ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำของเด็กตาดำๆ
ท่ามกลางทะเลดาวในคืนเดือนมืด ท้องฟ้าดำสนิทไร้เมฆปกคลุม หมู่ดาวทอ
แสงรอดผ่านยอดไม้แห่งป่าใหญ่เกิดเป็นละอองสีขาวนวลทั่วผืนป่า สายลมยามหัวค่ำพัด
ผ่านยอดหญ้าพลิ้วไหวนำพาความเย็นให้ทุกชีวิตภายในป่า ฝูงหมาป่าต่างพากันเห่าหอน
หลังจัดการกับเหยื่อตัวแรกของคืน นกเค้าแมวเฝ้ารอหนูให้ออกจากโพรงอย่างสงบ ชีวิต
ในผืนป่ากำลังดำเนินต่อไปดังเช่นทุกคืนวันที่ผ่านมา
แสงรอดผ่านยอดไม้แห่งป่าใหญ่เกิดเป็นละอองสีขาวนวลทั่วผืนป่า สายลมยามหัวค่ำพัด
ผ่านยอดหญ้าพลิ้วไหวนำพาความเย็นให้ทุกชีวิตภายในป่า ฝูงหมาป่าต่างพากันเห่าหอน
หลังจัดการกับเหยื่อตัวแรกของคืน นกเค้าแมวเฝ้ารอหนูให้ออกจากโพรงอย่างสงบ ชีวิต
ในผืนป่ากำลังดำเนินต่อไปดังเช่นทุกคืนวันที่ผ่านมา
“ ปัง!!!” เสียงปืนดังขึ้นทำให้ทุกสรรพสิ่งในป่าหยุดชะงัก ก่อนจะเคลื่อนไหว
ต่ออย่างเงียบเชียบ เด็กชายในชุดคลุมสีขาวบ่งบอกว่าเจ้าตัวคือนักบวชยืนสวดส่ง
วิญญาณให้กระต่ายป่าที่หลับใหลอย่างสงบ กลางลำตัวมีรูกระสุนถูกจุดตายพอดี เลือด
ไหลรินออกจากปากแผลเอื่อยๆ เด็กชายก้มลงเก็บร่างไร้วิญญาณไว้ในอ้อมแขนก่อนนำ
กระต่ายไปชำแหละ แล้วนำมันมาปรุงเป็นอาหารค่ำในเดือนนั้น
เสียงปะทุของกองไฟดังเป็นระยะ ม้าสีดำตัวใหญ่ยืนแทะหญ้าอย่างสบายใจ โดย
มีเด็กหนุ่มเอนกายอยู่ใต้ต้นไม้ข้างๆ ดวงตากลมดำดุจรัตติกาลจ้องมองไปในความมืด
อย่างครุ่นคิด ปากบางเม้มเรียบพลางนึกทบทวนในสิ่งที่ผ่านมา....
เด็กหนุ่มมีนามว่าราเชส คาร์ซาสในวัย 13 ปีเขาได้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของหัว
หน้าองคมนตรีแห่งอาณาจักรเรยอน อาณาจักรที่งดงามที่สุดใน 8 อาณาจักรใหญ่
ปกครองโดยกษัตริย์เอดเวิร์ดที่ 8 และองคมนตรีอีก 50 คน ทอร์เรส คาร์ซาส ชายผู้เป็น
ทั้งอาจารย์และพ่อบุญธรรมของเขาก็คือหัวหน้าองคมนตรีที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งคิดว่าน่าจะ
เป็นหัวหน้าองคมนตรีต่อไปหากไม่เกิดเรื่องในคืนเดือนมืดเช่นคืนนี้ คืนที่ความมืดกลืน
กินแสงสว่างของจันทราจนหมดสิ้น......
แสงจากคบเพลิงเวทย์คอยให้ความสว่างทางเดินภายในวิหารเรยอน ที่ทำการ
ขององคมนตรี บนชั้น 3อาจารย์ของเขากำลังเล่าเรื่องงี่เง่าของเหล่าเสนาทั้งหลายให้
เขาฟังทำเอาเขาสะอึก อาจารย์ยิ้มอย่างเอ็นดูให้ตามเคย เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไม่ว่าเขาจะ
ทำผิดแค่ไหนอาจารย์ก็ยิ้ม ทำให้เขาอุ่นใจเสมอ อาจารย์เก็บเขามาเลี้ยงจนกระทั่งก่อน
ที่อะไรมันจะเลวร้าย..อาจารย์ของเขาถูกยิงตายแค่เพราะต้องการช่วยปกป้องเขาเท่านั้น
บุรุษเสื้อคลุมดำค้นหาอะไรบางอย่างทั่วห้องแต่ก็ต้องพบแต่ความว่างเปล่า เขากลัวจน
ขยับไม่ได้ ได้แต่มองผู้บุกรุกกระโจนหนีไปทางหน้าต่างเท่านั้น อาจารย์เริ่มหายใจติดขัด
มือล้วงไปในอกเสื้อหยิบม้วนกระดาษเก่าๆกับปืนที่อาจารย์พกติดตัวเสมอออกมา
“ราเชสเจ้าจงออกตามหากล่องผนึกวิญญาณ..นี่คือแผนที่ของหุบเขาโลหิต..
ส่วนปืนนี่ขอให้เจ้าเก็บมันไว้ หวังว่ามันคงเป็นประโยชน์ต่อเจ้านะ ” อาจารย์ยิ้มเช่นเคย
ก่อนกระอั่กเลือดออกมา
“อาจารย์ข้า..ข้าทำไม่ได้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากล่องนั่นอยู่ที่ไหน” น้ำตาเขาไหลออก
มาอย่างช่วยไม่ได้ สายตาพล่าเลือน รู้สึกถึงพลังวิญญาณที่เบาบางของอาจารย์ เสียง
หายใจที่แผ่วเบา
“โชคชะตาจะนำพาเจ้าเอง” อาจารย์คลายมือออกก่อนหลับสนิทไปนานแสน
นาน..
__________________
เขานั่งทำใจอยู่สักพักก่อนทำความเคารพร่างไร้วิญญาณของอาจารย์ เขา
ต้องออกตามหากล่องผนึกวิญญาณ
เพราะเท่าที่เขาเรียนมากล่องผนึกวิญญาณคือกล่องที่ผนึกวิญญาณของจอมเวทย์ที่ขาย
วิญญาณให้ซาตาน จอมเวทย์ออฟโซ จอมเวทย์แห่งอาณาจักรการาก็อด เขาทำการ
โค่นล้มราชวงศ์ตั้งตนเป็นใหญ่ ก่อเกิดยุคมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดยุคที่ความมืดกลืนกินแสง
สว่าง มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ใบไม้ไม่ผลิใบ พื้นดินแตกระแหง สายน้ำแห้งเหือด กระทั่ง
เทพแห่งแสงสว่างได้มาบนโลกนี้แล้วมอบพลังให้กับปราชญ์เอเรียต มหาปราชญ์
ของมหาปราชญ์ ออฟโซถูกทำลายลง คืนชีวิตให้ทุกสิ่งแผ่นดินกลับเป็นสรวง
สวรรค์ แต่ด้วยการรบที่ยาวนานกว่าจอมเวทย์จะตายมหาปราชญ์ก็ถูกความมืดแทรกซึม
ในจิตใจช้าๆนำพาความโลภที่ไม่มีสิ้นสุดสู่มหาปราชญ์ แผ่นดินกลับสู่โลกมืดอีก
ครั้ง เทพแห่งแสงจึงลงมาด้วยความกริ้วยึดพลังของปราชญ์เอเรียตจนหมดสิ้น เอเรียต
จึงเป็นที่รังเกียจของสังคม จึงสำนึกผิดอยากจะชดใช้ให้แผ่นดินจึงศึกษาศาสตร์ต้องห้าม
ที่ผสมกันระหว่างความมืดและแสงสว่าง สร้างกล่องผนึกวิญญาณจากเลือดของซาตาน
และน้ำตาของเทพเพื่อผนึกความชั่วในยุคของซาตาน แล้วแต่งตั้งผู้ถูกเลือกให้คอย
รักษากล่องไว้ให้ดีในยามวิบัติ แล้วนำกล่องไปซ่อนไว้ในหุบเขาโลหิตที่ๆอันตรายที่สุด
ในแผ่นดิน...ซึ่งต่อมามีคนบอกเล่ากัดว่ามหาปราชญ์เอเรียตได้สร้างกุญแจที่ทำจาก
วิญญาณของตนในวาระสุดท้ายอีกด้วย...
‘แล้วเขาจะหามันเจอได้ยังไงล่ะหุบเขาโลหิตเป็นที่ที่กว้างใหญ่.. ’
หลังจากเขาคิดทบทวนเกี่ยวกับกล่องผนึกวิญญาณเขาก็จัดการเก็บข้าวของแล้ว
หนีออกจากอาณาจักรเรยอนไปโดยไม่มีใครรับรู้ถึงความเป็นอยู่ของเขาอีกเลย........
__________
แซ่ก แซ่ก เด็กหนุ่มตื่นจากภวังค์ หยิบปืนพกสีเงินจากเสื้อคลุมเตรียมรับมือกับ
อะไรก็ตามที่เข้ามาในบริเวณค่ายพักของเขา
ฟึ่บ! เขาเอี้ยวตัวหลบทันทีแต่ไม่ทันการ
“ ว้าก ว้าก ว้ากกก ”
ตุบ!
“ แอ่ก ” ใครสักคนหล่นมาทับราเชส ทำเอาเขาแทบครวญ
“ออก..ไป..จาก..ตัวข้าเดี๋ยวนี้” เขาเค้นเสียงออกมาแต่ละคำอย่างยากลำบาก ตัว
เขาขยับแทบไม่ไหวด้วยน้ำหนักของคนบนตัว
“ขอโทษ.....” เสียงอ่อยๆจากเด็กหนุ่มที่นั่งน้ำตาเล็ดได้แต่คลำก้นป้อยๆบนตัว
ของราเชส
“นี่เจ้า..”ราเชสพูดไม่ทันจบเจ้าเด็กหนุ่มตัวต้นเรื่องก็รีบเด้งออกจากตัวเขาอย่าง
รวดเร็วเหมือนต้องของร้อน เมื่อเห็นสตูกระต่ายที่กำลังเดือดได้ที่จากเตาบนกองไฟ
“ ทานเลยนะคร้าบบบ ” เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบกระซวบสตูกระต่ายอย่างไม่ยักกะ
กลัวว่าปากจะพอง โดยไม่สนใจต่อสายตาชิงชังและเคียดแค้นของราเชสที่ส่งมาให้เขา
“อิ่มเจงๆ เอิ๊กกก” กินเสร็จก็เรอออกมาเสียงดัง ทำให้ราเชสได้สังเกตเด็กหนุ่ม
วัยเดียวกันว่าเนื้อตัวมอมแมมแค่ไหน ผมสีน้ำตาลแดงยุ่งเป็นกระเซิง เสื้อผ้าก็สกปรก
แถมยังส่งกลิ่นอับออกมาอีก
“เจ้าเป็นใคร”ราเชสเอ่ยเสียงเรียบ เจ้าตัวก่อเหตุนึกขึ้นได้รีบขอโทษขอโพยเป็น
การใหญ่
“ขอโทษจ้า ข้าน้อยผิดไปแล้วนายท่านสุดหล่ออย่าทำอะไร ลูกนกลูกกาตัว
น้อยๆคนนี้เลยนะครับ” ราเชสยิ้มกริ่มกับการที่เจ้านี่ยังสำนึกได้ จริงๆเขาก็ไม่ได้โกรธ
อะไรนักหรอกแค่ไม่พอใจนิดๆเท่านั้น
“พอแล้วๆ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ฉันชื่อราเชส คาร์ซาส และเจ้าล่ะ” รา
เชสอารมณ์ดีขึ้น ทำเอาคนหน้าเจื่อนอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ ข้าชื่อเบอร์มิว ลิน ” เด็กหนุ่มนามเบอร์มิวยืดอกอย่างภูมิใจเมื่อพูดถึงนามสกุล
ตนเอง ทำเอาราเชสรู้สึกเหม็นเบื่ออย่างแรง เมื่อเห็นหน้าตายิ่งผยองเกินเหตุของเบอร์มิ
ว
“เอาเหอะ นายไปล้างจานและเก็บกวาดซากพวกนั้นซะทีเถอะเห็นแล้วมันขยะ
แขยง ” ราเชสว่าแล้วชี้นิ้วไปที่ซากกระดูกที่เบอร์มิวแทะเหลือไว้ เบอร์มิวทำหน้า
ประมาณว่า ไม่เข้าใจ เมื่อเห็นหน้าตาหงุดหงิดของราเชส ก่อนตอบหน้าตาเฉย
“ ฉันทำไม่เป็น”
“อะไรนะ ที่บ้านของนาย นายไม่เคยทำเรื่องพวกนี้เหรอไง” ราเชสหลี่ตามอง
เบอร์มิวอย่างไม่เชื่อ
“นายก็ได้ยินแล้วนี่ ในบ้านฉัน ฉันไม่เคยทำงานบ้านดังนั้นฉันเก็บกวาดไม่เป็นก็
เป็นเรื่องธรรมดา”เบอร์มิวพูดด้วยท่าทางสบายๆบอกเป็นนัยว่าราเชสต้องเป็นคนรับผิด
ชอบซากขยะของเขา
ผึง.... เส้นอารมณ์ของนักบวชหนุ่มขาดลงไม่สนแล้วว่าเขาจะเป็นนักบวชผู้เมตตา
ต่อสรรพสัตว์บนโลก
“พอที!!!!คุณหนู..ถ้าทำไม่เป็นก็ทำให้เป็นซะ คนน่ารำคาญแบบนี้ฉันรับไม่ได้
ว้อย”ว่าแล้วก็หยิบปืนกระบอกเดิมสาดกระสุนไปบริเวณที่เบอร์มิวนั่งอยู่ทำเอาตั้งตัวแทบ
ไม่ทัน
“ว้าก นายทำอะไรของนายเนี่ยจะฆ่าฉันให้ตายหรือไงกัน”เบอร์มิวตะโกนขณะ
หลบกระสุนที่สาดมา
“ถ้าไม่อยากตายก็ไปล้างจานซะ คนที่สุขสบายจนทำอะไรไม่เป็นเห็นแล้วมัน
ทุเรศ” ราเชสไม่ว่าเปล่าหยิบปืนจากเสื้อคลุมมาอีกกระบอกเตรียมยิงเบอร์มิวให้เดี้ยงคา
ที่
“พอแล้วๆจะทำแล้วจ้า หยุดยิงเถอะน้า” เบอร์มิวรีบก้มไหว้ราเชสปรกๆหวังให้
เลิกยิงปืนซะที
_____________
สายน้ำไหลเอื่อยสะท้อนแสงดาวยามดึกปรากฏเด็กหนุ่มสองคนนั่งอยู่ริมธารน้ำใส
“แหม แหม แหมเอาจริงๆก็ทำได้นี่นา อ๊ะๆตรงนั้นน่ะริมขอบมันยังไม่สะอาดเลย
นะขัดเข้าไปๆ หุหุหุ” ราเชสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆเบอร์มิวที่ต้องก้มงุดๆขัดหม้อแค่ใบ
เดียวมาเกือบชั่วโมงแล้ว ทำไมวะกะอีแค่หม้อใบเดียวต้องสะอาดขนาดไหนเชียว ไอ้พระ
เรื่องมากเอ้ย ถือว่ามีปืนก็ขู่กันได้งั้นเรอะ เบอร์มิวคิดอย่างนึกแค้น
“อ้อเหรอ ข้าเรื่องมากขนาดนั้นเชียว นอกจากขัดหม้อยังไม่พอต้องขัดปากด้วย
สินะ”ว่าจบราเชสก็จิกหัวเบอร์มิวขึ้นมา ดึงลิ้นออกมาแล้วยัดสบู่เข้าไป เบอร์มิวดิ้นไป
มากลับรสชาติแย่ๆของสบู่ขัดหม้อ
“อู้ อี้ ..อ่อย อ้า อ้ะ อา เอส(ปล่อยข้านะราเชส)”เบอร์มิวพยายามดิ้นแต่มีมือของ
ราเชสจิกหัวอยู่
“อารายหยอเบอร์มิวข้าฟังไม่รู้เรื่องเลย อยากให้ขัดแรงก่านี้หยออ่ะได้ๆเค้าจัดห้า
ยยย..” ราเชสยิ้มเหี้ยมก่อนยัดสบู่ลึกเข้าไปอีกและครูดไปมากับเพดานปากของเบอร์มิวอ
ย่างสนุก ไปอีก 5 นาทีจึงปล่อยให้เบอร์มิวคายก้อนสบู่ออกมา
“ข้าหวังว่าถ้าข้าเดินกลับมาอีกหม้อคงจะสะอาดนะ อ้ออย่าบ้วนสบู่ลงในแม่น้ำนะ
มันทำลายสิ่งแวดล้อม”ราเชสวักน้ำออกมาล้างมือแล้วหันมายิ้มให้เบอร์มิวจนตาหยีค่อย
เดินกลับไปยังค่ายพักของเขา ปล่อยให้เบอร์มิวล้วงคอออกมาอย่างหมดมาดเนื่องจาก
สบู่ส่วนหนึ่งลงไปในคอของเขาแล้วต้องกลับมานั่งขัดหม้อเจ้ากรรมใบเดิม
เมื่อเขาเดินกลับมาก็ต้องแปลกใจกับน้ำและขนมปังวางไว้ข้างหมอนกับผ้าห่ม
โดยมีราเชสนอนอิงม้าสีดำตัวใหญ่ที่หมอบอยู่ข้างๆ ในมือมีหนังสือปกสีแดงดูคุ้นตา แต่
ก่อนที่เขาจะเขาจะได้เอ่ยอะไรราเชสก็พูดขึ้นมาก่อน
“พรุ่งนี้ฉันจะออกเดินทางไปเมืองเล็กๆถัดจากป่านี้.. นายจะไปด้วยกันเปล่า”รา
เชสหันมายิ้มให้เบอร์มิวจนตาหยีดูกวนประสาทเหมือนที่เห็นริมธาร
“ถ้าฉันปฏิเสธนายก็คงยิงฉันจนตัวพรุนน่ะสิ ” เบอร์มิวยิ้มกลับพร้อมทำท่าตัวเอง
ถูกยิงตาย ทำเอาราเชสนึกอยากยิงขึ้นมาจริงๆ ทั้งสองพูดคุยกันจนดึกจึงทำให้เป็น
เพื่อนกันอย่างรวดเร็ว จากการคุยกันทำให้ราเชสรู้ว่าทำไมเบอร์มิวถึงหลงป่ามาได้ ซึ่งก็
ได้ความว่า
เบอร์มิวเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลใหญ่อย่าง ลิน เป็นตระกูลอัศวินส่วน
พระองค์เก่าแต่แยกออกมาเพราะว่าทำการค้าแล้วเงินมันดีกว่าไม่ต้องทนการตัดเงิน
เดือนยกให้สนมเล็กสนมน้อย จนมั่งคั่งเป็นที่รู้จักกันทั่วแผ่นดินเอเดน แต่ด้วยที่เบอร์มิ
วเป็นลูกคนเล็กจึงถูกตามใจจนเคยตัวทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง พ่อของเขาย่อมทนไม่
ได้จึงไล่เบอร์มิวให้ออกมาหาประสบการณ์ในการใช้ชีวิตคนเดียวจนกว่าจะเข้มแข็งพอที่
จะปกป้องคนในตระกูลหรือเทียบเท่าพวกพี่ๆได้ เบอร์มิวจึงระเห็ดเร่ร่อนออกมาจนหลง
ป่าเงินที่เตรียมมามากมายก็แทบจะไม่ได้ ใช้ หลงป่ามา 3 วัน จนมาเจอราเชสนั่งระลึก
ชาติอยู่ใต้ต้นไม้
เวลาผ่านไปตาของราเชสกับเบอร์มิวก็ปรือลงเรื่อยๆ ทั้งสองคนจึงผ่อยหลับไป
โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตามุ่งร้ายต่อพวกตนอยู่
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น