คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๓ : สถานะที่แปรเปลี่ยน > Menopausa
“โห.............”
“โห..........................”
เสียงแสดงความตกใจโดยไม่รู้ตัวได้หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มรูปงามทั้งสองอย่างยอดชายนายไกด์และจอมมึนตามธรรมชาติอย่างหนุ่มน้อยน้ำอบ เมื่อทั้งสองได้มาเห็นที่หมายที่พวกเขาตั้งมั่นจะมาตั้งแต่อยู่ประเทศบ้านเกิด
“ก็....เดาไว้แล้วว่าน่าจะใหญ่” ไกด์รำพึงกับตัวเองเบาๆ
“เออ....แต่ก็ไม่นึกว่าจะอภิมหาอลังการขนาดนี้ว่ะ” น้ำอบต่อคำรำพึงให้แก่เพื่อนรักอย่างรู้ใจกันดี
“บ้านกูถ้าไปเทียบกับเค้า บ้านกูนี่กลายเป็นกระต๊อบไปเลยนะ”
“หึ....ถ้าบ้านมึงเป็นกระต๊อบ อพาทเม้นกูนี่ไม่ใช่รู ปลวกหรอ” น้ำอบเมื่อตั้งสติได้จึงหันไปแซวเล่นกับเพื่อนอย่างไม่ใส่ใจอะไรในความใหญ่โตของสถานที่เบื้องหน้าอีกต่อไป
แน่ล่ะ....นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง นอกจากบ้านอันใหญ่โตยิ่งกว่าคฤหาสน์ หรือเงินทองที่ดูจะมากมายพอๆกับความอลังการของบ้านหลังนี้ ยังจะมีสาเหตุไหนอีกที่ผู้ให้กำเนิดเขาถึงได้กล้าทิ้งเค้าไปอย่างไม่ดูดำดูดีถึงยี่สิบสามปี
“บ้าน” ในความหมายของเขาคือสิ่งที่ให้ความอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความรักความห่วงใยจากสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว” ให้ที่พักพิงทั้งทางกายและใจยามที่สิ้นไร้หนทางและพบกับปัญหา คำนิยามของเขาออกจะง่าย
แต่ของแม่....ง่ายกว่า
เพราะแม่คงให้คำจำกัดความเพียงแค่คำว่า “สุขสบาย” เท่านั้นกระมัง
“เรา....ไม่เข้าไปกันดีกว่า กลับกันเถอะ” น้ำอบกล่าวพร้อมกับดึงไกด์ให้ออกห่างจากกริ่งประตูเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะเข้าไปกดเรียกคนข้างใน
“เฮ้ย! จะบ้าหรอ มึงอุส่าห์เก็บเงินจะไปโชว์ความตั้งใจให้แม่มึงเห็น แล้วตอนนี้พอได้โชคหล่นทับก็เลยกลัวแม่มึงว่าหรอ ว่ามึงไม่ได้ใช้ความพยายามเหมือนที่คุยไว้.... อย่าไร้สาระน่า”
“ไม่ใช่นะ โชคนี่มันก็เป็นสิ่งที่ฟ้ากำหนดให้กูได้เว้ย มันเป็นของๆกูอยู่แล้ว แต่....กู กูแค่....กลัว” เมื่อไกด์ได้ยินถึงกับเกิดความไม่เข้าใจในอารมณ์ของเพื่อนรักเท่าไร คนอย่างมันเนี้ยนะ กลัวอะไรกับใครเค้าด้วย
“กลัว? กลัวห่าอะไร อย่าบอกว่ากลัวพ่อเลี้ยงมึงหรือลูกติดของพ่อเลี้ยงมึงอ่ะนะ....พนันกับหัวไอ้โต้งที่วัดเลย...กูไม่เชื่อ!!!” อย่างไอ้ตัวเล็กนี่หลังจากโดนฝึกให้มั่นใจในเรื่องการต่อสู้ขนาดนี้ คนอย่างมันก็ไม่เคยกลัวอะไรอีกเลย ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นไม่ว่าจะจิ๊กโก๋หรือแม้กระทั่งแก๊งอันธพาลในต่างแดนก็เถอะ มันยังเล่าให้ฟังชิลๆเหมือนเล่านิทาน แล้วจะกลัวไอ้สองคนพ่อลูกนั่นอ่ะนะ เชื่อก็บ้าแล้ว
“กูไม่ได้กลัวพวกเขา เรากับเขาแม้จะเหมือนเกี่ยวดองทางนิตินัยแต่ในความเป็นจริงกูยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าเค้า แล้วกูจะกลัวทำไมเล่า ที่กลัวน่ะ กูกลัวเรื่องแม่มากกว่า..... หลังจากมาหากูเมื่อคราวก่อนแล้วกูบอกจะไปหาเค้าเองแบบนั้น เค้าก็ไม่ได้ติดต่อไรกลับมาเลยนะเว้ย....” เมื่อเห็นร่างสูงยังนิ่ง คนตัวเล็กกว่าเลยรีบอธิบายต่อทันทีแบบตรงประเด็น
“กูหมายความว่า..บางทีเค้าอาจไม่อยากให้กูไปหาก็ได้อ่ะ แค่แบบไม่อยากรู้สึกผิดเลยมาตามหากูหลังจากเขามีเงินไง แล้วกูก็ไม่ได้ขอเงินเค้าซักบาทแม้เค้าจะให้ก็เถอะนะ เค้าก็เลยคิดว่าหมดพันธะ หมดความรู้สึกผิดนั้นแล้วก็ได้.......ทำไมกูไม่เคยคิดเรื่องนี้วะ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆเลย” ไกด์ถึงกับกุมขมับในความคิดลึกลับซับซ้อนของเพื่อนตัวดี จุดหมายอยู่ตรงหน้าอีกแค่ก้าวเดียวก็จะถึงแต่ไอ้คนข้างๆเขากลับจะล่าเท้าถอยหนีเพราะกลัวผลของความสำเร็จเนี่ยนะ แล้วยังคิดอะไรประหลาดๆแบบนั้นออกมาอีก
จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง....
ก็ในเมื่อเขากับคุณแม่ของไอ้คนเข้าใจยากนี่.....ต่างร่วมมือกันเกี่ยวกับเรื่องรางวัลอะไรนั้น เพื่อพาคนที่แสนดื้อรั้นข้างหน้าตรงนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังดินแดนมนเสน่ห์แห่งมหาอำนาจนี่ไงล่ะ!!!!!!!!!!!!
.................................................................
...............................
..................
.........
“คาโล...อีกไม่นานแขกที่เรารอกำลังจะมาถึง จากที่พ่อได้เล่าให้ฟังขอให้วางตัวดีๆหน่อย อย่างน้อยตอนนี้.....เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของลูกอย่างถูกต้องแล้ว” ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งประสบการณ์แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูมีสง่าราศีเต็มไปด้วยอำนาจและบารมีสมกับเป็นประธานใหญ่แห่งบริษัทนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับหนึ่งระดับประเทศ ได้กล่าวเรียบๆกับบุตรชายเพียงคนเดียวของตน
“หึ....ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะพาตัวเองเข้ามาเอี่ยวในทรัพย์สมบัติมหาศาลของพ่อยังไม่พอ...ยังลากลูกตัวเองมาอีก แล้วนี่อีกไม่เท่าไร คงมีญาติพี่น้องโผล่กันมาอีกเพียบ” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและร่างกายสูงใหญ่คล้ายบิดากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะแล้วชี้มืออย่างไร้มารยาทไปยังผู้หญิงร่างบาง ที่แม้จะดูมีร่องรอยแห่งอายุปรากฏอยู่บ้าง หากนั้นก็ไม่ได้ลดความงดงามหรือความน่ามองไปซักนิด ตรงข้ามกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและแฝงบารมี จึงทำให้บรรดาคนรับใช้ต่างยกเธอเท่าเทียมกับนายใหญ่ของพวกเขาได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
เธอนั่งนิ่งอย่างสงบเคียงข้างบิดาของเขาโดยไม่แสดงสีหน้าหรืออาการที่ส่อถึงโทสะแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามหล่อนกลับยิ้มเย็นๆด้วยความอ่อนโยนกลับไปให้ร่างแกร่งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงใจไปยังสามีของเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะราฟ ชั้นรู้ตัวดีว่าชั้นแค่ได้รับความเมตตาจากคุณมากขนาดนี้ก็เกินพอแล้ว เรื่องของเด็กก็ปล่อยให้พวกเขาว่ากันเองเถอะค่ะ อีกอย่างคาโลเองก็ไม่เคยรู้จักน้ำอบมาก่อนอยู่ๆจะมาบังคับให้รับเป็นน้องในทันที คาโลคงไม่สะดวกใจ” แทนที่คาโลจะอารมณ์เย็นลงกับการเข้าข้างที่มาจากหญิงตรงหน้า เขากลับตวัดสายตาไปมองหล่อนด้วยสายตารังเกียจสุดหัวใจกับหญิงที่จู่ๆบิดาผู้แม้จะมีหญิงเล็กหญิงน้อยแต่ก็ไม่เคยมีใครได้ก้าวถึงขนาดเป็นภรรยาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเหมือนผู้หญิงไทยคนนี้
เรื่องอะไรที่ทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่เขารวมถึงตัวเขาอุส่าห์พยายามทำงานกันแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน จู่ๆจะมาถูกผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาชุบมือเปิป เรื่องทั้งหมดเขาเพิ่งรู้หลังจากกลับมาจากเรียนต่อที่แม๊กซิโก ซึ่งพอรู้เรื่อง มันก็สายไปแล้วเพราะทั้งพ่อเขาและผู้หญิงหน้าด้านคนนี้จดทะเบียนกันไปเรียบร้อย
จะมาแทนที่แม่เค้างั้นหรอ............ฝันไปเถอะ!!!!
คอยดูนะ หากเด็กไทยที่เป็นลูกของผู้หญิงไร้ยางอายนี่โผล่มาจะเล่นซะให้หางจุกตูดกลับบ้านเกิดไม่ทันเลยทีเดียว
อย่าหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กแล้วกัน!!!
คาโลเดินปึงปังออกไปทันทีหลังจากเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ฟังเรื่องไร้สาระ ซี่งสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองยิ่งนัก โดยเฉพาะราฟาเอล หรือราฟ บิดาของหนุ่มอารมณ์ร้ายถึงกับส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ทีเดียว
“หวังว่าเด็กน้ำอบนั่นจะไม่ถือสา คราวที่ชั้นไปแม้แกจะมองมาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรแต่แกก็ยังยกมือไหว้เคารพชั้น” ราฟอดเปรยถึงเด็กหนุ่มหน้าหวาน บุตรชายลูกติดของภรรยาเค้าไม่ได้ แม้ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างหรูหราแต่กิริยาช่างดูแตกต่างจากบุตรชายเขายิ่งนัก ขนาดลูกเขาอายุอานามก็มากกว่ามากแท้ๆ
“น้ำอบถูกหลวงตาเลี้ยงดูสั่งสอนมาอย่างเข้มงวดค่ะ แต่ชั้นก็ดูออกว่าแกยังไม่ให้อภัยชั้น แต่ก็ถูกแล้วล่ะค่ะ แม่โง่ๆที่ทำเรื่องโง่ๆสมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้ ชั้นเสียใจมากที่ลูกไม่ยอมมาอยู่ด้วยทั้งๆที่คุณก็จะอุปถัมป์แกแล้วแท้ๆ ไม่แม้แต่จะรับเงินเล็กๆน้อยๆที่ชั้นทำงานหาเงินมาก่อนที่จะพบคุณ” รสาหรือแม่ของน้ำอบพูดทั้งน้ำตา ส่งผลให้สามีเธอต้องดึงเธอเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยน
“เด็กนั้นยังไม่เข้าใจถึงความห่วงใยที่คุณมีให้เค้า ซักวันถ้าเค้ารู้ว่าแม่ของตัวเองต้องลำบากหนักหนาเพียงใดเพื่อเค้า เค้าต้องเขาใจ แล้วผมอยากให้คุณรู้ไว้....อย่าลืมว่าเรารักกันทั้งๆที่คุณไม่รู้ถึงฐานะจริงๆของผมด้วยซ้ำ ไม่มีเรื่องอะไรที่คุณควรรู้สึกอาย อย่าไปฟังไอ้คาโล มันไม่รู้ไม่ฟังอะไร มันพูดในสิ่งที่มันคิดเท่านั้น เข้าใจมั้ยรสา” หญิงสาวจับมือร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรักและความเมตตาให้เธออย่างแท้จริงด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว เมื่อครู่ไกด์เพื่อนน้ำอบแอบโทรมาหาผมบอกว่าใกล้จะถึงแล้ว เตรียมตัวพบลูกในครั้งที่สองอย่างเป็นทางการดีกว่า เดี๋ยวไม่สวยลูกหนีกลับผมไม่รู้ด้วยนะ” หนุ่มใหญ่มาดเข้มแซวอย่างอารมณ์ดีไม่สมกับหน้าตาทำให้รสาคลายเศร้าแล้วเตรียมพบลูกชายที่จะพบกันในครั้งที่สอง แต่ไม่รวมถึงการพบที่หล่อนเป็นฝ่ายไปแอบพบอย่างไม่เป็นทางการมามากกว่าร้อยครั้งนะ
....................................................................
.............................................
.......................
..........
“อัล....มานี่ซิ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกสุนัขสีขาวที่แสนเชื่องอย่างน่าประหลาดใจทั้งที่ซื้อมาไม่นานให้เข้าไปหา
“แกนี่นะ วันๆเอาแต่กินกับนอน ชีวิตไร้ค่าแบบนี้แกชอบมากเลยหรือไงห๊ะ” ร่างสูงเอ่ยอย่างหมันไส้พร้อมยกเจ้าสี่ขาขึ้นมาแกว่งเล่นเบาๆ พอมองเห็นหน้าเจ้านี่ในใจกลับพาลนึกไปถึงไอ้เด็กหน้าหวานเอเชียที่มาช่วยเขาจากแก๊งอันธพาลเมื่อวันก่อนไม่ได้ ว่าจะบอกคนให้ช่วยหาข้อมูลแต่หลังจากวันนั้นก็มีงานด่วนเข้ามาเรื่องการประมูลที่มีปัญหา เรื่องนั้นเลยสำคัญกว่าเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้
และแน่ล่ะ ไอ้พวกที่มารุมเขา เขาก็จัดการอย่างที่พวกมันคิดว่าหากไปนรกอาจจะมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่ไปแล้ว นี่คงถึงเวลาที่ต้องสืบหาไอ้เด็กนั้นอย่างจริงๆจังแล้วมั้ง
แววตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังนั่นทอประกายทันทีเมื่อนึกถึงวีรกรรมอันไม่สมกับหน้าตาของชายหนุ่มร่างบางแต่ฝีมือเยี่ยมยุทธ์นั่น แต่ความคิดทั้งมวลก็ต้องหยุดลงเมื่อเขาได้ยินเสียงคนคุยกันด้วยภาษาที่เขาฟังไม่ออกเดินผ่านห้องทำงานที่เขานั่งอยู่ไป ซึ่งกระตุ้นให้ความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเจ้าตัวไม่เคยเป็นคนที่มีความรู้สึกแบบนี้ค่อยๆแอบก้าวขาเดินตามหลังของสองคนนั้นไปทันทีอย่างห่างๆ
ประตูที่ปิดไม่สนิท ทำให้มีช่องว่างพอที่ดวงตาสีฟ้าคมได้เห็นถึง ชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งเป็นคนแปลกหน้าแต่อีกคนหนึ่งเป็นคนที่เค้าคิดถึงมาตลอดด้วยความประทับใจเล็กๆที่มีให้แต่แรกพบ แต่ทั้งหมดกลับพังทลายลงด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของผู้หญิงที่เค้าเกลียดจับใจ
“น้ำอบมาหาแม่แล้วหรือลูก แม่ดีใจเหลือเกิน”
น้ำอบเมื่อมาอยู่ต่อหน้าคนที่เค้าโหยหามาตลอดน้ำตาจู่ๆก็พลันจะไหลโดยไร้ซึ่งเหตุผล ทั้งๆที่หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยมาหาเค้าซักครั้ง
หัวใจเรา....ทำไมมันรู้สึกตื้อไปหมดแบบนี้
ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดรีบผละจากสามีเพื่อจะเข้ามาโอบกอดให้หายคิดถึง หากแต่ร่างเล็กผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับมารดากลับก้าวถอยออกมา ซึ่งนั้นสร้างความรู้สึกตกใจให้แก่ทุกคนภายในห้องแต่สร้างความสะใจให้แก่ผู้ที่แอบมอง
เหอะ....ได้ยินว่าทิ้งลูกมาตั้งยี่สิบกว่าปี เด็กนี่รับไม่ได้จะรังเกียจก็ไม่แปลกหรอก
หากแต่การกระทำต่อมาของหนุ่มหน้าหวานก็ต้องเปลี่ยนความคิดของทุกคนใหม่ น้ำอบก้าวถอยออกมาแล้วนั่งพับเพียบลงตรงหน้าแม่ ก้มลงประนมมือกราบไปที่เท้าของรสาด้วยมืออันสั่นเทา ชายหนุ่มเอเชียอีกคนอดยิ้มไม่ได้กับภาพเพื่อนรักตรงหน้า เช่นเดียวกับราฟและรสาที่ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจโดยเฉพาะรสาที่กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป รีบรับไหว้ลูกเอามือลูบหัวอย่างคิดถึงสุดหัวใจ
“ดีใจที่มาหาแม่ ทำตามสัญญาที่ลูกให้ไว้ แม่ดีใจจริงๆลูก” น้ำอบแอบเช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มจางๆให้มารดา
“ผมบอกแล้วว่าต้องมาหาคุณได้ด้วยความสามารถของผม ผมก็ต้องมา ผมไม่เคยผิดสัญญาใครครับ” รสาสะอึกไปนิดกับคำพูดตรงไปตรงมาของลูก เมื่อราฟเห็นบรรยากาศที่เริ่มอึดอัดจึงได้ให้คนรับใช้พาน้ำอบกับไกด์ไปห้องพักที่จัดไว้ให้แล้วนัดเวลาลงมารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่แอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก็รีบหลบฉากออกไปจากประตูในทันทีพลางนึกถึงภาพเมื่อครู่ เค้ายอมรับว่าตกใจและแปลกใจ เด็กนี่ทำให้เค้ารู้สึกแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครทุกครั้งที่พบเจอ ครั้งแรกก็ตกใจกับความสุขุมและกล้าหาญ ครั้งที่สองก็ต้องตกใจกับแปลกใจในกิริยาอันนอบน้อมที่แสดงความเคารพต่อผู้หญิงนั้นทั้งๆที่เป็นฝ่ายทิ้งเด็กนั้นไปแท้ๆ
เดี๋ยวนะ.....ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายหลบล่ะ ที่นี่มันบ้านเค้านะนั่นหมายความว่าเค้าต้องเป็นใหญ่สิ
เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างแกร่ง นัยต์ตาคมก็มายืนทำหน้าดุอยู่ข้างประตูซึ่งบังเอิญว่าคนที่คาโลนึกถึงอยู่เป็นฝ่ายเปิดประตูออกมาพอดี ซึ่งราฟเมื่อเห็นเหตุการณ์ก็ได้โอกาศแนะนำลูกเลี้ยงที่ตอนนี้ตนยอมรับเต็มหัวใจกับลูกชายแท้ๆแต่ช่างทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่จนเขาอดเอือมระอาไม่ได้
“เอ่อ...ฮะแฮ่ม น้ำอบนั่นคาโล ลูกชายของชั้นหรือในตอนนี้ก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอ ส่วนคาโลนี่น้ำอบที่ชั้นเคยเล่าให้แกฟัง แล้วข้างๆนี่ไกด์ เป็นเพื่อนของน้ำอบมาตั้งแต่เล็กๆน่ะ” ราฟแนะนำทั้งสองอย่างง่ายๆ ซึ่งน้ำอบกับไกด์ก็ค่อยๆยกมือไหว้ร่างแกร่งอย่างชินในวัฒนธรรมของตน แต่คาโลผู้ที่ไม่เคยมีใครมาทำความเคารพแบบนี้ก็ได้แต่พยักหน้าส่งๆให้อย่างไม่รู้จะตอบกลับเช่นไร แต่นั่นเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับแววตาที่เหมือนพบกันเป็นครั้งแรก
เหมือนเติมเชื้อไฟที่รอประทุเมื่อรับรู้ได้ว่า เด็กข้างหน้านี่จำเขาไม่ได้หรืออาจจะจำได้แต่แกล้งไม่ใส่ใจ แล้วยิ่งเป็นลูกของผู้หญิงที่เขารังเกียจจากที่เคยประทับใจก็ถูกแปรเปลี่ยนไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์
บางทีเด็กนี่อาจรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใครแล้วแกล้งสร้างเรื่องขึ้นมาหรือสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เขาประทับใจจะได้ยอมรับมันแล้วก็แม่ของมันก็ได้!!
เมื่อความรู้สึกที่เหมือนถูกเมินหรือถูกหลอกมาบังตาหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ก็ทำให้เทพบุตรเดินดินอย่างคาโลมีความคิดร้ายๆผุดออกมาเต็มสมอง เลยส่งสายตาเหยียดหยามและดูถูกไปยังร่างเล็กอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งไม่ยากเลยที่ผู้ที่ถูกเขม่นจะรับรู้ถึงอาการคนข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“เหอะ... นี่นายรู้เรื่องนี้อยู่แล้วสินะ นายถึงไม่ยอมรับเงินจากชั้นน่ะ วางแผนทำให้ประทับใจหรือไง....เด็กน้อย” คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจคิดจู่ๆก็หลุดออกมาจากปากร่างสูงอย่างเหมือนตัวเขารู้อยู่แล้วว่าต้องพูดประโยคนี้ออกมา แต่แค่ไม่รู้มาก่อนว่าต้องพูดในสถานการณ์ไหนเท่านั้น
เกิดความชะงักไปกับทุกคนที่ยืนอยู่ โดยเฉพาะน้ำอบที่ถึงกับเงยหน้ามองร่างแกร่งอย่างเต็มตาแล้วพลันนึกถึงอะไรบางอย่างที่เหมือนลืมไปนาน ร่างเล็กสะบัดศีรษะอย่างคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ จึงขอตัวเพื่อเข้าห้องน้ำทันที ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน
ยกเว้น.....เจ้าของประโยคที่ทำให้น้ำอบต้องหลบฉากออกมา เมื่อความทรงจำนั้นเลือนลางแล้วเขาก็คิดว่าไร้ประโยชน์ที่จะหาความจริงทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังอยากรู้เต็มประดา แต่น่าแปลกเมื่อความรู้สึกอะไรนั่นกลับหายไปหมดเมื่อพบน้องชายต่างแม่คนนี้ คาโลคิดพร้อมหันมองไปยังทางที่ร่างบางอ้างว่าจะไปทำธุระส่วนตัวอย่างมาดหมาย
...........................................................
...................................
....................
.......
คนที่บอกว่าจะเข้าห้องน้ำกลับไม่ได้ไปในที่ๆตนเองบอกกับคนอื่นก่อนหน้านี้ น้ำอบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ว่าตอบโต้ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็น “พี่ชาย” ของเขา แต่แค่ได้ยินประโยคนั้นประโยคเดียวกลับทำให้เขารู้สึกไม่อยากฟังต่อ ซึ่งนั่นก็ไม่รู้อีกว่าทำไม สมองเขาเหมือนสั่งการแค่ว่าให้หลบออกไปจากตรงนั้นให้ไวไม่อย่างนั้นอาจจะได้ฟังอะไรที่ไม่อยากฟังก็เป็นได้
“คนๆนั้น......เอ้ะ จะว่าไป จำได้แล้วคนที่ไปมีเรื่องกับพวกอันธพาลวันก่อนนี่นา” ระหว่างที่กำลังหาทางเดินไปที่ห้องอาหาร จู่ๆนัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มก็เบิกกว้าง เมื่อเขานึกได้ว่าตนเคยพบกับคาโลมาก่อนหน้านี้แล้ว และนี่เองอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างสูงเขม่นใส่เขาก็ได้ ต้องคิดว่าเขาหยิ่งแน่ๆเลย
เฮ้อ...คนมันความจำสั้นนี่นา เดี๋ยวค่อยไปขอโทษล่ะกัน
ฝีเท้าที่เชื่องช้าเพราะคนเดินมัวแต่เดินทอดน่องจึงทำให้ผู้ที่แอบติดตามวิ่งตามเขามาทันแล้วก็โผเข้าหาร่างบางเต็มแรง จนน้ำอบเสียหลักล้มลงไปกับพื้น
ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ประดุดนวนิยายน้ำเน่ากับเขา เมื่อผู้ที่ตามเขามาแถมล้มทับเขาทั้งตัวนั้นจะนำพาความรู้สึกหยุ่นๆ นุ่มๆ มาประกบกับริมฝีปากเขาอย่างจัง ริมฝีปากของผู้รุกรานนอกจากมาประกบ ยังใช้ลิ้นสากๆนั้นมาเลียวนรอบริมฝีปากของเขาอย่างถือสิทธิ์และพยายามดุนดันลิ้นของเจ้าตัวให้เข้ามาในปากเขาอีกด้วย
“ไม่ไหวแล้ว!!!!! กล้าดียังไงมาขโมยจูบชั้น”
เมื่อความอดทนสิ้นสุดน้ำอบก็ผลักร่างผู้รุกรานออกไปทันที ส่งผลให้ผู้ถูกผลักกลิ้งโคโร่ไปพร้อมส่งเสียงร้องออกมาตามสัญชาติญาณ
“เอ๋งๆๆ.............................โฮ่ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ”
เจ้าหมาสีขาวตัวเล็กน่ารัก หูตั้งเมื่อถูกผลักแทนที่จะกลัวหนุ่มน้อยเอเชียหน้าหวาน แต่ดันกลับตรงกันข้าม ยังวิ่งเข้ามาคลอเคลียกับร่างบางอย่างหาเพื่อนเล่นอย่างคึกคักเต็มที่ จนน้ำอบอดใจอ่อนไม่ได้เลยยอมกอดเจ้าตัวเล็กไว้แล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ไงเจ้าหมาน้อย น่ารักจัง ชื่ออะไรครับ ...เอ้า ลืมไป เป็นหมาฝรั่งพูดไทยคงไม่รู้เรื่องงั้นพูดอังกฤษแล้วกันเนอะ เจ้าตัวเล็ก ฮ่าๆๆ” เอ้ะ คุ้นๆเหมือนเคยพูดประโยคนี่ที่ไหนมาก่อนหว่า
หรือมันคือเดจาวูหรอ?
ยังไม่ทันที่หมาตัวน้อยจะตอบ(?)ร่างบาง ก็มีเสียงนุ้มทุ้มตอบด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงฟังเข้าใจง่ายเหมือนคนอังกฤษมาเองมาเฉลยคำถามที่น้ำอบอยากรู้
“อัล ชื่ออัล ไอ้หมาบ้านี่วันๆไม่ทำอะไร เอาแต่กินกับนอนแต่ก็ยังดี......กว่าคนที่ไม่ได้ทำอะไรก็จะมาเอาทรัพย์สมบัติของคนอื่นไปอย่างหน้าด้านๆ” เมื่อสิ้นเสียงของพี่ชายต่างพ่อ ร่างบางถึงกับหนังตากระตุกด้วยความโกรธ หากแต่ข่มจิตนับหนึ่งถึงร้อยตามที่หลวงตาเคยสอนเมื่อเกิดอารม์โทสะ
“ผมขอบอกคุณไว้นะครับ...ไม่สิ ตอบคำถามที่คุณถามทิ้งไว้เมื่อครู่ ผมไม่ได้แกล้งให้คุณรู้สึกประทับใจอะไรนั่น แล้วก็ขอบคุณที่คุณให้ความประทับใจกับผมในเหตุการณ์วันนั้น คุณไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ เรื่องที่คุณลุงบอก ผมรู้ว่าคุณก็คิดไม่ต่างกับผมหรอก ทั้งๆที่เราไม่รู้จักกันมาก่อนจะให้มาเป็นพี่น้องอะไรเนี้ย คุณคงยอมรับไม่ได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมขอบอกคุณเอาไว้เลยนะครับ” น้ำอบถอนหายใจกับคำพูดยาวเหยียดของตนเพื่อพักหายใจ
“ว่า......”
“ผมกับคุณเราไม่ใช่พี่น้องกัน ไม่มีวันเป็น ไม่มีทางเป็น เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องสมบัติอะไรนั่นที่ผมจะไปแย่งกับคุณ ผมไม่อยากได้อะไรของคุณแม้แต่อย่างเดียว!!!” น้ำอบพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ร่างแกร่งเชื่อ เพียงลมปากใครก็พูดได้จริงมั้ยล่ะ
“แม่เธอยังเข้ามาได้ง่ายๆ ทรัพย์สมบัติมากมาย มีใครไม่อยากได้มนุษย์ทุกคนย่อมหลงใหลในเงินตราหรือเธอจะปฏิเสธว่าไม่ล่ะ เธอไม่ได้ซื้อของด้วยเงิน ใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากสิ่งที่เรียกว่าเงินงั้นรึ” คาโลถามกลับด้วยรู้สึกถึงชัยชนะในคำถามตน
“ผมสนใจเงินครับ” ร่างสูงยิ้มทันทีแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ น้ำอบก็ชิงกล่าวสำทับ
“แต่สนเฉพาะเงินที่ผมหาได้เท่านั้นนะ เงินที่เป็นของผมโดยที่ไม่ต้องไปแย่งหรือขโมยมาจากใคร” น้ำอบตอบอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจังพร้อมจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของร่างตรงหน้า จนทำให้อีกฝ่ายเผลอหวั่นไหวกับความเข้มแข็งในคำตอบของผู้ที่ได้ชื่อว่าน้องชายหมาดๆของเขาไม่ได้
“หึ....คอยดูกันต่อไปเด็กน้อย ชั้นจะคอยดูเธอไม่ให้คลาดสายตาเลยล่ะ” คาโลดึงข้อมือบางมาบีบไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่อยากเอาชนะพร้อมจ้องกลับไปยังลูกแก้วสีน้ำตาลที่ทอประกายแรงกล้าอย่างไม่เกรงกลัวเขาแม้แต่น้อยเช่นกัน
น้ำอบสะบัดมือร่างแกร่งออกแล้วเดินหนีทันทีเมื่อเห็นว่าร่างสูงดูเหมือนจะไม่หยุดต่อปากต่อคำง่ายๆและพร้อมจะหาเรื่องเขา
เลยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะๆ พร้อมทั้งแผนการมากมายที่ไหลเข้ามาในสมอง
_______________________________________________________
ขอกำลังใจให้ข้าพเจ้าซักนิดดดดด
คอมเม้นให้หน่อยเถอะน้า
ขอร้องงง :)
ความคิดเห็น