คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : In the garden
ฮอกวอตส์เป็นสถานที่ที่กว้างขวาง ทั้งด้วยตัวปราสาทที่ใหญ่โตและทะเลสาปขนาดใหญ่ เพื่อรองรับพ่อมดแม่มดมากมาย ทุกพื้นที่ใช้สอยจึงเต็มไปด้วยความอึกทึก
และแน่นอน เมื่อมีจุดที่วุ่นวาย ย่อมมีจุดที่สงบด้วยเช่นกัน เช่นริมทะเลสาปทางตะวันตก บริเวณนั้นจะมีต้นแอปเปิ้ลเก่าแก่สูงใหญ่เด่นสะดุดตา ใต้ต้นแอปเปิ้ลมีม้านั่งไม้เก่าๆซึ่งไม่มีคนแวะเวียนมาบ่อยนัก ยกเว้นเอวา สมิธที่มักจะมานั่งอ่านหนังสือตรงม้านั่งนี้เป็นประจำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเปิดภาคเรียนใหม่ เอวาแอบหลบมานั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างเงียบๆ เธอปล่อยให้ความคิดล่องลอยขึ้นไปบนอากาศ รับไอลมอ่อนๆที่พัดมาปะทะใบหน้าของเธอเป็นระยะ ซึมซับความเงียบสงบและปล่อยให้จิตใจได้พักผ่อน
เอวาหลับตาลง เอียงใบหูฟังเสียงลมปะทะกับใบหญ้า แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงคล้ายกับฝีเท้าคนดังขึ้นมาทางด้านหลังเธอ เอวาจึงรีบลืมขึ้นและหันไปดู
"ไง" เฟร็ดเอ่ยทักขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะที่เอวานิ่งค้างไปแล้ว
ตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนห่างกันเพียงไม่กี่เซ็นจนเอวาเผลอกลั้นหายใจไปโดยไม่รู้ตัว เธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้า ทำเอาเธอทำตัวไม่ถูกจนเผลอผลักเขาออกไปเต็มแรง แต่สำหรับเฟร็ดก็เป็นแค่การผลักเบาๆเท่านั้น
เอวาไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอเก็บหนังสือและเดินก้มหน้าออกไปจากตรงนั้นทันที แต่เฟร็ดก็ยังเดินตามเธอมาติดๆ
"เดี๋ยวสิ ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลย ยังไงก็ไปทันพิธีคัดสรรหน่า" เฟร็ดว่า เขาเร่งฝีเท้าก้าวให้ไวกว่าอีกคนเพียงแค่เล็กน้อยก็กลายเป็นฝ่ายเดินนำเธอแทน
"ฉันขอบใจเรื่องเมื่อตอนควิดดิชเวิลด์คัพนะจอร์จ แต่จะดีกว่าถ้านายปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว" เอวาเอ่ย ไม่รู้ว่าเขาตามเธอมามั้ย แต่การที่มีใครเข้ามาทักเธอบ่อยๆแบบนี้ทำให้ใจเธอรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย
เอวารู้สึกราวกับว่าพื้นที่ส่วนตัวของเธอกำลังถูกรุกล้ำ และเธอต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
"จอร์จหรอ?" ใบหน้างุนงงของเฟร็ดทำให้เอวารู้สึกสับสน หรือว่าเขาจำเรื่องเมื่อตอนนั้นไม่ได้? หรือว่าจริงๆแล้วเขา...
"นาย.. เฟร็ดหรอ?" เอวาถามเสียงอ่อน เธอได้ยินเสียงคล้ายกับกระจกแตก และนั่นก็คือเสียงของใบหน้าของเธอเอง
ถ้ามีรูอยู่ตรงนี้ เธอก็อยากเอาหน้ามุดลงไปให้รู้แล้วรู้รอด
"ขอโทษที ฉันเข้าใจผิดน่ะ" เอวาไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น หลังว่าจบเธอก็เดินกึ่งวิ่งเข้าไปในตัวปราสาททันที ทิ้งให้เฟร็ดยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว
"จอร์จ!" เฟร็ดกู่ร้องกับตัวเองก่อนจะออกตัววิ่งตามเอวาไป แต่ดูเหมือนเขาจะช้าเกินไป เธอจึงหายลับจากสายตาเขาไปเสียแล้ว เฟร็ดจึงเปลี่ยนเส้นทางและมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงแทน
เฟร็ดมุ่งตรงไปตรงที่ฝาแฝดของเขานั่งอยู่ นั่งลงข้างๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นไปกอดไหล่และกระซิบถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ่มและแหบเล็กน้อย
“จอร์จ.. ตอนควิดดิชเวิลด์คัพนายไปทำอะไรกับสมิธมา"
“ก็ไม่มีอะไร แค่เดินเล่นกัน” จอร์จไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไร หน่ำซ้ำเขายังยกยิ้มมุมปากส่งให้แฝดพี่อย่างเฟร็ดราวกับเป็นชนะ
“เรอะ.. งั้นก็รู้ไว้นะว่าไม่ว่านายจะไปทำอะไรมา สมิธไม่ชอบ” แต่คราวนี้จอร์จหันขวับไปมองเฟร็ดทันที แต่เฟร็ดกลับไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่นิด เพราะสายตาของเขากำลังกวาดหาร่างของใครบางคนอยู่
และเขาก็เจอร่างเล็กๆที่เขาตามหา เอวาเดินก้มหน้างุดไปตามข้างๆกำแพง เธอมองมาที่นั่งที่ว่างก่อนจะเดินเข้าไปนั่งอย่างเร่งรีบ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น สายตาของเฟร็ดและเอวาก็สบกันและวินาทีต่อมาเอวาก็รีบก้มหน้าลงไปดังเดิม ในขณะที่จอร์จเองก็เอาแต่กุมขมับ ใช้หัวคิดอย่างเต็มที่ว่าเขาไปทำอะไรให้เอวาไม่พอใจ
ทุกวินาทีตั้งแต่เอวาก้าวเข้ามาในห้องโถง เธอก็ได้แต่อ้อนวอนขอต่อเมอร์ลินให้พิธีคัดสรรจบลงโดยเร็วที่สุด เธอจะได้ออกจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้สักที เพราะไม่ว่าเธอจะมองไปทางไหนก็มักจะสบตากับคนที่เธอไม่อยากยุ่งด้วยอยู๋เรื่อย
ทางซ้ายก็แฝดวีสลีย์ ทางขวาก็เซดริก ดิกกอรี่ ปีก่อนๆก็ไม่เห็นจะสบตากับใครบ่อยแบบนี้ แล้วทำไมปีนี้มันเป็นแบบนี้ไปได้ ปวดหัวจะระเบิด อยากนอนซุกหมอนนุ่มๆ
แต่ดูเหมือนเมอร์ลินจะไม่เป็นใจ ทันทีที่ดัมเบิลดอร์ประกาศออกมาว่าจะมีคนจากโรงเรียนอื่นมาพักอยู่ที่นี่ด้วย ในใจเอวาก็รู้ได้เลยว่าปีนี้จะมีงานใหญ่ และก็ใช่จริงๆ งานประลองเวทไตรภาคี
“ขอต้อนรับสาวๆที่น่ารักของพวกเราจากโบซ์บาตง และอาจารย์ใหญ่ของพวกเธอ มาดามมักซีม” เสีบงของดัมเบิลดอร์ก้องกังวาล ในเวลาพร้อมๆกันประตูบานใหญ่ก็เปิดออก จากนั้นเด็กสาวหลายสิบคนในชุดสีฟ้าสดใสสบายตาก็เรียงแถวกันเดินเข้ามาอย่างสง่างาม พวกเธอเดินกันอย่างพร้อมเพรียง เสกผีเสื้อสีฟ้าตัวเล็กๆออกมาบินเล่นไปรอบๆ ถัดจากกลุ่มเด็กสาวปรากฎแม่มดรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอาจารย์ใหญ่ของพวกเธอ
มาดามมักซีมและดัมเบิลดอร์ทักทายกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะพาเธอไปยืนอยู่กับศาสตราจารย์คนอื่นๆและกลับขึ้นมากล่าวต้อนรับคนอีกกลุ่ม
“และเพื่อนเก่าของเราจากเดิร์มสแตรงก์ พร้อมกับอาจารย์ใหญ่อีกอร์ คาคารอฟ!” สิ้นเสียงเด็กหนุ่มทั้งหลายก็เดินเข้ามาพร้อมทั้งควงไม้เท้าด้วยความคล่องแคล่ว พวกเขามาพร้อมกับความฮึกเหิมและเสียงอึกทึก นับว่าเป็นการเปิดตัวที่หนักแน่นไม่น้อยเลยทีเดียว
จากนั้นงานเลี้ยงฉลองก็เริ่มขึ้น โดยโต๊ะของเรเวนคลอมีเพื่อนใหม่จากโบซ์บาตงมาร่วมนั่งด้วย เมื่อทานอาหารเสร็จ ดัมเบิลดอร์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อีกครั้ง พร้อมๆกันนั้นก็มีคนยกถ้วยขนาดใหญ่เข้ามาวางไว้ตรงด้านหน้าของดัมเบิลดอร์
“ทุกคนจงฟัง ฉันขอพูดอีกไม่กี่คำ” ดัมเบิลดอร์ว่า เขาวางมือลงบนถ้วยนั้นก่อนจะลูกมันเบาๆ และกล่าวต่อ
“เกิยรติภูมิชั่วนิรันดร์ นั่นคือสิ่งที่รอนักเรียนที่เป็นผู้ชนะการประลองเวทไตรภาคี แต่ก่อนจะชนะ นักเรียนผู้นั้นจะต้องทำภารกิจสามอย่างให้สำเร็จ ภารกิจที่อันตรายอย่างยิ่งยวด ด้วยเหตุนี้ ทางกระทรวงจึงเห็นสมควรจะตั้ังกฎใหม่ คนที่จะมาอธิบายเรื่องนี้ คือหัวหน้ากองความร่วมมือด้ามเวทมนตร์ระหว่างประเทศ บาร์ทีเมียส เคราช์” หลังดัมเบิลดอร์ว่าจบ ชายที่อยู่ด้านหลังก็เดินออกมา
“หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน กระทรวงมีความเห็นว่าเพื่อความปลอดภัย ห้ามให้เด็กนัดเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีลงชื่อเข้าร่วมประลองเวทไตรภาคี การตัดสินใจนี้ถือเป็นที่สิ้นสุด”
“งี่เง่าชะมัด!” บาร์ทีเมียส เคราช์ยังพูดไม่ทันจบ เสียงโห่ร้องของนักเรียนที่ไม่เห็นด้วยก็ดังสวนขึ้นมากลบเสียงของเคราช์จนแทบไม่ได้ยิน
“เงียบๆ!” แม้ดัมเบิลดอร์จะเป็นคนเอ่ยปรามเอง แต่เสียงของนักเรียนก็หายไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น พวกเขายังกระซิบกระซาบกันไม่หยุด จนกระทั่งถ้วยนั้นมีเปลวไฟสีฟ้าพวยพุ่งออกมา
“ถ้วยอัคนี.. คนที่ต้องการสมัครเข้าแข่ง ต้องเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษและโยนเข้าใส่เปลวไฟในเวลานี้ถึงคืนของวันพฤหัส คิดให้ดีเสียก่อน.. หากได้รับเลือก เธอจะหันหลังกลับไม่ได้”
“การประลองเวทไตรภาคีเริ่มขึ้นตั้งแต่บัดนี้”
กว่าพิธีวันนี้จะจบลงก็ทำเอาเอวาแทบจะหมดแรง คนตัวเล็กแวะนั่งเก้าอี้ตรงโถงทางเดินเพื่อที่จะพักหายใจเอาแรงสักหน่อย แต่ดูเหมือนอะไรๆก็จะไม่เป็นใจให้เธอเลยสักนิด เมื่อที่หางตาของเอวาเหลือบไปเห็นเซดริกปรากฎตัวขึ้นที่หัวมุมทางเดิน
ไม่รีรอช้าเอาวารีบลุกขึ้นและหันหลังเดินออกไปให้ไกลจากเขาทันที แต่เธอคงจะช้าไปเมื่อเทียบกับสายตาที่เฉียบไวของเซดริก
“สมิธ! รอเดี๋ยว!” เซดริกร้องเรียกเอวาจากด้านหลัง แต่เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยินและเดินให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆข้อมือก็เธอก็ถูกดึงเอาไว้จนตัวเธอเซและหันกลับมาตามแรงดึง
“รอก่อน ฉันขอคุยด้วยแปปนึง” เซดริกว่า ทั้งยังหอบหายใจเล็กน้อยเนื่องจากการที่เขารีบวิ่งตามเธอให้ทัน
“มีอะไรล่ะ” เอวาพูด เสียงของเธอฟังดูเหนื่อยจนเซดริกรู้สึกได้ แต่เขาก็ไม่ได้ซักถามอะไรเธอเพราะกลัวว่าจะทำให้เธอรู้สึกอึดอัด
“ฉันมีเรื่องอยากขอร้องเธอหน่อย คือว่า…” เซดริกเงียบไปครู่นึง เขาดูลังเลและอำอึ้ง แต่ในตอนสุดท้ายเขาก็หลับตาแต่ตัดสิ้นใจพูดมันออกมา
“ถ้าฉันได้รับเลือกในการแข่งเวทไตรภาคี ช่วยเรียกฉันว่าเซดริกและให้ฉันเรียกเธอว่าเอวาได้มั้ย?”
หลังจากที่ได้ฟังคำขอร้องของอีกคน เอวาก็เอียงใบหน้าเล็กน้อยด้วยความงุนงง คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ทำไมเขาถึงมาขอด้วยล่ะ? ในเมื่อถ้าเขาอยากเรียกยังไงเขาก็เรียกได้อยู่แล้ว หรือเพราะกลัวเธอรู้สึกไม่ดี? ถ้างั้นก็สมกับเป็นเขานั่นแหละนะ
“เรียกชื่อแบบเพื่อนน่ะหรอ?” เอวาถาม ทำเอาเซดริกได้แต่กระพริบตาปริบๆ
“ใช่ แบบเพื่อน.. สนิทๆ” เซดริกตอบพร้อมยิ้มแห้ง เขาว่าเขาก็หน้าตาดีและเข้ากับคนอื่นได้ง่ายนะ แต่เขาไม่เคยเจอคนคนไหนที่เขาคุยด้วยแล้วรู้สึกว่ากำลังอยู่คนละฝั่งของกำแพงแบบนี้มาก่อนเลย
“ได้สิ แค่นี้เอง”
เอาเถอะ ถึงเธอจะไม่ค่อยอยากเรียกเขาแบบนั้นก็เถอะ แต่มันก็คงไม่เป็นอะไรมากถ้าเธอกับเขาไม่เจอกันก็ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดถึง ยังไงซะก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะถูกเลือกในการแข่งขันเวทไตรภาคีหนิ ใช่มั้ย?
- talk talk -
ปราสาทฮอกวอตส์ที่ว่าสูงแล้ว ยังมีกำแพงของเอวาที่สูงกว่า เจอกำแพงสูงขนาดนี้ ใครจะปีน ใครจะขุดดิน ใครจะเจาะประตู มาลุ้นไปด้วยกันได้นะค้าบ เย้ะ
ความคิดเห็น