คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Take #14.5 Half Break Special
#14.5 Side Story {โต x ไม้}
“หึ...”
ผมลอบยิ้มมุมปากเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมาทางไลน์ ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมันเท่าไรแต่พอมันเริ่มเด้งเยอะจนน่ารำคาญผมเลยสงสัยว่าวันนี้จะคุยอะไรกันนักหนา ปกติแล้วพวกผมไม่ค่อยคุยกันผ่านไลน์หรือแอพเท่าไรนักเพราะกลุ่มผมสามคนอยู่หอเดียวกันทุกคนครับ ส่วนใหญ่กรุ๊ปเนี่ยก็จะรวมพวกไอ้บาส ไอ้ปันแล้วก็ไอ้นพเข้ามาด้วย เรื่องที่คุยกันนอกจากยืมหนังสือ ยืมของแล้วก็มีแต่ชวนกันไปกินเหล้านี่ล่ะ ซึ่งปกติพอนัดกันทุกคนตอบตกลง กรุ๊ปก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม ผมมองข้อความอีกครั้งเพื่อความแน่ใจแล้วหลุดหัวเราะออกมาเพราะกลั้นไว้ไม่อยู่
“อะไรของมึง อ่านแล้วบอกกูด้วย”
ผมไม่ได้อยู่ที่ห้องคนเดียวครับ เตียงนอนขนาดคิงไซส์ของผมถูกจับจองด้วยอีกคนที่มันใช้ที่นอนผมเสมือนที่นอนของมันเอง
“มึงก็เปิดอ่านเองดิ เครื่องมึงก็มี”
“มึงอย่ามาเล่นตัว กูอ่านการ์ตูนอยู่มึงเห็นมั้ย พวกมันคุยห่าอะไรกันแม่งสั่นยังกับไวเบรเตอร์กูจะเสร็จไปหลายรอบล่ะ”
ผมหัวเราะในคำเปรียบเทียบของมัน มันถลึงตาโวยวายลั่นห้องทั้งๆที่อยู่กันแค่สองคนแต่ผมชินแล้ว มันไม่โวยวายสิที่แปลก
“ไอ้บาสเป็นแฟนกับพี่หมอแล้ว” ผมบอกแล้วกดปิดล็อกโทรศัพท์ตัวเอง วางบนโต๊ะข้างหัวเตียงที่อยู่ข้างๆแล้วซุกผ้าห่มหลับตา
ตุ๊บ
จุกสิครับ... ผมลืมตามองตีนน้อยๆขนาดเบอร์สี่สิบสองของมันที่วางอยู่บนหน้าอกผม มึงไม่พาดคอกูเลยล่ะอีกนิดเดียวเอง
“มึงอย่าล้อเล่น” มันโวยวายอีกแล้วครับ คราวนี้ระดับเสียงยิ่งดังกว่าปกติเข้าไปใหญ่ ก็ยังดีที่คอนโดที่พวกผมอยู่นั้นค่อนข้างมีราคาผนังห้องจึงไม่ได้บาง ไม่งั้นผมว่าคนข้างห้องผมต้องเดินมาเคาะประตูด่าตั้งแต่วันแรกที่มันมาห้องนี้แล้ว
“เอ้า กูล้อเล่นแล้วได้อะไร มึงเปิดอ่านเองสิวะ กูจะนอน เมื่อคืนก็ดึกแล้วมึงกวนกูทั้งคืนกูเพิ่งได้นอนตอนจะตีสี่เนี่ย”
“เชี่ย ใครกันแน่ที่กวนใคร มึงนั่นแหละไอ้โต แหกตาตื่นได้แล้ว มึงแม่งไอ้ตัวขี้เกียจ นอนทั้งวัน”
จ้ะ กูเป็นตัวขี้เกียจที่นอนทั้งวันจ้ะ แต่มึงน่าจะจำได้ว่าพอมึงตื่นมึงก็ร้องอยากกินชอคโกแลตร้อนแต่เช้า เขี่ยให้เป็นหน้าที่กูที่ต้องขับรถไปร้านกาแฟไฮโซของมึงภายใน 20 นาที แดกเสร็จแล้วก็นอนต่อมึงก็ล้มตัวลงนอนต่อส่วนกูตาค้างเพราะเสือกซื้อกาแฟติดมือมาแดกด้วยเลยขนผ้าลงไปซัก (ซึ่งมีส่วนของมึงอยู่เกินครึ่ง) กูคือตัวขี้เกียจจ้ะส่วนมึงคือไอ้ตัวขยัน
ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน เห็นท่อนขาที่พาดอยู่บนหน้าอกข้างหนึ่งกำลังกระดิกตีนดุ๊กดิ๊กเหมือนเป็นหมอนรองเท้าของมันแล้วหมั่นไส้ หน้ามันเหรอหันไปปลายตีนโน่น นอนอ่านการ์ตูนกลับหัวกลับหาง ปากดูดจูปาจุ๊บ เห็นแล้วแม่งหมั่นไส้ฉิบหาย ผมมองขาเล็กๆของมันแล้วจุดยิ้มมุมปาก มันเป็นคนแขนขาเล็ก ตัวก็บาง ดูไปๆมาๆแทบจะพอๆกับพี่หมอเลยด้วยซ้ำ ยังดีที่สูง ผิวมันเป็นสีน้ำผึ้งสวยที่ได้มาจากแม่มันล้วนๆ เพราะพ่อมันเป็นคนจีนแท้ขายทองอยู่เยาวราช ม๊าเป็นคนไทยที่ไม่มีเชื้อจีนปน ผมว่าที่มันโวยวายเพราะป๊าม๊ามันก็พูดเสียงโทนนี้กันทั้งบ้าน ยิ่งเฮียสองคนของมันนะไม่ต้องพูดถึง เสียงดังไม่พอหมายังหลุดออกมาทั้งฝูง ไอ้บาสที่ว่าแน่ไปเจอเฮียมันยังหงอ ยังดีหน่อยที่มันได้มาแค่เสียงดังโวยวายไม่ได้พันธุกรรมหมาตกทอดมาด้วย ผมมันยาวจนเกือบเลยบ่า อันที่จริงมันเคยตัดสั้นแต่ผมมันยาวไวมากหลังๆมันเลยขี้เกียจ ใช้วิธีมัดผมครึ่งหัวแทน ตอนไปเรียนหรือไปข้างนอกมันก็มัดต่ำๆอยู่หรอกแต่พออยู่ห้องทีไรมันชอบมัดสูงๆเพราะร้อน ตอนนี้ผมมันเลยชี้โด่ชี้เด่เป็นน้ำพุ
ป้าบ!
จ้ะ ข้างเดียวแม่งไม่พอ... ผมจับขามันทั้งสองข้าง ลากอย่างแรงด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เฮ้ย ไม่เอา เชี่ย ไอ้โตมึงนิสัยเสีย ไอ้หอยเม่น” มันดิ้นใหญ่ถีบจนผมโดนลูกหลงไปหลายรอบ และตอนนี้มันก็ขึ้นมาทับผมทั้งตัว เพราะมันดิ้นแรงมากเสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโพรกของผมที่มันใส่อยู่เลยเลิกขึ้นไปเยอะ ผมจุดยิ้มมุมปาก
“กูไม่มีหอยอะ แต่ถ้ามึงจะเอาอย่างอื่น...” ผมดึงมือมันมาจับ เห็นหน้ามันแดงแล้วสนุกดี
“ไอ้เชี่ย ทะลึ่ง สัปดน ปล่อยกูเลย สันดานจริงๆมึงนี่” มันฮึดฮัดใหญ่ เท้าของมันที่อยู่เฉียดหน้าผมไปเกือบกระแทกผมจนได้เลือด เห็นกูแหย่เล่นแล้วเอาใหญ่นะมึงนี่ มันยังไม่หยุดเตะไปๆมาๆเสียที นี่มันเฉียดหน้ากูไปกี่รอบแล้วดีที่กูไม่ใส่พระนะ ผมจับข้อเท้าของมันเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ ข้อเท้ามันเล็กจนผมกำรอบได้แล้วค่อยใช้จังหวะที่มันยังนิ่งอยู่พลิกทับมันแทน
“อยู่เฉยๆไม้ กูเจ็บนะตีนมึงก็ไม่ใช่เล็กๆ”
“ก็ตีนกูนี่ไม่ใช่ตีนน้องแอปเปิ้ล” อีกล่ะ มึงนี่ชอบพูดถึงน้องเค้าเนอะ
“มึงเลิกพูดถึงน้องเค้าเถอะว่ะ กูบอกกี่ครั้งแล้ว รำคาญ” ผมคงจะพูดเสียงดังไปหน่อย มันเลยชะงักมองหน้าผมนิ่ง
“โอ้ย!”
แม่งกระชากหัวผมครับ ดีนะที่ผมพอตั้งตัวได้เลยรั้งมือมันเอาไว้ทัน ทีนี้มันเลยจิกทั้งสองมือพร้อมกันเลย
“ไอ้ไม้” ผมตะคอกมันเสียงดังลั่นห้อง มันถึงค่อยๆปล่อย
“ลุกไปเลยไอ้เหี้ย” มันพูดเสียงนิ่งๆ แต่ตานี่จ้องผมวาวน่ากลัวเชียว แล้วกูกลัวมึงไหมล่ะ ... คำตอบคือไม่ครับเพราะผมไม่ได้ขยับไปไหน
“มึงเป็นไร หื้ม เมนส์ไม่มา หรือการ์ตูนไม่สนุก พระเอกตายนางเอกเป็นโรคเหมือนหนังเกาหลีหรือไง” ผมถามเสียงเรียบ มองมันที่นอนกัดฟันเพราะไม่ได้ดั่งใจ
“กูไม่มีเมนส์” มันกระชากเสียง คือระดับเสียงปกติมึงก็ดังอยู่แล้วมึงทำแบบนี้ยิ่งดังนะครับ “มึงตะคอกกูทำเหี้ยไรเล่า”
เออดีเนอะ มึงตะคอกกูได้ทีกูทำบ้างไม่ได้ แปลกเว้ยเฮ้ย
“ก็มึงพูดถึงเปิ้ลทำไม กูรำคาญ”
“มึงรำคาญกูใช่มั้ย ไอ้เหี้ย” นั่นไง มึงตะคอกกูอยู่เนี่ย น้ำลายจะกระเด็นใส่หน้ากูอยู่ละไอ้ไม้
“กูไม่ได้รำคาญมึง แต่กูรำคาญที่มึงชอบพูดถึงน้องมัน กูจบไปแล้วทำไมมึงต้องอ้างชื่อน้องมันตลอดเลยวะ มึงไม่ใช่เหรอที่เป็นคนไปอาละวาดให้กูเลิกยุ่งกับน้องเปิ้ลน่ะ”
“ทำไม มึงเสียดายงั้นสิ มึงอะโง่ เขามึงงอกออกมาจนเป็นกวางเรนเดียร์แล้ว”
หือ... ขนาดนั้นเลยหรือวะ
“ควายก็ได้นะ ไม่ต้องสงสารกู”
พอพูดจบไอ้คนตัวบางมันก็หัวเราะจนตาหยี นี่คงเป็นหลักฐานว่ามันเป็นลูกคนจีนล่ะมั้ง เพราะปกติแล้วตามันจะโตแถมเป็นสองชั้น แต่ถ้ามันยิ้มหรือหัวเราะเมื่อไรตามันจะปิดจนเกือบเป็นสระอิ ริมฝีปากมันสีแดงสดเพราะมันไม่สูบบุหรี่ ผิวสีน้ำผึ้งของมันไม่มีสิวฝ้ากระแดดอะไรเลยทั้งๆที่มันไม่เคยทาครีม สมบุกสมบันเท่าๆกันกับพวกผมด้วยซ้ำ มันหล่อครับ แต่คำว่าหล่อของมันกระเดียดไปทางหน้าคมมากกว่า จะให้มันหล่อก็ได้แต่ถ้าจะให้มันน่ารักมันก็น่ารักมากกว่า เพราะอย่างนี้มันเลยไว้เคราแพะบางๆเสริมสร้างความหล่อ มันเคยว่าไว้แบบนั้น
“มึงมันโง่ เพราะควายมันยังมีแค่สองเขา แต่สองเขาของกวางเรนเดียร์มันแตกกิ่งก้านสาขาออกไปเยอะกว่าควายอีกมึงไม่เห็นเหรอ” เออว่ะจริง ที่มันพูดก็ถูกนี่หว่า แหม ไอ้เราก็นึกว่ามันจะสงสารปลอบใจให้เป็นแค่กวางที่ดูน่ารักกว่าควาย
“เออๆ โอเค ตอนนี้กูไม่มีเขาอะไรทั้งนั้นแล้วสบายใจมึงยัง” ผมพูดส่งๆ มองไอ้คนที่มันหัวเราะจนน้ำตาเล็ด มือเล็กๆของมันขยี้เบาๆที่ผมสั้นๆของผม
“ไหนดูดิ๊” มันส์มือมันสิครับ ดีนะที่ผมของผมเองก็ไม่ได้ยาวมากมันเลยไม่ยุ่งเป็นรังนกไปมากกว่าที่มันควรจะเป็นมากกว่านี้ “โอเคตอนนี้มึงฉลาดแล้ว”
มันยิ้มตอบตาหยี ผมมองใบหน้าเนียนแล้วยิ้มตาม สายตาเจ้ากรรมของผมมันก็ซนเหมือนมือของเจ้าของเหลือหลาย เพราะมือข้างหนึ่งของผมที่ท้าวเตียงเอาไว้ไม่ให้ทับมันทั้งตัวค่อยๆขยับเลื่อนลงไปไล้ที่สีข้างของคนข้างล่าง มันสะดุ้งโหยง เงยหน้ามองผมตาโต
“ไอ้โต...”
มันจะพูดอะไรไปได้มากกว่านั้นในเมื่อปากแดงๆของมันถูกผมกดทับแนบสนิท ถึงแม้มันจะปากดี เสียงดังแถมขี้โวยวายแต่สิ่งที่ผมให้อภัยทั้งหมดคือริมฝีปากมันนุ่มมากครับ ผมค่อยๆจูบซับเบาๆ ละเลียดริมฝีปากที่ติดรสหวานกลิ่นโคล่า ทีแรกผมเอะใจนิดหน่อยแต่เมื่อเห็นก้านจูปาจุ๊บที่ตกข้างเตียงผมก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อสักครู่มันอมลูกอมอยู่ จูบครั้งนี้จึงได้รสหวานละมุนกลิ่นโคล่ามาด้วย ผมใช้จังหวะที่มันเผยอริมฝีปากหายใจแทรกปลายลิ้นเข้าไปหา กระตุ้นให้อีกฝ่ายตอบสนองบ้าง มือข้างที่ไล้เบาๆที่สีข้างค่อยๆช้อนแผ่นหลังเนียนลื่นจนมันต้องแอ่นตัวเข้าหา
“โต...”
เคยมีคนปรามาสมันไว้ว่าถ้าจะให้มันเสียงเบาล่ะก็ไม่ให้มันพูดง่ายกว่า อันที่จริงไม้ไม่ใช่คนพูดเยอะอยู่แล้ว มันจะพูดกับคนที่มันสนิทเท่านั้น ถึงหน้าตามันจะหล่อค่อนไปทางน่ารักหน่อยๆแต่ปากมันดีครับ ถึงมันพูดน้อยแต่ว่าแต่ละคำที่ออกมานี่ดีๆทั้งนั้น และมันจะไม่พูดมากกับคนที่มันสนิท อันที่จริงถ้ามันไม่สนิทกับใครมันก็พูดด้วยระดับเสียงปกตินี่ล่ะครับ มันเบาเสียงเป็นแต่มันไม่ค่อยทำ เพื่อนในเอกผมก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้เพราะทุกคนชอบมาแหย่ให้มันอารมณ์ไม่ดีจนต้องขึ้นเสียงใส่ สงสัยพวกมันเป็นมาโซ
กับผมเหรอ... มันมีระดับเสียงอยู่สองระดับครับในโหมดปกติคือดังมากและโคตรดัง
ส่วนโหมดนี้...
“อื้อ ไม่เอา ไม่ไหว”
ผมปล่อยมันหอบหายใจนิดหน่อย มือแหวกคอเสื้อที่กว้างอยู่แล้วเพราะมันเป็นเสื้อของผมเอง เสื้อยืดห่านคู่สีขาวปกติแต่พออยู่บนตัวมันนี่ดูดีฉิบหายเลยครับ เพราะชายเสื่อยาวลงไปปิดแค่โคนขาของมันนิดหน่อย อีกนิดก็จะปิดกางเกงบ๊อกเซอร์สีเข้มจนเหมือนมันใส่แค่เสื้อตัวเดียวแล้ว ผมแตะริมฝีปากบนไหปลาร้าที่โผล่ออกมา กดเบาๆจนมันหดคอหนีด้วยความจั๊กจี้
“ไอ้โต...”
ครับ จริงๆแล้วมันทำเบาเสียงเป็นนะ... พวกคุณมาลองฟังไหมล่ะครับ
แต่ก่อนหน้านั้น ช่วยข้ามศพผมไปก่อนแล้วกัน.
ความคิดเห็น