ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {YAOI} เสื้อกาวน์หมอไม่อุ่นเท่าเสื้อช็อปวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #1 : Take #1 {re-write}

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 57


    #1



    โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!

     

    เสียงโวยวายที่ดังออกทำเอามือขาวที่กำลังยกกาแฟขึ้นดื่มชะงัก ช่วงขายาวในกางเกงผ้าเนื้อดีรีบก้าวเดินเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลรัฐที่แสนวุ่นวาย วันนี้เขายังไม่ได้พักทั้งวัน บทจะได้พักทีไรก็มีเหตุการณ์แบบนี้ทยอยเข้ามาอยู่เรื่อย อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้เหนื่อยมากเท่าแพทย์ประจำที่ทำงานเสียจนหามรุ่งหามค่ำเท่าไร แต่การเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปี 5 นั้นก็ไม่ได้ลำบากไปน้อยกว่ากันนักยิ่งเป็นช่วงเวลาเข้าเวรในห้องฉุกเฉินแบบนี้ มือขาวกระชับเสื้อกาวน์ที่สวมอยู่ให้เรียบร้อย เดินเข้าไปดูเตียงที่มีผู้ป่วยส่งเสียงร้องโวยวายอยู่ด้านในสุด แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินวันนี้กำลังตรวจดูอาการพลางถามอาการนิดหน่อย รอบๆเตียงผู้ป่วยมีผู้ชายร่างสูงสองคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนผู้ป่วยยืนอยู่ เหลือบตามองแล้วก็ต้องถอนใจ นิ้วเรียวดันแว่นให้เข้าที่พลางขมวดคิ้ว

     

    ญาติผู้ป่วยเชิญด้านนอกก่อนนะครับเขาพูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้ นึกรำคาญใจที่คนตัวใหญ่ๆสองคนยืนเกะกะเจ้าหน้าที่อยู่ทำไมกัน

     

    ไม่ๆๆ หมออย่าพวกมันออกไป ให้พวกมันอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนผู้ป่วยบนเตียงโวยวายลั่น นึกอยากจะเห็นหน้าจริงๆ ผู้ชายตัวโตๆ อาจจะโตกว่าเขาด้วยซ้ำร้องโวยวายยังกับเด็กเล็ก แต่ติดที่เจ้าตัวเอาเสื้อปิดหน้าเสียมิด

     

    คุณหมอจะตรวจและดูอาการไม่สะดวกนะครับ ช่วยออกไปรอด้านนอกสักครู่ พอทราบอาการแล้วจะให้พยาบาลออกไปแจ้งนะครับเหลือบตามองด้วยหางตาเห็นแพทย์ประจำกำลังจับดูข้อมือที่บวมจนม่วง อาการแบบนี้น่าจะหักเสียล่ะมั้ง

     

    เดี๋ยวอาจจะต้องเข้าเฝือกด้วยนะครับพูดแล้วถอนหายใจ

     

    อ้าว เข้าเฝือกเลยเหรอวะ งั้นเดี๋ยวพวกผมไปรอข้างนอกดีกว่ายังดีที่เพื่อนพูดจารู้เรื่อง ไม่วายตบขาผู้ป่วยแรงๆเหมือนให้กำลังใจ

     

    เชี่ย ขากูก็เจ็บขากระตุกขึ้นเหมือนจะเตะเพื่อน เขาหรี่ตามอง ที่ขาอาการไม่หนักหนาหรอกเสียล่ะมั้งถ้ากระตุกได้ขนาดนี้

     

    ที่นี่โรงพยาบาลนะครับ กรุณาใช้คำสุภาพและงดใช้เสียงดังด้วยครับ มันเป็นการรบกวนผู้ป่วยท่านอื่นเขาเตือนด้วยความหวังดี ติดจะรำคาญหน่อยๆ แพทย์ประจำหันไปคุยกับเพื่อนของเขาที่ทำหน้าที่เป็นแพทย์ผู้ช่วยสองสามคำ เขาเงี่ยหูฟัง พลางจับอุปกรณ์ที่อยู่บนโต๊ะเตรียมการข้างๆเพื่อเตรียมการรักษาขั้นต่อไป

     

    ไม่จริงอะ ผมไม่ได้เสียงดังนะ อาม่าเตียงตรงข้ามนี่ร้องโอย โอยดังกว่าผมอีกพูดเสียงอู้อี้ในกองเสื้อที่ปิดหน้า ... ทำแบบนั้นหายใจออกเหรอนั่น

     

    คนแก่แกก็เพ้อไปตามประสานั่นแหละครับ

     

    อาจารย์บอกว่าต้องไปเอ็กซเรย์อีกรอบ ขอฟิล์มใหญ่เต็มแขน แต่เราต้องทำแผลให้เตียงสอง นายพาไปพร้อมพี่บัวได้ไหม อาจารย์ฝากเอกสารนี้ให้หมอสุธีด้วยเขาพยักหน้าตอบอย่างเสียไม่ได้ นี่ตั้งแต่เช้าจรดเย็นข้าวก็ยังไม่ได้กินสักคำ ประทังชีวิตได้ด้วยน้ำเปล่าและกาแฟแท้ๆ ไม่รู้ว่าจบวันนี้จะเป็นว่าที่หมออย่างเขาหรือเปล่าที่ต้องลงไปนอนโอดโอยบนเตียงนั่นแทน

     

    คุณครับ คุณลงจากเตียงไหวไหม ลงมานั่งรถเข็นหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะให้พยาบาลพาไปห้องเอ็กซเรย์อีกรอบเขาสะกิดเบาๆ พลางคิดในใจว่าคนอะไรตัวก็ไม่ได้เล็ก แต่ปอดแหกเป็นบ้า

     

    ไปไหนอีกอ่ะหมอคนไข้โผล่หน้าออกมาจากเสื้อ ว่าที่คุณหมอตัวขาวชะงัก

     

    จ้องหน้าผมทำไมอะหมอ ผมหล่ออะดิ

     

    หล่อไหมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าหน้าตากวนอวัยวะเบื้องล่างแบบนี้เนี่ยแทนที่จะข้อมือหักมันน่าจะปากแตกเลือดกลบ ลิ้นขาดพูดไม่ได้ไปเลยน่าจะดีกว่า

     

    ถ้าลุกเองได้ก็ช่วยตัวเองนิดนึงนะครับ ขยับมาหน่อยครับเขาถอนหายใจเบาๆ พลางนับหนึ่งถึงสิบในใจ

     

    สรุปผมข้อมือหักจนต้องเข้าเฝือกเลยใช่มั้ยอะ ถ้าผมข้อมือหักแบบนี้แถมเป็นมือขวาด้วย แล้วผมจะช่วยตัวเองยังไงอะ?” คิ้วเรียวชักกระตุกกับคำพูดตื่นตระหนกที่ฟังแล้วกวนอวัยวะเบื้องล่าง ตาสีอ่อนเหลือบมอง ในใจนับเลขจนจะถึงร้อยแล้ว

     

    หมอตอบผมหน่อยสิ นี่มันเรื่องใหญ่ของชีวิตลูกผู้ชายเลยนะครับเขาเห็นท่าขยับลงจากเตียงดูทุลักทุเล แม้ไม่อยากยื่นมือเข้าไปช่วยแต่ด้วยจรรยาบรรณของแพทย์แล้วก็อดไม่ได้ที่จะช่วยประคองให้ลุกขึ้นจากเตียงและพยุงลงมานั่งที่รถเข็น เขาไม่ได้ตอบคำถาม กลับยิ้มมุมปากให้ส่งๆ นางพยาบาลประจำก้มลงยกขาคนไข้เพื่อวางเท้าลงกับชั้นวาง เขาเห็นว่าขาอีกฝ่ายก็ขยับไม่สะดวกเท่าไร น่าจะเคล็ดหรือซ้นไม่มาก

     

    หมอนี่ขนตาเยอะชะมัดบ่นอุบอิบเมื่อเห็นคุณหมอตัวขาวขยับเข้าใกล้ ได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อจางๆ ยังกับปัดมาสคาร่าเลย

     

    คุณเคยใช้เหรอครับ ดูเชี่ยวชาญนะครับ อดที่พูดจะแขวะกลับไปไม่ได้

     

    พูดงี้แปลว่าหมอปัดมาสคาร่าดิน้ำเสียงถามเหมือนไม่รู้จริงๆ ยียวนจนต้องกำมือจับที่รถเข็นแน่นๆ ไม่ให้มันกระตุกไปโดนร่างกายของคนไข้

     

    ไม่ได้ใช้ครับกัดฟันตอบ หางตาเหลือบเห็นพี่พยาบาลที่มาช่วยเข็นรถเข็นให้อมยิ้มเล็กเหมือนกลั้นขำแล้วก็เจ็บใจที่ตัวเองอยู่ในหน้าที่ ตอบโต้อะไรมากไม่ได้นัก

     

    หมอต่ายไปไหนคะเนี่ยเสียงพยาบาลวัยรุ่นที่แก่กว่าเขาหน่อยนึงเอ่ยเรียกระหว่างทาง หล่อนถือเอกสารออกมาจากห้องพัก เขายิ้มตอบ เหล่ต่ำมองกลุ่มผมสีดำสนิทของคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั่งเพราะได้ยินเสียงฮัมเพลง คนไข้ปากมากที่โวยวายเมื่อครู่นั่งนิ่งผิวปาก มองนั่นนี่อย่างสบายอารมณ์จนอยากจะบอกว่าถ้าสบายดีขนาดนี้แปลว่าไม่ได้เจ็บมาก กลับบ้านไปเลยก็ได้

     

    พอดีคุณหมอวิรัชฝากเอกสารไปให้คุณหมอสุธีที่ห้องแล็บด้วยครับ ผมเลยต้องเดินไปด้วย เขาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มสุภาพ เมื่อหล่อนรับทราบแล้วก็รีบขอตัว ปลีกเข้าไปช่วยงานในห้องผู้ป่วยที่ตัวเองรับผิดชอบ

     

    หมอชื่อต่ายเหรอ คุณหมอกระต่าย ก็ดูเข้ากับหมอนะเจ้าผู้ป่วยอารมณ์กวนกลับมาส่งเสียงแซวอีกครั้ง ต่ายเหลือบมองพี่พยาบาลที่เดินมาข้างๆกันกำลังกลั้นหัวเราะจนตัวโยน

     

    “ทำไมหมอหน้าเด็กจังครับ อายุเท่าไร คนเป็นหมอนี่ทำไมต้องใส่แว่นกันนะ แต่หมอใส่แล้วน่ารักเข้ากับหน้ามาก ชื่อก็น่ารักด้วย”

     

    ถึงห้องเอ็กซเรย์แล้วครับ หมอสุธีครับผมฝากด้วยนะครับ แล้วนี่เอกสารที่หมอวิรัชฝากมาให้ครับ เดี๋ยวผมขอตัวกลับไปห้องฉุกเฉินก่อนนะครับเขาส่งต่อคนไข้พูดมากให้กับนายแพทย์อีกคนที่เดินออกมารับพร้อมบุรุษพยาบาลอีกคนแล้วรีบเอ่ยลา ขืนให้เขาอยู่ต่ออีกนานหน่อยต้องประสาทกิน

     

    สาบานเถอะ .. เจอคนไข้แบบนี้ทุกวัน เขาต้องอายุสั้นลงไปอีกหลายปีแน่ๆ !

    .

    .

    ต่ายรู้สึกโล่งหูที่พอคนไข้เคสเมื่อสักครู่ที่กลับมาเขาก็ไปทำแผลให้กับเด็กผู้ชายที่รถจักรยานยนต์ล้มอยู่แล้วจึงไม่ต้องกลับไปช่วยงานเตียงนั้น สักพักพี่พยาบาลก็เดินมาเตือนว่าได้เวลาเขาออกเวรแล้ว เธอคงเห็นว่าเขาอิดโรยเต็มที รายงานวันนี้ก็ยังไม่ได้เขียนเสียด้วย เขาจึงเอ่ยลา ขอตัวแยกออกมาจากห้องฉุกเฉิน แล้วแวะไปนั่งเขียนรายงานส่วนของวันนี้ที่ห้องพักแพทย์สักครู่ก่อนจะกลับ กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็เกือบห้าทุ่มแล้ว เขาเดินออกจากห้องพักแพทย์ แทบอยากจะหายตัวจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้เหมือนด็อบบี้ที่หายตัวไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ

     

    คุณหมอนักศึกษาแพทย์เดินพาร่างอิดโรยมานั่งพักตรงจุดจ่ายยา หยิบไอโฟนขึ้นมาสไลด์ดูโปรแกรมไลน์เพื่อพิมพ์บอกเพื่อนว่าเขาจะรออยู่ตรงล็อบบี้ เขียนรายงานเสร็จแล้วให้รีบลงมา เขาเงยหน้าพิงพนักพิงของเข้าอี้ เลื่อนตัวลงพักคอ พักสายตานิดหน่อย เขาคงเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะรู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนมาเขย่าตัวเบาๆ ตกใจที่ว่าตัวเองเผลอเรอจนถึงขั้นแอบงีบในโรงพยาบาลทั้งๆที่ยังใส่เสื้อกาวน์เต็มยศ ลืมตามองเห็นเพื่อนตัวดีสองคนยืนมองกรุ้มกริ่มปนสงสัย

     

    มองอะไรกันวะเขาถามด้วยความสงสัย เห็นเพื่อนอีกสองคนที่กระซิบกระซาบกันแล้วมองมาด้วยแววตาฉงน พอขยับตัว เสื้อสีน้ำเงินเข้มคุ้นตาก็ไหลเลื่อนลงจากตัวลงไปกองกับตัก มือขาวหยิบขึ้นมาดูด้วยความงุนงง  เสื้อผ้าหนาสีเข้มนี่มันของใคร เขาคลี่เสื้อดูพลางเงยหน้ามองเพื่อนสองคนที่เลิกคิ้วเป็นเชิงสงสัย

     

    พวกกูมาถึงก็เห็นมึงนอนหลับมีเสื้อห่มให้มึงอยู่ล่ะ

     

    ว่าที่คุณหมอสะบัดเสื้อพลิกซ้ายพลิกขวา เห็นบิลค่ารักษาหล่นลงมาจากเสื้อสีเข้มที่มีตรามหาวิทยาลัยปักอยู่ตรงอกซ้ายเป็นชื่อมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา เจ้าของบิลน่าจะเป็นคนเดียวกับเจ้าของเสื้อด้วย พลิกซ้ายพลิกขวา นอกจากรายการค่ารักษาและชื่อเจ้าของยังมีลายมือหวัดๆ เขียนด้วยปากกาหมึกดำไว้สองสามบรรทัด

     

    เห็นนอนดูท่าจะหนาว อยากให้รู้ไว้ว่าเสื้อกาวน์หมอมันไม่อุ่นเท่าเสื้อช๊อปวิศวะหรอกนะครับ

    ปล. อย่าลืมเอาเสื้อมาคืนผมด้วยนะครับ หมอต่าย 

    บาส เบอร์ 08x-xxx-xxxx
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×