คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Take #3 {re-write} + การ์ตูนสี่ช่อง
#3
ตั้งแต่เกิดมา 22 ปี ชีวิตเขาไม่เคยรู้สึกลำบากใจเท่าวันนี้ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าเขตลานกิจกรรมของวิศวกรรมศาสตร์ในชุดนักศึกษาตามระเบียบผูกเน็กไทค์เรียบร้อยเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง ทั้งๆที่ก็อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน สารภาพว่าเขาก็ไม่ได้เดินไปตึกคณะอื่นบ่อยเท่าไรเพราะคณะแพทยศาสตร์นั้นอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน เพราะฉะนั้นเด็กแพทย์เลยไม่ได้ค่อยได้ไปสุงสิงกับคณะอื่นเท่าไร ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากเหมือนคณะที่อยู่ในรั้วเดียวกัน ยิ่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ขึ้นชื่อในทิศทางตรงกันข้ามสุดกู่ทั้งเรื่องการเรียนและอุปนิสัยแล้วล่ะก็แทบจะไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ ยกเว้นมีเพื่อนที่สนิทมาด้วยกันก่อนเข้าเรียน
ตาสวยล้อมกรอบด้วยแพขนตายาวเหลือบมองถุงเสื้อที่อยู่ในมือ เขาไม่รู้หรอกว่าเสื้อช๊อปนี่มันสำคัญต่อวิศวะแค่ไหนแต่ก็คงไม่ต่างอะไรกับนักศึกษาแพทย์ที่เข้าเวรโดยที่ไม่มีเสื้อกาวน์
เสียงเจี๊ยวจ๊าวเงียบลง เขาหันซ้ายหันขวา กะว่าจะฝากใครสักคนในที่นี้ไปให้เจ้าตัว มีทั้งชื่อจริงชื่อเล่นแถมด้วยเบอร์โทร คงติดต่อกันเจอง่ายอยู่ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นคนใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวหนึ่งเดียวในลานกิจกรรม เจ้าตัวกำลังมองเฝือกของตัวเองอยู่พลางใช้มือข้างที่ไม่เจ็บขยับเฝือกเล่น คงนึกรำคาญจนสะบัดด้วยความหงุดหงิด ต่ายขมวดคิ้วพลางคิดว่าเล่นอะไรไม่เข้าท่า เขากลัวกระดูกข้อมือของอีกฝ่ายจะเคลื่อนจนไม่ต่อกันแล้วหายช้าเข้าไปอีก ทันความคิดขาเรียวจึงเร่งก้าวเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าท่ามกลางสายตาของเด็กวิศวะทั้งสนาม
เจ้าตัวเหมือนจะชะงักนิดหน่อยทั้งๆที่ก้มหน้าอยู่ จากนั้นจึงเงยหน้ามองเขาพร้อมรอยยิ้มแสนกวนเบื้องล่างจนกลัวว่าถ้าเกิดเส้นประสาทบริเวณขาเขากระตุกตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกัน คงเตะเสยใบหน้าคมนั่นเข้าอย่างจังเลยทีเดียว
“สวัสดีครับหมอต่าย”
เขาหรุบตามองต่ำไปยังคนที่นั่งยิ้มเผล่ ยื่นถุงเสื้อที่ถูกซักรีดอย่างดีมาให้ จริงๆที่เอามาช้าก็เพราะเพิ่งไปรับมาจากร้านซักรีดใต้หอนี่แหล่ะ
“เอาเสื้อมาคืนผมเหรอครับ” เจ้าเด็กวิศวะเอ่ยถาม ทำไมไม่รู้เขารู้สึกว่าเสียงทุ้มนั้นกระดี๊กระด๊ามากผิดปกติ ความรู้สึกของการถูกกวนประสาทเมื่อวานแว้บกลับมาในความคิด
“อือ ไปล่ะ” เขาส่งให้อีกฝ่ายใช้มือข้างที่ไม่เจ็บรับ มือใหญ่เลี่ยงวางไว้บนโต๊ะอย่างไม่สนใจ เขาเลยหันหลังกลับเพราะรู้สึกว่าธุระของตัวเองเสร็จแล้ว ยกแขนมองนาฬิกาพลางบ่นในใจว่าวันนี้ต้องเดินกลับคณะไปส่งรายงานของเมื่อวานก่อน ยุ่งยากเป็นบ้า
“เดี๋ยว เดี๋ยวครับพี่หมอต่าย” พอหันไปตามเสียงเรียกเขาก็เห็นคนที่เขาเอาเสื้อมาคืนวิ่งขากะเผลกตาม คิ้วเรียวขมวดแน่น
“วิ่งทำไม ขาก็เจ็บไม่ใช่เหรอ แล้วเดี๋ยวกระดูกก็ไม่เข้าที่ มันสะเทือนถึงกันนะ” ใบหน้าเนียนดูบึ้งตึง แม้จะรำคาญเล็กน้อยแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังเจ็บจึงเตือนด้วยความหวังดี “มีอะไรอีก?”
“ทำไมไม่โทรมาล่ะครับ ผมให้เบอร์ไปแล้วนี่”
ต่ายถอนหายใจ “ไม่อยากโทร วุ่นวาย”
“โห ทำไมล่ะ” คนเจ็บโอดครวญด้วยความไม่เข้าใจแต่ตาคมหยอกล้อ เขาเหลือบเห็นตำแหน่งของผ้าคล้องคอที่อยู่ไม่ตรงตำแหน่งที่ควรจะอยู่คงเพราะคนตัวสูงวิ่งมาเมื่อสักครู่ มือขาวจึงจัดระเบียบให้อย่างเคยชินกับการปฏิบัติให้กับคนไข้ที่โรงพยาบาล
“เห็นมั้ยว่าเพราะวิ่งมา ถ้ากระดูกไม่เข้าที่หรือเคลื่อนมากกว่าเดิมเนี่ยได้เข้าเฝือกนานแน่ๆ แทนที่จะได้หายไวๆ” พูดพลางจับแขนข้างที่เจ็บของคนป่วยขยับให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
“หมอต่ายจะรีบไปไหนอะ”
“...”
“แล้วหมอต่ายเดินหาผมเจอได้ยังไงอะ”
“...”
“หมอต่ายเดินมาไกลไหม ต้องข้ามถนนมาสินะ”
“...”
“หมอต่าย ...”
“โอ้ย! หนวกหู” เผลอตะคอกออกไปแล้วก็ต้องชะงัก กระแอมไอในลำคอ จนเสียงกลับมานิ่งเหมือนเดิม “จะกลับคณะแล้ว”
เขานึกว่าอีกฝ่ายจะตกใจ แต่เมื่องมองใบหน้ากวนๆนั้นกลับมีรอยยิ้มประดับอย่างอารมณ์ดี ประหลาดคนจริง
“อ้าว บาส ใครวะ เพื่อนคณะอื่นเหรอวะ” เสียงเรียกทำเอาคนเจ็บหันไปมองพร้อมยิ้มกว้าง
“ไม่ใช่เพื่อน นี่หมอคนเมื่อวานไงมึง”
“อ๋อ คุณหมอที่ห้องฉุกเฉิน ยังเรียนอยู่เหรอครับเนี่ย พวกผมนึกว่าเป็นหมอจริงๆไปแล้ว” เพื่อนเจ้าตัวยกมือไหว้จนเขาต้องยกมือรับไหว้ตอบ
“มึงจะบอกว่าพี่เค้าหน้าแก่เหรอวะ เชี่ยนี่” คนแขนเจ็บพูดติดตลก
“ไม่ใช่เว้ย พี่เค้าดูภูมิฐานไงมึง”
“แล้วพี่หมอมีธุระอะไรที่คณะผมครับเนี่ย”
“พี่หมอต่ายเอาเสื้อมาคืนกู” บาสตอบนิ่งๆกลั้วหัวเราะ มองเพื่อนสองคนแล้วกลับมามองว่าที่คุณหมอหน้าสวย ที่เริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะถูกรั้งตัวเอาไว้ไม่ได้ไปไหนเสียที “ก็มื่อคืนพี่หมอต่ายหลับ กูเห็นแอร์โรงบาลน่าจะหนาว กูเลยให้ยืมเสื้อช๊อป”
“ไม่ได้ขอ!” ว่าที่คุณหมอพลัดถิ่นเถียงกลับ
“ผมเป็นห่วงนี่” ตอบกลับเสียงซื่อ
“เมื่อวานใส่ก็เสื้อกาวน์อยู่ คิดได้ยังไงว่าจะหนาว”
“โธ่พี่หมอต่าย เสื้อกาวน์ของหมอมันจะอุ่นเท่าเสื่อช๊อปของวิศวะได้ยังไงครับ จริงมั้ยพวกมึง?” พูดแล้วหันไปถามความเห็นจากเพื่อนอีกสองคนที่อมยิ้ม แต่เขาคงถามเสียงดังไปหน่อย เพื่อนร่วมคณะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินข้างเคียงที่ได้ยินบทสนทนาจึงโห่รับไปด้วย
“ตลก! แขนสั้นมันจะอุ่นกว่าได้ยังไง”
“เออว่ะจริงนะเว้ยบาส เสื้อพวกเราแขนสั้นนะ มึงเอาสมองส่วนไหนมาคิดวะว่าพี่หมอเค้าจะอุ่น เสื้อกาวน์มันแขนยาวนะ”
“แต่ถึงเสื้อช๊อปวิศวะจะแขนสั้น แต่รักของเด็กวิศวะนั้นยาวนะครับพี่หมอต่าย”
“ฮิ้ววววววววววว” เสียงหวีดหวิวผิวปากดังไปทั่วลานกิจกรรมจนว่าที่คุณหมอหน้าขึ้นสีด้วยความหงุดหงิด
“หึ เล่นกับหมา หมาเลียปากสินะ” ต่ายพึมพำเสียงแผ่ว แต่ยังไม่วายที่คนหูไวอย่างบาสจะได้ยิน
“ผมยังไม่ได้เลียเลยหมอต่าย มาหาว่าผมเลียได้ยังไงกัน ทะลึ่งนะเนี่ยพี่หมอ”
“อย่ามาพูดจาสกปรกพ่นเชื้อโรคใส่นะ”
“อูย แรงเว้ย คนเป็นหมอเค้ารักสะอาดนะ ต้องเอาเดทตอลล้างปากก่อนจะได้คุยกันไหมครับพี่หมอ”
“เดทตอลเอาไม่อยู่หรอก ผมว่าเอาน้ำยาล้างห้องน้ำล้างจะดีกว่า”
“ฮิ้วววววววววว”
ว่าที่คุณหมอทำหน้าเบื่อ ชักปวดหัว รู้สึกว่าเส้นประสาทตัวเองเต้นตุบๆแทบจะระเบิด ตัวคนเดียวแบบนี้เสียเปรียบชะมัด อันที่จริงเขาน่าจะรู้ตัวว่าเสียเปรียบตั้งแต่ลงไปต่อล้อต่อเถียงกับเด็กพวกนี้แล้ว คนตัวขาวหันหลังกลับ รู้สึกเสียดายเวลาและน้ำลายที่จะต้องต่อล้อต่อเถียงกับเด็กพวกนี้เหลือเกิน
มือใหญ่สีแทนกรำแดดจากการเล่นกีฬากลางแจ้งจับต้นแขนเล็กแต่ก็มีกล้ามเนื้อสมส่วนแน่น “หมอต่ายเดี๋ยวสิครับ ขอบคุณนะครับที่เอาเสื้อมาคืน”
ต่ายกรอกตาพลางถอนหายใจ พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก็ยังดีที่ยังมีมารยาทบอกขอบคุณ “เหมือนกัน” ดวงตาสวยหรุบต่ำ เอามืออีกข้างง้างมืออีกฝ่ายออกอย่างรำคาญ
“นี่รู้อะไรมั้ย” ว่าที่คุณหมอเกริ่นขึ้นคิดได้ว่าต้องบอกเสียหน่อย เขาใช้นิ้วดันแว่นที่เลื่อนลงมาเพราะเหงื่อออกให้กระชับกับใบหน้า
“เสื้อน่ะซักซะบ้างนะ เหม็นสาบ!”
ร่างขาวๆของว่าที่คุณหมอกลับไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ร่างของคนแขนเจ็บที่ยืนยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดี เดินผิวปากกลับไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนท่ามกลางสายตาของทั้งเพื่อน รุ่นพี่และรุ่นน้องที่มองตามด้วยสายตาล้อเลียน
“สรุปมึงเอาเสื้อไปอ่อยเค้าไว้จริงๆอย่างที่พี่โก้ว่า” หนึ่งในสองเพื่อนสนิทเอ่ยทักขึ้น
“เฮ้ย พี่หมอแกผู้ชายนะเว้ยบาส เอาจริงเหรอวะ มึงก็ไมได้เป็นเกย์ทำไมเปลี่ยนรสนิยม กูดูพี่หมอเค้าก็ไม่ได้แต๋วเลยนะมึง ไปถูกใจอะไรเขาตรงไหนถึงเค้าจะหน้าตาดีก็เถอะวะ”
“เป็นผู้ชายไม่พอแถมยังเป็นหมอ มึงแม่งใจกล้ามาก ใฝ่สูงโคตรอะ”
บาสหัวเราะกับเพื่อนที่ถกเถียงเรื่องหมอต่ายอย่างอารมณ์ดี มองใบหน้าสลอนของพวกมันแล้วก็ขำ ตอบเพื่อนกลับเป็นทำนองเพลงอย่างอารมณ์ดีจนเรียกเสียงโห่ฮาจากทั้งโต๊ะด้วยความคำคะนอง
“หึหึ รู้ว่าเสี่ยง แต่คงต้องขอลอง”
การ์ตูน 4 ช่องประจำตอนค่ะ :)
credit to Klunatic ♥
ความคิดเห็น