ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {YAOI} เสื้อกาวน์หมอไม่อุ่นเท่าเสื้อช็อปวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #8 : Take #8 {re-write}

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 57


    #8


    ร่างสูงของชายหนุ่มผิวแทนในเสื้อช๊อปวิศวะสีกรมท่าก้าวเท้ายาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างรีบเร่ง ท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาที่เดินเต็มทางเท้า ใบหน้าคมชื้นด้วยเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้าเพราะอากาศร้อน ประกอบกับที่เจ้าตัวอยู่ในอาการที่รีบสุดกำลัง เขากระโดดข้ามพุ่มไม้เตี้ยๆลัดผ่านถนนเส้นเล็กที่คดเคี้ยวในมหาวิทยาลัย วิ่งออกไปยังปากประตูรั้วที่ติดกับถนนใหญ่ สอดส่องสายตาหาวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดรออยู่หน้าปากทาง มือใหญ่โบกเรียกและก้าวขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็วพร้อมบอกจุดหมายปลายทาง
     

     

    บาสมองนาฬิกาในไอโฟนที่บอกเวลาบ่ายสองกว่าแล้ว เขาสบถในใจ ปกติคลาสเรียนวิชา Soil Mechanic ทีไรอาจารย์มักจะปล่อยเร็วเสมอ วันนี้เกิดเป็นอะไรไม่รู้นึกจะอธิบายเสียยืดยาว คนที่มีนัดอย่างเขาเลยต้องนั่งร้อนรนเป็นหนูติดจั่น อยากจะลุกก็ไม่ได้แต่จิตใจก็ไม่ได้อยู่ที่ห้องเรียนแล้ว ชายหนุ่มคิดถึงใบหน้าของว่าที่คุณหมอหน้าขาวที่คงนั่งรออยู่ในร้านกาแฟยี่ห้อดัง อุตส่าห์ได้โอกาสนัดเจอกันแล้วทั้งที ไปโม้วาตัวเองมันคนมีโชค สงสัยได้อับโชคก็วันนี้ล่ะบาสเอ้ย 

     

    พี่วินหยุดที่ปากทางเข้าห้างสรรพสินค้าอันเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวใกล้มหาวิทยาลัย บาสรีบกระโดดลงอย่างว่องไว ไม่ลืมที่จะควักแบงค์ยี่สิบจ่าย เขามองนาฬิกาจีช๊อคบนข้อมือ อมยิ้มเล็กๆ ยังทันเวลา

    เมื่อวานอะไรดลใจ ให้เขากล้าไลน์ไปหาหมอต่ายก็ไม่รู้ ชายหนุ่มรู้แค่ว่าเขาเริ่มจะเข้าใจการที่คิดถึงใครสักคนจนนอนไม่หลับ คิดแล้วคิดอีกก็ตัดสินใจลองไลน์ไปหาเสียเลย หมอต่ายเพิ่งออกเวรแถมกำลังขับรถกลับบ้าน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเหนื่อยเขาเลยไม่กล้ากวนมาก
     

     

    พรุ่งนี้ว่าง” 

     

    หมอต่ายตอบกลับมาแค่นั้น แค่นั้นเขาก็ลิงโลด ดีใจจนแทบจะวิ่งออกไปแหกปากนอกระเบียงหอ ถ้าไม่ติดว่ากลัวเพื่อนห้องข้างๆมันปาอะไรใส่เสียก่อน ชายหนุ่มอมยิ้มมุมปาก รีบเดินไปตามทางที่คุ้นเคยของห้างสรรพสินค้า หยุดที่ร้านกาแฟชื่อดัง เจ้าเดียวกับที่เขาเคยซื้อให้เจ้าตัวแล้วถูกทิ้งลงถังขยะไปอย่างไม่ใยดี เห็นคนหน้าขาวใส่แว่นนั่งเอนบนโซฟาตัวโต มือกดไอโฟนที่ชาร์ตแบตอยู่ก็รีบก้าวเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม 

     

    พี่ต่ายเขาเอ่ยทัก คนที่ถูกเรียกเพียงแค่ขยับสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์มามองเพียงเล็กน้อย ก่อนค่อยดันตัวที่ไหลลงไปกับโซฟาขึ้นนั่งดีๆ 

     

    ไหนบอกไม่ค่อยชอบกินสตาร์บัค แล้วทำไมนัดมาสตาร์บัคบาสแซวขำๆ

     

    มาชาร์ตแบตเสียงทุ้มแต่นุ่มตอบเสียงเรียบ ตาเรียวสังเกตเห็นอีกฝ่ายเต็มไปด้วยเหงื่อซก 

     

    เดินมาเหรอ?” 

     

    เปล่าพี่ นั่งพี่วินมาแต่ก่อนหน้านี้วิ่งมา จารย์ดิเรกปล่อยช้ามากไม่รู้ทำไมปกติปล่อยก่อนเวลาตลอด พี่ต่ายรอนานมั้ย? หิวยัง? จะกลับไปเข้าเวรกี่โมง?” 

     

    หมอต่ายหัวเราะในลำคอกับคำถามที่ยิงออกมาระรัวจากปากของคนที่นั่งตรงข้าม 

     

    ทีละคำตอบนะ รอไม่นาน หิวแล้ว และเข้าเวรตอนห้าโมงเย็นเอื้อมมือหยิบแก้วชาเขียวเย็นที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นดูดสองสามอึก จะถามเวลาออกเวรด้วยไหม” 

     

    ได้ก็ดีพี่มือสีแทนกระพือเสื้อยืดสีอ่อนที่ตัวเองสวมอยู่ไล่ความร้อน 

     

    ไม่ต้องรู้หรอกเขาตอบส่งๆ กินอะไรดี” 

     

    อยากกินเนื้อเยอะๆบาสตอบกลับอย่างไม่ลังเล พลางคิดถึงร้านเนื้อย่างที่อยู่ชั้นบน

     

    อยากกินปลาดิบหมอต่ายเอ่นสั้นๆ บาสไถลตัวลงไปกับโซฟา ทำหน้านิ่ว ก็ได้ กินได้เหมือนกัน คราวนี้ให้ผมเลี้ยงบ้างนะพี่ต่าย ตอบแทนครั้งที่แล้วไง” 

     

    ต่ายเหล่มองคนตรงหน้าที่ทำตัวเป็นป๋าแล้วก็ต้องยิ้มมุมปากด้วยความหมั่นไส้ ดี ... ในเมื่อเจ้าตัวเสนอเองแล้ว ไม่สนองก็จะกระไรอยู่

     

    หึ ได้ จะเอาให้หมดตัวเลย” 

     

    บาสรู้สึกขนแขนลุกซู่เมื่อเห็นรายการที่สั่งออกมาจากปากสีแดงสดของว่าที่คุณหมอหน้ามนที่นั่งฝั่งตรงข้าม จากหน้าเป็นชักจะยิ้มไม่ออกเสียแล้ว และเขาคงจะหมดตัวจริงๆถ้าเกิดร้านนี้ไม่ใช่ร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ จริงๆก็นับว่าอีกฝ่ายมีความปราณีกับเขาไม่มากก็น้อย หากเปลี่ยนไปสั่งแบบจานเดียวแล้วล่ะก็ สงสัยต้องขอยืมเงินไอ้พี่ไบค์ก่อนแน่นอน แต่ขนาดเป็นบุฟเฟ่ต์ ก็ยังราคาแพงเกินกว่าที่เขากินปกติอยู่ดี ริจะจีบว่าที่คุณหมอ แถมรวยขนาดขับเบนซ์อย่างพี่ต่าย ไอ้ว่าที่นายช่างจนๆอย่างเขาชักหนาวๆร้อนๆเสียแล้วสิ 

     

    ไม่สั่งล่ะ?ถามพร้อมเอียงหน้าเอียงคอด้วยความสงสัย ไอ้ท่าทางใสซื่อไร้การปรุงแต่งแบบนี้แหละที่เขารู้สึกว่าเห็นไรก็เพลินตาทุกที 

     

    พี่ต่ายสั่งเยอะจนผมไม่รู้จะสั่งอะไรบาสหัวเราะขำเมื่ออีกคนเบ้ปาก มือขาวยกขึ้นดันแว่นตาให้เข้าที่ มองซ้ายขวาไปรอบๆ กดไอโฟนในมือยุกยิก 

     

    เพื่อนพี่ไปไหนอะ พี่ปราชญ์กับพี่โน้ต” 

     

    ปั่นรายงานคนถูกถามตอบสั้นๆ จริงๆก็ชวนมาแล้ว แต่สงสัยจะเป็นคนมีโชคอย่างที่เคยโม้เอาไว้ ก็ดี ดีกว่ากินข้าวคนเดียว” 

     

    โห พี่ ใจร้าย เห็นผมเป็นอะไรชายหนุ่มโอดครวญ ไหลลงไปฟุบกับโต๊ะกระจกสีเย็นเฉียบเพราะเครื่องปรับอากาศ ตะแคงหน้ามองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม แขนข้างที่ไม่เจ็บพาดยาวไปยังอีกฝั่งของโต๊ะ 

     

    เพื่อนกินข้าว แต่ตอนนี้เป็นคนเลี้ยงข้าวแล้ว” 

     

    ไม่อยากเป็นแค่นั้นมือใหญ่สีแทนชักจะลามปาม เอื้อมแตะศอกนุ่มที่ท้าวอยู่บนโต๊ะ 

     

    ต่ายเหล่ตามอง เขายกศอกขึ้นทับมือที่เข้ามายุ่มย่ามให้อยู่กับโต๊ะ ได้ทีละเอาใหญ่นะช่วงนี้

     

    โอ้ย! พี่ต่าย เจ็บ!ชายหนุ่มโอดโอยเสียงดัง 

     

    อย่ามาเว่อร์และอย่าเลื้อยเขายกศอกขึ้น บาสดึงมือกลับ สะบัดเร่าด้วยความเจ็บที่ไม่ได้มากมายเท่าไร เขาก็แกล้งโวยไปแบบนั้นเอง

     

    ใจร้าย” 

     

    ครั้งที่สอง” 

     

    ห๊ะ” 

     

    สองครั้งแล้ววันนี้ ที่บอกว่าใจร้าย ถ้าอยากจะให้ใจดีด้วยก็ทำตัวให้มันดีเจ้าของใบหน้าขาวขมวดคิ้วมุ่น ทำหน้าเบื่อหน่าย 

     

    แต่จริงๆแบบนี้ก็ดีบาสพูดต่อ ชายหนุ่มนั่งตัวตรงมองว่าที่คุณหมอด้วยสายตาแน่วแน่ ถ้าพี่ต่ายจะใจร้าย ก็ใจร้ายกับผมคนเดียวพอนะ ถ้าใจดีแล้วเหมือนกับคนอื่นผมก็ไม่เอา ผมอยากเป็นคนพิเศษของพี่ต่าย” 

     

    ต่ายมองคนตรงหน้าตาโต ริมฝีปากสีสดตัดกับสีผิวขาวเหลืองอย่างคนที่มีเชื้อชาติจีนปนอ้ากว้างด้วยความตะลึง งุนงงกับสิ่งที่ออกมาจากปากของฝ่ายตรงข้าม แล้วค่อยหรี่ตามองอย่างคาดโทษ แต่กลับยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ 

     

    ให้ตายสิ เป็นมาโซหรือไงพูดพร้อมส่ายหน้า

     

    นี่พี่ต่ายถามอะไรหน่อยสิบาสเอ่ยขึ้นเปลี่ยนเรื่อง จีบขนาดนี้แล้ว ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอพี่” 

     

    ไม่” 

     

    โห พี่ต่ายหยุดคิดหน่อยก็ได้ ผมรอได้นะเด็กวิศวะโอดครวญเมื่ออีกฝ่ายนั้นตอบกลับรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะฉุกคิดสักครู่

     

    บทสนทนาถูกคั่นรายการด้วยเครื่องดื่มและอาหารที่สั่งไปถูกทยอยนำมาเสิร์ฟ สายตาสองคู่มองจานอาหารเต็มโต๊ะแล้วก็รู้สึกว่ากระเพาะอาหารชักจะส่งน้ำย่อยออกมาเรียกร้องความหิวโหยเสียแล้ว บาสมองจานปลาดิบหลากหลายชนิด ข้างๆกันมีสเต็กเนื้อที่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าจนเต็มจาน ชายหนุ่มยิ้ม เงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้าม เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าเขาจะสื่ออะไร เจ้าตัวเลยเสหยิบแก้วกระเบื้องที่ใส่ชาเขียวร้อนขึ้นจิบช้าๆ 

     

    บาสจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็คิดว่าตัวเองไม่พูดจะดีกว่า ชายหนุ่มหยิบตะเกียบออกจากซองแล้วก็ทำหน้ายุ่ง กำลังจะเงยหน้าเรียกพนักงานเสิร์ฟที่เดินไปเดินมาเพื่อขอสิ่งที่ต้องการ 

     

    ลำบากชะมัด ใช้ตะเกียบมือซ้ายไม่ได้เนี่ย!

     

    พี่ครับ ผมขอช้อนส้อมชุดนึงนะครับ” 

     

    เสียงที่เอ่ยออกไปกลับไม่ใช่เสียงของเจ้าตัวเอง ว่าที่คุณหมอรับช้อนส้อมมาจากพนักงาน เลื่อนมันให้กับชายหนุ่มที่นั่งตรงข้าม 

     

    ใช้ตะเกียบมือซ้ายไม่ถนัดไม่ใช่หรือไงเขาถามด้วยความสงสัยเมื่ออีกคนทำหน้าตาเหรอหรา มือสีแทนนั่นกดทับลงกับมือขาวที่เลื่อนช้อนส้อมไปให้ แต่เจ้าของมือขาวชักมือออกทัน บาสหัวเราะ 

     

    ขอบคุณครับเขายิ้มแก้มปริ 

     

    ต่ายดันแว่นที่ตกลงมาให้เข้าที่ พยักหน้ารับส่งๆ บาสสังเกตมาหลายต่อหลายครั้ง พี่ต่ายมักจะทำเป็นเหมือนไม่สนใจ แต่คนตรงหน้านั้นใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของทุกคนอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าจริงไหมแต่ครั้งล่าสุดที่เพื่อนพี่ต่ายพูดออกมาก็ทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ไม่น้อย ถึงแม้คนตรงหน้าจะเป็นคนที่ชอบดูแลและเอาใจใส่ทุกคนที่ตัวเองรู้จัก แต่อย่างน้อยการเลื่อนขั้นมาจากคนแปลกหน้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนรู้จักที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่แบบนี้มันก็ไม่เลวเลย 

     

    เจอแบบนี้ใครไม่รักก็บ้าแล้ว

     

    สี่โมงกว่าแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงว่าที่คุณหมอก็ต้องกลับไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มรู้สึกว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันนั่นมันชักจะน้อยไป เขาอยากอยู่ด้วยกันให้นานขึ้นกว่านี้ ชักรู้สึกว่าแต่ละครั้งที่เจอกันนั้นแสนสั้น ไม่พอเสียแล้ว ไม่รู้อะไรดลใจให้พี่ต่ายเอ่ยชวนให้เดินย่อยขากลับ แต่มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา อย่างน้อยก็ยืดเวลาที่อยู่ด้วยกันให้ยาวนานขึ้นอีกนิด .. ขายาวก้าวขึ้นไปเดินข้างๆกับคนที่มักจะเดินอยู่ด้านหน้า 

     

    เขาเห็นดวงตาสวยที่สะดุดตานั่นเหล่มองด้วยหางตาแล้วจึงกลับไปมองเส้นทางตรงหน้าตามเดิม คราวนี้เป็นร่างโปร่งที่เอ่ยขึ้นก่อน

     

    บางทีฉันก็คิดนะว่าทำไมนายชอบเดินตามหลังทุกทีเสียงนุ่มกล่าวขึ้นขณะที่กำลังเดินไปตามทางฟุตบาทริมถนนใหญ่ รถยนต์บนถนนติดเป็นทางยาวเพราะใกล้ช่วงเวลาเร่งด่วนยามเย็น ส่งมลพิษเสียจนว่าที่คุณหมอที่เคยชินกับการนั่งอยู่บนรถยนต์ชืดจมูกเหมือนจะจามแต่ก็ไม่จาม 

     

    นายเหมือนจะเข้าหาแต่ก็ถอยหลังกลับไปเหมือนเดิม บางครั้งก็ดูเหมือนยังตัดสินใจไม่เด็ดขาด เลยไม่กล้าที่จะก้าวขึ้นมา ทั้งๆที่ภายนอกดูเป็นคนกล้าไม่กลัวอะไรแท้ๆ” 

     

    ต่ายหัวเราแผ่วเบา เหลือบมองชายหนุ่มรุ่นน้องที่เดินอยู่ข้างๆ ใบหน้าคมนั่นแสดงอาการงุนงงแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างเห็นได้ชัด 

     

    จีบหมอต้องอดทนรู้ไหม เขาถึงว่ากันว่าส่วนใหญ่คนเป็นหมอก็มักจะลงเอยกับคนที่เป็นหมอหรือพยาบาล สายงานเดียวกันจะเข้าใจกันได้ดี” 

     

    เข้าใจดีเลยล่ะครับบาสหัวเราะแห้งๆ มองคนข้างๆที่ชวนคุยท่าทางอารมณ์ดี รู้สึกว่าการเดินข้างถนนที่อวลไปด้วยมลพิษมันดีก็วันนี้ แต่ผมว่าเข้าใจกันมากเกินไปมันก็น่าเบื่อจริงไหม” 

     

    เจ้าตัวยิ้มร่า พูดต่อไปด้วยเสียงเรียบเรื่อยแต่ฟังดูหนักแน่นไม่น้อย บางทีผมก็อยากรู้จักพี่ อยากเข้าใจพี่ให้มากขึ้น อยากอยู่ใกล้ๆ อยากคุยด้วยทุกวัน นี่ยังเร็วไปหรือครับ

     

    หลังมือใหญ่ที่อุ่นจนเกือบร้อนสัมผัสกับหลังมือขาวที่อยู่ข้างๆ เขารู้สึกได้ถึงไอร้อนจากอุณหภูมิร่างกายที่ดูจะต่ำกว่าเขาอยู่พอควร ผิวสัมผัสเลยได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ชายหนุ่มรู้สึกว่าอาจจะเดินชิดจนเกินไป แต่เจ้าของร่างสูงโปร่งข้างๆก็ยังเดินไปเรื่อยๆ ราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่แม้แต่จะชักหนี 

     

    ต่ายยังคงก้าวขาสม่ำเสมอ ไม่สนใจถึงสัมผัสที่ได้รับที่หลังมือ รู้เหมือนกันว่ามันชักจะใกล้ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรสักหน่อย

     

    เมื่อไรจะถอดเฝือกออกเหล่ตาไปมองข้อมือที่ยังถูกพันเฝือกอ่อน

     

    อืม ประมาณอาทิตย์หน้ามั้งพี่ จำไม่ได้ล่ะ” 

     

    งั้นก็จะครบเดือนแล้ว” 

     

    ใช่ แต่พี่ต่ายยังไม่ใจอ่อนสักที” 

     

    ทำอะไรให้ใจอ่อนบ้างล่ะ มีแต่อ่อนใจ เหนื่อยทุกครั้งที่เจอหมอต่ายถอนใจ ก็เจอทุกครั้งมีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น

     

    งั้นผมต้องทำยังไง” 

     

    สัมผัสอุ่นที่เสียดสีกันแค่หลังมือเริ่มคุกคาม มือใหญ่นั้นกุมมือเล็กกว่าที่เดินเคียงข้างกันแน่น ขายาวสองคู่หยุดอยู่กับที่ หมอต่ายสังเกตเห็นดวงตาคมที่จ้องมาด้วยสายตาแน่วแน่ 

     

    ต้องทำยังไง พี่ต่ายถึงจะใจอ่อนแล้วชอบผมสักที”  

     

    ร่างโปร่งบางกว่าเริ่มเลิ่กลั่ก ทำอะไรไม่ถูก ดวงตาคู่สวยมองซ้ายขวาสังเกตรอบด้าน โชคดีที่เป็นสัญญาณไฟเขียว และช่วงเวลานี้ก็ยังไม่ค่อยมีคนสักเท่าไรจึงไม่มีคนเดินผ่านไปมา หรือเดินตามหลัง ไม่คิดว่าจู่ๆตัวเองจะถูกกุมมือจนแน่นขนาดนี้ นี่การ์ดเขาอ่อนลงงั้นเหรอ! 

     

    ปล่อยก่อนเขาพูดด้วยเสียงแน่นิ่ง พยายามดึงมือให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกคน ใบหน้าคมสันนั่นก้มมองต่ำ แต่ด้วยความสูงที่เกือบจะไล่เลี่ยกัน ทำให้สายตาสองคู่ประสานกันแทน 

     

    เดี๋ยวคนเห็น” 

     

    อ๊ะ งั้นแปลว่าถ้าคนอื่นไม่เห็นก็จับได้ใช่มั้ยครับ” 

     

    ร่างสูงผิวแทนเปลี่ยนสวิตช์โหมดจริงจังมาเป็นโหมดลูกหมาตัวโตที่พอเจ้าของอนุญาตก็หูตั้งหางชี้ ต่ายตัวสั่นด้วยความไม่พอใจ 

     

    นี่มีความจริงจังในคำพูดของนายบ้างไหมเนี่ย! 

     

    จะเห็นไม่เห็นก็ห้ามจับ!เขาตวาด สะบัดมือออก ขาวยาวก้าวพรวดนำหน้าออกไป ทิ้งให้อีกคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมหัวเราะลั่นเสียงดังด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ อารมณ์ดี 

     

    บาสรู้สึกว่าถึงแม้มันจะดูไม่ได้ก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าที่คุณหมอหน้าสวยนั่นเปิดใจให้เขาทีละน้อยแล้ว 

     

    พี่ต่ายไม่ใช่คนถือตัวหรือเย็นชา แต่เพราะบรรยากาศรอบตัวที่เจ้าตัวสร้างเอาไว้ทำให้คนภายนอกที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรด้วยมักจะมองเป็นแบบนั้น แต่ถ้าสามารถก้าวผ่านชั้นบรรยากาศที่อยู่รายล้อมนั่นไปได้แล้วล่ะก็ ตรงกันข้ามเลยทีเดียว

     

    บาสกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปให้ทันคนตรงหน้าที่รีบเดินอย่างไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองเขาที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ดวงตาคมสีดำสนิทเหลือบมองป้ายชื่อคณะแพทยศาสตร์พร้อมกับร่างของว่าที่คุณหมอที่เดินเลี้ยวเข้าไปอย่างไม่รีรอ เขายืนหยุดที่ริมรั้วทางเข้า ไม่ได้ก้าวตามเข้าไป นักศึกษาแพทย์หลายคนที่เดินสวนออกมาหันมามองเขาอย่างสนใจที่คนต่างคณะมาเยือนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก 

     

    พี่ต่ายบาสเรียกเสียงดัง ทำเอาคนที่เดินเลยไปไกลแล้วต้องหันกลับมามองอย่างสงสัยปนอับอาย

     

    คนก็เยอะจะมาตะโกนเรียกอะไรกันที่หน้าคณะ เดินเข้ามาไม่เป็นหรือไง! 

     

    เดี๋ยววันนี้ผมรอพี่ออกเวรนะครับ” 

     

    เสียงทุ้มแหบที่ตะโกนบอกเสียงดังเรียกความสนใจจากคนรอบด้าน ต่ายแทบจะเอาหน้ามุดดินหนีให้มันรู้แล้วรู้รอด เขาอยากจะเดินหนี ทำเป็นไม่รู้จักคนชื่อต่ายที่นักศึกษาวิศวะที่ใส่เสื้อช๊อปสีกรมท่ายืนโหวกเหวกอยู่ที่หน้ารั้ว แต่คงไม่ทันเสียแล้ว เพราะเขาหันกลับมามองตั้งแต่อีกฝ่ายเรียกครั้งแรกแล้ว และคนที่เดินผ่านไปมา ณ ขณะนั้นก็คงรู้แล้วว่าไอ้เด็กบ้านี่มันเรียกเขาแน่ ต่ายกำมือแน่น มองใบหน้าคมที่ยิ้มร่าอย่างไม่อาย แม้บทสนทนานั่นมันจะไม่ได้สื่อความหมายอะไรนอกจากสิ่งที่เจ้าตัวพูด  

     

     “เออ อยากจะทำอะไรก็ทำ!”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×