คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ ๒ : ประทับใจแรกพบ > Prima Impressione
“สมกับเป็นคุณชายคาโล ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหยิ่งผยอง ขนาดจะโดนยำตีนอยู่แล้วยังทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว” หนึ่งในบรรดาชายชุดดำที่คุมตัวเขามาพูดกับเขาเหมือนหมันไส้เต็มประดากับท่าทีที่ไม่เกรงกลัวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดตรงหน้า
“หึ ทำไมต้องรู้สึกอะไร พวกหมาลอบกัดมันจะทำอะไรได้ดีไปกว่าการเห่าหอนกันเล่า” ร่างสูงใหญ่ผู้ตกเป็นจำเลยหันกลับไปตอบเรียบๆพร้อมส่งสายตาสมเพศแถมไปให้
“มึง!!!!”
สิ้นคำของร่างแกร่งชายคนที่ถามตอนแรกก็เอาด้ามปืนที่จี้หลังอยู่ฟาดเข้าเต็มหน้าของร่างแกร่งเต็มเหนี่ยวทำให้ตอนนี้ใบหน้าที่คมเข้มหล่อเหลาปรากฏซึ่งของเหลวสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปากเป็นทางยาว แต่ชายหนุ่มผู้ดูเต็มไปด้วยบารมีและอำนาจก็ยังคงไว้ซึ่งท่าทีเรียบเฉย ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด หากแต่แววตาแฝงไปด้วยไฟแห่งความอาฆาตที่แผ่รังสีใส่ผู้ทำร้ายร่างกายจนถึงกับทำให้ไอ้หมอนั่นเผลอหวั่นเกรงโดยไม่รู้ตัว
“อย่ามามองกูแบบนี้ไอ้คุณชาย วันนี้พวกกูแค่ได้รับมอบหมายมาแค่สั่งสอนมึงเท่านั้น ว่าให้ถอนตัวจากการประมูลครั้งนี้ อย่านึกว่ารวยแล้วจะชนะทุกอย่างนะเว้ย มึงต้องขอบใจพวกกูมากกว่าที่ไม่ฆ่ามึง”
“จัดการเลยดีกว่าลูกพี่ หมันไส้แม่งเต็มแก่แล้วเก๊กอยู่ได้ มองพวกเราอย่างกับหมาข้างถนน มึงนึกว่าไม่ฆ่ามึงแล้วพวกกูจะไม่ทำอะไรหรอ คิดผิดแล้วไอ้หน้าหล่อ” ลูกน้องรูปร่างใหญ่โตของแก๊งอันธพาลที่ได้รับการว่าจ้างไม่ว่าเปล่าเข้าชกท้องและถีบชายร่างสูงแกร่งจนเสียหลักล้มไปนอนกับพื้นทันที
และแล้วมหกรรมบาทาก็ได้เริ่มขึ้น กลุ่มชายชุดดำต่างช่วยกันประเคนเท้าใส่คุณชายระดับผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเมามันไร้ซึ่งความกลัวเกรง ทั้งเตะทั้งถีบ แม้คาโลจะมีร่างกายที่แข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามหรือพละกำลังที่สมบูรณ์เพียงใดแต่หากต้องรับมือกับชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนเหล่านี้ก็คงต้านไม่ไหว เลยได้แต่ตั้งความอาฆาตในใจเท่านั้น
ไอ้พวกหมาลอบกัด กูจำหน้าพวกมึงไว้หมดแล้วอย่าให้กูรอดไปได้นะ กูจะให้พวกมึงได้เจอกับนรกบนดินของจริงที่พวกมึงไม่มีวันจินตนาการได้เลยคอยดู!!
ขณะที่สติของเขากำลังเริ่มจะเลือนลาง ทันใดนั้นผู้ชายหนึ่งในห้าที่รุมกระทืบเขาอยู่กลับล้มกลิ้งชนกับถังขยะเหล็กอย่างแรงจนทำให้นอนสลบเหมือดหมดท่า ส่งผลให้ทุกคนที่เหลือต่างตกใจแล้วรีบเข้าไปดูเพื่อนของตนทันที แต่ที่ทำให้พวกเขารวมถึงผู้ที่กำลังถูกทำร้ายร่างกายต้องตกใจยิ่งกว่าจนเผลออ้าปากค้างไปตามๆกันก็คือ
เด็กหนุ่มเอเชียหน้าหวานรูปร่างสูงโปร่งแต่ก็นับว่าเตี้ยมากเมื่อเทียบกับพวกเขากำลังยืนกอดอก ตากลมโตนั่นช้อนตามองพวกเขาเหมือนอาจารย์ที่เห็นเด็กทะเลาะกัน ริมฝีปากบางเชิดขึ้นเหมือนเตรียมพร้อมที่จะดุเหล่าเด็กเกเร
แต่......ขอโทษเถอะ นี่มันไม่ใช่นักเรียนประถมตีกันนะเด็กนี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า
“เฮ้ย ไอ้น้องฝีมือแกหรอ” ชายอันธพาลที่ดูสูงกว่าร่างบางเกือบเท่าตัว เหมือนจะได้สติเป็นคนแรก รีบวิ่งออกไปดูจากตรอกเล็กที่พวกเขาซ้ายขวา
ก็ไม่เห็นมีใคร แสดงว่าที่ไอ้นั้นกระเด็นสลบเหมือดไปเมื่อกี้ก็ฝีมือ......
กลุ่มผู้ประทุษร้ายเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนที่วิ่งไปดูต้นทางก็เริ่มเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรรวมไปถึงชายร่างแกร่งที่พยายามตะเกียดตะกายลุกนั่งพิงกำแพงเพื่อเฝ้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่ แทนที่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของการเล่นเป็นฮีโร่ของหนุ่มน้อยหน้าหวานนี่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ไม่ได้ขอให้ช่วยนะ แส่หาเรื่องเข้ามาแบบนี้ถ้าตายขึ้นมาก็ไม่ใช่ความผิดของเขานะ
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ผมพูดภาษาอิตาลีไม่ได้ ขอเป็นภาษาอังกฤษพวกคุณคงเข้าใจนะครับ” ประโยคแรกที่ชายหนุ่มทั้งหมดได้ยิน แทนที่จะเป็นประโยคขอความเห็นใจหรือแก้ตัวว่าตนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องตรงหน้า แต่ที่พวกเขาได้ยินกลับเป็นประโยคขอโทษง่ายๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องตรงนี้แม้แต่น้อย
“มึงเป็นใคร กล้าดียังไงมาเล่นงานคนของกู ไอ้เปี๊ยก” หัวหน้าแก๊งเริ่มทนไม่ไหว เดินสามขุมเข้าหาร่างเล็กกว่าด้วยอารมณ์โทสะ น้ำอบไม่ได้หันหลังวิ่งหนีแต่เพียงเอี้ยวตัวน้อยๆเพื่อหลบกำปั้นลุ่นๆที่ตรงเข้ามาที่ใบหน้าของเขา
“ทำไมต้องใช้กำลังด้วยล่ะครับ พูดกันดีๆก็ได้นี่นา คนอิตาลีนี่เป็นพวกอารมณ์ร้อน ขี้โมโหแล้วก็...หมาลอบกัดหรือครับ” ร่างโปร่งพูดด้วยน้ำเสียงสดใสแล้วหันไปยิ้มใส่เจ้ายักษ์ที่ปล่อยหมัดใส่เขา
ไม่ได้ตั้งใจจะยั่ว ก็เขาแค่อยากรู้จริงๆนี่นา
“มึงกล้ากวนตีนกู เก่งนักหรอ เฮ้ย! พวกมึงไม่ต้องสนใจไอ้ขี้เก๊กนี่แล้ว มาเล่นกับเด็กนี่หน่อยดีกว่า เผลอๆอาจได้ไอ้หน้าหวานนี่ไปนอนเล่นบนเตียง คนเอเชียนี่ขาวอมชมพูแบบมึงทุกคนเปล่าวะ ขนาดผู้ชายนะเนี้ย เมื่อกี้น่ะกูพลาด แต่ต่อไปกูเอาจริง” ไม่ทันขาดคำร่างสูงใหญ่ของคุณชายคาโลก็หมดความสนใจจากพวกหมาหมู่นี้ไปในทันที
ส่งผลให้ร่างบางถูกล้อมกรอบไปด้วยเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งสี่ แต่นั้นก็ไม่ได้สร้างความแตกตื่นทั้งในแววตาหรือการกระทำของเด็กหนุ่มเอเชียหน้าหวานแต่เพียงอย่างใด น้ำอบเพียงแค่เอามือไพล่หลังแล้วยิ้มบางๆไปให้ชายร่างแกร่งอีกคนที่กำลังมองเขาด้วยแววตาสนใจปนเป็นห่วงเล็กน้อย ซึ่งเด็กหนุ่มเองก็เข้าใจในความหมายของแววตานั้น
นึกว่าไม่ห่วงแฮะ เห็นนิ่งเงียบเหลือเกิ้น เก๊กชะมัดเลย
“ออมมือให้ผมด้วยนะครับพวกพี่” น้ำอบเผลอใช่สรรพนามตามความเคยชินของคนไทยแต่ฝรั่งไม่คุ้นและ งงไปชั่วขณะ ร่างบางอาศัยจังหวะนี้เข้าทำร้ายจุดตายของชายทั้งสี่ในทันที โดยเริ่มจากลูกกระเดือกของคนข้างหลังเพราะความสูงที่กำลังดีของตนอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ตามด้วยเตะอัดใต้รักแร้ของอีกคน พร้อมกับเสยปลายคางของคนที่สามและปิดท้ายอย่างสวยงามที่จุดยุทธศาสตร์ของเหล่าชายชาตรีกับชายร่างยักษ์ตรงหน้า
“อูยย พี่คงเจ็บหนักสุดแหงๆเลย ขอโทษนะครับ” น้ำอบอดเสียวไม่ได้กับการกระทำฉากสุดท้ายของตนเลยกล่าวขอโทษเบาๆกับชายตรงหน้าอย่างสำนึกผิด(เล็กๆ)
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ชายหนุ่มหล่อเหลาที่ใบหน้าเริ่มขึ้นสีบวมช้ำ ผู้ซึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบแล้วสิ่งที่ประจักษ์ ทำให้เขาคิดได้อย่างเดียวว่าเด็กนี่เป็นยอดฝีมือจริงๆ
ดูจากสภาพของไอ้สวะสี่ตัวนี่คงจะฟันธงได้ไม่ยาก เพราะทุกจุดที่เด็กนั่นจัดการทั้งรวดเร็วแม่นยำ และจากการที่ไอ้พวกนี้ไม่กระดุกกระดิกเลยก็พิสูจน์ได้แล้วว่านอกจากความว่องไวต้องแฝงไปด้วยพลัง ทั้งที่ไอ้พวกชั่วนี้ยังไม่คิดจะได้ชักปืนขึ้นมาขู่เด็กนี่เลยด้วยซ้ำ
ขณะที่กำลังอึ้ง เด็กหนุ่มที่เขากำลังประเมินฝีมือในใจกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วพยายามช่วยพยุงเขาขึ้นอย่างทุลักทุเล
แต่ทันทีที่ได้ชิดใกล้ร่างสูงก็ได้กลิ่นหอมประหลาดออกมาจากร่างบางตรงหน้า กลิ่นหอมแปลกซึ่งเขามั่นใจว่าไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน มันช่างให้ความรู้สึกเย้ายวนยั่วเย้า หอมหวลประหลาด ก่อนที่สมองจะได้สั่งการให้ทำสิ่งใด ปลายจมูกโด่งกลับเลื่อนต่ำลงสูดกลิ่นหอมจากซอกคอของหนุ่มเอเชียแปลกหน้าและกำลังเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ พร้อมมือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่สุก แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรตามที่ใจปรารถนาโดยไร้ซึ่งสติเกือบสมบูรณ์ เสียงของเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับปลุกสติทุกอย่างของเขากลับคืนมาในทันใด
“คุณไม่เป็นไรมากใช่มั้ยครับ ให้ผมพาไปโรงพยาบาลมั้ย เดินไหวหรือเปล่านี่ถ้าคุณล้มตรงนี้ผมแบกคุณไม่ไหวนะ” น้ำอบกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บแทนอีกฝ่าย เพราะตอนนี้หน้าตาที่เขาเห็นแวบแรกก่อนชายคนนี้โดนจี้กับตอนนี้มันอย่างกับคนละคนเลยน่ะสิ
แถมท่าทางอาการก็ดูไม่สู้ดี เมื่อกี้ยังนั่งมองเขาฉะกับแก๊งอันธพาลไม่วางตา แต่ทำไมตอนนี้ตาปรือเหมือนคนจะหลับซะให้ได้ล่ะเนี้ย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวชั้นโทรศัพท์เรียกคนมารับ พาชั้นออกไปตรงลานน้ำพุด้านหน้านี่ก็พอ” เมื่อสติคืนมาก็นึกอายตนเองที่เกือบเผลอทำอะไรแปลกๆกับคนเพศเดียวกัน แม้เด็กนี่จะหน้าตาแบบนี้ก็เถอะ ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชายล่ะวะ
“ได้ครับ ค่อยๆเดินนะฮะ” ขณะที่กำลังประคองร่างสูงกว่าไปยังที่หมาย คาโลก็นึกอะไรขึ้นมาได้ว่าใครจะมาเสี่ยงตายช่วยคนอื่นแบบนี้ถ้าไม่หวังเงิน และแน่ล่ะ นี่เขาเป็นถึงผู้บริหารระดับใหญ่เด็กนี่คงรู้จักเขาตามหน้านิตยสารล่ะสิ ถึงได้กล้าเข้ามาช่วยเค้าแบบนี้
“อ้อ...ลืมไป อยากได้เท่าไรล่ะ เรื่องนี้ถ้าไม่พูดหากชั้นลืมจะมาโทษว่าชั้นขี้เหนียวไม่ได้นะ”
“หา...หมายความว่าอะไรน่ะครับ” น้ำอบเมื่อประคองชายขี้เก๊กมาถึงลานหน้าน้ำพุแล้ว ก็ถึงกับประหลาดใจกับคำพูดแปลกๆที่จู่ๆร่างสูงก็กล่าวขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ทำงงอีก เงินไงล่ะ อยากได้เท่าไร ชั้นให้นายกำหนดเลยถึงกับเสี่ยงตายแบบนี้เรียกแพงยังไงชั้นก็จะจ่ายให้” ยิ่งพูดน้ำอบก็ยิ่งสับสน จนร่างสูงกว่าเริ่มหงุดหงิดเพราะไม่เข้าใจว่าเด็กนี่ไม่เข้าใจอะไรที่เขาพูดกันแน่ เขาก็พูดภาษาอังกฤษอยู่นี่ ไม่ใช่อิตาลีแล้วทำไมถึงไม่เข้าใจวะ
“เอ่อ...ผมว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดนะครับ ที่ผมช่วยคุณเพราะผมเห็นว่ามันไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชายเลยกับที่คนพวกนั้นทำกับคุณ ผมไม่รู้หรอกว่าคุณกับพวกเขามีอะไรกัน ซึ่งคุณอาจติดหนี้แล้วโดนเจ้าหนี้ไล่ หรือว่าขายยาแล้วโดนตำรวจนอกเครื่องแบบรุมก็ตาม ผมช่วยเพราะไม่ชอบถูกใครโดนรุมรังแกโดยวิธีหมาหมู่ก็เท่านั้นเอง” น้ำอบกล่าวออกมาจากใจ เขาเคยโดนรุมรังแกตอนเด็กๆทำไมจะไม่เข้าใจถึงความเจ็บใจนี้
“เอาเป็นว่าผมขออะไร ที่ตามมารยาทก็พอครับ” น้ำอบยิ้มให้คุณชายที่ดูเอาแต่ใจตรงหน้าอย่างมีไมตรี ซึ่งคาโลก็กลับเข้าใจไปในอีกเรื่อง
“อ้อ.... จะเอาแค่สิบเปอร์เซนหรอ ไม่น้อยไปหรือ แต่ก็นับว่าเยอะอยู่กับราคาสิบเปอร์เซนของค่าชีวิตชั้น งั้นก็ประมาณห้าล้านยูโรสินะ รออยู่นี่ก่อนให้คนขับรถชั้นมาจะรีบจัดการให้” สิ้นคำของชายหนุ่มผู้บริหารใหญ่ ก็ทำให้ร่างบางหน้ากระตุกทันที เหมือนมีเข็มนับสิบทิ่มแทงใจสะกิดแผลเก่าที่กลายเป็นแผลเป็นที่ไม่มีวันจางหาย
จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้น้ำอบอ่อนไหว ถ้าไม่ใช่เรื่องการที่แม่เคยทิ้งเค้าไป.......
ด้วยเหตุผลของวลีสั้นๆ แค่คำว่า.......เงินตรา........
“คุณอายุเท่าไรครับ” คำถามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ถูกเอ่ยออกมาจากผู้มีพระคุณร่างเล็กที่สีหน้าแปรเปลี่ยนจากสดใสกลายเป็นเรียบเฉยประดับด้วยแววตาอันหมองเศร้า ทำให้ผู้เห็นเผลอตอบคำถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
“30 .....ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะ”
“30 ปีที่ผ่านมา ผมเดาว่าคุณคงอยู่อย่างสุขสบายด้วยเงินทองที่มากมาย แต่แค่คำๆเดียวที่ถือว่าเป็นการให้เกียรติและแสดงความรู้สึกอันจริงใจต่อผู้ที่ทำประโยชน์อะไรให้คุณ.......คุณกลับไม่รู้แล้วตีค่าเป็นเงินหมดทุกอย่างเลยหรือครับ”
“นาย...พูดอะไรน่ะ ชั้นไม่เข้าใจ” น้ำอบก้มหน้าลงยิ้มบางๆ แล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเหม่อลอยมองตรงไปยังน้ำพุที่กำลังพวยพุ่งเป็นสายสวยงาม หากแต่ผู้คนแถวนั้นหากใครได้หันมาพานพบกับภาพตรงหน้าของร่างสูงคงคิดว่าภาพที่เขาเห็นมันช่างดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ประหลาดท่ามกลางแสงจันทร์ที่เริ่มสาดส่อง ซึ่งภายหลังเขากลับคิดว่ามันอาจมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่าน้ำพุนั่นก็เป็นได้
นั่นคือเป็นกิริยาของเด็กหนุ่มเอเชียหน้าหวานนั่งขยับหันประจันหน้ากับเขา แล้วยกมือไหว้เหมือนเด็กไหว้ผู้ใหญ่ ก้มศีรษะลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆเงยขึ้นมาพร้อมส่งรอยยิ้มน้อยๆที่ดูเหมือนเป็นเอกลักษณ์ประจำของเจ้าตัวให้กับเขา
ก่อนที่จะได้กล่าวอะไร รถสีดำขลับคันหรูดูดีมีราคาก็มาจอดตรงหน้าของผู้เป็นเจ้านาย พร้อมกับคนขับรถที่รีบกุลีกุจอเข้ามาหาคุณชายใหญ่ของตนพร้อมทั้งพ่นภาษาอิตาลีใส่อย่างน้ำไหลไฟดับด้วยความตกใจ
“คุณชายครับ เกิดอะไรขึ้นครับได้ยินว่าคุณชายออกมาจากงานเลี้ยงกับคู่ข...เอ้ย กับเลดี้คนหนึ่งนี่ครับ แล้วทำไมฟกช้ำดำเขียวแบบนี้ รีบไปโรงพยาบาลเถอะครับ นี่ถ้าคุณพ่อคุณชายทราบ ผมตายแน่ๆเลย” ไม่ทันที่เจ้านายผู้มากบารมีจะทันได้ห้ามอะไรประกอบกับร่างกายที่แย่ลงเลยไม่อาจห้ามการพยุงตัวหรือแทบเรียกได้ว่ายัดขึ้นรถของคนขับรถตนได้ ได้แต่รีบกดกระจกหันมามองร่างบางด้วยความไม่เข้าใจเท่านั้น
“รีบไปรักษาตัวเถอะครับ เขาคงห่วงคุณมาก ส่วนที่ผมทำเมื่อกี้คือคำเฉลยจากคำถามที่ผมถามคุณ คุณคงจะรู้แล้วว่าผมหมายถึงอะไร.......ลาก่อนครับ” น้ำอบยิ้มให้อีกครั้งแล้วโบกมือให้ผู้ที่ตนเพิ่งได้ช่วยเหลือไปอย่างไม่ติดใจอะไร ซึ่งกลับกันกับคาโลที่เมื่อรถเคลื่อนออกไปได้ไม่นานจากคำพูดและกิริยาของผู้มีพระคุณของเขา เขาก็เผลอเอ่ยคำตอบที่เจ้าของคำถามไม่ทันจะได้ยินออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ขอบคุณ......อย่างนั้นหรอ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มออกมาโดยคิดว่าเรื่องง่ายๆแต่ไม่มีใครจะใส่ใจในยุคสมัยแบบนี้เขากลับตอบเด็กนั่นในทันทีไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะตั้งแต่เกิดมาแทบทุกอย่างที่มาพัวพันกับเขาหากไม่ใช่ครอบครัวหรือเพื่อนสนิท ก็จะมีแต่สิ่งที่เรียกว่าเงินมาเกี่ยวข้องตลอดไม่ว่าจะเพราะคนหรือสิ่งของ
“หึหึ น่าสนใจดีนะ น่าประทับใจไม่น้อยทีเดียว เสียดายไม่ได้ถามชื่อแต่รับรองถ้ามีโอกาสได้พบอีกครั้ง ชั้นจะไม่มีวันลืมนายแน่นอน....เด็กน้อย”
เด็กน้อยหรอ......
“เหอะ... นี่นายรู้เรื่องนี้......ไม่ยอมรับเงิน ......จากชั้น...... เด็กน้อย”
อะไรน่ะ... จู่ๆเกิดมีภาพแล้วบทสนทนาภาษาอังกฤษบางอย่างเข้ามาในหัว คาโลเอามือกดตรงสันจมูกแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย เหมือนมีความจำ...ไม่สิ เหมือนความฝันบางอย่างที่เหมือนจะเคยฝันแทรกเข้ามา
อะไรนะ เหมือนเราจะพูดอะไรกับ...ใครนะ ร่างแกร่งปิดตาแน่นพยายามนึกถึงบางสิ่งที่ตนก็ไม่รู้ว่าผุดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรแล้วทำไมจู่ๆถึงแทรกเข้ามาในหัวอีก แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งนึกไม่ออกแต่สังหรณ์บางอย่างบอกว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มชาวเอเชียตัวหอมที่เขาเจอวันนี้ก็เป็นได้ น่ารำคาญอึดอัดเป็นบ้า ทำไมถึงได้อยากรู้ความฝันนี่ขนาดนั้นกันนะ
แล้วจะให้รอโชคชะตาฟ้าลิขิตเพื่อหาคำตอบที่คำค้างคาใจนี่น่ะหรอ
ฝันไปเถอะ! คุณชายคาโลแบบเขา ถ้าอยากได้อะไรต้องได้เดี๋ยวนั้น เมื่อเจอกับตัวต้นเหตุแล้วจะให้เขาลืมไม่ไขว่คว้าเหมือนความฝันอะไรนั้นได้ยังไง ยังไงซะเด็กนั้นไม่น่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ อาจจะมากับคณะทัวร์หรือมาเยี่ยมญาติที่นี่ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าความฝันนี้กับเด็กนั่นเกี่ยวข้องกันหรือไม่
ทางเดียวที่จะรู้คือ
พบกับเด็กนั่นอีกครั้งให้ได้!!
..................................................................
...................................
......................
.........
...
หลังจากแยกกับฝรั่งตาน้ำข้าวแล้ว น้ำอบก็เพิ่งรู้สึกว่าก่อนออกจากบ้านตนก้าวเท้าผิดข้างหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เพราะนอกจากเรื่องที่ได้สู้กับอันธพาลในเหตุการณ์เมื่อครู่ตนต้องมานั่งขาแข็งจนเหน็บกินอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงเนื่องจากต้องมาฟังคำบ่น คำด่า และอีกหลายๆคำจากเพื่อนรักขี้ห่วง ประหนึ่งเหมือนเขาเป็นลูกของมันอย่างนั้น
“โอย ไกด์มึงจะอบรมกูอีกนานมั้ย กูเหนื่อย อยากนอนแล้วอ่า” ร่างบางที่ฝืนอย่างสุดกำลังที่จะไม่ให้ตาสองข้างปิดลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน
“หึ นี่มึงไม่เข้าใจกูเลยนะ กูวิ่งหามึงให้ทั่วรวมถึงคนในทัวร์ต่างก็ช่วยกันออกตามหาจนกูจะแจ้งตำรวจอยู่แล้ว มึงไม่เข้าใจอะไรเลยว่ากูรู้สึกยังไงตอนมึงหายไป มึงคิดว่าที่กูบ่นมาเนี้ยเพื่อแกล้งมึงหรือไง ถ้าคิดได้แค่นั้นก็นอนเถอะ ไม่ต้องฝืนทนฟังกูบ่นหรอก” ความน้อยใจคับแน่นเต็มหัวใจของยอดชายนายไกด์จนน้ำอบรู้สึกได้จึงเกิดความละอายใจและรู้สึกผิดอย่างมหันต์ที่ทำให้มันเป็นห่วงเขาขนาดนี้
เขาลืมไปได้ยังไง ตอนที่เขาหลงทางทุกครั้งคนที่วิ่งวุ่นคอยตามหาแล้วก็หาเขาจนพบคนแรกมักเป็นเพื่อนซี้คนนี้ตลอด แล้วนี่ยิ่งต่างแดนมันคงยิ่งเป็นห่วงเขามากกว่าเดิมหลายเท่ากระมัง
ชายหนุ่มจึงค่อยๆเอื้อมมือไปกอดเอวร่างสูงที่กำลังยืนผันหน้าเข้าหาหน้าต่างโดยเขารู้ว่าเพื่อนรักไม่ได้คิดจะชมวิวอันสวยงามยามค่ำคืน แต่แค่หลีกเลี่ยงไม่ให้เขาเห็นถึงสีหน้าอันบูดบึ้งและเต็มไปด้วยความน้อยใจของเจ้าตัวมากกว่า
“กูขอโทษไกด์ แต่กูบอกมึงแล้วนี่กูแค่ไปช่วยคนที่เขากำลังโดนพวกคนไม่ดีรุมทำร้าย แล้วกูก็ปลอดภัยกลับมาแล้วด้วย.....เอ่อ ขอโทษที่ทำให้มึงเป็นห่วงมากขนาดนี้ หายโกรธกูนะ....น้า” น้ำอบกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพร้อมถูไถใบหน้าตนไปที่แผ่นหลังของร่างสูงเบาๆทำให้ไกด์อดถอนหายใจออกมาดังๆไม่ได้
“เฮ้อ มึงนี่นะ ยังไงมันก็อันตราย อย่าลืมที่นี่ไม่ใช่บ้านเราแม้มีฝีมือแต่เรื่องอื่นๆมึงไม่ทันคนอื่นเขา หลวงตาฝากกูนักหนาให้กูดูแลมึงอย่าให้ห่าง”
“อ้อ...ที่แท้ก็กลัวหลวงตาเพ่นกบาลนี่เอง” สิ้นเสียงน้ำอบก็ได้มะเหงกอีกลูกปิดท้ายเรื่องซวยๆในวันนี้จากคนที่ตนกอดอยู่
“เอ้ะ ไอ้นี่ กูก็ห่วงมึงจริงๆเว้ย อยู่กันมาตั้งเท่าไรยิ่งโตยิ่งโง่ไม่ทันใครเขาแบบนี้ จะให้กูวางใจปล่อยให้มึงไปเดินที่ไหนคนเดียวได้ยังไง”
“โอ้ย อะไรอีกวะเนี้ย กูอุส่าห์ไม่เจ็บตัวจากไอ้ชั่วพวกนั้นแต่สุดท้ายก็มาเจ็บที่มึงเนี่ยนะ”
“ไม่ใช่!!!” ไกด์เผลอพูดทันทีด้วยเสียงอันดัง พร้อมจับข้อมือบางแน่น
“ไม่ใช่.....มึงไม่มีวันเจ็บที่กูน้ำอบ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไงแต่คำว่าเจ็บนั่นน่ะ มึงจะไม่มีวันได้จากกูแน่นอน จำเอาไว้ไม่ว่ามึงจะทำอะไรหรือต้องเจอเรื่องอะไรไม่ว่าดีหรือร้าย สิ่งสุดท้ายที่กูจะทำคือการหันหลังให้กับมึง” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่จริงจังจนร่างเล็กถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ
นั่นทำให้ไกด์ได้สติปล่อยข้อมือร่างบางแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำรีบเข้านอนโดยอ้างว่าจะได้เดินทางไปหาแม่ของน้ำอบแต่เช้า ซึ่งเพื่อนผู้ที่เขาห่วงใยยิ่งกว่าใครได้แต่กระพริบตาปริบๆ พยักหน้าและทำตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย
“เฮ้อ เมื่อไรถึงจะได้เวลาที่กูจะบอกอะไรๆที่กูควรบอกมึงซักทีนะ....น้ำอบ” ขณะที่ไกด์กำลังปลงตกกับชีวิต(?)ตน ก็มีเสียงร่างบางตะโกนออกมาจากในห้องน้ำ
“ไกด์...ไหนๆก็ไหนๆนี่มันก็มืดแล้วด้วย มาอาบน้ำกับกูเลยดีกว่า เข้ามาเร็วๆ” ไม่ว่าเปล่าน้ำอบเปิดประตูห้องน้ำโชว์เรือนร่างอันสมส่วน ขาวโพลนและช่างยั่วเย้าในสายตาผู้พบเห็นกวักมือเรียกให้ร่างสูงเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
อีกฝ่ายนั่นได้แต่นั่งอึ้ง....ทึ่ง....เสียว(มาก)และตะลึง พลางรีบหันหน้าหนีเข้ากำแพงในทันที แล้วก็ได้คำตอบที่ตนเป็นผู้ตั้งโจทย์ให้กับตัวเองเมื่อครู่
“นาน!!! อีกนานแน่ๆกว่าที่ไอ้โง่นี่จะเข้าใจ”
ความคิดเห็น