คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : stop 1
ข่าวด่วน นักการเมืองชื่อดัง คิม จูซอง ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อประมาณสองทุ่มที่ผ่านมา กลางห้องทำงานตนเอง พบว่าสาเหตุการตายมาจากกระสุน 3 นัดที่ถูกยิงทะลุผ่านสมอง จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบผู้ต้องสงสัย และอาวุธที่ใช้สังหาร ทางตำรวจได้เชื่อมโยงคดีที่เกิดขึ้น ว่ามีเหตุการณ์คล้ายกับการลอบสังหารนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง ทั้ง 15 คดีที่ผ่านมา
“อีกแล้วหรอ” เลย์สบทกับตัวเองเบาๆก่อนจะแบกกล่องเอกสารใบโตเข้าไปประจำที่โต๊ะ ถ้าย้อนไปเมื่อ2เดือนก่อน เขาคงอยู่ในห้องสืบสวนไม่ต้องมานั่งตรวจเอกสารคดีเก่าบ้าบอพวกนี้ก่อนที่มันจะถูกทำลาย ถ้าเค้าใจเย็นอีกนิดไม่ลั่นกระสุนยิงใส่โจรคนนั้น ก็คงไม่ถูกย้ายมาทำหน้าที่บ้านี้
Tur tur tur
“แผนกตรวจสอบเอกสารเก่ากรมตำรวจ เลย์พูดครับ” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ข้างหน้า ทั้งที่ตายังคงมีสมาธิกับกองเอกสารที่ไม่ว่าทำเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด
“รู้ไหมนายถูกย้ายไปกรมสอบสวน … ”
“หาว่าไงนะ จริงหรอครับ เฮ้เป็นไปได้ไง พี่ไม่ล้อผมเล่นใช่ไหม” ถึงชายหนุ่มจะดีใจไม่น้อยกับข่าวที่ฮยอนมินหัวหน้าแผนกที่เค้าทำงานอยู่นำมาบอก แต่ก็แปลกใจไม่น้อย ถ้าจำไม่ผิดเค้าถูกลงโทษให้ทำงานที่นี้อย่างต่ำ2ปี แต่นี้ไม่ถึงเดือน ...แปลกแหะ
“นี่ฉันไม่มีเวลามากมายมาล้อเล่นกับนายหรอกนะ รีบเก็บของ พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่กรมสอบสวน แผนกสืบสวนพิเศษกับเอเยน ไค อย่าไปสายหล่ะเพราะเค้ามีประชุมด่วนตอนเก้าโมง ตูด ตูด ตูด” การวางโทรศัพท์โดยไม่บอกลาเป็นนิสัยอีกอย่างของฮยองมินที่ชายหนุ่มรู้สึกไม่ชอบ แต่นอกนั้นฮยอนมินก็ถือว่าเป็นหัวหน้าที่ใช่ได้อยู่
เลย์ใช้เวลาไม่นานจัดการเก็บเอกสารเข้าที่พร้อมทั้งเตรียมของย้ายกลับเข้าไปกรมสอบสวนถึงแม้จะไม่ได้ไปแผนกเดิม แต่การที่ได้ย้ายจากที่นี่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่เขาเองรอคอยมานาน
ถ้าเป็นเมื่อปีก่อนเขาคงต้องรีบกลับบ้านไปบอกข่าวดีกับป้าซึ่งเปรียบเหมือนแม่ของเขา แต่ตอนนี้คงไม่ต้องเพราะป้าได้แต่งงานย้ายจากเกาหลีไปอยู่ต่างประเทศกับสามี ส่วนพ่อกับแม่ เค้าเองก็แทบจำหน้าไม่ได้ แต่ป้าเคยบอกว่าพ่อกับแม่เค้าทั้งสองท่านเป็นตำรวจ และถูกส่งตัวมาสืบราชการที่เกาหลี แต่กลับต้องมาตายในหน้าที่ตั้งแต่เขายังเล็ก ป้าจึงรับเค้ามาเลี้ยงดูแทน และอาจเป็นเหตุนี้เองที่ทำให้เค้าอยากเป็นตำรวจ อยากจับคนที่ฆ่าพ่อแม่เค้า
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
แสงไฟตามบ้านที่ส่องออกมาเป็นระยะทำให้ชายหนุ่มพอมองเห็นทางเดินข้างหน้า เพิ่งรู้ว่าซอยบ้านเค้าเวลาดึกจะมืดเช่นนี้แม้แต่ไฟตามทางที่ควรจะเปิดยังดับ ถ้าหญิงสาวมาเดินคนเดียวคงจะต้องกลัวมากแน่ๆ
“ช่วยด้วยครับ ช่วยผม” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นในซอยที่เค้ากำลังจะเดินผ่าน เลย์พยามฟังเสียงนั้นอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ยิน
สงสัยคงหูแว้วไปแหะ..
เด็กหนุ่มพยายามใช้กำลังทั้งหมดที่เขามีดิ้นรนให้หลุดพ้นจากชายร่างโต2คนที่กำลังจับตัวอยู่ตอนนี้ แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่มีประโยชน์เอาซะเลย
พลั่ก
ชายร่างใหญ่ใช้กำปั้นทุนเข้าไปในท้องของเด็ดหนุ่มอย่างแรงเพื่อให้เลิกดิ้นสักที แล้วก็เป็นไปตามที่คิดเมื่อเด็กหนุ่มล้มนอนหมดแรงอยู่กับพื้น
“ตามมาดีๆไม่ชอบ ต้องให้ใช้กำลัง”
“ก็งี้แหละมึง ตอนแรกก็ทำเล่นตัวพอโดนแล้วจะติดใจ 55+”
“โอ๊ย”
ไม่ทันที่ชายคนนั้นจะอุ้มเด็กหนุ่มขึ้นก็มีของแข็งปะทะอย่างแรงที่ท้ายทอยเข้า จนล้มไปนอนนิ่งกับพื้น
“เห้ย มึง ...โอ๊ย”ไม่ทันที่ชายอีกคนจะเข้าไปช่วยเพื่อนก็ถูกเลย์ปล่อยหมัดกระแทกที่หน้าอย่างจังจนต้องล้มลงนอนกับพื้น
“ไอ้หนูไหวไหม” ตำรวจหนุ่มเดินไปหาเด็กหนุ่มแล้วค่อยๆประคอง ให้ลุกขึ้น ยังดีนะที่เขาสังหรณ์ใจเลยเดินมาดู ไม่งั้นเด็กนี้คงแย่
“โอ๊ย” ชายร่างใหญ่ร้องขึ้นหลังจากที่เข้ามาหมายปล่อยลูกเตะให้เลย์จากด้านหลัง แต่ชายหนุ่มไวกว่า พลิกตัวแล้วใช้ขาเตะเข้าที่จุดสำคัญในร่างกายทำเอาหมอนั้นลงไปนอนกองกับพื้นมือกุมส่วนนั้นไว้ไม่ห่าง
“อ้าวไอ้หนู” เลย์หันกลับหาเด็กหนุ่มซึ่งต้องนี้คงวิ่งหนีหายไปแล้ว ขอบคุณสักคำก็ไม่มี
“ทำไมนานจังวะพวกมึงสองตัว นายโมโหแล้วนะเว้ย อ้าวใครทำอะไรมึง โอ๊ย”ทักษะอีกอย่างที่ติดตัวชายหนุ่มมาก็คือไวกว่าได้เปรียบ เค้าจึงจัดการชายคนใหม่ที่เข้ามาด้วยลูกเตะเข้าที่คออย่างจังทำให้ชายที่มาใหม่ลงไปนอนกับพื้น ก่อนที่จะรีบวิ่งหนี 3 ต่อ 1 อาจเป็นเลขที่ไม่ดีในสำหรับเขาเป็นแน่
พลั่ก
เลย์ถึงกับกระเด็นเมื่อเขาตั้งหลักที่จะวิ่งดันไปชนกับผู้ชายที่มาใหม่อีกคนหนึ่ง ที่สามารถทำให้เขากระเด็นออกมาได้ เลย์ลุกขึ้นได้เตรียมปล่อยหมัดเขาหน้าร่างใหญ่แต่ทักษะเขาคงจะต่ำกว่าเมื่อชายคนนั้นจับมือเขาพร้อมบิดมันไปด้านหลังบอกได้คำเดียวว่า เจ็บมาก
“กูให้พวกมึงมาจับได้เด็กนั้น แล้วมันหายไปไหนซะหล่ะ มึงก็รู้ไม่ใช่หรอ ว่าจะได้ตัวมันมาได้ รำบากแค่ไหน” ชายหนุ่มหันไปด่าลูกน้องทั้งที่มือก็ยังล็อกแขนเลย์ไว้ ทำให้เขาไปไหนไม่รอด
“ก็ไอ้นี้มันดันมาเสือกไอ้เด็กนั้นเลยหนีไปได้ครับนาย” ชายที่โดนเลย์ต่อยไปนอนกับพื้นกล่าวหาว่าเขาเป็นต้นเหตุ แถมชี้มือมาทางนี้
ชายแปลกหน้าปล่อยมือที่ล็อกแขนเลย์เพื่อให้เจ้าตัวหันหน้ามาเจอกับตน แต่ความไวของเลย์พอรับรู้ว่ามือที่ล็อกแขนเขาอยู่อ่อนแรงลงเลย์เลยกระชากมือออก เตรียมวิ่ง แต่ชายหนุ่มก็ยังคว้าแขนเค้าไว้ได้ทัน
ชายหนุ่มร่างใหญ่กว่าดันตัวเลย์ให้เข้าไปติดกำแพง ส่วนมือก็ยังคงล็อกแขนเลย์ไว้อย่างไม่มีทางจะหลุด ตอนนี้เองที่ตำรวจหนุ่มได้เห็นใบหน้าของชายแปลกหน้าที่มีฝีมือการต่อสู้สูงกว่าเขาได้อย่างชันเจน –บอกได้คำเดียวว่าหล่อ-
“ปล่อย ฉันเป็นตำรวจนะ” เลย์พยายามดิ้นอีกครั้งแต่เหมือนมันจะไม่เป็นผลตามเคย
“ตำรวจแล้วไง ใครใช้ให้นายมายุ่งกับเรื่องของฉัน รู้ไหมไม่มีใครมายุ่งกับคนของฉันแล้วรอดไปได้” น่ากลัวเป็นอีกคำที่เลย์ยกให้คนตรงหน้า แม้จะหล่อแต่น้ำเสียงและท่าทาง ถ้าเลือกได้เขาคงไม่อยากมาใกล้ผู้ชายคนนี้เป็นแน่
“แน่จริงมึงปล่อยกู” เลย์พยายามดั้นตัวออกมาอีกครั้ง สถานการณ์ตอนนี้เค้าเสียเปรียบไอ้หมอนี้มันจ้องเขาแปลกๆ
“ไหนมาลองดูสิ ว่าปากคุณตำรวจจะปากเก่งอย่างที่พูดรึป่าว”ชายร่างใหญ่ค่อยๆดันฝีปากมาสัมผัสกับริมฝีปากชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มอบรสจูบที่นิ่มนวลชวนหลงใหลจนตำรวจหนุ่มเผลอไปกับมัน
พลั่ก
เลย์รวบรวมกำลังครั้งสุดท้ายผลักชายแปลกหน้า และทันทีที่ๆหลุดออกจากควบคุมเขาก็รีบวิ่งทันที
“ไม่ต้องตาม” ชายหนุ่มหันไปพูดกับลูกน้องที่เตรียมตัวจะไล่ตามตำรวจหนุ่ม จะตามทำไมถึงจับตัวได้ก็คงไม่มีประโยชน์เอาไปขายก็คงได้ไม่เท่าไหร่ จะเสียดายก็แต่ฝีมือการต่อสู้เท่านั้น ถึงตัวเล็กแต่เก่งใช่ย่อย
“ที่หลังก็อย่างทำงานพลาดอีกก็แล้วกัน กลับ”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตำรวจหนุ่มมองนาฬิกาอีกครั้ง ก่อนที่จะเงยหน้ามาสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกห้องน้ำ เมื่อมองริมฝีปากตนเองก็ชวนให้เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำเขาเกือบไม่ได้นอน ไอ้โรคจิตนั้นกล้าทำแบบนั้นทั้งที่เค้าเป็นผู้ชาย ผู้ชายกับผู้ชายจูบกันมันเรื่องบ้าชัดๆ
แต่...ทำไมเขาถึงเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น
นานเหมือนกันกว่าเลย์จะไล่ความคิดพวกนั้นออกไปจากสมองได้ ก่อนจะพุ่งตรงไปที่ลิฟต์
“รอด้วยครับ ขอบคุณครับ” เขาบอกคนในลิฟต์ก่อนที่ลิฟต์จะปิด
“ชั้น17ด้วยครับ” เขาบอกเป้าหมายที่เค้าจะไปให้คนที่อยู่หน้าลิฟต์ช่วยกด แต่เอ๊ะทำไมทุกคนถึงมองเค้าเป็นตาเดี้ยวอย่างนั้นล่ะ ก็แค่มาชั้น 17 ที่ตั้งของกรมสวบสวนคดีพิเศษ
หลังจากที่เค้าทนสายตาที่จับจ้องเค้าในลิฟต์เป็นเวลานานก็มาถึงชั้น17สักที รีบไปดีกว่า
เลย์ก้าวออกจากลิฟต์ก็พบกับประตูกระจกบานใหญ่ เขาพยายามดันมันแต่ก็เปิดไม่ออก มองไปข้างในก็ไม่เห็นนอกจากนั้นก็เป็นกำแพง ทางที่จะเข้าไปได้ก็มีแต่ประตูนี้ แล้วมันเปิดยังไง
เลย์พยายามงัดมันเป็นเวลานานแต่ก็พบว่าหมดแรงป่าว
“จะเปิดไม่เปิด เดี๋ยวตุบให้แตกซะหรอก”
“ไม่ทราบว่านั้นใครค่ะ” อ้าวไอ้ประตูนี้พูดได้เขาแค่ด่ามันเล่นไม่นึกว่ามันจะตอบกลับ รู้อย่างนี้ด่าไปนานแล้ว
“ร้อยตำรวจเอก จางอี้ชิง ครับ” ไม่นานประตูนั้นก็เปิดออกเค้าจึงรีบเดินมาที่ข้างในก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งก็ไม่ได้แต่ชุดตำรวจเต็มยศเหมือนเค้า
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู้กรมสอบสวนคดีพิเศษค่ะ เชิญตามดิฉันมาค่ะ”หญิงสาวพาเขาเดินต่อไปผ่านห้องมากมายที่ก็มีกระจกแบบหน้าประตูดังกล่าว ก่อนที่จะถึงห้องรับรองขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีหรูหรามากกว่าจะเป็นกรมตำรวจ
“รอที่นี่สักพักนะค่ะ เดียวเอเยนไคจะมานะค่ะ ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้นะค่ะผู้กอง” หญิงสาวพูดก่อนจะเดินไป เขาเองก็ได้ยินมาบ้างว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษใหญ่โตหรูหราแต่ไม่นึกว่าจะมากขนาดนี้ อะไรก็ดูจะเป็นของดีไปหมด แล้วทำไมถึงเรียกเค้ามาที่นี่ เค้าต้องรับหน้าที่อะไรกันแน่
“กำลังรออยู่พอดี ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันพลตำรวจเอก คิม จงอิน หัวหน้าแผนกสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ที่นีีนายเรียกฉันว่าเอเยนไคก็ได้”
“สวัสดีครับ ผมร้อยตำรวจเอก จางอี้ชิง มารายงานตัวครับ” ตำรวจหนุ่มรีบยืนแสดงความเคารพต่อหัวหน้าใหม่เขาทันที
“ไม่เป็นไรตามสบายเถอะ อยู่ที่นี่ไม่ต้องเป็นพิธีมาก ตามฉันมา” เลย์เดินตามหัวหน้าใหม่ของเค้าไปจนถึงหน้าห้องๆหนึ่ง
“นี่ห้องทำงานของนาย นายเห็นช่องใสๆนั้นไหมแค่มองไปที่นั้นประตูก็จะเปิดออก นายสามารถเปิดประตูทุกบานที่สามารถเข้าได้ด้วยวิธีนี้ เพราะประตูที่นี้ใช้ระบบสแกนม่านตา ซึ่งฉันได้ลงบันทึกข้อมูลนายไว้แล้ว” เลย์มองไปในผ่านช่องที่หัวหน้าใหม่บอก แล้วประตูจึงเปิดออก
“รีบเข้าไปเก็บของๆนายซะ เราจะมีประชุมกันอีก20 นาทีข้างหน้า ไปที่ห้องประชุมตรงหัวมุมตรงนั้นโอเค” เลย์โค้งเป็นการรับคำสั่ง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง ไม่หน้าเชื่อว่าห้องทำงานใหม่เค้าจะไฮโซขนาดนี้ มีทุกๆอย่างที่นี่ไม่เว้นแม้กระทั่งตู้เย็น ไม่หน้าเชื่อว่าเค้าจะถูกย้ายมาทำงานที่สถานที่แบบนี้ แล้วงานที่เค้าทำจะเป็นอะไรมันคงสำคัญมากแน่ๆ
เลย์รีบเก็บของเข้าที่ก่อนที่จะมาห้องประชุมตามที่หัวหน้าเขาบอกไว้
“ขออนุญาตครับ” เลย์ขออนุญาต เมื่อเข้ามาแล้วพบว่ามีอีก 2 คนนอกจากไค
“นั่งสินี่ร้อยตำรวจเอกเลย์ แล้วนี่ร้อยตำรวจเอกแบคฮยอน ส่วนนีร้อยตำรวจเอก ซูโฮ เรามาเริ่มประชุมกันเลยแล้วกัน” เลย์นั่งลงข้างแบคฮยอน จะได้รู้ซักที่ว่างานเขาคืออะไร
“พวกนายน่าจะรู้ข่าวเรื่องคดีฆาตกรรมนักการเมืองกับนักธุรกิจที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ แล้วที่ฉันเรียกพวกนายมาก็เพื่อจะสืบคดีนี้ จากการทำงานที่ผ่านมาฉันสรุปได้ว่ามีบุคคลที่หน้าสงสัยในคดีนี้คือนักธุรกิจชาวต่างชาติคนหนึ่ง แล้วตรงหน้าคุณก็คือประวิติของเค้า เลย์นายมีหน้าที่ปลอมตัวเข้าไปสืบคดีนี้แล้วนำหลักฐานว่าหมอนั้นอยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ ส่วนนายแบคฮยอน กับซูโฮคอยเก็บของมูลในพื้นที่ใกล้เลย์ ที่ๆพร้อมจะเข้าไปช่วยเลย์ได้เสมอ ส่วนงานหลักของพวกนายตอนนี้คือทำไงก็ได้ให้เลย์เข้าไปในกลุ่มพวกนั้นให้ได้ มีอะไรสงสัยกันไหม .. พูดมาแบคฮยอน”แบคฮยอน เป็นคนแรกที่ยกมือถาม
“ทำไมถึงเรียนพวกเรามาครับ แล้วทำไมงานใหญ่ขนาดนี้มีพวกเราแค่ 3 คนแล้วแต่ละคนก็มือใหม่ทั้งนั้น”
“ที่ฉันเลือกนายเพราะนายแม่นปืนระยะไกล แล้วก็มีมุ่งมั่นนายคงสามารถดูแลเลย์จากระยะไกลได้ ส่วนซูโฮ นายเป็นตำรวจที่เก่งด้านสื่อสารเทคโนโลยีแล้วที่สำคัญนายใจเย็นที่สุดในสามคน ส่วนนายเลย์ ฉันเลือกนายเพราะฉันมั่นใจฝีมือการต่อสู้แล้วไหวพริบของนาย ถ้าจะใช้มันเรียงเอกสารคงไม่มีประโยชน์ ฉันจึงเรียกพวกนายทั้งสามมา แล้วที่คดีนี้ออกจะใหญ่ทำไมถึงมีคนแค่นี้นะหรอ ก็เพราะมันเป็นคดีใหญ่คนรู้เรื่องเยอะคงไม่ดี อีกอย่างคนที่ทำงานคดีนี้ไม่มีใครที่รอดมาได้ จึงไม่มีใครยอมตกลงทำ”
ตำรวจหนุ่มทั้งสามถึงกับอึ้ง – ไม่มีใครที่รอดมาได้แล้วเขาจะรอดไหมนั้น—
“ถึงกับอึ้งกันเลยหรอ ตกลงพวกนายจะยอมเข้าร่วมไหม” เลย์เป็นคนแรกที่พยักหน้าตกลง ตามด้วยแบคฮยอน แล้วซูโฮ
“อืม ไม่ผิดหวังจริงๆที่เลือกพวกนาย งั้นก็เริ่มงานได้ทันที่ เอกสารทั้งหมดอยู่ในนั้น ฉันต้องไปก่อน มีไรติดต่อมาที่เบอร์ฉัน” ตำรวจหนุ่มทั้งสามลุกขึ้นมาทำความเคารพหัวหน้าอีกครั้งก่อนที่จะมาประชุมงานกันต่อ
“อยากรู้จักว่าหมอนั้นเป็นใครไอ้คนที่เราต้องไปสืบ” ซูโฮเป็นคนเปิดบทสนทนาอีกครั้งขณะที่มือก็กำลังแกะซองประวัติที่ไคให้มา
“นึกว่าจะใครที่ไหนไอ้หน้าหล่อนี้เองตอนแรกนึกว่าจะเป็นเศรษฐีแก่หน้าโหด” แบคฮยอนที่แย่งรูปภาพมาจากซองที่ซูโฮกำลังแกะ
“ไหนมาดูสิ หล่ออย่างที่นายว่าจริงๆด้วย แต่ฉันได้ข่าวมาว่าหมอนี้โหดมาก ฆ่าไม่เลือกถึงว่าไม่มีใครรอด” ตำรวจหนุ่มซูโฮออกความเห็นหลังจากดูรูปก่อนที่จะพุ่งความสนใจไปที่แฟ้มประวัติอีกครั้ง
“เลย์นายว่าหมอนี้เป็นไง” แบคฮยอนยื่นรูปในมือเค้าไปให้เลย์ดู
“เลย์ เฮ้นาย เลย์”
“ห่ะ...” เลย์สะบัดหัวไล้ความคิดบ้าๆอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าไอ้โรคจิตที่ทำให้เขามีประสบการการจูบผู้ชายด้วยกันจะเป็นทั้งนักเลงและนักธุรกิจใหญ่ แต่ที่แย่กว่านั้นคืองานใหม่ของเค้าต้องไปเกี่ยวข้องไอ้โรคจิตนี้ คิดแล้วชวนปวดหัวยิ่งนัก
“เป็นไรรึป่าว นายดูใจลอยนะ” ซูโฮถามหลังจากที่เห็นเพื่อนร่วมงานนิ่งไปหลังจากดูรูป
“ป่าว แค่นึกไรนิดหน่อยนะ เรามาอ่านประวัติแล้ววางแผนกันเลยไหม”
ความคิดเห็น