ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF..Nagaoka-Miyashita

    ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนรัก...รักเพื่อน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 56


    เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นว่ารักเพื่อน
    ฟังแล้วดูเหมือนว่าใกล้กัน
    จริงจริงแล้วคำนั้นมันห่างไกล
    เมื่อความรักฉันเป็นเหมือนอากาศ
    ที่คอยเคียงข้างเธอเรื่อยไป
    ไม่เคยเห็นเลยใช่ไหม ว่าใครรักเธอ

     

              ยูกิ... ทำไมนะ... ทำไมเธอกับชั้นถึงต้องเป็น..เพื่อนกัน??

     

              สวัสดีค่ะ.. ชั้น คิมูระ ชาโอริ... กัปตันทีมคนปัจจุบันของทีมชาติญี่ปุ่นค่ะ.. วันนี้เป็นวันที่โชคดีชะมัดสำหรับชั้นเลยก็ว่าได้... เพราะโค้ชมานาเบะส่งให้ชั้นมาประชุมพร้อมกับคนที่ชั้นชอบน่ะสิคะ

              แถมชั้นยังโชคดีตรงที่... พายุเข้า.. ชั้นเลยจะได้นอนกับคนที่ชั้นชอบแถมยังได้มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งหาก

              แต่ตอนนี้เหมือนชั้นจะเริ่มไม่ชอบแล้วล่ะ.. ในเมื่อ...

     

              “ ยูกิ.. เดี๋ยวเราไปหาไรกินกันต่อนะ” เด็กคนนึงในโต๊ะประชุมที่เดินมาหาคนข้างๆชั้นทันทีที่ประชุมเสร็จเอ่ยชวน ก่อนที่ยูกิจะหันมาหาชั้นด้วยแววตาส่งคำถามและต้องการคำตอบ

              ซึ่งในฐานะเพื่อนร่วมทีม... ชั้นจะทำไรได้ล่ะ.. นอกจาก..บอกว่า

              “ อืม..”

     

              พวกคุณเคยคิด... เคยเป็นกันบ้างมั้ย... ที่เวลาเห็นคนที่เรารักเค้ายิ้ม.. เราก็จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้รอยยิ้มนั้นมันอยู่ได้นานที่สุด

              แต่มักจะรู้สึกแย่ทุกครั้ง.. ที่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรา..หรือเพื่อเรา..

              เหมือนกันกับชั้นในตอนนี้... ทำได้แค่ส่งยิ้มให้

              ยิ้ม... จากใจ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าคนรับ...จะรับมันด้วยใจรึเปล่า

     

              ชั้น... ได้แต่ยืนมองเด็กคนนั้น ยืนคุย ยืนยิ้ม.. จับมืออยู่กับคนตรงหน้า...

              ชั้น... ทำได้เพียงส่งยิ้มให้.. แล้วบอกว่าไม่เป็นไร.. ตอนที่คนตรงหน้าเดินมาถามว่าให้น้องไปกินข้าวด้วยได้มั้ย

              ชั้น... ทำได้เพียงแค่คิดปฏิเสธอยู่ในใจ แต่ไม่อาจทำอะไรได้มากเกินไปกว่าคำว่า...เพื่อน

              ทั้งๆที่ความรู้สึกชั้นในตอนนี้... มันเลยคำๆนั้นมานานมากแล้ว

     

              “ เจ๊ๆ.. หิวอ่า..” ผมที่ถูกติดกิ๊ฟอย่างดียุ่งไปหมดเมื่อเจ้าของศีรษะซุกมันเข้ากับแขนของคนข้างๆอย่างอ้อนๆ... มือสอดเข้าคล้องแขนคนที่นั่งอยุ่ข้างๆเขย่าเบาๆอย่างรียกร้องความสนใจ

              “ หิว!!” คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวางนิตยสารในมือลงที่ตัก ก่อนจะเอ่ยถามคนข้างๆอย่างไม่แน่ใจนัก ในเมื่อพวกเธอเพิ่งกินข้าวกันมาจากที่โรงแรมเองนี่นา

              “ ใช่...หิว.. หิวจนจะกินเจ๊ได้อยู่แล้วเนี่ย ^^” ยูกิไม่ว่าเปล่า... ยกมือขึ้นโถมเข้ากอดคนข้างๆกอดจะแกล้งรัดแน่นๆให้คนโตกว่าโมโหเล่น แบบที่ชอบทำเป็นประจำ

              “ อ๊าย.. ปล่อยเลยนะ..” ซาโอริที่ถูกกอดเริ่มหน้าแดงขึ้นน้อยๆ.. อวัยวะที่เรียกว่าหัวใจทำงานอย่างหนัก..เพราะต้องแข่งกันเต้นระรัวอย่างรวดเร็วจากสิ่งที่ยูกิทำ... มือเริ่มเย็นขึ้นเพราะตกใจและแอบดีใจ.. แต่มันก็อยู่ได้ไม่นาน

              เพราะซาโอริต้องเลือกที่จะเฉไปเรื่องอื่นก่อนที่คนข้างๆจะรู้สึกตัว.. ว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้มันเริ่มไม่เหมือนเดิมแล้ว

              “หิวก็ลุก..จะได้ไปหาอะไรกิน”

     

              “ ง่ำ.. อ่าอันนี้เจ๊ไม่กินหรอ.. ยูกิขอนะ ^^” ยูกิพูด และโดยไม่รอคำอนุญาต ก็ยื่นช้อนเข้ามาตักเนื้อที่วางอยู่ในจานข้าวคนโตกว่าเขาปากทันที

              “ นี่.. ถามหน่อยเถอะ.. ทำไมต้องเรียกชั้นว่าเจ๊ด้วย” ซาโอริถามคนตรงหน้า.. เพราะความจริงถึงเธอจะอายุมากกว่าคนตรงหน้า แต่เธอก็ไม่อยากให้ยูกิเรียกเธอว่าเจ๊นี่นา...

              “ ทำไมอ่ะ.. เจ๊ไม่ชอบหรอ ??” ยูกิเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาถาม

              “ ก็... ไม่เชิงอ่ะ” ซาโอริตอบเสียงพึมพำ แต่ยูกิก็ยังได้ยินอยู่ดี

              “ งั้น.. คนโตมั้ย..” ยูกิถาม

              “ คนโต.. อะไรคนโต..” ซาโอริถามงงๆ..

              “ ก็... เรียกเจ๊ว่าคนโตไง.. ^^” ยูกิยิ้ม มือก็ไม่ลืมคีบเนื้อในจานตัวเองที่ซาโอริชอบใส่จานให้ซาโอริด้วย แลกเปลี่ยนเนื้อชิ้นเมื่อกี้

              “ ง่ะ.. ไม่ได้ต่างกันเลยนะ” ซาโอริทำหน้ายุ่งใส่

              “ ต่างดิ่..” ยูกิเถียง

              “ ต่าง.. ยังไงอ่ะ” ซาโอริถาม

              “ ก็.. คนโตไว้เรียกตอนเราอยู่กันสองคนไง.. ส่วนเจ๊ๆๆ..อ่ะ.. เธอยอมเค้าเถอะ มันติดปากไปแล้วอ่ะ... นะ..” ยูกิอธิบาย ก่อนจะอ้อนตบท้าย

              “ ฮึ.. ไม่เอาอ่ะ..”

              “ โธ่ๆๆ.. นะคะคนโต.. ยอมให้ยูกิเรียกเจ๊นะ.. นะคะที่รัก... ^^” คำพูดที่หลุดออกจากปาก... ซาโอริไม่รู้เหมือนกันว่ายูกิจะคิด หรือรู้สึกอะไรรึเปล่า...

              แต่คำว่าที่รัก... ที่หลุดออกมา แม้มันจะเป็นเพียงคำพูดเล่นๆ แต่สำหรับเธอแล้ว... คำๆนี้กำลังทำให้ใจของเธอเต้นระรัว...

              ที่รัก... ที่หลุดออกมาโดยไม่ตั้งใจ แต่มันกลับกระทบเข้าจังๆกับใจของคนที่รับฟัง.. จนซาโอริได้แต่นั่งนิ่ง.. ใบหน้าขึ้นสีชมพูดอย่างไม่อาจห้ามความรู้สึกดีๆที่กำลังเกิดขึ้นในใจได้

              “ ง่ะ... ไม่พูด.. งั้นแปลว่าตกลงนะ ^^” ยูกิเหมารวมเอาอาการเงียบของซาโอริเป็นการตกลงกลายๆ

              “ เอ๊ะ... หรือจะเรียกว่าที่รักดี ^^” แต่ก็ไม่วายที่จะเอ่ยแซวคนข้างๆอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ได้สังเกตเลยซักนิดว่า.. คำพูดนั้นมันกำลังทำให้ใครอีกคนคิดไปไกล

     

              ยูกิหลับไปซักพักแล้ว... เหลือแต่ชั้นที่ยังบ่มตาหลับไม่ลงซักที ก็พอนึกถึงคำๆนั้นทีไร... ความรู้สึกที่ชั้นพยายามจะไม่แสดงออก และกดมันลงไปก็ยิ่งลอยขึ้นมาชัดเจนอยู่ในหัว

              ความฝัน.. ความหวัง... และจินตนาการลอยขึ้นมาเต็มไปหมด... ใครที่ไม่เคยแอบรักคงไม่รู้หรอก ว่าเพียงแค่คำพูดเล่นๆที่ไม่ได้ตั้งใจของใครอีกคน จะทำให้เราเป็นบ้าเป็นหลังด้วยความดีใจ และก็เก็บเอามาหวัง เอามาฝันต่อได้อีกเยอะขนาดไหน

              ทำไมนะ... ทั้งๆที่ยูกิก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนนึง แก่นๆ แม้ว่าบางมุมเธอจะดูเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้ แต่โดยรวมแล้วยูกิก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่ควรมีผู้ชายซักคนมาปกป้อง

              แต่ชั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า... ความรู้สึกที่เกิดขึ้น... มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ พอมารู้ตัวอีกที.. ความรู้สึกของชั้น มันก็เดินมาไกลจนไม่อาจถอยกลับไปได้แล้ว

     

              “ อืม..” ยูกิพึมพำเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงมือของใครบางคนที่กำลังไล้เบาๆที่แก้มตัวเอง ก่อนจะพลิกหน้าซุกเข้ากับหมอนอย่างไม่อยากถูกรบกวน ซึ่งการกระทำดังกล่าว.. ทำให้คนที่แอบไล้แก้มของคนที่หลับไปแล้วได้แต่ยกยิ้มที่มุมปาก

              น่ารัก.. คำพูดเบาๆที่เกิดขึ้นในใจของซาโอริ... คำที่ซาโอริไม่รู้ตัวแต่มันกลับดังขึ้นมาเองจากข้างใน มันดังมาจากความรู้สึกที่กำลังบอกเธอว่า..ยูกิน่ารัก... และเธอก็กำลัง..รัก

     

              “ นอนไม่หลับหรอ..” เสียงที่ดังขึ้นเรียกสายตาจากคนที่นอนกดโทรศัพท์ที่อีกหมอนได้อย่างดี.. ยูกิที่ตอนนี้กำลังหรี่ตาขึ้นมองใครอีกคนที่ยังไม่หลับ ทั้งๆที่ตอนนี้เวลามันก็เลยวันใหม่เข้ามาแล้ว..

              “ อืม..” ซาโอริตอบเบาๆ..

              “ ทำไมล่ะ..” ยูกิถามพลางดันตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

              “ ไม่รู้เหมือนกัน... แค่นอนไม่หลับน่ะ” ซาโอริบอก มือก็ยังคงกดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี

              “ นอนเถอะ..” ยูกิเอื้อมมือมาดึงโทรศัพท์ซาโอริไปวางไว้หัวเตียงฝั่งตัวเอง.. ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ใครอีกคนที่กำลังหน้ามุ่ยที่โดนแย่งของเล่น

              “ ชิส์..” ซาโอริมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ยูกิอย่างเคืองๆ

              “ ดึกแล้ว.. เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเล่นก็ได้.. นะ” ยูกิบอกก่อนจะเอื้อมมือไปดึงซาโอริให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตัวเอง

              “ แต่..”

              “ โตแล้วนะ... พูดรู้เรื่องเนอะ..” ยูกิที่รู้ว่าคนโตกว่าจะเถียงก็เอ่ยดักคอไว้ก่อนที่ซาโอริจะทันได้พูดอะไรออกมา

              “ ฮึ่ย !!” เมื่อถูกดักคอซาโอริก็ได้แต่ส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะพยายามกดตาให้ปิดลงทั้งๆที่มันไม่ง่วงเลยซักนิด

              “ อย่าอารมณ์เสียสิ.. นอนนะ..” ยูกิเอ่ยอย่างใจเย็นก่อนจะทรุดตัวลงนอนข้างๆ

              “ อืม..” ซาโอริตอบรับเบาๆ ทั้งๆที่ในใจก็ยังคงรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย

             

              พรึ่บ !!

              “ มันหนาวน่ะ.. ขอกอดหน่อยนะ” ยูกิที่นอนอยู่เอื้อมมือมารั้งคนโตเข้าไปในอ้อมกอด ก่อนจะซุกหน้าลงกับกลุ่มผมหอมที่กระจายเต็มหมอน

              “ อืม..” คราวนี้เสียงที่ตอบกลับมามันกลับแผ่วเบา ทว่าความรู้สึกข้างในกลับแตกต่าง เมื่อหัวใจที่ขุ่นมัวเมื่อครู่กำลังเต้นระรัวอย่างดีใจ ความอบอุ่นที่เกิดขึ้นทำให้คนในอ้อมกอดไม่แน่ใจว่า แทนที่จะนอนหลับ.. ความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นจะทำให้เธอกลายเป็นข่มตาหลับไม่ลงอีกหรือเปล่า

              แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิด เมื่อคนโตที่อยู่ในอ้อมกอดผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ มีเพียงรอยยิ้มหวานที่เหมือนคนกำลังฝันดี ที่เป็นสิ่งบอกว่าอย่างน้อยคืนนี้ กับตันทีมก็นอนหลับและฝันดี

     

              “ ยูกิ.. ไปซื้อของฝากกัน” ซาโอริชวนหลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย

              “ ฝากน้องเล็กใช่มั้ย.. ไปๆๆ” ยูกิที่ถูกชวน เอ่ยถึงใครอีกคนอย่างยินดี.. ใครอีกคนที่ทำให้คนโตได้แต่แอบอิจฉาในใจ เมื่อมันทำให้คนตรงหน้ามีรอยยิ้มและกระตือรือร้นที่จะทำ เหมือนกับว่าคนๆนั้นเป็นคนสำคัญ

              “ อื้ม.. น้องเล็กคงอยากได้ของอร่อยๆแน่เลย” แต่เรียวปากบางก็ยังคงฝืนยินดี แม้ว่าในใจจะแอบอิจฉา แต่ความจริงเธอก็ตั้งใจจะซื้อไปฝากน้องเล็กอยู่แล้วเพราะฮารุกะก็เป็นเด็กน่ารักที่เธอเองก็นึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย จะติดใจก็ตรงแค่ว่า.. เธอไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรกับเด็กคนนั้นรึเปล่า

     

              “ ยูกิ.. ซื้ออันนี้ไปด้วยดีมั้ย” ซาโอริหมายถึงขนมของฝากขึ้นชื่อที่เธอไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อไปแล้วจะมีใครกินมั้ย

              “ อ่า... น้องเล็กจะกินได้มั้ยอ่ะ” อีกแล้ว...เป็นอีกครั้งแล้วที่ยูกิพูดถึงน้องเล็ก.. ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่ความรู้สึกอยากจะซื้อของเธอมันน้อยลงเต็มที ยิ่งเมื่อของทุกอย่างที่อยู่ในมือคนตรงหน้าเธอตอนนี้มีแต่ของที่ซื้อไปฝากน้องเล็กของทีมทั้งนั้น.. ความจริงข้อนี้มันก็ยิ่งทำให้เธอ... อิจฉา

     

              “ เจ๊.. นั่งข้างในนะ เดี๋ยวเค้านั่งริมเอง” ยูกิพูดขึ้นขณะที่กำลังเก็บของทุกอย่างเข้าที่ให้เรียบร้อย

              “ อืม..” นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกดี... เธอไม่รู้หรอกว่ายูกิจะเคยรู้ หรือเคยสังเกตมั้ย ว่าความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ชอบนั่งติดหน้าต่างมา เพราะเธอชอบที่จะมองออกไปข้างนอก มองไปที่สองข้างทางขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกไป

              และทุกครั้งที่เธอต้องเดินทางกับยูกิ.. คนตรงหน้าเธอก็มันจะให้เธอเข้าไปนั่งด้านในอย่างตามใจ มันจึงเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกว่า คนตัวเล็กๆตรงหน้าดูแล และใส่ใจเธอดีเหลือเกิน และบางครั้งมันก็คงดีเกินไป จนใจดวงนี้กำลังกู่ร้องอย่างยินดีอีกครั้ง

     

              พรึ่บ..!!

              คนโตที่กำลังนั่งมองวิวข้างทางอยู่ก็ต้องตัวแข็งค้างทันที เมื่อศีรษะของคนข้างๆกำลังพิงอยู่กับบ่าเธอ.. มือเรียวของคนข้างๆก็เผลอกอดเข้าที่แขนเธอราวกับแขนเธอเป็นหมอนข้าง หน้าที่ดูยุ่งนิดๆอย่างขัดใจเมื่อมือที่พยายามจะประสานเข้ากับมือของใครอีกคนไม่เป็นดังหวัง

              แต่ซักพัก.. หน้ายุ่งก็คลายออกเมื่อคนตัวโตใจกล้า.. และแอบทำตามที่ใจตัวเองอยากจะทำ.. ซาโอริแบมือออกประสานกับมือของคนที่พิงอยู่ในตอนนี้ มือทั้งสองที่ประสานกันเงียบๆแต่แน่นแฟ้น... ทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบางๆบนหน้าของกับตันทีม ที่กำลังแกล้งทำเป็นยิ้มให้กับดอกไม้ใบหญ้าข้างทาง แต่ไม่กล้ามองหน้าใครอีกคนตรงๆ... ด้วยกลัวว่าหากมองแล้ว.. ทุกอย่างมันจะไม่หยุดอยู่แค่มือที่ประสานกัน จึงทำให้ซาโอริไม่มีโอกาสได้เห็น.. ภาพที่ใครอีกคนกำลังเผยรอยยิ้มออกมาอย่างยินดี ทั้งๆที่กำลังหลับตา..

     

              ภาพที่คนตัวโตกำลังจัดเตรียมของที่ซื้อมาใส่จาน ผักที่ถูกหั่นเรียบร้อย หม้อที่ถูกใส่น้ำตั้งรอไว้กำลังเดือด ไหนจะเนื้อที่ถูกหมักไว้จนหอมและดูน่ากิน ทำให้คนที่เพิ่งกลับมาจากการไปตามเพื่อนข้างห้องมาร่วมทานด้วยอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

              ยูกิรีบก้าวเข้าไปด้านหลังคนที่กำลังยืนก้มๆเงยๆอยู่หน้าตู้เย็น มือทั้งสองข้างยกขึ้นเตรียมพร้อมก่อนที่จะ

              “นี่แน่ะๆๆ.. ฮ่าๆๆ” มือที่ยกขึ้นมาตรงเข้าไปจี๋เอวคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว และไม่ทันตั้งตัวคนที่โดนแกล้งก็หันหลังกลับมาและเป็นไปโดยอัตโนมัติที่มือของคนตัวโตจะผลักร่างคนที่แกล้งเธอออกไป

              “ โอ๊ย !!

              “ เฮ้ย !!” เสียงหวานที่หลุดออกมาอย่างตกใจเมื่อคนที่เธอผลักออกไปเมื่อครู่ ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนทั้งๆที่เธอคิดว่าน่าจะพ้นแล้วเชียว คนตรงหน้ากลับซุ่มซ่ามเสียหลักล้มลงมาหาเธออยู่ตอนนี้

              “ แฮะๆ.. ขอโทษค๊าฟ” ยูกิพูดพลางพยุงตัวเองขึ้นออกจากตัวของคนโตกว่า แต่ก็ด้วยสภาพทุลักทุเลเมื่อคนตรงหน้าที่โดนเธอล้มใส่ทรุดลงกับพื้นกะทันหันแบบที่เธอเองก็งงว่า..ได้ไง

              แต่ข้อสงสัยก็ถูกเฉลยทันทีเมื่อ... ก้มดูแล้วพบว่า ซาโอริทำขวดนมที่อยู่ในมือเมื่อครู่ตกลงพื้นจนตอนนี้มันเทกระจายไปทั่วพื้นจนลื่นไปหมด

              “ อ่า.. ลุกก่อนดีกว่ามั้ย” ซาโอริบอกเมื่อพบว่าหัวใจของเธอกำลังทำงานหนัก และท่าทางที่ยูกิกำลังอยู่บนตัวเธอในตอนนี้มันก็ออกจะดูสุ่มเสี่ยงเหลือเกิน

              “ เอ่อ.. กะ... ก็ดีนะ” ยูกิพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น

              ./////.” ซาโอริหน้าแดงทันทีเมื่อการลุกขึ้นของคนตรงหน้าเมื่อครู่ มือบางๆที่ดันพื้นข้างๆของยูกิมันเฉียดหน้าอกเธอไปอย่างเฉียดฉิว

              “ อุ๊ย !! ขอโทษคับ” ยูกิเอ่ยอย่างตกใจ ก่อนจะรีบชักมือออกอย่างลืมไปว่ามือที่เธอชักออกไปก็คือมือที่ใช้ดันเพื่อลุกขึ้น ดังนั้นเมื่อเธอรีบดึงมือออกก็เป็นเหตุให้ตัวเองล่วงปุ๊..ลงไปซบที่ซอกคอของคนตรงหน้าอย่างพอดิบพอดี

     

              “ .....”

              “ .....”

              คราวนี้กลับไม่มีใครพูดอะไรออก.. หรือพูดออกแต่หาลิ้นไม่เจอก็ไม่ทราบ เพราะยูกิที่เพิ่งหล่นลงไปแทนที่จะรีบลุกขึ้นกลับนอนนิ่ง เป่าลมหายใจรดต้นคอของคนที่อยู่ด้านล่าง

              ในขณะที่คนที่อยู่ข้างล่าง... ก็ได้แต่พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงและคิดไปไกล.. ซาโอริพยายามอย่างยิ่งที่จะบอกตัวเองว่า.. ก็แค่เพื่อนน่ะ แค่น้องร่วมทีม แค่เพื่อน แค่น้อง... แต่เหมือนว่าคำว่าแค่เพื่อน..แค่น้อง..ก็ไม่อาจสะกดอารมณ์ให้หยุดคิดไปไกลได้

     

              “ น้องเล็ก... กินนี่สิ อร่อยน๊า.. ^_^” เสียงยูกิที่กำลังตักเนื้อที่อยู่ในหม้อใส่ถ้วยให้ร่างบางดังขึ้น.. ทำให้คนที่นั่งกินอยู่ด้วยกันได้แต่แอบมองอย่างอิจฉา ขณะที่อีกคนกลับมองด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจนัก

              “ อ๊ะ.. อยากกินบ้างอ่ะ... พี่ขอนะฮารุกะ” มิยูที่เกิดอาการหมั่นไส้เพื่อนขึ้นมาตงิดๆยกตะเกียบคีบเนื้อชิ้นนั้นเข้าปากโดยไม่รอคำอนุญาตใดๆจากเจ้าของถ้วยแม้แต่น้อย ท่ามกลางสายตาเหมือนจะงงๆของคนอื่น

     

              “ โอ๊ย..ร้อนๆๆ..” มิยูแทบจะคายเนื้อออกมาทันที เมื่อเนื้อที่เพิ่งเข้าปากไปมันร้อนจนลิ้นเค้าตอนนี้น่าจะพองไปเรียบร้อยแล้ว.. ท่าทางของมิยูเรียกเสียงหัวเราะจากยูกิได้เป็นอย่างดี ขณะที่ฮารุกะรีบเทน้ำใส่แก้วยื่นให้ร่างสูง

              “ ดื่มน้ำนะคะรุ่นพี่..” เสียงหวานของน้องเล็ก ทำให้คนที่กำลังจะลิ้นพองเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะยักคิ้วให้เพื่อนสนิทตัวเองอย่างอวดๆว่า อย่างน้อยน้องเล็กก็สนใจชั้นล่ะว่ะ

              “ ชิส์” เสียงยูกิหลุดออกมาเหมือนไม่พอใจ หน้าหมวยๆมุ่ยขึ้นนิดหน่อยเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจทำให้คนที่นั่งมองอยู่ตลอดเวลาได้แต่สะท้อนในใจว่า.. ทำไมนะ คนที่ยูกิสนใจถึงไม่ใช่เธอ...

              “ ยูกิ.. ทานนี่สิ” เมื่อเห็นหน้ามุ่ยๆของคนตรงหน้า.. ซาโอริก็อดน้อยใจไม่ได้ แต่ก็ยังคงอยากให้คนตรงหน้ามีรอยยิ้ม.. จึงคีบเนื้อที่อยู่ในหม้อส่งให้... ด้วยหวังว่าจะช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

              “ ฮ่าๆๆ.. ขอบคุณนะที่รัก.. เชอะ.. ชั้นไม่ง้อแกหรอกไอ้มิยู..” แต่ผลของมันกลับมากเกินกว่าที่ซาโอริคิด เมื่อยูกิยิ้มร่าให้เธอราวกับว่าหน้ามุ่ยๆเมื่อครู่มันไม่ได้เกิดขึ้น แถมยังหยิบถ้วยของตัวเองลุกขึ้นมาแล้วทรุดลงนั่งข้างๆเธอ เมื่อวางของเสร็จเรียบร้อยก็ยกมือขึ้นยกโอบรอบบ่าซาโอริแล้วหันไปบอกกับมิยูอย่างโอ้อวดว่าชั้นก็มีคนของชั้น..เหมือนกัน

              ./////.” น้องเล็กของทีมที่ได้ยินยูกิเรียกซาโอริว่าที่รักก็หน้าแดงแทน ในเมื่อเธอรู้อยู่แก่ใจว่าพี่ซาโอริคิดอะไรกับพี่ยูกิ แล้วยิ่งเมื่อพี่ยูกิยกมือขึ้นโอบรอบบ่าแถมมาพูดที่รักข้างๆหูพี่ซาโอริแบบนั้น... ถ้าเป็นเธอ... โดนแบบนี้แล้วไม่รู้สึกดี.. หรือคิดอะไรก็บ้าแล้ว

     

              หลังจากที่มิยูมิยากลับห้องไปเรียบร้อยแล้ว... ซาโอริก็มาช่วยยูกิเก็บของที่ใช้เมื่อครู่ มือเรียวยกจานซ้อนๆกันพร้อมทั้งเทเศษอาหารรวมกันแล้วยกไปล้างที่ซิงค์ล้างจานด้านนอก ยูกิยกแก้วใส่ถาดรวมๆกันก่อนจะไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดพื้น หลังจากนั้นก็เดินไปหาซาโอริที่ยืนล้างจานอยู่ด้านนอก

              “ เค้าช่วยนะ” ไม่พูดเปล่า.. ยูกิยื่นมือลงไปล้างจานที่ซาโอริแช่ไว้หลังจากถูน้ำยาเสร็จแล้ว แต่เพราะขนาดพื้นที่ค่อนข้างแคบ.. ยูกิเลยต้องไปยืนเบียดกับซาโอริที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว

              “ อะ...อื้ม...” เสียงหวานหลุดออกมา... ซาโอริยังคงก้มหน้าล้างจานต่ออย่างตั้งใจ ไม่กล้าเงยหน้าสบตากับคนข้างๆ.. ทั้งคู่ต่างคนต่างทำในส่วนของตน ความเงียบที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ใครอึดอัด... แต่มันคือความเงียบที่ทั้งซาโอริและยูกิต่างก็พอใจ

              “ อ๊ะ... โทษนะ” ยูกิเอ่ยเบาๆเมื่อมือของเธอจับเข้ากับมือของใครอีกคนที่กำลังช่วยล้าง ซาโอริรีบชักมือออกอย่างตกใจ.. ขณะที่มือของยูกิกลับจับแน่นที่มือกับตันไม่ยอมปล่อย..

              .////.” ซาโอริเงยหน้ามองคนข้างๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายหน้าแดงอีกครั้งเมื่อเธอที่ตัวสูงกว่าคนข้างๆ พอเงยปุ๊บ.. มันก็ไปเฉียดเข้ากับแก้มของใครบางคนโดยไม่ตั้งใจ แก้มของใครอีกคนที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเรายืนใกล้กันขนาดไหน

              “ ซาโอริไปอาบน้ำเหอะ.. ที่เหลือเค้าจัดการต่อเอง” ยูกิบอกคนข้างๆที่เหมือนจะอึ้งๆอะไรซักอย่าง..

              “ อื้ม... งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ” ซาโอริพูดก่อนจะพลิกตัวเพื่อจะกลับเข้าไปด้านใน

             

              กึก !!

              มือของยูกิที่ยังคงจับอยู่กับมือเธอไม่ปล่อย.. มันทำให้ซาโอริรู้สึกดีและไม่อยากปล่อย แล้วในตอนนี้มันก็ยังคงจับแน่นอยู่ที่มือของเธอ ทั้งๆที่เจ้าของมือเป็นคนบอกให้เธอไปอาบน้ำ

              “ อย่าอาบนานนะ.. เดี๋ยวไม่สบาย” ยูกิพูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาสงสัยของคนตรงหน้า ก่อนจะปล่อยมือของคนตรงหน้าให้เป็นอิสระ แล้วกลับไปล้างจานต่อ

             

              ..ให้ตายสิ... ยูกิ เธอกำลังจะทำให้ชั้นแย่นะ... เธอรู้มั้ยว่าสิ่งที่เธอทำ สิ่งที่เธอพูด มันกำลังทำให้ชั้นรู้สึกดี... มือเรียวจับมืออีกข้างที่ถูกใครอีกคนจับไว้เมื่อครู่แน่น ก่อนจะยกมันขึ้นมาแนบกับหัวใจ... รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้า... จนเห็นได้อย่างชัดเจน

              ซาโอริยืนมองตัวเองในกระจก... มองคนที่กำลังหน้าแดงด้วยความดีใจ ที่ในวันนี้มันมีอะไรเกิดขึ้นมากมายซะเหลือเกิน.. มันมากมายซะจนคำว่าเพื่อนที่เธอคอยย้ำกับตัวเอง.. แทบจะไม่สามารถหยุดกลั้นความรู้สึกของเธอได้อีกแล้ว

              เธอจะทำยังไงดีนะ... ถ้าหากเธอพูดอะไรออกไป.. แล้วมันไม่ใช่..ทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิมอยู่ได้มั้ย... ถ้าหากเธอบอกว่ารัก.. แล้วยูกิบอกว่าไม่... ทั้งเธอและยูกิจะยังคงเป็นอย่างที่เป็นในทุกวันนี้ได้อีกมั้ยนะ

     

              หลายอาทิตย์ต่อมา...

              ในห้องพักนักกีฬา ที่เวลานี้ยูกิกำลังเช็ดผมให้ซาโอริอยู่หน้าโทรทัศน์... ซาโอรินั่งอยู่กับพื้นข้างล่าง... ในขณะที่ยูกินั่งอยู่บนโซฟา.. สายตาของยูกิมองที่กลุ่มผมนุ่มที่กำลังเช็ดสลับกับจอโทรทัศน์

              “ ยูกิ..” ซาโอริที่คิดอะไรมาหลายวันตัดสินใจว่าวันนี้แหละ... ที่เธอต้องถามซักที

              “ ฮะ..” มือที่กำลังเช็ดผมอยู่หยุดชะงัก ด้วยรอฟังสิ่งที่อีกคนข้างล่างกำลังจะพูด

              “ ยูกิว่า... คนที่เคยเป็นเพื่อนกัน..จะกลายมาเป็นแฟนกันได้มั้ย” ซาโอริถาม และรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่จอโทรทัศน์

              “ ได้สิ.. ทำไมจะไม่ได้ล่ะ..”

              “ แล้ว... ถ้ายูกิแอบรักเพื่อนตัวเอง.. ยูกิจะบอกเพื่อนมั้ย” ซาโอริเงยหน้าถาม

              “ บอกสิ... ทำไมหรอ”

              “ แล้วยูกิไม่กลัวหรอว่า... ถ้าบอกไปแล้ว.. ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม”

              “ กลัวสิ !!

              “ แล้วทำไมยูกิถึงบอกเพื่อนล่ะ...”

              “ ก็เพราะ... เค้าคงเสียใจมากกว่าถ้าไม่ได้บอกแหละมั้ง..”

              “ แต่ถ้าสมมติว่าเพื่อนคนนั้นเค้าไม่ได้ชอบยูกิล่ะ”

              “ ก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมสิ...”

              “ แต่มันจะเป็นเหมือนเดิมได้หรอ..”

              “ ไม่ได้หรอก..” ยูกิพูดขึ้น

              “ แล้ว..”

              “ มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกนะซาโอริ... ไม่ว่าซาโอริจะบอก.. หรือไม่บอก... ทุกอย่างมันก็ไม่เคยเหมือนเดิม.. แล้วถ้าซาโอริรักใคร.. ซาโอริก็ควรจะบอกนะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอก... รู้มั้ย” ยูกิเตือนพร้อมกับมือที่ลูบผมนุ่มอย่างพอใจ

     

              “ แล้ว.. ยูกิเคยรักใครมั้ย..” ซาโอริตัดสินใจถามออกไป.. ทั้งๆที่ในใจก็แอบลุ้นว่าคนตรงหน้าจะมีใครอยู่ข้างในแล้วหรือยัง

              “ เคยสิ..” แต่คำตอบที่ได้ยินกลับทำให้ใจของซาโอริห่อเหี่ยว.. มือเรียวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง... ใบหน้าที่นิ่งเมื่อครู่ก็เจือไปด้วยแววผิดหวัง... เมื่อรู้ว่าคนที่เธอรัก... ก็รักใครอีกคน

              “ ใครหรอ..” แต่ด้วยความอยากรู้... ก็ทำให้ซาโอริตัดสินใจถามออกไป

              “ ทำไมหรอ...” ยูกิย้อนถามกลับ

              “ เปล่าหรอก.. เราแค่... อยากรู้ว่ายูกิรักใครน่ะ”

              “ ....” ยูกิคิ้วขมวดนิดหน่อยเมื่อน้ำเสียงของอีกคนฟังดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก..

              “ แล้ว... เค้ารักยูกิมั้ยล่ะ... คนนั้นน่ะ” เสียงหวานที่ดังขึ้นอีกครั้งเริ่มสั่นเครือจนยูกิสงสัย.. แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา

              “ คงจะรักอยู่แล้วล่ะเนอะ... ก็ยูกิน่ารักนี่.. ใครบ้างจะไม่รักล่ะ จริงมั้ย” ซาโอริยังคงพูดต่อเมื่อยูกิเงียบเสียง

              “ ไม่รู้หรอก... เราไม่เคยบอกเค้าน่ะ” ยูกิพูดขณะที่ทรุดตัวลงมานั่งที่พื้นข้างๆซาโอริ

              “ ทำไมล่ะ...” ซาโอริเงยหน้าถามอย่างแปลกใจ

              “ ก็... เราก็เหมือนซาโอรินั่นแหละ.. กลัวคำตอบ” ยูกิอธิบาย...

              “ หรอ.. งั้น... ยูกิก็พยายามเข้านะ เราเป็นกำลังใจให้..” ซาโอริเอ่ยออกมาก่อนจะก้มหน้าลงซบกับขาที่ยกขึ้นมาชันเข่าทั้งสองข้าง ด้วยไม่อยากให้ยูกิเห็นว่าตอนนี้น้ำตาเธอกำลังไหลออกมาช้าๆ

              “ อื้ม.. ขอบใจนะ” ยูกิที่เห็นคนโตก้มหน้าชันเข่าเหมือนไม่อยากคุยต่อก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงนั่งพิงกับโซฟาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเหมือน คนที่ให้กำลังใจตัวเองเมื่อตัดสินใจได้

     

              “ ซาโอริ..” ยูกิส่งเสียงเรียกคนที่ก้มหน้านั่งอยู่ข้างๆ

              “ หืม...” เสียงหวานดังขึ้น แต่ก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมอง

              “ ถ้ายูกิตัดสินใจบอกรักแล้วอกหัก.. ซาโอริจะอยู่เป็นเพื่อนยูกิใช่มั้ย..” ยูกิถามออกมาอย่างกังวลใจ

              “ อยู่สิ.. เราไม่ทิ้งยูกิไปไหนหรอก..” แม้ว่าเราอาจจะเจ็บมากก็ตาม ซาโอริได้แต่คิดในใจ

              “ งั้น... ยูกิตัดสินใจแล้ว..” ยูกิพูดขึ้น

              “ ตัดสินใจเรื่อง..” ซาโอริเงยหน้าขึ้นถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ลืมเช็ดน้ำตาออกก่อน โชคดีที่ตอนนี้ทั้งห้องมีเพียงแสงจากโทรทัศน์เท่านั้น มันก็เลยช่วยอำพรางรอยคราบน้ำตาได้เป็นอย่างดี

              “ บอกรักไง..”

              “ อ๋อ... อื้ม.. สู้ๆนะ ยูกิทำได้อยู่แล้วล่ะ” ซาโอริพยายามฝืนให้กำลังใจคนตรงหน้า ทั้งๆที่ในใจกำลังแย่ ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ..

              “ ซาโอริว่ายูกิจะสมหวังมั้ย..” ยูกิถามดวงตาเศร้าๆ

              “ สมหวังสิ... ยูกิซะอย่าง ต้องสมหวังอยู่แล้วล่ะ..” ซาโอริเอื้อมมือมากุมมือยูกิชูขึ้นอย่างให้กำลังใจ

              “ ซาโอริคิดงั้นหรอ..” ยูกิมองมือที่กำลังโดนกุมอยู่อย่างไม่แน่ใจ

              “ อื้ม... ทำไมจะไม่สมหวังล่ะ...” ซาโอริย้อนถามอย่างให้กำลังใจ

     

              “ งั้น.. ถ้าเค้าบอกว่า.. คนที่เค้ารักคือซาโอริ.. ซาโอริคิดว่าเค้าจะสมหวังมั้ย??” ยูกิบิดมือที่ถูกกุมอยู่เป็นฝ่ายกุมมือใครอีกคนแทน... ดวงตาเศร้าๆจ้องไปยังนันย์ตาหวานของใครอีกคนที่ตอนนี้กำลังคลอไปด้วยหยดน้ำใสๆ

     

              “ ว่าไงล่ะ.. ซาโอริ ถ้าเค้าบอกว่าคนที่เค้ารักคือซาโอริ... เค้าจะอกหักมั้ย..” ยูกิถามย้ำอย่างต้องการคำตอบ คำตอบจากปากของคนตรงหน้าที่ตอนนี้มองเค้าราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เค้าพูด

              “ เค้าไม่รู้นะว่าซาโอริชอบ.. หรือแอบรักใครอยู่ แต่ถ้ามันไม่มากเกินไป... ช่วยเปลี่ยนจากใครคนนั้น มาเป็นเค้าคนนี้แทนได้มั้ย...” ยูกิมองเข้าไปในตาของคนตรงหน้าอย่างเว้าวอน

              “ ซาโอริ.. ตกลงเป็นแฟนกับเค้านะ”

     

              พรึ่บ !!

              “ คนบ้า !!” นั่นคือคำเดียวที่ยูกิได้ยิน หลังจากที่คนตรงหน้าโถมเข้ามากอดเค้าทันทีที่เค้าพูดจบ คนโตที่กำลังตัวสั่นน้อยๆจากแรงสะอื้น ยูกิรับรู้ได้ถึงความชื้นบริเวณบ่าที่เกิดจากน้ำตาของใครอีกคน.. แต่มือเรียวก็ยังคงยกขึ้นสวมกอดแน่นไม่ยอมปล่อย.. ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะระบายบนใบหน้า

              “ คนที่เค้ารัก.. ก็ยูกินั่นแหละ”

    ____________________
    มาต่อแล้วค่ะ ^^
    ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ กำลังใจ และการติดตามเสมอมานะคะ
    (โค้งงามๆ 90 องศา ฮ่าๆๆ)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×