ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( e x o ) I U V

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 1044

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      0
      9 ม.ค. 58

    IUV;LUV

    01

    ChanSoo




     

     

     

     

     

     

     

     

    สิบปีที่แล้ว

     

     




     

     

     

                   คยองซูยาา ~ แต่งตัวเสร็จรึยัง”




     

                             เสียงทุ้มใหญ่ดังขึ้น มันเป็นเช้าวันจันทร์สุดแสนจะธรรมดาวันหนึ่งในฤดูร้อน วันจันทร์ธรรมดาที่นักเรียนมัธยมปลายปีหนึ่งอย่างพวกเขาจะต้องรีบออกไปเรียน ปาร์คชานยอล ยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิมที่เคยทำมาตลอดตั้งแต่จำความได้ คือการเดินมาตาม โดคยองซู เพื่อนคนแรกของเขาที่อาศัยอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามออกไปโรงเรียนพร้อมๆกัน ชานยอลจำได้ว่าตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาหน้าที่การพาเพื่อนตัวเล็กไปโรงเรียนก็ตกมาเป็นหน้าที่หลักของเขา




     

                             ชานยอลและคยองซูเรียนอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในโซลมาด้วยกันตั้งแต่สมัยอนุบาล ครอบครัวของทั้งคู่เป็นเพื่อนบ้านกันมาก่อนที่พวกเขาจะเกิดเสียอีก ฐานะของทางบ้านของทั้งสองไม่ได้ร่ำรวยเหมือนมหาเศรษฐีแต่ก็เรียกได้ว่ามีเงินเหลือกินเหลือใช้อยู่พอสมควร คุณพ่อของชานยอลเป็นนักการเมืองระดับสูงทำงานในพรรครัฐบาลของเกาหลีใต้ ถึงพ่อของเขาจะมีตำแหน่งใหญ่โตพอที่จะหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบายๆแต่แม่ของชานยอลเองก็ไม่ชอบที่จะอยู่บ้านเฉยๆ เธอเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆในย่านแหล่งชอปปิ้งของกรุงโซล ส่่วนทางด้านของคยองซูครอบครัวของเขาทั้งพ่อและแม่ร่วมกันทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เรียกได้ว่ามีชื่ออยู่ในระดับทอปของประเทศ

     





                   'แกร่กๆ'

     





                   คยองซูยา.. มาเปิดประตูให้หน่อยเร็ว” มือใหญ่ๆของชานยอลหมุนลูกบิดประตูที่ถูกลงกรไปมาจนเกิดเสียงแกร่กๆน่ารำคาญ

     





                   คยองซู.. พี่ยืนรอนายจนเมื่อยแล้วนะ ช่วยเปิ...”




     

                   ปาร์คชานยอล! เลิกส่งเสียงน่ารำคาญซักทีจะได้ไหม”




     

                             ในที่สุดประตูประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก ร่างสูงราวๆ183ซม. ของชานยอลรีบแทรกตัวเข้าไปก่อนที่เจ้าของห้องตัวเล็กจะเปลี่ยนใจปิดประตูใส่หน้าเขาเสียก่อน(ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง) ขายาวก้าวไปยังเตียงใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนไปบนเตียงอย่างคุ้นเคย




     

                   นายแต่งตัวเสร็จแล้วนิ่ แล้วทำไมไม่ยอมมาเปิดประตูให้พี่ล่ะ?”

     





                   เลิกแทนตัวเองว่าพี่ซักทีได้ไหม? ฟังแล้วมันรำคาญ” เสียงใสของคยองซูที่กำลังยัดหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆลงในเป้ใบใหญ่ตวาดขึ้นหลังจากที่ชานยอลพูดจบลง




     

                             มันเป็นแบบนี้เสมอ คำถามของคนตัวโตแทบจะไม่เคยได้รับคำตอบ ถามไปร้อยครั้งคงมีไม่ถึงยี่สิบครั้งละมั้งที่คยองซูจะตอบกลับ ส่วนใหญ่ที่ได้กลับมามักจะเป็นคำบ่นคำด่าเสียมากกว่า




     

                   ลุกขึ้นมาได้แล้วชานยอล จะไปไหมโรงเรียนน่ะ” คยองซูที่เดินมาหยุดอยู่ที่ปลายเตียงพร้อมสะพายเป้คู่ใจไว้บนบ่า ชานยอลไม่ได้ตอบอะไร เขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะยกแขนยาวๆทั้งสองข้างขึ้นมา




     

                   ดึงหน่อย”




     

                   ไม่!” คยองซูตอบเสียงแข็ง




     

                   นะครับ” แต่ชานยอลเองก็ยังคงไม่ลดละความพยายาม "นะครับคยองซู ~”




     

                           เขารู้เสมอว่าต้องพูดยังไงโดคยองซูถึงจะยอมอ่อนข้อให้ รู้เสมอว่าเวลาไหนควรจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็งจึงจะเหมาะกับคยองซู รู้เสมอว่าต้องรับมือยังไงกับผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้




     

                            คยองซูเอื้อมมือออกมาจับมือใหญ่ของคนตัวเล็ก ออกแรงกระตุกเบาๆสองสามทีคนตัวโตก็ลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับเขา จริงๆแล้วชานยอลดันตัวเองให้ลุกขึ้นเองนั่นแหละ แรงดึงแบบส่งๆของคยองซูอีกสามชาติชานยอลก็คงไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง




     

                           แขนยาวถือโอกาศล็อกคอของอีกคนนึงไว้ก็จะออกแรงลากเบาๆ ทั้งคู่เดินไปเล่นไปตลอดทางลงมาด้านล่างของตัวบ้าน เป็นภาพที่เหล่าแม่บ้านเห็นกันมาตลอดจนชินตา คยองซูและชานยอลเป็นเด็กน่ารักเคารพแม้กระทั่งพวกเธอซึ่งเป็นเพียงแค่ลูกจ้างที่ไม่ได้มีฐานะอะไร




     

                   ตั้งใจนะเรียนนะคะคุณหนู” คุณป้าแม่บ้านพูดขึ้นเมื่อเห็นทั้งคู่ลงมาจากชั้นบนของบ้าน




     

                   ครับผม ไปก่อนนะครับ”




     

                            ชานยอลกับคยองซูพากันเดินผ่านโถงของตัวบ้านจนมาถึงหน้าประตู คนตัวเล็กถอดสลิปเปอร์ไว้ใต้ตู้เก็บรองเท้าก่อนที่จะเปิดตู้นั้นออกทำท่าจะหยิบเอารองเท้าผ้าใบคู่โปรดออกมาใส่ แต่ทว่ากลับถูกมือใหญ่ของใครอีกคนฉวยไปซะก่อน




     

                   เมื่อคืนนายนอนก็โมง ฉันส่งเมสเสจไปเห็นตอบกลับเลย”

     





                           ริมฝีปากหนาขยับพูดเหมือนปกติ ชานยอลย่อตัวลงนั่งยองๆตรงหน้าอีก ก่อนจะจับเท้าป้อมสอดเข้าไปในรองเท้าของเจ้าตัวที่ชานยอลเลื่อนมาไว้ตรงหน้า มือใหญ่ค่อยๆบรรจงผูกเชือกรองเท้าให้เป็นปมแล้วจึงผูกทับให้เป็นโบว์สวย




     

                   ไม่ตอบก็คือหลับไปแล้วไง จะให้ละเมอมาตอบหรอ?”




     

                   แล้วทำไมตอนนอนนายไม่บอกฉันก่อนเล่า” ชานยอลตอบทั้งๆที่ยังก้มหน้าก้มตาผูกเชือกรองเท้าให้อีกคน คยองซูเองก็ไม่ได้ใส่ใจเสียงบ่นของชานยอลมากมายปล่อยให้เสียงเหล่านั้นกลายเป็นธาตุอากาศไป ตาโตมองนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยระหว่างที่รออีกคนผูกเชือกรองเท้าให้ นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติอีกเรื่องหนึ่งของชานยอลและคยองซูทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกเคอะเขินต่อกันในเวลาที่คนใดคนหนึ่งแสดงออกถึงการเอาใจใส่ แต่ส่วนมากคนที่ทำแบบนี้ก็มีแค่ชานยอลฝ่ายเดียวเท่านั้นแหละ




     

                   ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวรถติด” คนตัวโตยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะขยี้ผมนุ่มนิ่มของคยองซูจนไม่เป็นทรง ฝ่ามือน้อยตั้งท่าจะฟาดเข้าให้ที่ไหล่แต่ทว่าอีกฝ่ายดันเร็วกว่า วิ่งนำไปเปิดประตูด้านหลังของรถเมอซิเดสเบนซ์อี320 รออีกคนที่เดินน่ามุ่ยตามมา ก่อนที่คยองซูจะเข้าไปนั่งในรถมือเล็กก็ได้บิดหูกางๆของอีกคนจนได้ยินเสียงร้องโอดครวญอยู่พักหนึ่ง




     

                           ทุกๆเช้าที่ต้องไปโรงเรียน คยองซูจะไปพร้อมกับชานยอลเสมอโดยมีคุณลุงคนขับรถของบ้านชานยอลเป็นสารถีเทียวรับเทียวส่งมาตั้งแต่ชั้นประถม ตอนสมัยอนุบาลครอบครัวของทั้งคู่ต่างทำหน้าที่ไปส่งลูกที่โรงเรียนด้วยตนเองแต่พอเด็กทั้งสองโตขึ้นมามากพอที่จะเรียนรู้จักคำว่ามิตรภาพ รู้จักคำว่าติดเพื่อน ชานยอลวัยประถมปีที่หนึ่งที่ในตอนนั้นตัวเล็กกว่าคยองซูด้วยซ้ำ ในวันเปิดภาคเรียนของเทอมสองเด็กชายเอาแต่นั่งร้องไห้งอแงอยู่หน้าบ้านโดยมีคุณลุงคนขับรถกับแม่บ้านคอยปลอบ เสียงโวยวายดังไปจนถึงเด็กบ้านฝั่งตรงข้ามที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอย่างขะมักเขม้น




     

                   'ถ้าไม่ได้ไปพร้อมคยองซูผมจะไม่ไปโรงเรียน'





                   'ไม่เอา จะไปพร้อมคยองซู'





                   'ก็ให้คยองซูนั่งรถเราไปด้วยไงล่ะ'




     

                           เสียงเหล่านั้นดูจะไม่หยุดลงง่ายๆ จนเมื่อเจ้าของชื่อผูกเชือกรองเท้าเสร็จ ขาสั้นก้าวเดินเตาะแตะๆเลยรถที่ตนนั้นนั่งไปโรงเรียนเป็นประจำพร้อมกับกระเป๋าใบโตที่สะพายอยู่บนหลัง ตาโตๆชะโงกผ่านประตูรั้วของบ้านตนเองมองออกไปยังฝั่งตรงข้าม ภาพเพื่อนสนิทนั่งชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นถนนทำเอากลีบปากรูปหัวใจนั้นหลุดขำออกมาเบาๆ คยองซูหันไปหาแม่บ้านของตนที่เดินตามมาหวังจะตามให้คุณหนูของเธอรีบกลับไปขึ้นรถ เสียงใสๆเอ่ยขออนุญาติอย่างไร้เดียงสา 'ขอผมไปกับชานยอลได้ไหมฮะ?' ทีแรกเธอเองก็มีท่าทีกระอักกระอ่วนเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถตัดสินใจได้ ความปลอดภัยของคุณหนูจะต้องมาก่อนเสมอ หากแต่ท้ายที่สุดเธอก็ทนต่อสายตาออดอ้อนของคุณหนูบวกกับเสียงร้องงอแงจากเด็กฝั่งตรงข้ามไม่ไหว เปิดประตู้รั้วให้คุณหนูตัวเล็กๆของเธอเดินออกไปหาเพื่อนสนิท ยังไงๆท้ังสองครอบครัวก็สนิทกันมานมนานคุณท่านและคุณผู้หญิงโดเองก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจอีกครอบครัวนึงพอสมควร




     

     

                   'ชานยอล ไปโรงเรียนกัน ..' คยองซูที่เดินไปหยุดอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นมือเล็กๆออกไป




     

                  .

     

                  .

     

     

     

     

     

     

                   คยองซูย่าห์ คิดอะไรอยู่ ?เสียงทุ้มกล่าวขึ้นพลางเขย่าไหล่อีกคน




     

                   เปล่าหรอก..” คยองซูเองก็แอบตกใจเล็กน้อย เด็กหนุ่มหันกลับมามองเพื่อนตัวดีที่นั่งอยู่ข้างๆ




     

                   แฮมชีสกับทูน่า รับอะไรดีครับ”




     

                           หลังจากจบคำถามของชานยอล คยองซูเองไม่ได้ตอบอะไรแต่เลื่อนมือไปหยิบเอาแซนวิชทูน่าจากอีกคนมาแทน ความเงียบเข้าครอบงำห้องโดยสารอีกครั้งเมื่อทั้งคู่ต่างตั้งใจกินแซนวิซในมือ




     

                           ชานยอลยิ้มกว้างในขณะที่มือทั้งสองกำลังแกะกล่องแซนวิซแฮมชีส คยองซูไม่ชอบกินข้าวเช้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรเหตุผลง่ายๆก็คือคยองซูนั้นขี้เกียจเกินกว่าจะต้องเผื่อเวลาสำหรับทานข้าวเช้า คนที่คอยเอาใจใส่แบบปาร์คชานยอลจึงแก้ปัญหานี้โดยการเปลี่ยนจากการนั่งทานข้าวบนโต๊ะตอนเช้าก่อนมารับคยองซูเป็นการให้แม่บ้านทำแซนด์วิชขนาดกลางสองคู่เพื่อที่จะมาทานด้วยกันบนรถระหว่างทางไปโรงเรียน ที่เขาทำทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงหรอกน่า.. ไม่ได้ตั้งใจจะขุนให้อ้วนเลยซักนิด




     

                           ถนนเส้นเดิมที่ยานพาหนะใช้พาเด็กหนุ่มทั้งสองไปส่งยังที่หมายในทุกๆเช้าและพากลับมาบ้านในทุกๆเย็น ทั้งสองจัดการแซนวิซชิ้นไม่ใหญ่ไม่เล็กนั้นหมดแล้วแถมยังตามด้วยการดื่มน้ำเปล่าขวดเล็กจนชานยอลส่งเสียงเรอออกมาทำให้คยองซูต้องเบ้หน้าอย่างนึกรังเกียจ




     

                   คยองซูย่า.. ~”




     

                   “.....”




     

                   คยองซูย่า..”




     

                   รำคา...”




     

                            เสียงใสถูกหยุดไว้ด้วยริมฝีปากหนาของอีกคน ชานยอลกดจูบเบาๆลงบนริมฝีปากอิ่มรูปหัวใจ ปล่อยค้างไว้เพียงครู่เดียว เมื่อชานยอลถอนจูบออกตาโตของคยองซูถลึงใส่อีกคนพร้อมทั้งง้างมือขึ้นเตรียมจะฟาดเข้าที่หัวโตๆนั่น ชานยอลหลับตาปี๋รอรับความเจ็บปวด(ที่เหมือนมดกัด)อย่างเต็มที่ หากแต่กลับไม่มีความเจ็บปวดใดๆเกิดขึ้น ตาเรียวค่อยๆลืมขึ้นสบตากับดวงตากลมของอีกคนหนึ่ง




     

                            ทั้งสองหัวเราะให้กันเบาๆ กำปั้นเล็กต่อยลงที่แขนของชานยอลแต่ก็เบาจนแทบจะหาความเจ็บไม่ได้ มือใหญ่เลื่อนไปดึงเอามือของคยองซูมากุมเอาไว้ก่อนจะพิงหัวเข้ากับไหล่แคบๆ




     

                            ตลอดระยะทางที่เหลือมีแต่ความเงียบงันแต่ไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ มือทั้งสองกุมกันเอาไว้แบบนั้นปล่อยให้เวลาผ่านไปราวกลับไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ก็จะไม่มีวันที่จะปล่อยมือจากกันและกัน










    tbc.










    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×