คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Take #11 {re-write} + fanart หมอต่าย & บาส
“ว่าที่เขยแพทย์คนแรกของคณะมาแล้วเว้ย”
เสียงโห่ร้องระงมไปทั่วลาน เกียร์เมื่อเจ้าของร่างสูงผิวแทนผู้ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นว่าที่เขยตามที่ถูกแซวเหยียบย่างเข้าเขตคณะ เรื่องนี้มันแดงแจ๊ดแจ๋ไปทั่วเพราะไอ้พี่รหัสตัวดีและสมาชิกสามแยกปากหมาอีกสองตัวที่ขยันโม้เรื่องของเขาไปทั่ว บาสแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนปากโป้ง เล่าเรื่องทุกเรื่องแต่แค่พวกมันมีพรรคพวกที่เป็นสายให้อย่างดีเยี่ยมอย่างพี่ไบค์เท่านั้นความลับที่เขาตั้งใจจะปกปิดทุกเรื่องมันก็ไม่มีทางเป็นความลับได้อีกต่อไป บาสกระตุกยิ้มตอบกวนๆเมื่อเดินผ่านเพื่อนต่างกลุ่มที่เงยหน้ามามองเขาล้อๆ พร้อมกับตบไหล่เบาๆ จริงๆเขาก็ไม่ใช่ไม่ชอบอะไร โดยส่วนตัวลึกๆแล้วอย่าหาว่าเป็นคนขี้อวดเลย เขาชอบด้วยซ้ำ พี่ต่ายน่ารักน้อยเมื่อไร ถ้าได้เป็นแฟนจะไปหาวันละสามเวลาเลยเอ้า แต่อย่างไรเขาก็ค่อนข้างกังวลถึงชื่อเสียงของอีกฝ่ายพอสมควร หากรู้ว่าทั้งคณะวิศวะรู้จักพี่ต่ายในฐานะว่าที่สะใภ้วิศวะเหมือนที่พวกมัน เรียกเขาว่าว่าที่เขยแพทย์แล้ว ไม่รู้คนน่ารักนั่นจะทำหน้ายังไง ยิ่งเป็นประเภทที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่พอใจแน่ๆที่มีคนเอาเรื่องของตัวเองมาล้อเล่นแบบนี้ ใบหน้าเรียวนั่นคงจะบึ้งตึง ริมฝีปากบางแดงนั่นจะต้องเม้มแน่น ขมวดคิ้วตลอดเวลาแถมความซวยอาจจะตกมาอยู่ที่เขาก็ได้
คิดถึงอีกแล้ว นี่เพิ่งห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเองนะเว้ยไอ้บาส
ขายาวก้าวเข้าที่โต๊ะม้าหินประจำกลุ่มที่ถูกจับจองด้วยเพื่อนอีกสองคนที่มา เช้าผิดปกติ แถมตัวแถมมาอีกสามคน พอห้าคนนั้นเห็นเขาทรุดลงนั่งตรงที่ว่างก็แค่เงยหน้ามามองครู่เดียวก็ก้ม หน้างุดๆ นพกำลังเปิดสมุดโน้ตคู่กับตำราเล่มหนาที่ยืมมาจากห้องสมุด สุมหัวอยู่กับไอ้โต เพื่อนอีกกลุ่มที่สนิทกันดีเนื่องจากไปกินเหล้าด้วยกันบ่อย อันที่จริงกลุ่มเขากับไอ้โตมาสนิทกันได้เพราะมีเรื่องกันมาก่อน พอรับรู้ว่าปัญหามันขี้ปะติ๋วไม่รู้จะชกกันไปทำซากอะไร เลยหันหน้ามาคุยกันจนคล้ายๆจะกลายเป็นกลุ่มเดียวกันไป บาสเหลือบมองหัวกระดาษที่บรรจงเขียนชื่อวิชา RC Design หรือวิชาออกแบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กแล้วก็ต้องถอนใจ ดีว่าทำจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเลยไม่ต้องมานั่งปั่นมือหงิกเหมือนพวกมัน นพเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมขมวดคิ้วหนาๆนั่น มือเอื้อมหยิบกาแฟปั่นที่ละลายจนน้ำนองโต๊ะไปแล้วเกินครึ่ง
“ทำไมวันนี้มึงมาไว การบ้านอะ เสร็จแล้วเหรอวะ”
บาสยักไหล่ “ระดับนี้แล้ว มึงสุมหัวลอกกันขนาดนั้น’จารย์นิดเล่นทั้งเซคแน่”
“ไม่มีทาง พวกกูดัดแปลงคำตอบเรียบร้อยแล้ว เมื่อกี๊กูเจอพี่โก้ ตาโหลแบกโปรเจคมาแต่เช้า เรียกให้แม่งช่วยหน่อยก็ไม่ยอม ไร้น้ำใจจริง”
“ของมึงตอบอะไร เอามาดู เผื่อกูแถๆไถๆเอา”
บาสเปิดเป้เน่าๆที่สะพายอยู่ รื้อๆสมุดฉีกขนาด A4 ที่มีตรามหาวิทยาลัยส่งให้พวกมัน ห้าหัวสุมกันอ่านคำตอบของเขาอย่างกับแร้งทึ้งเศษอาหาร เห็นแล้วสมเพชเป็นบ้าเลย
“ช่วงนี้มึงทำตัวดีนะ การบ้านเสร็จไว กลับบ้านเร็ว เหล้าไม่แดก” ไอ้โตเงยหัวมาแซวคนแรก เปิดกระดาษคำตอบของตัวเองเทียบ “เมื่อวานกูไปกินเหล้ากับไอ้นพไอ้ปัน กูบอกให้โทรชวนมึงมา พวกมันสองตัวบอกชวนยังไงมึงก็แม่งไม่มา รสหมอเป็นไงมึง เด็ดไหม”
“มึงตกไปคำนึงไอ้โต รส’ตีน’หมอเว้ย” พูดจบก็ฮาครืน บาสเอื้อมตบหัวไอ้ปันที่พูดได้แม้มือจะปั่นเขียนจนแทบจะเป็นเหน็บ บาสเห็นกระดาษคำตอบมันขาวกว่าใครเพื่อน สงสัยไอ้นี่ไม่ได้เริ่มเลยสักตัวก่อนมาลอก ส่วนคนอื่นคงร่างๆมากันบ้างแล้วถึงเสร็จไวกว่า
“เฮ้ยๆ อะไรวะ โหดขนาดนั้น” หนุ่มผมยาวประบ่าทีรวบผมครึ่งหัว ไว้เคราบางๆที่ปลายคาง ดูท่าทางเซอร์ๆนั่งข้างโตแซวขำๆ
“ช่วยไมได้ว่ะไม้ มันอยากเล่นของสูง แหม รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง... ลองมีดหมอน่ะสิ”
“พี่ ไบค์เล่าให้กูฟังว่ามึงขับรถไปรับไปส่งพี่เค้าทุกวัน จริงเหรอวะ ไอ้คนที่มีใบขับขี่ไว้เข้าผับแบบมึงเนี่ยนะ” นพถามบ้าง ก็แหม นานๆทีไอ้เพื่อนตัวดีมันจะอยู่ให้ซักฟอก โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เดี๋ยวนี้พอมีเวลามันก็เผ่นไปตึกแพทย์ เย็นก็ไปรอส่งพี่หมอเข้าเวร เรียกได้ว่าทำดีได้โล่ในช่วงโปรโมชั่นแจกขนมจีบ
“รถพี่พีคด้วย มินิคูเปอร์คันทรีแมน แมนเชี่ยๆ”
“พี่พีคเมียพี่ไบค์อ่ะนะ”
“เออ มึงอย่าพูดคำว่าเมียให้พี่พีคแกได้ยินนะเว้ยไม่งั้นมึงอาจถึงฆาตได้” บาสพูดปนหัวเราะ คิดถึงใบหน้าคมที่ติดจะบึ้งตึงของแฟนพี่ชายแล้วก็ต้องแอบขำ รายนั้นเคยยิ้มที่ไหน ยิ้มทีเสียวสันหลังวูบ
“มึงสองคนพี่น้องกะตก บ่อเงินบ่อทองเหรอวะ พี่ไบค์แม่งมีหน้าตาเป็นอาวุธ ไม่รวยมากแต่คารมกินขาด พอเปิดเผยว่าคบกับเพื่อนสนิทที่เรียนศิลปกรรมทีสาวแทบหัวใจสลายทั้งม. พอรู้ว่าเป็นพี่พีคแม่งมีแต่คนถอย จะหญิงจะชายไม่กล้าแหยมเฮียแกหรอก แต่พี่มึงอะมีดี มึงมีอะไรวะบาส พี่หมอแม่งรวยพอๆกับพี่พีคเลยมั้ง”
“เผลอๆจะรวยกว่า...” นพพูดแทรกขึ้นมา
“นี่ มึงเห็นพี่กูกับกูเป็นคนยังไง ไอ้เพื่อนเชี่ย กูจะรู้ได้ไงว่าใครรวยไม่รวย ไม่ได้เจอกันหน้าโชว์รูมรถนี่ไอ้เพื่อนเลว เห็นก็ชอบ ก็จีบ แค่นั้นเว้ย”
“แต่สิ่งที่มึงจีบน่ะมันเครื่องบินเว้ยไอ้หมา” โตที่ตัวโตสมชื่อตบไหล่บาสเบาๆ “กูรอฟังข่าวดีแล้วกัน”
“เออ ‘ใจ แล้วเมียมึงอะเป็นไง น้องเปิ้ลน่ารักคนนั้น” บาสเอาศอกกระแทกเพื่อนต่างกลุ่มกลับ โตที่กำลังแย่งกาแฟของนพมาดูดถึงขั้นวางแก้วลง
“เลิกแล้ว”
“เฮ้ย ทำไมวะ กูขอโทษที่พูดถึงแล้วกัน”
“เออ ช่างแม่งเหอะ กูไม่ได้ติดใจอะไร ถามได้”
“น้องเปิ้ลน่ารักของมันเป็นเด็กเสี่ยเว้ย เห็นหงิมๆที่ไหนได้ มาหาแดกกับเพื่อนกูแล้วก็ไป” ไม้พูดขำๆ บาสเห็นโตเองก็หัวเราะขำไปกับเพี่อนด้วยจึงพอเข้าใจว่าโตมันไม่ได้คิดมาก เรื่องนี้จริงๆ มือใหญ่ตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนบ้าง
“คนดีๆมีอีกเยอะมึง”
“คนดีๆมีเยอะ แต่คนดีๆที่ยอมอยู่กับคนเลวๆแถมจนอย่างกูเนี่ยมีน้อยไงเชี่ยบาส” เพื่อนตัวใหญ่กว่าพูดติดตลก ละจากแก้วกาแฟปั่นของนพมาได้ก็มาคว้าแก้วกาแฟยี่ห้อดังสีเขียวที่มีกาแฟจน เกือบเต็มมาดูดปรื้ดเดียวหมด เจ้าของแก้วเลยเงยหน้ามามองนิ่งๆพร้อมโบกหนังสือเล่มหนาเข้ากะบาลให้อย่างแรง
“ตัวเล็กแรงเยอะจังวะ”
“มึงเดินกลับไปซื้อมาให้กูใหม่ เลยนะไอ้โต กูดูดไปสองอึก มึงดูดหมดแก้ว เหี้ยจริง” โวยวายเสียงดังลั่น แต่มันเป็นเรื่องปกติของลานเกียร์อยู่แล้ว คนรอบข้างเลยไม่ได้สนใจอะไรกันมาก
โตหัวเราะในลำคอ “กาแฟกระป๋องร้านตรงป้อมได้ไหมละมึง” เขารู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนตัวดีไม่กินก็ยังชอบแกล้งมันเล่น
“มึงไม่ต้องลอกงั้นไปกับกูหน่อยบาส” โตสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ สองหนุ่มตัวโตลุกขึ้นเดินออกไปจากลานเกียร์
ตอนแรกบาสไม่รู้หรอกว่าโตจะพาเขาไปไหน แต่พอมันเดินออกไปนอกรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อข้ามไปตึกใหม่ที่มีร้านกาแฟแบรนด์นอกแล้วก็นึกอ๋ออยู่ในใจ
“ตามใจระวังแม่งเคยตัว” บาสพูดขึ้นดักทาง ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึมาจากเพื่อนตัวใหญ่ อันที่จริงโตไม่ได้สูงกว่าบาสมากเท่าไรนัก แต่เพราะทั้งคู่ก็สูงเกิน 180 ซม.ทั้งคู่อยู่แล้ว เมื่อมาเดินด้วยกันจึงเป็นจุดเด่นทั้งสองคน แถมเสื้อช๊อปที่สวมใส่ยิ่งเพิ่มความดิบเข้าไปอีก
“ไอ้นพเล่าให้กูฟังว่าแรกๆมึงก็พยายามจะเอาใจพี่หมอด้วยไอ้นี่แต่เค้าโยนของมึงทิ้งทุกรอบ”
“เออ ไม่เคยแตะ น้ำตากูแทบร่วง ชาเขียวห่าอะไรแดกข้าวได้ทั้งวัน” บาสพูดกลั้วหัวเราะ คิดถึงช่วงเวลานั้นแล้วยิ้มบางๆ
“ดู มึงก็ยังมีความสุขนะ” โตเห็นเพื่อนต่างกลุ่มที่แม้ไม่ได้ตัวติดกันเหมือนกับเพื่อนอีกสองคนแต่เขา กับมันก็ค่อนข้างจะสนิทกันพอสมควรเลยทีเดียว
“แล้วมึงล่ะ มีความสุขมั้ย” บาสมองเพื่อนตัวโตที่หยิบแบงค์สีแดงสองใบออกมาจากปึกแบงค์ที่เต็มไปด้วยสี ม่วงบ้าง แดงบ้าง โตไม่เคยใช้กระเป๋าตังค์เลยตั้งแต่ที่เขารู้จักมันมา มันบอกมีก็หายมันเลยพกแต่เงินสดกับบัตรเอทีเอ็มและบัตรนักศึกษาในกระเป๋า เสื้อช๊อปตลอด คนท่าทางเซอร์ๆที่ท่าทางไม่ได้เข้าร้านกาแฟแบรนด์นอกบ่อยแต่เขากลับเห็นมัน สั่งกาแฟอย่างเคยชิน
โตยักไหล่ ยื่นเงินส่งให้พนักงานแคชเชียร์ที่ทวนรายการที่เขาสั่งพร้อมแนะนำโปรโมชั่น ที่ตัวเองได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ รับเงินทอนแล้วก้าวไปรอกาแฟที่ปลายบาร์ ยืนล้วงกระเป๋าตากแอร์เย็นๆ มองไปรอบๆร้านๆ อันที่จริงโตเองก็ไม่ได้หน้าตาแย่ จัดได้ว่าดีคนหนึ่ง ตอนปีหนึ่งมันยังวิ่งหนีรุ่นพี่ที่จะจับประกวดเดือนกับเขาด้วยซ้ำ ก็เหม็นขี้หน้ากันตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา แต่พอเคลียร์กันแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องแม่งไร้สาระ เป็นเพื่อนกันมันส์กว่าเยอะ บาสเห็นสายตาบรรดานักศึกษาผู้หญิงไม่รู้รุ่นพี่หรือรุ่นน้องที่เดินเข้าร้าน กาแฟมองมันเหลียวหลัง หน้ามันคม ดิบๆ ตามแบบฉบับคนไทยแท้ภาคใต้ ตาหวานเสียจนหลายคนอิจฉา
“กูไม่เจอพวกมึงนานกูพลาดอะไรไปหรือเปล่า วะ” บาสถามขึ้นเบาๆ เขามองกาแฟแบบเดิมกับที่โตมันดูดจนหมดเมื่อครู่แถมเพิ่มขนาดเป็นไซส์ใหญ่สุด เสียด้วย
“จะพลาดอะไร กูก็เหมือนเดิม ส่วนเรื่องของมึงอะไม่มีใครพลาด พี่โก้กับพี่ไบค์แม่งเหมือนเป็นโทรโข่งของมหาลัยแบบนั้น”
“ไม่ ใช่แบบนั้น คือมึงเถอะเรื่องน้องเปิ้ลนี่เป็นไงมาไงวะ” บาสถอนใจ ไม่รู้จะต้อนมันไปทางไหน อันที่จริงเขาก็ไม่ถนัดไล่ต้อนคนอื่นอยู่แล้ว อยากเล่าก็เล่า ไม่อยากก็ไม่รู้จะง้างปากยังไงเหมือนกัน เลยเปลี่ยนเรื่องไปถามเรื่องอื่นแทน
“ไม้มันว่าไงก็ตามนั้น”
“มึงไม่เสียใจ เห็นตัวติดกับน้องเค้ายังกับอะไร”
“ก็เด็กมันน่ารัก ช่างเถอะมึง”
บาสเหล่มองเพื่อนที่เอากระดาษทิชชู่สีน้ำตาลห่อแก้วกาแฟอย่างดี ช่วงขายาวก้าวไม่กี่ก้าวก็เดินไปถึงบานประตูกระจกแล้ว เขาเป็นว่ามันมีมือเดียวส่วนตัวเขาว่าง เลยเปิดประตูให้มันเดินออกไปก่อน
“มึงดูชิวไปว่ะกูว่า” บาสส่ายหน้า รู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
“กูว่าแทนที่มึงจะมาสงสัยกูที่ตอนนี้ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร มึงสนใจนี่ดีกว่า” โตชี้ไปข้างตัวทิศเก้านาฬิกา บาสที่ยืนอยู่ฝั่งขวาเลยต้องชะโงกตัวไปด้านหน้าเพื่อมองสิ่งที่เพื่อนชี้ให้ดู คนตัวใหญ่สองคนมาเดินข้างๆกัน จะทำอะไรก็ดูขัดกันไปหมด
“อยู่หลังกูล่ะมึง” โตหัวเราะขำ เพราะบาสชะโงกมาด้านหน้าในขณะเดียวกับที่บุคคลที่เขาชึ้ชวนให้มันสังเกตก้าว เท้าไปด้านหลังเขาพอดีราวกับเล่นซ่อนแอบ
“มาเล่นหนังอินเดียอะไร ผ่านตัวกูวะเนี่ย” พูดเหมือนเคืองแต่เจ้าตัวก็แอบตลกอยู่เล็กๆ บาสใช้ความเร็วหันหลังกลับพอดีกับที่อีกคนกำลังเล็ดรอดเข้าประตูร้านไป
“พี่ต่าย”
ว่าที่นายแพทย์จิระภัทรหรือพี่หมอต่ายในชุดนักศึกษาชายถูกระเบียบเรียบร้อยไม่ เคยคิดว่าตัวเองจะถูกลากถูลู่ถูกังมาจนถึงลานเกียร์วิศวะอันน่าอัปยศแห่งนี้ อีกครั้ง แถมคราวนี้ดูจะเด่นกว่าครั้งก่อนเสียอีก ต่ายไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนตัวเล็ก แต่พอได้อยู่ท่ามกลามรุ่นน้องคณะวิศวะสองคนนี้กลับรู้สึกว่าตัวเองผอมบางนัก แม้เขาจะสูงแต่กับโปร่งบาง ในขณะที่ทั้งบาสและโตตัวสูงใหญ่มีกล้ามเล็กน้อยแบบคนที่ออกกำลังกายเป็น ประจำ นายบาสว่าสูงใหญ่แล้ว นายโตนี่ตัวโตสมชื่อยิ่งกว่า ต้องบริโภคสารอาหารมากเกินความต้องการของคนปกติแน่ๆ แล้วสองคนนี้ก็เหมือนจงใจเดินประกบข้างคุณหมอทั้งสองข้างเสียด้วย
ทำอย่างกับเขาเป็นนักโทษที่ถูกคุมตัวอย่างไรอย่างนั้นนั่นแหละ!
บาสเห็นคนตัวเล็กกว่าทำปากขมุบขมิบแล้วนึกขำ ทำไมพี่ต่ายทำอะไรก็น่ารักน่าเอ็นดูไปหมด มือใหญ่ยกขึ้นแตะท่อนแขนขาวเบาๆให้เดินเลี้ยวไปตามทางเบื้องหน้า โตลอบยิ้ม อย่าว่างั้นงี้เลย ก็เห็นยอมตามกันดีออก ขายาวก้าวนำไปด้านหน้าก่อนเมื่อคิดว่าตัวเองชักจะเป็นก้างขวางคอมากเกินไป เสียแล้ว
"เอาแล้วกลับเลยนะ"
"ห๊ะ อะไรนะ เอากันแล้วกลับเลย!" หนุ่มรุ่นน้องหันมากระซิบกระซาบเสียงดังทำเอาคนมือไวสะบัดมือตบท่อนแขนแข็งๆดังป้าบ บาสลูบแขนตัวเองป้อยๆ "โอย เจ็บ นี่ถ้าแขนหักอีกรอบทำไงเนี่ยพี่"
"เอาพาวเวอร์แบงค์ แล้วจะกลับเลย อย่าเล่นลิ้น" ดวงตากลมที่ถูดบดบังด้วยแว่นกรอบดำถลึงมองด้วยความโมโห แต่สำหรับคนที่ความรักบังตาอย่างนายบุรินทร์แล้ว หมอต่ายจะทำอะไรก็น่ารักไปหมดนั่นแหละ
"ยังไม่เคยเล่นเลยนะ ลิ้นอ่ะ..." บาสบ่นอุบอิบ แต่พอเห็นสายตาถมึงทึงนั่นแล้วก็ต้องหุบปากสนิท
ต่ายรู้สึกว่าตัวเองพลาดมาก พลาดตั้งแต่เมื่อคืนที่ลืมชาร์ตแบตออกมาแล้ว เมื่อเช้าก็มัวแต่วุ่นวายอยู่กับใครอีกคนที่โผล่มาทำชีวิตเขารวนแต่เช้ามืด เขาลืมชาร์ตแบตโทรศัพท์จนมาเห็นเมื่อกี๊ว่าเหลือไม่ถึง 20% เลยว่าจะเดินไปกินกาแฟรีเฟรชสมองที่อ่อนล้าให้ตื่นขึ้นมาหน่อยและใช้สถานที่ ชาร์ตแบตให้ขึ้นมาสักนิดก็ยังดี อย่างน้อยน่าจะอยู่ได้เกินครึ่งวัน ตอนเย็นยังไงก็ต้องขึ้นวอร์ด ไม่ค่อยได้ใช้งานอยู่แล้ว ไม่รู้อะไรบันดาลให้บังเอิญเจอคนที่เพิ่งแยกกันไปเมื่อเช้าอีก
หมอนี่พระเจ้าเข้าข้างจริงๆ ให้ตายเถอะ
ต่าย ฮึดฮัด จริงๆเขาน่าจะเชื่อที่ตัวเองคิดแต่แรก ไม่คล้อยตามไอ้เด็กวิศวะจนเดินมาถึงถิ่นนี่ หนุ่มรุ่นน้องที่ตามเทียวไล้เทียวขื่อเสนอให้เขาเดินกลับมาเอาพาวเวอร์แบงค์ ของตัวเองไปใช้ก่อน เวลาแค่แป๊บเดียวไม่มีทางชาร์ตแบตได้เต็มแน่นอน จะถึงครึ่งไหมก็ไม่รู้ อีกอย่างคือ ...
"ถ้าผมติดต่อพี่ต่ายไม่ได้ แล้วพี่เลิกเวรผมจะทำไง จะรอตรงไหน พี่ต่ายเลิกกี่โมง จะกลับกี่โมง จะให้ผมไปรับตอนไหน แล้ว..."
"พอ!"
มือเล็กดันแว่นอย่างอารมณ์เสีย ให้ตายสิ หลงกลทุกที ผลคือเดินตามมาถึงคณะวิศวกรรมนี่อีกแล้ว ตัดบทไปเพราะความรำคาญใจทีเดียวเลยจริงๆ ร่างโปร่งมองไปรอบๆลานเกียร์ที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ คิดในใจว่าทำไมถึงเรียกลานเกียร์แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร จะให้ถามเจ้าพวกนี้สู้กลับไปเปิด Wikipedia อ่านเอาเองดีกว่า ต่ายรู้สึกว่าตัวเองเป็นจุดสนใจ แต่เพราะเป็นคนที่ไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้างมากเท่าไรนักเขาจึงไม่รู้สึกขัด เขินอะไร อันที่จริงเขากลับคิดว่าหลายคนหันมามองเด็กวิศวะสองคนที่เดินมาพร้อมเขา มากกว่า
ตาเรียวเหลือบมองคนที่เดินอยู่ด้านข้าง หลังจากโดนทำร้ายร่างกายไปก็เงียบสนิท เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาเหลือบมอง ใบหน้าคมนั้นจึงหันกลับมามองพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเช่นทุกครั้ง ต่ายสะดุ้งวาบรู้สึกเหมือนโดนจับได้เมื่อทำความผิด ขาเรียวผงะก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ พันแข้งพันขาตัวเองจนเซไปอีกด้าน
“เฮ้ย พี่ต่าย” เสียงทุ้มตะโกนเรียกลั่น มือใหญ่คว้าเข้าที่แขนเรียวที่เซไปด้านข้างอย่างไม่ได้ตั้งตัว มืออีกข้างโอบไหล่บางด้วยความตกใจ พออีกคนทรงตัวได้ตามปกติจึงค่อยเย็นลงบ้าง
“พี่ต่ายเป็นอะไร ทำไมเซ เป็นลมเหรอ นอนไม่พอ? หรือสะดุดอะไรตรงไหน” บาสถามเสียงลั่น มือจับไหล่เล็กกว่าไว้แน่น สำรวจร่างกายอีกคนอย่างละลาบละล้วง ต่ายไม่ทันได้ห้ามอะไรเพราะตัวเองก็ยังตกใจที่วูบไปเมื่อครู่เช่นกัน ได้แต่ยืนนิ่งให้อีกคนจับแตะไปทั่ว
“มะ ไม่มีอะไร สะดุดนิดหน่อย” ต่ายพูดเมื่อตั้งสติได้ ใจหายวาบนึกว่าจะล้มลงไปเสียแล้ว ใจเต้นตึกตักด้วยความตกใจ
สาบานว่าตกใจ ไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กนี่กระชากเข้าไปกอดโดยไม่ทันตั้งตัวเสียหน่อย...
บาสถอนใจ วูบนึงเขาคิดว่าคนข้างๆนี่จะล้มลงไปต่อหน้าเสียแล้ว เมื่อโล่งใจแล้วก็ค่อยคลายแขนออก
“ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะดังลั่นมาจากทั่วทั้งลานเกียร์เรียกสติของหมอต่ายให้กลับมาเข้าที่ ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง ผลักคนตัวโตกว่าให้ถอยห่าง เสียงหัวเราะที่ดังที่สุดมาจากเด็กที่ชื่อว่าโตที่เดินนำหน้าเขาไปไม่กี่ ก้าว ร่างใหญ่หัวเราะเสียจนกาแฟในแก้วเกือบตกลงจากมือ
“หัวเราะอะไร!” ต่ายเอ็ดเสียงเบา หันไปมองรอบทิศ แม้ผู้คนจะเบาบางกว่าครั้งก่อนๆที่มาเพราะนี่ยังคงเป็นช่วงเช้ากว่าเวลาเข้า เรียนปกติแต่ใบหน้าเนียนก็ขึ้นสีแดงพาดไปทั้งแก้มใสของว่าที่คุณหมอหน้าเด็ก
“พี่รู้มั้ยครับ” โตพูดสลับหัวเราะขำเสียงลั่น จนต่ายชักรำคาญ
“รู้อะไร สะดุดนี่มันน่าขำนักหรือไง ชีวิตนี้ไม่เคยสะดุดบ้างเหรอ อย่าให้รู้บ้างแล้วกัน”
“ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่ ฮ่าๆๆๆ” โตพูดปนหัวเราะ เผลอมองหน้ารุ่นพี่ต่างคณะด้วยความเอ็นดูขึ้นมา ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมบาสมันถึงชอบนัก “พี่สะดุดไม่ผิดครับ ประเด็นคือพี่มาสะดุดที่นี่นั่นแหละ”
บาสร่วมหัวเราะขำด้วย เมื่อถึงบางอ้อ ชายหนุ่มกลั้นยิ้มเต็มแก้ม เมื่อเห็นคนน่ารักหันมามองเขาด้วยความเจ็บใจปนอายแต่สายตากลับเอาเรื่องยิ่ง รู้สึกว่ามันน่ารักเสียจนอยากจับมาฟัดให้ชื่นใจ พอไล่เบี้ยกับไอ้โตไม่ได้เลยหันกลับมาไล่เอาคำตอบกับคนที่ยอมอยู่แล้วทั้ง ขึ้นทั้งล่องแบบเขา
“พี่ต่ายรู้มั้ย? พี่ลานเกียร์นี่มันมีตำนานนะ” พอตั้งสติได้บาสถึงค่อยปรับลมหายใจ พูดเป็นเสียงปกติให้อีกคนที่ทำหน้าบึ้งตึง
“ลานเกียร์ที่นี่มีตำนานว่าถ้าคนต่างคณะหรือคนนอกมาสะดุดที่นี่... คนนั้นจะได้แฟนเป็นเด็กวิศวะครับ”
พูดจบเสียงโห่ร้องที่ดังมาทุกทิศทุกทางทำเอาต่ายหน้าขึ้นสี ไม่รู้จะซีดหรือจะแดงดี เขาไม่รู้ว้าตอนนี้ตัวเองโกรธ โมโห ไม่พอใจหรือเขินกันแน่ แต่ที่รู้ๆเลยคือ ความผิดนี้มีต้นเหตุมาจากไอ้เด็กบ้านี่คนเดียว !!!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Fanart :: หมอต่าย & บาส
credit to Narutan ♥
ความคิดเห็น