คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ ๑ : โชคชะตา > Destino
“ว่าไงมึง รีบแล่นมาหาแต่เช้าแบบนี้จะชวนให้ไปช่วย รปภ.เขาเปิดห้างหรอ ไอ้ไกด์” เมื่อเจอเพื่อน น้ำอบก็อดจะแซวไม่ได้จริงๆ ไม่ได้นึกเคืองเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังตัดความฝันเขาหรอกนะ ไม่ได้เคืองเลยจริงๆ!!
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงกว่าเขาเล็กน้อย เจ้าของแววตาขี้เล่นและรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เมื่อได้ยินเพื่อนแซวอย่างนั้นแทนที่จะโกรธกลับยกมุมปากยิ้มโชว์เขี้ยวสวยพร้อมกัดริมฝีปากเล็กน้อยและส่งสายตากวนๆไปยังเพื่อนตัวเอง
“แหม กูไม่ได้รีบมาเพราะอยากพามึงไปสมัครเป็นรปภ.ช่วยเค้าเปิดห้างหรอก ฮ่าๆ ที่รีบมาเนี้ย มีข่าวดีจะมาบอกตะหากเล่า”
“ข่าวดีหรอ......ข่าวดีอะไรล่ะ ไม่ต้องทำเป็นลีลาเดี๋ยวยันโครม” ไม่พูดเปล่าร่างสูงโปร่งยกเท้าเตรียมยันเจ้าเพื่อนตัวแสบทันที ทำให้อีกคนต้องรีบหลบหลังจากทำหน้าทะเล้นถ่วงเวลาบอกข่าวดีที่เพื่อนรักตั้งแต่เด็กของเขาอาจอยากฟังมากกว่าข่าวดีไหนๆ
“ฮะแฮ่ม.....ข่าวดีก็คือ มึงถูกรางวัลได้ไปทัวส์อิตาลีเว้ย!!!!! ในที่สุดมึงก็จะได้ไปหาแม่มึงแล้วไงแบบฟรีๆด้วย ดีใจมั้ย” ไกด์ทำตาโตพร้อมเข้าไปจับมือน้ำอบเขย่าแล้วอุ้มเพื่อนตัวเตี้ยกว่าเหวี่ยงไปมาอย่างกับได้รางวัลชนะเลิศอะไรซักอย่างระดับประเทศ
“โอ้ย จุกๆมึงวางกูลงได้แล้ว” น้ำอบทำหน้าเหยเกเมื่อถูกไกด์จับเหวี่ยงเหมือนตุ๊กตานุ่น แต่น้ำเสียงที่ราบเรียบนั่นทำให้เพื่อนผู้แสนดีอย่างไกด์ที่อุส่าห์รีบมาหาแต่เช้าเพื่อบอกข่าวดีนี้ถึงกับงุนงง
ทำไมล่ะ ทั้งที่ๆนี่คือความฝันของมันแท้ๆ ทำงานเปิดสอนศิลปะป้องกันตัวกับเด็กๆมาตั้งนาน ทำงานพิเศษเสริมก็ตั้งหลายอย่างเพื่อจะเก็บเงินไปหาแม่ที่อิตาลีนี่นา ทำไมมันไม่ดีใจเลยหว่า
“งงๆ ไม่ต้องทำงงเลย กูยังไม่ได้ขี้ลืมถึงขนาดจำไม่ได้ว่าเพื่อนไกด์ตรงหน้ากูนี่เป็นถึงลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัททัวส์ยักษ์ใหญ่หรอกนะ กูบอกแล้วไง ถ้าไม่ใช่เงินที่กูหามาได้หรือโดยน้ำพักน้ำแรงของกู กูไม่ไป กูบอกมึงไปหลายครั้งแล้วนะ กูกะมึงเราเพื่อนกันกูไม่อยากให้คำว่าเงินมาแบ่งแยกเรา กูไม่อยากเอาเปรียบมึงด้วย เข้าใจมั้ยครับเพื่อนไกด์” น้ำอบพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จะให้เขาเชื่อได้อย่างไรว่าเรื่องที่เพื่อนเขาพูดมาเป็นเรื่องจริง เพื่อนคนนี้กะเขาเป็นเพื่อนกันมาแต่เล็กและรู้ดีว่าห่วงใยเขายิ่งกว่าใคร
นึกดูก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อเด็กกำพร้า....ไม่สิอดีตเด็กกำพร้าแบบเขาที่ถูกแม่ฝากไว้กับหลวงตาตั้งแต่แบเบาะแล้วไม่กลับมาหาเขาอีกเลย จนเวลาผ่านมาเกือบยี่สิบกว่าปีท่านถึงได้กลับมา สถานะแบบเขาจะได้เป็นเพื่อนกับลูกชายเจ้าของบริษัททัวร์ที่ถือว่าตอนนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศด้วยเหตุผลที่ว่า
คุณนายกรองแก้วหรือแม่ของไอ้ไกด์ไม่มีเวลาดูแลตามประสาแม่หม้ายคนเก่งแต่แทนที่คุณนายจะจ้างคนเลี้ยงดูกลับนำมาฝากไว้กับวัดที่มีหลวงตาที่หล่อนนับถือให้ไอ้ไกด์ใช้ชีวิตแบบไปเช้าเย็นกลับ เปรียบเสมือนเด็กวัดไปเรียนกลับมาก็ต้องแวะวัดทุกวัน จนมันได้เป็นเพื่อนสนิทกับเขาและได้รับการสั่งสอนจากหลวงตาเหมือนกัน คุณนายกรองแก้วมีวิธีคิดแปลกๆนะแต่ก็ดีเพราะถ้าท่านไม่ทำเช่นนั้น เขากับมันคงไม่ได้เป็นเพื่อนรักกันแบบนี้
แล้วยิ่งเมื่อเป็นแบบนี้จะให้เอาเปรียบเพื่อนโดยให้ออกเงินตั้งหลายบาทให้เขาไปหาแม่ฟรีๆเนี่ยนะ
ไม่มีทางหรอก!!!
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องมามองกูงั้นเลย คราวนี้ไม่ใช่ฝีมือกูนะเว้ย เอ่อ...แม้ครั้งก่อนๆจะใช่ก็เหอะ แต่ครั้งนี้อ่ะไม่ใช่นะ บริษัทที่มึงถูกรางวัลก็ไม่ใช่บริษัททัวส์ในเครือกู ดูดิเอกสาร....อ่ะ” ชายร่างสูงกว่ารีบบอกปัดพัลวันพร้อมยื่นเอกสารการถูกรางวัลนั้นให้เพื่อนเขาไปเทียบดู น้ำอบเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบดึงเอกสารประกาศไปดูด้วยแววตาที่ตื่นเต้น
เมื่อดูเสร็จและเช็คหลายรอบเพื่อให้มั่นใจว่าเขาถูกรางวัลจริงๆและไม่อิงแอบแฝงไปด้วยบริษัททัวส์ของเจ้าเพื่อนตัวดี นัยน์ตาสีน้ำตาลสุกใสก็ลุกวาวพร้อมกระโดดกอดคอชายร่างสูงกว่าตรงหน้าทันที
“เฮ้ย ของจริงว่ะ ฮ่าๆๆ ถูกรางวัลจริงๆ เป็นไปได้ไงวะ กูส่งชิงโชคไปแค่ใบเดียวเองนะ” ร่างโปร่งยังอดสงสัยไม่ได้ ระหว่างที่คิดถึงโชคหล่นทับของตัวเองอยู่เลยไม่ได้สังเกตถึงแรงกระชับจากอ้อมกอดของเพื่อนซี้และบางสิ่งอุ่นๆที่คลอเคลียอยู่แถวซอกคอของร่างบาง
“มึงจะได้ไปหาแม่มึงแล้วน้า แล้วก็ไปโดยโชคชะตาของแท้ไม่มีใครช่วย มึงดีใจมั้ยน้ำอบ” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามพร้อมสายตาปรือปรอยอย่างหลงใหลในกลิ่นหอมอ่อนๆของเพื่อนรักตั้งแต่เด็ก สมชื่อจริงๆไม่ผิดกับที่หลวงตาตั้งชื่อนี้ให้มัน
น้ำอบหรือเครื่องหอมของไทยสมัยโบราณที่ส่งกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ไม่ได้กลิ่นหอมแปลกเหมือนน้ำหอมของชาติตะวันตก ไม่ได้กลิ่นหอมฉุนเหมือนกลิ่นมวลดอกไม้ แต่เป็นกลิ่นที่เรียกได้ว่าเป็นฟีโรโมนเฉพาะตัวของร่างในอ้อมกอดนี้ที่ขยันปล่อยออกมาทั่ว ทำให้เขาต้องคอยดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
ยังไม่ทันที่ร่างสูงกว่าจะเลื่อนปลายจมูกให้ต่ำลงไปกว่านั้น
“โอ้ย!! ทำไรของมึงเนี้ยน้ำอบ เอาหัวมาโหม่งกูทำไมเนี้ย” ไกด์ถามหลังจากเอามือไปกุมศีรษะบริเวณที่ไอ้ตัวแสบโหม่งเข้ามา
“ก็มึงอ่ะ...ตอบแล้วก็ไม่ฮือไม่อือ กูบอกว่าดีใจมาก เพราะแม้ไม่ใช่เงินกูแต่ก็เป็นสิ่งที่ได้มาเพราะชะตาลิขิต ผู้หญิงคนนั้น..เอ่อ..แม่กูน่ะ จะได้รู้ว่าแม้กูจะไม่ต้องมีสิ่งที่เรียกว่าเงิน กูก็ไปหาเขาได้ เงินมันไม่สำคัญกับกูมากถึงขั้นทิ้งใครได้ง่ายๆเหมือนที่เค้าทำหรอก”
“พูดแบบนี้อีกแล้ว ยังไงเขาก็แม่มึงนะแล้วสุดท้ายเขาก็กลับมา มึงนั้นแหละเล่นแง่ไม่ยอมไปอยู่กับเขา เขาจะออกเงินให้บินไปหาก็ไม่เอา ดื้อจะไปหาเองท่าเดียว เฮ้อ หลวงตาก็เคยสอนเรื่องการให้อภัยแล้วนี่นา” ไกด์เอามือขยี้ผมร่างโปร่งที่ทำหน้าบูดบึ้งเบาๆด้วยความเอ็นดู แล้วแอบคิดขอบใจมันที่เอาหัวมาโขกเรียกสติเขาให้กลับมา ไม่งั้นอาจถึงขั้นเสียเพื่อนได้ง่ายๆเลย
“วันเดินทางก็อีกไม่นานแล้ว มึงรีบไปลาลูกศิษย์มึงเถอะ เดี๋ยวกูจะจัดการเรื่องเอกสารวีซ่าอะไรไว้ให้ ไปประเทศนี้แม้เขาจะใช้ภาษาอิตาลี แต่ก็ยังใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้บ้างยิ่งในเมืองหลวงนี่ ยิ่งไม่น่าห่วงเรื่องการสื่อสาร ยังดีนะที่ภาษาอังกฤษมึงพอไปวัดไปวาได้" เมื่อสิ้นเสียงพูดของไกด์เจ้าเพื่อนตัวดีของเขาก็รีบแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าทะเล้น
“เอ้า คนมันมีพรสวรรค์ก็อย่างเนี้ย เหมือนสวรรค์จะรู้ว่าแม่กูต้องกลับมากะพวกคนต่างชาติเนอะ เลยบันดาลให้กูเรียนได้ดี พูดได้บ้างหลังจากมีพวกฝรั่งมาเที่ยวที่วัดบ่อยๆ เค้าเรียกวิธีเรียนโดยไม่ต้องเสียตังค์เว้ย”
“เออ ไอ้เก่ง เก่งจริงๆโดยเฉพาะพวกประสบการณ์ชีวิตเนี้ย เดี๋ยวเราไปลาหลวงตากันก่อน ขอพรท่านหน่อย หลังจากเราโตๆกันมา ก็มีโอกาสไปหาท่านน้อยเหลือเกิน ไหนจะมึงที่แยกออกมาเช่าอพาทเม้นเปิดโรงเรียน ไหนจะกูที่ต้องมาช่วยงานที่บ้าน คิดถึงหลวงตาเหมือนกัน” น้ำอบพยักหน้าเห็นด้วยแต่ซักพักก็กลับนึกอะไรบางอย่างออกมาได้จากคำพูดของคนที่เข้ามากอดคอเขาอีกรอบ
“เราหรอ.....ได้ข่าวว่ากูถูกรางวัลคนเดียวนะ อย่าบอกนะว่ามึง....” น้ำอบตาโตเอามือชี้หน้าเพื่อนอ้าปากค้าง อย่าบอกนะว่า
“เออ กูจะไปด้วย มีปัญหาอะไรมั้ย ขืนปล่อยมึงไปคนเดียวไม่หลงทาง เดี๋ยวก็มีพวกโรคจิต ได้ยินจากแม่มึงด้วยนี่ว่าสามีที่โครตรวยของเขาก็มีลูกชายติดมาเหมือนกันน่ะ เกิดไอ้หมอนั่นหมันไส้มึงขึ้นมา โอย...ไม่อยากคิด...อุ้ปส์” ไกด์ทำหน้าอย่างกับตัวเองกำลังอยู่ในโรงหนังสยองขวัญ สงสัยจะแสดงสีหน้าได้ดีประหนึ่งนักแสดงขั้นเทพเลยได้รางวัลโดยการกระทุ้งศอกแรงๆหนึ่งทีจากคนข้างตัว
“นี่ คุณเพื่อนครับ คุณคงลืมไปแล้วว่าผมได้สายดำ อยู่ในดั้งการต่อสู้ระดับแปด ได้รับรางวัลชนะเลิศไม่ว่าจะเป็นคาราเต้ ยูโด ระดับจังหวัด แล้วก็แน่นอนว่ามวยไทยที่เพิ่งเริ่มเรียนนี่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ว่าไม่น่าจะโดนใครทำอะไรได้ง่ายๆนะครับ แม้จะเปิดสอนพวกเด็กประถมถึงมัธยมต้นก็เถอะ แต่นั้นก็เป็นความคิดของมึงนะ ความจริงระดับกูให้สอนเด็กที่โตกว่านั้นยังได้เลย ไม่อยากขัดหรอกเลยทำตาม แต่ไหงกลับโดนดูถูกงี้วะ”
น้ำอบบอกเพื่อย้ำเตือนความจำของร่างสูงกว่ายาวเหยียดเมื่อเห็นว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี จนเขากะมันเรียนจบอายุยี่สิบสามใกล้วัยเบญจเพศแล้ว มันก็ยังห่วงเขาด้วยเหตุผลไร้สาระเดิมๆถึงรูปร่างหน้าตาเขา
“ก็รูปร่างหน้าตามึงเป็นแบบนี้ จะไม่ให้ห่วงได้ไง จำตอนเด็กๆไม่ได้หรอ อยู่คนเดียวก็ถูกล่อลวง ตกกลางคืนจะไปแอบไปวิ่งเล่นก็โดนลุงขี้เมาลวนลามประจำ ถึงจะต่อสู้เป็นแต่การคิดการมองโลกของมึงมันต่างจากคนอื่นเขานี่หว่า” นั้นประไรพูดไม่ทันขาดคำก็ยกเหตุผลนี้มาพูดอยู่ได้
“ห่วงไรนักหนาวะ ที่โดนล่อลวงเพราะมันเห็นกูเป็นเด็กไง แล้วที่ลวนลามผู้ชายที่ไหนเขาจะลวนลามกันได้วะนั้นเพราะตาลุงนั้นเมาตะหาก ซึ่งกูเคยเสนอมึงไปหลายครั้งและว่าให้กูเล่นกล้ามแม่งก็ไม่ยอมอีก ไม่เอาและขี้เกียจเถียงไปหาหลวงตากันดีกว่า ไปเร็ว!!” น้ำอบเร่งเพื่อนซี้แล้ววิ่งไปที่รถของไกด์อย่างไม่รีรอจะฟังคำบ่นอะไรจากเจ้าของรถอีก
ไกด์ได้แต่ส่ายหัวพลางพึมพำออกมาอย่างเสียไม่ได้ แล้วเดินตามร่างโปร่งบางไปอย่างไม่รีบร้อน
“เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง กูจะไม่ห่วงมึงได้ยังไง ยิ่งถ้าเป็นในละครลูกฝั่งพ่อมันมักจะไม่ถูกกับลูกฝั่งแม่เลี้ยงอยู่แล้วด้วย แล้วกูจะปล่อยให้มึงไปเผชิญกะฝรั่งตาน้ำข้าวในดินแดนมาเฟียคนเดียวอย่างนั้นได้ยังไงกัน”
..............................................................
.....................................
...................
...........
.....
ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงน้ำอบและตัวแถมแบบไอ้ไกด์เพื่อนซี้สุดแสบที่อาศัยเส้นล้วนๆของความเป็นลูกชายของบริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่เข้ามาร่วมเดินทางในครั้งนี้ โดยเจ้าของทัวร์นี้เป็นผู้เอ่ยปากไม่ขอรับค่าใช้จ่ายใดๆเมื่อรู้ว่าท่านชายกรวิกหรือนายไกด์เพื่อนของเขาอยากเข้าร่วมทัวร์ในครั้งนี้ด้วย
“บารมีเยอะเหลือเกินนะมึง” น้ำอบอดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อนเล็กน้อยเมื่อหัวหน้าทัวร์ที่จะนำทางในทริปนี้ดูจะพินอบพิเทาเพื่อนเขาเสียเหลือเกิน
“เฮ้อ คนมันมีบารมีเยอะอ่ะ....แต่บางทีมันก็เยอะเกินไปนะ อยากมาร่วมใช้ด้วยมั้ยล่ะ กูเต็มใจแบ่งให้ไม่คิดค่าหุ้นส่วนด้วย เอ้า” ร่างสูงพูดพลางเอื้อมมือเข้าโอบคอคนตัวเล็กกว่าพร้อมซุกหน้าลงไปที่ซอกคอและงับเบาๆทำเอาน้ำอบถึงกับหน้าเบ้ด้วยความเจ็บแล้วรีบผลักหัวไกด์ออกไป
“มึงนี่นะ คารมณ์ดีแบบนี้ทำไมไม่มีแฟนวะ ผู้หญิงมาจีบก็ออกเยอะ แต่เห็นคบไม่ถึงอาทิตย์ก็เลิกๆๆ” น้ำอบจับมือเพื่อนพลิกเล่นไปมา พวกเขาเล่นถึงเนื้อถึงตัวบ่อยตั้งแต่เล็กมันเลยไม่แปลกกับการโอบกอดหรือการกระทำต่างๆที่อาจดูเกินคำว่าเพื่อนไปหน่อยอย่างพวกเขา
“มึงยังไม่พร้อมที่จะฟังเหตุผลของกูหรอก โง่ๆอย่างมึงอีกนานกว่าจะเข้าใจซึ่งไม่เป็นไรกูไม่รีบ” ไกด์พูดตัดบทและแกล้งทำสีหน้าเอือมระอาเสนอนหลับไปกับเก้าอี้เครื่องบินอันหนานุ่มทิ้งให้น้ำอบร้อง เหอะ! ออกมาด้วยความหมันไส้แล้วตามเพื่อนรักไปเข้าเฝ้าพระอินทร์อีกคน
แต่ทั้งสองคนโดยเฉพาะร่างบางที่คงหารู้ไม่ถึงแววตาแปลกๆของลูกทัวร์คนอื่นที่มองมายังพวกเขา หรือบรรยากาศสีชมพูอมม่วงหน่อยๆให้เหล่าผู้หญิงวัยรุ่นในกลุ่มทัวร์ถึงกับแอบกรี๊ดกันเบาๆพร้อมคอยแอบส่องสายตาไปหาชายหนุ่มหน้าตาดีทั้งสองอย่างอยากรู้อยากเห็นตลอดการเดินทางครั้งนี้ (!?!?)
..................................................
...............................
..................
........
...
“ฮ้าวว ถึงซักทีหลับไปไม่รู้ตั้งกี่รอบ เป็นไงประสบการณ์บินครั้งแรก สนุกมะ” ชายหนุ่มร่างสูงกว่าบิดตัวไปมาคลายความปวดเมื่อยอย่างอารมณ์ดีที่ถึงที่หมายต่างกับร่างบางที่เอามือแคะหูพยายามคลายอาการหูอื้อที่ลงมาจากเครื่องบินซักพักก็ยังไม่ดีขึ้น อาการนั่นทำให้ไกด์อดขำไม่ได้พร้อมเอามือไปจับจมูกของน้ำอบแล้วสอนวิธีคลายอาการหูอื้อให้
“แกๆ ดูนั้นดิผู้ชายสองคนนี้น่ารักเนอะ อย่างกับแฟนกันเลย ดูแลกันดียิ่งกว่าแฟนชั้นอีกแน่ะ” นี่คือประโยคแรกที่น้ำอบได้ยินหลังจากอาการหูอื้อได้คลายลง เลยเผลอตอบกลับหญิงสาววัยรุ่นเพื่อนร่วมคณะทัวร์ทั้งสองด้วยสีหน้าที่งุนงงผสมตกใจ
“หา!!! แฟนหรอ ผมเป็นผู้ชายนะครับ ถึงจะมีคนทักบ่อยว่าเหมือนทอมก็เถอะ แต่ผมเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซนครับ ของเหมือนๆกันจะสปาค์กเชื่อมต่อกันได้ไง เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นเอง” คำตอบนี้ทำให้ชายหนุ่มเพื่อนซี้ถึงกับกุมขมับและเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากสองสาวได้ในทันที
“น่ารักอ่ะ!!!!” เสียงแหลมสูงของสองสาวประสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วยิ่งเหมือนเป็นการเชิญชวนทั้งสองสาวให้เข้ามาคุยกับตัวแสบมากขึ้น เมื่อเห็นดังนี้ไกด์เลยขอตัวจากหญิงสาวทั้งสองด้วยความสุภาพและลากร่างบางที่คุยว่าตนฉลาดแต่โง่ในเรื่องที่แค่เฉลียวซักนิดก็จะเข้าใจการกระทำทุกอย่างของเค้าได้ออกมาคุยเป็นการส่วนตัว
“มึงนี่น้า เป็นต่างจังหวัดก็ไม่ได้หมายความว่าจะซื่อได้ขนาดนี้นะเว้ย”
“หา..ซื่อเนี้ยนะ กูซื่อตรงไหนกูแค่พูดความจริง” คนสูงกว่าส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อขี้เกียจจะเถียงกับร่างตรงหน้าแล้วรีบเอ่ยเรื่องสำคัญทันทีเมื่อนึกได้ถึงจุดประสงค์ของร่างบางในการมาอิตาลีครั้งนี้
“เอาล่ะๆ ช่างเถอะๆ เดี๋ยวกูจะไปคุยกะคณะทัวร์ขอแยกทางกับพวกเขา กูเตรียมแผนที่มาแล้ว ศึกษาเส้นทางจากไกด์ในบริษัทกูมาแล้ว ทัวร์ครั้งนี้มันเจ็ดวันห้าคืน แต่นี่ก็เสียเวลาบนเครื่องไปวันนึงแล้วเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน เราจะได้ไปหาแม่มึงกัน”
“โห ใครเป็นลูกกันแน่วะเนี้ย พร้อมขนาดนี้ ฮ่าๆๆ ขอบใจมากนะ ไม่มีมึงกูก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไง ต้องขอบคุณสวรรค์จริงๆที่ให้มึงเกิดมาเป็นเพื่อนกู” น้ำอบกล่าวด้วยความรู้สึกซึ้งใจจริงๆ หากไม่มีคนตรงหน้า ที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่น้อง ทั้งที่ปรึกษาและอีกหลายๆสถานะ เค้าก็คงเป็นแค่เด็กวัดธรรมดาที่มักโดนรังแก โดนผู้ใหญ่แปลกหน้าทำอะไรแปลกๆ
หากไม่มีไอ้ไกด์ผู้ที่คอยปกป้องเขา คอยแนะนำให้เขาไปเรียนนู่นนี่นั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะป้องกันตัวจนมีความมั่นใจมากขนาดนี้ เขากล้าบอกได้เลยว่าคงไม่มีไอ้น้ำอบที่ได้มายืนเด่นสง่ากลางกรุงโรมเช่นนี้โดยไม่รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวหรือความกลัวแม้แต่น้อยแน่นอน
“หึ ขอบคุณผิดคนแล้ว มึงไม่ควรขอบคุณสวรรค์แต่ควรขอบคุณหญิงกรองแก้วแม่กูโน้น ที่ป้าแกเกิดคิดแปลกๆให้กูไปอยู่ในการปกครองของหลวงตาบัวที่แม่กูนับถือนักหนา โดยให้เหตุผลแค่ว่า.....กูจะได้เป็นผู้เป็นคน.....แค่เนี้ย! แล้วอีกอย่างทุกอย่างที่กูทำให้มึง กูบอกได้แค่ว่า กูเต็มใจ” ไกด์ยิ้มให้ร่างเล็กพร้อมแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความหมาย ซึ่งน้ำอบก็ไม่สามารถจะเข้าใจถึงความหมายนั้นได้จึงทำได้เพียงกอดคอเพื่อนรักไว้ด้วยความซาบซึ้งเท่านั้น
“เฮ้ย มาหาแม่แล้วอารมณ์ซึ้งมึงเกิดง่ายขึ้นหรอ ไม่ต้องมาฝึกกับกู ไปใช้จริงกับแม่มึงนู่น อย่าบอกว่ารู้สึกเฉยๆนะ กูเห็นตั้งแต่เขามาหามึงคราวก่อนปากบอกไม่อยากเจอๆ แต่ระริกระรี้หมดท่าเมื่อเค้ามาเจอมึง มึงคงไม่ลืมที่หลวงตาพูดนะ แม่มึงเค้ามีเหตุผลแล้วเค้าดูเป็นคนดีจะตาย ตอนนั้นเค้าคงไม่มีทางเลือกจริงๆ มึงอย่าไปโกรธแค้นอะไรเค้าให้เป็นบาปติดตัวไปเลยนะ”
“กูรู้น่า นี่ก็ใกล้มืดแล้วมึงไปบอกทัวร์เค้าก่อนเถอะพรุ่งนี้ค่อยไป คืนนี้ไปพักโรงแรมกับทัวร์ก่อนจะได้ไม่ต้องเดินหาโรงแรมให้ยุ่งยาก เดี๋ยวกูรอตรงนี้” น้ำอบรีบบอกเพื่อนเพราะรู้ว่าทั้งตัวและเพื่อนคงอยากนอนบนเตียงนุ่มๆมากกว่าสิ่งอื่นใดเพราะเพลียจากการเดินทาง แม้จะหลับไปตั้งหลายรอบตอนอยู่บนเครื่องก็เถอะนะ
“เออๆ มึงอยู่นี่เฉยๆนะ อย่าไปไหนเด็ดขาดยิ่งเดินไปไหนเป็นหลงๆ อย่าให้กูห่วง ถ้ามีฝรั่งคนไหนมาพูดอะไรมึงบอกเค้าไปเลยว่ามึงพูดอิตาลีไม่ได้ อังกฤษก็ไม่ค่อยได้ แกล้งเป็นใบ้แม่งเลยยิ่งดี เข้าใจมั้ย อย่าไปไหนเด็ดขาดนะเดี๋ยวกูมาแป๊ปเดียว ” พูดจบร่างสูงก็รีบวิ่งไปหาหัวหน้าคณะทัวร์ทันทีปล่อยให้อีกคนหน้าบูดแล้วอดตะโกนกลับไปไม่ได้ว่า
“ไอ้เห้ไกด์!!! กูไม่ใช่เด็กห้าขวบนะเว้ย” พลางพ่นลมออกจมูกอย่างอดโมโหนิดๆไม่ได้กับความขี้เป็นห่วงทะลุจุดศูนย์ของเพื่อนตน
ระหว่างที่ไกด์กำลังวิ่งไปแจ้งกับคณะทัวร์ น้ำอบก็เหลือบไปเห็นกลุ่มคนชุดดำหลายคนกำลังกระจายตัวล้อมชายร่างสูงใหญ่อยู่ซึ่งดูเด่นเป็นสง่าแสดงให้เห็นถึงบารมีที่แตกต่างไปจากชายคนอื่นแม้ชายร่างยักษ์นั้นจะใส่สูทชุดดำเหมือนกับพวกที่ล้อมตนอยู่ก็ตาม นี่ขนาดมองไกลๆรัศมียังเปล่งมาถึงนี้ ยิ่งถ้ามองใกล้ๆไม่อยากจะคิดเลย
“โห...ชาวต่างชาติคนนั้นสูงชะมัด ร่างกายก็ดูใหญ่โต น่าอิจฉาเป็นบ้า ถ้าเราได้เล่นกล้ามซะหน่อยละก็นะ” ระหว่างที่คิดเรื่อยเปื่อย ร่างบางก็สังเกตเห็นอีกสิ่งที่ไม่ควรเห็นนั้นคือ
ปืน!!! ตอนแรกนึกว่าคนที่ล้อมอยู่เป็นบอดี้การ์ด แต่ทำไมมันมีปืนจี้หลังหมอนั้นอยู่ล่ะแถมพากันเดินเข้าไปในตรอกเล็กนั้นด้วย นี่คงไม่ใช่.....
ด้วยความรู้สึกที่คิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้หรือมีอะไรมาดลใจก็ตาม น้ำอบตัดสินใจทำนอกเหนือคำสั่งไกด์ที่บอกให้ตนอยู่เฉยๆกับที่ นั่นคือแอบตามคนกลุ่มนั้นไปอย่างเงียบๆ ซึ่งเจ้าตัวก็คงไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เอง
จะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆอย่าง
.................................................
...........................
..............
....
“น้ำอบ...กูมาแล้วไปกันเหอะกูซื้อขนมมาฝากมานั่งกินกันก่อนค่อยตามทัวร์ไปโร......ง....แรม............น้ำอบ!!!!! น้ำอบหายไปไหนน่ะ!!!!”
หัวใจของไกด์ที่เหมือนถูกบีบอัดแน่นไปด้วยความใจหายและตามไปด้วยความกลัวจับหัวใจ เหมือนร่างกายทำตามหัวใจสั่งก่อนสมอง เขาทิ้งของทั้งหมดลงพื้นแล้ววิ่งหาเพื่อนรักของเขาทันที
ไม่น่าเลย!!!!
ไม่น่าให้มันอยู่คนเดียวเลย!!!
นี่เขาลืมไปได้ยังไงว่าที่นี่เป็นดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีมาเฟียมากที่สุดถ้าน้ำอบเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย!!!
:)
ความคิดเห็น