้วพาพวกเธอไปยังที่นั่น
เขาพาพวกเธอไปที่ดงป่าเล็กๆ แล้วรื้อรางพุ่มไม้ที่ซ่อนประตูรูปร่างสี่เหลี่ยมจตุรัส เปิดขึ้นมาพาพวกเบล
ลงไปซ่อนในนั้น
......
....................
"ปลอดภัยแล้ว.." ฟาบิโอทำใบหน้าเหมือนกำลังพ้นขีดอันตราย
"นี่ ฟาบิโอ..." ลูเซียพูดด้วยสีหน้าดูกังวล
"ฉันอยากบอกตรงๆนะ ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่นายทำอยู่ตอนนี้เลยนะ" ไอริณงง
"ตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็ทำแบบนี้กับเรามันหมายความว่ายังไงกันเหรอ?" เบลถามด้วยความสงสัย
"เอ่อ..." คำถามสารพัดรุมฟาบิโอจนจนมุม
"ฉันว่าพวกเธอมาทำแผลกันดีกว่านะ" ฟาบิโอรีบเปลี่ยนเรื่องคว้ากล่องพยาบาลจากตู้เก็บของที่อยู่ข้างหลัง
"บอกมาเถอะ" ไอริณบอกด้วยน้ำเสียงดูจริงจัง จนเขาถึงหน้าซีดเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง
สายตาของเด็กหญิงทั้งสามมองมาที่เขา ทำให้ฟาบิโอเบือนหน้าหนีสายตาไป จนเขาเริ่มรู้สึกดดัน
ถึงกับกลืนน้ำลายแล้วพูดออกมาช้าๆ
"เจ้าหนี้"
"อะ..เอ๊?" ลูเซียตาโตด้วยความตกใจ
"หืม?" เบลทำหน้างง
"แล้วทำไมไม่บอกพวกเราล่ะ?" ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในแววตาของไอริณ
"เอ่อ...แล้วเจ้าหนี้คืออะไรเหรอ?" เบลถามคำถามจนทุกคนแทบสะดุ้งหงายไปตามๆกัน
นี่เธอรู้อะไรอย่างอื่นนอกจากมนุษย์ต่างดาวมั้ยเนี่ย?
.......................
........................................
ในห้องใต้ดินที่มืดมิดแต่มีแสงไฟจาตะเกียง เพื่อความสว่างให้ห้องแห่งนี้อยู่
"เสร็จแล้วจ๊ะ" ลูเซียเก็บอุปกรณ์ในกล่องพยาบาลอย่างเรียบร้อยหลังจากรักษารอยแผลและรอยฟกช้ำของฟาบิโอเสร็จ
"ขอบใจมากนะ" ฟาบิโอยิ้มขอบคุณ
เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นดี
ต่างจากไอริณที่กำลังนั่งร้องซี้ดเจ็บแผลแม้เบลจะช่วยจัดการกับรอยฟกช้ำให้เธอก็ตามที
"อยู่นิ่งๆสิ นี่ฉันทำเบาที่สุดแล้วนะ~" เบลใช้น้ำแข็งห่อด้วยผ้าช่วยประคบ
"ทำแบบนี้ฆ่าตูเถอะ!" ท่าทางจะเจ็บน่าดู
ขณะทำแผล เบลเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
"เรือ?" สิ่งที่เบลนั้นคือ โมเดลเรือสำเภาอยู่ในกล่องกระจกใส
"ซานตามาเรีย" ฟาบิโอตอบ
"มันคืออะไรเหรอ?" เบลถาม
"มันคือเรือที่เขาว่ากันว่าเป็นเรือที่ใช้ในการสำรวจ และได้ออกเดินทางรอบโลก แม้ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ อาจอยู่ที่ไหนสักแห่ง" ฟาบิโออธิบาย
"ฟังดูน่าสนใจดีนะคะ" ลูเซียกล่าว
"คิดแล้วอยากจะเดินทางรอบโลกจังเลยแหะ" ไอริณกล่าวอย่างสนใจ
เบลฟังจบ เธอวิ่งไปหาอะไรบางอย่างในห้องแล้วหยิบกระดาษขาวแผ่นเปล่าออกมา
"สัญญากัน!" เบลพูดพร้อมวางกระดษบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
"สัญญาอะไร?" ไอริณไม่เข้าใจกับการกระทำของเธอ
"จะเดินทางรอบโลกเหมือนเรือซานตามาเรียเลยคอยดู!" เบลพูดพร้อมแล้วยิ้มทำตาเป็นประกาย
"คิดง่ายไปหรือเปล่าคะเนี่ย?" ลูเซียพูดพลางยิ้มเหงื่อตก
ระหว่างนั้นเองจู่ๆฟาบิโอของหัวเราะออกมาดังๆ
"มันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอก ยัยเด็กน้อย จะบอกอะไรให้นะ ในโลกนี้แม้จะมีสิ่งสวยงามรอให้ เราได้ชมและสัมผัสมันด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่สวยงาม มักมีเบื้องหลังที่โหดร้ายอยู่เสมอ" เขาพูดแล้วทำหน้าเศร้า
"ความโหดร้ายที่อาจพาเราไปสู่ความตาย" ประโยคสุดท้ายนั้นทำให้ลูเซียและไอริณรู้สึกเศร้าใจไปตามๆกัน
"ง่ายดีออก" เบลพูดชวนทุกคนงงตกใจ
"พลาสเตอร์ ผ้าพันแผล ห้ามเลือด ปะลงไปก็สิ้นเรื่อง" เธอยิ้มพูดเป็นขั้นเป็นตอนตามสิ่งที่เธอทำอยู่โดยแปะพลาสเตอร์บนแผลสุดท้ายบนใบหน้าของไอริณ
"นี่ตายนะ" ลูเซียย้ำ
"ตาย? ก็ไม่ต่างอะไรจากการบาดเจ็บ ไม่ใช่เหรอ?" เบลพูดตามความคิดของตนเอง
"หา? นี่เธอสับสนระหว่างบาดเจ็บกับตายเหรอ?" ไอริณไต่ถาม
"เอ๊? ฉันเข้าใจอะไรผิดกับคำว่าตายเหรอ?" เบลทงงงวย ชวนให้ทุกคนไม่รู้ว่าจะเครียดหรือร้องไห้ดี
จนกระทั่ง มีเสียงเคาะประตูจากด้านบน
ฟาบิโอได้ยินดังนั้น จึงขึ้นบันไดลิงไม้ไปเปิดประตู
"ฝนตก?" ด้านอกคือคุณมาม่ากางร่มกันฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
...........
..........................
ยามนี้คือยามค่ำคืน
ฝนเทกระหน่ำลงมา นับว่าเป็นฝนตกที่แรงเอามากๆ เด็กทั้งสี่เดินกันเกาะกลุ่มกับคุณมาม่าที่เดินกลางร่มเพื่อไม่ให้ตนเองโดนฝน เพราะเดี๋ยวเป็นหวัดกิน เบลมองหน้าคุณมาม่าด้วยนัยน์ตาดูขี้สงสัย
"ฟาบิโอ เธอผมยาวขึ้นนะ จะให้ฉันตัดผมมั้ย" คุณมาม่ากล่าวถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร(?) แต่สำหรับฟาบิโอแล้วมันช่างน่าสะพรึงจึงเกิดอาการตื่นกลัวเหงื่อแตกพล่านอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าไปเจออะไรที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะการตัดผม
"มะ..ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ฟาบิโอตอบ
"เจ้าหนี้ไปแล้วเหรอ?" เบลถาม
"หืม?" จากนั้นคุณมาม่าก็หันมามองฟาบิโอ จนเขาหัวเราะแหยๆ
"ช่างเถอะ วันนี้เรามาเรียนต่อกันเถอะนะ" คุณมาม่ายิ้มพูด
"เอ๊?!" เด็กๆหยุดเดินร้องทั้งกลุ่ม
"โทษฐานที่พวกเธอทะเลาะกัน หรือจะให้พวกเธอวิ่งรอบสนามสักสามสิบรอบตอนนี้เลยดีมั้ยนะ~"
คุณมาม่าพูดพร้อมยิ้มอย่างใสซื่อ(?)
และเพียงไม่กี่วินาทีเด็กๆรับปากจะเรียนทันที
...........
..........................
ภายในบ้านไม่สิ ต้นไม้ที่มีบานประตูก็เข้าไปอาศัยได้แล้ว ในต้นไม้ต้นใหญ่นี้ มีหกห้อง ซึ่งมีห้องสมุดห้องเล็ก ห้องครัวมีโต๊ะอาหาร ห้องนอนของพวกเด็กๆ ห้องนอนของพวกผู้ใหญ่ ห้องอาบน้ำ และห้องเรียน
ที่เด็กๆนั่งเรียนกันอยู่ตอนนี้
คุณมาม่าอยู่หน้ากระดาน ถือแท่งชอล์กและมือหนึ่งถือหนังสือ เดินสอนไปมา ทางลูเซีย ฟาบิโอและไอริณ
ต่างตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี แต่กับเบลแล้วเธอฟลุบหลับบนโต๊ะนอนน้ำลายยืดตั้งแต่ได้ยินสิ่งที่สอนไปแล้ว
"เบล เบล" ไอริณพยายามกระซิบคนข้างๆ สะกิดปลุกให้ตื่น แต่ก็ยังคงหลับอยู่ในความฝันหวานของเธอ
เปรี้ยง!
ฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหว ตะเกียงที่แขวนถึงกับแกว่งไปแกว่งมา
แต่เสียงฟ้าร้องก็ยังช่วยให้เบลตื่นขึ้นมา ถึงจะเป็นแบบนั้น
"คะ..คุณมาม่า" อาจารย์ยืนอยู่หน้าโต๊ะเรียนของเบลกับใบหน้าที่ดูยิ้มเหี้ยม
"ไปวิ่งรอบสนามสามสิบรอบ ปฏิบัติค่ะ!" เบลลุกพรวดวิ่งออกนอกบ้านแล้วทำตามสิ่งที่ตนเองพูดทันที
"เอ่อ..." คุณมาม่ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
"ฉันอยากจะบอกว่าจะให้ลงโทษโดยให้เธอคัดลายมือสักหน่อย" แต่สุดท้ายการลงโทษอยู่ดี
"จริงสิ! เบลอย่าออกไปข้างนอกนะ ฝนยังตกอยู่เลย!" ตามด้วยไอริณวิ่งตามไปสมทบ
.......
...................
"ฮัดชิ้ว!" เบลวิ่งรอบบ้าน(ต้นไม้) ตามจำนวนรอบที่กำหนด เธอฝืนวิ่งด้วยเท้าเปล่า จะเปียกไปด้วยดินโคลนยังไงเธอก็ไม่สนใจ
"เอ๊?" เบลเห็นเงาคนที่น่าจะเป็นสาวน้อยอายุพอๆกับเธอแต่ไกล เดินท่ามกลางสายฝน
"นี่ คุณ!" เธอวิ่งไปหาเจ้าของเงา
หมับ!
ไอริณคว้าจับมือเบลเสียก่อน
"จะไปไหนกันน่ะ?" เธอวิ่งหอบออกมาในสภาพเปียกปอนไปด้วยฝน แม้มืออีกข้างจะถือร่มอยู่
"ก็ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตากฝนอยู่อ้ะ" เบลตอบ ไอริณถอนหายใจ
"แล้ว...ไหน?" ไอริณกางร่มกันฝนให้ แล้วกวาดสายตาไปรอบๆ
"ไม่รู้สิ แต่ฉันเห็นเธอเดินไปทางนู้นอ่ะ" เบลชี้ไปตามทางที่เงาปริศนาเดินไป
"ก็นะ แต่ทำไมฉันรู้สึกเริ่มไม่ไว้ใจยังไงไม่รู้" ไอริณหน้าซีด
แสงสว่างส่องแสงใต้ใบหน้า ผิวที่ซีดเผือกจ้องมองมา
"เฮ้ย! เบลเอาตะเกียงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?!" ไอริณตกใจ
"ฮ่าๆ นักสืบนี่ก็กลัวผีเป็นด้วยแหะ" เบลหัวเราะ
"ช่างมันเถอะ แต่ฉันว่ากลับบ้านกันเถอะนะ" ขณะที่ไอริณจูงมือเบลหันกลับไป
"นี่ ฉันว่าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นเถอะนะ" เบลขอร้อง ไอริณกลับมาหน้าซีดอีกครั้ง
"อะ..อะไรกัน บางทีผู้หญิงอาจไม่ใช่คน"
"แต่เป็นผีสินะ" ขอบตาแดง กับผิวซีดเผือก ทั้งหมดเป็นการหยอกล้อของเบลต่อไอริณ แต่สามารถทำให้เธออุทานตกใจออกมาได้
............
......................
ในห้องสมุดในบ้าน(ต้นไม้) ห้องดูสลัวๆ เพราะแค่เทียนไขค่อยให้ส่องแสงเท่านั้น ในบรรดาสมาชิกในบ้าน นอกจากเด็กๆกับคุณมาม่าแล้ว มีตาแก่เครายาวนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้โยกเยกไปมา มองนอกหน้าต่างด้วยสายตาดูว่างเปล่า
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูตามด้วยบานประตูเปิดอย่างช้าๆ
"ขอโทษนะคะ" ลูเซียยกถาดถ้วยซุปกับขนมปังก้อนหนึ่ง
แต่ว่า...
"คุณปู่คะ นี่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยเหรอคะเนี่ย?!" ลูเซียเบิกตาโตเมื่อเห็นบนโต๊ะข้างๆตาแก่นั้นกับเต็มไปด้วยถาดอาหารทั้งของมื้อเช้าและมื้อกลางวัน วางอยู่โดยไม่มีร่องรอยอะไรในการแตะอาหารพวกนี้สักนิด
เห็นแบบนี้แล้วเธอจึงหาทางพยายามให้ตาแก่คนนี้ได้ทานอาหารให้ได้ ขอแค่สักคำก็ยังดี
"คุณปู่คะ ทานเถอะคะ" ลูเซียจับช้อนตักน้ำซุปป้อนให้เขาได้ทาน แต่เขาก็ไม่ยอมอ้าปากทานมันอยู่ดีนอกจาก ตอนนั้นเอง ที่น่าตกใจกว่า ตาแก่คนนั้นหันมาหาเธออย่างช้าๆ
"แม่หนู หนูเป็นใคร?" เขาพูด จนลูเซียไม่คาดฝันว่าคุณปู่ที่แต่เดิมจะมาพูดคุยแล้วเล่นกับพวกเด็กๆอย่างพวกเธอนั้น กลับมีท่าทีดูเย็นชา มิหนำซ้ำจู่ๆก็ความจำเสื่อมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
"คะ..คุณปู่.." ลูเซียแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหวถึงกับร้องไห้ออกมา ทำให้ตาแก่คนนั้นอึ้งงวยงง
"ฉะ..ฉันทำอะไรผิดเหรอ?" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อยากจะปลอบใจแม่หนูคนนี้
"ลูเซีย เป็นอะไรไป!?" และแล้วฟาบิโอก็เดินเข้ามา
"คุณปู่จำพวกเราไม่ได้แล้ว" ลูเซียพูดร้องไห้ และฟาบิโอกระชากคอเสื้อคุณปู่คนนั้นมาดื้อๆแล้วตะคอกว่า
"เฮ้ย! ไอ้แก่ แกทำอะไร!" เสียงดังๆ จนคุณมาม่าเปิดประตูเข้ามา
"ใจเย็นๆก่อน ฟาบิโอ" คุณมาม่ายกมือห้ามพร้อมพูดชวนให้ลูเซียให้ออกจากห้องนี้ไปอาบน้ำก่อน
แม้ลูเซียจะยอมตามคำกล่าวของเธอแต่ก็อดทำหน้าสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอย่างน่าฉงน
..............
.......................
ฝนตกยังเทกระหน่ำออกมาไม่ขาดสาย
"นี่คุณ~!" เบลถือตะเกียงตะโกนออกตามหาเงาผู้หญิงที่เห็นเมื่อกี้ไปพร้อมกับไอริณ ในป่ามืดเพียงสองคน
"กลับเถอะ" ไอริณกางร่มพร้อมทำหน้าเบื่อหน่ายที่จะทำแบบนี้ต่อไป
"เดี๋ยวก็เป็นหวัด ไม่สบายหรอก มาที่บ้าน(ต้นไม้)ของพวกเราเถอะ~" เบลยังส่งเสียงพูดลากยาว ให้เธอคนนั้นได้ยิน
"คนที่จะไม่สบายตอนนี้น่ะคือฉันต่างหากเล่า!" ไอริณคิดในใจก่อนที่เธอจะจามออกมา
"จะว่าไป...ช่วงนี้ดูแปลกๆนะ" เบลตั้งประเด็น
"ทำไม?"ไอริณถาม
"ก็นะ คุณปู่คนนั้นน่ะ ดูแปลกไปเมื่อห้าวันก่อนมาแล้ว เมื่อก่อนยังเล่นกับพวกเราอยู่เลย" เบลพูดไปพร้อมทำหน้าเศร้า
"อ่อ แกเขาเคยเป็นแบบนี้มาบ้างแล้ว จะเป็นแบบนี้ก็คงไม่แปลก" ไอริณอธิบาย จนเบลงงจนร้องเอ๊ม
"เอ๊~ ไม่ยักรู้มาก่อนะเนี่ย" เบลพูด
"ก็พวกเราเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันนี่ เธอน่ะคือสมาชิกน้องใหม่ล่าสุดในบ้าน(ต้นไม้)นะ แล้วฉันก็คือรุ่นพี่ของเธอเข้าใจไหม?" ไอริณพูดพลางชี้เบลว่าเป็นรุ่นน้อง ส่วนตัวเธอเองเป็นรุ่นพี่ตามลำดับ
"เอ๊~ งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว ฉันคือน้องใหม่ ส่วนเธอรุ่นพี่" เบลยิ้มทบทวนโดยชี้ตัวเธอว่าเป้นรุ่นน้อง แล้ว
ไอริณเป็นรุ่นพี่
"ใช่" ไอริณยิ้มอย่างมั่นใจ
"ก็ว่าอยู่ ว่าทำไมกันนะ~ ว่าทำไมไอริณต้องตามมาถือร่ม เพราะฉะนั้นน้องใหม่ก็คือแขกดีๆนี่เอง!"
เบลยิ้มสรุปตามความคิดไร้เดียงสาของเธอ จนไอริณคอตกกุมขมับด้วยความเครียดอยากจะตะโกนร้องออกมาว่า ใช่ที่ไหนล่ะโว้ย! อะไรประมาณนั้น
"เอ่อ..เบล" ไอริณเรียก
"เอ๊?" เบลตอบรับ
"ตั้งแต่เจอเธอมา..เธอไม่คิดจะใส่ร้องเท้าอะไรเลยเหรอ?" คราวนี้ไอริณเป็นฝ่ายตั้งประเด็นพูด ซึ่งภาพในหัวของไอริณตอนนี้คือ เหตุการณ์ตอนที่เธอกับลูเซียเจอเบลครั้งแรงในที่นั่งมีรางหญง้าฟางเป็นชายคาให้เป้นร่มเงา ตอนนั้นเบลดูทรุดโทรมมากเหมือนเธอเป็นโรคขาดสารอาหาร
"ไม่" เบลตอบด้วยใบหน้านิ่งธรรมดา
"ทำไมอ่ะ" ไอริณถาม
"ก็มันรู้สึกอึดอัด ตอนใส่รองเท้าอ่ะ มันไม่รู้สึกไม่ได้สัมผัสบนพื้นดินของโลกใบนี้ ราวกับเหมือนมีเส้นแบ่งกั้นระหว่างเค้ากับคุณพื้นดินเลยอ่ะ" เบลบรรยายเหตุผลเสร็จสรรพด้วยความคิดของเธอเองจริงๆชวนให้
ไอริณอ้าปากค้างงงๆกับเหตุผลที่เธอกล่าวออกมา ก่อนจะตั้งตนถามพูดเรื่องต่อไป
"ตอนแรกฉันคิดว่าเธอชื่อว่ามาเรียนะ เพราะที่บนชุดประโปรงที่เธอใส่มันปักคำนี้ไว้อยู่ " ไอริณชี้ไปที่
รอยปัก
"อ๋อ ชุดนี้น่ะเหรอ ก่อนที่จะเดินโพนทะนาไปทั่วเจอพวกเธออ่ะนะ เค้าได้มันมาจากคุณป้าคนหนึ่ง เป็นคุณป้าที่ดูแปลกมากเลยล่ะ" เบลอธิบาย
"แปลก?" ไอริณคาใจ
"ก็ตอนที่ เค้าเข้าไปในบ้านของคุณป้าอ่ะ ไม่ว่าจะคุณป่ากับคนในบ้านชอบประสานมือแบบนี้แล้วแล้วพูดงึมงำๆอะไรสักอย่าง" สิ่งที่เบลทำอยู่ตอนนี้คือการประสานมือภาวนา โดยทำเป็นตัวอย่างให้ไอริณดู
"อ่อ พวกลัทธิ" ไอริณพูดตามคำสันนิษฐานของเธอ
"พวกลัทธิ?" เบลงง
"ก็อย่างที่เสื้อที่ปักไว้ว่า มาเรีย น่ะ ฉันได้ยินมาจากคุณมาม่ามาว่าคนพวกนี้นิยมนำตัวอักษรคำว่ามาเรียมาปักบนเสื้อ บางทีก็สักบนผิวหนังเลยก็มี โดยเฉพาะลูกๆหลานๆที่เป็นผู้หญิง เห็นเขาเชื่อกันว่าถ้าทำแบบนี้ มารดาของพระเจ้าจะคุ้มครองให้พ้นจากอันตราย แล้วถือว่าเป็นการรับใช้พระเจ้าอีกอย่างหนึ่งด้วยนะ"
ไอริณอธิบายให้เบลฟัง
"อ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้น" เบลวิ่งพรวดไปหาทันที โดยไม่สนใจว่าฝนจะทำให้เธอเปียกโชกขนาดไหนก็ตามแต่
"เฮ้ย! รอด้วย" ตามด้วยไอริณกางร่มวื่งตามไปสมทบ
เงาผู้หญิงคนนั้นวิ่งดิ่งไปตามทางลาดลึกเข้าไปในป่า เรื่อยๆ ขณะที่ไอริณวิ่งตามไปนั้น เธอสังเกตุเห็นว่า
แต่ละข้างทางนั้นได้ปรากฏกลุ่มคนวิ่งไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นวิ่งไปขึ้นเรื่อยๆ จนผิดปกติ เมื่อเธอหันข้างหลังก็พบคนวิ่งตามหลังเธอ ทำให้เธอต้องชะลอความเร็วในจการวิ่งเพื่อไปคุยกับเขา
"เฮ้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?" ไอริณถาม
ท่ามกลางสายฝนนั้น ในเวลาเดียวกันทางฝ่ายเบลเอง
"นี่ๆ มาบ้านเราเถอะ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก" เบลพูดกับผู้หญิงคนนั้น
"จะบ้าเหรอ! คลื่นยักษ์นั่นจะมาทำลายหมู่บ้านเรา ตอนนี้ฉันขอเอาชีวิตรอดก่อนล่ะ!" หญิงสาววิ่งไปโดยสุดเต็มกำลัง
"คลื่นยักษ์เหรอ?" เบลสงสัย
และทางฝ่ายไอริณเอง
"ว่าไงนะ!? คลื่นยักษ์จะเป็นไปได้ไงกัน? หมู่บ้านเราไม่ได้ติดอยู่กับทะเลนะ!" ไอริณถามด้วยความตื่นตระหนก
"จะเชือไม่เชื่อก็ไปลองดูข้างหลังสิ!! มันคลื่นน้ำนั้นมันใหญ่พอๆกับภูเขา!! ใช่แล้วต้องวิ่งขึ้นไปสูง!!" แล้วก็อีกหนึ่งที่วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่คิดชีวิต เป็นคำตอบที่ทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก เธอหยุดอย่กับที่สักพัก
"ไม่นะ คุณมาม่า!" สิ่งที่เธอคิดในตอนนี้ก็คือครอบครัวของพวกเธอ ดังนั้นไม่ชักช้า เธอรีบถือร่มวิ่งกลับไป
หมับ!
มีมือปริศนาได้มาจับข้อมือเธอ
"เบล จะไหนกันน่ะ!? นั่นมันทาง-" ไม่ทันพูดขาดคำ
"ฉันมีทางลัดที่จะไปบ้าน(ต้นไม้)ของพวกเรา" เบลจูงไอริณวิ่งไปตามทางที่เธอคิด
"แต่ ทางนั้นมัน!"
"เชื่อใจฉันเถอะ!" นี่เป็นครั้งแรกของไอริณที่ได้เห็นแววตาดูจริงจังของเบล เป็นสายตาที่ดูมุ่งมั่นที่จะช่วยชีวิตครอบครัว
.......
...................
ทุกอย่างพินาศสิ้น บ้านแต่ละหลังถูกพังทลายลงโดยมวลน้ำมหาศาล และตอนนี้ที่ที่หลงเหลือคือ
ซากปรักหักพังของบ้านและน้ำที่ท่วม
"ทุกคน!" ภาพที่ทั้งสองเห็นคือบ้าน(ต้นไม้) พังไม่เป็นท่าลอยอยูาบนน้ำ ทั้งสองจึงต่างคนไปช่วยคนที่อยู่ในบ้านทั้งหมด
"เฮ้! ฟาบิโอ! ฟาบิโอ!" ไอริณเรียกเขาให้ตื่นขึ้น
"คุณปู่! คุณมาม่า!" เบลก็เช่นกัน ในเวลาต่อมาพวกเธอทั้งสองได้เล็งเห็นอะไรบางอย่างในร่างกายของพวกเขา
"นั่นมัน..รอยกระสุน.." ไอริณกล่าวออกมาเบาๆ พร้อมตาโพลงอึ้ง บริเวณหน้าลำตัวของฟาบิโอมีรอยกระสุนประมาณสามสี่นัด
"นี่ ไอริณทางนี้ก็มีรอยรูมีเลือดไหลด้วยอ่ะ!" ทั้งตาแก่และคุณมาม่าก็เช่นกัน
"ต้องรีบรักษา ต้องรีบรักษาแล้ว!" เบลกวาดตาควานหาสิ่งที่จะพอช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้าง แต่ทางไอริณเมื่อลองตรวจชีพจรทุกจุดแล้ว
"ไม่ทันแล้ว" ไอริณตกในอยู่ในภวังค์ความสิ้นหวัง ทั้งสามคนไม่มีชีพจร แม้เบลฟังแล้วไม่รู้ในสิ่งที่ไอริณบอกแต่ด้วยที่เธอยังเป็นเด็กประมาณ หกถึงเก้าปี เธอจึงไม่เข้าใจมากนัก
"นี่! ลูเซียล่ะ!" เบลพูดแล้วมองตาตามหาไปรอบๆ
"ไม่เจอเหรอ?" น้ำเสียงของไอริณเหมือนพยายามกลั้นความเศร้าเอาไว้
"ฉันลองหาไปทั่วแล้ว แต่ไม่มีเลย" เบลตอบตามความเป็นจริง มันทำให้ไอริณนั้นรู้สึกได้ถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันโดยวิกฤตการณ์นี้ขึ้นมา แววตาเริ่มหมองหม่นราวกับไร้หนทางที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เสี้ยวินาทีที่คลื่นยักษ์ลูกต่อไปมาซัดถล่ม ไอริณรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกำลังยกตัวเธอ
"ฮึ๋ย..." เบลกลับประคองตัวไอริณแล้ววิ่งไปที่ภูเขาด้วยความเร็วสุดกำลังเต็มความสามารถ
"นี่ นะ..หนักกี่กิโลคะเนี่ย!" เบลกล่าว เป็นคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจเพื่อนเสียงจริง
"เธอพูดซะฉันเป็นหมูอ้วนหรือไงกัน หา!" ไอริณพูด ถึงจะเป็นคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจ อย่างไรก็ตามแต่
ก็ทำให้ไอริณปกติคนเดิมมาบ้าง
เป็นมิตรภาพที่ดูงดงาม แต่มนุษย์ย่อมไม่มีวันพ้นเงื้อมมือของธรรมชาติ คลื่นยักษ์ถ่าโถมลงมา ให้พื้นที่เต็มไปด้วยน้ำท่วมทุกผืนแผ่น เด็กสาวทั้งสองพัดพาไปตามทิศทางก็ไหลของน้ำ ข้างหน้ามีต้นที่ยืนตงาดแม้น้ำจะเชี่ยวแรงขนาดไหน ไอริณได้เห็นดังนั้นจึงรีบจับฮู้ดของเบลแล้วคว้าตัวให้มาเกาะต้นไม้ต้นนี้
"แค่ก แค่ก คะ..เค้าคิดว่ามันต้องเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวแน่ๆเลย" เบลสำลักน้ำพูดไป
"ฉะ...ฉัน" ไอริณในตอนนี้แทบหายใจไม่ออกเพราะน้ำพัดแรงรื่อยๆ
ตาของเธอแทบลืมตาไม่ขึ้น เพราะกระแสอุทกพัดแรงไม่สิ้นเสียที ถึงจะมีแรงเกาะต้นไม้อยู่ แต่ตอนนี้เธอเริ่มหายใจไม่ออก เปลือกตาค่อยๆปิดลง แล้วทุกอย่างที่เห็นคือความมืด
....
............
..................
ตั้งแต่เกิดมา ตัวเค้าเอง
ก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่เป็นใคร แม้แต่ตัวเองก็ด้วย
สิ่งที่เห็นและได้ยินนั้นคือแสงและเสียงอันอบอุ่น
รู้ตัวอีกที เค้าก็อยู่โดดเดียวท่ามกลางผืนธรรมชาติแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เหมือนทุกอย่างที่สัมผัสไปนั้น
มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ไม่ได้สวมเสื้อแบบปกติเหมือนชาวบ้าน ผ้าคลุมยาวสีแดงชาดยาวเลยตาตุ่ม
ถึงพื้น พร้อมกับปิดบังใบหน้าด้วยฮู้ดสีเดียวกับผ้าคลุม โดยมองด้วยสายตายมองตนเองแปลกๆ
เค้าเองยังคงเดินไปเรื่อยๆ
เค้าไม่มีทั้งที่อยู่ เพื่อน ญาติ ครอบครัว
หรือเค้าโดดเดี่ยวตั้งแต่แรกอย่างงั้นหรือ?
เบล!
ใครเรียกกัน? แต่เป็นคำที่ดูเพราะจังเลย
เบล!
เบลแปลว่าอะไรกันนะ?
เบล!
อะไรคือเบล?
"เบล!" เบลสะดุ้งตื่นทันที เมื่อเพื่อนสนิทของเธอเอ่ยเรียกดังๆใส่เธอ ในรอบๆตัวเธอนั้นสิ่งที่เจอคือ
ไอริณและลูเซียจ้องมองเธอด้วยสายตาดูเป็นห่วง ณ ตอนนี้ อยู่กันสามคน ต่างก็อยู่สภาพเปียกโชกทั้งหมด นั่งในรถขนแร่ขนาดเล็กบนรางที่ยังไม่เคลื่อนที่ใดๆเท่านั้น
"ทุกคน...อ๊ะ! ลูเซีย" เบลพูดมองหน้าลูเซียด้วยนัยน์ตาดูตกใจ
"ฉันเจอลูเซียโดนพัดตามกระแสน้ำ ตอนที่เธอไม่ได้สติน่ะ แล้วจากนั้น พวกเราก็ช่วยกันหอบเธอปีนไปที่สูง นั่นก็คือที่นี่ล่ะ"ไอริณอธิบายให้เบลฟัง ซึ่งเธอก็เข้าใจ แต่ไอริณนั้น..
"นี่ ลูเซียว่าแต่ตอนนั้นเธอหายไปไหนมาน่ะ? พอฉันกลับไปที่บ้าน(ต้นไม้)อีกที ก็ไม่พบเธอแล้วล่ะ"
ไอริณถาม
"ตอนนั้นฉันกำลังเดินไปห้องอาบน้ำ แต่จู่ๆก็มีคลื่นยักษ์มาจากที่ไหนไม่รู้ แล้วก็โดนน้ำพัดไปจนมาเจอพวกเธอนี่ล่ะ" ลูเซียเล่าเหตุผลให้ฟัง เวลาต่อมาจู่ๆไอริณทุบพื้นบนรถเข็นนี้อย่างรุนแรง ชวนให้เพื่อนๆสะดุ้งไปตามๆกัน
"ใครกัน...ที่ฆ่าพวกคุณมาม่า...ถ้าฉันเจอมันล่ะก็....ฉันต่อยหน้าให้สาแก่ใจเลยคอยดู..." ไอริณพูดอย่าง
โกรธแค้น
"ฆ่า?" เบลงง
"แต่ก็นะ ฉันน่ะ..." ลูเซียลุกขึ้นออกมาจากรถเข็น แล้วก็ผลักรถเข็นตกเหวทั้งที่ไอริณและเบลนั่งอยู่ในนั้น
"ขอโทษนะ..." เธอพูดจากเบื้องบนของหน้าผาแล้วยิ่มอย่างอ่อนโยน
มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ
ลูเซียที่แต่เดิมเป็นเพื่อนรักสามเกลอไปไหนมาไปด้วยกัน
ผลักพวกเธอด้วยรอยยิ้ม
ทั้งๆที่ไม่มีความแค้นต่อกันเลย
พวกเธอทั้งสองตกลงไปในทะเล
ยังดี ที่คลื่นทะเลพัดพาพวกเธอ
ไปติดอยู่เกาะหนึ่ง
ขอให้พวกเธออยู่กันอย่างปลอดภัย
...............
.........
....
แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้มีวันเดือนปีเป็นอะไรหรืออยู่ยุคใด?
มีเพียงแค่ ดวงตะวันและดวงจันทร์ เป็นเพียงตัวช่วยบอกเวลาเท่านั้น
ถึงโลกแห่งนี้จะมีสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างพวกภูต ผี ปีศาจ เวทมนต์ ก็ตาม
แต่วิทยาการไม่ได้เลิศเลออะไรมากมาย
ใช้แค่ขวานตัดไม้
เพิ่มความอุ่นแค่ก่อกองไฟ แค่นี้ก็สุดกำลังความสามารถแล้ว
พวกเราอยู่บนท้องชนบททอันเต็มไปด้วยธรรมชาตินานาชนิด มีภูเขาน้อยใหญ่อยู่บ้าง บ้านแต่ละหลัง
ส่วนใหญ่ก็สร้างด้วยไม้ไม่ก็อิฐ
ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีกว้างใหญ่ไพศาล แต่มิอาจเทียบเท่าท้องนภา หากมองสุดขอบฟ้าก็มิอาจรู้ได้ว่า
สถานที่นั้นคือสถานที่แห่งใดกัน อยากจะโผบินไปที่นั่น อยากจะมองจากเบื้องบนดูผืนแผ่นดินข้างล่าง
"นี่ มนุษย์ต่างดาวนี่มันมีจริงเหรอ?" เบล สาวน้อยในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ทับด้วยชุดกระโปรงแขนกุดสีแดงบนบริเวณอกของชุดปักตัวอักษรด้วยไม้พรมสีแดงเข้มว่า MARIA มีผ้าสีแดงผืนใหญ่ผูกไว้เป็นตัวฮู้ด
มีผมบลอนด์สั้น นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล เท้าเปล่าที่ไม่สวมรองเท้าหรือถุงเท้าใดๆ นอนใต้ร่มเงาของต้นไม้ร่วมกับคนอื่นๆ เพียงสามคน มองท้องฟ้ายามอัสดง แล้วพูดอะไรแปลกๆลอยออกมา
"มนุษย์ เอ่อ.. มนุษย์อะไรนะ?" ไอริณ เด็กสาวในเสื้อคลุมสีดำ คอปกสีขาว ใส่ทับเชิ้ตแขนยาวทับด้วยเสื้อกั๊กสีเดียวกับกระโปรงยาวเลยเข่าไม่มากเป็นสีกรมท่า มีเนคไทดำห้อย เป็นเจ้าของเรือนผมสีเทาสั้นดูยุ่งเล็กน้อย เอกลักษณ์ของเธอคือคิ้วหนา หมวกสีดำคู่ใจที่ขยับมันเป็นระยะๆ และใบหน้าบ่งบอกถึงความเป็นเอเชีย
ตาสีดำมองเบลปนความรู้สึกเอือมเล็กน้อย
"เบลคงอยากจะหาอะไรคุยละมั้ง ตั้งแต่เช้าแล้วเราไม่ได้คุยอะไรกันเลยนะ" ลูเซีย เด็กหญิงในชุดกระโปรงสีเขียวทับด้วยผ้ากันเปื้อนโทรมนิดๆ เรือนผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้าครามสดใส พูดแล้วตบท้ายรอยยิ้มดูเริงร่า
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งมีชีวิตแบบนั้นมีอยู่ในชีวิตจริงหรือเปล่า? แค่รู้ว่ามันคือสิ่งที่คนสมัยก่อนเขาคิดขึ้นมาเองเท่านั้น" ไอริณได้แสดงความเห็น
"ไม่มีจินตนาการเอาซะเลย" เบลกล่าว
"อะไรของเธอ..." ไอริณถึงขนาดเอาหมวกมาปิดหน้า แทนการทำมือกุมขมับ
เงียบ...
"ไอริณเนี่ยก็พูดในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันนะ" เบลตั้งประเด็น
"หา?" ไอริณงง
"ก็อย่างเช่น ฮาร์ด บอยด์ ที่เธอชอบพูดอยู่เป็นประจำไงล่ะ" เบลตอบ
"ฉันน่ะหลงใหลในการสืบสวนโดยไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง นี่ล่ะคือวิถีของฮาร์ด บอยด์"ไอริณพูดไปพร้อมกับแกว่งหมวกเล่นแบบเท่ๆ
"สุดท้าย เธอก็ไม่ต่างจากคนที่เพ้อเรื่องมนุษย์ต่างดาวอย่างเค้าหรอกนะ" น้ำเสียงของเบลดูกลั้นหัวเราะ
"นี่เธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่เนี่ย" ไอริณทำหน้าเอือม
ทุกอย่างเงียบสักพัก เห็นดังนั้นแล้วลูเซียจึงลุกขึ้น
"ตอนนี้ก็ตอนเย็นแล้วกลับบ้านกันเถอะ" ลูเซียพูด
................
...............................
ยามอาทิตย์อัสดง หมู่นกกาบินกลับรัง แม้ผู้คนก็เช่นกัน แต่ละคนต่างหอบอุปกรณ์จอบ ขวาน ฯลฯ
กลับบ้านอันแสนอบอุ่นของตน เพื่อพบคนในครอบครัว
ในลานสนามกว้างๆ มีกลุ่มเด็กผู้ชาย วิ่งเล่นไล่กันอย่างสนุกสนาน การละเล่นต้องไม่พ้นการเตะบอล
แต่ตัวลูกบอลนั้นกลับทำด้วยไม้อ่อนจักสานเป็นทรงกลม แล้วในบอลวัตถุบางอย่างที่ทำให้ลูกบอล
มีน้ำหนักไม่หนักไม่เบา ให้สมดุลพอที่จะเล่นได้
ปึก!
"เฮ้! เล่นดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง?" ระหว่างเดินทางกลับ เบลและผองเพื่อน รวมกันเป็นสามคน มีลูกบอล
ไปกระแทกศีรษะของลูเซียอย่างจังจนเธอร้องโอดโอย ทำให้ไอริณออกมาต่อว่าแทนเพื่อน
"ลูกบอลเบาแค่นี้ คงไม่เจ็บอะไรหรอก" เด็กหนุ่ม ผมสีดำสนิทเหมือนอีกา เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้ามีพลาสเตอร์ เดินมาหยิบลูกบอลโดยไม่ขอโทษสักคำ
"ให้ตายเถอะ ฟาบิโอ นายเนี่ยเคยพูดขอโทษคนอื่นเป็นไหมเนี่ย?" ไอริณพูดด้วยน้ำเสียงระอาเล็กน้อย
"ฉันล่ะกลุ้มเด็กผู้หญิงที่เอาแต่เรียกร้องเรื่องไร้สาระแบบนี้จริงๆ" ฟาบิโอกล่าวด้วยใบหน้าดูเหนื่อยใจ
"นี่ๆ ฉันได้ยินมาว่านายเนี่ยกลัวไก่จนแค่เห็นก็วิ่งเข้าบ้านด้วยเหรอ?" เบลกลับเปลี่ยนเรื่อง แล้วยื่นหน้าหาฟาบิโหถามด้วยรอยยิ้มดูไร้เดียงสา
"หะ..หา? ถามอะไรโง่ๆล่ะเบล ฉันจะไปกลัวสัตว์แบบนั้นที่ไหนกันล่ะ" ฟาบิโอตอบด้วยสีหน้าดูซีด เพราะไอริณเดินยื่นใบหน้าดูโกรธมากดดัน
"คนกลัวไก่แค่เห็นไข่ก็สะพรึงแล้วสินะ?" ไอริณยิ้มเย้ยหยันก่อนที่ล้วงหยิบไข่ในกระเป๋าโชว์ให้ฟาบิโอ
จนกลัวหัวหด
"ชิ บ้าน่า ฉันก็แค่กลัวใบหน้ามืดมนของเธอ ต่างหากเล่า!!" ฟาบิโอเหงื่อตกพยายามแถ
"มันก็แค่ข้ออ้าง..." ไอริณไม่ทันพูดจบ ฟาบิโอหยิบไพ่ใบสุดท้ายให้ไอริณสะดุ้งกรี๊ดทันทีที่เห็นมันแล้ว
ชกหน้าฟาบิโอจนล้มไปอยู่กับพื้นดิน
คือ ดอกทานตะวัน
ทั้งสองก็ไม่ต่างอะไร กลัวในสิ่งที่คนเขาไม่กลัวกัน
ฟาบิโอสวนกลับด้วยการต่อยหน้าไอริณโดยอัติโนมัติ
ไอริณ เป็นผู้หญิงแท้ แต่กลับมีแรงพอๆกับผู้ชายแท้
"ไอ้บ้าเอ๊ย!!" คราวนี้ไอริณฟาดหน้าเขาด้วยหน้าแข้ง จนใบหน้าช้ำบวม
"เธอนั่นแหละ!" ฟาบิโอกำมือมือแน่นพุ่งตัวไปหาทั้งสองโดยไม่สนว่าพวกเธอเป็นผู้หญิงอีกต่อไป
จนไอริณเดี้ยงลงไปอย่างน่าสังเวช
"นี่!" เบลทำหน้าเหวอวิ่งไปหาพวกเขาทั้งสอง
"เบล!" ตามาด้วยลูเซียวิ่งตามกันไปเพื่อช่วยห้าม
"นี่แน่!" เบลกลับกระโดดถีบหน้าท้องฟาบิโอจนจุก
ไม่ได้ไปช่วยห้ามเหรอเนี่ย. . .
"แย่แล้ว!" กลุ่มเด็กผู้ชายในสนามที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างวิ่งกรู มุ่งไปหากลุ่มชกต่อยชุลมุนที่อยู่ข้างหน้า
ลูเซียจึงตะโกนบอกพวกเขา
"ทุกคน รีบไปห้ามสามคนนี้เถอะ!"
"เอาเลย!" พวกเขาไม่ได้ฟังที่ลูเซียพูดเลยสักนิด พวกเขารวมตัวเป็นไทยมุงดูแล้วเชียร์มันราวกับว่าเป็นกีฬา
สายตาของฟาบิโอแข็งกร้าวกับความรู้สึกที่เจ็บใจ วิ่งร้องย๊าก ปล่อยหมัดไปหาเบล แต่
เบลไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด เธอเล่นต่อสู้กับผู้ชายเหมือนที่กรู้สึกกำลังเล่นแบบเด็กผู้หญิงอยู่
โดย..
ยกที่หนึ่ง ฟาบิโอทุ่มแรงกำปั้นพุ่งไป เบลหลบได้แล้วตบศีรษะจากข้างหลัง ล้มลงไปอย่าน่าอนาถ
ยกที่สอง ฟาบิโอเริ่มใช้เท้าเหวี่ยงฟาด แต่เบลใช้เท้าเตะช้างน้อยของเขา แล้วล้มลงไปอย่างน่าสลดใจ
ยกที่สาม เบลได้เป็นฝ่ายสู้ก่อน แต่ทั้งสองโดนโขกหน้าผากกันและกัน โดยมือปริศนา
"คะ...คุณมาม่า" ลูเซียตกใจกับเจ้าของมือปริศนาดังกล่าว
....................
.................................
อาทิตย์จะลับสุดขอบฟ้า เสียงการ้องและเสียงจักจั่นดังไปทั่วผืนดิน
เด็กสามคนอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเดินมากับเด็กสาวที่ไม่ได้มีร่องจาการต่อสู้อะไร
และ
หญิงวัยผู้ใหญ่มาพร้อมกับเสียงเทศนา
"น่าดีใจริงๆ! ที่ฉันมีศิษย์หญิงที่ไปชกต่อยอย่างกับผู้ชายไม่มีผิด! กับ ศิษย์ชายที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงแถมใช้กำลังเข้ากับเด็กผู้หญิง! กะเทยยังมีกาลเทศะกว่าชายหญิงปกติเสียอีก!" คือคุณมาม่าในสถานะควันขึ้นหัว
หงุดหงิดกับการกระทำของพวกเขา
"แบร่!"
"ยังไม่เลิกอีก!" คุณมาม่าดุเบลจนทำหน้าหงอยเดินคอตกเพราะเมื้อกี้เธอแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ฟาบิโอ
"เฮ้อ..." คุณมาม่าถอนหายใจ
"โอ้ ถึงบ้านแล้ว" ไอริณกับใบหน้าฟกช้ำมีเลือดซึมนิดๆ เห็นบ้านที่เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มีบานประตูหน้า
และหน้าต่างหกบาน
แต่
"หืม? ใครล่ะคะเนี่ย?" ลูเซียสังเกตุเห็นเงาลางๆจากที่ไกลซึ่งน่าจะเป็นคนทีมีรูปร่างใหญ่ อยู่หน้าบ้านของเขา
"อึก..." คุณมาม่าและฟาบิโอทำหน้าตกใจ
"อะไรเหรอ?" เบลงง
"ฟาบิโอ...พาพวกเบลไปที่ห้องใต้ดินนั่นทีนะ" คุณมาม่าสีหน้าเครียดวิ่งไปที่บ้านทัน ฟาบิโอเห็นได้นั้นจึงตอบตกลงแล้วพาพวกเธอไปยังที่นั่น
เขาพาพวกเธอไปที่ดงป่าเล็กๆ แล้วรื้อรางพุ่มไม้ที่ซ่อนประตูรูปร่างสี่เหลี่ยมจตุรัส เปิดขึ้นมาพาพวกเบล
ลงไปซ่อนในนั้น
......
....................
"ปลอดภัยแล้ว.." ฟาบิโอทำใบหน้าเหมือนกำลังพ้นขีดอันตราย
"นี่ ฟาบิโอ..." ลูเซียพูดด้วยสีหน้าดูกังวล
"ฉันอยากบอกตรงๆนะ ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่นายทำอยู่ตอนนี้เลยนะ" ไอริณงง
"ตั้งแต่ตอนนั้น เธอก็ทำแบบนี้กับเรามันหมายความว่ายังไงกันเหรอ?" เบลถามด้วยความสงสัย
"เอ่อ..." คำถามสารพัดรุมฟาบิโอจนจนมุม
"ฉันว่าพวกเธอมาทำแผลกันดีกว่านะ" ฟาบิโอรีบเปลี่ยนเรื่องคว้ากล่องพยาบาลจากตู้เก็บของที่อยู่ข้างหลัง
"บอกมาเถอะ" ไอริณบอกด้วยน้ำเสียงดูจริงจัง จนเขาถึงหน้าซีดเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง
สายตาของเด็กหญิงทั้งสามมองมาที่เขา ทำให้ฟาบิโอเบือนหน้าหนีสายตาไป จนเขาเริ่มรู้สึกดดัน
ถึงกับกลืนน้ำลายแล้วพูดออกมาช้าๆ
"เจ้าหนี้"
"อะ..เอ๊?" ลูเซียตาโตด้วยความตกใจ
"หืม?" เบลทำหน้างง
"แล้วทำไมไม่บอกพวกเราล่ะ?" ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในแววตาของไอริณ
"เอ่อ...แล้วเจ้าหนี้คืออะไรเหรอ?" เบลถามคำถามจนทุกคนแทบสะดุ้งหงายไปตามๆกัน
นี่เธอรู้อะไรอย่างอื่นนอกจากมนุษย์ต่างดาวมั้ยเนี่ย?
.......................
........................................
ในห้องใต้ดินที่มืดมิดแต่มีแสงไฟจาตะเกียง เพื่อความสว่างให้ห้องแห่งนี้อยู่
"เสร็จแล้วจ๊ะ" ลูเซียเก็บอุปกรณ์ในกล่องพยาบาลอย่างเรียบร้อยหลังจากรักษารอยแผลและรอยฟกช้ำของฟาบิโอเสร็จ
"ขอบใจมากนะ" ฟาบิโอยิ้มขอบคุณ
เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นดี
ต่างจากไอริณที่กำลังนั่งร้องซี้ดเจ็บแผลแม้เบลจะช่วยจัดการกับรอยฟกช้ำให้เธอก็ตามที
"อยู่นิ่งๆสิ นี่ฉันทำเบาที่สุดแล้วนะ~" เบลใช้น้ำแข็งห่อด้วยผ้าช่วยประคบ
"ทำแบบนี้ฆ่าตูเถอะ!" ท่าทางจะเจ็บน่าดู
ขณะทำแผล เบลเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
"เรือ?" สิ่งที่เบลนั้นคือ โมเดลเรือสำเภาอยู่ในกล่องกระจกใส
"ซานตามาเรีย" ฟาบิโอตอบ
"มันคืออะไรเหรอ?" เบลถาม
"มันคือเรือที่เขาว่ากันว่าเป็นเรือที่ใช้ในการสำรวจ และได้ออกเดินทางรอบโลก แม้ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ อาจอยู่ที่ไหนสักแห่ง" ฟาบิโออธิบาย
"ฟังดูน่าสนใจดีนะคะ" ลูเซียกล่าว
"คิดแล้วอยากจะเดินทางรอบโลกจังเลยแหะ" ไอริณกล่าวอย่างสนใจ
เบลฟังจบ เธอวิ่งไปหาอะไรบางอย่างในห้องแล้วหยิบกระดาษขาวแผ่นเปล่าออกมา
"สัญญากัน!" เบลพูดพร้อมวางกระดษบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
"สัญญาอะไร?" ไอริณไม่เข้าใจกับการกระทำของเธอ
"จะเดินทางรอบโลกเหมือนเรือซานตามาเรียเลยคอยดู!" เบลพูดพร้อมแล้วยิ้มทำตาเป็นประกาย
"คิดง่ายไปหรือเปล่าคะเนี่ย?" ลูเซียพูดพลางยิ้มเหงื่อตก
ระหว่างนั้นเองจู่ๆฟาบิโอของหัวเราะออกมาดังๆ
"มันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอก ยัยเด็กน้อย จะบอกอะไรให้นะ ในโลกนี้แม้จะมีสิ่งสวยงามรอให้ เราได้ชมและสัมผัสมันด้วยตัวเอง แต่สิ่งที่สวยงาม มักมีเบื้องหลังที่โหดร้ายอยู่เสมอ" เขาพูดแล้วทำหน้าเศร้า
"ความโหดร้ายที่อาจพาเราไปสู่ความตาย" ประโยคสุดท้ายนั้นทำให้ลูเซียและไอริณรู้สึกเศร้าใจไปตามๆกัน
"ง่ายดีออก" เบลพูดชวนทุกคนงงตกใจ
"พลาสเตอร์ ผ้าพันแผล ห้ามเลือด ปะลงไปก็สิ้นเรื่อง" เธอยิ้มพูดเป็นขั้นเป็นตอนตามสิ่งที่เธอทำอยู่โดยแปะพลาสเตอร์บนแผลสุดท้ายบนใบหน้าของไอริณ
"นี่ตายนะ" ลูเซียย้ำ
"ตาย? ก็ไม่ต่างอะไรจากการบาดเจ็บ ไม่ใช่เหรอ?" เบลพูดตามความคิดของตนเอง
"หา? นี่เธอสับสนระหว่างบาดเจ็บกับตายเหรอ?" ไอริณไต่ถาม
"เอ๊? ฉันเข้าใจอะไรผิดกับคำว่าตายเหรอ?" เบลทงงงวย ชวนให้ทุกคนไม่รู้ว่าจะเครียดหรือร้องไห้ดี
จนกระทั่ง มีเสียงเคาะประตูจากด้านบน
ฟาบิโอได้ยินดังนั้น จึงขึ้นบันไดลิงไม้ไปเปิดประตู
"ฝนตก?" ด้านอกคือคุณมาม่ากางร่มกันฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
...........
..........................
ยามนี้คือยามค่ำคืน
ฝนเทกระหน่ำลงมา นับว่าเป็นฝนตกที่แรงเอามากๆ เด็กทั้งสี่เดินกันเกาะกลุ่มกับคุณมาม่าที่เดินกลางร่มเพื่อไม่ให้ตนเองโดนฝน เพราะเดี๋ยวเป็นหวัดกิน เบลมองหน้าคุณมาม่าด้วยนัยน์ตาดูขี้สงสัย
"ฟาบิโอ เธอผมยาวขึ้นนะ จะให้ฉันตัดผมมั้ย" คุณมาม่ากล่าวถามด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร(?) แต่สำหรับฟาบิโอแล้วมันช่างน่าสะพรึงจึงเกิดอาการตื่นกลัวเหงื่อแตกพล่านอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าไปเจออะไรที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะการตัดผม
"มะ..ไม่ล่ะ ขอบคุณ" ฟาบิโอตอบ
"เจ้าหนี้ไปแล้วเหรอ?" เบลถาม
"หืม?" จากนั้นคุณมาม่าก็หันมามองฟาบิโอ จนเขาหัวเราะแหยๆ
"ช่างเถอะ วันนี้เรามาเรียนต่อกันเถอะนะ" คุณมาม่ายิ้มพูด
"เอ๊?!" เด็กๆหยุดเดินร้องทั้งกลุ่ม
"โทษฐานที่พวกเธอทะเลาะกัน หรือจะให้พวกเธอวิ่งรอบสนามสักสามสิบรอบตอนนี้เลยดีมั้ยนะ~"
คุณมาม่าพูดพร้อมยิ้มอย่างใสซื่อ(?)
และเพียงไม่กี่วินาทีเด็กๆรับปากจะเรียนทันที
...........
..........................
ภายในบ้านไม่สิ ต้นไม้ที่มีบานประตูก็เข้าไปอาศัยได้แล้ว ในต้นไม้ต้นใหญ่นี้ มีหกห้อง ซึ่งมีห้องสมุดห้องเล็ก ห้องครัวมีโต๊ะอาหาร ห้องนอนของพวกเด็กๆ ห้องนอนของพวกผู้ใหญ่ ห้องอาบน้ำ และห้องเรียน
ที่เด็กๆนั่งเรียนกันอยู่ตอนนี้
คุณมาม่าอยู่หน้ากระดาน ถือแท่งชอล์กและมือหนึ่งถือหนังสือ เดินสอนไปมา ทางลูเซีย ฟาบิโอและไอริณ
ต่างตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี แต่กับเบลแล้วเธอฟลุบหลับบนโต๊ะนอนน้ำลายยืดตั้งแต่ได้ยินสิ่งที่สอนไปแล้ว
"เบล เบล" ไอริณพยายามกระซิบคนข้างๆ สะกิดปลุกให้ตื่น แต่ก็ยังคงหลับอยู่ในความฝันหวานของเธอ
เปรี้ยง!
ฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหว ตะเกียงที่แขวนถึงกับแกว่งไปแกว่งมา
แต่เสียงฟ้าร้องก็ยังช่วยให้เบลตื่นขึ้นมา ถึงจะเป็นแบบนั้น
"คะ..คุณมาม่า" อาจารย์ยืนอยู่หน้าโต๊ะเรียนของเบลกับใบหน้าที่ดูยิ้มเหี้ยม
"ไปวิ่งรอบสนามสามสิบรอบ ปฏิบัติค่ะ!" เบลลุกพรวดวิ่งออกนอกบ้านแล้วทำตามสิ่งที่ตนเองพูดทันที
"เอ่อ..." คุณมาม่ายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
"ฉันอยากจะบอกว่าจะให้ลงโทษโดยให้เธอคัดลายมือสักหน่อย" แต่สุดท้ายการลงโทษอยู่ดี
"จริงสิ! เบลอย่าออกไปข้างนอกนะ ฝนยังตกอยู่เลย!" ตามด้วยไอริณวิ่งตามไปสมทบ
.......
...................
"ฮัดชิ้ว!" เบลวิ่งรอบบ้าน(ต้นไม้) ตามจำนวนรอบที่กำหนด เธอฝืนวิ่งด้วยเท้าเปล่า จะเปียกไปด้วยดินโคลนยังไงเธอก็ไม่สนใจ
"เอ๊?" เบลเห็นเงาคนที่น่าจะเป็นสาวน้อยอายุพอๆกับเธอแต่ไกล เดินท่ามกลางสายฝน
"นี่ คุณ!" เธอวิ่งไปหาเจ้าของเงา
หมับ!
ไอริณคว้าจับมือเบลเสียก่อน
"จะไปไหนกันน่ะ?" เธอวิ่งหอบออกมาในสภาพเปียกปอนไปด้วยฝน แม้มืออีกข้างจะถือร่มอยู่
"ก็ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินตากฝนอยู่อ้ะ" เบลตอบ ไอริณถอนหายใจ
"แล้ว...ไหน?" ไอริณกางร่มกันฝนให้ แล้วกวาดสายตาไปรอบๆ
"ไม่รู้สิ แต่ฉันเห็นเธอเดินไปทางนู้นอ่ะ" เบลชี้ไปตามทางที่เงาปริศนาเดินไป
"ก็นะ แต่ทำไมฉันรู้สึกเริ่มไม่ไว้ใจยังไงไม่รู้" ไอริณหน้าซีด
แสงสว่างส่องแสงใต้ใบหน้า ผิวที่ซีดเผือกจ้องมองมา
"เฮ้ย! เบลเอาตะเกียงมาตั้งแต่เมื่อไหร่?!" ไอริณตกใจ
"ฮ่าๆ นักสืบนี่ก็กลัวผีเป็นด้วยแหะ" เบลหัวเราะ
"ช่างมันเถอะ แต่ฉันว่ากลับบ้านกันเถอะนะ" ขณะที่ไอริณจูงมือเบลหันกลับไป
"นี่ ฉันว่าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นเถอะนะ" เบลขอร้อง ไอริณกลับมาหน้าซีดอีกครั้ง
"อะ..อะไรกัน บางทีผู้หญิงอาจไม่ใช่คน"
"แต่เป็นผีสินะ" ขอบตาแดง กับผิวซีดเผือก ทั้งหมดเป็นการหยอกล้อของเบลต่อไอริณ แต่สามารถทำให้เธออุทานตกใจออกมาได้
............
......................
ในห้องสมุดในบ้าน(ต้นไม้) ห้องดูสลัวๆ เพราะแค่เทียนไขค่อยให้ส่องแสงเท่านั้น ในบรรดาสมาชิกในบ้าน นอกจากเด็กๆกับคุณมาม่าแล้ว มีตาแก่เครายาวนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้โยกเยกไปมา มองนอกหน้าต่างด้วยสายตาดูว่างเปล่า
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูตามด้วยบานประตูเปิดอย่างช้าๆ
"ขอโทษนะคะ" ลูเซียยกถาดถ้วยซุปกับขนมปังก้อนหนึ่ง
แต่ว่า...
"คุณปู่คะ นี่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลยเหรอคะเนี่ย?!" ลูเซียเบิกตาโตเมื่อเห็นบนโต๊ะข้างๆตาแก่นั้นกับเต็มไปด้วยถาดอาหารทั้งของมื้อเช้าและมื้อกลางวัน วางอยู่โดยไม่มีร่องรอยอะไรในการแตะอาหารพวกนี้สักนิด
เห็นแบบนี้แล้วเธอจึงหาทางพยายามให้ตาแก่คนนี้ได้ทานอาหารให้ได้ ขอแค่สักคำก็ยังดี
"คุณปู่คะ ทานเถอะคะ" ลูเซียจับช้อนตักน้ำซุปป้อนให้เขาได้ทาน แต่เขาก็ไม่ยอมอ้าปากทานมันอยู่ดีนอกจาก ตอนนั้นเอง ที่น่าตกใจกว่า ตาแก่คนนั้นหันมาหาเธออย่างช้าๆ
"แม่หนู หนูเป็นใคร?" เขาพูด จนลูเซียไม่คาดฝันว่าคุณปู่ที่แต่เดิมจะมาพูดคุยแล้วเล่นกับพวกเด็กๆอย่างพวกเธอนั้น กลับมีท่าทีดูเย็นชา มิหนำซ้ำจู่ๆก็ความจำเสื่อมตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
"คะ..คุณปู่.." ลูเซียแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหวถึงกับร้องไห้ออกมา ทำให้ตาแก่คนนั้นอึ้งงวยงง
"ฉะ..ฉันทำอะไรผิดเหรอ?" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อยากจะปลอบใจแม่หนูคนนี้
"ลูเซีย เป็นอะไรไป!?" และแล้วฟาบิโอก็เดินเข้ามา
"คุณปู่จำพวกเราไม่ได้แล้ว" ลูเซียพูดร้องไห้ และฟาบิโอกระชากคอเสื้อคุณปู่คนนั้นมาดื้อๆแล้วตะคอกว่า
"เฮ้ย! ไอ้แก่ แกทำอะไร!" เสียงดังๆ จนคุณมาม่าเปิดประตูเข้ามา
"ใจเย็นๆก่อน ฟาบิโอ" คุณมาม่ายกมือห้ามพร้อมพูดชวนให้ลูเซียให้ออกจากห้องนี้ไปอาบน้ำก่อน
แม้ลูเซียจะยอมตามคำกล่าวของเธอแต่ก็อดทำหน้าสงสัยไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปอย่างน่าฉงน
..............
.......................
ฝนตกยังเทกระหน่ำออกมาไม่ขาดสาย
"นี่คุณ~!" เบลถือตะเกียงตะโกนออกตามหาเงาผู้หญิงที่เห็นเมื่อกี้ไปพร้อมกับไอริณ ในป่ามืดเพียงสองคน
"กลับเถอะ" ไอริณกางร่มพร้อมทำหน้าเบื่อหน่ายที่จะทำแบบนี้ต่อไป
"เดี๋ยวก็เป็นหวัด ไม่สบายหรอก มาที่บ้าน(ต้นไม้)ของพวกเราเถอะ~" เบลยังส่งเสียงพูดลากยาว ให้เธอคนนั้นได้ยิน
"คนที่จะไม่สบายตอนนี้น่ะคือฉันต่างหากเล่า!" ไอริณคิดในใจก่อนที่เธอจะจามออกมา
"จะว่าไป...ช่วงนี้ดูแปลกๆนะ" เบลตั้งประเด็น
"ทำไม?"ไอริณถาม
"ก็นะ คุณปู่คนนั้นน่ะ ดูแปลกไปเมื่อห้าวันก่อนมาแล้ว เมื่อก่อนยังเล่นกับพวกเราอยู่เลย" เบลพูดไปพร้อมทำหน้าเศร้า
"อ่อ แกเขาเคยเป็นแบบนี้มาบ้างแล้ว จะเป็นแบบนี้ก็คงไม่แปลก" ไอริณอธิบาย จนเบลงงจนร้องเอ๊ม
"เอ๊~ ไม่ยักรู้มาก่อนะเนี่ย" เบลพูด
"ก็พวกเราเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันนี่ เธอน่ะคือสมาชิกน้องใหม่ล่าสุดในบ้าน(ต้นไม้)นะ แล้วฉันก็คือรุ่นพี่ของเธอเข้าใจไหม?" ไอริณพูดพลางชี้เบลว่าเป็นรุ่นน้อง ส่วนตัวเธอเองเป็นรุ่นพี่ตามลำดับ
"เอ๊~ งั้นเหรอ เข้าใจแล้ว ฉันคือน้องใหม่ ส่วนเธอรุ่นพี่" เบลยิ้มทบทวนโดยชี้ตัวเธอว่าเป้นรุ่นน้อง แล้ว
ไอริณเป็นรุ่นพี่
"ใช่" ไอริณยิ้มอย่างมั่นใจ
"ก็ว่าอยู่ ว่าทำไมกันนะ~ ว่าทำไมไอริณต้องตามมาถือร่ม เพราะฉะนั้นน้องใหม่ก็คือแขกดีๆนี่เอง!"
เบลยิ้มสรุปตามความคิดไร้เดียงสาของเธอ จนไอริณคอตกกุมขมับด้วยความเครียดอยากจะตะโกนร้องออกมาว่า ใช่ที่ไหนล่ะโว้ย! อะไรประมาณนั้น
"เอ่อ..เบล" ไอริณเรียก
"เอ๊?" เบลตอบรับ
"ตั้งแต่เจอเธอมา..เธอไม่คิดจะใส่ร้องเท้าอะไรเลยเหรอ?" คราวนี้ไอริณเป็นฝ่ายตั้งประเด็นพูด ซึ่งภาพในหัวของไอริณตอนนี้คือ เหตุการณ์ตอนที่เธอกับลูเซียเจอเบลครั้งแรงในที่นั่งมีรางหญง้าฟางเป็นชายคาให้เป้นร่มเงา ตอนนั้นเบลดูทรุดโทรมมากเหมือนเธอเป็นโรคขาดสารอาหาร
"ไม่" เบลตอบด้วยใบหน้านิ่งธรรมดา
"ทำไมอ่ะ" ไอริณถาม
"ก็มันรู้สึกอึดอัด ตอนใส่รองเท้าอ่ะ มันไม่รู้สึกไม่ได้สัมผัสบนพื้นดินของโลกใบนี้ ราวกับเหมือนมีเส้นแบ่งกั้นระหว่างเค้ากับคุณพื้นดินเลยอ่ะ" เบลบรรยายเหตุผลเสร็จสรรพด้วยความคิดของเธอเองจริงๆชวนให้
ไอริณอ้าปากค้างงงๆกับเหตุผลที่เธอกล่าวออกมา ก่อนจะตั้งตนถามพูดเรื่องต่อไป
"ตอนแรกฉันคิดว่าเธอชื่อว่ามาเรียนะ เพราะที่บนชุดประโปรงที่เธอใส่มันปักคำนี้ไว้อยู่ " ไอริณชี้ไปที่
รอยปัก
"อ๋อ ชุดนี้น่ะเหรอ ก่อนที่จะเดินโพนทะนาไปทั่วเจอพวกเธออ่ะนะ เค้าได้มันมาจากคุณป้าคนหนึ่ง เป็นคุณป้าที่ดูแปลกมากเลยล่ะ" เบลอธิบาย
"แปลก?" ไอริณคาใจ
"ก็ตอนที่ เค้าเข้าไปในบ้านของคุณป้าอ่ะ ไม่ว่าจะคุณป่ากับคนในบ้านชอบประสานมือแบบนี้แล้วแล้วพูดงึมงำๆอะไรสักอย่าง" สิ่งที่เบลทำอยู่ตอนนี้คือการประสานมือภาวนา โดยทำเป็นตัวอย่างให้ไอริณดู
"อ่อ พวกลัทธิ" ไอริณพูดตามคำสันนิษฐานของเธอ
"พวกลัทธิ?" เบลงง
"ก็อย่างที่เสื้อที่ปักไว้ว่า มาเรีย น่ะ ฉันได้ยินมาจากคุณมาม่ามาว่าคนพวกนี้นิยมนำตัวอักษรคำว่ามาเรียมาปักบนเสื้อ บางทีก็สักบนผิวหนังเลยก็มี โดยเฉพาะลูกๆหลานๆที่เป็นผู้หญิง เห็นเขาเชื่อกันว่าถ้าทำแบบนี้ มารดาของพระเจ้าจะคุ้มครองให้พ้นจากอันตราย แล้วถือว่าเป็นการรับใช้พระเจ้าอีกอย่างหนึ่งด้วยนะ"
ไอริณอธิบายให้เบลฟัง
"อ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้น" เบลวิ่งพรวดไปหาทันที โดยไม่สนใจว่าฝนจะทำให้เธอเปียกโชกขนาดไหนก็ตามแต่
"เฮ้ย! รอด้วย" ตามด้วยไอริณกางร่มวื่งตามไปสมทบ
เงาผู้หญิงคนนั้นวิ่งดิ่งไปตามทางลาดลึกเข้าไปในป่า เรื่อยๆ ขณะที่ไอริณวิ่งตามไปนั้น เธอสังเกตุเห็นว่า
แต่ละข้างทางนั้นได้ปรากฏกลุ่มคนวิ่งไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นวิ่งไปขึ้นเรื่อยๆ จนผิดปกติ เมื่อเธอหันข้างหลังก็พบคนวิ่งตามหลังเธอ ทำให้เธอต้องชะลอความเร็วในจการวิ่งเพื่อไปคุยกับเขา
"เฮ้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?" ไอริณถาม
ท่ามกลางสายฝนนั้น ในเวลาเดียวกันทางฝ่ายเบลเอง
"นี่ๆ มาบ้านเราเถอะ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก" เบลพูดกับผู้หญิงคนนั้น
"จะบ้าเหรอ! คลื่นยักษ์นั่นจะมาทำลายหมู่บ้านเรา ตอนนี้ฉันขอเอาชีวิตรอดก่อนล่ะ!" หญิงสาววิ่งไปโดยสุดเต็มกำลัง
"คลื่นยักษ์เหรอ?" เบลสงสัย
และทางฝ่ายไอริณเอง
"ว่าไงนะ!? คลื่นยักษ์จะเป็นไปได้ไงกัน? หมู่บ้านเราไม่ได้ติดอยู่กับทะเลนะ!" ไอริณถามด้วยความตื่นตระหนก
"จะเชือไม่เชื่อก็ไปลองดูข้างหลังสิ!! มันคลื่นน้ำนั้นมันใหญ่พอๆกับภูเขา!! ใช่แล้วต้องวิ่งขึ้นไปสูง!!" แล้วก็อีกหนึ่งที่วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่คิดชีวิต เป็นคำตอบที่ทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก เธอหยุดอย่กับที่สักพัก
"ไม่นะ คุณมาม่า!" สิ่งที่เธอคิดในตอนนี้ก็คือครอบครัวของพวกเธอ ดังนั้นไม่ชักช้า เธอรีบถือร่มวิ่งกลับไป
หมับ!
มีมือปริศนาได้มาจับข้อมือเธอ
"เบล จะไหนกันน่ะ!? นั่นมันทาง-" ไม่ทันพูดขาดคำ
"ฉันมีทางลัดที่จะไปบ้าน(ต้นไม้)ของพวกเรา" เบลจูงไอริณวิ่งไปตามทางที่เธอคิด
"แต่ ทางนั้นมัน!"
"เชื่อใจฉันเถอะ!" นี่เป็นครั้งแรกของไอริณที่ได้เห็นแววตาดูจริงจังของเบล เป็นสายตาที่ดูมุ่งมั่นที่จะช่วยชีวิตครอบครัว
.......
...................
ทุกอย่างพินาศสิ้น บ้านแต่ละหลังถูกพังทลายลงโดยมวลน้ำมหาศาล และตอนนี้ที่ที่หลงเหลือคือ
ซากปรักหักพังของบ้านและน้ำที่ท่วม
"ทุกคน!" ภาพที่ทั้งสองเห็นคือบ้าน(ต้นไม้) พังไม่เป็นท่าลอยอยูาบนน้ำ ทั้งสองจึงต่างคนไปช่วยคนที่อยู่ในบ้านทั้งหมด
"เฮ้! ฟาบิโอ! ฟาบิโอ!" ไอริณเรียกเขาให้ตื่นขึ้น
"คุณปู่! คุณมาม่า!" เบลก็เช่นกัน ในเวลาต่อมาพวกเธอทั้งสองได้เล็งเห็นอะไรบางอย่างในร่างกายของพวกเขา
"นั่นมัน..รอยกระสุน.." ไอริณกล่าวออกมาเบาๆ พร้อมตาโพลงอึ้ง บริเวณหน้าลำตัวของฟาบิโอมีรอยกระสุนประมาณสามสี่นัด
"นี่ ไอริณทางนี้ก็มีรอยรูมีเลือดไหลด้วยอ่ะ!" ทั้งตาแก่และคุณมาม่าก็เช่นกัน
"ต้องรีบรักษา ต้องรีบรักษาแล้ว!" เบลกวาดตาควานหาสิ่งที่จะพอช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้าง แต่ทางไอริณเมื่อลองตรวจชีพจรทุกจุดแล้ว
"ไม่ทันแล้ว" ไอริณตกในอยู่ในภวังค์ความสิ้นหวัง ทั้งสามคนไม่มีชีพจร แม้เบลฟังแล้วไม่รู้ในสิ่งที่ไอริณบอกแต่ด้วยที่เธอยังเป็นเด็กประมาณ หกถึงเก้าปี เธอจึงไม่เข้าใจมากนัก
"นี่! ลูเซียล่ะ!" เบลพูดแล้วมองตาตามหาไปรอบๆ
"ไม่เจอเหรอ?" น้ำเสียงของไอริณเหมือนพยายามกลั้นความเศร้าเอาไว้
"ฉันลองหาไปทั่วแล้ว แต่ไม่มีเลย" เบลตอบตามความเป็นจริง มันทำให้ไอริณนั้นรู้สึกได้ถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันโดยวิกฤตการณ์นี้ขึ้นมา แววตาเริ่มหมองหม่นราวกับไร้หนทางที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เสี้ยวินาทีที่คลื่นยักษ์ลูกต่อไปมาซัดถล่ม ไอริณรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกำลังยกตัวเธอ
"ฮึ๋ย..." เบลกลับประคองตัวไอริณแล้ววิ่งไปที่ภูเขาด้วยความเร็วสุดกำลังเต็มความสามารถ
"นี่ นะ..หนักกี่กิโลคะเนี่ย!" เบลกล่าว เป็นคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจเพื่อนเสียงจริง
"เธอพูดซะฉันเป็นหมูอ้วนหรือไงกัน หา!" ไอริณพูด ถึงจะเป็นคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจ อย่างไรก็ตามแต่
ก็ทำให้ไอริณปกติคนเดิมมาบ้าง
เป็นมิตรภาพที่ดูงดงาม แต่มนุษย์ย่อมไม่มีวันพ้นเงื้อมมือของธรรมชาติ คลื่นยักษ์ถ่าโถมลงมา ให้พื้นที่เต็มไปด้วยน้ำท่วมทุกผืนแผ่น เด็กสาวทั้งสองพัดพาไปตามทิศทางก็ไหลของน้ำ ข้างหน้ามีต้นที่ยืนตงาดแม้น้ำจะเชี่ยวแรงขนาดไหน ไอริณได้เห็นดังนั้นจึงรีบจับฮู้ดของเบลแล้วคว้าตัวให้มาเกาะต้นไม้ต้นนี้
"แค่ก แค่ก คะ..เค้าคิดว่ามันต้องเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวแน่ๆเลย" เบลสำลักน้ำพูดไป
"ฉะ...ฉัน" ไอริณในตอนนี้แทบหายใจไม่ออกเพราะน้ำพัดแรงรื่อยๆ
ตาของเธอแทบลืมตาไม่ขึ้น เพราะกระแสอุทกพัดแรงไม่สิ้นเสียที ถึงจะมีแรงเกาะต้นไม้อยู่ แต่ตอนนี้เธอเริ่มหายใจไม่ออก เปลือกตาค่อยๆปิดลง แล้วทุกอย่างที่เห็นคือความมืด
....
............
..................
ตั้งแต่เกิดมา ตัวเค้าเอง
ก็ไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่เป็นใคร แม้แต่ตัวเองก็ด้วย
สิ่งที่เห็นและได้ยินนั้นคือแสงและเสียงอันอบอุ่น
รู้ตัวอีกที เค้าก็อยู่โดดเดียวท่ามกลางผืนธรรมชาติแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เหมือนทุกอย่างที่สัมผัสไปนั้น
มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ไม่ได้สวมเสื้อแบบปกติเหมือนชาวบ้าน ผ้าคลุมยาวสีแดงชาดยาวเลยตาตุ่ม
ถึงพื้น พร้อมกับปิดบังใบหน้าด้วยฮู้ดสีเดียวกับผ้าคลุม โดยมองด้วยสายตายมองตนเองแปลกๆ
เค้าเองยังคงเดินไปเรื่อยๆ
เค้าไม่มีทั้งที่อยู่ เพื่อน ญาติ ครอบครัว
หรือเค้าโดดเดี่ยวตั้งแต่แรกอย่างงั้นหรือ?
เบล!
ใครเรียกกัน? แต่เป็นคำที่ดูเพราะจังเลย
เบล!
เบลแปลว่าอะไรกันนะ?
เบล!
อะไรคือเบล?
"เบล!" เบลสะดุ้งตื่นทันที เมื่อเพื่อนสนิทของเธอเอ่ยเรียกดังๆใส่เธอ ในรอบๆตัวเธอนั้นสิ่งที่เจอคือ
ไอริณและลูเซียจ้องมองเธอด้วยสายตาดูเป็นห่วง ณ ตอนนี้ อยู่กันสามคน ต่างก็อยู่สภาพเปียกโชกทั้งหมด นั่งในรถขนแร่ขนาดเล็กบนรางที่ยังไม่เคลื่อนที่ใดๆเท่านั้น
"ทุกคน...อ๊ะ! ลูเซีย" เบลพูดมองหน้าลูเซียด้วยนัยน์ตาดูตกใจ
"ฉันเจอลูเซียโดนพัดตามกระแสน้ำ ตอนที่เธอไม่ได้สติน่ะ แล้วจากนั้น พวกเราก็ช่วยกันหอบเธอปีนไปที่สูง นั่นก็คือที่นี่ล่ะ"ไอริณอธิบายให้เบลฟัง ซึ่งเธอก็เข้าใจ แต่ไอริณนั้น..
"นี่ ลูเซียว่าแต่ตอนนั้นเธอหายไปไหนมาน่ะ? พอฉันกลับไปที่บ้าน(ต้นไม้)อีกที ก็ไม่พบเธอแล้วล่ะ"
ไอริณถาม
"ตอนนั้นฉันกำลังเดินไปห้องอาบน้ำ แต่จู่ๆก็มีคลื่นยักษ์มาจากที่ไหนไม่รู้ แล้วก็โดนน้ำพัดไปจนมาเจอพวกเธอนี่ล่ะ" ลูเซียเล่าเหตุผลให้ฟัง เวลาต่อมาจู่ๆไอริณทุบพื้นบนรถเข็นนี้อย่างรุนแรง ชวนให้เพื่อนๆสะดุ้งไปตามๆกัน
"ใครกัน...ที่ฆ่าพวกคุณมาม่า...ถ้าฉันเจอมันล่ะก็....ฉันต่อยหน้าให้สาแก่ใจเลยคอยดู..." ไอริณพูดอย่าง
โกรธแค้น
"ฆ่า?" เบลงง
"แต่ก็นะ ฉันน่ะ..." ลูเซียลุกขึ้นออกมาจากรถเข็น แล้วก็ผลักรถเข็นตกเหวทั้งที่ไอริณและเบลนั่งอยู่ในนั้น
"ขอโทษนะ..." เธอพูดจากเบื้องบนของหน้าผาแล้วยิ่มอย่างอ่อนโยน
มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ
ลูเซียที่แต่เดิมเป็นเพื่อนรักสามเกลอไปไหนมาไปด้วยกัน
ผลักพวกเธอด้วยรอยยิ้ม
ทั้งๆที่ไม่มีความแค้นต่อกันเลย
พวกเธอทั้งสองตกลงไปในทะเล
ยังดี ที่คลื่นทะเลพัดพาพวกเธอ
ไปติดอยู่เกาะหนึ่ง
ขอให้พวกเธออยู่กันอย่างปลอดภัย
...............
.........
....
แนะนำตัวละคร
เบล
ไอริณ
ลูเซีย
ฟาบิโอ
คุณมาม่า
ตาแก่
เบล
ไอริณ
ลูเซีย
ฟาบิโอ
คุณมาม่า
ตาแก่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น