ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Infatuation MimI

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 57


    เพล้ง!!

              เสียงแก้วตกแตกจากการปัดกระจายของคุณหนูฮารุกะที่วันนี้อารมณ์เสียจากการผิดสัญญาของคอสตูม ในเมื่อเธอเคยบอกแล้วว่าจะไม่ถ่ายชุดที่มันบางจนชวนให้คิดอะไรต่อมิอะไรขนาดนี้ ก็ยังคิดจะมาเปลี่ยนคำพูดในวินาทีสุดท้ายให้เธอต้องโมโหอีก

                “ ชั้นบอกแล้วไงว่าชุดแบบนี้ชั้นไม่ถ่าย !!

     

                “ ต..แต่ว่า..”

     

                “ ไม่มีแต่.. ไม่ก็คือไม่ พูดไม่รู้เรื่องรึไง” ฮารุกะทิ้งตัวลงกับเก้าอี้อย่างหัวเสีย ทั้งๆที่ความจริงก็รู้สึกผิดไม่น้อย แต่การจะให้เธอนุ่งเสื้อผ้าน้อยชิ้นเพื่อถ่ายแบบให้กับนาฬิกาแบรนด์นึงนี่มันใช่เรื่องมั้ย

                มันต้องขายนาฬิกานะ ไม่ใช่ขายเธอ..!!!

     

                “ คือว่า...” คอสตูมที่รับผิดชอบไปไม่เป็น เพราะเธอเห็นว่าฮารุกะแสดงเป็นนางร้ายที่ดูแล้วคงไม่นาจะมีปัญหากับการแต่งตัวยั่วยวนแบบนี้ กลับกลายเป็นปัญหาขึ้นมาซะได้

     

                “ พอๆๆ.. ชั้นแคลเซิลงานนี้ ใครจะทำก็เชิญ” ฮารุกะว่าพลางลุกจะเดินไปหยิบกระเป๋ากลับหอ

     

                “ เด็กแสบ!!” แต่มือหนาของใครอีกคนเร็วกว่า คว้ากระเป๋าพร้อมคว้าตัวร่างบางเข้ามากอดไว้ก่อนจะขโมยหอมแก้มนุ่มให้ฮารุกะได้อาย

     

                “ ใครแสบ !!” ฮารุกะเถียงหน้ายุ่ง แม้จะดีใจที่ได้เจอมิยูแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความหงุดหงิดจะหายไปซะหน่อย

     

                “ ฮารุกะไงคะ.. จะทำงานเค้าล่มหมดแล้วเนี่ย” มิยูเกลี่ยแก้มใสเอาใจ ไม่นำพาต่อสายตาที่จับจ้องมาเป็นตาเดียวกันแม้แต่น้อย

     

                “ ก็มัน...”

     

                “ โป๊..”

     

                “ อื้อ..”

     

                “ แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อคลุมล่ะคะ.. ฮึ” มิยูเลิกคิ้วถามกับทางเลือกที่เค้าเสนอ ให้ฮารุกะหรี่ตามองอย่างใช้ความคิด

                ... มิยูรู้ดีว่าคนอย่างฮารุกะ แรงเกินกว่าจะขัดใจ.. ที่ทำได้คงเป็นเสนอทางเลือกที่ฮารุกะน่าจะพอใจคงได้ผลมากกว่า

                ...แล้วมันก็จริง

     

                “ ก็ได้..” ฮารุกะบอกเสียงใส คราวนี้หน้าที่ยุ่งอยู่คลายออกเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หายไป

     

               

                “ ดีมากค่ะเด็กดี..” มิยูลูบหัวฮารุกะอย่างเอ็นดู

                ถึงใครจะบอกว่าฮารุกะเป็นยังไง.. แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตลอดเกือบ2เดือนที่คบกันมา.. ฮารุกะไม่เคยเป็นอย่างที่คนอื่นเค้าพูดกันเลยแม้แต่น้อย

                แถม.. ไอ้ที่ว่าแรงๆ มั่วๆนี่ถ้ารู้จักร่างบางจริงๆก็จะรู้ว่าร่างบางไม่ได้แรงอย่างที่คิด เพียงแต่กล้าที่จะพูดและปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบหรือไม่เห็นด้วย

                แม้ว่าบางครั้งจะดูขี้เหวี่ยงขี้วีนไปบ้าง... แต่สำหรับเค้ามันดูเป็นเรื่องน่ารักน่าเอ็นดูไปซะหมด

     

                ฮารุกะไม่เคยเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆที่คอยเช็คตารางเค้าทุกฝีก้าว หรืออยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเค้าซะเต็มประดา

     

                แต่ฮารุกะเองซะอีกที่เป็นคนทำให้เค้าอยากจะบอก อยากจะพูดให้รู้ทุกอย่าง ทุกการเคลื่อนไหว อย่างให้ร่างบางเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

     

                หากจะบอกว่าเค้ากำลังหลง.. ก็คงไม่ผิดนัก

     

                เพราะจากวันนั้นมา... เค้าก็ไม่เคยอยากสัมผัสใครอีกเลย มีเพียงแค่เด็กแสบหน้าหวานเพียงคนเดียวที่ทำให้เค้าอยากรวมร่างอยู่ตลอดเวลา

                แถมพักหลังๆมานี่... ฮารุกะทำงานหนัก เค้าก็ต้องงดกิจกรรมอย่างว่าแล้วมาคอยหาโอกาสเจอะเจอหน้าหวานนั่นตามสตูหรือกองถ่ายอยู่ร่ำไป

     

     

                ทั้งๆที่ห้องของฮารุกะก็แค่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้นเอง...

     

     

     

                “ เค้าก็เป็นเด็กดีทุกวันเหอะ..” ฮารุกะยู่หน้าแลบลิ้นใส่อย่างน่ารัก ก่อนจะผละออกไปให้มิยูทิ้งตัวนั่งรอที่เก้าอี้ตัวที่มีสัมภาระร่างบางวางอยู่

                ใช่สิ.. ฮารุกะเหมือนจะน่ารักขึ้นทุกวัน มีคนมาสนใจมากขึ้นทุกวัน..

               

     

                ทั้งๆที่เค้าไม่เคยอยากจูบใคร แล้วก็ไม่เคยจูบใครมาก่อนด้วยซ้ำ..เพราะความสัมพันธ์แค่ข้ามคืนไม่เห็นจะต้องได้อะไรที่มันอ่อนโยนขนาดนั้นซะหน่อย

               

                แต่กับฮารุกะ.. เค้ากลับเป็นฝ่ายอยากบดคลึงกลีบปากนุ่มที่ชอบเม้มเข้าหากันอยู่ตลอดเวลา

                ซึ่งดูเหมือนเจ้าตัวคงจะรู้ว่าเค้าชอบ... ถึงได้หวงขนาดที่ว่า คิดจะจูบต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน จะมาขโมยจูบเหมือนตอนแรกไม่ได้แล้ว..

                ไม่งั้นเด็กแสบจะงอนยาว ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบไลน์ ไม่ติดต่อไปจนกว่าเจ้าตัวจะหายเคืองนั่นแหละ

     

                ... เค้าก็เลยกลายเป็นคนในโอวาทของเมียไปโดยปริยาย

     

               

                “ เอ่อคุณมิยูคะ..” หลังจากที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้าง เสียงเรียกของคอสตูมคนเดิมก็ดังขึ้นจากข้างๆ

     

                “ คะ??” มิยูเลิกคิ้วสงสัย

     

                “ คือว่า.. คุณฮารุกะไม่ยอมใส่เสื้อคลุมที่เตรียมไว้ให้ค่ะ” คอสตูมเอ่ยอธิบายอย่างเกรงใจ เพราะความจริงแล้วงานนี้ถือว่าเป็นความผิดเธอเต็มๆ

     

                “ ทำไมล่ะคะ”

     

                “ ก็..พอดีมันมีแต่เสื้อที่นางแบบคนอื่นใส่แล้วน่ะค่ะ”

     

                อ๋อ... เข้าใจล่ะ ถ้าใครมาอยู่กับเด็กแสบบ่อยๆเหมือนเค้าล่ะก็จะรู้กันดีเลยว่า ฮารุกะเรื่องมากแล้วก็พิถีพิถันเรื่องเสื้อผ้าขนาดไหน

                เดี๋ยวก็ซักไม่สะอาดจนต้องเปลี่ยนร้านส่งซักบ้างล่ะ เดี๋ยวก็ไม่มีกลิ่นหอมจนต้องย้ายร้านอีกบ้างล่ะ ไหนจะเลือกกลิ่นที่คุณหนูเค้าถูกใจ

                จนสุดท้ายเป็นเค้าเองนั่นแหละที่ต้องเป็นคนซักรีดเสื้อผ้าทุกชิ้นของฮารุกะ ซึ่งความจริงแล้วเค้าเองก็เต็มใจนะ

                แม้ว่าบางครั้งจะต้องถึงกับหอบไปให้แม่บ้านที่บ้านจัดการให้ก็ตาม ^^

     

     

     

              “ ฮารุกะ.. งอแงหรอคะ..” มิยูที่เปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาทักร่างบางที่นั่งหน้ามุ่ยพลางผลักราวผ้าที่ใส่แล้วออกห่างตัวอย่างเด็กเอาแต่ใจที่โดนขัดใจ

     

                “ เปล่านะ !!” ฮารุกะตาวาวใส่คอสตูมคนที่เดินตามหลังมิยูมาติดๆ พร้อมทำปากประมาณว่า..ขี้ฟ้อง..ให้

     

                “ เค้าไม่ได้ขี้ฟ้องซะหน่อย.. ไปว่าเค้าทำไมคะเด็กดื้อ” มิยูดึงฮารุกะเดินเข้ามาใกล้จนเห็นชุดที่เป็นสาเหตุให้ฮารุกะวีนลั่นจนแทบเลิกกอง

                ซึ่งความจริงหากฮารุกะไม่วีน.. ก็คงเป็นเค้าเองนี่แหละที่จะพังกองซะก่อนจะถ่ายจบ ในเมื่อชุดที่คอสตูมเตรียมไว้นี่มันไม่ได้ต่างอะไรกับการใส่เสื้อชั้นในเพียงตัวเดียวเลยนี่นา กางเกงก็ดูจะสั้นไปหน่อย

     

                “ ไม่ได้เสื้อหรอคะ..”

     

                “ ไม่ค่ะ..”

     

                “ งั้นมิยูไปดูที่หลังรถให้เอามั้ย..” ตามปกติแล้วมิยูจะติดเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนให้ฮารุกะจนเคยชิน เพราะตั้งแต่ฮารุกะยื่นข้อเสนอ เค้าเองก็ดูเหมือนจะสนุกกับการเห็นเด็กแสบตรงหน้าโวยวายลั่นห้อง หรือไม่ก็ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมตามแต่อารมณ์ที่ไม่เคยคงที่เลยซักวัน

     

                “ ไม่มีหรอก.. มิยูเพิ่งเอาไปส่งร้านเมื่อเช้าจำไม่ได้หรอ” ฮารุกะท้วง

     

                “ จริงด้วยแฮะ..”

     

                “ ...อมิยู..” ฮารุกะกำแน่นกับแขนเสื้อเชิ้ตขาวของร่างสูงอย่างแสดงเจตจำนง

     

                “ คะ??” มิยูถามซ้ำด้วยฟังไม่ชัด

     

                “ เสื้อมิยูได้มั้ย..” ฮารุกะถามเสียงอ่อน กระพริบตาปริบๆก่อนจะซุกหน้าลงกับบ่าแกร่งของคนตรงหน้าอย่างอายๆ

     

                T/////T” มิยูที่ไม่ค่อยเห็นอาการอย่างนี้ฮารุกะก็อดเขินกับตัวเองไม่ได้ มือหนาถอดเสื้อคลุมที่ใส่อยู่ออกเหลือเพียงเสื้อยืดสีเข้มด้านในที่ก็ได้ดูน่าเกลียดเท่าไหร่

     

                “ ขอยืมหน่อยนะ” ฮารุกะพูดเร็วจี๋ก่อนจะผลุบตัววิ่งไปโผล่อีกทีก็หน้ากล้องถ่ายภาพพร้อมกับเสื้อคลุมสีขาวที่ดูจะใหญ่เกินตัวไปนิด แต่ก็ทำให้เด็กแสบดูเป็นสาวขึ้นไม่น้อย

                การถ่ายทำเป็นไปอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากมีใครเจอพายุอารมณ์ของนางแบบกิตติมศักดิ์อีกรอบ.. งานเลยเสร็จเร็วและผ่านฉลุย อาจเพราะตัวฮารุกะเองก็ไม่อยากให้มิยูต้องมานั่งรอนานท่ามกลางสายตาแสดงความต้องการของบรรดากิ๊กเก่าทั้งหลายด้วย

                ... เกิดพี่แกตบะแตก ที่ผ่านมาก็ไม่มีความหมายน่ะสิ !!

     

     

     

              “ เป็นไง.. เค้าแต่งตัวแบบนี้ออกไปกินข้าวเลยได้มั้ยอ่ะ” ฮารุกะที่ถ่ายแบบเสร็จขี้เกียจเปลี่ยนชุดเดินเข้ามาเกาะแขนแกร่งก่อนจะถามเสียงหวานปนออดอ้อน

              พลางยกแขนโชว์ชุดที่ใส่อยู่แล้วหมุนรอบตัวให้มิยูตัดสินใจ

     

     

                “ ได้.. ใครจะว่าอะไรล่ะ” มิยูยกมือโอบบ่าเล็กอย่างเบามือ ไม่วายหยิบกระเป๋าร่างบางขึ้นสะพายแล้วเดินไปลาคนในกองถ่ายด้วยกัน

     

                “ แต่มันไม่สุภาพรึเปล่า..” ฮารุกะยังไม่จบประเด็นเรื่องเสื้อผ้า หน้ายุ่งๆทำให้มิยูอดจะส่ายหัวกับการคิดมากจนเกินไปของฮารุกะไม่ได้

     

                “ คิดมาก..”

     

                “ ก็มัน...”

     

                “ สวยแล้ว.. ไม่น่าเกลียดหรอก..”

     

                “ สวยจริงๆนะ..”

     

                “ อื้ม..”

     

                “ งั้น.. ไปชุดนี้แหละ..” ฮารุกะหันมายิ้มยิงฟันก่อนจะก้าวนำร่างสูงออกจากสตู ซึ่งวันนี้มาถ่ายสตูกลางห้างก็เลยไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปหาที่กินไกล

     

                “ คราบๆ.. ไม่เปลี่ยนแน่นะ” มิยูถามย้ำเผื่อฮารุกะเปลี่ยนใจ

     

                “ อื้อ.. ก็ถ้ามิยูว่าสวย ก็โอเค..” ฮารุกะตอบก่อนที่ปลายประโยคจะแผ่วเบาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่คนหูดีอย่างมิยูก็ยังคงได้ยินอยู่ดี

                มือหนาที่โอบบ่าอยู่เลยเลื่อนลงมาโอบเอวบางไว้แทน...

     

     

                ต่อให้ใครต่อใครจะมองฮารุกะจนเหลียวหลังขนาดไหน.. แต่คนที่จะแตะต้องเด็กแสบได้ต้องมีแค่เค้าคนเดียว !!

     

     

     

              “ อ้ามมมมมมมมม... ง่ำๆๆๆ” ฮารุกะเคี้ยวเนื้อในปากอย่างเอร็ดอร่อย... หลังจากที่ช่วงชิงมันมาจากมือหนาที่กำลังจะส่งเข้าปากตัวเองพอดี

                ใบหน้าหวานฉีกยิ้มล้อเลียน.. แต่ดูน่ารักซะจนคนโต๊ะถัดไปละสายตาไม่ได้

     

                “ อร่อยมั้ยคะ..” มิยูไม่เพียงไม่ว่าอะไร.. กลับคีบเนื้อในเตาย่างวางใส่จานของร่างบางอย่างเอาใจอีกด้วย

     

                “ งื้มๆ” ฮารุกะทำได้เพียงพยักหน้าขึ้นลงเป็นคำตอบเพราะคำต่อมากำลังอร่อยอยู่เต็มปาก นัยน์ตาหวานฉายแววเด็กน้อยสดใสเสียจนบางครั้ง มิยูก็รู้สึกว่าฮารุกะทำงานหนักเกินไป

     

                “ เออ.. ฮารุกะ!! พี่มิยูว่าฮารุกะลดงานลงหน่อยดีมั้ยคะ.. ทำทั้งสัปดาห์ขนาดนี้ไหนจะไปเรียนอีก ร่างกายมันจะแย่เอานะรู้มั้ย..”

     

                “ ไม่อ่ะ..” ฮารุกะปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดอะไรด้วยซ้ำ

     

                “ ทำไมล่ะคะ.. ความจริงบ้านฮารุกะก็ไม่ได้เดือดร้อนซักหน่อย แถม..เมียคนเดียวพี่เลี้ยงได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องมาทำงานให้ลำบากเลย”

     

                “ ...!!...” ฮารุกะหยุดมือที่กำลังคีบเนื้อ ก่อนจะวางตะเกียบลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคม

                ... เธอรู้ว่าพี่มิยูคงเป็นห่วงเธอไม่น้อย.. ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้วล่ะ(มั้ง)นะ เธอทำงานเยอะขนาดนี้นี่นา

     

                “ นะคะ.. ลดงานลงบ้างเถอะ พี่มิยูเห็นเราหน้าซีดๆมาสองวันแล้วนะ..” มิยูอธิบายอย่างเป็นห่วง

     

                “ ......”

     

                “ พี่รู้ว่าฮารุกะมีปัญหากับทางบ้าน... แต่ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ แค่ฮารุกะคนเดียว ขนหน้าแข้งพี่มิยูไม่ร่วงหรอกนะรู้มั้ย..” มิยูยังคงแสดงความประสงค์ที่ชัดเจนให้ฮารุกะได้พิจารณา

     

                “ แต่ชั้นไม่อยากขึ้นชื่อว่าเกาะใครกินค่ะ..”

     

                “ ไม่เห็นจะต้องแคร์เลยค่ะ... พี่ซะอีกที่จะโดนคนอื่นเค้ามองว่าเมียคนดียวยังไม่มีปัญญาเลี้ยงมากกว่า ฮารุกะไม่สงสารพี่มิยูหรอคะ..” มิยูแสร้งทำหน้าหงอยเหมือนหมาถูกทิ้งให้ฮารุกะวูบข้างในใจ

                ... และมิยูก็มั่นใจแน่ๆว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไป.. ตารางงานของร่างบางจะต้องลดลงอย่างแน่นอน ฮ่าๆๆๆ...

     

     

               

                “ ขอโทษนะครับ.. แต่พอดีคุณผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปเค้าขอเป็นคนเลี้ยงคุณผู้หญิงคนนี้ครับ” พนักงานเก็บเงินชี้แจง เมื่อหลังจากทานอาหารเรียบร้อยมิยูก็เรียกเก็บเงินตามปกติ

                แต่ที่เริ่มจะไม่ปกติก็คือ สายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่มองขาขาวของร่างบางข้างๆจนขึ้นมาถึงเสื้อเชิ้ตสีขาว ที่ยังไงก็มองเห็นเสื้อผ้าที่อยู่ด้านในอยู่ดี

                ซึ่งมันทำให้มิยูต้องรีบรวบตัวร่างบางให้เข้ามาชิดร่างตัวเองอย่างหวงแหนในทันที พร้อมถลึงตาใส่ผู้ชายคนนั้นแล้วหยิบบัตรเครดิตที่วางอยู่ในถาดทิ้งลงพื้น แล้ววางบัตรของตัวเองลงไปแทนด้วยสายตาที่บอกว่า.. น่ากลัว

     

               

                “ มิยู...” ฮารุกะกระชับต้นแขนแกร่งแน่นเมื่อรู้ดีว่าร่างสูงคงไม่ใคร่จะพอใจนัก เมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ใครต่อใครเสนอจะเลี้ยงข้าว เลี้ยงอาหาร หรือแม้กระทั่งเลี้ยงดูร่างบางแล้วทำให้มิยูโมโห

                จากเรื่องก่อนๆ.. มิยูถึงขนาดล้มโต๊ะพังร้านเค้ามาแล้วก็มี และเธอเองก็ไม่อยากให้มันเกิดเรื่องอย่างที่เคยเกิดขึ้นซักเท่าไหร่

                มือเล็กก็เลยกอดต้นแขนแกร่งแน่น พลางลูบเบาๆที่ต้นแขนหวังให้ร่างสูงใจเย็นลง

     

     

                “ ฝากไปบอกมันด้วยนะ.. ว่าเมียคนเดียวชั้นเลี้ยงได้...” มิยูพูดทิ้งท้ายหลังได้รับบัตรเครดิตคืน แล้วเดินโอบบ่าเล็กเดินผ่านโต๊ะนั้นไปอย่างจงใจ

                นัยน์ตาคมทอดมองผู้ชายคนดังกล่าวอย่างหาเรื่อง... ก่อนจะยกนิ้วกลางให้ตบท้ายตามประสาลูกคนเดียวที่ไม่เคยมีใครขัดใจ จึงใช่ว่าจะเป็นคุณหนูที่อยู่ในกรอบมากมาย

                เพื่อนที่คบก็ใช่ว่าจะดี.. ไม่งั้นก่อนเจอฮารุกะ เค้าก็คงไม่ฟันหญิงเป็นว่าเล่นหรอก...

     

     

     

     

     

                “ ไม่ดีเลยนะ.. ไปทำอย่างงั้นทำไมคะ..” ฮารุกะตีเบาๆที่แขนแกร่งไม่จริงจังนักเมื่อเห็นการกระทำดังกล่าวของร่างสูงเมื่อครู่

                ... นิสัยหาเรื่องไปทั่วนี่มัน...แก้ไม่ได้เลยรึไงนะ

     

     

                “ แล้วทำไม.. ต้องยอมให้มันเลี้ยงฮารุกะรึไง..” มิยูขมวดคิ้วเดินเข้าลิฟต์ตรงหน้าไม่สนใจหน้ามุ่ยที่เริ่มถอนหายใจอีกรอบอย่างเหนื่อยใจ

     

     

    “ ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้นซักหน่อย”ฮารุกะรีบตามเข้ามาอธิบายกลัวมิยูจะเคืองไปยกใหญ่ แต่เหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว

     

     

    “ แล้วมันหมายความว่าไง..” มิยูเลิกคิ้วถาม มือหนายังไม่คลายจากบ่าเล็ก ถือสิทธิ์แสดงความเป้นเจ้าของเดินออกจากลิฟต์

     

    “ ก็...”

     

     

    “ กลับเลยนะ.. วันนี้ไม่มีอารมณ์พาไปซื้อของแล้ว..”มิยูบอกอย่างหงุดหงิด พาฮารุกะเดินออกจากห้างไปทางลานจอดรถ

     

     

    “ พี่มิยู... มีเหตุผลหน่อยสิคะ..” ฮารุกะรั้งร่างสูงให้หันกลับมาฟังตัวเอง

     

     

    “ แล้วพี่ต้องทำยังไงคะ... ต้องยอมให้เมียพี่ไปนอนกับมันด้วยรึเปล่า” มิยูที่ไม่เข้าใจทำไมฮารุกะต้องไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองทำด้วยเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดแกมประชด โดยบางครั้งก็ลืมนึกไปว่าคำพูดมันอาจจะแรงไป

     

     

    “ พี่มิยู..!!” ฮารุกะเรียกร่างสูงเสียงหลง ทั้งโกรธ ทั้งผิดหวังปะปนกัน

     

    “ ทำไม.. หรือพี่พูดไรผิด” มิยูยังคงไม่นึกย้อนในคำพูดตัวเอง ถามกลับร่างบางอย่างไม่เข้าใจ

     

    “ พี่เห็นชั้นง่ายขนาดนั้นเลยหรอ..” เสียงหวานใสเริ่มกะตุกไปครู่หนึ่งก่อนจะควานหาลิ้นเจอ

     

     

    “ ก็ไม่เห็นยากนี่...” มิยูตอบขณะเดินอ้อมไปเปิดประตูขึ้นรถฝั่งตัวเอง

    ... อารมณ์หงุดหงิดยังไม่จางหาย.. จึงไม่ทันรู้ว่าใครอีกคนที่เงียบเสียงลงนั่นไม่ใช่เพราะยอมรับในเหตุผลของตัวเอง แต่กำลังอึ้งในคำพูดของคนร่างสูงตะหาก

    จู่ๆฮารุกะก็รู้สึกเหมือนน้ำใสๆกำลังคลอขึ้นมาอยู่ที่ขอบตาอย่างไม่ต้องพยายาม มือเล็กปาดมันออกก่อนที่ใครอีกคนจะทันได้มองเห็น

     

     

     

               

                “ จอดนี่แหละคะ.. ชั้นจะลง” ฮารุกะบอกให้มิยูจอดหน้าผับชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งคนกำลังทยอยเดินทางมาหาความสนุกในช่วงเวลา 4-5 ทุ่มในคืนวันศุกร์ตามปกติ

     

     

                “ ไม่เห็นบอกว่าจะเที่ยววันนี้...” มิยูหันกลับมาถามอย่างสงสัย แต่ก่อนที่จะได้รับคำตอบร่างบางของอีกคนก็เปิดประตูก้าวเท้าดุ่มๆเข้าไปด้านในแล้ว เป็นมิยูเสียเองที่ต้องวนหาที่จอดรถอยู่ซักพักก่อนจะเดินตามร่างบางเข้าไปด้านใน

     

     

                ด้านฮารุกะหลังจากเข้ามาด้านในก็นั่งอยู่หน้าบาร์ พร้อมกับสั่งเตกีล่ามา4ช๊อตรวด น้ำสีสวยไหลลงคอไม่มีติดขัด เด็กสาวหน้าตาหวานสวยในชุด เสื้อคลุมสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ การแต่งตัวที่ดูธรรมดากลับดูโดดเด่นจนไม่ว่าใครที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันจับจ้อง เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักเที่ยวกลางคืนว่า ผู้หญิงที่มานั่งดื่มช๊อตคนเดียวแบบนี้ ถ้าไม่ได้นัดใครไว้ก็คงมาหาเพื่อนนอน.. ใครหลายๆคนก็เลยแอบเล็งว่าใครจะเป็นผู้โชคดีคนนั้น

     

     

                “ ... คนบ้า...” ฮารุกะเริ่มมึนกับรสเมาที่ตัวเองดื่มเข้าไป แต่ก็ไม่ถึงกับครองตัวไม่อยู่.. พาตัวเองเข้าไปยืนอยู่กลางฟอล์เต้นเสียดสีกับผู้หญิงบ้าง ชายบ้าง

                .... ในเมื่อเค้าบอกว่าเธอง่าย เธอก็จะง่ายให้ดู...

     

                “ คริๆ ..เอิ๊ก..” ฮารุกะที่หมุนคว้างอยู่กลางเวที ริมฝีปากบางยิ้มเล็กน้อยสนุกกับดนตรีที่กำลังสนุก

              มือเล็กที่ความหาใครซักคนมาเป็นหลักก่อนโลกจะหมุน... คว้าข้าที่คอแกร่งของผู้หญิงคนนึงข้างๆ จะว่าผู้หญิงก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากนักเพราะคงไม่มีผู้หญิงที่ไหน จ้องเธอจนแทบจะกลืนกินอย่างนี้หรอกใช่มั้ย..

     

                “ มาคนเดียวหรอคะคุณมิยาชิตะ..” เสียงใสแต่ดูเหมือนจะแหบนิดหน่อยดังขึ้นชิดริมหู เมื่อมือของตัวเองรั้งเอาดาราสาวชื่อดังเข้ามาอยู่ในวงแขนตัวเองเป็นผลสำเร็จ

     

                “ ฮึก.. เอิ๊ก... ใครอ่ะ” ฮารุกะเหมือนจะครองสติไม่อยู่ในเวลานี้ ซุกตัวลงกับบ่าแกร่งของคนตรงหน้าอย่างต้องการที่พิง.. มือเล็กเกี่ยวรั้งต้นคอคนตรงหน้าเป็นหลักกันล้ม เนื้อตัวจึงเบียดเข้าหาโดยไม่รู้ตัว...

     

                ..เอื๊อก...

                หญิงหล่อผู้โชคดีคนนั้นลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อเนื้อนุ่มของดาราดังตรงหน้ามีกลิ่นหอมหวานชวนลิ้มลองจนเธอแทบอยากจะกลืนกิน

                นัยน์ตาวาวขึ้นอย่างหมายมาดก่อนจะทำทีเป็นหันไปหยิบแก้วน้ำอัดลมธรรมดาที่คงไม่เรียกว่าธรรมดาสำหรับคนกลางคืนส่งให้ร่างบางชิดปาก ก่อนจะบอกอย่างหวังดี

                “ ดื่มน้ำซักนิดนะ.. จะได้สร่างนะคะ...”

     

     

                ..อึ๊ก...

                หลังจากน้ำในแก้วไหลรินลงไปในลำคอก็ทำปฏิกิริยากับร่างบางที่มีแอลกอฮอล์ในร่างกายอย่างฉับพลัน มือเล็กปะป่ายไปตามตัว รู้สึกว่ามันร้อนไปหมดเสียจนเธอแทบอยากจะดึงทึ้งผ้าเนื้อนุ่มที่สวมใส่อยู่ออกไปให้พ้นทาง

     

                “ คุณฮารุกะ..เป็นไรรึเปล่าคะ” คำพูดแสดงความเป็นห่วง แต่แววตาร้ายฉายแววสมใจ มือที่วางอยู่รัดเอวบางแน่นเข้าหาตัวเหมือนคู่อื่นทั่วไป

                แต่ใครจะรู้... คืนนี้อาจจะมีอะไรพิเศษๆก็เป็นได้

             

              ซึ่งสุดท้ายมันก็เป็นได้เพียงความคิดเมื่อจู่ๆ.. ก็มีมือหนาของใครอีกคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในเหตุการณ์ตวัดร่างบางเข้าไปจมอยู่กับอกตัวเอง

                นัยน์ตาคมตวัดมองผู้เคราะห์ร้ายที่หวังแอ้มฮารุกะอย่างไม่พอใจ.. มือหนาผลักคนที่ฉวยโอกาสกอดร่างบางเมื่อครู่แทบหงายหลัง

                “ อย่ามายุ่งกับเมียกู..”

     

     

                ว่าจบมิยูก็พาฮารุกะเดินออกมาจากร้านโดยไม่สนใจต่อสายตาที่มองมาของคนโดนผลัก หรือคนที่มองตามอย่างสนใจแม้แต่น้อย..

                เมื่อร่างบางที่เกาะเกี่ยวเอวเค้าอยู่ตอนนี้ตะหากที่น่าเป็นห่วง

     

     

                “ คิดอะไรอยู่ฮารุกะ.. ไปยืนให้มันกอดทำไม..” มิยูที่พอยัดฮารุกะเข้ารถ สตาร์ทรถออกมาจากผับเมื่อครู่ได้ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างปิดไม่มิด

                ... เค้าไม่ชอบที่ใครต่อใครจะมายุ่ง หรือแตะต้องในสิ่งที่เค้าไม่อนุญาต...

     

     

                “ ไม่ได้คิดอะไร.. อึก.” ฮารุกะกัดริมฝีปากกลั้นความต้องการ พยายามมองไปที่ถนนไม่บอกร่างสูงว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร

     

     

                “ ไม่ได้คิด.. แล้วทำไมไปยืนให้คนอื่นเค้ากอดแบบนั้น..” มิยูตวัดรถจอดเข้าข้างทาง ก่อนจะหันไปถามร่างบางอย่างเอาเรื่อง

     

                “ ทีมิยูยังพูดอะไรไม่คิดเลย..” เสียงหวานตอบนิ่งเรียบ พยายามให้เป็นปกติที่สุดเพราะเพียงแค่มิยูหันมา ก็ดูเหมือนความต้องการมันจะพุ่งขึ้นสูงอย่างห้ามไม่อยู่

                มือเล็กลูบขาตัวเองวนไปมา เอากระเป๋าสะพายมาปิดไว้ไม่อยากให้มิยูเห็นว่าขาทั้งสองข้างของเธอมันกำลังเบียดเข้าหากันแน่นเพียงไร

                ดวงตาหวานก็พยายามมองไปที่ถนน.. ไม่อยากให้มิยูรู้ว่ามันคอยจะวกไปมองนิ้วเรียว ยาว ริมฝีปากอิ่ม.. หรือแม้แต่อยากที่จะลุกไปนั่งแทรกอยู่บนตักของร่างสูงขนาดไหน

     

     

                “ มิยูพูดอะไร..” มิยูเริ่มเสียงเบาลงเมื่อรู้ว่าหากโมโหต่อคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ นัยน์ตาหวานเชื่อมที่มองมานั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าฮารุกะคงดื่มไปไม่น้อย

                และเค้าก็ไม่ชอบเลย... หากจะต้องทะเลาะกัน

     

     

                “ มิยูว่าฮารุกะง่าย..” ฮารุกะช้อนตามองอย่างเอาเรื่อง

     

                “ ....”

     

     

                “ มิยูว่าฮารุกะง่ายมากใช่มั้ย...” เสียงหวานสั่นเครือแต่ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะกำลังน้อยใจ หรือเพราะฤทธิ์ของอะไรบางอย่างจากสิ่งที่ดื่มเข้าไปกันแน่

     

     

                “ ไม่ใช่..”

     

                “ แล้วพูดทำไม..”

     

     

                “ ก็มัน..” มิยูจนแต้ม หาคำพูดไม่ได้

     

                “ ทำไม...”

     

     

                “ โอเคๆ.. มิยูขอโทษ มิยูไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น.. ฮารุกะยกโทษให้พี่มิยูนะ.. ได้มั้ย” มิยูยกมือขาวยอมแพ้อย่างหมดหวัง เพราะครั้งนี้เค้าเองก็ผิดจริงที่พูดแรงเกินไปโดยไม่คิด

     

                “ ชิส์..” ฮารุกะหันหน้าหนี เบะปากใส่

     

                “ โธ่... ที่รัก อย่าโกรธพี่มิยูเลยนะ.. พี่มิยูขอโทษ” สุดท้ายก็กลายเป็นมิยูซะเองที่ต้องเป็นฝ่ายงอนง้อให้ร่างบางกลับมาคืนดี

                เพราะเค้าเองคงทนไม่ได้หากจะไม่ได้เห็นหน้าร่างบางเป็นอาทิตย์เหมือนครั้งก่อนที่เค้าไปพังร้านอาหาร

     

     

                “....” ฮารุกะยังคงเงียบให้มิยูกระวนกระวายใจเล่น

     

                “ นะคนดี... ดีกันเถอะนะคะ...” มิยูบอกก่อนจะชะโงกตัวข้ามเบาะไปส่งนิ้วก้อยงอนง้อร่างบาง

     

     

                “ ...!!....” ฮารุกะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือหนาเฉียดโดนเนื้อเนียนขาวที่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะร้อนราวกับไฟ ให้มิยูที่ไวต่อทุกอย่างของร่างบางมองตามอย่างสงสัย

     

     

     

                ปัง!!

                ฮารุกะเปิดประตูรถออกแล้วเดินอ้อมมานั่งที่เบาะหลัง.. โชคดีที่ถนนเส้นนี้แม้จะเป็นทางหลวง แต่ก็ไม่ค่อยมีรถยนต์ขับผ่านมากนัก แถมผู้คนก็ไม่ค่อยพลุกพล่าน จึงไม่ได้ใส่ใจกับรถคันหรูที่จอดนิ่งสนิทอยู่ข้างทาง

     

     

                ปัง !!

                มิยูเปิดประตูก้าวเข้ามาติดๆ.. จัดการปรับเบาะเสียเสร็จสรรพ โชคดีที่เค้าติดฟิลม์ดำทั้งรถเลยไม่ต้องแคร์ว่าจะมีใครเห็นรึเปล่าว่าข้างในกำลังทำอะไร

     

               

                “ อื้อ.. พี่มิยู ฮารุกะร้อน...” ฮารุกะไม่รอช้า บดเบียดร่างบางของตัวเองเข้ากับอกกว้าง ยกตัวขึ้นนั่งทับตักแกร่งบนขาข้างเดียวของมิยูก่อนจะขยับไปมาอย่างต้องการการปลดปล่อย

     

                มือเล็กปลดกระดุมเสื้อตัวเอง แล้วปลดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกพ้นจากบ่าเล็ก.. ให้มิยูตาวาวอย่างตกใจระคนสมใจ

     

               

                “ ร้อนมากมั้ยคะ.. เดี๋ยวพี่พัดให้นะ” มิยูยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ขยับหันจะไปควานหาอะไรมาพัดให้ร่างบางคลายร้อนดูจริงจังจนฮารุกะต้องตีลงหนักๆที่แขนแกร่ง

     

                “ ร้อน... แต่อยากได้พี่มากกว่า.. นะคะ” นันย์ตาหวานออดอ้อน กับเสียงหวานที่ครางรับสัมผัสอย่างสุขสมที่แขนแข็งถูไปมากับเนินเนื้อ ก็เหมือนฮารุกะจะสุขสมเสียแล้วทำให้มิยูต้องแลบลิ้นเลียลิ้มฝีปากอย่างเสียดาย

     

     

                “ ร้อนจริงหรอคะ..” คำพูดยังไม่วายแกล้งถาม แต่ฮารุกะรู้ดีว่ามิยูก็คงเกิดอารมณ์ขึ้นบ้างแล้วไม่มากก็น้อย..

                มือหนาเลื่อนไปตามการชักนำของร่างบางเข้าบีบคลึง อกอิ่มภายใต้บราเซียสีดำสนิทที่ตอนนี้ยิ่งทำให้ฮารุกะดูเซ็กซี่เป็นเท่าตัว ประกอบกับนัยน์ตาหวานฉ่ำหวาบหวามของฮารุกะก็ยิ่งกระตุ้นความต้องการให้พลุ่งพล่าน

     

                “ ค่ะ.. ช่วยหน่อยสิคะ..” ฮารุกะทนไม่ไหว ทิ้งตัวลงกกกอดร่างสูงพร้อมเบียดอกอิ่มสีไปมากับเสื้อยืดเนื้อนุ่มของร่างสูงระบายอารมณ์ตัวเอง

                ... เมื่อมือหนาไม่ยอมทำหน้าที่.. ก็กลายเป็นมือเล็กซะเองที่เคลื่อนลงต่ำ ด้วยต้องการปลดปล่อยตัวเองจากความอึดอัดทรมานที่เกิดขึ้น

     

               

                “ อื้อ.. ของพี่นะคะ..” มิยูจับมือเล็กที่พยายามจะหาทางสอดแทรกเข้าไปในกางเกงเพื่อช่วยตัวเองต่อหน้า ก็ต้องดึงไว้ก่อนจะทักท้วงอย่างเด็กหวงของ

     

     

                “ อือ..” ฮารุกะครางเสียงหวานหู นัยน์ตาปรือกับอารมณ์ที่ล่องลอยอยู่ในจินตนาการ.. เพียงแค่มือหนาเลื่อนมาปลดตะขอที่ด้านหลัง.. ขนก็ลุกซู่ไปทั้งตัวอย่างเสียวกระสันด้วยรู้ดีว่าสุดท้ายมิยูก็จะเป็นพาเธอขึ้นสวรรค์

     

     

                “ นี่น่ะของพี่มิยู... ตรงนี่ก็ใช่.. แถมตรงนี้ก็ด้วย รู้มั้ยค่ะ” มิยูงับเข้าเบาๆที่ยอกอกอิ่มบ่งบอกสิ่งที่เป็นของเค้า ย้ายมาอีกข้าง แล้วมือหนาก็ตะปบเข้ากับส่วนกลางของลำตัวจนฮารุกะสะดุ้งก่อนจะเลื่อนไปมาเล็กน้อยเพื่อบอกว่าตรงนี้ก็เป็นของเค้า

              ไม่ยอมช่วยให้ร่างบางสำเร็จตามอารมณ์เสียที..

     

     

                “ รู้แล้ว.. เป็นของพี่มิยูทั้งหมดนั่นล่ะ.. เร็วๆสิคะ” ฮารุกะเอ่ยเสียงแหบพร่า ก่อนจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวดึงมือหนาขึ้นมาบดขยี้ยอดอกอิ่มที่ตอนนี้เป็นอิสระแล้ว ด้านล่างก็ยังคงขยับสีไปมาใช้ขาแกร่งเป็นที่ระบายอารมณ์..

                ปากเล็กประกบลงกับปากอิ่มของคนใต้ร่าง.. ดูดดึงอย่างร้อนแรง แฝงไปด้วยความต้องการราวพายุที่ไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดลงเมื่อไหร่

     

     

              “ ของพี่คนเดียวค่ะ..”

     

                “ อื้อ.. ของพี่คนเดียวเลย...”

     

     

                “ งั้น...”

     

     

                “ อึก..นะคะ..” สายตาหวานเชื่อมทอประกายหวามจนมิยูต้องกลั้นหายใจ.. ความรุ่มร้อนถูกปลุกขึ้นโดยที่เจ้าของไม่ตั้งใจนัก

                แล้วความต้องการก็ชนะทุกอย่าง... ริมฝีปากอิ่มเคลื่อนลงหาเป้าหมายที่คุ้นเคย.. ราวกับว่ากำลังรอลุ้นและจับจ้องอยู่แสนนาน..

                ลิ้นร้อนละเลียดชิมผ่านเนื้อผ้า.. ก่อนที่คนตัวเล็กเองจะเป็นฝ่ายทนต่อแรงอารมณ์ไม่ไหว แอ่นตัวเข้าหาริมฝีปากอิ่มให้ดูดดึงได้ตามต้องการ

     

     

                “ ยกตัวนิดสิคะคนดี...” มิยูบอกขณะที่ก้มลงมางับยอดอกอิ่มที่ล่อตาเค้ามาได้ซักพักแล้ว มืออีกข้างก็บดขยี้ให้ไม่รู้สึกเสียเปรียบก่อนที่มือหนาจะพยายามฝ่าประการชั้นในเข้าไปหาเนินเนื้อนุ่มได้เป็นผลสำเร็จ

                นิ้วเรียวไล้วนอยู่ปากทาง.. ไม่เข้าไปเสียทีจนฮารุกะทนไม่ได้ส่ายสะโพกไปมาบอกความต้องการให้มิยูตาวาว

     

                นิ้วเรียวยาวสอดแทรกเข้าไปจนมิดทีเดียว ก่อนที่ร่างบางด้านบนจะอดทนรอไม่ไหวเป็นฝ่ายคุมเกมเสียเอง...

     

                รถทั้งคันสั่นไหวตามพายุแรงอารมณ์ของฮารุกะ.. ก่อนจะเนิบนาบ หนักแน่นเมื่อเดินมาใกล้ถึงจุดหมาย...

     

                เป็นมิยูเองที่สอดนิ้วขึ้นสวนจนร่างบางถึงกับกัดบ่าแกร่งจนเลือดซิบด้วยความจุก ทว่ามีความสุขจนน้ำตาไหล..

     

     

     

                มิยูดึงนิ้วเรียวออกก่อนจะแลบลิ้นเลียหยาดน้ำที่เลอะมืออย่างเสียดายของ.. ดึงร่างบางเข้ามานั่งนิ่งๆซ้อนทับบนร่างอย่างสงบอารมณ์

     

                ซักพักมิยูก็นึกได้ว่า... ควรรีบพาร่างบางกลับห้องคงเป็นการดีที่สุด จึงช่วยฮารุกะแต่งตัวแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม..

    ______________________
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×