ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลง(รัก)แล้วสิ!!...นายต่างชาติ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ ๓ : สถานะที่แปรเปลี่ยน > Menopausa

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 56


    โห.............

    โห..........................

    เสียงแสดงความตกใจโดยไม่รู้ตัวได้หลุดออกมาจากปากของชายหนุ่มรูปงามทั้งสองอย่างยอดชายนายไกด์และจอมมึนตามธรรมชาติอย่างหนุ่มน้อยน้ำอบ    เมื่อทั้งสองได้มาเห็นที่หมายที่พวกเขาตั้งมั่นจะมาตั้งแต่อยู่ประเทศบ้านเกิด

    “ก็....เดาไว้แล้วว่าน่าจะใหญ่”  ไกด์รำพึงกับตัวเองเบาๆ

    “เออ....แต่ก็ไม่นึกว่าจะอภิมหาอลังการขนาดนี้ว่ะ” น้ำอบต่อคำรำพึงให้แก่เพื่อนรักอย่างรู้ใจกันดี

    “บ้านกูถ้าไปเทียบกับเค้า บ้านกูนี่กลายเป็นกระต๊อบไปเลยนะ”

    “หึ....ถ้าบ้านมึงเป็นกระต๊อบ  อพาทเม้นกูนี่ไม่ใช่รู ปลวกหรอ” น้ำอบเมื่อตั้งสติได้จึงหันไปแซวเล่นกับเพื่อนอย่างไม่ใส่ใจอะไรในความใหญ่โตของสถานที่เบื้องหน้าอีกต่อไป

     
     

    แน่ล่ะ....นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง นอกจากบ้านอันใหญ่โตยิ่งกว่าคฤหาสน์ หรือเงินทองที่ดูจะมากมายพอๆกับความอลังการของบ้านหลังนี้ ยังจะมีสาเหตุไหนอีกที่ผู้ให้กำเนิดเขาถึงได้กล้าทิ้งเค้าไปอย่างไม่ดูดำดูดีถึงยี่สิบสามปี

    “บ้าน” ในความหมายของเขาคือสิ่งที่ให้ความอบอุ่น และอบอวลไปด้วยความรักความห่วงใยจากสิ่งที่เรียกว่า “ครอบครัว”  ให้ที่พักพิงทั้งทางกายและใจยามที่สิ้นไร้หนทางและพบกับปัญหา  คำนิยามของเขาออกจะง่าย

    แต่ของแม่....ง่ายกว่า

     เพราะแม่คงให้คำจำกัดความเพียงแค่คำว่า “สุขสบาย” เท่านั้นกระมัง

     
     

    “เรา....ไม่เข้าไปกันดีกว่า  กลับกันเถอะ” น้ำอบกล่าวพร้อมกับดึงไกด์ให้ออกห่างจากกริ่งประตูเมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังจะเข้าไปกดเรียกคนข้างใน

    “เฮ้ย!  จะบ้าหรอ มึงอุส่าห์เก็บเงินจะไปโชว์ความตั้งใจให้แม่มึงเห็น แล้วตอนนี้พอได้โชคหล่นทับก็เลยกลัวแม่มึงว่าหรอ ว่ามึงไม่ได้ใช้ความพยายามเหมือนที่คุยไว้....  อย่าไร้สาระน่า”

    “ไม่ใช่นะ  โชคนี่มันก็เป็นสิ่งที่ฟ้ากำหนดให้กูได้เว้ย มันเป็นของๆกูอยู่แล้ว  แต่....กู  กูแค่....กลัว”  เมื่อไกด์ได้ยินถึงกับเกิดความไม่เข้าใจในอารมณ์ของเพื่อนรักเท่าไร  คนอย่างมันเนี้ยนะ  กลัวอะไรกับใครเค้าด้วย

    “กลัวกลัวห่าอะไร อย่าบอกว่ากลัวพ่อเลี้ยงมึงหรือลูกติดของพ่อเลี้ยงมึงอ่ะนะ....พนันกับหัวไอ้โต้งที่วัดเลย...กูไม่เชื่อ!!!”   อย่างไอ้ตัวเล็กนี่หลังจากโดนฝึกให้มั่นใจในเรื่องการต่อสู้ขนาดนี้ คนอย่างมันก็ไม่เคยกลัวอะไรอีกเลย ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นไม่ว่าจะจิ๊กโก๋หรือแม้กระทั่งแก๊งอันธพาลในต่างแดนก็เถอะ มันยังเล่าให้ฟังชิลๆเหมือนเล่านิทาน  แล้วจะกลัวไอ้สองคนพ่อลูกนั่นอ่ะนะ เชื่อก็บ้าแล้ว

    “กูไม่ได้กลัวพวกเขา  เรากับเขาแม้จะเหมือนเกี่ยวดองทางนิตินัยแต่ในความเป็นจริงกูยังไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าเค้า แล้วกูจะกลัวทำไมเล่า  ที่กลัวน่ะ     กูกลัวเรื่องแม่มากกว่า.....  หลังจากมาหากูเมื่อคราวก่อนแล้วกูบอกจะไปหาเค้าเองแบบนั้น  เค้าก็ไม่ได้ติดต่อไรกลับมาเลยนะเว้ย....” เมื่อเห็นร่างสูงยังนิ่ง คนตัวเล็กกว่าเลยรีบอธิบายต่อทันทีแบบตรงประเด็น

    “กูหมายความว่า..บางทีเค้าอาจไม่อยากให้กูไปหาก็ได้อ่ะ  แค่แบบไม่อยากรู้สึกผิดเลยมาตามหากูหลังจากเขามีเงินไง  แล้วกูก็ไม่ได้ขอเงินเค้าซักบาทแม้เค้าจะให้ก็เถอะนะ  เค้าก็เลยคิดว่าหมดพันธะ  หมดความรู้สึกผิดนั้นแล้วก็ได้.......ทำไมกูไม่เคยคิดเรื่องนี้วะ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆเลย”  ไกด์ถึงกับกุมขมับในความคิดลึกลับซับซ้อนของเพื่อนตัวดี  จุดหมายอยู่ตรงหน้าอีกแค่ก้าวเดียวก็จะถึงแต่ไอ้คนข้างๆเขากลับจะล่าเท้าถอยหนีเพราะกลัวผลของความสำเร็จเนี่ยนะ  แล้วยังคิดอะไรประหลาดๆแบบนั้นออกมาอีก

     

    จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง....


    ก็ในเมื่อเขากับคุณแม่ของไอ้คนเข้าใจยากนี่.....ต่างร่วมมือกันเกี่ยวกับเรื่องรางวัลอะไรนั้น เพื่อพาคนที่แสนดื้อรั้นข้างหน้าตรงนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังดินแดนมนเสน่ห์แห่งมหาอำนาจนี่ไงล่ะ!!!!!!!!!!!!

    .................................................................

    ...............................

    ..................

    .........

    “คาโล...อีกไม่นานแขกที่เรารอกำลังจะมาถึง  จากที่พ่อได้เล่าให้ฟังขอให้วางตัวดีๆหน่อย  อย่างน้อยตอนนี้.....เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายของลูกอย่างถูกต้องแล้ว”  ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งประสบการณ์แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูมีสง่าราศีเต็มไปด้วยอำนาจและบารมีสมกับเป็นประธานใหญ่แห่งบริษัทนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับหนึ่งระดับประเทศ  ได้กล่าวเรียบๆกับบุตรชายเพียงคนเดียวของตน

    “หึ....ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะพาตัวเองเข้ามาเอี่ยวในทรัพย์สมบัติมหาศาลของพ่อยังไม่พอ...ยังลากลูกตัวเองมาอีก  แล้วนี่อีกไม่เท่าไร คงมีญาติพี่น้องโผล่กันมาอีกเพียบ” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและร่างกายสูงใหญ่คล้ายบิดากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะแล้วชี้มืออย่างไร้มารยาทไปยังผู้หญิงร่างบาง  ที่แม้จะดูมีร่องรอยแห่งอายุปรากฏอยู่บ้าง หากนั้นก็ไม่ได้ลดความงดงามหรือความน่ามองไปซักนิด ตรงข้ามกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและแฝงบารมี จึงทำให้บรรดาคนรับใช้ต่างยกเธอเท่าเทียมกับนายใหญ่ของพวกเขาได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

     
     

    เธอนั่งนิ่งอย่างสงบเคียงข้างบิดาของเขาโดยไม่แสดงสีหน้าหรืออาการที่ส่อถึงโทสะแม้แต่น้อย  ตรงกันข้ามหล่อนกลับยิ้มเย็นๆด้วยความอ่อนโยนกลับไปให้ร่างแกร่งแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงใจไปยังสามีของเธอ

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะราฟ  ชั้นรู้ตัวดีว่าชั้นแค่ได้รับความเมตตาจากคุณมากขนาดนี้ก็เกินพอแล้ว  เรื่องของเด็กก็ปล่อยให้พวกเขาว่ากันเองเถอะค่ะ  อีกอย่างคาโลเองก็ไม่เคยรู้จักน้ำอบมาก่อนอยู่ๆจะมาบังคับให้รับเป็นน้องในทันที คาโลคงไม่สะดวกใจ”  แทนที่คาโลจะอารมณ์เย็นลงกับการเข้าข้างที่มาจากหญิงตรงหน้า  เขากลับตวัดสายตาไปมองหล่อนด้วยสายตารังเกียจสุดหัวใจกับหญิงที่จู่ๆบิดาผู้แม้จะมีหญิงเล็กหญิงน้อยแต่ก็ไม่เคยมีใครได้ก้าวถึงขนาดเป็นภรรยาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเหมือนผู้หญิงไทยคนนี้

    เรื่องอะไรที่ทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่เขารวมถึงตัวเขาอุส่าห์พยายามทำงานกันแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน จู่ๆจะมาถูกผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาชุบมือเปิป  เรื่องทั้งหมดเขาเพิ่งรู้หลังจากกลับมาจากเรียนต่อที่แม๊กซิโก  ซึ่งพอรู้เรื่อง  มันก็สายไปแล้วเพราะทั้งพ่อเขาและผู้หญิงหน้าด้านคนนี้จดทะเบียนกันไปเรียบร้อย

     

    จะมาแทนที่แม่เค้างั้นหรอ............ฝันไปเถอะ!!!!

    คอยดูนะ  หากเด็กไทยที่เป็นลูกของผู้หญิงไร้ยางอายนี่โผล่มาจะเล่นซะให้หางจุกตูดกลับบ้านเกิดไม่ทันเลยทีเดียว


      อย่าหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กแล้วกัน!!!

     
     

    คาโลเดินปึงปังออกไปทันทีหลังจากเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ฟังเรื่องไร้สาระ  ซี่งสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ใหญ่ทั้งสองยิ่งนัก  โดยเฉพาะราฟาเอล หรือราฟ บิดาของหนุ่มอารมณ์ร้ายถึงกับส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ทีเดียว

    “หวังว่าเด็กน้ำอบนั่นจะไม่ถือสา  คราวที่ชั้นไปแม้แกจะมองมาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรแต่แกก็ยังยกมือไหว้เคารพชั้น” ราฟอดเปรยถึงเด็กหนุ่มหน้าหวาน บุตรชายลูกติดของภรรยาเค้าไม่ได้  แม้ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูอย่างหรูหราแต่กิริยาช่างดูแตกต่างจากบุตรชายเขายิ่งนัก ขนาดลูกเขาอายุอานามก็มากกว่ามากแท้ๆ

    “น้ำอบถูกหลวงตาเลี้ยงดูสั่งสอนมาอย่างเข้มงวดค่ะ  แต่ชั้นก็ดูออกว่าแกยังไม่ให้อภัยชั้น  แต่ก็ถูกแล้วล่ะค่ะ แม่โง่ๆที่ทำเรื่องโง่ๆสมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้   ชั้นเสียใจมากที่ลูกไม่ยอมมาอยู่ด้วยทั้งๆที่คุณก็จะอุปถัมป์แกแล้วแท้ๆ   ไม่แม้แต่จะรับเงินเล็กๆน้อยๆที่ชั้นทำงานหาเงินมาก่อนที่จะพบคุณ” รสาหรือแม่ของน้ำอบพูดทั้งน้ำตา  ส่งผลให้สามีเธอต้องดึงเธอเข้าไปกอดเพื่อปลอบโยน

    “เด็กนั้นยังไม่เข้าใจถึงความห่วงใยที่คุณมีให้เค้า  ซักวันถ้าเค้ารู้ว่าแม่ของตัวเองต้องลำบากหนักหนาเพียงใดเพื่อเค้า  เค้าต้องเขาใจ  แล้วผมอยากให้คุณรู้ไว้....อย่าลืมว่าเรารักกันทั้งๆที่คุณไม่รู้ถึงฐานะจริงๆของผมด้วยซ้ำ  ไม่มีเรื่องอะไรที่คุณควรรู้สึกอาย  อย่าไปฟังไอ้คาโล  มันไม่รู้ไม่ฟังอะไร มันพูดในสิ่งที่มันคิดเท่านั้น  เข้าใจมั้ยรสา” หญิงสาวจับมือร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรักและความเมตตาให้เธออย่างแท้จริงด้วยความรู้สึกขอบคุณ

    “หยุดร้องไห้ได้แล้ว   เมื่อครู่ไกด์เพื่อนน้ำอบแอบโทรมาหาผมบอกว่าใกล้จะถึงแล้ว  เตรียมตัวพบลูกในครั้งที่สองอย่างเป็นทางการดีกว่า  เดี๋ยวไม่สวยลูกหนีกลับผมไม่รู้ด้วยนะ”  หนุ่มใหญ่มาดเข้มแซวอย่างอารมณ์ดีไม่สมกับหน้าตาทำให้รสาคลายเศร้าแล้วเตรียมพบลูกชายที่จะพบกันในครั้งที่สอง  แต่ไม่รวมถึงการพบที่หล่อนเป็นฝ่ายไปแอบพบอย่างไม่เป็นทางการมามากกว่าร้อยครั้งนะ

    ....................................................................

    .............................................

    .......................

    ..........

    “อัล....มานี่ซิ”  เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกสุนัขสีขาวที่แสนเชื่องอย่างน่าประหลาดใจทั้งที่ซื้อมาไม่นานให้เข้าไปหา

    “แกนี่นะ  วันๆเอาแต่กินกับนอน ชีวิตไร้ค่าแบบนี้แกชอบมากเลยหรือไงห๊ะ”  ร่างสูงเอ่ยอย่างหมันไส้พร้อมยกเจ้าสี่ขาขึ้นมาแกว่งเล่นเบาๆ   พอมองเห็นหน้าเจ้านี่ในใจกลับพาลนึกไปถึงไอ้เด็กหน้าหวานเอเชียที่มาช่วยเขาจากแก๊งอันธพาลเมื่อวันก่อนไม่ได้   ว่าจะบอกคนให้ช่วยหาข้อมูลแต่หลังจากวันนั้นก็มีงานด่วนเข้ามาเรื่องการประมูลที่มีปัญหา  เรื่องนั้นเลยสำคัญกว่าเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้

    และแน่ล่ะ ไอ้พวกที่มารุมเขา เขาก็จัดการอย่างที่พวกมันคิดว่าหากไปนรกอาจจะมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่ไปแล้ว   นี่คงถึงเวลาที่ต้องสืบหาไอ้เด็กนั้นอย่างจริงๆจังแล้วมั้ง

    แววตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังนั่นทอประกายทันทีเมื่อนึกถึงวีรกรรมอันไม่สมกับหน้าตาของชายหนุ่มร่างบางแต่ฝีมือเยี่ยมยุทธ์นั่น  แต่ความคิดทั้งมวลก็ต้องหยุดลงเมื่อเขาได้ยินเสียงคนคุยกันด้วยภาษาที่เขาฟังไม่ออกเดินผ่านห้องทำงานที่เขานั่งอยู่ไป   ซึ่งกระตุ้นให้ความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเจ้าตัวไม่เคยเป็นคนที่มีความรู้สึกแบบนี้ค่อยๆแอบก้าวขาเดินตามหลังของสองคนนั้นไปทันทีอย่างห่างๆ

     

    ประตูที่ปิดไม่สนิท  ทำให้มีช่องว่างพอที่ดวงตาสีฟ้าคมได้เห็นถึง ชายหนุ่มสองคน  คนหนึ่งเป็นคนแปลกหน้าแต่อีกคนหนึ่งเป็นคนที่เค้าคิดถึงมาตลอดด้วยความประทับใจเล็กๆที่มีให้แต่แรกพบ  แต่ทั้งหมดกลับพังทลายลงด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของผู้หญิงที่เค้าเกลียดจับใจ

    “น้ำอบมาหาแม่แล้วหรือลูก  แม่ดีใจเหลือเกิน”

     
     

    น้ำอบเมื่อมาอยู่ต่อหน้าคนที่เค้าโหยหามาตลอดน้ำตาจู่ๆก็พลันจะไหลโดยไร้ซึ่งเหตุผล  ทั้งๆที่หญิงสาวตรงหน้าไม่เคยมาหาเค้าซักครั้ง

    หัวใจเรา....ทำไมมันรู้สึกตื้อไปหมดแบบนี้

              ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดรีบผละจากสามีเพื่อจะเข้ามาโอบกอดให้หายคิดถึง  หากแต่ร่างเล็กผู้มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับมารดากลับก้าวถอยออกมา   ซึ่งนั้นสร้างความรู้สึกตกใจให้แก่ทุกคนภายในห้องแต่สร้างความสะใจให้แก่ผู้ที่แอบมอง

            เหอะ....ได้ยินว่าทิ้งลูกมาตั้งยี่สิบกว่าปี  เด็กนี่รับไม่ได้จะรังเกียจก็ไม่แปลกหรอก

              หากแต่การกระทำต่อมาของหนุ่มหน้าหวานก็ต้องเปลี่ยนความคิดของทุกคนใหม่  น้ำอบก้าวถอยออกมาแล้วนั่งพับเพียบลงตรงหน้าแม่  ก้มลงประนมมือกราบไปที่เท้าของรสาด้วยมืออันสั่นเทา  ชายหนุ่มเอเชียอีกคนอดยิ้มไม่ได้กับภาพเพื่อนรักตรงหน้า  เช่นเดียวกับราฟและรสาที่ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจโดยเฉพาะรสาที่กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป  รีบรับไหว้ลูกเอามือลูบหัวอย่างคิดถึงสุดหัวใจ

                “ดีใจที่มาหาแม่  ทำตามสัญญาที่ลูกให้ไว้  แม่ดีใจจริงๆลูก” น้ำอบแอบเช็ดน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มจางๆให้มารดา

                “ผมบอกแล้วว่าต้องมาหาคุณได้ด้วยความสามารถของผม  ผมก็ต้องมา ผมไม่เคยผิดสัญญาใครครับ”  รสาสะอึกไปนิดกับคำพูดตรงไปตรงมาของลูก  เมื่อราฟเห็นบรรยากาศที่เริ่มอึดอัดจึงได้ให้คนรับใช้พาน้ำอบกับไกด์ไปห้องพักที่จัดไว้ให้แล้วนัดเวลาลงมารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน

               

                เมื่อได้ยินเช่นนั้น   คนที่แอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก็รีบหลบฉากออกไปจากประตูในทันทีพลางนึกถึงภาพเมื่อครู่  เค้ายอมรับว่าตกใจและแปลกใจ  เด็กนี่ทำให้เค้ารู้สึกแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครทุกครั้งที่พบเจอ  ครั้งแรกก็ตกใจกับความสุขุมและกล้าหาญ  ครั้งที่สองก็ต้องตกใจกับแปลกใจในกิริยาอันนอบน้อมที่แสดงความเคารพต่อผู้หญิงนั้นทั้งๆที่เป็นฝ่ายทิ้งเด็กนั้นไปแท้ๆ

                เดี๋ยวนะ.....ทำไมเราต้องเป็นฝ่ายหลบล่ะ  ที่นี่มันบ้านเค้านะนั่นหมายความว่าเค้าต้องเป็นใหญ่สิ

                เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างแกร่ง นัยต์ตาคมก็มายืนทำหน้าดุอยู่ข้างประตูซึ่งบังเอิญว่าคนที่คาโลนึกถึงอยู่เป็นฝ่ายเปิดประตูออกมาพอดี  ซึ่งราฟเมื่อเห็นเหตุการณ์ก็ได้โอกาศแนะนำลูกเลี้ยงที่ตอนนี้ตนยอมรับเต็มหัวใจกับลูกชายแท้ๆแต่ช่างทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่จนเขาอดเอือมระอาไม่ได้

                “เอ่อ...ฮะแฮ่ม  น้ำอบนั่นคาโล ลูกชายของชั้นหรือในตอนนี้ก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเธอ  ส่วนคาโลนี่น้ำอบที่ชั้นเคยเล่าให้แกฟัง แล้วข้างๆนี่ไกด์ เป็นเพื่อนของน้ำอบมาตั้งแต่เล็กๆน่ะ” ราฟแนะนำทั้งสองอย่างง่ายๆ ซึ่งน้ำอบกับไกด์ก็ค่อยๆยกมือไหว้ร่างแกร่งอย่างชินในวัฒนธรรมของตน  แต่คาโลผู้ที่ไม่เคยมีใครมาทำความเคารพแบบนี้ก็ได้แต่พยักหน้าส่งๆให้อย่างไม่รู้จะตอบกลับเช่นไร  แต่นั่นเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับแววตาที่เหมือนพบกันเป็นครั้งแรก

                เหมือนเติมเชื้อไฟที่รอประทุเมื่อรับรู้ได้ว่า  เด็กข้างหน้านี่จำเขาไม่ได้หรืออาจจะจำได้แต่แกล้งไม่ใส่ใจ แล้วยิ่งเป็นลูกของผู้หญิงที่เขารังเกียจจากที่เคยประทับใจก็ถูกแปรเปลี่ยนไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

                บางทีเด็กนี่อาจรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นใครแล้วแกล้งสร้างเรื่องขึ้นมาหรือสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เขาประทับใจจะได้ยอมรับมันแล้วก็แม่ของมันก็ได้!!

                เมื่อความรู้สึกที่เหมือนถูกเมินหรือถูกหลอกมาบังตาหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ก็ทำให้เทพบุตรเดินดินอย่างคาโลมีความคิดร้ายๆผุดออกมาเต็มสมอง  เลยส่งสายตาเหยียดหยามและดูถูกไปยังร่างเล็กอย่างไม่ปิดบัง  ซึ่งไม่ยากเลยที่ผู้ที่ถูกเขม่นจะรับรู้ถึงอาการคนข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

                “เหอะ... นี่นายรู้เรื่องนี้อยู่แล้วสินะ นายถึงไม่ยอมรับเงินจากชั้นน่ะ  วางแผนทำให้ประทับใจหรือไง....เด็กน้อย”   คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจคิดจู่ๆก็หลุดออกมาจากปากร่างสูงอย่างเหมือนตัวเขารู้อยู่แล้วว่าต้องพูดประโยคนี้ออกมา แต่แค่ไม่รู้มาก่อนว่าต้องพูดในสถานการณ์ไหนเท่านั้น

                เกิดความชะงักไปกับทุกคนที่ยืนอยู่  โดยเฉพาะน้ำอบที่ถึงกับเงยหน้ามองร่างแกร่งอย่างเต็มตาแล้วพลันนึกถึงอะไรบางอย่างที่เหมือนลืมไปนาน  ร่างเล็กสะบัดศีรษะอย่างคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้  จึงขอตัวเพื่อเข้าห้องน้ำทันที  ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน

                ยกเว้น.....เจ้าของประโยคที่ทำให้น้ำอบต้องหลบฉากออกมา  เมื่อความทรงจำนั้นเลือนลางแล้วเขาก็คิดว่าไร้ประโยชน์ที่จะหาความจริงทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังอยากรู้เต็มประดา  แต่น่าแปลกเมื่อความรู้สึกอะไรนั่นกลับหายไปหมดเมื่อพบน้องชายต่างแม่คนนี้   คาโลคิดพร้อมหันมองไปยังทางที่ร่างบางอ้างว่าจะไปทำธุระส่วนตัวอย่างมาดหมาย

    ...........................................................

    ...................................

    ....................

    .......

                คนที่บอกว่าจะเข้าห้องน้ำกลับไม่ได้ไปในที่ๆตนเองบอกกับคนอื่นก่อนหน้านี้  น้ำอบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ว่าตอบโต้ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็น พี่ชายของเขา  แต่แค่ได้ยินประโยคนั้นประโยคเดียวกลับทำให้เขารู้สึกไม่อยากฟังต่อ  ซึ่งนั่นก็ไม่รู้อีกว่าทำไม  สมองเขาเหมือนสั่งการแค่ว่าให้หลบออกไปจากตรงนั้นให้ไวไม่อย่างนั้นอาจจะได้ฟังอะไรที่ไม่อยากฟังก็เป็นได้

                คนๆนั้น......เอ้ะ  จะว่าไป  จำได้แล้วคนที่ไปมีเรื่องกับพวกอันธพาลวันก่อนนี่นาระหว่างที่กำลังหาทางเดินไปที่ห้องอาหาร จู่ๆนัยต์ตาสีน้ำตาลเข้มก็เบิกกว้าง เมื่อเขานึกได้ว่าตนเคยพบกับคาโลมาก่อนหน้านี้แล้ว และนี่เองอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างสูงเขม่นใส่เขาก็ได้   ต้องคิดว่าเขาหยิ่งแน่ๆเลย

                เฮ้อ...คนมันความจำสั้นนี่นา  เดี๋ยวค่อยไปขอโทษล่ะกัน

                ฝีเท้าที่เชื่องช้าเพราะคนเดินมัวแต่เดินทอดน่องจึงทำให้ผู้ที่แอบติดตามวิ่งตามเขามาทันแล้วก็โผเข้าหาร่างบางเต็มแรง  จนน้ำอบเสียหลักล้มลงไปกับพื้น

                ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ประดุดนวนิยายน้ำเน่ากับเขา  เมื่อผู้ที่ตามเขามาแถมล้มทับเขาทั้งตัวนั้นจะนำพาความรู้สึกหยุ่นๆ  นุ่มๆ มาประกบกับริมฝีปากเขาอย่างจัง ริมฝีปากของผู้รุกรานนอกจากมาประกบ ยังใช้ลิ้นสากๆนั้นมาเลียวนรอบริมฝีปากของเขาอย่างถือสิทธิ์และพยายามดุนดันลิ้นของเจ้าตัวให้เข้ามาในปากเขาอีกด้วย

    “ไม่ไหวแล้ว!!!!!  กล้าดียังไงมาขโมยจูบชั้น”

    เมื่อความอดทนสิ้นสุดน้ำอบก็ผลักร่างผู้รุกรานออกไปทันที  ส่งผลให้ผู้ถูกผลักกลิ้งโคโร่ไปพร้อมส่งเสียงร้องออกมาตามสัญชาติญาณ

     

     

     

    เอ๋งๆๆ.............................โฮ่ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  ”

     

    เจ้าหมาสีขาวตัวเล็กน่ารัก หูตั้งเมื่อถูกผลักแทนที่จะกลัวหนุ่มน้อยเอเชียหน้าหวาน แต่ดันกลับตรงกันข้าม ยังวิ่งเข้ามาคลอเคลียกับร่างบางอย่างหาเพื่อนเล่นอย่างคึกคักเต็มที่  จนน้ำอบอดใจอ่อนไม่ได้เลยยอมกอดเจ้าตัวเล็กไว้แล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู

    ไงเจ้าหมาน้อย น่ารักจัง ชื่ออะไรครับ ...เอ้า ลืมไป เป็นหมาฝรั่งพูดไทยคงไม่รู้เรื่องงั้นพูดอังกฤษแล้วกันเนอะ เจ้าตัวเล็ก ฮ่าๆๆ”  เอ้ะ คุ้นๆเหมือนเคยพูดประโยคนี่ที่ไหนมาก่อนหว่า

    หรือมันคือเดจาวูหรอ?

    ยังไม่ทันที่หมาตัวน้อยจะตอบ(?)ร่างบาง  ก็มีเสียงนุ้มทุ้มตอบด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงฟังเข้าใจง่ายเหมือนคนอังกฤษมาเองมาเฉลยคำถามที่น้ำอบอยากรู้

    “อัล  ชื่ออัล  ไอ้หมาบ้านี่วันๆไม่ทำอะไร  เอาแต่กินกับนอนแต่ก็ยังดี......กว่าคนที่ไม่ได้ทำอะไรก็จะมาเอาทรัพย์สมบัติของคนอื่นไปอย่างหน้าด้านๆ” เมื่อสิ้นเสียงของพี่ชายต่างพ่อ  ร่างบางถึงกับหนังตากระตุกด้วยความโกรธ  หากแต่ข่มจิตนับหนึ่งถึงร้อยตามที่หลวงตาเคยสอนเมื่อเกิดอารม์โทสะ

    “ผมขอบอกคุณไว้นะครับ...ไม่สิ ตอบคำถามที่คุณถามทิ้งไว้เมื่อครู่ ผมไม่ได้แกล้งให้คุณรู้สึกประทับใจอะไรนั่น  แล้วก็ขอบคุณที่คุณให้ความประทับใจกับผมในเหตุการณ์วันนั้น  คุณไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ เรื่องที่คุณลุงบอก ผมรู้ว่าคุณก็คิดไม่ต่างกับผมหรอก ทั้งๆที่เราไม่รู้จักกันมาก่อนจะให้มาเป็นพี่น้องอะไรเนี้ย  คุณคงยอมรับไม่ได้ง่ายๆ  แต่ถึงอย่างนั้นผมขอบอกคุณเอาไว้เลยนะครับ” น้ำอบถอนหายใจกับคำพูดยาวเหยียดของตนเพื่อพักหายใจ

    “ว่า......” 

    “ผมกับคุณเราไม่ใช่พี่น้องกัน  ไม่มีวันเป็น  ไม่มีทางเป็น เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องสมบัติอะไรนั่นที่ผมจะไปแย่งกับคุณ  ผมไม่อยากได้อะไรของคุณแม้แต่อย่างเดียว!!!”  น้ำอบพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ร่างแกร่งเชื่อ เพียงลมปากใครก็พูดได้จริงมั้ยล่ะ

    “แม่เธอยังเข้ามาได้ง่ายๆ ทรัพย์สมบัติมากมาย มีใครไม่อยากได้มนุษย์ทุกคนย่อมหลงใหลในเงินตราหรือเธอจะปฏิเสธว่าไม่ล่ะ เธอไม่ได้ซื้อของด้วยเงิน ใช้ชีวิตอยู่โดยปราศจากสิ่งที่เรียกว่าเงินงั้นรึ” คาโลถามกลับด้วยรู้สึกถึงชัยชนะในคำถามตน

    “ผมสนใจเงินครับ” ร่างสูงยิ้มทันทีแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ น้ำอบก็ชิงกล่าวสำทับ

    “แต่สนเฉพาะเงินที่ผมหาได้เท่านั้นนะ  เงินที่เป็นของผมโดยที่ไม่ต้องไปแย่งหรือขโมยมาจากใคร” น้ำอบตอบอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่จริงจังพร้อมจ้องเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มของร่างตรงหน้า  จนทำให้อีกฝ่ายเผลอหวั่นไหวกับความเข้มแข็งในคำตอบของผู้ที่ได้ชื่อว่าน้องชายหมาดๆของเขาไม่ได้

    “หึ....คอยดูกันต่อไปเด็กน้อย  ชั้นจะคอยดูเธอไม่ให้คลาดสายตาเลยล่ะ”  คาโลดึงข้อมือบางมาบีบไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่อยากเอาชนะพร้อมจ้องกลับไปยังลูกแก้วสีน้ำตาลที่ทอประกายแรงกล้าอย่างไม่เกรงกลัวเขาแม้แต่น้อยเช่นกัน

    น้ำอบสะบัดมือร่างแกร่งออกแล้วเดินหนีทันทีเมื่อเห็นว่าร่างสูงดูเหมือนจะไม่หยุดต่อปากต่อคำง่ายๆและพร้อมจะหาเรื่องเขา    

     เลยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะๆ พร้อมทั้งแผนการมากมายที่ไหลเข้ามาในสมอง

     

                 “พิสูจน์ให้ชั้นเห็นสิ.......น้องชาย”

                           _______________________________________________________

    ขอกำลังใจให้ข้าพเจ้าซักนิดดดดด

    คอมเม้นให้หน่อยเถอะน้า

    ขอร้องงง :)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×