คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : SF..T^T
문득 떠올리는 건 너만의 미소
สิ่งที่ฉันจำได้ขึ้นมาในทันทีคือรอยยิ้มของเธอ
자꾸 지우려고 애써도 선명할 뿐이야
ฉันเอาแต่พยายามลบเลือนมันไป แต่มันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
Love
ความรักเอย
함께 나눈 수많았던 얘기들 지난 일인걸
เรื่องราวทั้งหมดที่เราเคยแบ่งปันด้วยกันมา ตอนนี้มันหลับไหลอยู่ในอดีต
....... ฮารุกะ .......
ป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างนะ..
เธอจะทำอะไรอยู่...
จะยิ้ม... จะหัวเราะ... หรือร้องไห้...
แล้วมีใครนั่งอยู่.. ข้างๆเธอมั้ย...คนดี
เสียงสะท้อนดังขึ้นในความคิดของมิยู... สายตาคมทอดยาวไปตามสายน้ำที่ไม่มีวันไหลกลับ...
เหมือนกันกับเรื่องของเค้ากับเธอ.. ที่ไม่มีวันย้อนคืน
......................................................
...............................
“ ...มิยู.. อย่าไปเลยได้มั้ย..”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อสายตาคมที่ทอดมองลงมาแฝงไปด้วยความคลางแคลงใจและไม่เข้าใจ..
“ ทำไมล่ะ..??”
เสียงทุ้มถามกลับอย่างสงสัย.. เพราะร่างบางก็รู้ดีว่า ไม่ช้าก็เร็ว.. เค้าก็ต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอยู่ดี.. เพียงแต่ว่า... เพราะป๊ากับม๊าอยากให้เค้ารีบกลับมารับช่วงกิจการต่อ กำหนดการมันก็เลยเร่งรัดจนเค้าต้องไปทันทีหลังจบการศึกษา
“.. แล้วมิยูไม่อยากอยู่กับเราหรอ...”
ดวงตาหวานสั่นระริก คลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆที่มารวมตัวกันด้วยน้อยใจในคนรัก.. ที่ทำเหมือนจะไม่อยากอยู่ด้วยกัน
“... มันคนละเรื่องกันนะตัวเล็ก..”
ร่างสูงพยายามอธิบายอย่างใจเย็นและใช้เหตุผล.. เพราะตัวเล็กยังเด็ก.. คงเข้าใจอะไรเหมือนในแบบที่ผู้ใหญ่คิดได้ยาก
“ ... มันคนละเรื่องตรงไหน\.. ถ้ามิยูไม่อยากอยู่ด้วยกัน... ทำไมไม่บอกดีๆล่ะ”
เสียงหวานตวาดกล้า.. เมื่อสายตาที่ร่างสูงมองมาเหมือนเธอเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรยาก
เธอรู้ดีว่ามิยูมีความจำเป็น มีภาระ หน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ... มีความหวัง.. และความกดดันที่ต้องแบกรับ
...แล้วเธอล่ะ.. เธอเป็นอะไร...
เป็นคนรัก.. เป็นเพื่อน.. เป็นน้อง...
... หรือเป็นแค่คนรู้จักกัน... ทำไมร่างสูงไม่บอกล่วงหน้าให้เธอได้เตรียมใจบ้าง...
“ ตัวเล็ก.. เข้าใจหน่อยสิคะ อย่าเพิ่งโมโหนะคนดี..”
เมื่อเห็นร่างบางเริ่มอารมณ์เสีย.. ด้วยเพราะว่าถูกตามใจมาตลอด ทั้งจากที่บ้าน จากเพื่อน... และจากตัวเค้าเอง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย... ที่มิยูจะรู้ว่าต้องรับมือกับอารมณ์ของคนตรงหน้ายังไง
“ เข้าใจๆๆๆ.. ฮารุกะไม่เข้าใจตรงไหน
มิยูไม่อยากอยู่กับเราทำไมไม่บอกกันตรงๆ...
ไหนมิยูเคยบอกว่าจะรอเราเรียนจบแล้วไปพร้อมกัน..
... จู่ๆ มิยูก็เดินมาบอกเราว่า.. พรุ่งนี้จะไปเรียนต่อที่เมกานะ
เป็นมิยู.. มิยูจะตอบยังไง..
มิยูจะให้เราบอกว่า.. อื้ม.. เดินทางดีๆนะ.... เดินทางปลอดภัยนะ.. ตั้งใจเรียนนะ
เราไม่เป็นไรนะ...
เราทำไม่ได้หรอก..”
เสียงหวานตวาดกล้าใส่หน้าร่างสูงอย่างกลั้นอารมณ์ไม่อยู่... เมื่อวานยังไปดูหนังด้วยกันอยู่ดีๆ พอมาวันนี้..มิยูเดินมาบอกว่าจะขึ้นเครื่องพรุ่งนี้.. เป็นใครก็รู้สึกแย่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ
“ ...ฮารุกะ...”
ร่างสูงได้แต่ยืนนิ่งมองร่างบางที่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากหน้า.. เสียงฟืดฟาดและก้อนสะอื้นที่เจ้าของร่างบางพยายามกลั้นเอาไว้.. ทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะดึงร่างนั้นเข้ามากอด
“ .. ขอโทษนะ..”
“ ... เราไม่ให้อภัย...”
เสียงอู้อี้ดังขึ้นจากอ้อมกอดที่พอจับใจความได้.. มือบางโอบรัดร่างสูงแน่นราวกับกลัวว่า ถ้าปล่อยมือแล้ว... ร่างสูงจะหายไป
“ ฮารุกะ..เข้าใจมิยูนะ”
เสียงทุ้มกว่าดังขึ้นขณะที่จมูกโด่งกดลงที่กลางกระหม่อมบาง.. ดวงตาคมปิดสนิทเพื่อไล่น้ำตาที่คลอขึ้นมาในหน่วยตาไม่ต่างจากคนในอ้อมกอดเท่าไหร่นัก
... จะให้มิยูทำยังไง.. ในเมื่อมันเป็นคำสั่งจากป๊ากับม๊า... ไม่ใช่คำถาม...
“ ระ..เรา... เราไม่ไหวหรอกนะมิยู.. ถ้าระหว่างนี้มิยูมีคนอื่น..
หรือมิยูไปเจอใครที่ดีกว่าเรา...
... เราจะเป็นยังไงมิยูคิดบ้างมั้ย..”
เสียงหวานเอ่ยถามออกมา.. ดวงตาหวานใสที่แดงก่ำจ้องมองใบหน้าคมอย่างต้องการคำตอบ..
“ ..เราจะไม่มีใคร... จะมีแค่มิยาชิตะ ฮารุกะคนเดียวในหัวใจ...
...เราสัญญา...”
เสียงทุ้มกว่าให้คำมั่น.. ดวงตาคมทอประกายกล้า..
แต่มันคงไม่พอที่จะยืนยันให้ร่างบางแน่ใจ...
“ ... เราเลิกกันเหอะ...”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น.. ก่อนที่เจ้าของจะตัดสินใจเอ่ยคำที่ขัดกับความต้องการของตัวเองขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้...
...ในเมื่อการรอคอยมันทรมาน...
.... งั้นเราก็อย่ารั้งกันและกันไว้ด้วยคำสัญญาเลย...
“ ...........”
ครั้งนี้ก็คงเป็นเช่นเดิม.. ที่นากาโอกะ มิยูจะทำทุกอย่างที่ร่างบางต้องการ..
มิยูได้แต่ยืนนิ่งมองดูร่างบางเดินจากไป...
ก่อนที่จะรู้ตัวว่า.. น้ำตาที่กลั้นเอาไว้... มันไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดได้
.............................................
...........................
“ มิยู... วันนี้ไปยูบาร์กัน พวกซาร่าชวน... เลี้ยงทิ้งท้ายเรียนจบไง”
ยูกิที่เดินตามหาร่างสูงซะจนทั่วมหาลัย จนมาเจอกับมิยูที่นั่งทอดสายตาเหม่อมองสายน้ำที่ไหลออกไปด้านหลังมหาลัย ก็ไม่รอช้าที่จะส่งเสียงชวนมาแต่ไกลโดยไม่ได้สนใจเลยว่าร่างสูงจะสนใจฟังรึไม่
... ก็เสียงดังขนาดนี้ มันจะไม่ได้ยินได้ยังไง...
“ อื้ม.. เอาสิ”
มิยูเพียงหันกลับมาตอบคำชวนเพื่อนสนิทสั้นๆ... ก่อนจะหันหน้ากลับไปทอดสายตาที่สายน้ำอีกครั้ง
ขณะที่หัวใจ... ก็ล่องลอยย้อนกลับไปหาใครบางคนในอดีต
................................................
............................
“ มิยูๆ.. มิยูหาที่นี่เจอได้ไงอ่ะ...
...สวยจัง...^^”
เสียงหวานดังขึ้นอย่างตื่นเต้น.. เมื่อร่างสูงขับรถพาเธอมาไกลถึงนอกเมือง...
ก่อนที่มือหนาจะจับมือบางแล้วดึงให้เดินตามมาโดยไม่บอกซักคำว่าจะพาไปที่ไหน
“ ..ฮารุกะชอบมั้ย..”
สีหน้าที่บ่งบอกถึงความตื่นเต้นและยินดีของร่างบางข้างๆ.. ก็เป็นคำตอบได้อย่างดีแล้วว่าฮารุกะชอบสถานที่นี้ขนาดไหน ...เผลอๆ..อาจจะชอบมากกว่าเค้าด้วยซ้ำไป
... คิดถูกจริงๆที่พาตัวเล็กมา...
“ ...สวยจัง !!”
เสียงหวานดังขึ้นอย่างเพ้อๆ... เมื่อแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าตกกระทบกับผืนน้ำเบื้องหน้าเกิดเป็นประกายริบระยับราวกับมีเพชรนับล้านเม็ดวางอยู่บนนั้น
“ ... ใช่... สวยมากด้วย...”
มิยูเอ่ยย้ำคำพูดของคนตัวเล็ก.. แต่เหมือนสิ่งที่มิยูหมายถึงจะไม่ใช่ผืนน้ำเบื้องหน้าที่ร่างบางกำลังมองอยู่
... แต่หมายถึงแก้มใสๆที่พอโดนแสงแดดมันก็อมชมพูจนน่ามอง ส่งผลให้คนน่ารักที่น่ารักอยู่แล้ว.. ยิ่งน่ารักมากขึ้นไปอีก
“... อ๊ะ.. เค้าหมายถึงทะเลสาบต่ะหาก..”
เมื่อถูกจ้องนานเข้า.. ก็เหมือนร่างบางจะรู้สึกตัว...
มือบางจับหน้าคมให้หันไปมองทิศทางเดียวกับที่ตัวเองมองอยู่.. ใบหน้าหวานมุ่ยขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะขึ้นสีระเรื่อ...
“ แต่เราหมายถึงฮารุกะนะ..”
“ ...บะ.. บ้า .///.
พอเลย... มิยูเป็นไรมากปะเนี่ย ฮะ..”
เสียงหวานเสเปลี่ยนเรื่องให้พ้นจากหัวข้อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกหายใจไม่ทันกับการเต้นของหัวใจ..
“ ... ไม่ได้เป็นไร...
.... แต่อยากเป็นแฟน... ได้มั้ย...”
ไม่ถามเปล่า.. มือหนาเอื้อมมือส่งนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวก้อยกับร่างบางข้างๆอย่าเว้าวอน..
หน้าคมยังคงจับจ้องไปที่ทะเลสาบตรงหน้าอย่างที่ร่างบางอยากให้ดู... ราวกับว่าการพูดเมื่อครู่เป็นเพียงการพูดเรื่องดิน ฟ้า อากาศทั่วไป
“ ........”
ร่างบางยังคงยืนนิ่งไร้เสียงตอบรับ.. ด้วยเพราะกำลังพยายามกลบเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวอยู่ไม่ให้ร่างสูงได้ยิน..
“ ... ให้เราได้เป็นคนดูแลฮารุกะนะ... ได้มั้ย..”
เสียงทุ้มเอ่ยซ้ำอีกครั้ง.. ราวกับต้องการเร่งเร้าคำตอบจากปากบางที่เม้มเข้าหากันสนิทนั่น...
“ อื้ม..”
เสียงแผ่วเบาที่หลุดออกมาจากลำคอ.. หากไม่ตั้งใจฟังก็คงดูคล้ายกับเสียงลมพัด...
แต่สำหรับคนที่รอคอยคำตอบแล้ว... เสียงเพียงแค่นั้น...
มันก็ประกาศก้องชัดเจนในหัวใจ...
........... นั่นคือวันแรกที่นากาโอกะ มิยู ได้มีมิยาชิตะ ฮารุกะมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต....
...........................................
........................
“ ฮารุกะ.. ไปกันเหอะ”
มินามิส่งเสียงเรียกเพื่อนสนิท.. ที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์รอระหว่างที่เธอเดินไปส่งงานอาจารย์ที่ห้อง..
“ อื้ม..”
มือบางหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพาย... ถึงแม้ว่าใครจะมองว่ามันดูเท่เกินไป ไม่เหมาะกับเด็กหน้าหวานแบบเธอ.. แต่ใครจะสนล่ะ ในเมื่อ..มิยูไม่เคยว่าอะไร
.... ทำไมถึงลืมไม่ได้ซะทีนะ...
ฮารุกะได้แต่คิดในใจ... เมื่อพบว่า 2ปีที่ผ่านมา... แม้ว่าจะจบกันไปแล้ว
แต่คนที่ชื่อว่า.. นากาโอกะ มิยู.. ไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของเธอเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ นี่..ฮารุกะฟังชั้นอยู่รึเปล่า”
เสียงมินามิดังแทรกขึ้นมาในความคิด.. จนร่างบางต้องหันไปสนใจ ก่อนเรียวปากบางจะฉีกยิ้มให้อย่างขอโทษ.. ที่มัวแต่คิดอะไรเพลินจนไม่ได้ฟังสิ่งที่เพื่อนพูดเลย
“ โธ่..ฮารุกะ ยังไม่ลืมพี่มิยูอีกหรอ.. มัน 2 ปีแล้วนะ”
มินามิบ่นกระปอดประแปด.. เพราะเธอรู้ดีว่าที่เงียบไป ฮารุกะกำลังนึกถึงใครอยู่...
.. ถึงแม้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา.. จะมีคนเข้ามาให้เลือกคบมากมาย...
สุดท้าย... ฮารุกะก็จะเดินกลับมาบอกเธอว่า...
... มันไม่ใช่ ...
ซึ่งถ้าถามเธอว่า.. แล้วใครจะใช่สำหรับฮารุกะล่ะ
คำตอบก็คงมีแค่ นากาโอกะ มิยูเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละมั้ง.. ที่กินพื้นที่ในหัวใจเพื่อนของเธอ.. จนมันหยั่งรากลึกเกินจะถอนไปเสียแล้ว
เธอยังจำวันนั้นได้ดี....วันที่ฮารุกะมาเคาะประตูบ้านเธอ ก่อนจะโผเข้ากอดเธอแน่นแล้วร้องไห้ไม่หยุด
.. จนผ่านไปเกือบครึ่งคืนนั่นแหละ.. ถึงได้พูดรู้เรื่อง...
“ มินามิ.. คะ.. ฮึก.. เค้าเลิกกับมิยูแล้ว..”
เธอจำได้ดี.. สภาพฮารุกะตอนนั้นดูไม่ได้เลย ใบหน้าที่เคยอมชมพูกลับซีดเซียวเพราะเจ้าตัวเอาแต่นั่งร้องไห้ ข้าวปลาไม่ยอมกิน.. ดวงตาแดงก่ำจนน่ากลัว... แถมเสียงสะอื้นที่ดังตลอดเวลาปานจะขาดใจ
มันทำให้เธออดที่จะโกรธพี่มิยูไม่ได้...
กว่าฮารุกะจะกลับมาในสภาพเดิมได้ก็กินเวลาไปเกือบ 3 เดือน... เป็น 3 เดือนที่เธอต้องคอยไปรับไปส่งด้วยเพราะความห่วงใยในสุขภาพและการเดินทางของร่างบางที่ดูเหมือนสติจะไม่อยู่กับตัว
และอีกเหตุผลนึงก็เพราะ..
... ฝากดูแลฮารุกะด้วยนะ จาก..นากาโอกะ มิยู
....................................................
.....................................
“ มิยูคะ... ไปเต้นด้วยกันมั้ย”
เสียงเพื่อนสาวร่วมชั้นที่ดูเหมือนจะสนใจในตัวร่างสูงไม่น้อยดังขึ้น ก่อนที่ร่างอวบจะทรุดลงข้างๆมิยูโดยไม่เอ่ยคำขออนุญาต
“ เธอไปเถอะ.. เรายังไม่อยากเท่าไหร่”
มิยูตอบอย่างไม่ใส่ใจ.. ก่อนที่มือหนาจะคว้าแก้วที่ใส่น้ำสีอำพันขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด..
“ น่านะมิยู.. เราอยากให้มิยูไปเต้นด้วยกัน.. นะคะ”
เมื่อมิยูไม่ยอมไปด้วย สาวเจ้าก็ไม่ยอมเช่นกัน.. มือบางคล้องเข้ากับแขนร่างสูงก่อนที่จะเบียดร่างของตนเข้าหาคนที่ตอนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังทำงาน
“ อย่ามายุ่งกับเราได้มั้ย.. ขอร้อง”
เย็นชา.. อย่างที่เค้าลือกันจริงๆด้วยสินะนากาโอกะ มิยู
.... นากาโอกะ มิยู คนเย็นชา.. ที่ลืมหัวใจไว้กับอีกคน....
...........................................................
...................................
“ ฮารุกะ.. วันนี้รุ่นพี่ทาเกะก็มาหาอีกแล้วใช่มั้ย..”
มินามิถามเพื่อนที่กำลังนั่งอ่านการ์ตูนอยู่หลังห้องอย่างสบายใจ..
“ อื้ม..”
เสียงหวานตอบโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากหน้าหนังสือแม้แต่น้อย..
... ก็มันกำลังสนุกนี่นา...
“ ยังไม่ใจอ่อนอีกหรอ... พี่เค้าตามจีบเธอมานานแล้วไม่ใช่หรอ..”
มินามิวางคางลงแนบกับโต๊ะเรียน ก่อนจะดึงหนังสือออกจากมือบางแล้วเอ่ยถาม...
“ ...เธอก็รู้ไม่ใช่หรอว่าทำไม...”
ฮารุกะเอ่ยขึ้นเสียงสั่นเครือ.. ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบเมื่อครู่มากนัก
แต่ใครจะรู้ล่ะ.. ว่าจริงๆแล้ว...ความรู้สึกข้างใน... มันเจ็บปวดเพียงใด
.... คิดถึง... ทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ์....
.... มันผิดมั้ย....
“ ชั้นรู้... แต่คนเราต้องก้าวไปข้างหน้านะฮารุกะ
แกจะนั่งรอพี่เค้ากลับมาตลอดไปไม่ได้หรอก...
ถามจริงๆนะ.. การรอคอยที่ไร้จุดหมายของแกน่ะ
... มันมีความสุขมากหรอว่ะ...”
มินามิถามเพื่อนตรงๆ.. ไม่ใช่เพื่อตอกย้ำ... แต่เพื่อเตือนให้ร่างบางรู้ว่า.. ระหว่างทางที่รอคอย... ฮารุกะอาจจะพลาดอะไรบางอย่างที่สำคัญไปก็ได้...
... ไม่เลย... การรอคอยที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่..
... ไม่รู้ว่ารอไปเพื่ออะไร... มันไม่เคยมีความสุขเลย....
“ ขอโทษนะมินามิ...”
เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นสั่นเครือ.. น้ำใสๆคลออยู่ที่หน่วยตาก่อนจะไหลลงมา ใบหน้าหวานที่ดูหม่นลงกว่าแต่ก่อนทำให้มินามิพูดไม่ออก ได้แต่ลุกขึ้นมากอดเพื่อนไว้แน่นอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
.... พี่มิยู คนที่พี่ฝากให้ดูแล.. เค้าจะแย่แล้วนะ.. รีบๆกลับมาซักทีสิคะ...
..................................................
................................
“ มิยู.. แกจะกลับญี่ปุ่นเมื่อไหร่..”
ยูกิเอ่ยถามเพื่อนสนิท.. สายตาเรียวหรี่มองสิ่งที่อยู่ในมือเพื่อนก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้าง
“ นี่แก.. ไม่ได้ให้ฮารุกะไปหรอ...”
สิ่งที่ยูกิหมายถึง.. คงจะเป็น ตั๋วเครื่องบิน...
ตั๋วเครื่องบินที่นากาโอกะ มิยูซื้อไว้สำหรับใครอีกคน.. ที่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสได้ใช้..
เพราะช่องทางที่จะได้ใช้... มันปิดลงไปตั้งแต่เรื่องราวทุกอย่างจบลงแล้ว...
“ ไม่มีโอกาสน่ะ..”
ดวงตาคมจ้องตั๋วในมืออย่างครุ่นคิด...
... ถ้าวันนั้นทุกอย่างไม่จบลง... พี่ก็คงทำได้มากกว่านั่งจ้องตั๋วใช่มั้ย.. ตัวเล็ก...
“ มิยู... แก...”
ยูกิได้แต่ตบหลังเพื่อนเบาๆ เมื่อรู้ดีว่าต่อให้สรรหาคำพูดที่ดูดีขนาดไหนมาพูดมันก็คงไม่มีประโยชน์... เพราะแต่ไหนแต่ไรมา.. คนที่มิยูพร้อมจะฟังโดยไม่มีเงื่อนไขมีเพียงคนเดียวนั่นก็คือ... มิยาชิตะ ฮารุกะ
“ ยูกิจะเข้าบริษัทมั้ยวันนี้..”
ด้วยเพราะทั้งคู่เป็นทายาทเจ้าของบริษัทอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่แห่งญี่ปุ่น.. การใช้ชีวิตและความรับผิดชอบจึงต่างกัน.. ทั้งมิยูและยูกิต่างก็โตมาในฐานะลูกคนเดียวของทั้งสองบริษัท แต่แปลก..แทนที่ทั้งคู่จะเป็นคู่แข่งกัน.. ทั้งคู่กลับเป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแทนกันได้
และเพราะว่าโตมาด้วยกัน.. ทำอะไรเหมือนๆกัน... ยูกิและมิยูจึงรู้เรื่องของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี..
“ เข้าๆๆ.. วันนี้ซาโอริจะเข้ามาถ่ายโฆษณาที่บริษัท แกก็รู้ว่าชั้นน่ะ.. หลงรักนางฟ้าแห่งวงการวอลเลย์คนนี้เข้าเต็มเปา.. ไม่เข้าก็พลาดดิ่ว่ะ”
.... วันนี้แหละ.. จะทำให้แม่เสือกลายเป็นแมวเชื่องๆให้ได้เลย ฮ่าๆๆ...
“ อย่าไปกวนเค้ามากนะแก.. เดี๋ยวเค้าจะรำคาญเอา..”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนสนิท
... เตือนให้ตาย.. ยูกิก็คงไปแหย่ยัยนั่นอยู่ดี...
“ เออน่า.. เดี๋ยวจะเอาแมวมาเป็นเพื่อนสะใภ้แกให้ได้เลย คอยดู..”
ยูกิบอกเพื่อนอย่างหมายมั่น.. ก่อนจะขอตัวออกไปทำธุระข้างนอก
“ ยูกิ.. ชั้นจะกลับญี่ปุ่นพรุ่งนี้นะ..”
มิยูที่เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ตะโกนไล่หลังอีกฝ่ายไป ทันเห็นยูกิโบกมือให้ทั้งที่หันหลังอยู่เป็นเชิงว่ารับรู้แล้ว
...........................................................
........................................
... จะเปลี่ยนไปมากมั้ยนะคนดี...
มิยูคิด.. ขณะที่หยิบนิตยสารที่เกี่ยวกับวงการวอลเลย์ของญี่ปุ่นขึ้นมาดู.. หน้าปกที่เป็นรูปของใครบางคนกำลังยิ้มกว้างให้กล้อง... แต่ถ้าเดาไม่ผิด... ดวงตาสวยคู่นั้นไม่ได้ยิ้มตามไปด้วยเลย
... ยังคิดถึงกันบ้างมั้ยนะคนดี...
มือหนาลูบที่หน้าปกช้าๆอย่างเลื่อนลอย.. ก่อนจะถอนหายใจแล้วกลับไปตั้งใจเก็บกระเป๋าเดินทาง
...............................................................
......................................
... มิยู.. จะลืมเรารึยังนะ....
ดวงตากลมโตมองขึ้นไปบนท้องฟ้า.. ใบหน้าสวยที่เวลานี้ดูหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักลดลงเลยซักนิด...
“ เธอต้องเดินต่อไปนะฮารุกะ... เฝ้าแต่รอโดยไม่มีจุดหมายอย่างนี้.. มันจะมีประโยชน์อะไร..”
เสียงคำพูดของเพื่อนสนิทดังขึ้นในความคิด...
ใครไม่เคยเป็นคนรอคงไม่มีทางรู้หรอก.. ว่าการจะเลิกรอ มันยากขนาดไหน..
... ทุกวันนี้... ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากก้าวต่อไปข้างหน้า...
... แต่เธอไม่รู้จะก้าวต่อไปได้ยังไง... ในเมื่อ...
.... ทางข้างหน้าที่เธอเคยวางแผนไว้.. มันต้องมีใครอีกคนมาร่วมทาง..
... มิยู.. ถ้าวันนั้นเราไม่เลิกกัน.. วันนี้มันจะเป็นยังไงนะ...
ฮารุกะได้แต่ถามตัวเองในใจ.. เมื่อคนที่เธอต้องการถาม... เค้าอยู่ออกไปไกลแสนไกล.. จนเธอไม่อาจตามไปได้...
... มิยู... การอยู่คนเดียวมันเป็นอย่างนี้ใช่มั้ย...
.... เมื่อไหร่จะกลับมา... ฮารุกะกำลังอ่อนแอนะ...
.. กลับมากอดฮารุกะอีกครั้งได้มั้ย...
........................................................................
....................................................
“ เดินทางดีๆนะมิยู.. ถึงแล้วโทรมาบอกด้วย..”
ยูกิที่มาส่งเพื่อนรักถึงสนามบินกอดร่างสูงอีกครั้ง ก่อนจะตบบ่ามิยูเบาๆแล้วไล่ให้เดินเข้าไปในเกต
.... ฮารุกะ... ให้โอกาสมิยูอีกครั้งนะ...
ร่างสูงที่นั่งจ้องรูปในจอมือถือคิดในใจ.. ก่อนที่ดวงตาคมจะปิดลง.. เพื่อพักผ่อนเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่จะเจอข้างหน้า
...........................................................
“ ฮัลโหล.. พี่มิยู.. รีบๆกลับมาได้มั้ย.. ฮารุกะมันไม่ไหวแล้วนะ..”
เสียงมินามิ เพื่อนสนิทของร่างบางบอกมาตามสายอย่างร้อนรน...
“ ทำไม.. ฮารุกะเป็นไรรึเปล่า...”
มิยูถามเสียงตระหนก.. เมื่อได้ยินว่าคนที่เค้าห่วงใยที่สุด... ไม่ไหวแล้ว...
“ จะเป็นไรล่ะพี่.. 2 ปีนี่มันนานนะ.. เมื่อไหร่จะกลับซักที หนูสงสารเพื่อน.. พี่รีบกลับมาก่อนไม่ได้หรอ..”
มินามิบอกเสียงสั่นเครือ เมื่อนึกถึงเพื่อนตัวเล็กที่ไม่อาจลืมใครอีกคนได้แม้แต่นาทีเดียว...
“ ... พี่...”
มิยูลังเลอย่างไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไรดี.. ในเมื่อเค้ามีกำหนดจะต้องต่อโทที่นี่อีก2-3ปี..
“ พี่มิยู.. หนูไม่รู้หรอกนะว่าพี่ทำใจได้ยังไง...แต่ที่หนูรู้คือเพื่อนหนูมันก้าวต่อไปไม่ได้..
ชีวิตที่มันวางเอาไว้... พี่เป็นส่วนหนึ่งในนั้น...
ถ้าพี่มีเพื่อนหนูเป็นส่วนหนึ่งในแผนเหมือนกัน... ได้โปรด.. กลับมาประคองให้มันก้าวต่อไปที..
ทุกวันนี้มันเอาแต่เล่นวอลเลย์ ไม่สนใจใคร...มันบอกเพียงแค่ว่า วอลเลย์คือสิ่งเดียวที่มันกับพี่รักเหมือนๆกัน
ถ้าพี่ไม่รักมันแล้ว... พี่ก็ช่วยทำอะไรก็ได้ให้มันรู้หน่อยได้มั้ยว่า
ต่อให้รอให้ตาย... พี่ก็ไม่มีทางกลับมา
นะพี่นะ.. หนูขอ...”
เสียงที่แผ่วเบาลงตามความรู้สึก.. ยิ่งตอกย้ำให้มิยูแน่ใจ...
.... รอพี่ก่อนนะฮารุกะ....
...................................................
...............................
“ ฮารุกะ... ไหวมั้ย..”
มินามิถามเพื่อน.. เมื่อเข่าซ้ายที่เจ็บเรื้อรังของเพื่อน เหมือนจะทวีความเจ็บมากขึ้นในวันนี้.. วันแข่งนัดชิงแชมป์ระดับม.ปลาย.. และปีนี้เป็นปีที่ฮารุกะหวังไว้มากที่สุด.. เพราะ...
“ แม่ค่ะ.. ถ้าหนูได้ถ้วย... หนูจะไปเมกานะคะ..”
ฮารุกะเอ่ยกับแม่ขณะที่ช่วยแม่จัดโต๊ะอาหารอยู่..
“ ทำไมเพิ่งมาขอล่ะลูก.. แม่นึกว่าลูกจะขอตั้งนานแล้วซะอีก..”
คนเป็นแม่..ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกเป็นอะไร
ตั้งแต่มิยูไปเมกา.. ลูกของเธอก็ซึมเศร้าตลอดเวลา.. แม้ว่าช่วงหลังๆจะยิ้มได้ หัวเราะได้.. แต่แววตาที่เคยสดใสของดวงใจของบ้าน มันกลับแฝงไปด้วยความหมองเศร้าจนคนเป็นแม่.. อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
“ ไหวมินามิ.. เราไหว..”
ฮารุกะกัดฟันพูด.. แม้ปากจะบอกว่าไหว.. แต่อาการที่เสียดขึ้นมาทุกขณะกลับตรงกันข้าม..
“ ฮารุกะ.. อย่าฝืนเลย”
มินามิน้ำตาคลอ.. เมื่อเห็นเพื่อนพยายามพยุงตัวขึ้นยืน ทั้งๆที่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของตัวเองมันฟ้องชัดขนาดไหนว่าอาการที่เป็นอยู่ มันเริ่มควบคุมไม่ได้แล้ว
“ เราต้องชนะมินามิ.. ชั้นต้องชนะ...”
... เพราะหากไม่ชนะ.. ชั้นก็คงไม่กล้าไปหาพี่มิยู... นั่นคือเดิมพันที่ชั้นพนันไว้กับตัวเอง
ฮารุกะคิดต่อในใจ.. ดวงตาวาวโรจน์ด้วยประกายมุ่งมั่น...
..............................................................
.............................................
“ ฮัลโหล... มินามิอยู่ตรงไหน...”
มิยูเอ่ยถาม.. เมื่อถึงญี่ปุ่น มิยูก็ไม่รีรอที่จะขึ้นรถมาโรงเรียนที่ร่างบางเรียนอยู่.. เพราะเค้ารู้ดีว่าตอนนี้ร่างบางกำลังแข่งนัดสำคัญ...
และเค้าก็อยากเห็น.. ตัวเล็กของเค้า...จะเปลี่ยนไปขนาดไหนกันนะ...
“ #$@^*#@”
ทันทีที่รู้เรื่อง.. มิยูก็รีบวิ่งไปที่ทางออกนักกีฬา...
ทางที่ร่างบางชอบแอบหนีออกมาก่อนเมื่อแข่งเสร็จ.. ด้วยเหตุผล... ก็คนมันเยอะอ่ะ... ฮารุกะไม่ชอบ
...อีกนิดเดียว.. เราจะได้เจอกันแล้วนะตัวเล็ก....
ถ้าถึงตอนนั้น.. ต่อให้ตาย... พี่ก็จะคว้าเธอกลับมาอยู่ในอ้อมกอดให้ได้
....................................................
...........................
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดบอกหมดเวลาการแข่งขัน.. ร่างบางไม่รอรับรางวัลเช่นเคย...
ฝากเพื่อนเก็บของแล้วตัวเองก็หลบออกมาเพื่อจะโทรหาใครบางคน.. ที่อนุญาตให้เธอไปเมกาได้เมื่อวานนี้
กึก..!!
แต่แล้วเท้าร่างบางก็หยุดชะงัก.. เหมือนเข็มนาฬิกาหยุดอยู่กับที่... เมื่อสายตาหวานเหลือบไปเห็นใครบางคนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้
ต้นไม้ต้นเดิม.. ที่เธอและใครอีกคนชอบมานั่งเล่นหลังเลิกเรียน..
ต้นไม้ที่ใครบางคน.. ขอจูบเธอเป็นครั้งแรก
ต้นไม้ที่ใครบางคน... บอกว่านี่จะเป็นจุดนัดพบของเรา
นี่จะเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเรา.. นี่จะเป็นสถานที่ๆมีแค่เราเท่านั้นที่รู้ความหมาย
“ ... กลับมาแล้วนะ..”
มิยูที่เดินเข้ามาใกล้เอ่ยขึ้นเรียบๆ มือเกาท้ายทอยแก้เขินอย่างไม่รู้ว่าจะกล้ามองหน้าร่างบางได้อย่างไร เมื่อตอนนี้ใจข้างในมันสั่นระรัวราวกับเด็กเพิ่งมีความรัก
“ ........”
ฮารุกะเพียงแค่เดินเข้ามาใกล้.. มือบางยกขึ้นสัมผัสกับใบหน้าคมราวกับต้องการจะย้ำกับตัวเองว่านี่คือเรื่องจริง.. นี่คือมิยูจริงๆ.. ไม่ใช่เพียงภาพหลอนกับความหวังลมๆแล้งๆของเธอ
“ ... ทุกเวลา ทุกนาทีที่เราไปเลิกกัน.. ไม่มีตอนไหน เวลาไหนเลยที่เราจะไม่คิดถึงฮารุกะ
... เราไม่รู้ว่าฮารุกะจะมีใครรึเปล่า.. ถ้ายังก็คงเป็นโชคดีของเรา... แต่ถ้ามีแล้ว.. เราก็จะแย่งฮารุกะกลับมา..
.... เราไม่รู้ว่าฮารุกะจะยังต้องการเรา จะยังคิดถึงเราอยู่บ้างมั้ย...
แต่เราอยากให้ฮารุกะรู้นะ.. ว่าเราคิดถึงฮารุกะทุกลมหายใจ..
.... ตลอดเวลาที่ผ่านมา.. ต่อจากนี้.. และตลอดไป... นากาโอกะ มิยูก็จะยังคงรักษาสัญญา
..จะมีมิยาชิตะ ฮารุกะเพียงคนเดียวในหัวใจ...
ได้โปรด.. ให้โอกาสให้คนๆนี้ได้แก้ตัว...
กลับมาหาเราได้รึเปล่า..ฮารุกะจัง..”
สายตาคมจ้องใบหน้าหวาน ดวงตาสบกับดวงตาหวานของอีกคน.. ริมฝีปากหนาเอ่ยเอื้อยสิ่งที่ตั้งใจไว้ทั้งหมดตั้งแต่วันที่จากแผ่นดินญี่ปุ่นไป..
“ .. คะ... คนบ้า..”
เสียงหวานหลุดออกมาแผ่วเบาอย่างทำอะไรไม่ถูก น้ำใสๆไหลรินออกจากดวงตาหวานโดยที่เจ้าของไม่สนใจจะเช็ดมันแม้แต่น้อย เมื่อมือหนาของใครอีกคนยกขึ้นปาดให้
“ ... คบกันอีกครั้งนะ.. ฮารุกะจัง
ทางที่เราจะเดิน... มันมีฮารุกะเป็นส่วนหนึ่งในนั้นมาตั้งนานแล้ว...”
มือหนาดึงมือบางมากุมไว้ในอุ้งมือ.. ก่อนที่จะกระชับแน่นยืนยันคำพูดตัวเอง
“ .........”
ดวงตาใสยังคงจ้องมองใบหน้าคมไม่คลาดสายตา.. ราวกับอยากจดจำภาพของคนตรงหน้าให้ได้มากที่สุด
“ .... เราไม่รับคำปฏิเสธนะ..”
เมื่อร่างบางเอาแต่นิ่งเงียบ.. มิยูเลยถือวิสาสะเอ่ยขึ้นอย่างเอาแต่ใจ.. เรียกรอยยิ้มบางๆให้เกิดขึ้นบนใบหน้าหวานได้ไม่ยาก
“ แล้วใครจะปฏิเสธกันเล่า.. คนบ้า .///.”
____________________________
ตอนนี้อาจจะอ่านแล้วงงหน่อย.. รึเปล่า
ฮ่าๆๆ.. เรียบเรียงไม่ค่อยถูกอ่ะ
เค้าอยากลองแต่งแนวนี้บ้าง..
ผิดพลาดประการใดโปรดให้อภัยด้วยน๊า ^^
ความคิดเห็น