ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {YAOI} เสื้อกาวน์หมอไม่อุ่นเท่าเสื้อช็อปวิศวะ

    ลำดับตอนที่ #14 : Take #14 {re-edit}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34.66K
      552
      28 ส.ค. 57

    #14


    สัมผัสอุ่นนุ่มที่ทาบเข้ากับริมฝีปากทำเอาคนตัวโตที่อยู่ต่ำกว่าเคลิ้มเสียจนละลอยละล่อง บาสยอมรับว่าตัวเองอ่อนที่แขนขาชา กระดิกกระเดี้ยวทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนเป็นอัมพาต จะรุกล้ำทำอะไรก็ไม่กล้า ก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นน้อยๆกำลังพองโตจนคับอก ริมฝีปากนุ่มหยุ่นของคนตรงหน้าขยับไล่ไปที่ผิวแก้ม ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อน ไม่คิดว่าคนตัวเล็กกว่าอย่างต่ายจะกล้าทำอะไรแบบนี้ เขารู้สึกได้ถึงความชื้นที่ไล้ต่ำลงไปเรื่อยๆ ขนอ่อนลุกเกรียวไปทั้งตัว รู้สึกถึงฟันคมที่ลากผ่านเบาๆที่ต้นคอของตัวเองจนระคายผิวเล็กน้อย

     

    เอ๊ะ เดี๋ยวนะ มันมีอะไรแปลกๆ

     

    บาสรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกกลับตาลปัตร ไม่รู้ว่าเพราะน้ำเมาที่ดื่มลงไปหรืออย่างไร เขารู้ว่าตัวเองดื่มไปเยอะจนค่อนข้างมึน แต่ไม่ถึงกับเมามายจนไม่ได้สติแน่ๆ เพราะตอนที่ไอ้ไม้กับพี่โก้แบกเขามาที่รถเขายังรู้สึกตัวอยู่ตลอด จะแอบมาเคลิ้มหลับนิดหน่อยตอนที่แอบหลับอยู่บนรถ พอถึงบ้านพี่ต่ายก็ทิ้งเขาลงกับโซฟาอย่างไม่ปราณี แต่ เฮ้ย มันไม่มีทางที่จะทำให้เขาอ่อนเปลี้ยระโหยจนไม่มีแรงจะขยับแม้แต่มือตัวเองไปได้ เขารู้สึกถึงสัมผัสหนักหน่วงที่ขยับจากช่วงหน้าอกลงไปที่ท้อง รู้สึกเหงื่อแตกไปทั่วทั้งตัว เชี่ยแล้ว นี่เขาจะต้องเปลี่ยนฝั่งจริงๆใช่มั้ยวะเนี่ย ชีวิตลูกผู้ชายตลอดยี่สิบปีของกู เขาฮึดเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีอยู่ ตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายลั่น

     

    เดี๋ยวก่อน พี่ต่าย!

     

    เขารู้สึกตัวเองเหงื่อแตก เสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวเปียกชุ่ม ดันแขนตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น หอบแฮ่กด้วยความตกใจเหมือนได้วิ่งหนีจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมา บาสกุมขมับ รู้สึกปวดจี๊ดไปทั้งหัวเพราะลุกขึ้นนั่งไวเกินไป ยกมือขึ้นคลึงขมับตัวเองเบาๆ

     

    เป็นอะไรเนี่ย คนที่ถูกเรียกชื่อถามด้วยความงุนงง

     

    จะไม่เป็นไรได้ไงล่ะพี่ พี่กำลังจะพรากความบริสุทธิ์ของชายแท้นามนายบริรักษ์ในวัยยี่สิบปีไปนะพี่ ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดาสิครับ แต่เดี๋ยวก่อน ... บาสเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นบุคคลที่ถูกพาดพิงในชุดอยู่บ้านเสื้อยืดสีครีมล้วนกับกางเกงขาสั้นสีกรมท่าสบายๆ ผมเส้นเล็กที่ลู่ลงมาปรกใบหน้าขาวเปียกหมาดๆ และบนไหล่เล็กนั่นมีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดเอาไว้ เขาเสมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงแดดสาดเข้ามาจากภายนอก ... ชิบหาย นี่มันเช้าแล้วนี่หว่า แล้ว ...

     

    ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำ พิซซ่ามานี่ ขึ้นไปเล่นบนโซฟาอยู่ได้ มีคนนอนอยู่เห็นมั้ย?”

     

    เจ้าสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลกระโดดดึ๋งไปหาเจ้าของทันทีที่ถูกเรียก บาสมองสถานการณ์ตรงหน้า ในใจพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นช้าๆ เดี๋ยวก่อนนะ สัมผัสจากริมฝีปากอุ่นๆ กับฟันคมๆที่ขบลงบนผิวเนื้อนั่น ...

     

    ไปอาบน้ำสิ เปื้อนน้ำลายพิซซ่าหมดแล้ว

     

    ไม่ต้องคิดต่อแล้ว ... บาสรู้สึกเหมือนความฝันแตกสลายยิ่งกว่าโดนหักอก เขาทิ้งตัวลงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง อยากจะซุกใบหน้าเข้ากับฝ่ามือแล้วกอดตัวเองนอนร้องไห้กระซิกๆ

     

    ไม่ใช่พี่ต่ายหรอก แต่เมื่อกี๊กูกำลังจะโดนหมาพรากความบริสุทธิ์ไป ชีวิตกูมันพิศาลเกินไปแล้ว!

    .

    .

    ต่ายมองเด็กหนุ่มรุ่นน้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อครู่เขาก็ต้องยื้อยุดตั้งนานให้ไปอาบน้ำอาบท่าเพราะตอนนั้นก็สิบโมงกว่าแล้ว เขาปิดแอร์ตั้งแต่ประมาณแปดโมงนิดๆ เห็นคนตัวโตนอนเหงื่อซ่กแถมตื่นขึ้นมาแล้วเหงื่อแตกพลั่กไม่พอยังผสมไปด้วยน้ำลายของเจ้าพิซซ่าที่คงคิดอยากจะปลุกขึ้นมาเล่นด้วย ชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในชุดใหม่เรียบร้อย โชคดีที่เขายังพอมีเสื้อยืดไซส์ใหญ่ๆติดตู้อยู่บ้าง กางเกงเอวยางยืดแบบผูกเชือกก็ไม่มีปัญหาอะไรนัก เสื้อผ้าก็ใส่ได้ แล้วมายืนเหม่อเอาผ้าเช็ดตัวคลุมหัวนิ่งอยู่หน้าห้องน้ำทำไมกัน

     

    เป็นไรอีกเนี่ย ถอนหายใจพรืดแล้วตั้งคำถาม

     

    “...เปล่า นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบเบาๆ ยิ่งทำให้ต่ายสงสัย ขมวดคิ้วแน่น

     

    ปวดหัวไหม? กินยาหรือเปล่า?”

     

    ชายหนุ่มส่ายหน้าจนผมกระจาย ดึงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่คลุมหัวตัวเองออก มองใบหน้าเนียนที่แสดงสีหน้าสงสัยปนหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วค่อยถอนใจ เออ ... จะมาซึมแบบนี้ก็ใช่ที่ เรื่องทั้งหมดเขาก็แค่เอาไปฝันจนคิดเป็นตุเป็นตะ แถมสัมผัสที่ได้รับมันก็สมจริงเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง ช่างเหอะ เรื่องแบบนี้ไปเล่าให้ใครฟังอายเขาตายโหง ยิ่งถ้าเล่าให้พี่ต่ายฟังมีหวังได้เตะโด่งเขาออกไปนอกบ้านตอนนี้แน่ เขายิ้มให้อีกฝ่ายบางๆ เดี๋ยวค่อยไปไล่เบี้ยเอากับไอ้เจ้าสี่ขาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั่นทีหลังก็ได้วะ

     

    ปวดหัว แต่ไม่อยากกิน บ่นหงุงหงิงแล้วก็พาตัวเองเข้าไปใกล้กับร่างขาว จับมืออีกคนมาแตะๆเข้าที่ใบหน้า บาสเห็นแก้มใสอมชมพูขึ้นสีแล้วก็ได้ใจ เจ้าของมือขาวชักกลับ หรี่ตามองอย่างคนจ้องจับผิด

     

    งั้นสบายดีแล้วก็กลับบ้านไป

     

    โอ้ยพี่ต่าย ผมมึนหัว วิงเวียน หน้ามืด ตาลายคล้ายจะเป็มลม ส่งเสียงกระเง้ากระงอดออดอ้อนจนน่าหมั่นไส้นัก ต่ายแอบเบ้ปาก พอหายดีแล้วความกวนก็กลับมาเหมือนเดิมสินะ

     

    ยาดมมั้ย?”

     

    เหม็น อาการหนักมากกว่าเดิมอีก

     

    ต่ายพ่นล่มหายใจพรืด ท้าวสะเอวมองหน้า จะเอาไง อาการแบบนี้สงสัยต้องส่งไปศรีธัญญาลูกเดียวแล้วมั้ง ติ๊งต๊องจริงๆ เหล้าทำลายประสาทหมด

     

    บาสยิ้มกว้าง มองใบหน้าขาวที่แม้จะกล้าชนกล้าเถียงกับเขาเหมือนเดิมแต่ทำไมเขากลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่มันอุ่นๆในใจอย่างไรไม่รู้ ปกติแล้วพี่ต่ายมักจะแผ่บรรยากาศรอบตัวให้รู้สึกถึงเส้นบางๆกั้นอยู่ระหว่างรอบตัวเองกับเขาตลอด แม้จะใกล้ชิดแต่ก็เหมือนยังเข้าไม่ถึง เขาแน่ใจว่าตอนนี้เขาไม่ได้คิดไปเองแน่นอน เส้นที่ว่านั่นมันอันตรธานหายไปแล้ว ว่าที่คุณหมอหน้าหวานเห็นอีกคนมัวแต่ยิ้มเอาๆ ไม่พูดจาอะไรกลับรู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น เขาหมุนตัวเดินหนีเข้าไปในห้องครัว ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินตามมาอย่างรวดเร็ว ก้าวไม่กี่ก้าวคนตัวใหญ่ที่เดินตามหลังก็โผล่มายืนขวางประตูทางเข้าห้องครัว ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว ก้มตัวลงมากระซิบเบาๆที่ใบหู ได้กลิ่นมินต์ของยาสีฟันยี่ห้อที่เขาใช้ประจำแล้วก็ต้องใจเต้นตึกตัก

     

    ผมไม่ติ๊งต๊องนะ ผม Thinking of you แค่อย่างเดียวนั่นแหละครับ” 

     

    ว่าที่คุณหมออ้าปากค้าง ได้ยินเสียงหัวเราะขำดังขึ้นคิกคักข้างๆใบหู ใช้เวลาประมาณห้าวินาทีสติสตังถึงกลับเข้าที่ ต่ายยกมือผลักไหล่อีกคนออกห่าง ถลึงตามองอีกฝ่ายทั้งๆที่ใบหน้าร้อนเห่อ ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้ถึงอุณหภูมิร่างกายขึ้นๆลงๆง่ายดายนัก

     

    ถ้าจะกวนก็ออกไปข้างนอกเลย เอ็ดเสียงดุ ขี้นิ้วออกไปที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่ข้างๆ

     

    ไม่กวนแล้วครับ ไม่กวน ผมจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้พี่ต่ายจะอึดอัดไหม เอ่ยเสียงทะเล้น มองใบหน้าขาวที่ยังเป็นสีชมพู ไม่รู้ว่าเพราะร้อนหรือเขินกันแน่ แต่น่ารัก พี่ต่ายทำอะไรก็น่ารักไปหมด นี่ไม่อยากจะบอกว่าต่อให้ก่อนหน้านี้ด่าเขาฉอดอีกฝ่ายก็น่ารักมาก

     

    ก็ไม่ ถ้านั่งเฉยๆละก็นะ

     

    บาสถอนใจราวกับหนักใจ ต่ายเลิกคิ้วมองเด็กโข่งที่ตัวโตกว่าเขาอย่างประหลาดใจว่าทำไมต้องถอนหายใจเสียงดังอีก ก็ถึงผมนั่งเฉยๆ แต่ผมนั่งอยู่ในใจพี่ต่ายแบบนี้ ผมเลยไม่รู้ว่าพี่ต่ายจะอึดอัดไหมอะครับ

     

    ให้มันได้อย่างนี้สิ! เส้นเอ็นที่ขากระตุกขึ้นมาแบบเจ้าของไม่คิดจะห้าม ขาเล็กจึงถีบเข้าที่หน้าแข้งอีกคนอย่างแรง บาสที่ไม่ทันตั้งตัวเลยเซแถ่ดๆไปด้านข้างเล็กน้อย ถึงแม้จะเจ็บแต่ใบหน้าคมนั่นกลับประดับไปด้วยรอยยิ้ม แถมหัวเราะเสียงดังราวกับสนุกเสียเต็มประดา

     

    กินไร เปลี่ยนเรื่องง่ายกว่า เขาเปิดตู้เย็น คุ้ยดูของสดที่ติดตู้เอาไว้บ้างแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว นอกจากกะเพราทูน่าที่ป้านวลทำไว้ให้เมื่อวานแล้วก็มีแค่ผักสดอย่างกะหล่ำปลีหัวนึงแล้วก็ไข่สดเท่านั้น เพราะเวลาเรียนที่เลิกไม่เป็นเวลา ทำให้เขาไม่อยากซื้ออะไรติดตู้เย็นเอาไว้มาก กลัวจะเน่าคาตู้แล้วเสียดายของเปล่าๆ

     

    พี่ต่ายทำเหรอ บาสถามอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเข้าครัวไปทำอะไรนอกจากกดน้ำร้อนลงโอวัลตินทรีอินวัน หรืออุ่นอาหารที่ป้านวลทำไว้ให้ในไมโครเวฟเท่านั้นเอง

     

    หรือจะมาทำเอง มีแค่กะหล่ำปลี กับไข่ แล้วก็กะเพราที่เหลือ หรือไม่ก็โทรสั่ง ว่าที่คุณหมอตัวขาว ตวัดตามอง เห็นอีกคนขยับตัวไปนั่งลงที่โต๊ะตัวเล็กตรงกลางห้องครัวที่ปกติป้านวลจะใช้วางของเล็กๆน้อยที่ซื้อมา หรือบางครั้งก็เป็นโต๊ะที่เขาใช้นั่งทานอาหารเล็กๆน้อยๆตอนเช้า

     

    ไม่เอา อยากกินฝีมือพี่ต่าย หูหางกระดิกสะบัดเสียจนถ้าแปลงร่างเป็นหมาตัวโตได้จริง มันคงฟาดระรัวกับพื้นห้องครัวเสียงดัง ต่ายมองวัตถุดิบน้อยนิด มองเครื่องปรุงง่ายๆที่มีอยู่ติดห้องครัว แล้วคว้าของออกมาวางที่เคาท์เตอร์เล็กๆข้างเตาแก๊ส เพิ่งรู้ว่าพี่ต่ายทำอาหารเป็น

     

    อือ ที่บ้านเป็นร้านอาหาร ต่ายตอบเบาๆ มือเล็กค่อยๆแกะเปลือกกะหล่ำปลีด้านนอกออกอย่างเบาเมือ ล้างผิวด้านนอกออกด้วยน้ำสะอาด หยิบเขียงออกมาจากตู้ไม้ด้านล่างเคาท์เตอร์

     

    ห๊ะ จริงดิ บาสตกใจเล็กน้อย ไม่คิดมาก่อนว่าที่บ้านของพี่ต่ายจะเป็นร้านอาหาร นึกว่าพ่อแม่ของอีกฝ่ายจะเป็นหมอเหมือนกับเจ้าตัวเสียอีก

     

    ล้อเล่น ต่ายหัวเราะขำ เขาไม่ได้หันกลับไปมองเพราะยังคงวุ่นวายกับของมีคม เขาตัดกะหล่ำปลีออกเป็นสี่ส่วน แล้วค่อยซะแกนกลางที่แข็งๆออกไปให้เรียบร้อย ตากลมมองซ้ายขวา หากะละมังสแตนเลสใบเล็กที่น่าจะอยู่แถวนี้

     

    สรุปนี่จริงหรือล้อเล่น ผมนึกว่าพ่อแม่พี่ก็เป็นหมอไม่คิดว่าจะเปิดร้านอาหาร บาสถามขึ้นมามึนๆ

     

    ลองกินดูเดี๋ยวก็รู้ ถ้าท้องไม่เสียล่ะก็นะ ...

     

    กระเทียมถูกแกะออกเป็นกลีบๆ เขาวางมีดให้ด้านบนของมันทาบลงแล้วใช้ข้อมือกดให้กระเทียมแตกออก จากนั้นก็ค่อยๆแกะเปลือกทิ้งไป แล้วค่อยสับเนื้อกระเทียมหยาบๆ เสร็จแล้วไปคว้ากะทะใบใหญ่ที่แขวนตรงหน้า ตั้งลงบนเตาแก๊สที่จุดไว้เรียบร้อยแล้ว เทน้ำมันพืชลงในกะทะ เขาโยนกระเทียมลงไปเจียวให้พอเหลือง จากนั้นใส่กะหล่ำปลีที่เอามาพักให้สะเด็ดน้ำแล้วลงไปในกะทะ เสียงซู่ดังท่ามกลางความเงียบ ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อด้วยไอความร้อนจากการทำอาหาร พอเห็นว่ากะหล่ำปลีเริ่มเข้าที่แล้วเขาก็ปิดไฟ เทน้ำปลาลงไปรอบๆกะทะให้มันไหลลงไปคลุกกับกะหล่ำปลี ใช้ตะหลิวพลิกไปพลิกมาให้เข้ากันเสร็จแล้วเทลงจานแบนที่วางเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้สักพักแล้ว

     

    กลิ่นหอมเตะจมูก บาสมองอีกด้านหนึ่งของว่าที่คุณหมอที่ก้มๆเงยๆ เปิดปิดแก๊สในครัวหมุนไปมาอย่างคล่องแคล่ว ไม่รู้จะท้องเสียอย่างที่อีกคนขู่เอาไว้หรือเปล่าแต่หน้าตาของอาหารนั่นน่ากินเสียจนน้ำลายสอ และไม่ใช่เขาคนเดียวที่ท้องร้องโครกครากเพราะกลิ่นอาหาร เจ้าสี่ขาตัวจริงที่วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาในห้องครัวก็ด้วย บาสเห็นมันแล้วรู้สึกเคืองเล็กน้อยจากเหตุการณ์เข้าใจผิดเมื่อเช้า เขาอุ้มมันที่ตั้งใจวิ่งไปพันแข้งพันขาเจ้านายตัวเอง เมื่อถูกอุ้มจนตัวลอย พิซซ่าเลยขู่เจ้าของมือใหญ่เบาๆ

     

    มันกินข้าวยังอะพี่ บาสถามคนตัวเล็กที่เริ่มตีไข่ในชามใบเล็ก ต่ายละสายตาจากชามเอี้ยวตัวหันมามองสมาชิกประจำบ้าน

     

    กินแล้ว ให้มันกินขนมแล้วกัน นี่ก็ได้กลิ่นของกินไม่ได้เลย ตามกลิ่นมาตลอด

     

    บาสอุ้มเจ้าหมาตัวเล็กพาดบ่า รู้สึกว่ามันตะกายตัวเองจะลงเพราะสูงเกินไปจนตกใจแล้วก็ขำ เขาเดินออกไปหยิบเนื้อแท่งจากห้องนั่งเล่นด้านนอกแล้วเดินกลับมาในครัว แค่แป๊บเดียวไข่เจียวฟูๆโรยต้นหอมก็เสร็จเรียบร้อยวางอยู่บนโต๊ะไม้ตัวเล็กพร้อมกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ส่วนคนทำกำลังยืนเฝ้าไมโครเวฟ เขาเห็นกล่องพลาสติกสองใบที่บรรจุข้าวสวยและกะเพราของเมื่อวาน เสียงติ๊งดังเป็นสัญญาณว่าเสร็จแล้ว บาสนั่งลงบนเก้าอี้ วางเจ้าหมาตัวเล็กไว้บนตักแล้วค่อยๆป้อนเนื้อแท่งให้มันช้าๆ ยืดยุดกับแรงงับนั่นเล็กน้อย เมื่อเจ้าพิซซ่าชักเย่อได้เนื้อแท่งของตัวเองมันก็กระโดดลงจากตัก ลงไปยืนกินบนพื้น

     

    ไปล้างมือ ต่ายหันกลับมาพร้อมกับจานข้าวสวยร้อนๆสองจาน วางลงตรงหน้า หรี่ตามองคนตัวใหญ่ที่นั่งนิ่งส่งยิ้มให้

     

    พี่ต่าย ... บาสเรียกชื่ออีกฝ่ายเบาๆ เขายังคงมองใบหน้าหวานนั่นเพลินๆ เหมือนข้าวใหม่ปลามันเลยอะ

     

    โครม! เสียงจานกระเบื้องกระแทกลงกับโต๊ะไม้ดังลั่น ใบหน้าขาวยิ้มหวาน แต่ทำไมเขาขนลุกเกรียวไม่รู้

     

    ล้างมือ

     

    ครับๆๆๆ บาสรีบลุกจากโต๊ะตรงไปที่ซิงค์ล้างจาน กดย้ำยาล้างมือมาถูๆเล็กน้อย ล้างน้ำสะอาดแล้วเช็ดเข้ากับผ้าเช็ดมือที่แขวนอยู่ นี่ดีนะที่ไม่แซวตอนหั่นผัก ไม่งั้นมีดลอยมาเฉาะหัวกะบาลเขาแยกแน่ๆ

     

     บาสเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม มองคนที่เพิ่งทำกับข้าวเสร็จคว้าทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะซับเหงื่อที่ไหลลงมาตามกรอบหน้า ยิ้มมองเจ้าพิซซ่าที่แทะเนื้อแท่งหมดแล้วก็วิ่งพันแข้งพันขาไปมา แล้วนั่งแผละพิงขาขาวๆ ... สนใจเปลี่ยนที่กับกูมั้ยพิซซ่า

     

    กินสิ เสียงแหบๆนั่นเรียกเขา พยักเพยิดหน้าไปที่อาหารสามอย่างตรงหน้า บาสไม่รอช้า คว้าช้อนเงินวาบวับที่ใช้เป็นช้อนกลางตักผัดผักขึ้นมาใส่จานข้าวตัวเอง เขาคว้าช้อนในจานข้าวตักข้าวคลุกเข้าไปนิดหน่อยแล้วใส่ปาก รสสัมผัสนุ่ม เค็มนิดๆของกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาอาจจะไม่ได้ดีเลิศเหมือนไปกินร้านอาหารห้าดาว แต่เขาก็รู้สึกว่ามันอร่อยกว่าจานไหนๆที่เขาเคยกินมา อาจจะเพราะคนทำด้วยหรือเปล่าเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ

     

    อร่อยอะ กลืนยังไม่ทันหมดก็รีบพูดจนคนทำนึกขำ เห็นคนตัวใหญ่ก้มหน้าก้มตากินแล้วก็ชักหิวบ้าง

     

    อาหารมื้อสายเกือบเที่ยงหมดลงอย่างรวดเร็วเพราะคนหิวโหยสองคน บาสนั่งเอนหลัง แผ่พุงด้วยความอิ่มแปล้ ดื่มน้ำเปล่าอึกใหญ่ ต่ายมองเห็นทั้งจานกับข้าวเกลี้ยงเกลาทั้งสามจานแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำทั้งหมดก็ตาม มือขาวรวบช้อน เก็บจานมาวางซ้อนกันเป็นตั้ง กำลังจะลุกหยิบไปล้างที่อ่างมือใหญ่ของหนุ่มรุ่นน้องก็เข้ามารั้งไว้ก่อน

     

    ผมล้างเองต่ายเหล่มอง ปล่อยมือจากจานให้อีกคนถือไปล้างเรียบร้อย                                                    

     

    เมื่อไม่ต้องทำอะไร มือขาวจึงคว้าเจ้าตัวเล็กที่สะบัดหางฟาดโดนขาเขาเบาๆขึ้นวางบนตัก ลูบหัวมันเบาๆให้มันกึ่งนั่งกึ่งนอนนิ่งๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง วันนี้ท่าทางอากาศดีกว่าทุกวัน อย่างน้อยแดดก็ไม่ร้อนมาก ถึงแม้ฟ้าจะครึ้มนิดหน่อยก็ตาม เหม่อได้ไม่นานเจ้าตัวเล็กก็ตะกายเกาะบ่า มองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกัน

     

    อยากออกไปวิ่งข้างนอกล่ะสิพูดไปพร้อมกับลูบขนสั้นๆมันปลาบของมันเบาๆ ได้ยินเสียงครางหงิงตอบรับทำให้เจ้าของยิ้มกว้าง ได้ๆ ถ้าฝนไม่ตกล่ะก็นะ

     

    พิซซ่าเห่าบ๊อกตอบรับสองสามครั้ง ฟังดูเหมือนจะพูดกันรู้เรื่องจนคนที่แว้บไปยืนล้างจานจนเสร็จสักพักแล้วลอบยิ้มมุมปากน้อยๆ ยืนพิงเคาท์เตอร์ล้างจาน มองดูคนน่ารักในวันสบายๆแบบนี้ก็ดีไม่หยอกเหมือนกัน

     

    นี่ เสร็จแล้วก็กลับบ้านกลับช่องไปได้ล่ะดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกถึงทั้งๆที่ไม่ได้หันหน้ามามองเพราะมัวแต่เล่นอยู่กับเจ้าหมาตัวเล็กที่ดุ๊กดิ๊กไปมาบนตัก

     

    ฟันสลาย ฟ้าถล่ม ขอโทษนะพิซซ่า บาสชักรู้สึกอยากให้ฝนตกลงมาสักโครมใหญ่จะได้มีข้ออ้างไม่ต้องกลับบ้าน นอกจากตัวเองจะได้นอนเกลือกกลิ้งอยู่ที่นี่แล้วยังได้แก้แค้นไอ้ลูกหมานี่ด้วย กำไรสองต่อชัดๆ

     

    ไม่เอา ไม่อยากกลับอะในเมื่อไม่มีฟ้าฝนช่วย สถานการณ์ไม่อำนวย เขาก็ต้องช่วยตัวเองแล้ว

     

    อยู่ทำไม ไม่มีอะไรให้ทำ

     

    แล้วปกติวันหยุดพี่ต่ายทำอะไร

     

    “...นอน

     

    บาสแทบหลุดขำเมื่อคนที่ดูค่อนไปทางเด็กเรียนก็ใช้วันว่างๆที่แสนน่าเบื่อไปกับการนอนเหมือนกับคนอื่นๆ นึกว่าจะตอบว่าอ่านหนังสือหรืออะไรทำนองนี้เสียอีก

     

    งั้นพี่นอนก็ได้ เดี๋ยวผมเล่นกับพิซซ่านอนก็ดี พี่ต่ายตอนหลับน่ารักดี มองเฉยๆก็ได้วะ

     

    ต่ายหรี่ตามองลอดแว่นกรอบดำอย่างจับผิด เขารู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่หรอกแค่ไม่อยากจะพูดอะไรเท่านั้นเอง สรุปคือยังไงก็จะไม่กลับตอนนี้

     

    จริงๆไม่อยากกลับเลย อยู่ยาวถึงวันจันทร์เลยได้ไหมอะส่งเสียงอ่อนอ้อน ลากเก้าอี้ไม้อีกตัวเลื่อนมานั่งข้างๆ ยื่นมือไปอุ้มพิซซ่าที่กระโดดข้ามมาหา

     

    ไม่อนุญาตมือขาวยกขึ้นดันแว่นตาที่ไหลลงมาเพราะเหงื่อให้เข้าที่ แล้วจะทำอะไร ไม่มีอะไรทำนะ ไม่เบื่อหรือไง

     

    ไม่อะ อยู่กับพี่ต่าย ยังไงก็ไม่เบื่อจ้ะ ขยันหยอดเข้าไป ใบหน้าเนียนร้อนวาบขึ้นมาเล็กน้อย แม้จะเอียนจนเลี่ยน แต่กลับรู้สึกเขินแปลกๆ

     

    ประสาทคนตัวขาวลุกขึ้น ไม่ลืมดันเก้าอี้ให้ชิดกับโต๊ะให้เรียบร้อย ก้าวฉับๆออกจากห้องครัวไม่พูดไม่จา หางตายังเห็นใบหน้าหล่อประดับรอยยิ้มกว้าง ลุกขึ้นอุ้มพิซซ่าพาดบ่าเดินตามติดๆ

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมุมปากของเขาถึงยกยิ้มน้อยๆโดยที่ตัวเองไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเดินผ่านหน้าต่างที่สะท้อนเงาของตัวเองนั่นแหละ  

     

    สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ตัดสินใจฆ่าเวลาด้วยการดูหนังสักเรื่อง เพราะออกเวรไม่เป็นเวลาเขาเลยไม่ค่อยได้ดูหนังใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งซื้อดีวีดีมาเก็บเอาไว้มากมาย สุดท้ายแล้วก็ได้ช่องทีวีเคเบิ้ลช่วยชีวิตเอาไว้ อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวจนเหงื่อออกเหนอะหนะ เจ้าของบ้านเลยตัดสินใจเปิดแอร์ กระจุกตัวนั่งอยู่หน้าทีวีจอแบนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไรนัก

     

    บาสมองใบหน้าขาวที่นั่งชันขาข้างหนึ่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ กอดหมอนอิงจ้องทีวีที่กำลังฉายหนังเรื่อง The Avengers ภาคแรกอยางตั้งอกตั้งใจ เขาดูหนังเรื่องนี้ไปสองรอบแล้ว ในโรงรอบนึง อีกรอบนึงคือไอ้พี่ไบค์ซื้อดีวีดีมาเปิดเอาใจพี่พีคเพราะช่วงที่หนังเข้า รายนั้นกำลังเคร่งเครียดกับการทำงานส่งเลยไม่ได้ไปดูในโรง เพราะงั้นเขาถึงไม่สนใจทีวีเท่าไรนัก ที่จริงสำหรับเขาแล้วคนข้างๆน่าสนใจกว่าเยอะ มือใหญ่ลอบตบหัวกะโหลดเล็กๆของเจ้าหมาที่นอนหลับสนิทแผ่อยู่ระหว่างเขากับเจ้าของ หัวเล็กๆของมันพาดอยู่กับขาขาวข้างที่วางอยู่ปกติ หันขามาทางเขา แม่งรักกูมากเลยพิซซ่า

     

    แรงสะเทือนเล็กน้อยทำให้ต่ายหันมาเหล่มอง เห็นสายตาที่ทอดมองกลับมาก็หน้าร้อนวาบ เขารู้ว่าเจ้าเด็กนี่จ้องเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ ประกอบกับหนังกำลังตื่นเต้นเขาเลยขี้เกียจจะไปห้ามปรามอะไร ไม่ได้สึกเหรออะไรอยู่แล้วนี่ บาสเห็นอีกคนเหล่ตามองแล้วก็ต้องชายหนุ่มยิ้มบางๆกับตัวเอง คิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วยิ่งมีความสุข มองอะไรโลกก็เป็นสีชมพู ทุกอย่างดีไปหมด ...

     

    แต่เอ๊ะ ... เดี๋ยวกุลืมอะไรไปหรือเปล่าวะ ...

    เมื่อคืนตอนกลับมาแล้ว เขาจำได้ว่าเพราะเหล้าเข้าปาก เขาเลยปากเปราะ เพราะเหล้าเข้าปาก เขาเลยเผลอตัดพ้อน้อยใจพี่ต่ายไปเยอะแยะ และเพราะเหล้าเข้าปาก ทำให้เขาลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปเกือบหมด !!!

     

    ชิบหายแล้ว บาสคิดในใจ รู้สึกเหงื่อแตกพลั่กทั้งๆที่ในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เขาจำได้แค่เขานั่งอยู่ตรงนี้ พี่ต่ายปลุกไปอาบน้ำ แล้วเขาก็เผลอพูดอะไรออกไปเยอะแยะ แล้วพี่ต่ายก็ตอบกลับมา

     

    ฉันก็จะไม่รอเหมือนกัน

     

    แล้วไม่รออะไรวะ !!!

    เชี่ยเอ้ยไอ้บาส มึงลืมไปได้ไงวะไอ้ง่าว !!!

    .

    .

    โชคดีที่พอหนังจบตอนเกือบบ่ายสอง สภาพอากาศภายนอกก็เปลี่ยนจากครึ้มฟ้าครึ้มฝนเปลี่ยนเป็นแดดออกกำลังดี เพราะมีเมฆเยอะเลยไม่ร้อนมาก แม้ไม่แน่ใจนักว่าฝนจะตกหรือไม่ ต่ายก็ตัดสินใจพาเจ้าสี่ขาที่กระโดดโลดเต้นดีใจที่นานๆครั้งจะได้ออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เขาใช้เวลาพอสมควรในการเกี่ยวสายจูงสุนัขเข้ากับปลอกคอหนังเส้นเล็กเพราะเจ้าพิซซ่าดีใจมากจนแทบไม่ยอมอยู่นิ่ง ต้องให้อีกคนช่วยจับและหลอกล่อนิดหน่อยพอมันเผลอเขาจึงรีบเกี่ยวตะขออย่างว่องไว เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็เห็นอีกคนจัดแจงหาถุงพลาสติก กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้วและทิขชู่ม้วนเตรียมพร้อมโดยที่เขาไม่ต้องเตือนอะไรอีก

     

    พาเจ้าสองตัวที่บ้านไปวิ่งบ่อยอะพี่ ไม่รู้ว่าพิซซ่าจะไปวางระเบิดที่ไหนหรือเปล่า

     

    เขาพยักหน้ารับ รู้สึกได้ถึงแรงกระตุกจากสายจูงแบบเก็บสายอัตโนมัติแล้วก็ต้องถอนใจ เจ้าตัวเล็กวิ่งไปจนสุดสายโน่นแล้ว พอมันรู้สึกถึงว่าไปต่อไม่ได้ก็หันกลับมาเห่า วิ่งวนรอบๆให้พาออกไปเร็วๆ

     

    หมูบ้านจัดสรรขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มีสวนสาธารณะเล็กๆที่มีทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นตรงกลางหมู่บ้านให้ความร่มเย็นและเป็นสถานที่ๆวันหยุดสุดสัปดาห์ บรรดาคนที่ไม่ได้ออกไปไหนไกลก็มักจะกันออกมานั่งเล่นที่สนามหญ้า หลายคนออกมาวิ่งออกกำลังกาย บางคนจูงหมามาเหมือนกันบ้าง บางคนนั่งมองลูกวิ่งเล่นอยู่ในโซนสนามเด็กเล่นบ้าง มีร้านขายของชำตั้งอยู่ใกล้ๆสองสามร้าน ขายาวหยุดแวะซื้อน้ำมะพร้าวน้ำหอมที่ใส่แก้วเรียบร้อยให้ตัวเองกับอีกคน ยืนดื่มแก้กระหายจนหมแล้วก็ทิ้งแก้วกับถังขยะที่ตั้งอยู่รายทาง ตาโตเหลือบมองร่างสูง เมื่อไรกันที่เจ้าเด็กนี่เปลี่ยนจากการเดินตามหลังเขามาเดินข้างๆกัน เขาสังเกตท่าทางของอีกฝ่ายเงียบๆ ทั้งๆที่ก็ยิ้มแย้ม ชวนคุยนั่นนี่ปกติแต่กลับเหมือนคิดอะไรในใจอยู่ตลอด

     

    นี่เรียกคนที่เดินเหม่ออยู่ข้างๆเสียงเบา แต่คนหูดีได้ยินชัดแจ๋ว หันมามองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม จูงมั้ย

     

    เขายื่นสายจูงให้มือใหญ่ข้างที่ว่างอยู่ พยักหน้ายื่นปากบางๆโบ้ยไปที่เจ้าตัวเล็กที่คึกเกินเหตุ เดินนำเจ้าของไปไกล บาสยิ้มรับสายจูงมาถือแทน แอบกระตุกเล่นจนเจ้าสี่ขาหันมาเอียงคอมอง พอเห็นสายจูงถูกเปลี่ยนมือก็เห่าขู่เสียงแหลมเมื่อไม่ใช่เจ้าของที่มักตามใจมันเสมอ ชายหนุ่มนึกสนุก เข้าหันมายิ้มให้กับคนตัวขาวข้างที่ทำหน้างงว่าเขาจะทำอะไร ก่อนวิ่งปรื๋อแซงหน้าเจ้าพิซซ่าที่พอเห็นร่างสูงออกตัววิ่งมันก็วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

    ต่ายมองทั้งคนทั้งหมาวิ่งแข่งกันแล้วก็หัวเราะ พิซซ่าถึงแม้จะเป็นหมาไฮเปอร์ตามลักษณะของสายพันธุ์ แต่ช่วงขาก็ยังสั้นจะไปวิ่งแข่งสู้คนตัวสูงเกิน 180 ซม.แถมขายังยาวขนาดนั้นได้อย่างไร ทั้งคนทั้งหมาผลัดกันวิ่งแซงกันจนหายลับไปที่โค้งด้านหน้า เขาไม่ได้วิ่งตามไป ยังไงเดี๋ยวถ้าไม่วิ่งวนกลับมากัน ก็คงหยุดรอเขาที่ตรงโค้งด้านหน้านั่นแหละ เดินกินลมชมวิวเล่นเรื่อยๆ เพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนมองเขาอย่างประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ส่งยิ้มให้ บางคนเอ่ยทักทายกันนิดหน่อย ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป เพราะปกติแล้วถ้ามีวันหยุดเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่นอนเล่นอยู่ในบ้านมากกว่า ไม่ค่อยออกมาเดินเล่นแบบนี้ นึกสงสารพิซซ่าอยู่เหมือนกันที่มันต้องมาอุดอู้อยู่กับเขาด้วย แต่ทำยังไงได้ มันมีช่วงพีคที่เขาเหนื่อยจนไม่มีแรงอยากออกมาเดินเหมือนอย่างวันนี้จริงๆ

     

    ต่ายเคยนึกสงสัย เขารู้สึกว่าช่วงนี้เขาทั้งเรียน ทั้งขึ้นวอร์ด ER ปกติแถมบางวันยังเลิกดึกกว่าที่ควรจะเป็นเสียอีก แต่เขาไม่เพลียมาก แถมยังไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อน ยกเว้นตอนเจอมุขเสี่ยวที่คอยหยอดของเจ้าเด็กวิศวะน่ะนะ เขายอมรับว่าเถียงกันทุกวันก็ทำให้ผ่อนคลายดีเหมือนกัน แถมที่เขามีแรงออกมาเดินเล่นแบบนี้ก็คงเพราะมีสารถีที่คอยขับรถรับส่งทุกวัน แบบนี้ ... ก็ถือเป็นข้อดีล่ะมั้ง

     

    หัวมุมของวงเวียนสวนสาธารณะที่มีทะเลสาบเป็นสนามหญ้ากว้าง ต่ายเห็นบางคนหยิบเสื่อออกมานั่งดูลูกวิ่งเล่นบนสนามหญ้า เขาเห็นคนตัวโตที่กระโดดวิ่งเล่นกับเจ้าพิซซ่า โยนกิ่งไม้ให้มันวิ่งไล่ตามงับ เห็นแล้วก็ตลก เจ้าพิซซ่าหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะไม่สามารถกระโดดคาบได้ แต่ก็วิ่งเก็บกลับมาให้ชายหนุ่มขว้างออกไปอีกหลายรอบ รู้สึกเหมือนมันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆเสียด้วย

     

    พี่ต่ายเสียงทุ้มตะโกนเรียกเสียงดัง ต่ายเดินลุยเข้าไปในสนามหญ้า เมื่อเห็นร่างสูงกวักมือเรียก

     

    แกล้งไรมันเนี่ยเขามองเจ้าพิซซ่าที่กระโดดโลดเต้น เรียกร้องให้โยนกิ่งไม้เล็กๆนั่นออกไปอีก

     

    ลองดูมั้ยพี่ บีเกิ้ลมันเป็นหมาไฮเปอร์ ชอบเล่นอะไรที่มันเหนื่อยๆพูดปนหัวเราะ ยกกิ่งไม้ขึ้นสูงให้เจ้าตัวเล็กมันกระโดดงับเล่น

     

    ลองยังไงต่ายถาม นึกสนุกอยากเล่นบ้าง

     

    ก็โยนออกไป ไกลๆหน่อย แบบเนี้ยว่าแล้วก็โยนกิ่งไม้ไปตรงสนามหญ้าโล่งๆตรงหน้า พิซซ่าเห็นกิ่งไม้ลอยหวือออกไปก็วิ่งตามเร็วปรื๋อ พยายามจะกระโดดงับกลางอากาศแต่ก็พลาดทุกครั้ง ทำได้แค่ไล่ตามเก็บกลับมาคืนอีกรอบ บาสเห็นมันวิ่งกลับมาก็ลูบหัวเบาๆ ค่อยๆดึงกิ่งไม้แห้งออกจากปาก เก่งนะเนี่ย เพิ่งเล่นครั้งแรกก็เงี้ยเดี๋ยวต่อไปก็โดดงับได้เอง

     

    เจ้าหมาตัวน้อยเห่าเสียงแหลมตอบรับราวกับดีใจที่ได้คำชม วิ่งวนไปรอบๆเขาสองคนอย่างดีอกดีใจ มองกิ่งไม้ในมือใหญ่เรียกร้องให้ขว้างออกไปอีก

     

    พี่ต่ายโยนบ้างบาสส่งกิ่งไม้ที่ถืออยู่ให้ มือขาวรับมาถือ พอเจ้าตัวเล็กที่เริ่มชินกับการละเล่นแบบใหม่ที่เพิ่งค้นพบวันนี้เห็นเขาถือกิ่งไม้ในมือก็หยุดตั้งท่า มองตามอย่างเอาจริงเอาจังจนเจ้าของนึกขำ เอ็นดูมันขึ้นมาอีกโข ต่ายขว้างกิ่งไม้ออกไปด้านหน้า คงเพราะยังกะแรงไม่ถูกกิ่งไม้ที่ควรจะลอยออกไปด้านหน้าตามลักษณะการพุ่งลงพื้นกลับลอยขึ้นสูงกว่าปกติ และตกปุลงตรงหน้าเจ้าพิซซ่าที่วิ่งออกไปไม่ถึงสองเมตรเท่านั้น บาสหัวเราะขำเสียงดัง เห็นว่าที่คุณหมอตัวขาวหันกลับมาถลึงตามอง หน้าแดงแจ๋อาจจะเพราะความอายหรืออะไรไม่ทราบ ปากสีสดขยับบ่นขมุบขมิบ รับกิ่งไม้จากมือเจ้าหมาที่วิ่งกลับมาคืนพร้อมตั้งท่าวิ่งอีกครั้ง

     

    ลมมันแรงนิดนึง พี่ต่ายอย่าสะบัดข้อมือขึ้นสูงมาก โยนระดับไหล่จะพุ่งออกไปข้างหน้าได้ไกลกว่าไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มก้าวเข้าไปยืนซ้อนหลัง จับข้อมือเล็กกว่าข้างที่ถือกิ่งไม้เอาไว้แล้วยกขึ้น บังคับข้อมืออีกฝ่ายให้สะบัดเบาๆที่ระดับไหล่ ต่ายมองตามกิ่งไม้ที่ลอยออกไปไกลกว่าครั้งแรก อาจจะเป็นจังหวะที่เขาปล่อยมันออกไปจากมือพอดกับที่ลมเบาๆหอบมาพอดี กิ่งไม้ถึงลอยอยู่ในอากาศได้นานกว่าปกตินิดหน่อย เจ้าพิซซ่าที่เริ่มจะจับจังหวะถูกจึงกระโดดงับกิ่งไม้กลางอากาศได้พอดิบพอดี

     

    อ๊ะ ทำได้แล้วไงไอ้ตัวเล็ก พี่ต่ายเข้าใจยังบาสมองคนตัวบางกว่าที่ยืนซ้อนเขาอยู่ด้านหน้า ดวงตากลมที่ประดับด้วยขนตายาวล้อมกรอบฉายแววสนุกสนานเหมือนเด็กเพิ่งรู้จักของเล่นใหม่ พยักหน้าหงึกๆ แล้วเอี้ยวตัวมามองด้วยความดีใจ

     

    เห็นเปล่าพิซซ่ากระโดดรับกลางอากาศได้ด้วยอะเสียงแหบรีบพูดรวดเร็วเหมือนเด็กอวดของเล่นใหม่ บาสยิ้มกว้างตอบ ตาคมมองคนที่แทบจะจมเข้ามาในอ้อมกอดเชิงหยอกล้อ

     

    ต่ายผงะ ตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เกินไปอีกแล้ว เขาสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของรุ่นน้องตัวใหญ่กว่า ใบหน้าขาวขึ้นสีลามมาถึงใบหูแดงจัด ผละตัวออกห่างทันที

     

    ต่ายรู้ตัวว่าตัวเองหลบสายตาของอีกฝ่ายด้วยการสนใจแต่พิซซ่าที่เรียกร้องให้เล่นรอบแล้วรอบเล่า

    เขารู้ตัวว่าตัวเองพยายามไม่สนใจความรู้สึกที่เหมือนถูกจ้องมองตลอดด้วยการเดินไปเดินมาจนอยู่ไม่ติดที่

    และเขารู้ตัวแน่นอนว่าตัวเองพยายามเหลือเกิน ที่จะบังคับไม่ให้ใจเต้นแรงไปกับความรู้สึกเหล่านั้นที่เติบโตจนคับอกขึ้นเรื่อยๆจนแทบละล้นทะลักออกมา ...

    ทั้งๆที่รู้ตัวว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้น มันสายเกินไปแล้วที่จะพยายามต่อต้าน ...

     

    พี่ต่าย...เสียงทุ้มต่ำที่เรียกชื่อทำให้คนที่พยายามเดินหนีมาตลอดจนมาหลุบมุมที่ใต้ต้นไม้ มองเจ้าตัวเล็กวิ่งวนไปๆมาๆไล่งับผีเสื้อเล่นแทน ต่ายสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองร่างสูงที่ก้าวเข้ามาใกล้

     

    ผมถามอะไรพี่อย่างนึงได้ใหม

     

    “...”

     

    เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงเหมาเอาเองว่าอีกฝ่ายรับรู้เรียบร้อยแล้ว เมื่อตืน...บาสทิ้งช่วง เห็นนัยน์ตาโตมีแวววูบไหวเล็กน้อย ที่พี่บอกว่าพี่ก็จะไม่รอเหมือนกัน มันหมายความว่าอะไร...

     

    “...” ต่ายไม่ตอบ เขาเม้มปากแน่น ขมวดคิ้วเหมือนคนกำลังคิดหนักทั้งๆที่ใบหน้าขาวซับสีเลือดจนแดง

     

    ผมโง่นะพี่ต่าย คือบางทีพี่อาจจะพูดเคลียร์แล้ว แต่ผมก็ยังมึนๆ ไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไรหรืออาจจะจำไม่ได้เอง แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังอยากได้คำยืนยันทั้งๆที่มีสติครบถ้วนสมบูรณ์

     

    ผมอาจจะไม่เก็ทจริงๆ ผมไม่อยากคิดไปเอง อย่างน้อยผมก็อยากแน่ใจ

     

    ขายาวก้าวเข้าไปหยุดยืนข้างๆร่างโปร่งที่แม้จะสูงต่างกันไม่เกินห้าเซ็นต์ แต่ทำไมไม่รู้เหมือนอีกฝ่ายตัวเล็กกว่าเขามาก มือร้อนยกขึ้นแตะบ่าที่สั่นน้อยๆ บาสไม่รู้ว่าสั่นเพราะอะไร เพราะหนาว หรืออาจจะเพราะกลัว

     

    ถึงพี่จะปฏิเสธผมวันนี้ จะเกลียดผมหรืออะไรก็ตาม ผมจะยอมรับความจริงทั้งหมดเสียงทุ้มกดต่ำจนเสียงแผ่ว บาสรู้สึกเหมือนตัวเองพยายามเค้นเสียงทั้งๆที่ลำคอตัวเองตีบตันขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงความทรมานหากโดนอีกฝ่ายสั่งตัดเยื่อใยกันตอนนี้

     

    ต่ายเงยหน้ามองเด็กหนุ่มรุ่นน้องตัวโตที่เริ่มพูดเสียงอู้อี้ จมูกโด่งแดงจัด มือใหญ่ที่แตะอยู่บนบ่าเขาออกแรงบีบแรงขึ้น

     

    ผมพูดว่าผมยอมรับ แต่ผมไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

     

    ดวงตาคมดุสีเข้มนั้นแม้จะวูบไหวด้วยแรงอารมณ์ แต่ความมั่นใจที่ถ่ายทอดออกมายิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอกอยู่แล้วกลับสั่นไหวแรงขึ้นอีก ต่ายรู้สึกตัวเองกำลังหูอื้อ ตาลาย โสตประสาทได้ยินแค่เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยถ้อยคำวอนขอพร้อมกับเสียงชีพจรของตัวเองที่เต้นเป็นจังหวะระรัว

     

    ผมรักพี่ต่าย

     .

    .

    ไม่น่าเลย เขาไม่น่าเงยหน้าขึ้นมาเลย ต่ายคิดในใจว่าตัวเองพลาดไปอีกแล้ว เขารู้สึกเหมือนความรู้สึกที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกกำลังจะถูกเปิดเผย ความรู้สึกที่เขาพยายามกดมันเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเมื่อเห็นแววตาที่มักจะส่อแววหยอกล้อกันเล่นเสมอกลับกลายเป็นแววตาของผู้ชายคนหนึ่งที่จ้องกลับมาด้วยความจริงจังขนาดนี้ ริมฝีปากบางเม้มแน่น เขาพยายามจะอ้าปากพูดแต่ถ้อยคำก็ถูกกลืนกลับเข้าไปหมดสิ้น

     

    พี่ต่าย...

     

    มือที่แตะเบาๆที่บ่าค่อยๆเลื่อนลงไปยังมือเล็กกว่า สัมผัสแผ่วเบานั้นทำเอาจนลุกซู่จนต้องย่นคอ เขาเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำมือจนแน่นขนาดนี้ก็เมื่อมือใหญ่นั้นค่อยๆคลึงเบาๆจนมันคลายออกจากกัน เส้นประสาทที่เกร็งเครียดค่อยคลายออกเพราะสัมผัสอุ่นจากคนที่อุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าของอีกฝ่ายก่อนที่จะถูกรวบแล้วแนบมันลงแผ่นอกหนา

     

    รักผมสักนิดบ้างหรือยังครับ

     

    ร้อน... สัมผัสแรกที่เขารู้สึกคือผิวเนื้อใต้ร่มผ้านั่นต้องร้อนมากแน่ๆ เพราะไอร้อนจากร่างกายของอีกฝ่ายแผ่ออกมาจนมือเขาร้อนขนาดนี้ นอกจากสัมผัสนั้นต่ายกลับรู้สึกว่าเขารู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ ที่มันแรงผิดปกติ นอกนั้นเขาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากความรู้สึกที่มันคับแน่นจนอึดอัดแบบนี้

     

    เมื่อคืนก็ทีนึงแล้วยังตอนนี้อีกจะต้องการหลักฐานยืนยันอีกสักกี่ครั้งกัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจผิดพลาดไหม แต่นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาพูดออกไปแบบคิดหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามารองรับ

     

    เพราะฉันก็จะไม่รอเหมือนกัน

     

    ต่ายไม่ใช่คนขี้ขลาด เพราะฉะนั้นเมื่อเขาตัดสินใจไปแล้วเขาก็จะยอมรับผลของมันไม่ว่าหลังจากนี้มันจะออกมาดีหรือร้ายก็ตาม เขายกมือข้างที่ว่างอยู่แตะเบาๆกับข้อมือของอีกคนที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัว พอสัมผัสได้ถึงมือสั่นๆของคนตัวใหญ่ตรงหน้าเขาก็ต้องกลั้นยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเบะปาก ถ้าตอนนี้ส่องกระจกหน้าตัวเขาคงตลกพิลึก ร่างสูงมองตามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

     

    รู้สึกอะไรหรือเปล่า?” เสียงแหบเอ่ยถามเมื่อจับมืออีกข้างของอีกคนทาบลกบนแผ่นอกของตัวเองบ้าง เห็นใบหน้าคมนั่นมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวด ละสายตาจากใบหน้าของเขาไปจ้องที่จุดที่มือตัวเองสัมผัส ต่ายหัวเราะเบาๆ เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง คราวนี้คิ้วที่ขมวดแน่นกับสีหน้าลังเลใจหายใจ ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มกว้าง

     

    รู้สึกหรือเปล่า ... ว่าหัวใจเราสองคน... มันเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

     

    ยังต้องพูดอะไรอีกไหม?”  

     

    อ้อมกอดที่โถมเข้ามารัดจนแน่นเป็นคำตอบจากเด็กรุ่นน้องต่างคณะตรงหน้า น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อยแม้อีกฝ่ายจะเผลอตัวออกแรงมากเกินไป

     

    พี่ต่าย พี่ต่าย ผม ...บาสรู้สึกตัวเองเหมือนคนติดอ่าง เขารู้ว่าเขากอดพี่ต่ายแน่น แน่นมากจนไม่รู้ว่าจะทำให้คนในอ้อมกอดเจ็บหรือไม่ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ยิ่งรู้สึกถึงสัมผัสจากมือเล็กกว่าที่แตะเบาๆที่แผ่นหลังตอบเขายิ่งหลับตาแน่น พี่ต่าย ...

     

    ครืน ... เสียงฟ้าร้องดังลั่นทำให้สองคนที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปชั่วขณะสะดุ้งตกใจ ผละออกจากกันเหมือนถูกจับได้เวลาลักลอบทำความผิด บาสมองไปรอบๆ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายกันแน่ที่มุมที่พวกเขาสองคนยืนอยู่นั้นมีต้นไม้ใหญ่บังเกือบมิด คนอื่นๆที่เคยนั่งเล่นกันอยู่บนสนามหญ้าหายไปหมดแล้ว ทุกคนคงรู้สึกว่าฝนกำลังจะตก เขาหันหน้ามามองว่าที่คุณหมอตัวขาวที่ทำสีหน้าตื่นตกใจ หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆเหมือนกัน สายตาสองคู่ประสานกันโดยบังเอิญ เป็นเขาเองที่หลุดยิ้มออกมาก่อน รู้สึกตลกตัวเองจนต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง

     

    ต่ายตกใจ เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะเหมือนกันจนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของร่างสูงเขาถึงหลุดยิ้มแล้วหัวเราะออกมา กลายเป็นประสานเสียงหัวเราะจนเจ้าพิซซ่าที่หนีไปวิ่งเล่นแถวนั้นวิ่งกลับมาหาคนสองคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เขารู้สึกว่าตัวเองหัวเราะจนปวดท้องไปหมด เขาย่อลงอุ้มเจ้าหมาตัวเล็กที่วิ่งสะบัดหางกลับมาเพราะนึกว่าถูกเจ้าของเรียก มันเอียงคอมอง คงกำลังงงว่าหัวเราะอะไรกัน มีเรื่องสนุกอะไรที่มันไม่รับรู้หรือเปล่า

     

    กลับบ้านเถอะเจ้าบ้านเป็นคนเอ่ยปากชวนกลับ มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ บาสอมยิ้มพยักหน้าตอบ ยกมือขึ้นรับเจ้าหมาตัวเล็กที่ตะกายมาหาเขาแทน เขาใช้มือใหญ่ข้างเดียวอุ้มมันพาดบ่าเหมือนเดิม ให้มันมองด้านหลังแทน เจ้าสี่ขาที่เริ่มคุ้นชินไม่ดิ้นเหมือนครั้งแรกๆที่ถูกอุ้มท่านี้ มันพาดหัวลงบนบ่ากว้างแน่นิ่ง หลับตาพริ้ม

     

    อากาศเริ่มเย็นลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นดินระเหยขึ้นจากพื้นเป็นสัญญาณว่าฝนกำลังจะตกในไม่กี่นาทีนี้ ชายหนุ่มมองร่างโปร่งที่เดินนำไปก่อนยืนรออยู่ที่พื้นถนนนอกสวนสาธารณะ เขารีบก้าวขายาวๆไปยืนข้างๆ มือข้างที่ไม่ได้ประคองตัวสุนัขอยู่จับที่มือเล็กแน่นจนเจ้าของหันมามองด้วยความสงสัย

     

    กลัวหลง

     

    กล้าพูด! ต่ายเบ้ปาก มองใบหน้าคร้ามแดดที่อาจจะมาจากการเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งของอีกคนแล้วก็ต้องประหลาดใจ ถึงแม้จะยังตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยว่าระยะทางแค่นี้จะกลัวหลงอะไรนัก แต่สัมผัสแนบแน่นจากมือใหญ่ที่จับจูงกันเดินไปเรื่อยๆกลับทำให้เขาลอบยิ้มกับดอกไม้ข้างทางอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าร้อนฉ่า

     

    บ้าไปแล้วแน่ๆ ต่ายเอ้ย...

    .

    .

    ไม่ทัน ... วิ่งขาขวิดกันจนแทบลืมหายใจ ต่ายหยุดหอบแฮ่กๆที่โรงจอดรถหน้าบ้านเพราะเมื่อเดินมาได้กลางทางพวกเขาสองคนก็ต้องวิ่งแถ่ดๆเพราะฝนเทลงมาอย่างแรงไม่ยั้งราวกับอัดอั้นมาตลอดทั้งวัน เปียกโชกจนกลายเป็นลูกหมาตกน้ำทั้งสามคน ไม่ใช่สิ ลูกหมามีแค่หนึ่ง แต่อีกสองนั่นเป็นหมาตัวโตๆทั้งคู่ต่างหาก

     

    เจ้าของบ้านหัวเราะร่า เมื่อมือใหญ่ปล่อยเจ้าหมาตัวจริงลงบนพื้น ให้มันสะบัดขนจนพื้นรอบด้านเปียกไปหมด เจ้าพิซซ่าขนเปียกตั้งจนเหมือนหมาหลังอาน หัวเล็กๆของมันถูกมือใหญ่ขยี้จนขนเตียนๆตั้งเป็นโมฮ๊อค

     

    เดี๋ยวเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ อยู่ตรงนี้ก่อนพูดพร้อมไขกุญแจเข้าไปในบ้าน เขารับวิ่งเข้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่อีกคนใช้เมื่อเช้า ไม่ลืมหยิบผืนเล็กให้กับเจ้าสี่ขาตัวเล็กด้วยออกมาส่งให้อีกคน

     

    เดี๋ยวผมเอาพิซซ่าเข้าไปอาบน้ำด้วยบาสพูด เขารับผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าลวกๆ เช็ดหัวตัวเองเล็กน้อยแล้วคว้าเจ้าตัวเล็กวิ่งเข้าไปในห้องน้ำชั้นล่างที่ตัวเองใช้อาบน้ำเมื่อเช้าแล้วโผล่หน้าออกมา หันซ้ายหันขวาถาม แชมพูหมาอยู่ไหนพี่

     

    ต่ายเดินไปหยิบแชมพูสำหรับสุนัขที่วางอยู่ในตู้หน้าห้องน้ำ ยื่นส่งให้อีกคนที่ยิ้มรับแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำทั้งคนทั้งหมา เสียงโครมครามดังลั่น เขาเดาได้ว่าเจ้าพิซซ่าคงจะออกฤทธิ์วิ่งชนนั่นชนนี่แน่ๆ ส่ายหน้าเบาๆ ขาขาวใช้ผ้าเช็ดเท้าที่วางอยู่หน้าบ้านไล่ถูตามรอยน้ำ เดินขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองให้อีกคนยืมแล้วกลับมาเคาะประตูห้องน้ำชั้นล่าง ได้ยินเสียงตอบรับว่ารู้แล้วก็ขึ้นไปจัดการตัวเองบ้าง

     

    เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนทำอะไรเร็วพอสมควร นี่เขาอาบน้ำเสร็จ เดินไปเดินมาสักแป๊บก็ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที นึกขึ้นได้ว่ายังมีเจ้าหมาตัวเล็กกับตัวโตที่อยู่ข้างล่างที่ทั้งหัวทั้งขนเปียกก็รีบหยิบไดร์เป่าผมลงไปชั้นล่าง คนตัวโตๆนั่นน่ะเขาไม่ได้ห่วงเท่าไรหรอก กลัวเจ้าพิซซ่าจะเป็นหวัดมากกว่าถ้าไม่รีบเป่าขนให้แห้งทันที แม้ขนจะสั้นแต่ก็กันไว้ก่อนดีกว่าแก้

     

    พื้นที่หน้าโซฟาถูกจับจองที่ร่างสูงตัวโตที่หันหลังให้กับพัดลมตั้งพื้นที่เปิดไปถึงระดับสามจนผมสั้นๆนั่นๆปลิว ชายหนุ่มไม่ได้สนใจตัวเองเท่าไรเพราะผ้าเช็ดตัวที่เปียกหมาดๆนั่นพาดอยู่ที่คอ มือใหญ่ไล่ขยี้เช็ดขนเจ้าหมาตัวน้อยที่กลิ้งไปกลิ้งมาหลบ ไม่ยอมอยู่นิ่งๆสักที ดีที่ว่าอีกคนคงชำนาญ ถึงดักทางถูก ลากกลับมาให้นอนแอ้งแม้งอยู่กลางหว่างขาได้ทุกครั้ง เขาเดินเข้าไปใกล้ ยื่นไดร์เป่าผมไปให้ตรงหน้า บาสเงยมองพร้อมรอยยิ้ม รับไดร์ไปเสียบปลั๊กที่อยู่ใกล้ๆแล้วลากเจ้าพิซซ่าที่กำลังจะหมอบหนีออกไปไกลกลับมาอีกรอบ ไอร้อนจากไดร์เป่าผมคงทำให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกสบายกว่าแรงขยี้ของคนตัวใหญ่ มันถึงนอนหมอบนิ่ง หลับตาให้มนุษย์เสริมหล่อเสร็จสรรพ

     

    ต่ายรู้สึกหนาว ด้านนอกฝนตก แถมพัดลมยังถูกเปิดเอาไว้ที่ระดับสูงสุดอีกทำให้อากาศยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่ ด้วยความขี้เกียจเลยใช้เท้าที่อยู่ใกล้เปลี่ยนระดับให้ลดลงมาอยู่แค่เบอร์หนึ่ง เขานั่งลงบนโซฟา มองเห็นผมสีดำสนิทตัดสั้นที่ยังเปียกโชกแถมจ่ออยู่ตรงพัดลมแล้วก็หงุดหงิด พลางคิดในใจว่าเดี๋ยวก็ไม่สบาย เขาค่อยๆกระเถิบไปนั่งซ้อนหลังอีกคนที่นั่งอยู่บนพื้น ขัดสมาธิข้างหนึ่งอีกข้างวางอยู่บนพื้นปกติ แตะบ่ากว้างเบาๆ คนที่ถูกแตะเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ

     

    เดี๋ยวเช็ดผมให้พูดแล้วก็หยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ขยี้เบาๆ กลายเป็นทำต่อกันเป็นทอดๆ

     

    เสียงฟ้าร้องกับเสียงฝนเทกระหน่ำด้านนอก เสียงมอเตอร์เบาๆจากไดร์เป่าผม และเสียงฮัมเพลงเบาๆจากคนตัวใหญ่ที่ไม่รู้ครึ้มอกครึ้มใจอะไรนักหนาทำให้เขาเม้มปากเบาๆ เมื่อครู่นี้อากาศยังเย็นอยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับอุ่นขึ้นมาก็ไม่รู้ นี่เขาไม่สบายหรือเปล่านะ

     

    เจ้าพิซซ่าเสริมหล่อจนเสร็จเรียบร้อย กระโดดขึ้นมานอนอยู่บนโซฟาตัวหอมฉุย ทีนี้ก็เหลือคนตัวโตแล้ว มือขาวสางขยี้เส้นผมนุ่มจนมันแห้งสนิท จะลุกขึ้นเอาผ้าเช็ดตัวไปใส่ไว้ในตะกร้าหลังบ้านแต่ก็มีหัวทุยๆเอนพิงที่ต้นขาข้างที่วางอยู่บนพื้น เงยหน้ามองเขาพร้อมรอยยิ้มกับดวงตาคมแพรวพราว มือร้อนยกขึ้นจับมือของเขาเอาไว้จนเขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าจะเอาอะไรอีก

     

    ขอบคุณครับไม่ทำแค่พูด ริมฝีปากสีซีดนั่นบรรจงแตะที่มือขาวจนเขาเกือบเผลอปล่อยผ้าเช็ดตัวลงพื้น

     

    อือแม้จะตกใจ แต่เขาก็ครางรับในลำคอ ไม่เป็นไร

     

    ฝนคงตกอีกนานเสียงทุ้มพูดลอยๆ ชวนคุยทั้งๆที่ยังไม่ยอมปล่อยมือ

    อือ คงงั้น

     

    งั้นถนนก็คงต้องลื่น แถมแรงขนาดนี้มองไม่เห็นทางแน่เปรยขึ้นเบาๆแต่เหมือนแฝงนัยยะอะไรสักอย่าง ต่ายได้แต่ถอนใจ

     

    อือ

     

    งั้นก็กลับบ้านไม่ได้แล้วต่ายรู้สึกเหมือนเห็นหูหางของเจ้าหมาตัวโตที่นั่งอยู่ที่พื้นสั่นพั่บๆ

     

    อือ

     

    ค้างนี่นะนั่นไง คิดแล้วไม่ผิด ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกวะ

     

    อือ โซฟานะ แถมพิซซ่าให้นอนกอดได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆตอบกลับ ปล่อยได้ยังจะเอาผ้าไปใส่ตะกร้า

     

    เหล่มองที่มือใหญ่ที่ยังกุมมือเขาอยู่แน่น เขาเห็นใบหน้าคมฉายรอยยิ้มกว้างแบบที่เขาเห็นมาตลอดทุกครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้มันเจ้าเล่ห์ๆยังไงไม่รู้

     

    พี่ต่าย

     

    อะไรอีกนี่ชักรำคาญล่ะ มือข้างที่ยังว่างอยู่ดึงผมอีกฝ่ายขึ้นมาปอยนึงแรงๆ แต่ดูเหมือนคนที่ถูกดึงไม่ได้เจ็บเท่าไร ถึงยังหัวเราะได้อยู่

     

    เป็นแฟนกันนะ...

     

    ต่ายชะงัก หรี่ตามองคนที่นั่งอยู่ต่ำกว่า อยากรู้นักว่าไอ้เด็กรุ่นน้องที่โตแต่ตัวสมองไม่โตตาม แถมหน้าซีดมือสั่นจมูกแดงน้ำตาจะไหลเมื่อสักครู่ก่อนฝนจะเทโครมลงมานี่มันหายไปไหน ไอ้เจ้าเด็กที่กอดเขางอแงเมื่อคืนนี้ด้วย เพราะในตอนนี้เขากลับเห็นร่างสูงที่มีรอยยิ้มมากเล่ห์เหลือเกิน แถมยังพกความมั่นใจเสียเต็มเปี่ยม ถึงแม้จะเปลี่ยนไป แต่เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เขาชักจะจำได้แล้วว่าแววตาแบบนี้เขาเคยเห็นและเคยถูกมันมองแบบนี้มาก่อนในช่วงที่ถูกตามตื้อแรกๆ สรุปที่ผ่านมาแกล้งทำตัวดีสินะ !

     

    ร้ายจริงๆ! ต่ายเบ้ปาก เหล่มองชายหนุ่มที่ยังคงรอคำตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แถมยังคลึงมือเขาเล่นอีกต่างหาก เขารู้สึกพลาดตกหลุม แถมหลุมนี้สงสัยจะปีนขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆอีกต่างหาก เหนื่อยใจตอนนี้ยังทันอยู่ไหมนะ...

     

    ตากลมโตที่มีขนตายาวล้อมกรอบภายใต้แว่นตาตวัดมองค้อน เม้มปากแน่น สะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ยืนขึ้นกระฟัดกระเฟียดเพราะเหมือนตัวเองแพ้ทั้งขึ้นทั้งล่อง แม้จะแสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไร แต่ใบหน้าขาวเนียนนั่นกลับแดงซ่านลามไปถึงใบหูและลำคอที่โผล่พ้นเสื้อยืดตัวบาง

     

    เออ!”

     

    ไม่รอฟังเสียงตอบรับ ต่ายรีบเดินหลบฉากออกไปที่ห้องครัว หูยังแว่วเสียงหัวเราะครึ้มอกครึ้มใจดังก้อง ผสมกับเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นระรัวจนต้องกำเสื้อบริเวณหน้าอกแน่น

     

    เป็นแฟนกันแล้วนะพี่ต่าย

     

    ยัง ยังจะตะโกนเข้ามาถามย้ำอีก นี่ต้องการอะไรกันแน่

     

    เออ!”

     

    เขาก็ยังบ้าจี้ไปตะโกนตอบอีกด้วย สงสัยอยู่ด้วยกันมากเขาคงซึมซับลูกบ้ามาเยอะเหมือนกัน เขาเปิดประตูทางเชื่อมกับห้องครัวออกไปหลังบ้านที่มีตะกร้าผ้าและเครื่องซักและอบผ้าตั้งอยู่ เขาชะงักมองผ้าเช็ดตัวผืนที่เปียกหมาดๆที่ถืออยู่ ไม่รู้เห็นมันเป็นหน้าอีกคนหรืออย่างไรถึงโยนมันลงไปที่ตะกร้าผ้าเต็มแรงระบายอารมณ์ แต่ทำไมก่อนเดินออกไปเขาถึงเหลือบมองผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนนั้นแล้วต้องอมยิ้มจนเต็มแก้มก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×