ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Infatuation MimI

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 57


    สวบ !!

              กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

                เสียงเด็กสาวทั้งในคณะและต่างคณะที่มีเรียนต่างพากันส่งเสียงลุ้นลูกสุดท้าย ฝีมือการชู๊ตของผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นที่รักของผู้หญิงหลายคนเสียเหลือเกิน

                นากาโอกะ  มิยูเดินมาหยิบขวดน้ำที่วางนิ่งอยู่ริมสนามก่อนจะกระพือเสื้อระบายความร้อนอยู่กับเพื่อนสนิทอีก 2 คน

                แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเกินพอที่จะทำให้เสียงกรี๊ดที่ดังอยู่ก่อนหน้าดังขึ้นกว่าเดิม เมื่อพี่มิยูของใครๆยกขวดน้ำขึ้นกระดกกรอกปากอึ๊กๆๆ โดยไม่สนใจหยาดน้ำใสๆที่ไหลล้นออกข้างปาก ไม่แม้จะปาดทิ้งแม้แต่น้อย

     

                มิยูและเพื่อนยกยิ้มให้ทุกคนอย่างเคยชิน.. และก็ดูเหมือนจะเป็นนิสัยของร่างสูงเสียด้วยที่จะถูกใครต่อใครมอง ติดตาม และห้อมล้อมขนาดนี้..

                แต่นั่นดูจะไม่ใช่กับคนที่เพิ่งเลิกเรียนแล้วเดินลงมาเป็นแน่

     

     

                ใบหน้าหวานดูยุ่งขึ้นอย่างสังเกตได้ไม่ยาก... และเมื่อริสะมองตามสายตาหวานนั่นไปก็พบกับสาเหตุได้ไม่ยาก นากาโอกะ  มิยูคนที่เธอไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรที่มากไปกว่าการเป็นผจก.กับเพื่อนสนิมรึเปล่า(แต่เดาว่ามีแน่ๆ)นั่นดูเหมือนจะเสน่ห์แรงเสียเหลือเกิน

                ผู้หญิงทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่นั่นดูจะทำให้แกดูเหมือนดารามากกว่าจะเป็นผจก.ดาราซะอีก ไหนจะรอยยิ้มที่พร้อมแจกจ่ายให้ใครต่อใครไปทั่ว.. ก็ดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้มการค้าที่ดูเป็นที่ติดใจของสาวน้อยสาวใหญ่เสียเหลือเกิน แต่อาจจะยกเว้นเพื่อนเธอไว้คน

     

                “ อ้าวฮารุกะ..” เสียงยูกิเอ่ยทักเมื่อเห็นน้องรหัสกำลังจะเดินผ่านไปโรงอาหาร

     

                “ คะ..พี่ยูกิ..” ฮารุกะหยุดคุย ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองร่างสูงของใครอีกคนที่เธอเดาได้ไม่ยากว่าคงจะต้องมองเธออยู่ตอนนี้เป็นแน่

     

                “ นี่ขนม.. ซาโอริฝากมาให้” ยูกิคว้าห่อขนมในเป้ส่งให้ร่างบางทันที ตามคำสั่งแฟนสาวที่อุตส่าห์กำชับนักหนาว่าให้ส่งให้ถึงมือ

     

                “ ว๊าวว.. ขอบคุณมากนะคะ ฝากบอกรุ่นพี่ซาโอริด้วยนะคะว่าขอบคุณมาก” ฮารุกะเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อได้คุ๊กกี้ที่พี่สาวสุดสวยคนนั้นทำให้

     

                “ กินให้หมดด้วยล่ะ.. ซาโอตั้งใจสุดฝีมือเลย”

     

                “ รับทราบค่ะ...”

     

                “ ดีมากก..”

     

                “ งั้นชั้นขอตัวก่อนนะคะ..” ฮารุกะเอ่ยขอตัว ก่อนที่ร่างสูงที่เพิ่งผละจากคนอื่นๆมาได้จะทันได้เอ่ยเรียกไว้

     

     

               

                “ ฮารุกะ... แก” ริสะสะกิดเพื่อนสนิทที่เดินดุ่มๆจนเธอถึงกับต้องวิ่งตาม

     

                “ ว่าไง..ริสะ” เสียงหวานๆเมื่อครู่ดูเหวี่ยงๆไปโดยปริยาย เมื่อความหงุดหงิดที่เก็บไว้ไม่อาจปิดบังได้

     

                “ เป็นไร.. ดูหงุดหงิด” ริสะถามอย่างสงสัย

     

                “ เปล่า..” ปากบางบอกว่าเปล่า แต่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสีหน้าน่ะมันปิดไม่มิดแล้วตอนนี้

     

                “ มีไรก็บอกนะเว๊ย.. อย่าเก็บเงียบไว้คนเดียว” ริสะบอกอย่างหวังดี.. ซึ่งฮารุกะเองก็รู้ดีว่าเพื่อนคงเป็นห่วง แต่เรื่องของเธอกับเค้ามันไม่ควรเปิดเผยให้คนอื่นได้รู้ไม่ใช่หรอ ในเมื่อเค้าคนนั้นก็ยังไม่ได้เอ่ยคำๆนั้น.. หรือแสดงอะไรที่เป็นการบ่งบอกสถานะของเราทั้งคู่เลยนี่นา

                ... ทั้งๆที่ความจริงมันอาจเป็นเธอที่คิดไปเองฝ่ายเดียวก็ได้ด้วยซ้ำ...

     

                .... ทำไมจู่ๆก็ต้องรู้สึกแย่ด้วยว่ะ.. ก็แค่เค้า.. มีคนมาชอบตั้งมากมาย...

                ..แล้วมันความผิดพี่เค้าหรอ..ฮารุกะ.. แกจะเอาสิทธิ์อะไรไปห้ามไม่ให้คนอื่นมาชอบเค้ากันว่ะ ไอ้ฮารุกะ...

     

     

     

     

     

                ปัง!

              มิยูปิดประตูเสียงดังเสียจนคนที่เดินเข้าห้องมาก่อนถึงกับสะดุ้งอย่างตกใจ... ก่อนฮารุกะจะพยายามรวบรวมสติแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำเตรียมกลับห้องพัก

     

                “ เสร็จแล้วค่ะ..” เสียงหวานเอ่ยเรียบๆ ดูเหมือนวันนี้พายุใต้น้ำจะคุกกรุ่นมาตั้งแต่ตอนกลางวัน ฮารุกะถึงดูเหมือนจะหลบหน้ามิยูเสียเหลือเกิน

                หากไม่ติดว่าจะต้องไปถ่ายละคร.. ฮารุกะจะยอมนั่งรถมากับมิยูรึเปล่าก็ยังไม่อาจคาดเดา

     

                “ ฮารุกะเป็นไรรึเปล่า.. อารมณ์ไม่ดีหรอ” เมื่อขึ้นมาในรถ มิยูก็ไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามสิ่งที่สงสัย

                ...เค้าไม่ชอบเลยเวลาที่ร่างบางนั่งนิ่งๆเงียบๆไม่พูดไม่จาอย่างนี้ มันทำให้เค้าอึดอัด ทำตัวไม่ถูก...

                ไม่รู้ว่าจะพูด.. หรือไม่พูดอะไรดีกันแน่ทั้งๆที่ความจริงแล้วเค้าเองก็เริ่มจะหงุดหงิดกับพฤติกรรมร่างบางด้วยหน่อยๆ

                รู้อยู่หรอกว่าเหนื่อย.. แต่บางครั้งเค้าก็เอาใจไม่ถูกเหมือนกัน..

     

     

                “ เปล่า.. แค่เหนื่อยน่ะ” ฮารุกะตอบพลางหลับตาลง.. ไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้หงุดหงิดไปมากกว่าเดิม

                ... จะให้เธอบอกได้ยังไงว่าไม่พอใจที่มีคนมาชอบเค้าเยอะน่ะ.. เธอไม่มีสิทธิ์ซักหน่อย...

     

     

                “ เป็นไรก็บอก.. เป็นแบบนี้มิยูไม่ชอบ” มิยูบอกเสียงเรียบ.. เค้าไม่ชอบใจเลยกับการหนีปัญหาของร่างบางที่ดูจะเลี่ยงให้ได้ตลอดเลย ทั้งๆที่ความจริงหากเป็นอะไรก็ควรพูดออกมาแท้ๆ.. ไม่ชอบซักนิดกับการเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง

                ...จะเก็บให้มันได้อะไรล่ะ.. เอาไว้ชิงโชครึไงกัน

     

     

                “ เปล่าค่ะ.. ขอบคุณนะคะ” ฮารุกะตอบเพียงแค่นั้น แล้วก็เบนหน้าหนีให้พ้นจากสายตาคมที่มองมาอย่างจดจ้อง.. หยาดน้ำใสๆที่เอ่อขึ้นมาคลอที่หน่วยตาทำให้ความนิ่งและเข้มแข็งที่ฝืนแสดงมาเริ่มหมดลง ความน้อยใจและอ่อนแอกำลังเข้าแทนที่อย่างช่วยไม่ได้

                เธอไม่ชอบเลยกับเสียงแข็งๆที่ดูหงุดหงิดของพี่มิยู.. แต่สิ่งที่เธอรู้สึกมันก็บอกกล่าวอะไรออกไปไม่ได้จริงๆในเมื่อพี่มิยูไม่เคยให้สถานะหรือความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับเธอเลย

                จริงอยู่ที่เพื่อนพี่เค้าเห็น พวกที่กองถ่ายเห็น แต่นั่นมันก็แค่ฉากหน้าที่ทุกคนคิดว่าเค้าเป็นเพียงผจก.ที่ต้องคอยตามดูแลนักแสดงอย่างเธอเท่านั้น

     

                ใครล่ะจะคิดว่าเธอกับเค้าเป็นอะไรที่มากไปกว่านั้น.. ใครละจะสงสัยในเมื่อทุกวันนี้พี่มิยูก็ยังคงไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น ยังคงไปยุ่งกับคนอื่นๆทั้งต่อหน้าและลับหลังเธอ

                จนคนที่กองถ่ายต่างก็พากันพูดให้ทั่วว่าคนอย่างมิยู มีแต่คนพร้อมจะอ้าแขนอ้าขาให้เสมอถ้าเค้าต้องการ.. คนที่มหาลัยต่างก็รู้กันแค่ว่า ถ้าใครโดนพี่มิยูเรียกไปเจอก็เป็นอันได้ขึ้นสวรรค์อยู่ร่ำไป

                แล้วคำว่าเ..ยที่พี่เค้ามอบให้.. มันจะมีค่าอะไร

                ทุกคืนที่นอนกอดกันมันจะมีความหมายอะไร... หากเธอจะต้องตื่นขึ้นมาเพื่อปกปิดรอยช้ำ หรือร่องรอยจากการแต่งแต้มของอีกคนอยู่ร่ำไป

     

     

     

     

                มีความสัมพันธ์ทางกาย... แต่ไร้ซึ่งความสัมพันธ์ทางใจมันเจ็บอย่างนี้เองสินะ

                                                                                                      

     

     

     

                “ ฮารุกะพี่จะไม่ถามซ้ำนะ.. เป็นอะไร” มิยูดูเหมือนจะหมดความอดทนเมื่อถูกร่างบางเบือนหน้าหนี.. ให้ตายเถอะ หลบหน้าเค้าตั้งแต่เที่ยง จนมืดแล้วก็ยังไม่เลิกอีก.. เป็นอะไรทำไมไม่บอกกัน

     

     

                “ ก็ไม่เป็นไรนี่คะ” ฮารุกะตอบเสียงเย็น พยายามเต็มที่ไม่ให้หลุดน้ำเสียงแปลกๆออกไปให้อีกคนสังเกตเห็น

     

     

                “ บอกพี่มา..” แต่ความจริงแล้วมีหรือที่มิยูจะไม่รู้.. เมื่อเป็นคนตัวเล็กเองนั่นแหละที่ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและเหมือนผิดหวังมาให้เค้าพร้อมๆกัน

     

     

     

                “ เปล่าค่ะ...” แต่สุดท้าย.. นักแสดงก็ยังคงเป็นนักแสดง.. ความรู้สึกที่วิ่งวุ่นอยู่ในหัวมาตลอดทั้งวันไม่ได้ทำให้ฮารุกะหลุดปากออกไปว่าเธอคิดหรือรู้สึกอะไร

                ... เพราะมันไม่มีอะไรรับรองได้เลยว่าหากเธอหลุดปากถามออกไปแล้ว.. เรื่องของเธอกับเค้าจะยังเป็นเหมือนเดิม ดีขึ้นหรือว่าแย่ลง

     

     

                “ ตกลงไม่ได้เป็นไรแน่ใช่มั้ย” มิยูถามเสียงเข้มไม่พอใจ.. ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นน่ะ

     

                “ ค่ะ” ฮารุกะเชิดหน้าคอตรงยืนยันคำตอบ แม้จะโดนมือหนาของคนอารมณ์ร้อนกำแน่นรอบต้นแขนจนเป็นรอยแดงก็ตาม

     

     

                “ ก็ดี.. พี่จะได้ไม่ต้องสนใจ” มิยูทิ้งตัวลงกับเบาะก่อนจะขับกระชากรถไปอย่างรวดเร็วจนคนที่ไม่ทันตั้งหลักเกือบจะกระแทกกับคอนโซลหน้ารถ

     

     

                ... แล้วที่ผ่านมาพี่เคยสนใจชั้นด้วยหรอค่ะ...

                ฮารุกะคิดอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะหลับไปทั้งๆที่น้ำตากำลังรินไหล.. ความพยายามของเธอดูเหมือนจะไร้ค่า ยิ่งอยากสำคัญก็ยิ่งดูเหมือนของตาย

                ยิ่งให้มากเท่าไหร่.. ก็ดูเหมือนมันจะกลายเป็นของว่างที่เค้าเพียงเข้ามาเชยชมในทุกคืน

                ยิ่งมอบความสัมพันธ์... ก็ดูเหมือนจะลดความสำคัญลงไปทุกที

     

                จนมันอดจะกลัวไม่ได้...ว่าซักวัน..ความลับมันจะแตก

     

     

     

     

                ... ไม่อยู่สินะ...

                ฮารุกะปรือตามองก่อนจะรับรู้ว่าเป็นห้องของตัวเองแน่นอน.. มิยูคงอุ้มขึ้นมานอนกระมัง

                ดวงตาหวานกวาดไปรอบห้อง.. ก่อนจะพบเพียงความว่างเปล่าให้หัวใจของฮารุกะต้องเบาโหว่งอยู่ในอก เหมือนความหวังที่ริบหรี่ในตอนเย็น จะถูกย้ำชัดเจนในตอนกลางคืนเช่นนี้

               

                ... ยังไม่รู้ตัวอีกหรอฮารุกะ.. ว่าเธออยู่ในฐานะไหน...

     

     

                ฮารุกะย้ำกับตัวเองสีหน้าเศร้าอย่างปิดไม่มิด.. มือเล็กยกขึ้นกุมกันแนบที่อกด้านซ้ายด้วยอยากจะล้วงเข้าไปดึงมันออกมาแล้วกอดปลอบให้หายจากความหนาวเหน็บเสียเหลือเกิน

     

     

                ฮึก.. ฮึก...

                เสียงสะอื้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบและแวงไฟจากหัวเตียงที่ส่องสว่าง.. ร่างบอบบางดูจะเล็กลงไปอีกเมื่อเนื้อตัวที่สั่นระริกอยู่นั้น เอื้อมมือโอบกอดตัวเองแน่นในยามที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบใคร

     

     

                ... หวังอะไรอยู่นะฮารุกะ...

               

                ฮารุกะได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้น.. แล้วก็ได้คำตอบที่ว่าไม่ว่าความหวังของเธอมันจะเป็นอะไร มันก็ดูเหมือนจะผิดหวังอยู่ในทุกๆหนทาง...

     

     

     

     

                “ อ้าว.. มึงมาไมอีกเนี่ยไอ้มิยู..” ริกะถามอย่างแปลกใจกับการมาของเพื่อนแบบ 2 วันติดกัน ทั้งๆที่เค้านึกว่าเมื่อคืนมันน่าจะเคลียกันเรียบร้อยแล้วซะอีก

     

                “ เบื่อ..” มิยูตอบก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มไม่สนใจใคร

     

                “ เบื่อ.. เบื่อไรว่ะ” ริกะถามอย่างสงสัย

     

                “ เบื่อคน..” มิยูตอบสั้นๆ ก่อนจะวาดแขนโอบบ่าเล็กของผู้หญิงข้างกายที่เพิ่งเดินมาทักทายอย่างรู้งาน เค้าเที่ยวแบบนี้มาตลอดทำไมถึงจะไม่รู้ว่าใครต่อใคร เข้ามาหาเค้าด้วยเหตุผลอะไร..

                แล้วเค้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้งานซะหน่อย.. จัดว่าเชี่ยวเลยซะมากกว่า

     

     

                “ เออดี.. เมื่อวานเคืองเค้า วันนี้เบื่อเค้า.. แล้วพรุ่งนี้มึงจะอะไรว่ะ..” ริกะพูดราวกับรู้สาเหตุที่มิยูเป็นอย่างนี้ก็อดจะบ่นไม่ได้ ทั้งๆที่ก็ดูเหมือนจะรักกันขนาดนั้นแท้ๆ.. ทำไมถึงได้ไม่เข้าใจกันว่ะ

     

     

                “ไม่รู้.. มึงมีไรก็ไปทำเหอะ” มิยูเอ่ยไล่ เพราะเหมือนตัวเค้าเองก็มีเรื่องต้องทำแล้วเหมือนกัน

              นัยน์ตาคมฉายแววเหมือนเสือกำลังออกล่า.. มือหนาลูบไล้เพียงแผ่วเบาบนต้นแขนขาวที่โผล่พ้นออกจากเสื้อเกาะอก.. ก็ดูเหมือนแม่สาวความต้องการสูงตรงหน้าก็อ่อนระทวยซุกซบใบหน้าเข้าหาบ่าร่างสูง

                ขณะที่หน้าอกอวบอิ่มของแม่สาวตรงหน้าบดเบียนกับต้นแขนเค้าอย่างจงใจ..

     

     

                “ เออๆ... นึกว่าจะเลิกแล้วเชียวนะนิสัยแบบนี้ของมึงน่ะ” ริกะบอกก่อนจะลุกหายไปอย่างหัวเสีย ปล่อยให้มิยูอยู่ลำพังกับผู้หญิงข้างกายในเงามืด

     

                และไม่ต้องให้ใครมานั่งเดาก็บอกได้ไม่ยากหรอกว่า.. อย่างไอ้มิยูน่ะ ไม่เก็บแม่นั่นขึ้นหิ้งไว้ทำแม่แน่นอน

     

     

     

     

     

                ... ไม่พอ...

                มิยูนึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ทั้งๆที่ปกติ2-3รอบมันก็น่าจะพอแล้วแท้ๆ.. แต่ทำไมเค้าถึงกลับรู้สึกเหมือนไม่พอยังไงก็ไม่รู้...

                ผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็เหมือนกัน... ทั้งๆที่ตอนทำก็ทำกับคนนี้ แต่ทำไมถึงได้นึกถึงแต่ภาพของฮารุกะอยู่เรื่อยไปก็ไม่รู้..

     

     

              ทำไมภาพของใบหน้าหวานๆที่กัดปากบางนอนหน้าแดงระเรื่ออยู่ใต้ร่างเค้าถึงได้ซ้อนทับราวกับเงาตามตัวขนาดนี้...

     

     

                มิยูได้แต่นั่งหงุดหงิดใจอยู่กับตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรจนเพื่อนที่เพิ่งกลับมานั่งด้วยเป็นรอบที่ 3 ถึงกลับส่ายหน้า

     

                “ กูว่ามึงกลับห้องเถอะมิยู..” ริกะบอก เมื่อดูเหมือนระบายยังไงเพื่อนตัวดีก็ยังไม่หายหงุดหงิดเสียที

     

                “ ทำไม..”

     

                “ อยู่ไปมึงก็ไม่หายหรอก.. ก็คนที่มึงอยากทำน่ะ เค้าไม่ได้อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ” ริกะทะลุกลางปล้องไม่มีอ้อมค้อม

     

                “ มึงรู้ได้ไง..”

     

                “ นี่ไอ้มิยูคราบ.. กูเป็นเพื่อนมึงตั้งกี่ปีฮะ.. เรื่องอย่างนี้ทำไมกูจะไม่รู้... ฮะ..”

     

                “ แล้ว..”

     

                “ มึงทะเลาะกับเค้า เคืองเค้า น้อยใจเค้า มึงก็ไปคุยกับเค้าซิ มึงมาคุยกับคนอื่น มาทำกับคนอื่นแบบนี้แล้วมึงกับเค้าจะเข้าใจกันมั้ย..” ริกะอธิบายเสียยืดยาว

     

                “ แต่...”

     

                “ ไม่มีแต่ กูก็จะกลับแล้ว.. และมึงก็ควรจะกลับด้วย ออกมามึงก็ไม่ได้บอกเค้าใช่มั้ย.. ไม่ใช่ป่านนี้ตื่นมานั่งร้องไห้แล้วหรอ.. เด็กนั่นกลัวความมืดไม่ใช่รึไง” ริกะเอ่ยเตือน

     

                “ เออๆ.. กูกลับก็ได้” มิยูตอบอย่างเสียไม่ได้ ทั้งๆที่ในใจก็เริ่มเป็นห่วงใครบางคนขึ้นมาเสียอย่างงั้น ทั้งที่ตอนแรกมันเต็มไปด้วยความโมโหแท้ๆ

     

     

     

     

     

                กริ๊ก!!

              ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมมิยูถึงมีกุญแจสำหรับไขห้องฮารุกะ.. เพราะเจ้าตัวมีมันตั้งแต่วันที่สองของการเหยียบเท้าก้าวเข้ามานอนกับเจ้าของห้องแล้วน่ะสิ

     

     

     

                กึก.!

                แล้วมิยูก็ต้องยืนนิ่งอยู่กับที่.. เมื่อห้องทั้งห้องตกอยู่ในความมืด ไม่ต่างจากตอนที่เค้าออกไปแม้แต่น้อย..

     

     

     

                กริ๊ก!!

                เสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก พร้อมๆกับแสงจากในห้องที่เผื่อแผ่ออกมาให้คนที่เพิ่งก้าวออกมาชะงักอยู่กับที่

                ฮารุกะไม่คิดว่าจะได้เจอกับร่างสูงของใครอีกคน...

     

               

                “ เพิ่งตื่นหรอ..” เหมือนคนที่ควานหาลิ้นเจอคนแรกจะเป็นนากาโอกะ  มิยู

     

     

                “ ค่ะ.. รุ่นพี่มีธุระอะไรค่ะ มาซะดึกเลย” ฮารุกะถามเสียงเรียบเมื่อใบหน้าของอีกคนที่มองมากับน้ำเสียงดูเรียบเสียจนเธอไม่รู้ว่าควรอยู่ในอารมณ์แบบไหนดี

                แต่ดูเหมือนฮารุกะจะตัดสินใจผิดมหันต์ เมื่อน้ำเสียงเรียบๆนั่นทำให้มิยูที่ดื่มมาไม่น้อยเหมือนกับเติมเชื้อไปลงไปในกองเพลิงที่สงบแล้ว

     

     

                “ ทำไม.. มาหาเมียนี่ต้องมีธุระด้วยหรอ” มือหนากระชากข้อมือเล็กเข้าหาตัว ถามเสียงกร้าว..

              ... ไม่พอใจกับใบหน้าสวยที่เชิดขึ้นเหมือนไม่สนใจแม้แต่จะเหลือบมองมาทางเค้า... คิดว่าเธอเป็นใครฮารุกะ..

     

     

                “ เมีย !! เมียคนไหนล่ะคะ พี่แน่ใจหรอว่าเป็นชั้นน่ะ ฮึ..” หากใครจะบอกว่าฮารุกะประชดก็ไม่ผิดนัก เสียงหวานประกาศกร้าว แต่คงไม่มีใครรู้ว่านอกจากเธอจะประชดมิยูแล้ว มันก็ยังเป็นการตอกย้ำเธอกลายๆด้วยว่าเธอคงไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เค้ามอบคำว่าเมียให้...

              ... มุมปากบางยกขึ้นในความมืดตอกย้ำกับความสัมพันธ์ที่ไร้ซึ่งความชัดเจน..และสถานะที่ดูเหมือนจะเป็นของสาธารณะที่ใครอยากจะคว้าไว้ก็ได้

     

     

                “ นั่นสิ.. คนไหนนะ ... อ่า.. คงต้องโทษตัวเองแล้วล่ะนะฮารุกะเพราะเธอทำให้พี่ไม่มีเวลาไปหาเมียคนอื่น.. ก็เลยต้องทนยอม.. อ๊ะ... ไม่ใช่สิ

                ความจริงเธอก็เป็นเมียที่ดีเหมือนกันนะ.. ดีจนพี่ติดใจต้องเปิดห้องมาหานี่ไง..

               

                ...เอ๊ะ... หรือว่าวันนี้เธอไม่พร้อม

                ... แต่คงไม่หรอกใช่มั้ย... เราก็เล่นบทนี้กันมาทุกคืนไม่ใช่หรอ..” เหมือนความเป็นห่วงจะถูกแทนที่ด้วยการยั่วอารมณ์โดยคำพูดและสายตา

                ... ฮารุกะคงไม่รู้หรอกใช่มั้ยว่าคำถามแบบนั้น มันเหมือนกับว่าทุกคืนที่ผ่านมามันไม่มีความหมาย... ทั้งๆที่ต่อให้เค้าจะไปกับคนนู้น นอนกับคนนี้ไปทั่ว

                แต่ก็ไม่เคยเลย... ไม่เคยมีคืนไหนเลยตั้งแต่วันแรกของเค้ากับฮารุกะ ที่เค้าจะไม่กลับมานอนกอดร่างนุ่มจนถึงเช้าของอีกวัน...

                ทั้งๆที่เค้า.. ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนย่างกายเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ...

                .... แต่ทำไม.. ฮารุกะต้องมาพูดแบบนี้ด้วย...

                หรือความสำคัญที่เค้ามอบให้.. มันจะไม่ใช่สิ่งที่ฮารุกะต้องการ

     

     

     

                เพี้ยะ!!

              “ ใจร้าย..” เสียงหวานไร้ซึ่งคำจะสรรหามาต่อว่าให้สาสมกับคำพูดที่ดูใจร้ายนั่น.. มือเล็กสั่นระริก หยาดน้ำใสไม่อาจกลั้นอยู่ได้เมื่อเจ้าของเองก็ไม่พร้อมที่จะอดทนเช่นกัน

     

                “ นี่เธอตบพี่หรอ..ฮารุกะ!!” เสียงเข้มตวาดลั่น ไม่สนใจต่อหยาดน้ำที่กำลังรินไหล.. มือหนาจับเข้าที่ข้อมือเล็กก่อนจะลากไปเหวี่ยงลงกับเตียงนอน

     

     

                “ พี่... ใจร้ายเกินไปแล้ว... ฮึก..” นัยน์ตาหวานฉายแววตัดพ้อ

     

     

                “ ใครกันแน่ฮารุกะที่ใจร้าย..” มิยูเองก็ชะงักไปเหมือนกันเมื่อเห็นสายตาตัดพ้อของอีกฝ่าย.. แต่ด้วยความที่เค้าเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมโดนใครว่าฟรีๆปากหนาๆมันก็เลยตอกกลับไปโดยไม่ทันคิด

              นัยน์ตาคมตวัดฉายแววไม่พอใจเต็มที่.. อารมณ์โกรธถูกขุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

     

     

                “ ฮึก.. ไปไกลๆชั้นเลยนะ” ฮารุกะกระเถิบตัวขึ้นไปจนชิดกับหัวเตียง แต่ก็ไม่อาจหลีกพ้นเงื้อมมือของคนที่แกร่งกว่าและอารมณ์ร้อนกว่าไปได้..

                มิยูดึงร่างบางลงแนบนอนกับเตียงนุ่ม ก่อนจะตามขึ้นคร่อมล็อกข้อมือเล็กทั้งสองข้างอย่างถือสิทธิ์

     

     

                “ เธอว่าพี่ใจร้าย.. เดี๋ยวพี่จะใจร้ายจริงๆให้ดู” มิยูไม่พูดพร่ำทำเพลง อารมณ์ที่ค้างมาตั้งแต่ร้านพุ่งขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม แอลกอฮอล์ทำให้ขาดสติ และสายตาร่างบางนั่นดูราวกับท้าทาย

                จมูกโด่งก้มลงไซ้ซอกคอหอมกรุ่นของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จจนเสียดสีเป็นรอยแดง.. ลิ้นร้อนมอบสัมผัสจาบจ้วงและรุนแรงให้จนเลือดซิบอยู่มุมปากบาง

                ริมฝีปากบวมจากการดูดดึง.. เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งโดยไร้การสนใจจากคนกระทำ..

     

               

                ร่างกายเปลือยเปล่าปรากฏสู่สายตาคม... ความวาบหวามเข้าแทนที่ แต่ความรุนแรงเมื่อครู่ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด กลับผสมปนเปกันไปเสียมากกว่า

                เสื้อผ้ามิยูเองถูกเจ้าของถอดเหวี่ยงไปอย่างไร้ทิศทาง.. สองร่างเกี่ยวรัดกันแนบสนิท..

     

     

                มิยูไม่ปล่อยให้ฮารุกะได้เอ่ยคำใดๆออกมานอกจากเสียงครางที่เจ้าตัวเผลอหลุดออกมาในบางครั้ง.. เนื้อตัวเป็นรอยนิ้วมือแดงเต็มไปทุกส่วนที่ถูกบีบคลึง...

                อกอิ่มมีรอยฟันฝังลงไปจนเลือดห้อ.. ต้นขาขาวถูกมือหนาจับแยกออกโดยไม่รีรอ ส่วนนั้นถูกสอดแทรกโดยไม่ผ่านการเล้าโลมเหมือนอย่างเคย

     

     

     

                กรี๊ดดดดดดดดดดด

                ฮารุกะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมิยูสอดเข้ามาเสียทีเดียวจนสุด.. หยาดน้ำใสจากหางตาไหลลงบนหมอนนิ่ม.. ฟันซี่เล็กขบเข้าหากันอย่างอดกลั้น...

     

                ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่อาจทนได้...

                ฮารุกะไม่กล้าลืมตาขึ้นมองคนที่เลื่อนขึ้นมามอบจูบแสนหวานให้ด้วยซ้ำ.. รอจนคนๆนั้นออกจากห้องไป.. มือบางถึงได้เอื้อมดึงผ้านวมขึ้นคลุมร่างกายแล้วกอดไว้อย่างหวงแหน

                เนื้อตัวสั่นระริกไร้ซึ่งการปลอบประโลม.. มีเพียงเสียงพูดทิ้งท้ายที่ดังก้องอยู่ในหูก่อนเค้าจะเดินออกไป

                ...เป็นไง.. คืนนี้ถึงใจเ..ยคนนี้มั้ย...

     

     

     

     

     

                ฮึก... ฮึก...

                เสียงกลั้นสะอื้นไม่ได้ดังจากในห้องเพียงอย่างเดียว.. แต่กับคนที่เพิ่งเดินออกไปก็ไม่ต่างกัน...

                ทันทีที่ประตูปิดลง.. หยาดน้ำใสที่กลั้นไว้ก็สุดจะทน... มือหนาสั่นระริกยกขึ้นตีตัวเองราวกับเป็นสิ่งน่ารังเกียจ ก่อนจะกำแน่นแล้วชกไปกับกำแพงอยู่หลายทีจนเลือดซิบ

                ...เลวมาก ไอ้มิยู... มึงมันเลวว...

     

     

                มิยูได้แต่ทรุดนั่งกองกับพื้นอย่างไม่อาจทรงตัวได้.. รสเค็มปร่าจากน้ำใสๆที่เต็มอยู่บนใบหน้าหวานเมื่อครู่เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าฮารุกะร้องไห้...

                เปลือกตาหวานที่สั่นระริก แต่ไม่ยอมลืมขึ้นมามอง.. คงเป็นเพราะเค้าคงไม่ใช่คนที่ฮารุกะอยากจะเห็นหน้าอีกต่อไปแล้ว...

     

     

                ทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าฮารุกะกลัว... ทำไมเค้าจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันจาบจ้วงและรุนแรงเพียงใด... มันก็เพียงแค่.. เค้าไม่อาจหยุดยั้งอารมณ์ของตัวเองได้แล้วในนาทีนั้น

     

     

     

                สติเค้ากลับมาตั้งแต่ได้ยินเสียงสะอื้นที่ขอให้หยุด... แต่เนื้อตัวที่เบียดเข้าหานั่นทำให้เค้ารู้ว่าร่างกายฮารุกะไม่ได้เป็นไปตามคำพูดแม้แต่น้อย

     

                แต่ดูเหมือนยิ่งทำ.. เค้าก็ยิ่งเจ็บ...

                เสียงสะอื้นที่ดังก้องอยู่ข้างหู.. แม้จะหลุดครางออกมาเป็นระยะก็ทำให้เค้าไม่อาจหยุดทุกอย่างได้ เพราะหากเค้าหยุดคนที่จะแย่อาจไม่ใช่เค้า แต่เป็นตัวฮารุกะเอง..

     

     

     

                ... พี่ขอโทษฮารุกะ...

     

     

     

                ฮึก.. ฮึก...

                มิยูยังคงนั่งพิงประตูฟังเสียงสะอื้นที่ดังลอดออกมาจากประตูบานใหญ่... นัยน์ตาคมปิดลงราวกับต้องการเพียงแค่ได้ยินเสียงร่างบางเท่านั้น

                แม้ว่าจะยิ่งได้ยิน.. น้ำตาของมิยูจะยิ่งไหลลงมาเรื่อยๆก็ตาม...

                แต่เค้าคงไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปกอดปลอบร่างบางในตอนนี้เป็นแน่....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×