ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หลง(รัก)แล้วสิ!!...นายต่างชาติ (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ ๑ : โชคชะตา > Destino

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 56


    “ว่าไงมึง  รีบแล่นมาหาแต่เช้าแบบนี้จะชวนให้ไปช่วย รปภ.เขาเปิดห้างหรอ ไอ้ไกด์”  เมื่อเจอเพื่อน น้ำอบก็อดจะแซวไม่ได้จริงๆ ไม่ได้นึกเคืองเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังตัดความฝันเขาหรอกนะ ไม่ได้เคืองเลยจริงๆ!!  

     

    ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงกว่าเขาเล็กน้อย เจ้าของแววตาขี้เล่นและรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เมื่อได้ยินเพื่อนแซวอย่างนั้นแทนที่จะโกรธกลับยกมุมปากยิ้มโชว์เขี้ยวสวยพร้อมกัดริมฝีปากเล็กน้อยและส่งสายตากวนๆไปยังเพื่อนตัวเอง

    “แหม กูไม่ได้รีบมาเพราะอยากพามึงไปสมัครเป็นรปภ.ช่วยเค้าเปิดห้างหรอก ฮ่าๆ ที่รีบมาเนี้ย มีข่าวดีจะมาบอกตะหากเล่า”

    “ข่าวดีหรอ......ข่าวดีอะไรล่ะ ไม่ต้องทำเป็นลีลาเดี๋ยวยันโครม” ไม่พูดเปล่าร่างสูงโปร่งยกเท้าเตรียมยันเจ้าเพื่อนตัวแสบทันที  ทำให้อีกคนต้องรีบหลบหลังจากทำหน้าทะเล้นถ่วงเวลาบอกข่าวดีที่เพื่อนรักตั้งแต่เด็กของเขาอาจอยากฟังมากกว่าข่าวดีไหนๆ

     

    “ฮะแฮ่ม.....ข่าวดีก็คือ  มึงถูกรางวัลได้ไปทัวส์อิตาลีเว้ย!!!!!  ในที่สุดมึงก็จะได้ไปหาแม่มึงแล้วไงแบบฟรีๆด้วย ดีใจมั้ย” ไกด์ทำตาโตพร้อมเข้าไปจับมือน้ำอบเขย่าแล้วอุ้มเพื่อนตัวเตี้ยกว่าเหวี่ยงไปมาอย่างกับได้รางวัลชนะเลิศอะไรซักอย่างระดับประเทศ

    “โอ้ย จุกๆมึงวางกูลงได้แล้ว” น้ำอบทำหน้าเหยเกเมื่อถูกไกด์จับเหวี่ยงเหมือนตุ๊กตานุ่น แต่น้ำเสียงที่ราบเรียบนั่นทำให้เพื่อนผู้แสนดีอย่างไกด์ที่อุส่าห์รีบมาหาแต่เช้าเพื่อบอกข่าวดีนี้ถึงกับงุนงง

     

    ทำไมล่ะ  ทั้งที่ๆนี่คือความฝันของมันแท้ๆ  ทำงานเปิดสอนศิลปะป้องกันตัวกับเด็กๆมาตั้งนาน ทำงานพิเศษเสริมก็ตั้งหลายอย่างเพื่อจะเก็บเงินไปหาแม่ที่อิตาลีนี่นา  ทำไมมันไม่ดีใจเลยหว่า

     

    “งงๆ ไม่ต้องทำงงเลย  กูยังไม่ได้ขี้ลืมถึงขนาดจำไม่ได้ว่าเพื่อนไกด์ตรงหน้ากูนี่เป็นถึงลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัททัวส์ยักษ์ใหญ่หรอกนะ  กูบอกแล้วไง ถ้าไม่ใช่เงินที่กูหามาได้หรือโดยน้ำพักน้ำแรงของกู  กูไม่ไป กูบอกมึงไปหลายครั้งแล้วนะ  กูกะมึงเราเพื่อนกันกูไม่อยากให้คำว่าเงินมาแบ่งแยกเรา  กูไม่อยากเอาเปรียบมึงด้วย  เข้าใจมั้ยครับเพื่อนไกด์”  น้ำอบพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  จะให้เขาเชื่อได้อย่างไรว่าเรื่องที่เพื่อนเขาพูดมาเป็นเรื่องจริง  เพื่อนคนนี้กะเขาเป็นเพื่อนกันมาแต่เล็กและรู้ดีว่าห่วงใยเขายิ่งกว่าใคร

     

    นึกดูก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อเด็กกำพร้า....ไม่สิอดีตเด็กกำพร้าแบบเขาที่ถูกแม่ฝากไว้กับหลวงตาตั้งแต่แบเบาะแล้วไม่กลับมาหาเขาอีกเลย  จนเวลาผ่านมาเกือบยี่สิบกว่าปีท่านถึงได้กลับมา  สถานะแบบเขาจะได้เป็นเพื่อนกับลูกชายเจ้าของบริษัททัวร์ที่ถือว่าตอนนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศด้วยเหตุผลที่ว่า 

     

    คุณนายกรองแก้วหรือแม่ของไอ้ไกด์ไม่มีเวลาดูแลตามประสาแม่หม้ายคนเก่งแต่แทนที่คุณนายจะจ้างคนเลี้ยงดูกลับนำมาฝากไว้กับวัดที่มีหลวงตาที่หล่อนนับถือให้ไอ้ไกด์ใช้ชีวิตแบบไปเช้าเย็นกลับ เปรียบเสมือนเด็กวัดไปเรียนกลับมาก็ต้องแวะวัดทุกวัน จนมันได้เป็นเพื่อนสนิทกับเขาและได้รับการสั่งสอนจากหลวงตาเหมือนกัน  คุณนายกรองแก้วมีวิธีคิดแปลกๆนะแต่ก็ดีเพราะถ้าท่านไม่ทำเช่นนั้น เขากับมันคงไม่ได้เป็นเพื่อนรักกันแบบนี้  

    แล้วยิ่งเมื่อเป็นแบบนี้จะให้เอาเปรียบเพื่อนโดยให้ออกเงินตั้งหลายบาทให้เขาไปหาแม่ฟรีๆเนี่ยนะ

     

    ไม่มีทางหรอก!!!

     

    “เฮ้ยๆ ไม่ต้องมามองกูงั้นเลย คราวนี้ไม่ใช่ฝีมือกูนะเว้ย  เอ่อ...แม้ครั้งก่อนๆจะใช่ก็เหอะ  แต่ครั้งนี้อ่ะไม่ใช่นะ บริษัทที่มึงถูกรางวัลก็ไม่ใช่บริษัททัวส์ในเครือกู  ดูดิเอกสาร....อ่ะ” ชายร่างสูงกว่ารีบบอกปัดพัลวันพร้อมยื่นเอกสารการถูกรางวัลนั้นให้เพื่อนเขาไปเทียบดู  น้ำอบเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบดึงเอกสารประกาศไปดูด้วยแววตาที่ตื่นเต้น

     

    เมื่อดูเสร็จและเช็คหลายรอบเพื่อให้มั่นใจว่าเขาถูกรางวัลจริงๆและไม่อิงแอบแฝงไปด้วยบริษัททัวส์ของเจ้าเพื่อนตัวดี  นัยน์ตาสีน้ำตาลสุกใสก็ลุกวาวพร้อมกระโดดกอดคอชายร่างสูงกว่าตรงหน้าทันที

    “เฮ้ย  ของจริงว่ะ ฮ่าๆๆ  ถูกรางวัลจริงๆ เป็นไปได้ไงวะ กูส่งชิงโชคไปแค่ใบเดียวเองนะ” ร่างโปร่งยังอดสงสัยไม่ได้ ระหว่างที่คิดถึงโชคหล่นทับของตัวเองอยู่เลยไม่ได้สังเกตถึงแรงกระชับจากอ้อมกอดของเพื่อนซี้และบางสิ่งอุ่นๆที่คลอเคลียอยู่แถวซอกคอของร่างบาง

    “มึงจะได้ไปหาแม่มึงแล้วน้า  แล้วก็ไปโดยโชคชะตาของแท้ไม่มีใครช่วย มึงดีใจมั้ยน้ำอบ” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามพร้อมสายตาปรือปรอยอย่างหลงใหลในกลิ่นหอมอ่อนๆของเพื่อนรักตั้งแต่เด็ก  สมชื่อจริงๆไม่ผิดกับที่หลวงตาตั้งชื่อนี้ให้มัน 

    น้ำอบหรือเครื่องหอมของไทยสมัยโบราณที่ส่งกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์  ไม่ได้กลิ่นหอมแปลกเหมือนน้ำหอมของชาติตะวันตก  ไม่ได้กลิ่นหอมฉุนเหมือนกลิ่นมวลดอกไม้ แต่เป็นกลิ่นที่เรียกได้ว่าเป็นฟีโรโมนเฉพาะตัวของร่างในอ้อมกอดนี้ที่ขยันปล่อยออกมาทั่ว  ทำให้เขาต้องคอยดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

    ยังไม่ทันที่ร่างสูงกว่าจะเลื่อนปลายจมูกให้ต่ำลงไปกว่านั้น 

    “โอ้ย!! ทำไรของมึงเนี้ยน้ำอบ  เอาหัวมาโหม่งกูทำไมเนี้ย” ไกด์ถามหลังจากเอามือไปกุมศีรษะบริเวณที่ไอ้ตัวแสบโหม่งเข้ามา

    “ก็มึงอ่ะ...ตอบแล้วก็ไม่ฮือไม่อือ  กูบอกว่าดีใจมาก เพราะแม้ไม่ใช่เงินกูแต่ก็เป็นสิ่งที่ได้มาเพราะชะตาลิขิต ผู้หญิงคนนั้น..เอ่อ..แม่กูน่ะ จะได้รู้ว่าแม้กูจะไม่ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าเงิน กูก็ไปหาเขาได้  เงินมันไม่สำคัญกับกูมากถึงขั้นทิ้งใครได้ง่ายๆเหมือนที่เค้าทำหรอก”

    “พูดแบบนี้อีกแล้ว ยังไงเขาก็แม่มึงนะแล้วสุดท้ายเขาก็กลับมา มึงนั้นแหละเล่นแง่ไม่ยอมไปอยู่กับเขา เขาจะออกเงินให้บินไปหาก็ไม่เอา ดื้อจะไปหาเองท่าเดียว  เฮ้อ หลวงตาก็เคยสอนเรื่องการให้อภัยแล้วนี่นา” ไกด์เอามือขยี้ผมร่างโปร่งที่ทำหน้าบูดบึ้งเบาๆด้วยความเอ็นดู แล้วแอบคิดขอบใจมันที่เอาหัวมาโขกเรียกสติเขาให้กลับมา  ไม่งั้นอาจถึงขั้นเสียเพื่อนได้ง่ายๆเลย

    “วันเดินทางก็อีกไม่นานแล้ว มึงรีบไปลาลูกศิษย์มึงเถอะ เดี๋ยวกูจะจัดการเรื่องเอกสารวีซ่าอะไรไว้ให้ ไปประเทศนี้แม้เขาจะใช้ภาษาอิตาลี แต่ก็ยังใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้บ้างยิ่งในเมืองหลวงนี่ ยิ่งไม่น่าห่วงเรื่องการสื่อสาร ยังดีนะที่ภาษาอังกฤษมึงพอไปวัดไปวาได้"  เมื่อสิ้นเสียงพูดของไกด์เจ้าเพื่อนตัวดีของเขาก็รีบแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าทะเล้น

    “เอ้า  คนมันมีพรสวรรค์ก็อย่างเนี้ย เหมือนสวรรค์จะรู้ว่าแม่กูต้องกลับมากะพวกคนต่างชาติเนอะ เลยบันดาลให้กูเรียนได้ดี พูดได้บ้างหลังจากมีพวกฝรั่งมาเที่ยวที่วัดบ่อยๆ  เค้าเรียกวิธีเรียนโดยไม่ต้องเสียตังค์เว้ย”

    “เออ ไอ้เก่ง เก่งจริงๆโดยเฉพาะพวกประสบการณ์ชีวิตเนี้ย เดี๋ยวเราไปลาหลวงตากันก่อน ขอพรท่านหน่อย หลังจากเราโตๆกันมา ก็มีโอกาสไปหาท่านน้อยเหลือเกิน  ไหนจะมึงที่แยกออกมาเช่าอพาทเม้นเปิดโรงเรียน  ไหนจะกูที่ต้องมาช่วยงานที่บ้าน คิดถึงหลวงตาเหมือนกัน”  น้ำอบพยักหน้าเห็นด้วยแต่ซักพักก็กลับนึกอะไรบางอย่างออกมาได้จากคำพูดของคนที่เข้ามากอดคอเขาอีกรอบ

    “เราหรอ.....ได้ข่าวว่ากูถูกรางวัลคนเดียวนะ อย่าบอกนะว่ามึง....” น้ำอบตาโตเอามือชี้หน้าเพื่อนอ้าปากค้าง  อย่าบอกนะว่า

    “เออ กูจะไปด้วย มีปัญหาอะไรมั้ย  ขืนปล่อยมึงไปคนเดียวไม่หลงทาง เดี๋ยวก็มีพวกโรคจิต ได้ยินจากแม่มึงด้วยนี่ว่าสามีที่โครตรวยของเขาก็มีลูกชายติดมาเหมือนกันน่ะ  เกิดไอ้หมอนั่นหมันไส้มึงขึ้นมา  โอย...ไม่อยากคิด...อุ้ปส์” ไกด์ทำหน้าอย่างกับตัวเองกำลังอยู่ในโรงหนังสยองขวัญ สงสัยจะแสดงสีหน้าได้ดีประหนึ่งนักแสดงขั้นเทพเลยได้รางวัลโดยการกระทุ้งศอกแรงๆหนึ่งทีจากคนข้างตัว

    “นี่ คุณเพื่อนครับ คุณคงลืมไปแล้วว่าผมได้สายดำ อยู่ในดั้งการต่อสู้ระดับแปด ได้รับรางวัลชนะเลิศไม่ว่าจะเป็นคาราเต้ ยูโด ระดับจังหวัด แล้วก็แน่นอนว่ามวยไทยที่เพิ่งเริ่มเรียนนี่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ว่าไม่น่าจะโดนใครทำอะไรได้ง่ายๆนะครับ  แม้จะเปิดสอนพวกเด็กประถมถึงมัธยมต้นก็เถอะ  แต่นั้นก็เป็นความคิดของมึงนะ  ความจริงระดับกูให้สอนเด็กที่โตกว่านั้นยังได้เลย  ไม่อยากขัดหรอกเลยทำตาม แต่ไหงกลับโดนดูถูกงี้วะ” 

    น้ำอบบอกเพื่อย้ำเตือนความจำของร่างสูงกว่ายาวเหยียดเมื่อเห็นว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี จนเขากะมันเรียนจบอายุยี่สิบสามใกล้วัยเบญจเพศแล้ว มันก็ยังห่วงเขาด้วยเหตุผลไร้สาระเดิมๆถึงรูปร่างหน้าตาเขา

    “ก็รูปร่างหน้าตามึงเป็นแบบนี้ จะไม่ให้ห่วงได้ไง จำตอนเด็กๆไม่ได้หรอ อยู่คนเดียวก็ถูกล่อลวง ตกกลางคืนจะไปแอบไปวิ่งเล่นก็โดนลุงขี้เมาลวนลามประจำ ถึงจะต่อสู้เป็นแต่การคิดการมองโลกของมึงมันต่างจากคนอื่นเขานี่หว่า”  นั้นประไรพูดไม่ทันขาดคำก็ยกเหตุผลนี้มาพูดอยู่ได้ 

    “ห่วงไรนักหนาวะ ที่โดนล่อลวงเพราะมันเห็นกูเป็นเด็กไง แล้วที่ลวนลามผู้ชายที่ไหนเขาจะลวนลามกันได้วะนั้นเพราะตาลุงนั้นเมาตะหาก  ซึ่งกูเคยเสนอมึงไปหลายครั้งและว่าให้กูเล่นกล้ามแม่งก็ไม่ยอมอีก  ไม่เอาและขี้เกียจเถียงไปหาหลวงตากันดีกว่า ไปเร็ว!!” น้ำอบเร่งเพื่อนซี้แล้ววิ่งไปที่รถของไกด์อย่างไม่รีรอจะฟังคำบ่นอะไรจากเจ้าของรถอีก

     

    ไกด์ได้แต่ส่ายหัวพลางพึมพำออกมาอย่างเสียไม่ได้ แล้วเดินตามร่างโปร่งบางไปอย่างไม่รีบร้อน

     

    “เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง  กูจะไม่ห่วงมึงได้ยังไง ยิ่งถ้าเป็นในละครลูกฝั่งพ่อมันมักจะไม่ถูกกับลูกฝั่งแม่เลี้ยงอยู่แล้วด้วย แล้วกูจะปล่อยให้มึงไปเผชิญกะฝรั่งตาน้ำข้าวในดินแดนมาเฟียคนเดียวอย่างนั้นได้ยังไงกัน”

    ..............................................................

    .....................................

    ...................

    ...........

    .....


    ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงน้ำอบและตัวแถมแบบไอ้ไกด์เพื่อนซี้สุดแสบที่อาศัยเส้นล้วนๆของความเป็นลูกชายของบริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่เข้ามาร่วมเดินทางในครั้งนี้  โดยเจ้าของทัวร์นี้เป็นผู้เอ่ยปากไม่ขอรับค่าใช้จ่ายใดๆเมื่อรู้ว่าท่านชายกรวิกหรือนายไกด์เพื่อนของเขาอยากเข้าร่วมทัวร์ในครั้งนี้ด้วย

    “บารมีเยอะเหลือเกินนะมึง” น้ำอบอดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อนเล็กน้อยเมื่อหัวหน้าทัวร์ที่จะนำทางในทริปนี้ดูจะพินอบพิเทาเพื่อนเขาเสียเหลือเกิน

    “เฮ้อ คนมันมีบารมีเยอะอ่ะ....แต่บางทีมันก็เยอะเกินไปนะ อยากมาร่วมใช้ด้วยมั้ยล่ะ กูเต็มใจแบ่งให้ไม่คิดค่าหุ้นส่วนด้วย เอ้า” ร่างสูงพูดพลางเอื้อมมือเข้าโอบคอคนตัวเล็กกว่าพร้อมซุกหน้าลงไปที่ซอกคอและงับเบาๆทำเอาน้ำอบถึงกับหน้าเบ้ด้วยความเจ็บแล้วรีบผลักหัวไกด์ออกไป

    “มึงนี่นะ คารมณ์ดีแบบนี้ทำไมไม่มีแฟนวะ ผู้หญิงมาจีบก็ออกเยอะ แต่เห็นคบไม่ถึงอาทิตย์ก็เลิกๆๆ” น้ำอบจับมือเพื่อนพลิกเล่นไปมา  พวกเขาเล่นถึงเนื้อถึงตัวบ่อยตั้งแต่เล็กมันเลยไม่แปลกกับการโอบกอดหรือการกระทำต่างๆที่อาจดูเกินคำว่าเพื่อนไปหน่อยอย่างพวกเขา

    “มึงยังไม่พร้อมที่จะฟังเหตุผลของกูหรอก โง่ๆอย่างมึงอีกนานกว่าจะเข้าใจซึ่งไม่เป็นไรกูไม่รีบ” ไกด์พูดตัดบทและแกล้งทำสีหน้าเอือมระอาเสนอนหลับไปกับเก้าอี้เครื่องบินอันหนานุ่มทิ้งให้น้ำอบร้อง เหอะ! ออกมาด้วยความหมันไส้แล้วตามเพื่อนรักไปเข้าเฝ้าพระอินทร์อีกคน

     

    แต่ทั้งสองคนโดยเฉพาะร่างบางที่คงหารู้ไม่ถึงแววตาแปลกๆของลูกทัวร์คนอื่นที่มองมายังพวกเขา หรือบรรยากาศสีชมพูอมม่วงหน่อยๆให้เหล่าผู้หญิงวัยรุ่นในกลุ่มทัวร์ถึงกับแอบกรี๊ดกันเบาๆพร้อมคอยแอบส่องสายตาไปหาชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งสองอย่างอยากรู้อยากเห็นตลอดการเดินทางครั้งนี้ (!?!?)

    ..................................................

    ...............................

    ..................

    ........

    ...


    “ฮ้าวว ถึงซักทีหลับไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ เป็นไงประสบการณ์บินครั้งแรก สนุกมะ” ชายหนุ่มร่างสูงกว่าบิดตัวไปมาคลายความปวดเมื่อยอย่างอารมณ์ดีที่ถึงที่หมายต่างกับร่างบางที่เอามือแคะหูพยายามคลายอาการหูอื้อที่ลงมาจากเครื่องบินซักพักก็ยังไม่ดีขึ้น  อาการนั่นทำให้ไกด์อดขำไม่ได้พร้อมเอามือไปจับจมูกของน้ำอบแล้วสอนวิธีคลายอาการหูอื้อให้

    “แกๆ ดูนั้นดิผู้ชายสองคนนี้น่ารักเนอะ อย่างกับแฟนกันเลย ดูแลกันดียิ่งกว่าแฟนชั้นอีกแน่ะ”  นี่คือประโยคแรกที่น้ำอบได้ยินหลังจากอาการหูอื้อได้คลายลง  เลยเผลอตอบกลับหญิงสาววัยรุ่นเพื่อนร่วมคณะทัวร์ทั้งสองด้วยสีหน้าที่งุนงงผสมตกใจ

    “หา!!! แฟนหรอ ผมเป็นผู้ชายนะครับ ถึงจะมีคนทักบ่อยว่าเหมือนทอมก็เถอะ แต่ผมเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซนครับ ของเหมือนๆกันจะสปาค์กเชื่อมต่อกันได้ไง เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นเอง” คำตอบนี้ทำให้ชายหนุ่มเพื่อนซี้ถึงกับกุมขมับและเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากสองสาวได้ในทันที

    “น่ารักอ่ะ!!!!” เสียงแหลมสูงของสองสาวประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วยิ่งเหมือนเป็นการเชิญชวนทั้งสองสาวให้เข้ามาคุยกับตัวแสบมากขึ้น  เมื่อเห็นดังนี้ไกด์เลยขอตัวจากหญิงสาวทั้งสองด้วยความสุภาพและลากร่างบางที่คุยว่าตนฉลาดแต่โง่ในเรื่องที่แค่เฉลียวซักนิดก็จะเข้าใจการกระทำทุกอย่างของเค้าได้ออกมาคุยเป็นการส่วนตัว

    “มึงนี่น้า เป็นต่างจังหวัดก็ไม่ได้หมายความว่าจะซื่อได้ขนาดนี้นะเว้ย”

    “หา..ซื่อเนี้ยนะ กูซื่อตรงไหนกูแค่พูดความจริง” คนสูงกว่าส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อขี้เกียจจะเถียงกับร่างตรงหน้าแล้วรีบเอ่ยเรื่องสำคัญทันทีเมื่อนึกได้ถึงจุดประสงค์ของร่างบางในการมาอิตาลีครั้งนี้

    “เอาล่ะๆ ช่างเถอะๆ  เดี๋ยวกูจะไปคุยกะคณะทัวร์ขอแยกทางกับพวกเขา กูเตรียมแผนที่มาแล้ว ศึกษาเส้นทางจากไกด์ในบริษัทกูมาแล้ว  ทัวร์ครั้งนี้มันเจ็ดวันห้าคืน  แต่นี่ก็เสียเวลาบนเครื่องไปวันนึงแล้วเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน เราจะได้ไปหาแม่มึงกัน”

    “โห ใครเป็นลูกกันแน่วะเนี้ย พร้อมขนาดนี้ ฮ่าๆๆ ขอบใจมากนะ  ไม่มีมึงกูก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไง ต้องขอบคุณสวรรค์จริงๆที่ให้มึงเกิดมาเป็นเพื่อนกู” น้ำอบกล่าวด้วยความรู้สึกซึ้งใจจริงๆ หากไม่มีคนตรงหน้า ที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้อง ทั้งที่ปรึกษาและอีกหลายๆสถานะ เค้าก็คงเป็นแค่เด็กวัดธรรมดาที่มักโดนรังแก โดนผู้ใหญ่แปลกหน้าทำอะไรแปลกๆ 

    หากไม่มีไอ้ไกด์ผู้ที่คอยปกป้องเขา คอยแนะนำให้เขาไปเรียนนู่นนี่นั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะป้องกันตัวจนมีความมั่นใจมากขนาดนี้  เขากล้าบอกได้เลยว่าคงไม่มีไอ้น้ำอบที่ได้มายืนเด่นสง่ากลางกรุงโรมเช่นนี้โดยไม่รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวหรือความกลัวแม้แต่น้อยแน่นอน

    “หึ ขอบคุณผิดคนแล้ว มึงไม่ควรขอบคุณสวรรค์แต่ควรขอบคุณหญิงกรองแก้วแม่กูโน้น ที่ป้าแกเกิดคิดแปลกๆให้กูไปอยู่ในการปกครองของหลวงตาบัวที่แม่กูนับถือนักหนา โดยให้เหตุผลแค่ว่า.....กูจะได้เป็นผู้เป็นคน.....แค่เนี้ย!  แล้วอีกอย่างทุกอย่างที่กูทำให้มึง กูบอกได้แค่ว่า กูเต็มใจ” ไกด์ยิ้มให้ร่างเล็กพร้อมแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความหมาย ซึ่งน้ำอบก็ไม่สามารถจะเข้าใจถึงความหมายนั้นได้จึงทำได้เพียงกอดคอเพื่อนรักไว้ด้วยความซาบซึ้งเท่านั้น

    “เฮ้ย มาหาแม่แล้วอารมณ์ซึ้งมึงเกิดง่ายขึ้นหรอ ไม่ต้องมาฝึกกับกู ไปใช้จริงกับแม่มึงนู่น อย่าบอกว่ารู้สึกเฉยๆนะ กูเห็นตั้งแต่เขามาหามึงคราวก่อนปากบอกไม่อยากเจอๆ แต่ระริกระรี้หมดท่าเมื่อเค้ามาเจอมึง  มึงคงไม่ลืมที่หลวงตาพูดนะ แม่มึงเค้ามีเหตุผลแล้วเค้าดูเป็นคนดีจะตาย ตอนนั้นเค้าคงไม่มีทางเลือกจริงๆ มึงอย่าไปโกรธแค้นอะไรเค้าให้เป็นบาปติดตัวไปเลยนะ”

    “กูรู้น่า นี่ก็ใกล้มืดแล้วมึงไปบอกทัวร์เค้าก่อนเถอะพรุ่งนี้ค่อยไป คืนนี้ไปพักโรงแรมกับทัวร์ก่อนจะได้ไม่ต้องเดินหาโรงแรมให้ยุ่งยาก เดี๋ยวกูรอตรงนี้” น้ำอบรีบบอกเพื่อนเพราะรู้ว่าทั้งตัวและเพื่อนคงอยากนอนบนเตียงนุ่มๆมากกว่าสิ่งอื่นใดเพราะเพลียจากการเดินทาง แม้จะหลับไปตั้งหลายรอบตอนอยู่บนเครื่องก็เถอะนะ

    “เออๆ มึงอยู่นี่เฉยๆนะ อย่าไปไหนเด็ดขาดยิ่งเดินไปไหนเป็นหลงๆ อย่าให้กูห่วง ถ้ามีฝรั่งคนไหนมาพูดอะไรมึงบอกเค้าไปเลยว่ามึงพูดอิตาลีไม่ได้ อังกฤษก็ไม่ค่อยได้ แกล้งเป็นใบ้แม่งเลยยิ่งดี เข้าใจมั้ย อย่าไปไหนเด็ดขาดนะเดี๋ยวกูมาแป๊ปเดียว ” พูดจบร่างสูงก็รีบวิ่งไปหาหัวหน้าคณะทัวร์ทันทีปล่อยให้อีกคนหน้าบูดแล้วอดตะโกนกลับไปไม่ได้ว่า

    “ไอ้เห้ไกด์!!! กูไม่ใช่เด็กห้าขวบนะเว้ย” พลางพ่นลมออกจมูกอย่างอดโมโหนิดๆไม่ได้กับความขี้เป็นห่วงทะลุจุดศูนย์ของเพื่อนตน


    ระหว่างที่ไกด์กำลังวิ่งไปแจ้งกับคณะทัวร์ น้ำอบก็เหลือบไปเห็นกลุ่มคนชุดดำหลายคนกำลังกระจายตัวล้อมชายร่างสูงใหญ่อยู่ซึ่งดูเด่นเป็นสง่าแสดงให้เห็นถึงบารมีที่แตกต่างไปจากชายคนอื่นแม้ชายร่างยักษ์นั้นจะใส่สูทชุดดำเหมือนกับพวกที่ล้อมตนอยู่ก็ตาม นี่ขนาดมองไกลๆรัศมียังเปล่งมาถึงนี้ ยิ่งถ้ามองใกล้ๆไม่อยากจะคิดเลย

    “โห...ชาวต่างชาติคนนั้นสูงชะมัด ร่างกายก็ดูใหญ่โต น่าอิจฉาเป็นบ้า ถ้าเราได้เล่นกล้ามซะหน่อยละก็นะ” ระหว่างที่คิดเรื่อยเปื่อย ร่างบางก็สังเกตเห็นอีกสิ่งที่ไม่ควรเห็นนั้นคือ

    ปืน!!!  ตอนแรกนึกว่าคนที่ล้อมอยู่เป็นบอดี้การ์ด แต่ทำไมมันมีปืนจี้หลังหมอนั้นอยู่ล่ะแถมพากันเดินเข้าไปในตรอกเล็กนั้นด้วย นี่คงไม่ใช่.....

     

    ด้วยความรู้สึกที่คิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้หรือมีอะไรมาดลใจก็ตาม น้ำอบตัดสินใจทำนอกเหนือคำสั่งไกด์ที่บอกให้ตนอยู่เฉยๆกับที่ นั่นคือแอบตามคนกลุ่มนั้นไปอย่างเงียบๆ ซึ่งเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เอง

     

    จะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆอย่าง

    .................................................

    ...........................

    ..............

    ....


    “น้ำอบ...กูมาแล้วไปกันเหอะกูซื้อขนมมาฝากมานั่งกินกันก่อนค่อยตามทัวร์ไปโร......ง....แรม............น้ำอบ!!!!!  น้ำอบหายไปไหนน่ะ!!!!

    หัวใจของไกด์ที่เหมือนถูกบีบอัดแน่นไปด้วยความใจหายและตามไปด้วยความกลัวจับหัวใจ  เหมือนร่างกายทำตามหัวใจสั่งก่อนสมอง เขาทิ้งของทั้งหมดลงพื้นแล้ววิ่งหาเพื่อนรักของเขาทันที

     
     

               ไม่น่าเลย!!!! 

     
     

               ไม่น่าให้มันอยู่คนเดียวเลย!!!

     
     

    นี่เขาลืมไปได้ยังไงว่าที่นี่เป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีมาเฟียมากที่สุดถ้าน้ำอบเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย!!!

    ______________________________________ 
     
    เอาล่ะค่อยๆกระดึ้บๆไป  ขอบคุณคุณหมูสามช่ามากๆเลยที่มาเป็นคอมเม้นแรก แม้เป็นเพียงเริ่มต้นก็มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย แล้วต่อไปนักเขียนก็ยังหวังจะได้คอมเม้นจากนักอ่านทุกๆคนจ้า  เป็นกำลังใจให้เค้าโหน่ยยย....น้าาาา

    :)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×