ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {YAOI} เสื้อกาวน์หมอไม่อุ่นเท่าเสื้อช็อปวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #22 : Take #20 END + บทส่งท้าย.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 39.39K
      537
      21 ต.ค. 57

    #20 (จบ)

     

    1 ปีถัดมา

     

    พี่ไบค์เร็วๆดิเว้ยพี่ต่ายออกจากหอประชุมมาแล้วเนี่ย!

    ชายหนุ่มในชุดครุยวิ่งแทรกบรรดาฝูงชนจำนวนมากที่แห่แหนกันมางานพระราชทานปริญญาบัตร ร่างสูงใบหน้าคมผิวเข้มขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่มากนักแต่ถึงกระนั้นก็คล้ำขึ้นจนสังเกตได้จากการฝึกงานภาคสนามเมื่อปีที่ผ่านมา เขาหลบซ้ายเอียงขวาก่อนวิ่งเข้าไปยังทางออกจากหอประชุมที่เต็มไปด้วยบรรดาผู้ปกครองที่มายืนรอลูกหลาน นักศึกษารุ่นน้องที่รายล้อมเพื่อเตรียมส่งรุ่นพี่ที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจสุดท้ายของการเป็นนักศึกษา

    บาสรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย อากาศร้อนอบอ้าวถึงขนาดที่ว่าหากยืนอยู่กลางแดดนานๆอาจจะเป็นลมได้ ถึงกระนั้นเขาก็ใช้ความสูงในระดับร้อยแปดสิบของตัวเองชะเง้อคอมองบรรดาบัณฑิตในชุดครุยที่ทยอยเดินออกมา ในอ้อมแขนของเขาถือช่อดอกไม้สีขาวสะอาดที่ใช้พี่ชายไปรับมาให้เมื่อเช้า 

    มึงโทรหาเขาหรือยัง มาชะเง้อคอรอคอยแบบนี้หากันเจอยากนะเว้ยชายหนุ่มหน้าละม้ายคล้ายกันในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงยีนส์สีเข้ม ที่คอมีกล้อง DSLR ห้อยเอาไว้ตัวหนึ่ง กระเป๋าอีกใบที่บรรจุบรรดาเลนส์ต่างๆสะพายอยู่ที่บ่า

    ไบค์รู้สึกอิรุงตุงนังไปหมดแต่ก็ต้องซอยขาวิ่งตามบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์มาติดๆ 

    พี่ต่ายไม่ได้พกโทรศัพท์เข้าไปด้วย” 

    แล้วโทรศัพท์เขาอยู่กับใคร

    พ่อแม่เขาดิ” 

    เห...?

    ตอบแล้วก็ทำท่านึกได้ บาสหันไปมองหน้าพี่ชายที่ทำสีหน้าเอือมระอาใส่ เขาเกาหัวเก้อแล้วรับโทรศัพท์ที่พี่ชายส่งมาให้ นิ้วมือยาวเลื่อนปลดล็อกอย่างรวดเร็วและกดหาเบอร์ที่โทรออกล่าสุด เขารอไม่นานปลายสายก็รับด้วยเสียงที่บาสคุ้นเคย ตกลงนัดสถานที่กันสองสามคำแล้วเขาถึงวิ่งลากพี่ชายเขาไปยังสนามอีกฟาก 

    กูยอมมึงวันเดียวนะไอ้บัณฑิตไบค์บ่นพึมพำ

     

    ใช้เวลาประมาณสิบนาทีเขาก็วิ่งมาถึงจุดที่ปลายสายโทรศัพท์บอก บาสเห็นชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ในร่มไม้เลี่ยงไอร้อนจากแสงแดด ชายหนุ่มยกมือไหว้ทันทีที่เดินเข้าไปถึง ส่งยิ้มให้อย่างเช่นทุกครั้ง

    สวัสดีครับคุณน้า

    อ้าวบาส มาแล้วหรือลูก ยินดีด้วยนะจ้ะพ่อนายช่าง ร้อนไหมมายืนทางนี้สิ ร่มๆหน่อย” 

    บาสขยับตาม มือกระพือคอเสื้อที่ติดจนชิดลำคอให้มีลมเข้าไปบ้างแล้วยิงคำถามอย่างร้อนรน

    พี่ต่ายล่ะครับ

    โน่นเลยจ้ะ อยู่กับพวกโน้ตพวกปราชญ์ตรงกลางสนามนั่นแหละจ้ะ เราเดินไปหาเขาสิ” 

    บาสมองไปตามทิศที่หล่อนชี้ แม้จะเต็มไปด้วยผู้คนมหาศาลสักเท่าไร แต่ใบหน้าเรียวสวยของอีกฝ่ายยังเด่นชัดเสมอ... ฝ่ายนั้นกำลังยืนคุยอยู่กับบรรดาเพื่อนและรุ่นน้องที่เดินเข้ามาแสดงความยินดี

    ไม่เป็นไรหรอกครับผมรอตรงนี้ก็ได้

     

    เขายิ้ม...

    ยิ้มตามทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มนั้นประดับบนใบหน้า บาสเลือกที่จะยืนรออยู่ตรงนี้มากกว่าการเข้าไปแทรกเพราะเขารู้ว่าพี่ต่ายควรจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนมากกว่า ตัวเขานั้นรับในช่วงเช้าไปเรียบร้อยแล้ว บรรดาเพื่อนฝูงของเขาจึงทยอยออกจากตัวมหาวิทยาลัยแยกย้ายกันกลับเรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นถึงจะนัดกันไปสังสรรค์อีกครั้งหนึ่ง 

    บาสรู้สึกหนักไหล่ข้างหนึ่ง เขาหันไปเห็นพี่ชายของตัวเองยืนดูดชาเขียวอยู่ข้างๆ เอาศอกข้างหนึ่งท้าวไหล่เขาแก้เมื่อย

    เขานึกขึ้นได้ว่าพี่ไบค์กับพ่อแม่ของพี่ต่ายยังไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง เขาจึงสะกิดพี่ชายให้หันไปมองชายหญิงสองคนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ไบค์เห็นแล้วก็เลิกคิ้ว มือบิดฝาปิดขวดชาเขียวลวกๆแล้วยัดใส่กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลัง

    คุณน้าครับ นี่พี่ชายผมชื่อไบค์บาสแนะนำ เบี่ยงตัวเองออกไปด้านหลังเล็กน้อยให้พี่ชายเขาได้โผล่หัวมาไหว้ทักทายผู้ใหญ่

    สวัสดีครับชายหนุ่มไหว้และกล่าวทักทายเสียงอ่อนพร้อมรอยยิ้มกว้างเสียจนผู้ใหญ่เคลิ้ม

    บาสเบะปาก แม้เมื่อครู่พี่ชายเขาจะทำสีหน้าอาลัยตายอยากเพราะแดดวันนี้ร้อนมากจริงๆแต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นคนที่สร้างความประทับใจแรกพบให้กับคนส่วนใหญ่ได้เสมอ เขาเห็นแววตาของแม่พี่ต่ายดูประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว

    บอกว่าเป็นฝาแฝดกันแม่ก็เชื่อนะ หน้าเหมือนกันเลยหล่อนทักเสียงร่าเริง บาสเห็นคนพ่อมองมาอย่างสนใจไม่น้อย

    จริงๆ แค่เจ้าบาสดำกว่าหน่อยนึง

    พี่ไบค์หัวเราะเสียงดัง ตบบ่าเขาดังอั้ก ไม่เหมือนกันนะครับ เพราะผมหล่อกว่ามันเยอะเลย

    คำตอบจากคนเป็นพี่เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้มากทีเดียว ชายหนุ่มหัวเราะตามแม้จะแอบถลึงตาใส่พี่ชายอยู่หลายครั้ง

    เออจริง พ่อก็ว่าแบบนั้นแหละเสียงหยอกล้อจากผู้ใหญ่ทำเอาบาสหน้าบู้ พ่อพี่ต่ายตบไหล่เขาเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ

    แล้วเย็นนี้บาสจะมางานเลี้ยงที่ร้านหรือเปล่า พาเพื่อนมาฉลองพร้อมกันก็ได้นะหรือเรามีที่อื่นในใจกันแล้ว

    ผมว่าจะตามไปช่วงหัวค่ำน่ะครับ

    ดีๆ เจ้าพวกนั้นก็คงอยู่กันถึงค่ำถึงมืดเหมือนกัน แล้วเราเป็นอย่างไร จะเรียนต่อหรือทำงานเลย

    ทำงานเลยครับ ตอนนี้ได้บรรจุแล้ว

    ดูต่ายสิ จบไม่ทันไรเดี๋ยวก็หนีไปใช้ทุนที่อื่นแล้ว อยู่ให้แม่ชื่นใจได้ไม่ถึงเดือนจริงๆลูกคนนี้

    แต่คุณก็ภูมิใจไม่ใช่หรือ เกียรตินิยมอันดับสองด้วยนะคนเป็นพ่อเอ่ยแย้ง บาสเห็นใบหน้าของแม่พี่ต่ายที่ขมวดคิ้วมุ่นแต่แรกค่อยๆคลายออก หล่อนคลี่ยิ้มเต็มหน้า มองไปยังทิศที่ลูกชายตัวเองอยู่ด้วยความภูมิใจ

    แน่นอนอยู่แล้วสิ!

     

    บาสอมยิ้มตาม เขาหันไปเห็นพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆส่งยิ้มตามไปด้วย

    แน่นอน... วันนี้เป็นวันดีที่ทุกคนควรจะยิ้มให้กับมัน บาสมองตามสายตาของพ่อแม่พี่ต่ายที่มองลูกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าตัวหันมามองเห็นพวกเขาสี่คนพอดี ริมฝีปากสีสดนั่นแย้มยิ้มกว้าง เดินแทรกบรรดาเพื่อนฝูงและคนที่เข้ามาแสดงความยินดีตรงมาหาพวกเขา

    ร่างโปร่งตรงรี่เข้ามากอดบุพการีทั้งสองแน่น ไม่รู้ว่าตาฝาดหรือเปล่าแต่บาสเห็นดวงตาภายใต้แว่นกรอบสีเข้มนั้นรื้นน้ำตานิดๆ มือขาวยกมือขึ้นห้ามแม่ตัวเองไม่ให้หอมแก้มเพราะใบหน้าตัวเองเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

    ก็แน่ล่ะยืนอยู่กลางแดดนานขนาดนั้น... พี่ต่ายคุยกับพ่อและแม่สองสามคำก่อนหันมาหาเขา ชายหนุ่มยื่นช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับบัณฑิตที่ทำหน้ายู่

    ยินดีด้วยนะครับ”

    ดอกไม้อีกแล้ว ไม่มีที่เก็บแล้วต่ายบ่นพึมพำแต่ก็รับมาถือเต็มอ้อมแขน

    ผลัดกันไงพี่ เมื่อเช้าพี่ต่ายก็เอาดอกไม้มาให้ผมเหมือนกันนะ

    บาสยิ้มกริ่ม เมื่อเช้าหลังออกมาจากห้องประชุมเขาก็โดนโห่ล้อไปพักใหญ่เมื่ออีกฝ่ายเดินถือดอกไม้ช่อเบ้อเริ่มเข้ามาแสดงความยินดีก่อนขอตัวไปเตรียมตัวของตัวเองบ้าง เขาเห็นหยาดเหงื่อที่ไหลลู่ลงมาข้างแก้มขาวแล้วก็รู้สึกว่าพี่ต่ายคงจะรำคาญไม่น้อย มือล้วงกระดาษทิชชู่ซองเล็กที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกงตั้งแต่เช้าขึ้นมาดึงแล้วส่งให้อีกฝ่าย บาสแปลกใจที่มือขาวนั่นไม่ยื่นออกมารับ

    พี่ต่ายยังคงกอดช่อดอกไม้แน่นทั้งๆที่จะเปลี่ยนมาถือมือเดียวก็ได้แท้ๆ ชายหนุ่มเห็นแล้วยิ้มอ่อนใจ เขาเหลือบมองผู้ใหญ่สองคนที่มัวแต่ชี้ชวนกันให้ดูนั่นดูนี่แล้วก็ใช้จังหวะนั้นซับกระดาษทิชชู่เนื้อนุ่มลงกับใบหน้าเนียนนั่นเบาๆ 

     

    บัณฑิตทั้งสองคนครับ ถ่ายรูปหน่อยได้ไหมครับเสียงทุ้มที่แทรกขัดจังหวะดังมากจากพี่ชายจอมกวนของเขาที่ยกกล้องตัวใหญ่บังใบหน้าเรียบร้อยแล้ว บาสขยับตัวไปยืนข้างๆทันที

    ไบค์กดชัตเตอร์ระรัว จัดท่าทางของทั้งสองคนหลายมุมจนพอใจเขาจึงเชิญผู้ปกครองอีกสองคนที่ยืนมองอยู่ให้เข้ามาในเฟรมด้วย พอดีกับที่ปราชญ์และโน้ตวิ่งแถ่ดๆโดดเข้ามาถ่ายร่วมด้วยอีกสองคน บาสถามถึงสองสาวอีกสองคนในกลุ่มก็ได้ความว่าขอแยกตัวกลับบ้านไปก่อนหน้านี้สักพักแล้วเพราะอากาศร้อนและมีงานฉลองกับญาติๆในช่วงเย็น ต้องกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวก่อน เขาพยักหน้ารับรู้แล้วหันมาสนใจกล้องตรงหน้าแทน พ่อแม่พี่ต่ายขอตัวกลับไปยืนใต้ร่มไม้เหมือนเดิม ทิ้งให้บัณฑิตทั้งหลายถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน 

    แม้วันนี้อากาศจะร้อน แม้แดดจะแรง แม้ผู้คนมากมายจะเดินขวักไขว่ชนกันไปมา แต่ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะวันนี้เป็นวันที่ความเหนื่อยยากของพ่อแม่และนักศึกษาทุกคนที่ศึกษาเล่าเรียนสัมฤทธิ์ผล เป็นรางวัลแห่งความสำเร็จของนักศึกษาทุกคน... เสียงพี่ไบค์ตะโกนเตือนพร้อมๆกับที่ทุกคนจับมือกันเตรียมพร้อม บาสรู้สึกเหนื่อยเพราะไม่รู้ว่าวันนี้ทำท่านี้มากี่รอบแล้วตั้งแต่เช้า แต่รุ่นพี่คณะแพทยศาสตร์อีกสามคนที่ยืนอยู่ตรงนี้แลดูตื่นเต้นเขาก็ต้องยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนนับถอยหลังจากตากล้องจำเป็นของวันนี้

     

    สาม...

    สอง...

    หนึ่ง...

    เฮ้! 

     

    ครับ... พวกผมทุกคนเรียนจบแล้ว

     

    เสร็จสิ้นงานพิธีต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน บ้างก็ไปสังสรรค์กันต่อเลยทันทีแต่ต่ายตกลงกับเพื่อนทุกคนแล้วว่าจะเจอกันรอบเย็นเลยทีเดียว พ่อกับแม่ของเขาถึงขนาดปิดสวนอาหารไปโซนหนึ่งเพื่อเลี้ยงให้เขากับเพื่อนทุกคนในกลุ่มโดยเฉพาะ เขาเดินนำร่างสูงของเด็กวิศวะที่กำลังจะได้รับฉายานายช่างใหญ่ในอนาคตมาที่ลานจอดรถ พ่อกับแม่กำลังช่วยกันลำเลียงบรรดาช่อดอกไม้และของขวัญที่เขาได้รับวันนี้ จริงๆนี่ก็น้อยลงไปเยอะเพราะส่วนใหญ่คนอื่นๆจะนำมาให้วันซ้อมก่อนหน้าวันรับจริงแล้ว 

    ข้าวของถูกจัดจนเรียบร้อย ชายหนุ่มร่างสูงก็ลาพ่อกับแม่เขาไปจัดการตัวเองบ้างและยังย้ำว่าจะตามไปช่วงสองสามทุ่ม ต่ายพยักหน้ารับรู้แล้วโบกมือลา รถยนต์เคลื่อนตัวออกไปตามท้องถนน รถติดเสียยิ่งกว่าทุกวันซึ่งเป็นปกติของช่วงที่มีการรับปริญญาอยู่แล้ว ต่ายรู้สึกสมองเบลอ สองสามวันมานี้เขาเหนื่อยมากจริงๆทั้งเรื่องการยื่นเอกสารต่างๆนานาเพื่อบรรจุเป็นแพทย์ใช้ทุน แม้พ่อกับแม่จะบ่นอยู่หลายครั้งว่าให้เขาจ่ายเงินคืนทุนแล้วเรียนต่อเฉพาะทางหรือบรรจุเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนเลยก็ได้ถ้าลำบาก ต่ายกลับรู้สึกว่าการเลือกทำงานใช้ทุนคืนอีกสามปีเป็นสิ่งที่คุ้มค่า แม้ปากของทั้งสองคนจะอ้างนั่นอ้างนี่ แต่พอเขาตัดสินใจที่จะเลือกเส้นทางนี้พ่อกับแม่ของเขาก็ยิ้มแก้มแทบปริแล้วกล่าวอวยพรให้เขาโชคดีหลายครั้ง ต่ายรู้ว่าพ่อแม่ของเป็นห่วงแต่เขาก็มั่นคงพอที่จะตัดสินใจและทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันถูกต้อง นอกจากตัวเขาเองแล้ว ทุกคนในกลุ่มของเขาก็เลือกเส้นทางนี้เช่นกัน ปราชญ์ถึงกับต้องทะเลาะกับพ่อเสียยกใหญ่เลยทีเดียว แม้จะแยกกันไปคนละทิศแต่ต่ายเชื่อว่าเพื่อนกันถึงอย่างไรก็ไม่มีวันตัดกันขาด ยิ่งมีโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ติดต่อกันได้ตลอดเวลาแบบนี้แล้วด้วย อีกอย่างคือโรงพยาบาลที่ปราชญ์กับโน้ตเลือกก็ไม่ได้ห่างกับที่ๆเขาจะไปเท่าไรนัก ขับรถสองสามชั่วโมงก็ถึง

    กว่ารถจะขยับอีกครั้งก็กินเวลานานพอสมควร ต่ายรู้สึกสติของเขาค่อยๆลางเลือนเพราะความเหนื่อยที่สะสมมาหลายวัน หูของเขาได้ยินเสียงแว่วของแม่บอกว่าให้นอนไปเลยก็ได้เมื่อถึงแล้วจะปลุกเองเป็นประโยคสุดท้าย จากนั้นสติของเขาก็ค่อยๆเลือนเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด

     

    ใบหน้าคมที่สะท้อนกลับมาจากกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่กับประตูตู้เสื้อผ้าบ่งบอกถึงอารมณ์หลากหลายของเจ้าตัวนัก บาสมองใบหน้าของตัวที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่ใช่ จะเครียดก็ไม่เชิง เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ติดบนผนังปูนสีขาวสะอาดที่บอกเวลาเกือบห้าโมงแล้ว พวกเพื่อนๆกลุ่มของเขาและสายรหัสทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องพอทราบข่าวว่าเขาจะออกจากงานไปหาพี่ต่ายต่อที่ร้านก็ตกลงกันว่าถ้าอย่างนั้นก็แห่ไปเลี้ยงที่สวนอาหารนทีทิพย์กันเลยรอบเดียว เจ้ามืออย่างพี่โก้ที่ถึงขั้นลางานนั่งเครื่องบินมาจากเชียงใหม่เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็วทั้งเรื่องโทรไปจองโต๊ะและสั่งอาหารล่วงหน้าเสร็จสรรพ บาสได้แต่มองไลน์กลุ่มที่เด้งข้อความอย่างรวดเร็วจนแทบตามไม่ทัน 

    บาสกระชับดึงปกเสื้อโปโล Lacoste สีน้ำตาลอ่อนให้เข้าที่ มองตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วคว้าเจ้าอุปกรณ์สื่อสารที่ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่แล้วเพราะตอนไปฝึกงานเมื่อช่วงต้นปีเขาทำมันหล่นจากกระเป๋าจนหน้าจอแตกละเอียด กระเป๋าสตางค์ใบเล็กถูกสอดเข้ากระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ขาเดปฟอกสีอ่อน ชายหนุ่มเสยผมเล็กน้อยแล้วเดินลงมายังชั้นล่างของบ้าน บาสเห็นข้าวของทั้งบรรดาดอกไม้และตุ๊กตาที่คนรู้จักรวมถึงเพื่อนๆทั้งหลายเอามาแสดงความยินดีวางระเกะระกะเต็มบ้านแล้วก็ถอนหายใจ คิดในใจว่าวันพรุ่งนี้สงสัยต้องจัดการกันยาวเลยทีเดียว

    ห้องนั่งเล่นของบ้านที่มักจะมีแค่เขา พี่ชายและสุนัขตัวโตสองตัวที่นอนผึ่งแอร์ไม่ขยับไปไหนเป็นกิจวัตร บัดนี้มีบุพการีอีกสองคนที่นั่งรายการโทรทัศน์ยามบ่ายอยู่ด้วย บาสขยับไปนั่งข้างๆแม่ของเขา บนตักของนางมีหัวของเจ้าหมาตัวโตที่วางพาดหลับสบายอยู่ ส่วนลำตัวกินพื้นที่โซฟาตัวยาวไปครึ่งหนึ่ง บาสเห็นแล้วหมั่นเขี้ยว ขยำหัวมันแรงๆจนมันส่งเสียงขู่ในลำคอเบาๆ 

    ไปแกล้งมันทำไมล่ะคนเป็นแม่บ่นอ่อนใจ ตีแขนลูกชายคนเล็กของตัวเองไม่แรงนักแต่ก็ทำให้ขึ้นรอยแดงได้

    บาสหัวเราะในลำคอ มองใบหน้าของคนเป็นแม่ด้วยความรัก เขาสังเกตเห็นนัยน์ตาของหล่อนยังคงแดงก่ำเล็กน้อย เพราะเมื่อช่วงเช้าหล่อนก็เอาแต่มองเขาแล้วน้ำตารื้นตลอดเวลา

    โตแล้วนะเล่นอะไรเป็นเด็ก

    อยู่กับแม่บาสเป็นเด็กได้ ไม่เป็นไรชายหนุ่มยกยิ้ม ซบหน้าผากลงกับไหล่ที่แม้ดูบอบบางแต่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก

    จะออกไปกี่โมงเนี่ย อย่ากลับดึกนักนะ พรุ่งนี้พ่อกับแม่ต้องบินไฟลท์เช้าด้วยเสียงทุ้มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อาร์มแชร์ตัวโตเอ่ยถาม พ่อของเขานอนเอนหลับตาจนนึกว่าหลับไปจริงๆเสียแล้ว

    เดี๋ยวออกเลยครับ รอพี่ไบค์กลับมาก่อนเห็นว่าไปทำธุระเรื่องงาน

    อือ แล้วก่อนทำงานก็อย่าลืมหาวันว่างไปฉลองที่โน่นบ้างล่ะ ญาติๆเราน่ะรออยู่

    เดี๋ยวผมจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะรีบไปนะ พ่ออย่าลืมบอกย่าให้ๆรางวัลผมหนักๆหน่อยล่ะ หึๆ” 

    เดี๋ยวกูโบก ไอ้ Lexus RX450h หน้าบ้านเนี่ยมันก็เยอะไปแล้ว!

    อ้าว นั่นพ่อให้ ไม่เกี่ยวกัน

    กูยืมเงินแม่กูมาดาวงน์ก่อนไง เพราะงั้นถือว่าให้แล้ว

    โธ่...

    ชายหนุ่มโอดครวญ เขี่ยเจ้าสุนัขไซบีเรียนตัวโตที่นอนตักแม่ของเขาไปให้พ้นทางแล้วสวมรอยแทน ถึงแม้จะบ่นหงุงหงิงแต่บาสก็แอบอมยิ้มเล็กน้อย

    อันที่จริงเขาก็ไม่ได้คิดมากหรอก ก็แค่พูดเล่นๆเท่านั้น ที่ได้มานี่ก็มากเกินพอแล้ว

    มาอ้อนเป็นหมาไปได้เนอะไอ้ลูกคนนี้หล่อนบ่นไม่จริงจังนัก มือนุ่มลูบเส้นผมสั้นดำขลับ

    เดี๋ยวแม่ก็กลับแล้ว อ้อนตอนนี้แหละเผื่อได้รางวัลเพิ่มบาสหัวเราะตัวสั่นกึกกัก เงยหน้ามองแม่ที่ก้มแล้วส่งยิ้มมาให้

    ทำอะไรหวังผลตลอดเสียงพ่อของเขาพูดแบบเอือมระอา

    ไม่จริงสักหน่อยเนอะแม่เนอะชายหนุ่มพยักเพยิดหน้ากับแม่ที่ส่งสีหน้าไม่ต่างจากพ่อเท่าไรตอบกลับมาแทน

    บาสหลับตาพริ้ม ช่วงเวลาที่เหนื่อยยากที่สุดของวัยเรียนได้ผ่านพ้นไปแล้ว เขากำลังจะก้าวเข้าสู่วัยทำงานอย่างจริงจังในอีกไม่ถึงเดือนข้างหน้า โชคดีที่บริษัทที่เขาฝึกงานยินดีรับเขาบรรจุเข้าเป็นวิศวกรประจำ แถมยังยินดีรับข้อเสนอที่เห็นแก่ตัวของเขาในบางข้อเสียด้วย ความสำเร็จใจวันนี้ของเขานั้นจะมาถึงจุดนี้ไม่ได้หากขาดสองบุคคลสำคัญในชีวิตของเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้

    บาสยิ้ม มองหน้าของแม่จากมุมต่ำ แม้หล่อนจะยังไม่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้ามากนักเพราะเป็นคนดูแลตัวเองดี แต่เขาก็รู้ว่าแม่ดูแก่ขึ้นเยอะเลยทีเดียว

    กว่าเขาจะเดินทางมาถึงวันนี้ได้ พ่อกับแม่ต้องเหนื่อยสักแค่ไหนกัน...

    ลูกชายที่ทั้งดื้อทั้งเอาแต่ใจทั้งสองคนอย่างเขาและพี่ไบค์ ทำให้พ่อกับแม่เสียใจสักแค่ไหน...

    บาสยกแขนขึ้นก่ายหน้า ปิดบริเวณดวงตาที่ร้อนผ่าวเอาไว้ เขาได้ยินเสียงสปริงเก้าอี้อาร์มแชร์ขยับเบาๆ พร้อมกับเสียงลงฝีเท้าไม่หนักมาก พ่อของเขาคงกำลังลุกขึ้นเดินไปในครัวขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลังบ้าน

    พ่อ... แม่...

    หือ

    เสียงฝีเท้าหยุดลงใกล้ๆ รู้สึกได้แค่ไม่อยากยกแขนขึ้นแล้วลืมตามองเท่านั้น เขารู้สึกว่าหัวตาร้อนผ่าว เสียงที่เปล่งเรียกนั้นแผ่วและสั่นเล็กน้อย

    ขอโทษแล้วก็... ขอบคุณนะครับ

    เสียงหัวเราะในลำคอดังหึหึ เขารู้ว่าเป็นเสียงของพ่อพร้อมกับมือใหญ่ที่ขยี้หัวเขาแรงๆจนมึนไปหมด ชายหนุ่มใช้ท่อนแขนกดปาดน้ำตาที่รื้นคลอหน่วยออกแรงๆ แล้วปัดมือใหญ่ที่หยอกล้อออกไป เหลือบมองพ่อที่ยืนมองเขาด้วยสายตาเอ็นดู ใบหน้าหล่อที่เขาถอดแบบออกมาอมยิ้มเล็กน้อย 

    เขารู้... รู้ว่าสิ่งผิดพลาดที่เขาได้ทำลงไป เขาได้รับการให้อภัยทั้งหมด

    พอแล้ว พ่ออะ

    เออ

     

    สวนอาหารนทีทิพย์แน่นขนัดไปด้วยบรรดาลูกค้าที่มาใช้บริการตามปกติและวันนี้ยังเต็มไปด้วยบรรดาเพื่อนฝูง ผู้ปกครองของเพื่อนลูกชายเจ้าของสวนอาหาร รวมไปถึงบัณฑิตต่างคณะที่มาจองโต๊ะฉลองจนคนล้น กลุ่มหลังนี้คุณนทียกให้เป็นลูกค้าวีไอพีทั้งหมด บาสเดินพาพ่อกับแม่ของตัวเองไปที่โต๊ะยาวริมน้ำตัวหนึ่งที่ถูกต่อจนยาวเหยียด เพื่อนๆในกลุ่มบางคนพาพ่อกับแม่มาบ้าง บางคนก็มาเดี่ยวบ้างเพราะผู้ปกครองปล่อยให้มาสนุกกันเต็มที่ แม้จะมีผู้ใหญ่อยู่ค่อนข้างเยอะแต่หัวหน้างานอย่างพี่โก้และรุ่นพี่อีกหลายคนก็ไม่ทำผิดหวัง สรุปมื้อนี้พี่โก้ไม่ต้องจ่าย บรรดาผู้ปกครองของทุกคนจะช่วยหารกันจ่ายเอง แถมได้ส่วนลดพิเศษจากเจ้าของสวนอาหารเองเสียด้วย

    เขาสวัสดีพ่อแม่ของโตที่นั่งอยู่ข้างๆที่ว่างแล้วปล่อยให้ผู้ใหญ่ได้คุยกัน ส่วนตัวเองเดินไปหาเพื่อนที่จับกลุ่มยืนคุยกันเสียงดังตรงโซนสำหรับสูบบุหรี่ ชายหนุ่มตบบ่าโตเบาๆ เพื่อนตัวใหญ่สมชื่อหันมามองเขาแล้วกอดคอแน่น

    เพิ่งได้โทรคุยกับไอ้ปันเมื่อกี๊โตพูดเสียงหงุดหงิด แม่งบินไปต่ออังกฤษทันทีเลยเหรอวะ ไม่ยอมมาฉลองด้วยกันก่อน

    เออ แค่นี้ที่บ้านมันก็เร่งจะตายแล้วบาสพูดขำๆ รับแก้วเหล้ามาจากไม้ที่ยื่นส่งให้ เขาเห็นว่าจุดนี้ก็มีบาร์น้ำขนาดเล็กตั้งอยู่ด้วย

    บาสยกขึ้นดื่มอึกหนึ่งแล้วยิ้ม เขาเล่าให้โตกับไม้ฟังว่าพ่อแม่ของปันเร่งให้ไปเรียนต่อที่อังกฤษนานแล้วตั้งแต่ก่อนรับปริญญา แต่ปันก็ยังยืนยันที่จะอยู่รอรับปริญญาก่อนแล้วค่อยไปทีหลัง เหตุผลที่ถูกเร่งนักเร่งหนาเพราะว่าจะได้เรียนจบพร้อมพี่สาวที่กำลังเรียนต่อปริญญาโทใบที่สองอยู่จะได้กลับมาพร้อมกันพอดี 

    ไอ้นพก็เรียนโทที่เดิมเลยใช่ไหม แจคมันก็เรียนต่อเหมือนกันแต่คงไปต่อที่ xxx นะเห็นว่ามีสาขาที่มันอยากเรียน มีแต่มึงกับกู แล้วก็ไอ้ไม้สิที่ทำงานเลยโตถาม 

    บาสพยักหน้าเออ-ออตาม กูเรียนไม่ไหวแล้ว หลังจากนี้ค่อยว่ากัน สมองจะระเบิด

    พี่หมอล่ะมึง เรียนต่อหรือไปใช้ทุน

    ใช้ทุนที่สระบุรี เดือนหน้าก็ไปแล้ว

    ก็ไม่ไกลนี่หว่า ดีๆขับรถแป๊บเดียว แล้วนี่เจอกันยัง กูเห็นโต๊ะกลุ่มเขาอยู่อีกฝั่ง พวกกูเจอแล้วตอนเข้าร้านมา มึงไปหาเขาหรือยัง” 

    บาสยิ้ม หันไปมองพี่โก้ที่ทำหน้าที่บริการผู้ใหญ่จนเหมือนเป็นบริกรประจำของโต๊ะแล้วนึกขำ พี่รหัสเขาแม้มันจะกวนไปบ้างแต่ก็เป็นคนอัธยาศัยดี แถมยังเข้ากับผู้ใหญ่ง่ายประกอบกับสนิทกับพ่อแม่สายรหัสทุกคนเสียด้วย นอกจากนั้นยังเป็นเพื่อนสนิทพี่ไบค์เพราะฉะนั้นบาสจึงไม่ห่วงพ่อกับแม่ของเขาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกับพ่อแม่ของเพื่อนคนอื่นเท่าไร วันนี้โก้เซอร์วิสได้บริการตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบแน่ๆ

    ชายหนุ่มหันกลับมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ

    ยังเลย เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ไม่เป็นไร อยู่กับพ่อแม่แล้วก็พวกมึงก่อน

     

    สามทุ่มกว่าแล้ว... 

    โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยบรรดาบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์หน้าใหม่สดๆร้อนๆและผู้ปกครองเริ่มเบาบางลงไปเรื่อยๆ หลายคนที่พาครอบครัวมาฉลองด้วยเริ่มทยอยกลับ บ้างก็แวะมาหาเพื่อนและกลับไปฉลองกับญาติๆตั้งแต่หัวค่ำแล้ว บาสมองผู้คนที่เริ่มร่อยหลอลง พี่โก้เพิ่งจะได้พักนั่งกินเหล้าสูบบุหรี่อย่างสงบได้ไม่ถึงยี่สิบนาที พอได้นั่งเจ้าตัวก็เรียกหากลับแกล้มพร้อมกับเหล้าสารพัดชนิด บาสมองพี่ชายตัวเองกับพี่รหัสนั่งคุยกันเสียงดัง โตขอตัวไปส่งพ่อแม่ของตัวเองที่ยืนยันว่าจะกลับเองและให้ลูกชายฉลองกับเพื่อนๆต่อแต่ในเมื่อเพื่อนส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้วเจ้าตัวเลยรู้สึกว่าไม่อยู่ต่อจะดีกว่า อีกอย่างวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วด้วย ส่วนไม้โดนแม่และพี่ชายดึงกลับบ้านไปนานแล้วเพราะอาม่ารอรับขวัญหลานที่เพิ่งเรียนจบอยู่ บาสหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมานั่งเช็คโซเชียลเน็ตเวิร์คเล็กน้อย ตามกดไลค์บรรดารูปต่างๆที่เพื่อนแท็คมาให้ครบรวมไปถึงโพสท์รูปที่เพิ่งฉลองกันเพื่ออัพเดทบ้างเดี๋ยวจะน้อยหน้า เขาเลื่อนหน้าจอเฟสบุ๊ค เห็นพี่ปราชญ์ถ่ายรูปเพื่อนอีกสองคนกำลังแข่งกันยกขวด spy ขึ้นดื่มแล้วก็อมยิ้มบางๆ นิ้วสไลด์ปิดหน้าจอแล้วเก็บลงกระเป๋ากางเกง 

    ชายหนุ่มก้าวขายาวของตัวเองไปตามทางเดินเพื่อข้ามไปยังอีกฝั่งของสวนอาหาร อันที่จริงมันก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไรนัก เขาสังเกตว่าคนฝั่งนี้ก็เริ่มบางตาลงไปเช่นกัน อาจจะเพราะเป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้ว เขาเห็นใบหน้าใสของคุณหมออินเทิร์นที่นั่งหัวเราะร่าเพราะพี่โน้ตที่เมาไม่ได้สติแทบจะเดินตกน้ำจนพี่ปราชญ์ต้องไปลากกลับมานั่งที่เดิม บาสทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างๆ เขาเห็นพี่ต่ายสะดุ้งเล็กน้อยแต่พอเห็นว่าเป็นเขาเจ้าตัวก็เอนหลังพิงตามสบายเหมือนเดิม

    เลิกแล้วเหรอฝั่งโน้น

    ยังเลยพี่ แต่ก็เหลือกันไม่กี่คนแล้ว เหลือแค่พวกพี่โก้ที่ยังคึกอยู่

    นี่ก็เหมือนกัน เดี๋ยวก็ทยอยกลับกันแล้ว พ่อไอ้โน้ตขอตัวกลับบ้านไปก่อนตั้งแต่ทุ่มกว่าแล้วเนี่ย ทิ้งให้มันเมาเป็นหมาอยู่เนี่ย จะให้มันนอนที่นี่แหละเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าให้มันนั่งแทกซี่กลับเอง

    ผมก็ว่างั้น ดูจากสภาพแล้วบาสหัวเราะ

    อ๊ะ ไอ้น้องบาส~” คนเมาพูดอ๋อแอ๋ลิ้นแข็ง แทบจะคลานมาหาเขา มาชนกันก่อนเด้ หายหัวไปไหนมาวะเพิ่งจะมา หายไปนอกใจเพื่อนกูมาเหรอ~”

    ตลกล่ะไอ้โน้ต มึงมานี่เลยปราชญ์ลากเพื่อนตัวเล็กกว่าที่เดินเป๋เกาะโต๊ะ

    ต่าย กูว่ามึงพามันไปนอนเหอะเดี๋ยวกูก็จะกลับแล้ว เดี๋ยวเจอด่านดึกๆจะซวย

    เออๆ ได้ๆต่ายหยิบขวดน้ำเปล่ามาดื่มสองสามอึก

    บาสสังเกตเห็นใบหน้าใสแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่พอลุกแล้วไม่ยักกะเดินเซแฮะ...

    เดี๋ยวกูแบกมันไปเอง มึงเดินนำไปเลย จะได้ไปตามป๊ากูด้วย สงสัยกำลังก๊งกับพ่อมึงอยู่ที่บาร์ปราชญ์บอก มือจับคนเมาที่เซไปมาแล้วหยิบโน่นนี่เล่นอย่างสนุกสนาน ลำบากคนไม่เมาให้มาคอยดูแลตลอด

     

    ต่ายหยักหน้ารับ หันมามองให้ชายหนุ่มที่เพิ่งนั่งลงได้สักครู่ลุกตาม บาสยักไหล่แล้วกระเด้งตัวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เขาก้าวขาไปเดินข้างๆร่างโปร่งที่ดูเหมือนช่วงนี้จะยิ่งบางลงไปอีกหน่อยเพราะวุ่นวายทั้งเรื่องการสอบใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ งานรับปริญญาและลงทะเบียนขึ้นเป็นแพทย์ใช้ทุนต่างจังหวัด การเจอสามงานติดๆกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว แม้จะลำบากไปสักหน่อยแต่พี่ต่ายก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี ใบหน้าเนียนแลดูสดใสขึ้นจากเมื่อเดือนที่ผ่านมามาก

    ประตูไม้ด้านหลังของสวนอาหารนทีทิพย์เมื่อเดินทะลุสวนดอกไม้ที่จัดวางเป็นบนชั้นให้ดูสะอาดตาเลยไปไม่ถึงสิบนาทีก็เป็นเขตกำแพงสูงที่ซ่อนบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ไว้เบื้องหลัง บาสเห็นลุงยามที่เดินเล่นอยู่หน้ารั้วไม้รีบกุลีกุจอมาเปิดประตูต้อนรับ ทันทีที่ประตูเปิดออก เจ้าสุนัขบีเกิ้ลสามตัวก็วิ่งแห่กันออกมาพันแข้งพันขาจนปราชญ์สะบัดไล่ให้ไปไกลๆก่อนที่จะล้มเพราะแบกเพื่อนที่เมาแอ๋อยู่ โน้ตสงบไปแล้ว พูดให้ถูกคือสลบไปแล้วมากกว่าเพราะพอไม่มีแอลกอฮอล์เข้าปากแถมไม่มีใครพูดด้วย เจ้าตัวเลยนอนหมดสติอยู่บนหลังกว้างของเพื่อนสนิท บาสเคยเข้ามาที่บ้านหลังนี้ไม่บ่อยนัก พอหลังจากครั้งนั้นทุกครั้งที่พี่ต่ายกลับบ้านก็มักจะให้เขาห้อยตามกลับมาทุกที ซึ่งหากนับได้ก็แค่สามสี่ครั้งเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเขาเลยยังต้องเดินตามเจ้าของบ้านตัวจริงที่เร่งฝีเท้าไปเดินนำหน้าเพื่อเปิดประตูไม้บานใหญ่ให้ปราชญ์เดินเข้าไปก่อน

    ต่ายเดินขึ้นไปชั้นสองเปิดประตูห้องนอนสำหรับแขกที่ว่างอยู่ ห้องถูกทำความสะอาดเรียบร้อยเพราะต่ายเป็นคนโทรบอกให้แม่บ้านขึ้นมาจัดการ ปราชญ์เหวี่ยงร่างเพื่อนตัวเล็กที่นอนหลับสนิทลงบนเตียงหลังใหญ่ ร่างสูงหอบเล็กน้อยแล้วหันมายักไหล่ให้กับเจ้าของบ้าน

    ดูมันด้วยล่ะปราชญ์พูดขึ้น มองไปยังซากศพที่อยู่บนเตียง 

    อือ เดี๋ยวมันตื่นเมื่อไรก็ให้มันกลับเมื่อนั้นแหละ

    แล้วมึงอะ นอนนี่เหรอเพื่อนรุ่นพี่พยักเพยิดหน้ามาถามเขา บาสส่ายหน้าตอบ

    ไม่อะพี่ พ่อแม่ผมยังนั่งอยู่ที่โต๊ะเลย เดี๋ยวกลับแล้ว

    นั่นสิเนอะ บ้านนี้อย่านอนเลยมึง ทำอะไรก็ต้องเกรงใจพ่อแม่ต่ายมันปราชญ์พูดกลั้วหัวเราะ ตบไหล่หนาของรุ่นน้องแรงๆ

    ไอ้ปราชญ์!

    ทำไม หรือกูพูดผิด

    เชี่ย รีบไสหัวของมึงกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ขอให้เจอด่านแล้วโดนเป่า

    แช่งกูจริง เออๆ กูไปล่ะ เดี๋ยวกูเดินไปตามป๋าด้วย ไม่ต้องไปส่งอะ มึงอยู่นี่ก็ได้เดี๋ยวกูเดินออกไปเอง” 

     

    ต่ายพยักหน้าหงึกหงักแต่ก็เดินไปส่งเพื่อนสนิทถึงหน้าประตูรั้วบ้านที่อยู่ติดกับร้านอาหารด้านหน้า เขามองเพื่อนตัวสูงพอๆกับคนข้างๆที่เดินตัวตรงไม่มีโซเซแล้วก็วางใจ อย่างน้อยแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปคงเจือจางบ้างแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในเมื่อสติของเจ้าตัวยังอยู่ครบ โชคดีที่หน้าบ้านของเบาเลยไปนิดหน่อยก็เป็นทางด่วนแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ซวยเจอด่านหลังลงทางด่วนหรอก

    แล้วนี่จะกลับหรือยัง มารถไบค์เหรอร่างโปร่งหันมาถามคนใกล้ตัวที่นั่งยองๆเล่นกับเจ้าสุนัขทั้งสามตัวที่กระโดดโลดเต้น

    ใช่ครับ เดี๋ยวก็กลับแล้วพี่อย่าเพิ่งไล่กันสิ เดี๋ยวก็ต้องห่างกันนานแล้วอะบาสทำเสียงน้อยอกน้อยใจ

    “...ไม่ได้ไล่สักหน่อยต่ายพูดเสียงค่อย เขามองใบหน้าคมแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเบาๆ

    ก่อนหน้านี้... พวกเขาไม่เคยห่างกันเลยจริงๆ...

    พี่ต่าย...

    ชายหนุ่มเรียกเสียงอ่อน เงยหน้ามองอีกฝ่ายออดอ้อนจนคนโตกว่าใจอ่อน ทรุดตัวลงนั่งยองๆข้างๆ ยกมือขึ้นลูบพุงเจ้าพิซซ่าที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวชอุ่มเปียกน้ำค้างเล็กน้อย

    คนรักสะอาดขมวดคิ้ว คิดในใจว่าก่อนเข้าบ้านต้องจับเช็ดตัวให้สะอาดเสียแล้ว

    ผมต้องคิดถึงพี่มากแน่ๆ

    ต่ายใจเต้นตึก จะคบกันมาหนึ่งวันหรือหนึ่งปี เจ้าเด็กนี่ก็ทำให้ใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะได้แทบทุกครั้ง

    อื้อต่ายไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากส่งเสียงอือในลำคอ

    ผมจะไปหาพี่บ่อยๆนะ” 

    อื้อ แต่ถ้ามันเหนื่อยมากก็ไม่ต้องมานะ

    ไม่เหนื่อยหรอกครับ” 

    มืออุ่นละจากพุงนุ่มๆของเจ้าพิซซ่ามาแตะหลังมือขาวเนียนที่นุ่มกว่าหลายเท่านัก ชายหนุ่มกอบกำมือเล็กกว่านั่นไว้จนมิด บีบแรงๆให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขาจะยังคงอยู่ข้างๆเสมอและตลอดไป

    เพราะพอเห็นหน้าพี่ผมก็หายเหนื่อยแล้ว

    เว่อร์ตลอด

    ต่ายบ่นอุบอิบ

    แม้จะเป็นประโยคหวานปนเลี่ยนแต่ก็อดที่จะหน้าร้อนไม่ได้ทุกครั้ง บาสขยับตัวเข้าชิด ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงผิวเนื้อเย็นจากแขนที่โผล่พ้นเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว อากาศคืนนี้ค่อนข้างเย็นพอสมควรเลยทีเดียว เขาก้มหน้าชิด แนบหน้าผากของเขาลงกับหน้าผากมนของคนตรงหน้า แตะสัมผัสเบาๆที่แก้มเนียนแล้วค่อยไล่แผ่วเบาไปยังริมฝีปากสีสด ลมหายใจกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์เป็นสัมผัสที่เขาไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนัก ปกติแล้วทุกครั้งที่จูบกันเขามักจะได้กลิ่นหอมๆของมินต์หรือรสหวานๆจากน้ำหวานที่เจ้าตัวชอบดื่มเสียมากกว่า ชายหนุ่มเพียงแต่จูบซับเบาๆที่ริมฝีปากนุ่มหยุ่นนั่นเท่านั้น ไม่ได้ล้ำลึกไปมากกว่านั้น เขาถอนจูบออก มองใบหน้าเนียนที่เบะปาก ขมวดคิ้วแน่นทั้งๆที่แก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อน่ามอง

    พี่ต่ายน่ารัก จะอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง กี่เดือนหรือกี่ปี เขาก็จะย้ำคำนี้

     

    นี่หน้าบ้านนะต่ายบ่นพึมพำ แต่ถึงอย่างนั้นพอสิ้นสุดคำพูดชายหนุ่มก็ได้รับสัมผัสนุ่มแตะแผ่วเบาที่ริมฝีปากกลับมาแทนคำพูดร้อยพันที่เจ้าตัวต้องการจะเอ่ย บาสใจเต้นแรง รู้สึกก้อนเนื้อนั่นมันกำลังเต้นระรัวเหมือนราวกับจังหวะกลองที่ทุ้มไปทั้งโสตประสาท ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอะไรทั้งนั้น...

     

    จนกระทั่ง...

     

    ต่าย!!!” 

     

    บาสนั่งทับขาก้มหน้าอยู่บนพรมที่ปูทับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ ชายหนุ่มรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบร้อนๆหนาวๆเหมือนตัวเองเป็นไข้สูง เขามองคนข้างๆที่ลุกลี้ลุกลนไม่ต่างกันเท่าไรนักเพียงแต่อีกฝ่ายจิตใจเข้มแข็งกว่าเขามากถึงได้จ้องหน้าบุพการีบังเกิดเกล้าของตัวเองเขม็ง นอกจากคุณนทีและคุณทิพย์พ่อแม่ของพี่ต่ายแล้ว พ่อแม่ของเขายังนั่งอยู่ตรงหน้าอีกด้วย

    บาสแอบเหล่สอดส่ายสายตาหาพี่ชายตัวดีที่หนีหายไปไหนไม่ทราบเหมือนกำลังหาตัวช่วย แต่เหมือนครั้งนี้โชคจะไม่เข้าข้างชายหนุ่มเหมือนครั้งก่อนๆนัก เขาไม่รู้ว่าทั้งพ่อและแม่ของเขามาเจอกับพ่อและแม่ของพี่ต่ายได้อย่างไร พ่อแม่พี่ต่ายคงจะเชิญให้มานั่งพักในบ้านเพราะด้านนอกคนเริ่มซาลงไปเยอะแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะการที่เขาทั้งคู่มานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพรมนี้คือผลพวงของเหตุการณ์เมื่อหน้าบ้านสักครู่ที่ผ่านมาต่างหาก

    อธิบายให้แม่ฟังหน่อยสิบาสคนถามไม่ใช่แม่ของเขา กลับเป็นแม่ของพี่ต่ายที่นั่งกอดอกจ้องมองลงมาด้วยสายตาเอาเรื่อง

    บาสฮึดหายใจเข้าลึกๆ เขาเงยหน้าประสานสายตาเข้ากับดวงตากร้าวของผู้หญิงที่มักจะส่งยิ้มและสายตาเอ็นดูให้เขาเสมอ เขาเหล่มองแม่ตัวเองที่ถอนหายใจเบาๆ ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆจุกอยู่ที่ลำคอ จะพูดอะไรก็ติดขัดไปเสียทุกพยางค์

    ไม่มีคำอธิบายครับ

    นี่หมายความว่าจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้นใช่ไหม

    ผมไม่มีข้อแก้ตัวครับ ผมขอโทษด้วยบาสตอบเสียงอ่อน

    ผมขอโทษที่ทำให้คุณน้าเสียใจ แม่ด้วยนะครับ แต่ผมรักพี่ต่ายจริงๆ” 

    ตั้งแต่ตอนไหนเสียงทุ้มของคนเป็นพ่อถามบ้าง ต่ายขยับตัวอึดอัดจนบาสต้องเอื้อมมือไปแตะให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ

    ปีครึ่งแล้วครับ

    “...หมายความว่าตั้งแต่ที่พี่นวลมาเล่าบาสเห็นคุณทิพย์แม่ของพี่ต่ายยกมือขึ้นปิดปาก หันไปมองหน้าสามีของหล่อนอย่างตกใจ

    ตั้งแต่ก่อนเจอน้าครั้งแรกใช่ไหม” 

    ครับบาสตอบรับ

    เขารู้สึกเจ็บจี๊ดๆเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองที่เขาให้ความเคารพทั้งสองคนเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองต่างไปจากเดิม ปกติคุณนทีและคุณทิพย์จะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าพ่อกับแม่ต่อเพื่อนลูกชายของตนทุกคน รวมไปถึงเขาด้วย ชายหนุ่มรู้ เรื่องนี้มันไม่ง่าย เขาหนีจากมันมาได้ครั้งหนึ่งแล้ว มันจะไม่มีครั้งที่สองให้เขาหลีกเลี่ยงอีก...

    ต่ายมีอะไรจะบอกพ่อไหมผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม 

    บาสสังเกตว่าแม้น้ำเสียงเวลาพูดกับเขาจะกร้าว แต่พอหันไปถามลูกชายตัวเองเสียงกลับอ่อนลงนัก คนข้างๆเขาส่ายหน้าจนผมกระจาย ใบหน้าหวานที่บาสเคยเห็นว่าอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าเข็มแข็งอยู่เสมอบัดนี้เหยเก มองใบหน้าของพ่อกับแม่ตัวเองน้ำตาคลอ

    ต่ายขอโทษเสียงแหบที่มักจะมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอสั่นเครือ ปลายจมูกโด่งรั้นนั่นแดงก่ำ เจ้าตัวคงกลั้นน้ำตาไว้สุดชีวิตไม่ให้มันไหลพรากลงมาตอนนี้

     

    เฮ้อเสียงถอนหายใจดังมาจากคุณทิพย์ที่เอนหลังพิงกับพนักโซฟาตัวใหญ่ เหลือบมองสองคนที่นั่งอยู่ที่พื้นตรงหน้า

    น้าสงสัยตั้งแต่แรกแล้ว...ต่ายไม่เคยมีเพื่อนต่างคณะ เพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ม.ปลายก็ไม่ใช่ แถมเด็กกว่ากันตั้งสองปี ต่าย...ต่ายเป็น...เหรอลูก ทำไม พ่อกับแม่เลี้ยงต่ายมาไม่ดีเหรอ

    “...ไม่ใช่...สันเขื่อนกั้นบ่อน้ำตาคงพังทลายลงตรงนี้ บาสรู้สึกเจ็บไปทั้งใจเมื่อเห็นใบหน้าเรียวเปื้อนไปด้วยธารน้ำตาเต็มใบหน้า มือเล็กได้แต่ปาดมันออกป้อยๆ พูดจาสะอึกสะอื้นไม่เป็นภาษา

    มะ ไม่ใช่ ไม่ใช่นะ

    บาสกระชับมือที่เกาะกุมอีกฝ่ายไว้แน่น ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงสั่นระริกไหว มือเย็นชืดเพราะความตกใจกลัว พี่ต่ายคนเก่งของเขาตอนนี้เป็นเพียงกระต่ายตัวน้อยๆเท่านั้นเอง เขารั้งคนตัวเล็กกว่าเข้าหาแค่แผ่วเบาเท่านั้น ร่างทั้งร่างก็โผเข้าหากอดเขาแน่น สะอื้นจนตัวโยน บาสเงยหน้ามองพ่อแม่ของต่ายรวมไปถึงของเขาด้วย

    ชายหนุ่มยิ้มอ่อน เขารู้ตัวเองเป็นฝ่ายผิด

    เขาผิดตั้งแต่แรกแล้วที่คิดจะมีรักในรูปแบบนี้

     

    ผมขอโทษครับ ผมเป็นคนเริ่มก่อนเอง แต่ผมอยากบอกทั้งคุณน้าทั้งสองคนแล้วก็พ่อกับแม่ว่าผมรักพี่ต่ายจริงๆ ผมไม่รู้ความความรักนี้ของผมจะยืนยาวแค่ไหน ผมไม่กล้ายืนยันว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนจะไม่มีวันสิ้นสุดลง ผมขี้ขลาดเกินกว่าที่จะสาบานเรื่องในอนาคต ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คนดี และผมก็อาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีของพ่อแม่สักเท่าไร

    ถ้าน้าบอกให้ปล่อยตอนนี้ เราจะปล่อยมือออกจากกันไหมคุณนทีที่นั่งเงียบมาสักพักเอ่ยถามแทนภรรยาที่ยกมือขึ้นกุมศีรษะแน่น

    ไม่ครับ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนไหน ตราบใดที่ผมยังรักพี่ต่ายอยู่ ผมจะไม่มีวันปล่อยมือนี้เด็ดขาด

    แล้วถ้าเราเลิกรักกันล่ะ ทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้มันไม่ง่ายนะบาส... ต่ายด้วยบาสมองพ่อตัวเองที่พูดขึ้นบ้าง เขาได้แต่ยิ้มบางให้เพราะไม่รู้จะส่งสีหน้าอย่างไรกลับไปดี 

    ผมไม่รู้ว่าผมแน่ใจว่าผมรักพี่ต่ายตอนไหน ผมรู้อีกทีผมก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ได้เห็นพี่ต่ายยิ้มหรือหัวเราะ ผมชอบแหย่ให้เขาอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆแล้วโวยวายออกมาดังๆ ผมไม่ชอบเวลาเห็นพี่ต่ายเครียดเพราะเขามักจะหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์อะไรทั้งนั้น อย่างที่ผมบอกไปครับว่าตราบใดที่ผมยังรักพี่ต่ายอยู่ผมจะไม่มีวันปล่อยมือนี้เด็ดขาด ไม่ว่าคุณน้าทั้งสองคนหรือพ่อกับแม่ขอร้องก็ตาม ความรักของผมจะจบลงต่อเมื่อวันที่พี่ต่ายไม่ต้องการเท่านั้น วันนั้นผมถึงจะยอมปล่อยมือพี่ต่ายไป...” 

    บาสยิ้มขื่น มองคนในอ้อมกอดที่เกาะบ่าเขาร้องไห้หนักกว่าเดิม ส่ายหน้าระรัวกับแผ่นอกกว้างจนบาสเห็นว่าแว่นมันคงจะกดดั้งโด่งจนเจ็บ เขาจึงละมือข้างหนึ่งที่โอบไว้หลวมๆมาถอดแว่นของอีกฝ่ายออกแล้ววางไว้ข้างๆ นิ้วโป้งลูบคราบน้ำตาที่ชุ่มปลายขนตาหนาเป็นแพจนเกาะกันเป็นช่อๆ 

    “...แต่ผมเกรงว่า...มันคงไม่มีวันนั้น

     

    เสียงถอนหายใจหนักๆจากคนสี่คนดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน บาสเงยยิ้มให้กับคนที่ยังคงซุกหน้าหนีความจริง แล้วเงยหน้ามองผู้ใหญ่ทั้งสี่คนที่จ้องมองมาเป็นสายตาเดียว

    ต่าย...คุณนทีเรียกเสียงแผ่ว เงยหน้ามาคุยกับพ่อกับแม่หน่อยสิลูก” 

    ร่างโปร่งค่อยๆขยับตัวออก มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ แบมือขอแว่นสายตาที่ถูกเขาใช้ชายเสื้อเช็ดเลนส์ให้ลวกๆ พออีกฝ่ายตั้งสติได้ก็ค่อยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสี่คนที่ตัวเองหลบสายตามาตลอด

    พวกพ่อกับแม่ฟังน้องมันพูดมาเยอะแล้ว ต่ายล่ะ ถ้าพ่อกับแม่ขอให้แยกจากกันตอนนี้จะได้ไหม

    ต่ายส่ายหน้าระรัว มองใบหน้าทั้งสี่คนด้วยสายตาละห้อย ไม่เอา ไม่เลิกนะ ผมขอโทษครับ” 

    ใบหน้าเรียวเล็กซีดขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่แห้งไปบ้างแล้วแต่ยังคลอหน่วยอยู่ที่ดวงตากลมโตนั่น บาสแตะแขนเล็กที่สั่นระริก ยิ้มอ่อนโยนให้กับคนข้างๆที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ ร่างสูงเป็นฝ่ายก้มลงกราบแน่นิ่งที่พื้นพรมก่อน ต่ายเห็นแล้วจึงรีบค้อมตัวลงทำตาม

     

    ทั้งห้องเงียบสงัด ได้ยินเสียงเพลงด้านนอกเล็ดรอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บาสรู้สึกว่ามันเงียบ เงียบจนน่าอึดอัดเสียยิ่งกว่าให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนลุกขึ้นมาด่าว่าใส่อารมณ์เสียอีก เขาไม่รู้ว่าเขากับคนข้างๆก้มลงกราบแทบเท้าบุพการีทั้งสี่คนอยู่นานแค่ไหน ถึงห้านาทีได้ไหม แต่เสียงทุ้มต่ำของเจ้าของบ้านอย่างคุณนทีคือเสียงแรกที่เขาได้ยินหลังจากความเงียบที่น่าอึดอัดใจนั้นผ่านพ้นไป...

    เงยหน้าขึ้น ทั้งคู่แหละ

    บาสเห็นคนข้างๆเขาเงยหน้าขึ้นก่อน ผ่านไปสักพักพี่ต่ายเหมือนได้สติสตังกลับคืนมาครบแล้วหลังจากที่หลุดลอยออกไปด้วยความตกใจกลัวมาสักพัก ใบหน้าเรียวนั่นค่อยๆซับสีเลือดมากขึ้น

    สรุปยังไงก็จะคบกันต่อไปใช่ไหมคุณทิพย์ แม่พี่ต่ายถามขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

    ครับ” “ครับ” 

     

    ก็แค่นี้เอง...อมพะนำกันมาอยู่ได้เป็นปีๆหล่อนกระแทกเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย มองใบหน้าของลูกชายและแฟนลูกชายด้วยความขุ่นเคือง

    บาสหน้าเอ๋อ รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก เขากับพี่ต่ายหันมามองหน้ากันแทบจะเวลาเดียวกันด้วยความงุนงง

    พ่อกับแม่สงสัยตั้งแต่ที่ต่ายพาบาสมาที่ร้านครั้งแรกแล้ว แต่ไม่ได้เอะใจอะไร หลังๆเห็นเราอยู่ด้วยกันถี่ผิดปกติรุ่นพี่รุ่นน้องต่างคณะ เลยพอเข้าใจอะไรมากขึ้น ประกอบกับที่พี่นวลมาเล่า เราน่ะมารับมาส่งต่ายจนผิดปกติ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละบาส

    เออ แล้วคุณดากับคุณธนาทราบตอนไหนหรือคะ เห็นดูไม่แปลกใจเหมือนกันเลย คุณทิพย์หันไปถามพ่อกับแม่ของเขาที่นั่งจับมือกันเหมือนคนกำลังลุ้น

    อ๋อ พวกผมเจ้าลูกชายสารภาพมาสักพักแล้วครับ ตอนแรกก็ช็อคเหมือนกัน มีลูกชายหน้าตาดีทั้งสองคนใช้งานไม่ได้สักคน

    นี่หมายความว่า...

    ครับ พี่ชายเจ้าบาสก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน

    ตายล่ะคุณ พวกเขาต้องปวดหัวมากกว่าเราแน่ๆเลย ที่เราเครียดกันนี่เบาไปเลยนะเนี่ย

    “...แม่...

    เลี้ยงได้แต่ตัวนะคะเด็กสมัยนี้ แย่จริงๆ

    แม่!

    อะไรคะคุณลูก” 

     

    ต่ายกรอกตามองขึ้นเพดานสีสว่างแล้วหันมาจ้องใบหน้าของบุพการีตัวเองที่นั่งคุยกับพ่อแม่ของอีกฝ่ายอย่างออกรส แม่รู้อยู่แล้วอะ”

    ก็รู้สิ ลูกให้น้องมันมารับมาส่งแถมตัวติดกันตลอดทุกครั้งที่มาที่ร้าน แม่ก็รู้สิ

    แล้วแม่จะ...

    ถึงแม่จะรู้ แต่การไปสวีทหวานแหววกันหน้าบ้านนั่นมันสมควรไหมล่ะคะคุณลูก...คุณทิพย์เอ็ดเสียงเขียว ถ้าเด็กที่ร้านมันเห็นหรือว่าพวกเด็กในบ้านมาเห็นจะว่ายังไงจ๊ะ แล้วการที่ปิดพ่อกับแม่มาเป็นปีนี่มันสมควรไหมต่าย

    ขอโทษครับ...พูดเสียงหงอยจนบาสสงสาร ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาดุจ้องมาที่ตัวเองแทน

    เราก็เหมือนกัน บอกพ่อกับแม่ของเราให้รู้ก็ดีแล้ว แล้วคิดจะบอกพ่อกับแม่บ้างไหม รู้ไหมว่าบางครั้งพ่อกับแม่ก็ต้องทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เหมือนกันนะ อย่างวันนี้ดูสิ มีที่ไหนมายืนซับหน้าให้กันที่งาน แม่เห็นแล้วใจจะตกไปที่ตาตุ่มเหลือเกิน ถึงมันจะดูน่าเอ็นดูก็เถอะ

    คุณทิพย์บ่นปอดแปดแต่บาสฟังแล้วหน้าแดงวาบ

    นี่หมายความว่าพวกเขาโดนเก็บรายละเอียดมาตลอดเลยสินะ

     

    เอาล่ะๆ คุณเลิกบ่นได้แล้วคุณนทีเอ่ยห้าม จับมือภรรยาของตัวเองเบาๆ เอาเป็นว่าพ่อกับแม่รับรู้ เรื่องของเราสองคนพ่อกับแม่จะคอยดูอยู่ห่างๆแล้วกัน ถ้าเราเลือกเดินทางนี้แล้วพ่อกับแม่ก็ทำได้เท่านี้แหละ เราโตกันแล้ว เรียนจบกันแล้วด้วย เรื่องชีวิตหลังจากนี้ถือเป็นการตัดสินใจของเราทั้งสองคน โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ต่ายด้วย โตกว่าน้องมันทั้งทีต้องให้น้องมันออกโรงปกป้องเราตลอดงานเลยนะ

    ไม่ใช่สักหน่อยต่ายพูดแล้วเบะปาก

    หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรหรอกนะ เพราะเราสองคนไม่ได้ทำอะไรผิด แค่มีคนรักเป็นผู้ชายเท่านั้นเอง”

    บาสยิ้มเผล่ มองวงหน้าขาวใสที่ซับสีเลือดขึ้นมาหน่อยที่ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่แพ้กัน

    ไม่ได้ทำอะไรผิดแค่มีคนรักเป็นผู้ชายเท่านั้นเองครับคุณพ่อ แค่นี้ผมก็รู้สึกเส้นศีลธรรมมันเบี้ยวจนหลุดเฟรมไปนานแล้วครับ

    ต่ายไปล้างหน้าล้างตาไป... หน้าตาดูไม่ได้เลยต่ายเหลือบมองแม่ตัวเองที่เอ่ยทัก เขาพยักหน้ารับ แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เขาค่อยๆคลานเข้าไปหาผู้ใหญ่สองท่านที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อกับแม่ของตัวเอง 

    คุณดาและคุณธนาทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย มองดวงตาภายใต้เลนส์ใสของกรอบแว่นสีดำที่มองตรงมา มือเล็กค่อยประนมแล้วกราบลงอีกครั้ง

    ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษที่ทำให้ลูกชายคุณน้าต้องเป็นแบบนี้” 

    ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันแล้วอมยิ้มบางๆ ก้มตัวแตะบ่าเล็กที่คู้ลงกับพื้นให้เงยหน้าขึ้นมาสบสายตา

    ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เจ้าบาสมันผิดเองมากกว่า ต่ายน่ะหลงกลเจ้านั่นมันแล้วนะ จากนี้ไปต้องเหนื่อยแย่แล้ว

    ต่ายหัวเราะในลำคอ ส่งยิ้มหวานให้กับพ่อแม่ของบาสที่มองมาด้วยความเอ็นดู

    ไม่ต้องจากนี้หรอกครับ เพราะผมเหนื่อยกับหมอนี่มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะครับ

     

    พี่ต่ายขอตัวเดินไปห้องตัวเองเพื่อล้างหน้าล้างตาให้เรียบร้อย บาสนั่งมองชะเง้อตาละห้อยเสียจนเจ้าของบ้านทั้งสองคนเห็นแล้วหัวเราะขำ คุณทิพย์มองเด็กหนุ่มตัวโตกว่าลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยคำอนุญาต

    ตามไปสิ

     

    บาสยิ้มกว้าง ชายหนุ่มก้มลงกราบบุคคลทั้งสองอีกครั้งก่อนจะขยับไปกอดพ่อกับแม่ของตัวเองแรงๆจนโดนแม่ฟาดเข้าให้ดังเพี๊ยะข้อหากอดแรงเกินไป เขาลุกขึ้นวิ่งโขยกเขยกเพราะอาการชาที่ลามขึ้นมาจากการนั่งทับขาเป็นเวลานาน ได้ยินเสียงผู้ใหญ่สี่คนนั่งคุยกันไล่หลังมาแล้วเขารู้สึกว่าภูเขาไฟลูกใหญ่ที่สุมตัวอยู่ในอกมาเป็นเวลาปีกว่านั้นได้ระเบิดออกและสงบตัวลงไปในที่สุด เขาก้าวขึ้นบันไดทีละสองก้าว ใช้เวลาเพียงชั่วครู่เขาก็วิ่งมาถึงหน้าประตูไม้สีน้ำตาลอ่อน บาสตัดสินใจเคาะสองสามครั้งแล้วค่อยเปิดโผลงเข้าไปแบบไม่ต้องรอคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง

     

    พี่ต่าย!บาสเรียกเสียงดัง ใบหน้าขาวเปียกน้ำชะโงกออกมาจากห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนโผล่ออกมามองเขาตาเขียว

    ตกใจหมด ตะโกนทำไมเนี่ย!ต่ายโวยกลับ เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับใช้ผ้าขนหนูซับน้ำบนใบหน้าให้เรียบร้อยแล้วจึงใส่แว่นตาตามปกติ ขึ้นมาทำไมเนี่ยเดี๋ยวก็ลงไปแล้ว

    ก็มันดีใจบาสพูดเสียงตื่นเต้น พี่ต่ายไม่ดีใจเหรอ

    ก็... อือ ตามนั้นแหละมั้งต่ายตอบแล้วอมยิ้มจนแก้มตุ่ย บาสเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปฟัดพวงแก้มเนียนสะอาดจากการล้างหน้าเมื่อครู่

    อ้อมแขนกว้างโอบรัดคุณหมอตัวบางกว่านั้นไว้แน่น แปลกตรงที่ต่ายกลับไม่รู้สึกว่ามันอึดอัดเลย

    พี่ต่าย...

    หือ

    ผมมีอะไรจะให้ล่ะ ผมตั้งใจจะให้พี่ตอนเรียนจบอยู่แล้ว แต่ก็มีแอคซิเดนท์เมื่อกี๊เสียก่อน หึหึ

    อะไร” 

    ต่ายขมวดคิ้วแล้วมองหน้าเป็นเชิงถาม

     

    เขาเห็นอีกฝ่ายเอื้อมมือไปที่คอด้านหลังแล้วปลดสร้อยคอเส้นที่ใส่ประจำออก บาสยิ้มกว้างส่งให้กับคนที่ทำสีหน้างุนงง เขาคว้ามือที่วางอยู่ข้างลำตัวของอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ววางมันลงไปบนฝ่ามือนั้น

    ผมยังไม่ได้ทำงานมีเงินเป็นของตัวเอง ผมเลยยังไม่มีปัญญาซื้ออะไรดีๆให้พี่ได้มากกว่าที่ผมเคยให้ไปแล้ว แต่สร้อยเส้นนี้...

    ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างเขี่ยสายสร้อยที่ทำจากเส้นไหมสีดำหนาอย่างดีออก เผยให้เห็นถึงจี้ตราสัญลักษณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ 

    เกียร์นี่อยู่กับผมมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ผมใช้ความยากลำบากกว่าจะได้การยอมรับจากรุ่นพี่ ต้องทำตัวตามกฎกติกา ตามระเบียบต่างๆเยอะแยะมากมายจนกว่าจะได้เกียร์นี่มา สำหรับเด็กวิศวะแล้วเกียร์จึงถือเป็นทั้งสัญลักษณ์ ทั้งศักดิ์ศรีและทั้งเหรียญตราที่แสดงถึงระบบ ระเบียบและความสามัคคี ฟันเฟืองหนึ่งอันไม่สามารถหมุนเครื่องจักรได้ แต่ต้องมาจากการสานต่อมันเข้าด้วยกัน เครื่องจักรถึงจะเคลื่อนไหว...”

     

    ชิ้นส่วนหนึ่งที่เป็นกุญแจขับเคลื่อนเครื่องจักรของผมอยู่กับพี่... ผมฝากเอาไว้ให้พี่ดูแล เพราะหากวันใดวันหนึ่งชิ้นส่วนนี้มันหายไปนั่นหมายถึงฟันเฟืองในหัวใจผมมันหายไปด้วย ถึงวันนั้นหัวใจผมคงหยุดเต้น... 

     

    มือใหญ่ทั้งสองข้างรวบมือของคุณหมอให้กำมือที่ถือเกียร์ไว้แน่น ชายหนุ่มยกมันขึ้นแตะจูบเบาๆ ดวงตาคมเหลือบมองเจ้าของมือที่หน้าแดงระเรื่อ เจ้าตัวทำสีหน้าไม่ถูกไปครู่หนึ่งแล้วส่งยิ้มหวานตอบกลับเสียจนหัวใจเขาแทบจะละลายไปกองตรงหน้า

    ต่ายขยับขืนมือที่กำสร้อยคออีกฝ่ายไว้แน่นออกจากพันธนาการที่เกาะกุม มองใบหน้าคมจอมทะเล้นที่บทจะจริงจังทีไรก็ชอบส่งสายตาร้อนแรงจนหน้าเขาร้อนไปหมด มือข้างที่กำศักดิ์ศรีของเด็กวิศวะอยู่กระแทกเบาๆลงบนแผ่นอกหนาด้านซ้าย รู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะระรัว

    ต่ายมองหน้าอีกคนตัวใหญ่กว่า ส่งรอยยิ้มที่บาสคิดว่านี่คือรอยยิ้มที่สวยที่สุดในชีวิตที่เขาเคยเห็น

     

    นี่เป็นใคร... ฉันเป็นหมอนะ... ถึงจะมีวันไหนฟันเฟืองนายหายไป หรือจะมีวันไหนหัวใจนายจะหยุดเต้น คุณหมอคนนี้ไม่มีวันให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด ฉันจะปั๊มหัวใจนายจนตื่นขึ้นมา ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม จำเอาไว้ ถ้าฉันไม่อนุญาต ฉันก็จะดึงเอาเซลล์ที่ตายแล้วของนายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ไม่ว่าต้องใช้วิธีการแบบไหน ฉันก็จะทำ นายลองดูสิ!

     

    คำพูดแสนหวานพร้อมกับสัมผัสอุ่นนุ่มที่กระทบกับริมฝีปากหนาทำเอาร่างสูงของนายช่างใหญ่รู้สึกตัวเบาราวกับจะลอยได้ เขากอดร่างนุ่มหอมตรงหน้าแน่นราวกับกลัวคนตรงหน้าจะหลุดหายไปหากเขาปล่อยมือออก

    ชายหนุ่มขยับริมฝีปากมอบจูบเร่าร้อนให้กับคุณหมอจนคนน่ารักที่รุกก่อนหายใจติดขัด รั้งช่วงบ่ากว้างกว่าออกเบาๆ

     

    ผมรักพี่ต่าย

     

    คนถูกบอกรักไม่รู้กี่ร้อยครั้งอมยิ้ม

    เขากัดริมฝีปากแดงที่เจ่อเล็กน้อยเพราะถูกอีกฝ่ายบดจูบรุนแรงเมื่อครู่ ยกมือขึ้นลูบเส้นผมสั้นที่ตกลงมาประหน้าผากคนตัวใหญ่กว่าแผ่วเบา 

     

    อื้อ รักเหมือนกัน!

     

     

    บทส่งท้าย

     

    จ.สระบุรี

     

    คุณหมอครับ

     

    เสียงคุณลุงวัยกลางคนที่ค่อนไปทางวัยชราคนหนึ่งเอ่ยเรียกคุณหมอหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์ตัวสั้น ที่ปักชื่อนพ.จิระภัทร ทรัพย์ทวีโชค ด้วยด้ายสีเขียวไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายพร้อมกับตราสถาบัน คนถูกเรียกหันไปส่งยิ้มให้กับคุณลุงผู้ดูแลบ้านเช่าของเขาที่มักจะคอยมาส่งข้าวส่งน้ำให้เสมอ

    แต่วันนี้ต่างจากวันอื่นเพราะคุณลุงมาส่งเถาปิ่นโตพร้อมกับข้าวน่าทานอีกหลายอย่างเรียบร้อยแล้วเมื่อสักหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง

    ครับลุงโชค มีอะไรหรือเปล่าครับมาหาผมเวลานี้ต่ายเอ่ยถามอย่างสงสัย

    เรื่องบ้านเช่าน่ะครับคุณหมอลุงโชคพูดกระอักกระอ่วน ดูแกลำบากใจไม่น้อยเลยที่จะพูดเรื่องนี้ 

     

    บ้านเช่าที่เขาอาศัยอยู่ในนั้นอยู่ในตัวหมู่บ้านเล็กๆถัดจากโรงพยาบาลไปไม่ถึงยี่สิบนาทีหากขับรถไป แต่ด้วยความที่มันเป็นบ้านเช่าขนาดใหญ่ เป็นบ้านสองชั้น หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น ชั้นบนมีห้องนอนสองห้องนอนใหญ่รวมถึงมีลานจอดรถถึงสองคัน ก่อนหน้านี้ลุงแกเลยจัดการให้เช่าสองคน ด้วยค่าเช่าที่ค่อนข้างแพงจึงไม่มีชาวบ้านคนไหนไปเช่าอยู่อาศัย จะมีก็แต่บรรดานายแพทย์ที่ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลนี้หรืออินเทิร์นที่มาเช่าอยู่เท่านั้น ต่ายโชคดีที่ตอนเขามาตระเวนหาบ้านพักนั้นเขาเจอที่นี่พอดี และผู้อาศัยอยู่ก่อนหน้านี้คือคุณหมอวัยกลางคนสองคนที่จะย้ายเข้าไปประจำที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ เขาเลยตัดสินใจเช่าทั้งหลังพร้อมทำสัญญาเป็นเวลาสามปี สัญญาอะไรต่างๆมันน่าจะเป็นไปได้ด้วยดีหากลูกชายของแกไม่ไปเซ็นสัญญาซ้อนเพิ่มขึ้นมาอีกใบเสียก่อน เดือดร้อนมาจนถึงคนเป็นพ่ออย่างคุณลุงโชคที่ต้องมานั่งลำบากใจถึงตอนนี้ 

     

    ผู้เช่าร่วมอีกคนเขาบอกว่าจะมาดูบ้านตอนไหนนะครับ ผมออกเวรแล้วจะได้รีบไป

    ต่ายยิ้มให้แกอย่างใจเย็น รู้สึกเห็นใจแกไม่น้อย เรื่องนี้เขาเองก็ได้ปรึกษากับพ่อแม่ แล้วก็บาสเรียบร้อยแล้วว่าจะเอาอย่างไร ที่จริงเรื่องนี้หากแจ้งความเขาได้รับสิทธิ์เต็มๆเพราะเขาเซ็นสัญญาพร้อมกับย้ายเข้ามาอยู่ก่อน แต่เพราะเห็นแก่ลุงโชคเลยเชียว เขาเลยไม่กล้าที่จะดำเนินการอะไรทั้งนั้น ลูกชายแกก็อยากได้แต่ผลประโยชน์จากเงินค่าเช่าทั้งสองฝ่าย เลยบอกให้เขายินยอมแชร์บ้านร่วมกับผู้เช่าอีกรายที่เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วบอกว่าจะคืนเงินส่วนที่เหลือให้

    ก็แน่ล่ะสิหากมีคนเช่าสองคนตัวเองก็จะได้เก็บเงินค่าสัญญาระยะยาวเพิ่มได้อีกเป็นแสนเลยเชียว เงินแสนกว่าบาทที่ต่างจังหวัดแบบนี้เรียกได้ว่าหากไม่เมาเหล้าติดยา เข้าบ่อนนี่อยู่ได้สบายๆเลยล่ะ เขาบ่นกับบาสเรื่องนี้หลายทีแล้ว รายนั้นพูดติดตลกว่าถ้าเขาอยู่ร่วมบ้านกับใครจะยอมขับรถมานอนถึงสระบุรีแล้วตื่นตีสามขับรถเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ

    เหลือเกินจริงๆ...

     

    เห็นแกบอกว่าจะมาช่วงหกโมงเย็นวันนี้น่ะครับคุณหมอ ลุงเองก็ไม่อยากให้มันมีเรื่องแบบนี้เลย ไอ้ชัยเอ้ย หาเรื่องจริงๆ

    ครับ ไม่เป็นไรนะครับ ผมออกเวรหกโมงเย็นพอดี ถ้าเขามาก่อนวานลุงโชคช่วยรับรองเขาก่อนสักครู่จะได้ไหมครับ ผมจะรีบไป” 

     

    ลุงโชคจากไปแล้ว ต่ายกระแทกกระดานชาร์ตบอร์ดที่ถืออยู่ในมือเข้ากับหัวแรงๆทีหนึ่ง คิดอยากจะโทรไปบ่นให้นายช่างที่คงกำลังงานยุ่งฟังแต่เขาก็ตัดสินใจว่าไม่ดีกว่า ไว้ผลเป็นอย่างไรค่อยเล่าให้ฟังทีหลัง ถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแล้ว

     

    สองทุ่มครึ่ง

     

    ต่ายนั่งดูทีวีช่องสามที่กำลังฉายละครอยู่แก้เบื่อ อันที่จริงเขาแลกเวรกับอินเทิร์นอีกคนเพราะวันนี้จะได้เคลียร์ธุระเรื่องนี้ให้มันจบๆไป แต่ผู้เช่าร่วมที่เซ็นสัญญาไปกับลูกชายลุงโชคบัดนี้ก็ยังไม่มาถึงสักที เขาอารมณ์เสียเล็กน้อยเพราะความไม่ตรงต่อเวลาของอีกฝ่าย แถมยังไม่ยอมติดต่อกลับมาด้วยซ้ำ โทรไปถามลุงโชคหลายครั้งเข้าต่ายก็เกรงใจ

    เขาเพิ่งวางโทรศัพท์จากบาสไปเมื่อสักครู่ บ่นให้ฟังถึงเรื่องของวันนี้นิดหน่อยจากนั้นก็นั่งรอจนง่วงไปหลายรอบ ที่ต่างจังหวัดนี่พอตกดึกทีไรก็เงียบสงบแถมมืดสนิทจนเขาขนลุกทุกที ถึงอย่างไรเขาก็คงต้องทำตัวเองให้ชินเร็วๆนี้ อยู่มาเดือนกว่าแล้วก็ยังคงรู้สึกวังเวงทุกครั้ง 

     

    เสียงล้อที่เบียดกับถนนลูกรังทางเข้าหน้าบ้านทำให้ต่ายถอนหายใจหนักๆ ดวงตาเหลือบมองนาฬิกา นึกตำหนิอีกฝ่ายที่บอกว่าจะมาถึงตั้งแต่หกโมงในใจ คิดว่าหากเจอหน้าแล้วไม่ถูกชะตาคงต้องฉะกันสักตั้งเสียแล้ว เขาใส่รองเท้าแตะที่วางอยู่หน้าบ้าน เดินออกไปยืนท้าวสะเอวรอ

    รถ Lexus RX450h ติดฟิล์มเกือบดำตรงหน้าทำเอาต่ายหรี่ตามอง คิดในใจว่าผู้เช่าคนนี้คงไม่ใช่คนแถวนี้แน่ๆ ดีไม่ดีอาจจะมาจากกรุงเทพก็ได้ เพราะรถยี่ห้อนี้ต่างจังหวัดไม่มีคนขับแน่นอนถึงจะมีก็มีสัดส่วนความเป็นไปได้น้อยมาก น่าจะเป็นนักธุรกิจที่มาลงทุนก่อสร้างแถวๆนี้

    ต่ายกอดอกหรี่ตามองเพราะเจ้าของรถยังไม่ยอมดับไฟหน้าเสียที คิดในใจว่านี่มันไร้มารยาทมากจริงๆ มีที่ไหนเห็นคนยืนอยู่ยังเสร่อเปิดไฟแรงสูงส่องหน้าชาวบ้านแบบนี้

     

    ประตูรถด้านคนขับถูกเปิดออกกว้าง ต่ายยังคงรู้สึกตาพร่าจนต้องหลับตาแช่ ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งตะกุยพื้นหินมาพร้อมกับแรงตะกายตรงขาแล้วก็ตกใจ ลืมตามองด้วยความผวา

    เอ๊ะ...

    พิซซ่า!” 

     

    เขาตะโกนออกมาเมื่อมองเจ้าสุนัขตัวเล็กที่ตะกายขาให้เขาอุ้มด้วยความดีใจ มันหอบแฮ่กๆ ส่งเสียงเห่าเล็กแหลมดังก้องไปทั่ว ต่ายทั้งตกใจระคนดีใจ หันไปมองร่างสูงในเสื้อเชิ๊ตสีกรมท่าพับแขนถึงข้อศอก ที่เดินเข้ามาประชิดตัว

    ชายหนุ่มอุ้มเจ้าสี่ขาที่อยู่ในอ้อมกอดคุณหมอออกแล้ววางมันลงบนพื้น แล้วสวมกอดร่างโปร่งเอาไว้แน่น ต่ายตัวแข็ง รู้สึกงงเป็นไก่ตาแตก

    ฝากตัวด้วยนะครับ ผมเป็นผู้ร่วมเช่าบ้านหลังนี้อีกครึ่งหนึ่งตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญาเสียงทุ้มพูดร่าเริง ยื่นมือข้างขวาออกมาเพื่อแนะนำตัว ผมเป็นวิศวกรโยธา เพิ่งย้ายจากกรุงเทพมาประจำที่สระบุรีเพื่อควบคุมการสร้างถนนตัดใหม่ที่กำลังจะเริ่มเร็วๆนี้ครับ

     

    อินเทิร์นร่างโปร่งมองใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความอึ้ง ตอนนี้เขาแยกไม่ออกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือล้อเล่น แล้วทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ต่ายเหลือบเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองสามใบที่กองอยู่ข้างๆรถแล้วเหลือบมองมือใหญ่ที่ดูเหมือนจะคล้ำขึ้นจากครั้งที่เจอกันล่าสุดนิดหน่อย

    คุณหมอกัดริมฝีปาก ยกมือขึ้นตบแรงๆที่มือของอีกฝ่ายที่ยืนออกมารอจนร่างสูงร้องโอดโอย

    ไม่ทันที่วิศวกรหนุ่มจะได้ทักท้วงอะไร ร่างเล็กกว่าของคนรักก็กระโดดเข้ากอดชายหนุ่มแน่น

    ใบหน้าเนียนอมยิ้มกว้าง กลิ้งใบหน้าเข้ากับช่วงบ่ากว้างของชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งทำเซอร์ไพรส์จนเขาแทบทำอะไรไม่ถูก

     

    วินาทีนี้ ต่ายคิดถึงประโยคที่ชายหนุ่มเขียนไว้ด้านหลังแผ่นใบเสร็จที่ซ่อนเอาไว้ในเสื้อช๊อปวิศวะที่นำมาห่มให้เขาที่โรงพยาบาล

    ...ครั้งแรกที่เส้นทางของบุคคลสองคนที่เคยใช้ชีวิตสวนกันดั่งเส้นขนานมาบรรจบกัน...

     

    เสื้อช๊อปวิศวะมันจะอุ่นกว่าเสื้อกาวน์ไหม ต่ายไม่รู้หรอก...

    ตอนนี้เขารู้ รู้เพียงว่าอ้อมกอดของเด็กวิศวะคนนี้ต่างหาก อุ่นที่สุด!


    จบบริบูรณ์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×