คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Take #4 {re-write}
#4
โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยยังคงวุ่นวายเป็นปกติเหมือนกับชีวิตของว่าที่คุณหมอนักศึกษาปีห้าซึ่งเป็นชั้นเรียน Clinic ถึงแม้ยังไม่ได้มีตำแหน่ง “นายแพทย์” นำหน้าแต่ก็มีหน้าที่รับผิดชอบไม่ต่างกันสักเท่าไรนักเพราะนอกจากจะต้องเข้าเวร เข้าเรียน และเขียนรายงานประจำวันไปพร้อมๆกันแล้ว เวลาว่างส่วนใหญ่ของพวกเขาจึงหายไปกับการพักผ่อนมากกว่าการออกไปทำกิจกรรมอื่นๆเหมือนนักศึกษาคนอื่นที่มักจะออกไปเที่ยวเล่น แต่วันนี้ถือเป็นวันพิเศษเพราะทั้งกลุ่มว่างตรงกันทั้งหมด แกงค์คุณหมอเลยได้โอกาสนัดทานข้าวกันนอกสถานที่บ้างแทนที่จะอุดอู้กินกันแต่ห้องอาหารในโรงพยาบาลหรือโรงอาหารคณะเหมือนทุกวัน
ห้างใหญ่ชื่อดังเลยกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะนอกจากจะใกล้โรงพยาบาลและมหาวิยาลัยแล้วยังเดินทางไปกลับง่ายเพราะเขาและเพื่อนอีกสองคนจะต้องกลับมาเข้าเวรห้องฉุกเฉินในตอนเย็นอีกครั้ง เขาจอดรถไว้ที่ริมถนนหน้าคณะ มือขาวโบกแท็กซี่ให้ไปส่งยังจุดหมาย ไม่ถึงสิบนาทีก็ได้ลง คนตัวขาวขมวดคิ้วเมื่อมองนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่าตัวเองมาก่อนเวลานัดพอสมควร กดมือถือคุยไลน์กับเพื่อนได้ความว่าทุกคนจะไปนัดเจอกันที่ร้านกาแฟชั้นล่างสุด ขายาวภายใต้กางเกงผ้าเนื้อดีเลยพาร่างเดินตามเส้นทางที่เดินบ่อยเสียจนเคยชิน ระหว่างทางเหลือบตามองร้านค้าที่เปิดใหม่เป็นระยะพลางบ่นในใจว่าขยันปรับเปลี่ยนโยกย้ายได้ทุกครั้งที่มา
“ต่าย ทางนี้” ทันทีที่ก้าวเข้าร้าน คนในกลุ่มที่รออยู่ก่อนโบกมือเรียก คนถูกเรียกยิ้มมุมปากน้อยๆ สาวเท้าเข้าไปหาทันที
“โห ใครมาแล้วบ้าง” ทักเพื่อนพร้อมกวาดตามอง
“ครบแล้ว ส้มกับหมิวไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวคงกลับมา ไปกินไรกันก่อนเลยมั้ย แล้วค่อยเดินเล่น หิวแล้วว่ะ”
“เอาดิ เดี๋ยวรอสองคนนั้นมาแล้วก็ไปเลย” ต่ายพยักหน้ารับ
“ช่วงนี้เป็นไงมั่ง เข้าเวรไม่เคยตรงกันสักคนอะ ตอนเลือกเสือกไม่ค่อยสามัคคีกันก็แบบนี้” ปราชญ์ เพื่อนร่างสูงโย่งถามขึ้นสบายๆ พวกเขามีไลน์กรุ๊ปก็จริงแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรนอกจากจะถามเรื่องการบ้านหรือทั่วๆไปนานๆครั้ง จริงๆพวกเขาเองก็มีเพื่อนต่างคณะที่สนิทกันสมัยมัธยมของแต่ละคน แต่เพราะเวลาเรียนที่ไม่ตรงกับคณะอื่น นักศึกษาแพทย์เลยไม่ค่อยได้สุงสิงหรือใกล้ชิดกับเพื่อนนอกคณะ กลับกลายเป็นว่าสนิทกันอยู่แค่นี้ ปราชญ์เคยมีแฟนเป็นถึงดาวคณะบริหาร แต่ก็ต้องเลิกกันเพราะไม่มีเวลาให้ เจ้าตัวกลับบอกว่าเลิกแล้วมีความสุขมากกว่าเดิมเสียอีกเพราะว่าเวลายุ่งๆไม่ต้องมาคอยกังวลนั่นนี่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ต้องมีเวลาให้เจ้าหล่อนตลอด ถึงขั้นห่างเพื่อนออกไปพักหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
“ก็ดี คนไข้เยอะเหมือนเดิม แต่เคสที่รับผิดชอบไม่ค่อยหนัก ER ก็ไม่ค่อยมีเคสน่าตื่นเต้นเท่าไร ทำแผล อุบติเหตุเล็กๆน้อยไปตามเรื่องๆ นานๆจะหลุดเคสโรคหัวใจกำเริบหรือความดันสูงมาสักวันละคนสองคน ส่วนเรียนกับศพก็ดี น่ากลัวดี” เขาบ่น เอนตัวพิงพนักเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่ในร้าน พูดเสียงเบาเพราะเรื่องที่ตัวเองพูดไม่น่าอภิรมย์เข้ากันกับร้านคาเฟ่เท่าไรนัก
“โอ้ย ยังดี วันนั้นไอ้หมอโน้ตเจอรถชน ขาร่องแร่งมาจะขาดแหล่มิขาดแหล่ มันบอกเห็นแล้วเสียววูบ” ปราชญ์ตบไหล่เพื่อนข้างๆ ที่นั่งซดกาแฟด้วยสีหน้าง่วงงุน “มันนอนไปแป๊บแล้วก็ออกมาเนี่ย”
“กระต่าย” เสียงเล็กของสองสาวดังขึ้นพร้อมกัน โผเข้ามาเกาะไหล่คนละฝั่ง
“เลิกเรียกเต็มยศสักที” ต่ายทำหน้าเบ้ บ่นอย่างไม่จริงจัง มองเพื่อนสาวสองคนที่หัวเราะร่า
“ไม่เอา น่ารักดีออก”
“แล้วจะกินไรกันวันนี้” ปราชญ์เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นเพื่อนที่หน้าตาน่ารักเหมือนชื่อทำหน้าเบื่อแต่เงียบเพราะไม่อยากเถียงสองสาว
“อยากกินซูชิ ไปกินซูชิเด็งกันเถอะ!” ส้มเสนอ
“แพง ไม่มีตัง” โน้ตเถียงสองสาว วางแก้วกาแฟที่ดื่มหมดแล้วลงบนโต๊ะ
“โอ๊ย ก็อยากกินอะ อยากกินนี่ ใช่มั้ยกระต่าย”
“ไม่มีความเห็น ยังไงก็ได้” หมอต่ายส่ายหน้าดิก ดันแว่นขึ้นให้พอดี
“ไม่ได้กดเงินเมาเยอะ แม่ยังไม่โอนตังให้เลย” โน้ตพึมพำถอนหายใจ
“ยืมกูก่อนละกัน” ปราชญ์เสนอ โน้ตมองหน้าสองสาวที่ทำหน้าร้องขอก่อนพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
สรุปสองสาวชนะ อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องปกติของกลุ่ม เพราะหากผู้หญิงสองคนเสนออะไรพวกหล่อนมักจะได้อย่างใจทุกที ไม่รู้ว่าตรรกะนี้ใช้ได้กับทุกกลุ่มหรือเปล่าแต่สำหรับพวกเขามันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ต่ายอมยิ้มเพราะตัวเขาเองไม่มีปากมีเสียงอะไรเท่าไรอยู่แล้วแต่เป็นอันรู้กันว่าหากเขาเปิดปากพูดเมื่อไร จะเป็นผู้หญิงสองคนก็เถอะ ต้องยอมเขาเรื่อยไป
.
.
ต่ายเดินฮัมเพลงเข้าโรงพยาบาล มุมปากประดับรอยยิ้มน้อยๆให้กับพนักงานต้อนรับที่ทางเข้าโรงพยาบาลที่ยิ้มให้ วันนี้ได้พักแค่ครู่เดียวแต่เหมือนได้หยุดพักผ่อนไปหนึ่งอาทิตย์ การได้เจอและพูดคุยกับเพื่อนพร้อมหน้ากันมันทำให้เขาผ่อนคลายไปเยอะแม้จะไม่ค่อยมีเวลาเป็นของตัวเองแบบนี้บ่อยนัก การเรียนแพทย์จำเป็นจะต้องเรียนรู้ถึงจรรยาบรรณของอาชีพที่ต้องคิดถึงและให้เวลากับคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ แม้จะยังเป็นนักศึกษาแต่การที่ทั้งเรียนและฝึกฝนไปพร้อมกันก็ทำให้เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่านี่เป็นอาชีพที่หนักและต้องมีสามัญสำนึกมากเพื่อที่จะจบการศึกษาและไปประกอบอาชีพเป็นแพทย์ที่ดี ต้องทุ่มเทให้กับเรื่องส่วนรวมมากกว่าส่วนตนเพราะฉะนั้นเมื่อมีเวลาให้กับตัวเองและเพื่อนฝูงบ้างจึงถือเป็นช่วงเวลาพักผ่อนอันแสนวิเศษ ต่ายรีบสวมเสื้อกาวน์เดินไปยังห้องคนไข้ เขาต้องเข้าห้องผ่าตัดกับอาจารย์หมอที่จะมีเคสผ่าเปิดทรวงอก นึกถึงซูชิแดงๆที่กินไปเมื่อบ่ายยังคิดว่าตัวเองคงไม่หน้าซีดพะอืดพะอมไประหว่างการผ่าตัดหรอกมั้ง
เขาเดินผ่านเคาท์เตอร์ของพยาบาลเวรประจำวันนี้ พี่พยาบาลผู้หญิงที่สนิทกับเขายืนถือถุงกระดาษยิ้มให้เขาตามประสาคนคุ้นเคย ปกติเธอมักจะมีของมาฝากเพื่อนฝูง บรรดานักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำตามประสาคนมีน้ำใจอยู่แล้ว
“หมอต่ายคะ มีคนฝากมาให้ค่ะ” เธอยื่นมาให้ เขาขมวดคิ้วงุนงงที่วันนี้ของฝากไม่ได้มาจากเจ้าตัว ว่าที่คุณหมอรับมาอย่างมึนงง
“อ้าว?”
“พอดีมีน้องเขาเอามาให้พี่ที่เคาท์เตอร์น่ะค่ะ บอกว่าฝากให้นักศึกษาแพทย์จิระภัทร ชื่อหมอต่ายนี่คะ” ตาเรียวมองของในมือเธออย่างลังเล รับมาถือด้วยความประหลาดใจ มันเป็นถุงกระดาษของร้านกาแฟชื่อดัง เจ้าเดียวกับที่เขาแวะไปวันนี้
เขามองเข้าไปในถุงที่เปิดปากอ้า ด้านในมีแก้วกาแฟแบบรับกลับบ้าน 1 แก้วและพายชิ้นเล็ก เห็นกระดาษโพสท์อิทสีเขียวสดแปะอยู่ข้างๆถุงด้านใน ก็ต้องหยิบขึ้นมาดู ลายมือหวัดๆดูคุ้นตา แต่เนื้อความน่าสงสัยกว่านั้นเยอะ มือขาวขยับดันแว่นให้เข้าที่ ก้มหน้าอ่านเนื้อความในโน้ตแผ่นเล็ก
‘หมอต่ายชอบกินของแพงขนาดนี้ผมคงซื้อให้ทุกวันคงไม่ไหวแต่หมอต่ายรู้มั้ยครับ ว่าถึงผมจะจนแต่เด็กวิดวะคนนี้มันก็จริงใจนะครับ‘
คนตัวขาวขนลุกซู่ ไม่รู้ว่ารู้ได้อย่างไรว่าเขาชอบกินอะไร เขาไม่ได้สนใจจุดนั้นมากเท่าสำนวนที่ใช้ ถลึงตาจ้องลายมือคุ้นตาพาลให้คิดถึงใบหน้าคมแต่กวนเบื้องล่างของคนให้แล้วก็ตัวสั่น เขากล่าวขอบคุณพี่พยาบาลที่อุตส่าห์ใจดี เดินมาส่งของให้
“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะ” เธอยิ้มให้เหมือนปกติ
“ครับ ขอบคุณมากแต่วันหลังถ้ามีคนฝากอะไรไว้พี่ไม่ต้องรับมานะครับ” เขาบอก เธอทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ตอบรับด้วยดี
สิ้นร่างเล็กของนางพยาบาล ขาเรียวก้าวยาวๆไปที่หัวมุมของอาคาร มองถุงกระดาษในมือแล้วถอนใจ ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าห้องฆ่าเชื้อ มือเล็กปล่อยเจ้าถุงกระดาษที่บรรจุกาแฟและขนมราคาแพงนั่นลงถังขยะสำหรับรีไซเคิล ยกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเล็กน้อย คิดถึงเหตุการณ์เมื่อสองสามวันที่แล้วที่ทำเอาอารมณ์เสียไปเกือบทั้งวันแต่เพราะงานเยอะเลยลืมไปบ้าง เขาไม่มีเวลามาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพรรค์นั้นเท่าไร แต่เมื่อเห็นของที่เจ้าเด็กที่แสนกวนประสาทนั่นเอามาให้ทำให้อารมณ์ที่ดีๆขุ่นมัวขึ้นมาอีกรอบ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะล้อเล่นหรืออะไร ไม่เข้าใจแต่เรื่องตลกของคนให้หรอก รู้อย่างเดียวเท่านั้นว่า...
ไม่มีนโยบายรับของจากคนแปลกหน้าเว้ย !
ความคิดเห็น