ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The God fall project - แผนการล้มเทพเจ้า

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำของเด็กตาดำๆ

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 50


               ท่ามกลางทะเลดาวในคืนเดือนมืด ท้องฟ้าดำสนิทไร้เมฆปกคลุม หมู่ดาวทอ

    แสงรอดผ่านยอดไม้แห่งป่าใหญ่เกิดเป็นละอองสีขาวนวลทั่วผืนป่า สายลมยามหัวค่ำพัด

    ผ่านยอดหญ้าพลิ้วไหวนำพาความเย็นให้ทุกชีวิตภายในป่า ฝูงหมาป่าต่างพากันเห่าหอน

    หลังจัดการกับเหยื่อตัวแรกของคืน นกเค้าแมวเฝ้ารอหนูให้ออกจากโพรงอย่างสงบ ชีวิต

    ในผืนป่ากำลังดำเนินต่อไปดังเช่นทุกคืนวันที่ผ่านมา 
               
               “ ปัง!!!” เสียงปืนดังขึ้นทำให้ทุกสรรพสิ่งในป่าหยุดชะงัก ก่อนจะเคลื่อนไหว

    ต่ออย่างเงียบเชียบ เด็กชายในชุดคลุมสีขาวบ่งบอกว่าเจ้าตัวคือนักบวชยืนสวดส่ง

    วิญญาณให้กระต่ายป่าที่หลับใหลอย่างสงบ กลางลำตัวมีรูกระสุนถูกจุดตายพอดี เลือด

    ไหลรินออกจากปากแผลเอื่อยๆ เด็กชายก้มลงเก็บร่างไร้วิญญาณไว้ในอ้อมแขนก่อนนำ

    กระต่ายไปชำแหละ แล้วนำมันมาปรุงเป็นอาหารค่ำในเดือนนั้น
               
               เสียงปะทุของกองไฟดังเป็นระยะ ม้าสีดำตัวใหญ่ยืนแทะหญ้าอย่างสบายใจ โดย

    มีเด็กหนุ่มเอนกายอยู่ใต้ต้นไม้ข้างๆ ดวงตากลมดำดุจรัตติกาลจ้องมองไปในความมืด

    อย่างครุ่นคิด ปากบางเม้มเรียบพลางนึกทบทวนในสิ่งที่ผ่านมา....

               เด็กหนุ่มมีนามว่าราเชส คาร์ซาสในวัย 13 ปีเขาได้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของหัว

    หน้าองคมนตรีแห่งอาณาจักรเรยอน อาณาจักรที่งดงามที่สุดใน 8 อาณาจักรใหญ่ 

    ปกครองโดยกษัตริย์เอดเวิร์ดที่ 8 และองคมนตรีอีก 50 คน ทอร์เรส คาร์ซาส ชายผู้เป็น

    ทั้งอาจารย์และพ่อบุญธรรมของเขาก็คือหัวหน้าองคมนตรีที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งคิดว่าน่าจะ

    เป็นหัวหน้าองคมนตรีต่อไปหากไม่เกิดเรื่องในคืนเดือนมืดเช่นคืนนี้    คืนที่ความมืดกลืน

    กินแสงสว่างของจันทราจนหมดสิ้น...... 

               แสงจากคบเพลิงเวทย์คอยให้ความสว่างทางเดินภายในวิหารเรยอน ที่ทำการ

    ขององคมนตรี บนชั้น 3อาจารย์ของเขากำลังเล่าเรื่องงี่เง่าของเหล่าเสนาทั้งหลายให้

    เขาฟังทำเอาเขาสะอึก อาจารย์ยิ้มอย่างเอ็นดูให้ตามเคย เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะ

    ทำผิดแค่ไหนอาจารย์ก็ยิ้ม ทำให้เขาอุ่นใจเสมอ   อาจารย์เก็บเขามาเลี้ยงจนกระทั่งก่อน

    ที่อะไรมันจะเลวร้าย..อาจารย์ของเขาถูกยิงตายแค่เพราะต้องการช่วยปกป้องเขาเท่านั้น 

    บุรุษเสื้อคลุมดำค้นหาอะไรบางอย่างทั่วห้องแต่ก็ต้องพบแต่ความว่างเปล่า เขากลัวจน

    ขยับไม่ได้ ได้แต่มองผู้บุกรุกกระโจนหนีไปทางหน้าต่างเท่านั้น อาจารย์เริ่มหายใจติดขัด

    มือล้วงไปในอกเสื้อหยิบม้วนกระดาษเก่าๆกับปืนที่อาจารย์พกติดตัวเสมอออกมา

                “ราเชสเจ้าจงออกตามหากล่องผนึกวิญญาณ..นี่คือแผนที่ของหุบเขาโลหิต..

    ส่วนปืนนี่ขอให้เจ้าเก็บมันไว้ หวังว่ามันคงเป็นประโยชน์ต่อเจ้านะ ” อาจารย์ยิ้มเช่นเคย 

    ก่อนกระอั่กเลือดออกมา

               “อาจารย์ข้า..ข้าทำไม่ได้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากล่องนั่นอยู่ที่ไหน” น้ำตาเขาไหลออก

    มาอย่างช่วยไม่ได้ สายตาพล่าเลือน รู้สึกถึงพลังวิญญาณที่เบาบางของอาจารย์ เสียง

    หายใจที่แผ่วเบา

               “โชคชะตาจะนำพาเจ้าเอง” อาจารย์คลายมือออกก่อนหลับสนิทไปนานแสน

    นาน..
     
    __________________

               เขานั่งทำใจอยู่สักพักก่อนทำความเคารพร่างไร้วิญญาณของอาจารย์ เขา

    ต้องออกตามหากล่องผนึกวิญญาณ

    เพราะเท่าที่เขาเรียนมากล่องผนึกวิญญาณคือกล่องที่ผนึกวิญญาณของจอมเวทย์ที่ขาย

    วิญญาณให้ซาตาน จอมเวทย์ออฟโซ จอมเวทย์แห่งอาณาจักรการาก็อด เขาทำการ

    โค่นล้มราชวงศ์ตั้งตนเป็นใหญ่ ก่อเกิดยุคมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดยุคที่ความมืดกลืนกินแสง

    สว่าง มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ใบไม้ไม่ผลิใบ พื้นดินแตกระแหง สายน้ำแห้งเหือด   กระทั่ง

    เทพแห่งแสงสว่างได้มาบนโลกนี้แล้วมอบพลังให้กับปราชญ์เอเรียต มหาปราชญ์

    ของมหาปราชญ์   ออฟโซถูกทำลายลง คืนชีวิตให้ทุกสิ่งแผ่นดินกลับเป็นสรวง

    สวรรค์ แต่ด้วยการรบที่ยาวนานกว่าจอมเวทย์จะตายมหาปราชญ์ก็ถูกความมืดแทรกซึม

    ในจิตใจช้าๆนำพาความโลภที่ไม่มีสิ้นสุดสู่มหาปราชญ์ แผ่นดินกลับสู่โลกมืดอีก

    ครั้ง เทพแห่งแสงจึงลงมาด้วยความกริ้วยึดพลังของปราชญ์เอเรียตจนหมดสิ้น เอเรียต

    จึงเป็นที่รังเกียจของสังคม จึงสำนึกผิดอยากจะชดใช้ให้แผ่นดินจึงศึกษาศาสตร์ต้องห้าม

    ที่ผสมกันระหว่างความมืดและแสงสว่าง สร้างกล่องผนึกวิญญาณจากเลือดของซาตาน

    และน้ำตาของเทพเพื่อผนึกความชั่วในยุคของซาตาน แล้วแต่งตั้งผู้ถูกเลือกให้คอย

    รักษากล่องไว้ให้ดีในยามวิบัติ แล้วนำกล่องไปซ่อนไว้ในหุบเขาโลหิตที่ๆอันตรายที่สุด

    ในแผ่นดิน...ซึ่งต่อมามีคนบอกเล่ากัดว่ามหาปราชญ์เอเรียตได้สร้างกุญแจที่ทำจาก

    วิญญาณของตนในวาระสุดท้ายอีกด้วย...

              
    แล้วเขาจะหามันเจอได้ยังไงล่ะหุบเขาโลหิตเป็นที่ที่กว้างใหญ่..

               หลังจากเขาคิดทบทวนเกี่ยวกับกล่องผนึกวิญญาณเขาก็จัดการเก็บข้าวของแล้ว

    หนีออกจากอาณาจักรเรยอนไปโดยไม่มีใครรับรู้ถึงความเป็นอยู่ของเขาอีกเลย........    
     
    __________     
     
              แซ่ก แซ่ก   เด็กหนุ่มตื่นจากภวังค์ หยิบปืนพกสีเงินจากเสื้อคลุมเตรียมรับมือกับ

    อะไรก็ตามที่เข้ามาในบริเวณค่ายพักของเขา
               ฟึ่บ!   เขาเอี้ยวตัวหลบทันทีแต่ไม่ทันการ
               
               “ ว้าก ว้าก   ว้ากกก ” 

               ตุบ
    !

               “ แอ่ก ”  ใครสักคนหล่นมาทับราเชส ทำเอาเขาแทบครวญ

               “ออก..ไป..จาก..ตัวข้าเดี๋ยวนี้” เขาเค้นเสียงออกมาแต่ละคำอย่างยากลำบาก ตัว

    เขาขยับแทบไม่ไหวด้วยน้ำหนักของคนบนตัว

               “ขอโทษ.....” เสียงอ่อยๆจากเด็กหนุ่มที่นั่งน้ำตาเล็ดได้แต่คลำก้นป้อยๆบนตัว

    ของราเชส

               “นี่เจ้า..”ราเชสพูดไม่ทันจบเจ้าเด็กหนุ่มตัวต้นเรื่องก็รีบเด้งออกจากตัวเขาอย่าง

    รวดเร็วเหมือนต้องของร้อน เมื่อเห็นสตูกระต่ายที่กำลังเดือดได้ที่จากเตาบนกองไฟ

               “ ทานเลยนะคร้าบบบ ” เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบกระซวบสตูกระต่ายอย่างไม่ยักกะ

    กลัวว่าปากจะพอง โดยไม่สนใจต่อสายตาชิงชังและเคียดแค้นของราเชสที่ส่งมาให้เขา

               “อิ่มเจงๆ เอิ๊กกก” กินเสร็จก็เรอออกมาเสียงดัง ทำให้ราเชสได้สังเกตเด็กหนุ่ม

    วัยเดียวกันว่าเนื้อตัวมอมแมมแค่ไหน ผมสีน้ำตาลแดงยุ่งเป็นกระเซิง เสื้อผ้าก็สกปรก

    แถมยังส่งกลิ่นอับออกมาอีก

               “เจ้าเป็นใคร”ราเชสเอ่ยเสียงเรียบ เจ้าตัวก่อเหตุนึกขึ้นได้รีบขอโทษขอโพยเป็น

    การใหญ่

               “ขอโทษจ้า ข้าน้อยผิดไปแล้วนายท่านสุดหล่ออย่าทำอะไร ลูกนกลูกกาตัว

    น้อยๆคนนี้เลยนะครับ” ราเชสยิ้มกริ่มกับการที่เจ้านี่ยังสำนึกได้ จริงๆเขาก็ไม่ได้โกรธ

    อะไรนักหรอกแค่ไม่พอใจนิดๆเท่านั้น

               “พอแล้วๆ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ฉันชื่อราเชส คาร์ซาส และเจ้าล่ะ” รา

    เชสอารมณ์ดีขึ้น ทำเอาคนหน้าเจื่อนอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

               “ ข้าชื่อเบอร์มิว ลิน ” เด็กหนุ่มนามเบอร์มิวยืดอกอย่างภูมิใจเมื่อพูดถึงนามสกุล

    ตนเอง ทำเอาราเชสรู้สึกเหม็นเบื่ออย่างแรง เมื่อเห็นหน้าตายิ่งผยองเกินเหตุของเบอร์มิ


              
    “เอาเหอะ นายไปล้างจานและเก็บกวาดซากพวกนั้นซะทีเถอะเห็นแล้วมันขยะ

    แขยง ” ราเชสว่าแล้วชี้นิ้วไปที่ซากกระดูกที่เบอร์มิวแทะเหลือไว้ เบอร์มิวทำหน้า

    ประมาณว่า ไม่เข้าใจ เมื่อเห็นหน้าตาหงุดหงิดของราเชส ก่อนตอบหน้าตาเฉย

              
    “ ฉันทำไม่เป็น”

              
    “อะไรนะ ที่บ้านของนาย นายไม่เคยทำเรื่องพวกนี้เหรอไง” ราเชสหลี่ตามอง

    เบอร์มิวอย่างไม่เชื่อ

              
    “นายก็ได้ยินแล้วนี่ ในบ้านฉัน ฉันไม่เคยทำงานบ้านดังนั้นฉันเก็บกวาดไม่เป็นก็

    เป็นเรื่องธรรมดา”เบอร์มิวพูดด้วยท่าทางสบายๆบอกเป็นนัยว่าราเชสต้องเป็นคนรับผิด

    ชอบซากขยะของเขา

               ผึง.... เส้นอารมณ์ของนักบวชหนุ่มขาดลงไม่สนแล้วว่าเขาจะเป็นนักบวชผู้เมตตา

    ต่อสรรพสัตว์บนโลก

              
    “พอที!!!!คุณหนู..ถ้าทำไม่เป็นก็ทำให้เป็นซะ คนน่ารำคาญแบบนี้ฉันรับไม่ได้

    ว้อย”ว่าแล้วก็หยิบปืนกระบอกเดิมสาดกระสุนไปบริเวณที่เบอร์มิวนั่งอยู่ทำเอาตั้งตัวแทบ

    ไม่ทัน

              
    “ว้าก นายทำอะไรของนายเนี่ยจะฆ่าฉันให้ตายหรือไงกัน”เบอร์มิวตะโกนขณะ

    หลบกระสุนที่สาดมา

              
    “ถ้าไม่อยากตายก็ไปล้างจานซะ คนที่สุขสบายจนทำอะไรไม่เป็นเห็นแล้วมัน

    ทุเรศ” ราเชสไม่ว่าเปล่าหยิบปืนจากเสื้อคลุมมาอีกกระบอกเตรียมยิงเบอร์มิวให้เดี้ยงคา

    ที่

              
    “พอแล้วๆจะทำแล้วจ้า หยุดยิงเถอะน้า” เบอร์มิวรีบก้มไหว้ราเชสปรกๆหวังให้

    เลิกยิงปืนซะที

    _____________
              
              สายน้ำไหลเอื่อยสะท้อนแสงดาวยามดึกปรากฏเด็กหนุ่มสองคนนั่งอยู่ริมธารน้ำใส
               
               “แหม แหม แหมเอาจริงๆก็ทำได้นี่นา อ๊ะๆตรงนั้นน่ะริมขอบมันยังไม่สะอาดเลย 

    นะขัดเข้าไปๆ หุหุหุ”
    ราเชสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆเบอร์มิวที่ต้องก้มงุดๆขัดหม้อแค่ใบ

    เดียวมาเกือบชั่วโมงแล้ว ทำไมวะกะอีแค่หม้อใบเดียวต้องสะอาดขนาดไหนเชียว ไอ้พระ

    เรื่องมากเอ้ย ถือว่ามีปืนก็ขู่กันได้งั้นเรอะ เบอร์มิวคิดอย่างนึกแค้น

              
    “อ้อเหรอ ข้าเรื่องมากขนาดนั้นเชียว นอกจากขัดหม้อยังไม่พอต้องขัดปากด้วย

    สินะ”ว่าจบราเชสก็จิกหัวเบอร์มิวขึ้นมา ดึงลิ้นออกมาแล้วยัดสบู่เข้าไป เบอร์มิวดิ้นไป

    มากลับรสชาติแย่ๆของสบู่ขัดหม้อ

              
    “อู้ อี้ ..อ่อย อ้า อ้ะ อา เอส(ปล่อยข้านะราเชส)”เบอร์มิวพยายามดิ้นแต่มีมือของ

    ราเชสจิกหัวอยู่

              
    “อารายหยอเบอร์มิวข้าฟังไม่รู้เรื่องเลย อยากให้ขัดแรงก่านี้หยออ่ะได้ๆเค้าจัดห้า

    ยยย..” ราเชสยิ้มเหี้ยมก่อนยัดสบู่ลึกเข้าไปอีกและครูดไปมากับเพดานปากของเบอร์มิวอ

    ย่างสนุก ไปอีก 5 นาทีจึงปล่อยให้เบอร์มิวคายก้อนสบู่ออกมา

              
    “ข้าหวังว่าถ้าข้าเดินกลับมาอีกหม้อคงจะสะอาดนะ อ้ออย่าบ้วนสบู่ลงในแม่น้ำนะ

    มันทำลายสิ่งแวดล้อม”ราเชสวักน้ำออกมาล้างมือแล้วหันมายิ้มให้เบอร์มิวจนตาหยีค่อย

    เดินกลับไปยังค่ายพักของเขา ปล่อยให้เบอร์มิวล้วงคอออกมาอย่างหมดมาดเนื่องจาก

    สบู่ส่วนหนึ่งลงไปในคอของเขาแล้วต้องกลับมานั่งขัดหม้อเจ้ากรรมใบเดิม

               เมื่อเขาเดินกลับมาก็ต้องแปลกใจกับน้ำและขนมปังวางไว้ข้างหมอนกับผ้าห่ม 

    โดยมีราเชสนอนอิงม้าสีดำตัวใหญ่ที่หมอบอยู่ข้างๆ ในมือมีหนังสือปกสีแดงดูคุ้นตา แต่

    ก่อนที่เขาจะเขาจะได้เอ่ยอะไรราเชสก็พูดขึ้นมาก่อน

              
    “พรุ่งนี้ฉันจะออกเดินทางไปเมืองเล็กๆถัดจากป่านี้.. นายจะไปด้วยกันเปล่า”รา

    เชสหันมายิ้มให้เบอร์มิวจนตาหยีดูกวนประสาทเหมือนที่เห็นริมธาร

              
    “ถ้าฉันปฏิเสธนายก็คงยิงฉันจนตัวพรุนน่ะสิ ” เบอร์มิวยิ้มกลับพร้อมทำท่าตัวเอง

    ถูกยิงตาย   ทำเอาราเชสนึกอยากยิงขึ้นมาจริงๆ ทั้งสองพูดคุยกันจนดึกจึงทำให้เป็น

    เพื่อนกันอย่างรวดเร็ว จากการคุยกันทำให้ราเชสรู้ว่าทำไมเบอร์มิวถึงหลงป่ามาได้ ซึ่งก็

    ได้ความว่า

               เบอร์มิวเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลใหญ่อย่าง ลิน เป็นตระกูลอัศวินส่วน

    พระองค์เก่าแต่แยกออกมาเพราะว่าทำการค้าแล้วเงินมันดีกว่าไม่ต้องทนการตัดเงิน

    เดือนยกให้สนมเล็กสนมน้อย จนมั่งคั่งเป็นที่รู้จักกันทั่วแผ่นดินเอเดน แต่ด้วยที่เบอร์มิ

    วเป็นลูกคนเล็กจึงถูกตามใจจนเคยตัวทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง พ่อของเขาย่อมทนไม่

    ได้จึงไล่เบอร์มิวให้ออกมาหาประสบการณ์ในการใช้ชีวิตคนเดียวจนกว่าจะเข้มแข็งพอที่

    จะปกป้องคนในตระกูลหรือเทียบเท่าพวกพี่ๆได้ เบอร์มิวจึงระเห็ดเร่ร่อนออกมาจนหลง

    ป่าเงินที่เตรียมมามากมายก็แทบจะไม่ได้ ใช้ หลงป่ามา 3 วัน จนมาเจอราเชสนั่งระลึก

    ชาติอยู่ใต้ต้นไม้

               เวลาผ่านไปตาของราเชสกับเบอร์มิวก็ปรือลงเรื่อยๆ ทั้งสองคนจึงผ่อยหลับไป

    โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตามุ่งร้ายต่อพวกตนอยู่
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×