ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บไอเทมต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #14 : ส่ง ch.1 ของ กรุ๊ป new story

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 57


    คิดแบบนี้มาโดยตลอด

    ท้องฟ้าสีครามแสนสดใส

    ต้องสัปหงกทุกเช้าเมื่อตื่นไปโรงเรียน

    ตื่นมาว่าจะได้เจอ คุณพ่อที่ชอบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟพลางๆ

    คุณแม่ที่ชอบทำอาหารเช้าอย่าง ไข่ดาว ให้ฉันได้ทานทุกวัน

    ผิดทั้งหมด

    ตัวฉันนอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมเปลือกตาอันแสนหนักอึ้งนี้สิ่งที่พบคือ ทุกคนได้วิ่งไปมาทำธุระอย่างเร่งรีบ ไม่มีการอาบน้ำไม่มีการทานอาหารเช้า พวกเขาแค่วิ่งไปในห้องนั้น แล้วเดินออกมาในชุดลายพรางสีหม่นๆ ใช่แล้ว มันคือชุดทหาร

    "พี่เลน่า! ตื่นได้แล้ว! เดี๋ยวก็โดนครูฝึกเอาสามสิบรอบเป็นข้าวเช้าไปกินแทนหรอก" ลีน่า น้องสาวฝาแฝดเพียงคนเดียว พูดให้ผู้เป็นพี่ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ แม้แปรงสีฟันและฟองจะคาปากอบู่ก็ตาม

    "ทุกคน! โกลเด้น ไทม์ โกลเด้น ไทม์!" ต่อมาก็มีทหารชายคนหนึ่งตะโกนเหมือนป่าวประกาศให้คนในห้องได้รับทราบ ผลตามมาคือ คนในห้องต่างทำหน้ายตกใจ แล้ววิ่งกรูต่างคนต่างแย่งกันออกจากห้องเหมือน
    เป็นจะไคว่คว้าต้องการบางอย่าง

    ต้องขอแทรกสักนิด
    โกลเด้น ไทม์ แปลตามตัว คือช่วงเวลาทอง สำหรับยุคสมรภูมิตอนนี้แล้ว มันหมายถึงช่วงเวลาการแจกจ่ายอาหารโดยหนึ่งคนต่อหนึ่งชิ้นให้เพื่อให้ไม่ต้องหิวตายเท่านั้น ผลพวงจากการทำสงคราม ก็ย่อมเกิดความเสียหายทุกหย่อมหญ้าสิ่งที่ตามมาคือวัตถุดิบและเสบียงอาหารย่อมน้อยลง เรื่อยๆ ไม่ว่าจะ ประชาชนยังมีลมหายใจ แม้แต่ทหารเองก็ตาม โกลเด้น ไทม์ คือ นาทีทองสำหรับทุกคน

    ช่วงเช้า
    เวลา 6:35 น.
    ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้น แต่ฟ้าดูเหมือนจะหม่นหมอง

    "นี่คือตัวอย่างของการมาสาย!" ผู้นำในการฝึก หรือก็คือครูฝึกทหารดีๆนี่เอง พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
    สายตาทุกคนจับจ้อง หญิงสาววิ่งหอบรอบสนาม เท่าที่นับได้ เธอน่าจะวิ่งได้ประมาณ 10-15 รอบได้แล้ว
    กระมัง

    "พี่คะ..." ลีน่ามองพี่สาววิ่งหอบด้วยความเหนื่อย ด้วยความสงสาร ก็อยากจะช่วยอยู่ แต่ถ้าเดินไปยุ่ง
    อย่างดื้อๆ แล้วล่ะก็ คงต้องโดนวิ่งรอบสนามโดยจำนวนรอบที่มากกว่าเดิมแน่นอน

    และแล้วตอนนี้ถึงเวลาฝึกการซ้อมยิง


    ปัง!

    แสงทรงกลมผ่านตัวกิ่งบนต้นไม้ไปอย่างรวดเร็ว แต่ต่อมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "ไม่น่า กระสุนเห็ดของฉัน ไม่มีทางพลาดเป้าได้" เด็กหนุ่มสวมชุดใส่สบายคนหนึ่งมอง สิ่งที่ทำแล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า ด้วยความทุกข์

    "เวทมนตร์ของนายน่ะ ก็แค่ลูกแสงที่ไม่มีอนุภาค ไม่ต่างอะไรจากลมพัดผ่าน" หญิงสาวคนหนึ่งพูดใส่เด็กหนุ่มคนเมื่อตะกี้

    "อะไรของเธอน่ะ ยัยบ้า!"

    "แนะนำ หากนายเติมสิ่งที่เรียกว่า ตัวตนลงไปในความสามารถของตัวแสง จะเท่ากับว่า นายได้ให้สิ่งที่เรียกว่าตัวเลขแห่งสมการยกกำลังสอง ถ้าจะให้ดีนายควรใส่แก่นของวัตถุลงไปในนั้นด้วย" สาวแว่นพูด พร้อม นั่งบนตอไม้อ่านตำราในมือ อย่างครุ่นคิด

    "พูดให้เข้าใจกว่านี้ก็ได้นะโว้ย" เด็กหนุ่มตาโพลงด้วยความงง

    "ตาฉันแล้ว" สาวน้อยคลี่ยิ้มเดินออกมาข้างหน้าอย่างมั่นใจ กลุ่มคนดังกล่าวมองเธอด้วย

    "อ้าว อีฟมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?" สาวแว่น หนอนหนังสือคนนั้นหันมาถาม

    "...."

    เงียบดั่งป่าช้า

    "...."

    "เอ่อ...คือ..." หญิงสาวอ้ำอึ้ง

    "ทำไม..." อีฟตาโต

    "ความรู้สึกช้าเยี่ยงนี้..." เด็กหนุ่มกล่าว

    สาวแว่นคนนั้น ไม่ได้ปริปากพูดอะไร เพียงแค่เธอปิดตำราที่กำลังอ่านไปเมื่อกี้ แล้วหยิบตำราอีกเล่ม
    จากข้างๆตอไม้ ที่กองราวกับเป็นภูเขาเลากา

    "ช่างมันเถอะ ว่าแต่จะโชว์เวทมนตร์อะไรให้ดูล่ะ" หญิงสาวกอดอกหันมาพูด

    "หึ!" มือของอีฟเท้าสะเอวข้างหนึ่งแล้วทุบพื้นด้วยคทา แท่งสีดำสนิท ทั้งสีหน้า แววตา และรอยยิ้ม
    บ่งบอกถึงความมั่นใจที่เปี่ยมล้น ชวนให้สามคนดังกล่าวมองเธอ แม้แต่สาวแว่นยังต้องเหล่มอง

    "จะให้ชมเป็นขวัญตา!" เธอเอ่ยพร้อมมือสองข้างจับคทา ปักลงไปบนพื้นดินอย่างเต็มแรง

    รอยปักเกิดลำแสงลอดออกมา จนเกิดรอยแตกระแหงไปทุกที่ แล้วเกิดละอองแสงเหมือนหิ้งห้อย
    ออกมาเป็นสองทาง บินขึ้นสู่ฟ้า แล้วค่อยๆวนเกลียวหมุนไปเรื่อย สายตาทุกคนจับจ้องไปยังผลงานของเธอ
    คนผ่านไปผ่านมาแถวนั้นมองด้วยความตกใจแม้แต่เด็กหนุ่มนั่นต้องอ้าปากค้าง ลำแสงดังกล่าวได้บินทะลุเหนือเมฆไปแล้ว แต่พอลมพัดเท่านั้น มันก็หายไปกับตา

    "..."

    ทุกคนเงียบกินจุด


    "..."

    "แล้วไงต่อ..." เด็กหนุ่มพูด

    "แค่นี้ล่ะ" อีฟตอบ

    "เวทชั้นแย่อีกแล้ว" หญิงสาวสบถพูด อีฟกัดฟันกรอดแต่ไม่ได้พูดอะไรโต้กลับ มีเพียงแค่เสียงหัวเราะ
    จากคนรอบข้าง

    "เอาเถอะ ก็แค่ปล่อยลำแสง" หญิงสาวเอ่ยแล้วยิ้มอย่างมั่นใจ เธอโยนเม็ดเล็กๆไปทั้งซ้ายขวามือ แล้วเกิด
    ดอกไม้ขนาดมหึมาโผล่ขึ้นมาเหนือดินแล้วยกตัวเธอสูงขึ้นด้วย ดอกไม้ประหลาดแลดูเหมือนเก้าอี้
    และบุปผาจำนวนหลากดอกอีกมากมายที่บางดอกได้สูงเสียดฟ้าเสียอีก

    "ระดับฉันมันต้องอย่างนี้!"

    ทันใดนั้นสาวแว่นเพียงแค่เป่าเขาแกะ ก็เกิดลมพายุพัดทุกสิ่งจนปลิ้วว่อนไปทั่ว ทำให้สามคนนนอกเหนือจากเธอ โดนพัดพาไปตามสายลมแล้วไปตกอยู่ที่ไหนสักแห่ง

    ปากของเธอคลายออกจากเขาแกะ แล้วมองรอบๆ

    "ซวยแล้ว! ลืมไปว่าทุกคนอยู่ในนี้ด้วย!" เธอตาโพลงด้วยความตะลึงตกใจรีบโยนเขาแกะทิ้งแล้วออกไปตามทุกคน

    ในขณะเดียว

    ค่ายทหารเยาวชน

    "พี่เลน่า" ลีน่าเรียกพี่ของเธอ

    "หืม?"

    "ตอนโกลเด้น ไทม์ ฉันแอบเอาขนมปังอีกอันเอามาให้ด้วยล่ะ" ลีน่าพูดเสียงเบาแล้วส่งก้อนขนมปัง
    ให้

    "ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่หิว" จบคำพูดของพี่สาว จู่ๆท้องก็ร้องจ๊อก

    "...."

    เลน่าถือขนมปังกินยัดปากไม่เพียงแค่ชั่วพริบตา มันก็หมดไป คงไม่แปลก ตอนนี้ก็ปาไปตอนเย็นแล้ว

    "แหม พี่ชอบปากไม่ตรงกับใจ อย่างที่เขาเรียกว่าซึนเดเระใช่มั้ยคะ?" น้องสาวยิ้มขัน

    "มะ..ไม่ใช่สักหน่อย!" เลน่ากล้าวแย้งด้วยดวงหน้าแดงเขินอาน

    เสียงจากลำโพงแทรกขึ้นมาในท่ามกล่างเสียงสนทนาดังครึกครื้นภายในห้อง จนเสียงครึกครื้นเมื่อกี้ค่อยๆ
    ซาลงไปจนเงียบ

    "ทุกคนฟังให้ดี..." คำพูดของคนกล่าวออกมาจากลำโพงทั่วค่ายทหาร แล้วยังคงกล่าวออกมาเรื่อยๆ

    "ทหารที่ยังอยู่ในนี้ทั้งหมดได้จบการศึกษาเป็นที่เรียบร้อย แล้วเตรียมออกรบในตอนนี้ทันที"

    เพียงแค่นั้นก็สร้างความงงงันกับทหารเยาว์วัยทั้งหลาย

    "ในใบมันบอกจบปีหน้าไม่ใช่เหรอ!!"

    "บอกกันโต้งๆแบบนี้ไม่ทุเรศกันไปหน่อยหรือไง!" เสียงตะโกนโห่ดังกระหึ่มทั่วค่าย
    รวมถึงน้องสาวอย่างลีน่าเองก็ตื่นกลัวร้องหวั่นประมาณว่า "ไม่จริงนะ" แต่ฝ่ายคุณพี่กลับนิ่งไม่เปิดปากพูดใดๆ มองลำโพง ฟังต่อไปอย่างเงียบๆ

    "ทุกคน โปรดเงียบแล้วฟัง!"

    ทุกคนเงียบตามคำกล่าว

    "ขณะนี้กองทัพซึ่งเป็นไพ่ใบสุดท้ายของเราได้ได้แพ้ราบเป็นหน้ากลอง!"

    ในใจของทุกคนตอนนี้ได้ตื่นตะหนกด้วยความตกใจจนจะร้องออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

    ความเงียบเหมือนป่าช้า เพราะความช็อคของแต่ละคน

    ตูม!

    รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ในสนามรบที่ต้องมาเดิมพันด้วยชีวิตของตนเอง ต่างฝ่ายต่างถือปืนวิ่งประจัญบาญ
    เข้าหน้าหากัน แล้วเหนี่ยวไกปืนยิ่งกราดศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ศพนอนกองระเนระนาดตามทาง เลือดนองทั่วผืนแผ่นดิน

    ปัง! ปัง! ปัง! เสียงแบบนี้ยังคงดังตลอดไม่หยุดจักจบจักสิ้นกันเสียที

    ในท่ามกลางการต่อสู้อย่างดุเดือด มีใครค่อยๆลืมเปลือกตาในท่ามสนามรบและมีลมหายใจอยู่

    "เดี๋ยว.." สาวน้อยผู้ถือแท่งไม้รูปร่างประหลาด คืออีฟที่กวาดสายตาไปรอบๆอย่างงงๆ

    "ที่นี่มันที่ไหนกันน่ะ?" เธอเดินออกไปดูรอบๆ มีะระเบิดลูกหนึ่งลอยมาหาเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว

    "เหวอ.." ร่างอีฟล้มกระเด็นโดยมีหญิงสาวบางคนกระโดดอุ้มเธอไปให้พ้นจากแรงระเบิด

    "ไม่นึกเลยว่ามีเด็กอย่างเธอมาเดินเล่นในที่แบบนี้ด้วย คำสั่งอพยพมันประกาศไม่ทั่วถึงหรือไงกัน!" คือเลน่า
    ที่ตกอยู่ในสภาวะตึงเครียด

    "รีบไปหลบตรงนั้นกันเถอะ! ข้าศึกกำลังไล่ฆ่าพวกเราแล้วนะ!" ลีน่าวิ่งหนีจากศัตรูด้วยใบหน้าแตกตื่น
    เลน่าเห็นดังนั้นจึงเข้าใจโดยสัญชาตญาณพาอีฟที่ไม่ทันไรรู้อิโหน่อิเหน่อะก็มาอยู่ในที่แบบนี้แล้ว

    ห้องที่จะซ่อนตัว

    คือห้องใต้ดินที่มีป้านกลายเป็นซากปรักหักพัง

    "เท่านี้พวกมันก็ไม่เห็นพวกเรา" เลน่าหอบด้วยความเหนื่อย

    "ที่นี่คือที่ไหนกัน?" อีฟรีบถามลีน่า

    "สงครามยังไงล่ะ" เลน่าตอบแทนน้องสาว

    "สงครามเหรอ!! ทำไมต้องเกิดสงครามกัน!!" อีฟกล่าว

    "จะไปรู้เหรอ!!" เลน่าเกิดอาการฟิวส์ขาดจนตะคอกแรงด้วยความเครียดที่สะสมมานาน

    ทุกคนตกใจเงียบสักพัก

    "พี่คะ..." ลีน่ามองพี่สาวความสงสาร อีฟเห็นแบบนั้น...

    "ไปก่อนนะ!" เธอเปิดประตูออกไปทันที

    "เดี๋ยว! มันอันตรายนะ!" เลน่าตะโกนแล้ววิ่งไล่ตาม

    ตัวฉันที่แม้แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเรียนเวทมนตร์ไปเพื่ออะไร

    ถิ่นของฉันมีแต่มนตรา ที่อวดแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน

    เวทมนตร์คืออะไรยังไม่รู้จักความหมายของมันเลย

    แม้ตัวฉันจะเป็นคนมีอาคมก็ตาม

    ถ้าตัวสามารถใช้พลังได้แกร่งกล้าขึ้นล่ะก็

    ฉันขอ...

    ใช้เวทมนตร์เพื่อคนอื่นก็ยังดี!

    จู่ๆ ร่างกายของอีฟในท่าประสานมือภาวนาเรืองแสงขึ้นเรื่อยๆ จนทำเอาสองพี่น้องที่มาตามเธอต้องทึ่ง
    กับสิ่งที่เห็น มันค่อยๆกระจายไปทั่วแล้วทุกสรรพสิ่งอันอัตรธานโดนกลืนไปกับแสง

    End Chapter 1



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×