ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องว่าง ( ไม่ถึงขั้นYaoi มั้ง เพราะไม่เรท)

    ลำดับตอนที่ #2 : Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 49


    Chapter 1

             

            อากาศนอกหน้าต่างนั่นเลวร้ายเหมือนทุกวัน สายฝนยังคงโปรยปรายและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ชายหนุ่มในวัยสามสิบสองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข้าชุดกับโต๊ะไม้สีดำตัวใหญ่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ตรงสุดมุมของชั้นที่สามมองออกไปนอกหน้าต่าง จิบน้ำชารสชาดจืดชืดพลางทอดถอนใจ ไม่นานนักเสียงกริ่งบอกเวลาบ่ายสามก็ดังขึ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างเนือยๆ เขาหยิบกระเป๋าเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะและเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ทันทีที่เดินมาออกมาจากบริเวณห้องพักของตนเองท่าทีที่เหนื่อยหน่ายเมื่อซักครู่ก็เปลี่ยนเป็นเตรียมพร้อมด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงผิดจากเมื่อครู่ชนิดที่เรียกได้ว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือ

                ริมฝีปากได้รูปยิ้มกว้างรับคำทักทายของนักเรียนคนหนึ่งที่เดินผ่านไปบริเวณระเบียง ก่อนที่จะเปิดประตูห้องหมายเลขสองศูนย์เจ็ดเข้าไปทำหน้าที่อย่างเคย

     เป็นที่รู้กันดีในเหล่านักเรียนว่ามาสเตอร์ดันเต้ แม็กซ์เวลล์ ที่สอนวิชาประวัติศาตร์ศาสนานั้นไม่เคยทำให้ใครหลับในห้องเรียนมาก่อน ด้วยวิธีการสอนที่เข้าใจง่ายบวกกับความเป็นมิตรและอารมณ์ขันทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนเซนต์ปีเตอร์นับถือและเคารพรักมากกว่ามาสเตอร์คนอื่นๆ

    วันนี้ชายหนุ่มเริ่มต้นชั่วโมงเรียนด้วยรอยยิ้มและคำถามที่จะนำเข้าสู่บทเรียนเช่นเคย

    "จากการบ้านคราวที่แล้ว มีใครบอกได้บ้างว่าอัครสาวกของพระเยซูคริสต์สิบสององค์นั้นมีใครบ้าง?"

    นักเรียนทุกคนในห้องยกมือพรึบ แย่งกันตอบคำถาม มีเพียงเด็กหนุ่มที่นั่งมุมขวาหลังสุดของห้องเท่านั้นที่ไม่ยกมือ หากแต่ยิ้มเผล่ด้วยรู้ว่าคนหน้าห้องจะต้องสะดุดกับยิ้มยียวนและเรียกเขาตอบคำถามข้อนี้

    "เคนตัน คุณว่าไง" 

    เป็นไปดังคาด มาสเตอร์แม็กซ์เวลล์ตกหลุมพรางที่เขาขุดไว้จนได้ เด็กหนุ่มแสร้งทำสีหน้าตกใจ ตอบด้วยน้ำเสียงอึกอัก

    "ผ...ผม รู้แค่เจ็ด ครับ"

    แม็กซ์เวลล์ยิ้มอย่างใจดี ไม่ติดใจกับท่าทีของเด็กหนุ่ม "เอาล่ะ อย่างน้อยก็รู้ถึงเจ็ด ไหนลองบอกให้เพื่อนฟังสิ"

    เคนตันลุกขึ้นยืน ยกนิ้วขึ้นมานับพลางพูดชื่อออกมาอย่างรวดเร็วติดกันเป็นพรืด "ก็มี กรัมปี้ สลีฟปี้ สนีสซี่ โดปี้ แฮปปี้ บัสฟุล แล้วก็ด็อก ครับ"

    ทั้งห้องฮาครืนกับคำตอบที่ได้ยิน ใครเล่าจะคาดคิดว่าคำตอบของเดวิด เคนตันจะกลายเป็นชื่อของคนแคระทั้งเจ็ดในนิทานเรื่องสโนว์ไวท์ไปได้ ไม้เว้นแม้แต่แม็กซ์เวลล์ ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลเข้มที่ยืนอยู่หน้าห้องก็พลอยหัวเราะร่วนไปกับคำตอบที่ได้รับจากนักเรียนจอมกวนไปด้วย

    "ผมนึกว่าคุณจะตอบเป็นชื่อกวางของซานตาครอสเสียอีก" แม็กซ์เวลล์ส่ายหน้ายิ้มๆ เขาไม่ค่อยเจ้าระเบียบเหมือนมาสเตอร์คนอื่นๆสักเท่าไหร่นัก การเล่นหัวกันระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์จึงเป็นเรื่องปกติในชั้นเรียนของเขา

    "มาสเตอร์ครับ...." คราวนี้เรย์มอน เพนน์ เด็กหนุ่มร่างบางใส่แว่นหนาเตอะที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดยกมือขึ้นคล้ายจะถามอะไรบางอย่าง

    "เอ้า ว่าไง...หวังว่าคงไม่ถามผมเกี่ยวกับชื่อกวางของซานตาครอสอะไรทำนองนั้นหรอกนะ" แม็กซ์เวลล์พูดติดตลก

    "คือ พวกเราได้ข่าวมาว่าโรงเรียนรับมาสเตอร์คนใหม่เข้ามาหรือครับ มาสเตอร์เคยเจอเขาหรือยัง และเขาดูเป็นยังไงบ้างครับ?"

    ไม่บ่อยครั้งนักที่เด็กหนุ่มผู้จริงจังกับการเรียนจะถามเรื่องนอกบทเรียน แม็กซ์เวลล์จึงพยายามนึกหาคำตอบของคำถามทั้งหมด

    "เอ...ผมก็ได้ข่าวมาเหมือนกัน แต่ว่าผมยังไม่เคยเจอเขาเลยนะ..." ชายหนุ่มลูบคางครุ่นคิด "...อีกอย่างห้องพักมาสเตอร์ห้องที่ว่างก็ยังไม่มีใครขนอุปกรณ์อะไรเข้ามาไว้ เอาเป็นว่าถ้าผมเห็นอะไรจะบอกพวกคุณแล้วกันนะ เพราะยังไงห้องนั้นก็อยู่เยื้องๆกับห้องผมอยู่แล้ว ถ้ามีใครเข้ามาผมต้องเห็นแน่นอน แต่ว่าตอนนี้เรามาพูดถึงบทเรียนของเรากันต่อดีกว่า..." มาสเตอร์หนุ่มยิ้มเปลี่ยนเรื่องเข้าสู่บทเรียน และแน่นอนว่าคาบเรียนวันนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรู้อีกเช่นเคย - -

    เสียงกริ่งบอกเวลาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อถึงเวลาสี่โมงเย็น และนั่นก็เป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนทราบว่าหมดเวลาของการเรียนการสอนในวันนี้แล้ว เสียงอึกทึกโครมครามที่เกิดจากการเลื่อนโต๊ะเก้าอี้และเสียงเซ็งแซ่ของเหล่านักเรียนดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจางหายไป เหลือเพียงแต่ร่างกำยำที่ถูกปกปิดไว้ด้วยเสื้อเชิร์ตสีขาวในชุดสูทสีน้ำตาลยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

    ดวงตาสีวอลนัทของมาสเตอร์หนุ่มฉายแววอ่อนล้าเมื่ออยู่เพียงลำพัง เขาค่อยๆหยิบกระเป๋าเอกสารหนังคู่ใจกลับไปนั่งใจลอยอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆแห่งเดิมเพียงคนเดียว

    ชายหนุ่มเคยนึกสงสัยว่าจะมีใครบ้างไหมในโลกที่เป็นแบบเขา ตื่นแต่เช้าขึ้นมาคนเดียว มองไปข้างเตียงไร้คนเคียงข้าง วันทั้งวันอ้างว้างว่างเปล่า ตกเย็นเมื่อถึงบ้านก็ต้องอยู่อย่างซึมเศร้าเดียวดาย

    ดันเต้ แม็กซ์เวลล์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเว้นเสียแต่มิตรสหายและนักเรียนในโรงเรียนเซนต์ปีเตอร์แห่งนี้ หากนั่นก็ไม่ได้ทำให้ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวหายไปจากหัวใจของชายหนุ่ม สิ่งที่เขาต้องการคือ เพื่อนคู่คิดที่สามารถอยู่ข้างกายเป็นคนรู้ใจทั้งยามตื่นและยามหลับ แบ่งปันน้ำตาในยามทุกข์และเผื่อแผ่รอยยิ้มในยามสุข

    เขาไม่ใช่คนขี้ริ้วเสียจนไม่มีใครสนใจ ตรงกันข้ามหน้าตาของแม็กซ์เวลล์นั้นคมเข้มได้สั ดส่วนรับกับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกพองาม อีกทั้งฐานะการงานของเขาที่เป็นถึงมาสเตอร์ในโรงเรียนชื่อดังของคาทอลิกก็เป็นสิ่งรับประกันเรื่องฐานะเงินทองได้เป็นอย่างดี เขาจึงเป็นที่หมายปองของบรรดาหญิงสาวทั่วไป แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มประสงค์ด้วยพระเจ้ากำหนดให้เขาพึงใจในบุรุษเพศ อันเป็นที่รู้กันว่ายากที่จะเอ่ยปากบอกใครได้โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีบทบรรญัติชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นที่นี่ ที่ที่นักเรียนทุกคนให้ความเคารพนับถือเขาเสมอมา ความอัดอั้นตันใจและความเหงาเปล่าเปลี่ยวจึงเป็นสิ่งที่ยังคงฝังใจและติดตัวเขาตลอดระยะเวลาสามสิบสองปีที่ผ่ามา

                เสียงครืดคราดเหมือนใครบางคนกำลังลากของหนักๆ ครูดไปกับพื้นปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ มาสเตอร์หนุ่มเปิดประตูห้องพักของตนและชะโงกหน้าออกไปมอง

                โต๊ะสีดำตัวใหญ่เช่นเดียวกับโต๊ะทำงานในห้องพักของเขาถูกลากกึ่งยกเข้าไปใน ห้องว่าง ที่อยู่เยื้องกับห้องของเขาด้วยแรงของสตีฟและจอห์นสองนักการประจำโรงเรียน ประตูที่เปิดอ้าทิ้งไว้ทำให้ชายหนุ่มสามารถมองเห็นเอกสารและอุปกรณ์ต่างๆ ที่วางพิงอยู่ริมกำแพงห้องอย่างเป็นระเบียบ - -

                'นี่สินะ ที่พวกนักเรียนพูดถึง' แม็กซ์เวลล์นึกถึงคำถามของเรย์มอน เพนน์ นักเรียนในคลาสของเขา

                เสียงฟ้าคำรามและแสงสีขาวที่มาพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลาพอที่จะรอสังเกตใบหน้าของ มาสเตอร์คนใหม่ แม็กซ์เวลล์รีบหันไปคว้าร่มสีแดงคันโปรดของตน หยิบกระเป๋าเอกสาร และจ้ำอ้าวลงบันไดไปอย่างเร่งรีบ

                นอกอาคาร ไม่มีวี่แววคนสัญจร ท้องฟ้ามืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวจากถนนส่องให้พอเห็นทาง นาฬิกาโรแล็กซ์ที่ข้อมือบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง เขาเกือบจะพลาดรถไฟใต้ดินเที่ยวสุดท้ายไปเสียแล้วหากไม่มีเสียงฟ้าฝนเตือนให้รู้ตัว ขายาวแข็งแรงก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายที่อยู่ติดกับพื้นคอนกรีต กำลังนึกถึงเส้นทางลัดไปสู่สถานีรถไฟ ทันใดนั้นเองดวงตาสีวอลนัทของเขาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างโปร่งคนหนึ่งนั่งคุกเข่าหนาวสั่นอยู่ท่ามกลางสายฝนต่อหน้ารูปปั้นของนักบุญฟรานซิสที่อยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร

                คิ้วเข้มของมาสเตอร์หนุ่มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย ขายาวก้าวตรงไปหาโดยไม่รู้ตัว เสียงฟ้าคำรามดังขึ้นอีกคำรบหนึ่งพร้อมๆกับร่มสีแดงที่ถูกยื่นออกไปแบ่งปันพื้นที่อย่างอารีย์

                ร่างที่หันหลังอยู่ หันมามองมาสเตอร์หนุ่มเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งที่กำบังเขาจากเม็ดฝน ดวงตาเรียวเล็กสีดำสบเข้ากับดวงตาเข้มเข้าอย่างจัง ราวกับเวลาได้หยุดลง โลกทั้งใบเงียบงันไร้สรรพเสียง ดันเต้ แม็กซ์เวลล์จ้องลึกเข้าไปภายใน หยดน้ำเล็กรื้นอยู่ตรงขอบตาของชายหนุ่มแปลกหน้า มาสเตอร์หนุ่มไม่สามารถบอกได้ว่านั่นคือหยาดฝนหรือหยดน้ำตาของคนตรงหน้าที่กำลังไหลรินกันแน่ โดยไม่ได้ตั้งใจมือหนาอบอุ่นของเขาก็แตะลงไปที่บ่าของชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างแผ่วเบา - -

                ไร้คำพูดใดๆ ร่มคันสีแดงกลายเป็นพื้นที่อาศัยของมาสเตอร์หนุ่มวัยสามสิบสองและหนุ่มไร้ชื่อวัยยี่สิบต้นๆ แม็กซ์เวลล์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มที่เขาพบนี้เป็นใคร มาจากไหน และกำลังจะไปที่ใด เขารู้เพียงแต่ว่าตนเองจะต้องรีบไปให้ทันรถไฟขบวนสุดท้ายและชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ก็เดินตามเขามาโดยไม่พูดไม่จาใดๆทั้งสิ้น

                รถไฟขบวนสุดท้ายแล่นออกจากสถานีนานแล้ว แต่ชายหนุ่มแปลกหน้ายังคงนั่งจ้องหน้าเขานิ่งไม่มีวี่แววว่าจะลงที่สถานีใด จนกระทั่งเสียงประกาศชื่อสถานีปลายทางอันเป็นที่หมายของมาสเตอร์หนุ่มดังขึ้น ชายแปลกหน้าจึงลุกเดินตามเขาลงไป

                เวลานี้แม้ผมสีดำสนิทจะปราศจากหยดน้ำที่ร่วงติ๋งๆเป็นทาง แต่เนื้อตัว เสื้อผ้าที่เปียกปอน และอากัปกิริยาของร่างโปร่งที่เดินตามแม็กซ์เวลล์ต้อยๆก็ทำให้มาสเตอร์หนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าตนเองกำลังถูกตามตื้อจากลูกหมาไร้เจ้าของที่กำลังหลงทาง ดังนั้นเมื่อถึงอพาร์ทเมนท์ของตนชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะหาผ้านิ่มๆมาทำความสะอาดผมของเจ้าลูกหมาตัวน้อย และเผลอหานมจืดมาเป็นเครื่องดื่มให้โดยลืมคิดไปว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าเขานั้นเลยวัยเด็กมานานพอดูแล้ว

                เขาคนนั้นไม่ว่าอะไร กลับผงกหัวแทนคำขอบคุณ - - จะว่าไปแล้วแม็กซ์เวลล์ยังไม่ได้ยินคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของชายแปลกหน้าคนนี้เลย

                'ลูกหมาที่ไหนจะพูดภาษาคนได้' มาสเตอร์หนุ่มเผลอคิดและส่ายหัวให้กับตนเองโดยไม่รู้ตัว

                คืนนั้นเขาเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนบนโซฟาผ้าหนานุ่มกลางห้องนั่งเล่น ทิ้งให้ลูกหมาตัวน้อยหลับสบายอยู่ในผ้าอุ่นๆบนเตียงนิ่มๆ เพียงลำพัง...

                หากแม็กซ์เวลล์ล่วงรู้ถึงอนาคตสักนิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกหมาแปลกหน้าตัวน้อยและเขา - -

    ชายหนุ่มคงไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยผ่านไปอย่างว่างเปล่าเช่นคืนนี้...

               

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    แวะคุย

                อ่านแล้วเป็นยังไงบ้างครับ ติชมได้เต็มที่นะครับไม่ต้องเกรงใจ(ผมไม่ใช่พวกที่จะเคืองเวลามีคนที่ติอะไรแรงๆ) เต็มที่ครับ เต็มที่   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×