คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 : กระปุกหมูชู้ตติ้ง
รถตู้ที่ติดฟิล์มดำเคลื่อนเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้านพักส่วนตัวของไอดอลเกาหลีอย่างเอ็กโซ ทันทีที่รถตู้จอดสนิท ประตูรถก็ถูกเปิดออกพร้อมกับใครบางคนที่รีบวิ่งด้วยความเร็วแสงลงจากรถ หลังจากกดรหัสผ่านที่ประตูเพียงครู่ ร่างของจงแดก็ผลุบหายไปหลังบานประตูที่แง้มเปิดแล้วปิดตามหลังดังปัง
"จะรีบไปไหนของเขาน่ะ" เทาที่หิ้วหูตุ๊กตากระต่ายในมือบ่นพลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แล้วกดจิ้มตัวเลขหกหลักเพื่อเปิดประตู
ติ๊ดดดด
เสียงสัญญาณดัง พร้อมปรากฏสัญญาณว่ารหัสผ่านผิดบนหน้าจอ ทำให้เทาชะงักไปนิดแล้วลองจิ้มรหัสผ่านอีกครั้งแต่ผลก็เป็นเช่นเดิม
"ใครเปลี่ยนรหัสผ่านห๊ะ"
"ฉันเอง จะทำไม" คริสที่เดินตามลงจากรถทีหลังเอ่ยบอกแล้วเบียดน้องเล็กของวงให้หลบทางก่อนจะเข้ามากดรหัสผ่านบ้าง รอเพียงไม่นานประตูก็ปลดล็อค
เทายืนมองคริสที่เปิดประตูทิ้งไว้แล้วเดินเข้าไปด้านในตัวบ้านอย่างสบายใจ
"000000 เนี่ยนะ ใช้อะไรคิดเนี่ยตุ้ยจ่างถามจริง" เทาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ กับระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาภายในบ้านกลับถูกทำให้เป็นเหมือนกับของเล่นเด็กไปเพราะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าวง ผู้ที่มีอาวุโสเป็นลำดับที่สามของวง ผู้ชายที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบ พูดได้มากกว่าสี่ภาษา แต่กลับตั้งรหัสผ่านด้วยตัวเลขซ้ำๆกันหกครั้งที่คนที่ปกติคงไม่ทำกัน
เขาล่ะอยากจะบ้ากับพี่ชายคนนี้เสียเหลือเกิน
ขณะที่คิดได้ว่าเขาไม่ควรจะมาเสียเวลาอยู่ตรงหน้าประตู เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านก็ต้องหยุดแล้วยืนรอให้มินซอกที่เดินก้าวฉับๆสีหน้าบอกบุญไม่รับเดินเข้าไปในบ้านก่อน พอเขาจะก้าวตามหลังฮยองตัวเล็กไปบ้าง กวางที่เดินสองขาก็พรวดพราดมาจากทางไหนไม่รู้เดินตัดหน้าเขาเข้าไปในบ้าน
เทามองค้อนพี่ชายคนรองก่อนจะหันไปมองสมาชิกอีกคนของวงที่วุ่นวายกับการช่วยพี่เมเนเจอร์ยกกล่องข้าวเย็นลงจากรถ เทายืนรออี้ชิงอยู่หน้าประตูโดยเปลี่ยนมากอดตุ๊กตากระต่ายเอาไว้หลวมๆ
"เร็วหน่อยสิ เดี๋ยวก็เข้าบ้านไม่ได้พอดีรู้ไหมว่าคริสเปลี่ยนรหัสผ่านแล้ว แล้วรหัสก็สิ้นคิดจริงๆ" เทาบ่นกระปอดกระแปดตอนที่อี้ชิงหิ้วถุงกล่องข้าวเย็นเดินเข้ามาใกล้
"คริสเปลี่ยนรหัสเพราะฉันเองแหละเทา พอดีฉันชอบลืมรหัสคริสเลยตั้งรหัสง่ายๆให้น่ะ"
อี้ชิงส่งยิ้มให้กับเทา รอยยิ้มที่ทำเอาเทาได้แต่ยืนนิ่งได้แต่คิดทบทวนว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้างนะ
"พรุ่งนี้อัดไลฟ์ตอนบ่ายสอง เรามีเวลาซ้อมครึ่งชั่วโมงก่อนขึ้นแสดงจริง"
"อะไรนะ/จะบ้าเหรอ" เสียงร้องโวยวายของสมาชิกทั้งหกดังขึ้นแทบจะพร้อมกันเพราะตารางงานที่ดูกระชั้นชิดเสียเหลือเกิน
"แต่ที่เราเคยตกลงกันมันเป็นหนึ่งชั่วโมงก่อนการแสดง แล้วเราก็ต้องซ้อมบล็อคกิ้งกันก่อนด้วยไม่ใช่เหรอพี่ยงมิน" คริสแย้ง พยายามจะรื้อฟื้นความทรงจำครั้งสุดท้ายที่เขาคุยงานคร่าวๆกับพี่เมเนเจอร์เอาไว้
"ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วล่ะ ทางรายการแจ้งมาทางบริษัทว่าต้องลดเวลาการซ้อมลงเพราะนักร้องรุ่นใหญ่ขอซ้อมการแสดงก่อนขึ้นโชว์"
คริสเลิกคิ้ว แต่พี่ยงมินเพียงแค่ยิ้มน้อยๆแล้วกดเปิดรูปในไอแพดก่อนจะเลื่อนมันไปตรงหน้าสมาชิกเอ็กโซที่นั่งอยู่รวมกันบนโซฟาตัวยาว
"นี่คือเวทีจริง จะมีเอฟเฟคไฟหกจุดตอนเปิดตัวพวกนาย พื้นเวทีค่อนข้างลื่นหน่อยนะเท่าที่ดู" พี่ยงมินพยักเพยิดให้ทุกคนมองไปยังพื้นเวทีที่เป็นมันวาว "แต่ไม่ต้องห่วงพี่ส่งรองเท้าของพวกนายไปติดกันลื่นมาแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็คงเสร็จ"
"พี่ยงมินฉลาดของเราจริงๆเลย" เทาเอ่ยพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้กับเมเนเจอร์
"ขอบคุณที่ชมนะเทา แต่ที่ถูกมันต้องพูดว่า พี่ยงมินของเราฉลาดจริงๆเลยต่างหาก" จงแดนั่งตัวสั่นเพราะกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆเทาเลยถูกเจ้าตัวใช้ศอกถองเข้าที่สีข้างอย่างแรง
"เอาล่ะเลิกตีกันแล้วไปกินข้าวได้แล้วพรุ่งนี้เข้าบริษัทแต่เช้า ห้ามนอนดึกกันนะเข้าใจไหม" พี่ยงมินสั่งกำชับเด็กหนุ่มทั้งหกก่อนจะหลีกทางให้ไอดอลหนุ่มผู้หิวโหยไปจัดการอาหารที่จัดเตรียมไว้บนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็เลี่ยงออกมาเพื่อจะขับรถกลับไปยังบริษ
***********
"เปาจื่อกินช้าๆก็ได้มั้ง" ลู่หานเอ่ยเตือนคนที่กำลังใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวอุ่นๆเข้าปากจนแก้มตุ่ย
"หุบปากไปเลย" มินซอกกลืนข้าวลงคอแล้วหันไปถลึงตาใส่ลู่หานที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม ก่อนจะขยับถ้วยซุปตรงหน้าพร้อมกับจานหมูแดดเดียวเพื่อจะหันหน้าไปอีกทางจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าของลู่หาน
"นั่นสิ มินซอก กินเร็วๆแบบนี้เดี๋ยวก็ติดคอ"
อึก อึก แค่กๆ แค่กๆ
"เห็นไหมไม่ทันขาดคำเลย" คริสบ่นและวางตะเกียบลงบนชามข้าวของตัวเองพลางจัดแจงรินน้ำเพื่อส่งให้กับจงแดที่เข้าไปลูบหน้าลูบหลังพี่ใหญ่ของวงที่นั่งสำลักจนหน้าแดง
"กินน้ำก่อนครับฮยอง" จงแดประคองแก้วน้ำไปจรดที่ริมฝีของมินซอกราวกับกำลังป้อนน้ำเด็กโดยที่เจ้าตัวเองก็ยอมให้ป้อนแต่โดยดี แต่อีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามนี่สิถึงกำต้องกำตะเกียบในมือแน่น เมื่อทำอะไรไม่ได้เลยหันไปหยิบเหยือกน้ำมารินดื่มบ้างก่อนจะกระแทกแก้วลงไปแรงๆบนโต๊ะ เรียกเสียงกระแอมไอจากอี้ชิงที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ข้างๆกัน
"วันนี้นายทำตัวแปลกๆนะลู่หาน ตั้งแต่ที่สตูดิโอถ่ายแบบวันนี้แล้ว ระวังนะ"
อี้ชิงหันไปกระซิบกับลู่หานด้วยภาษาถิ่นฉางซา
"ระวังอะไร" ลู่หานละสายตาจากภาพที่จงแดกำลังคอยดูแลมินซอกตรงหน้ามามองคนพูดตาขวาง
"เปล่า แค่จะบอกให้นายรู้หน้าที่ของตัวเอง"
ลู่หานมองอี้ชิงหันกลับไปคีบกับข้าวเข้าปากด้วยรอยยิ้มละมุนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา
เขารู้ดีว่าอี้ชิงกำลังพูดถึงอะไร
คู่ชิปที่บริษัทจัดให้กับพวกเขาและดูท่าว่าแฟนๆจะพออกพอใจกับมันเสียเหลือเกิน ในขณะที่ทำกิจกรรมที่จีนสมาชิกทุกคนจะถูกจับให้คู่กัน มินซอกกับจงแด เทากับคริส และเขากับอี้ชิง แต่เมื่อใดที่อยู่กันคบสิบสองคนเขาก็มักถูกจับคู่กับทั้งไค และเซฮุน เพื่อการแสดงออกของพวกเขาบนเวทีกับความสัมพันธ์ปลอมๆท่ามกลางการตอบรับที่ร้อนแรงจากแฟนๆ
ลู่หานรู้ว่าการทำแฟนเซอร์วิสเล็กๆน้อยๆก็เป็นแค่เพียงการตลาดสำหรับบริษัทเท่านั้น และเขาก็ยอมได้ที่ทุกคนจะมองว่าเขาไม่แมนหรือเป็นเคะให้ทุกคนในวง แต่เขายอมไม่ได้จริงๆที่จะให้คนคู่หนึ่งมาล้อเล่นกับหัวใจของเขา
ลู่หานไม่ชอบเวลาเห็นจงแดมาคอยเอาใจใส่มินซอก และยิ่งตอนนี้ที่มันนอกตารางงานด้วยแล้วก็ยิ่งไม่ชอบ
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยเลยก็เถอะ
หากจะหาคนผิดก็มินซอกนั่นแหละที่ไม่เคยมองเห็นความรู้สึกที่แท้จริงของเขาสักที
"อ้าาาาา อิ่มจัง ฉันเอาจานไปเก็บก่อนนะทุกคน"
ลู่หานเงยหน้ามองคนที่ลุกขึ้นยืนแล้วจัดแจงเก็บถ้วยชามของตัวเองไปล้าง ท่าทางกระตือรือร้นเป็นพิเศษของมินซอกทำให้เขารู้สึกฉงนนัก ไม่รู้เป็นเพราะมินซอกยังไม่หายไข้รึเปล่า
"ฮยองวางไว้เถอะ เดี๋ยวผมเอาไปล้างให้"
"ขอบใจนะจงแด ฝากด้วยนะ" พี่ใหญ่ของวงแจกยิ้มให้ทุกคนบนโต๊ะ และแน่นอนว่ายกเว้นลู่หานก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ปล่อยให้คนที่ยังคิดไม่ตกกับท่าทางที่แปลกไปของอีกคน จนอี้ชิงต้องกระแอมไอเพื่อเตือนให้กวางน้อยข้างตัวหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้า
"อ่าาาาาาา เหนื่อยชะมัดเลย" ทันทีที่มาถึงห้องผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม แล้วสูดกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มจากหมอนที่เพิ่งส่งซัก วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันจริงๆ แค่คิดว่าพรุ่งนี้ยังมีงานที่ต้องทำขึ้นมา ผมก็หมดแรงไม่อยากทำอะไรแล้ว
ถ้ารู้ว่าการเป็นนักร้องมันจะลำบากแบบนี้นะผมจะนอนให้เยอะๆเลยตอนเรียนมัธยมเพราะไหนๆผลการเรียนมันก็ออกมาแย่อยู่แล้ว
ผมนอนย่อยอยู่บนเตียงเกือบสิบนาที จนเริ่มรู้สึกสบายท้องขึ้นหน่อยถึงได้หยิบโน้ตบุ้คลูกรักของผมที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ จัดแจงขยับหมอนไปวางไว้อีกฝั่งรวมกันแล้วหันหลังพิงหัวเตียง วางโน้คบุ้คลงที่ตัก
ได้เวลาเช็คข่าวแล้วล่ะ
ผมยิ้มตอนรอมันบูทเครื่องกว่าจะเสร็จก็ปาไปพักใหญ่ด้วยอายุการใช้งานของมันที่อยู่กับผมมาห้าปีแล้ว รอจนปรากฎภาพแบ็คกราวบนหน้าจอ มันเป็นรูปถ่ายครอบครัวของผม มีพ่อกับแม่ที่อุ้มผมกับน้องสาวไว้ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีกังหันลมอันใหญ่กับทะเลสีครามเป็นฉากหลัง
ป่านนี้ที่บ้านเขากำลังทำอะไรกันอยู่นะ จะกำลังกินกิมจิที่แม่หมักเอาไว้เมื่อต้นปีโดยไม่รอผมรึเปล่า ผมมองมือถืออยากจะหยิบมันขึ้นมาโทรก็กลัวแต่ว่ายิ่งได้ยินเสียงก็จะยิ่งทำให้คิดถึง ผมเลยเลือกที่จะทำเป็นลืมๆมันไปว่าเบอร์บ้านที่เกาหลีคือเบอร์อะไรแล้วเข้าเว็บบอร์ดที่แฟนคลับสร้างขึ้นเพื่ออัพเดตข่าวสารของพวกเราทั้งสิบสองคน ค่อยๆนั่งไล่ดูกระทู้ของวันนี้ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
'ชานยอลกับสาวปริศนา'
พออ่านมาถึงกระทู้นี้ผมก็รีบกดเข้าไปดูมันมี เนื้อหาคร่าวๆพูดถึงชานยอลกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกแฟนๆถ่ายรูปได้ในร้านอาหาร
ผมนั่งเคาะนิ้วกับแป้นพิมพ์เพื่อรอรูปถ่ายที่เป็นหลักฐานค่อยๆโหลด
ชักไม่แน่ใจแล้วว่าคอมผมมันช้ารึเน็ตป่วยกันแน่
"โถ่" ผมอุทานออกมาทันทีที่รูปโหลดเสร็จ แล้วมองเห็นหน้าของพี่สาวของชานยอลหาใช่สาวปริศนาอย่างที่กระทู้บอกไม่
แต่ก็อย่างว่าคงไม่มีใครรู้จักกับพี่ของชานยอลแน่ และเพื่อปกป้องเมมเบอร์ผมก็เลยล็อกอินด้วยความเร็วแสงก่อนจะคอมเม้นอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ
กระปุกหมูชู้ตติ้ง : ผู้หญิงคนนี้คือพี่สาวของชานยอลล่ะ
ผมนั่งรอดูความเปลี่ยนแปลงในกระทู้อย่างใจเย็นก็พอดีกับที่ลู่หานเปิดประตูเข้ามา ผมมองเขาเดินมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือแล้วเปิดแมคบุ้ครุ่นใหม่ล่าสุดแล้วก็ต้องมาช้ำใจกับโน้ตบุ้คตรงหน้า
ยอลลี่หูกาง : พี่สาวของยอลลี่จริงๆเหรอ ไม่เห็นรู้เลยว่ามีพี่สาว ขอให้เป็นพี่สาวจริงๆเถอะ
Yeolpapa : ฉันจะอกแตกตายแล้วนะ สรุปว่าเธอเป็นใคร
Kaoqrvchm : ไม่ยอมมมมมมมมม นายไปเดทกับใครน่ะห๊ะ
ผมส่ายหน้ากับคอมเม้นถัดๆมา นี่ไม่อ่านเลยรึไงว่าผมบอกว่าเขาเป็นพี่น้องกัน สุดท้ายผมเลยกดปิดกระทู้ไปแล้วหากระทู้ใหม่อ่านแทน จนมาเจอกระทู้ที่เพิ่งเด้งขึ้นมาใหม่
'ลู่หาน - ซิ่วหมิน เข้าสตูดิโอถ่ายแบบให้กับนิตยสารแฟชั่น'
ในกระทู้มีรูปของผมกับลู่หานตั้งแต่รถมาจอด มีรูปที่ถ่ายจากด้านหลังรถเข้ามาเป็นรูปตอนที่ผมหลับไปซบกับลู่หานด้วยใต้รูปมีคำบรรยายว่า
วันนี้ซิ่วหมินของเราป่วยแหละ แต่ลู่หานก็ดูแลเปาจื่อเป็นอย่างดีเลยนะ
แล้วก็มีรูปผมกับลู่หานอีกเกือบสิบรูปช่วงตอนที่เขาประคองผมเข้าสตูดิโอพร้อมกับคำบรรยายที่ดูยังไงมันก็ไม่ใช่ แต่ทำไมกันนะคนพวกนี้ถึงได้ถ่ายรูปออกมาได้พิลึกแบบนี้
ผมเลยเลื่อนลงมาเพื่ออ่านคอมเม้น
Fhgn1889 : ขอบคุณลู่หานที่ดูแลซิ่วหมินแทนพวกเรา
ผมเผลอเบะปากโดยไม่รู้ตัว ดูแลอะไรกัน คนพวกนี้ไม่รู้อะไรซะแล้ว
Rain-deer : ฉันชอบลู่หมินมากเลยนะรู้ไหม
เอาแล้ว ไอ้ศัพท์แปลกๆแบบลู่หมินนี่มันอะไรกันน่ะ
Hellolumin : ฉันว่ามินซอกน่ารักเกินไปมากกว่าลู่หานเลยหวงกันทุกคนออกไปจะได้ดูแลมินซอกคนเดียว
คนเรานี่ก็คิดเป็นตุเป็นตะได้เนอะ ผมถอนหายใจแล้วอ่านคอมเม้นไปเรื่อยๆ ซึ่งก็มีแต่คอมเม้นจับคู่เขากับผม จนผมทนไม่ไหวต้องชี้แจงอะไรซะบ้าง
สองคนนี้เขาเกลียดกันจะตายไปl
ผมพิมพ์ค้างไว้แล้วเหลือบมองลู่หาน ถ้าพิมพ์แบบนี้มันจะทำให้คนอื่นมองเขาไม่ดีรึเปล่านะ
กระปุกหมูชู้ตติ้ง : ฉันว่าสองคนนี้ดูยังไงก็เหมือนคนไม่ชอบหน้ากันมากกว่า ดูหน้ามินซอกสิแสดงออกชัดเจนว่างรำคาญลู่หานด้วยนะ ได้ยินมาว่าสองคนนี้ไม่สนิทกันเลยด้วย ไม่รู้ว่าเกลียดกันด้วยรึเปล่า
ไข่เจียวติดกะทะ : น่ารักที่สุดเลย ลู่หานน่ะเหมาะกับมินซอกที่สุด
Fhgn1889 : คุณกระปุกหมูชู้ตติ้ง ถ้าจะมาก่อกวนเราจะกดแสปมคุณนะ
Foreverluhan : ฉันรู้แค่พวกเขาดูแลกันดี หมูชู้ตติ้งน่ะหุบปากไปไหม
Luhan-no.1 : ถ้าไม่ชอบลู่หมินก็อย่ามาระราน
เขากวาง : คุณกระปุกหมูชู้ตติ้งน่ะอคติมากไปรึเปล่า
Rain-deer : สายตาของลู่หานมันบอกชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอก
ผมพับหน้าจอปิดอย่างแรงแล้วโยนโน้ตบุ้คลงจากตัก
นี่มันอะไรกัน
นี่ผมนะ ผมพูดความจริงแต่มีแต่คอมเม้นโจมตีผม
มันใช่เหรอ????
"เป็นอะไรของนาย"
"ไม่ต้องยุ่ง"
โอ้ยยิ่งเห็นหน้าคนที่เป็นตัวการผมก็ยิ่งหงุดหงิด ก็เพราะหมอนี่นั่นแหละผมถึงถูกโจมตีเพราะหมอนี่แท้ๆเลย
ผมทิ้งตัวลงนอนแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัว ตอนแรกว่าจะอาบน้ำก่อนแต่เอาไว้ตื่นขึ้นมาอาบทีหลังแล้วกัน
"มินซอก ยังมีไข้อยู่รึเปล่า"
โอ้ย น่ารำคาญจริง คนจะหลับจะนอน
ผมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ใต้ผ้าห่ม แล้วพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผนังห้อง เพื่อจะทำให้เขารู้ว่าผม! รำ! คาญ!
"มินซอก"
ผมได้ยินเสียงเหมือนลู่หานเดินเข้ามาใกล้แต่ก็ทำเป็นหลับตาไม่สนใจเขาจนมารู้สึกถึงฝ่ามือที่ทาบมาที่หน้าผากผมถึงต้องลืมตาขึ้นมา
"ไม่มีไข้แล้ว ก่อนนอนก็กินน้ำเยอะๆนะ" ลู่หานดึงมือออกจากหน้าผากผมแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ผมนี่สิที่เป็นอะไร
แทนที่จะโวยวายใส่เขาแบบที่ควรจะเป็นแต่ผมกับพูดอะไรไม่ออกเพราะสีหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของเขา
เชอะ
อย่ามาทำตัวเป็นคนดีซะให้ยากผมไม่หลงกลหรอก สุดท้ายผมเลยปัดมือเขาออกไป
"จะนอน"
ลู่หานถอนหายใจแล้วเดินกลับไปที่เตียงของตัวเอง ผมได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจากฝั่งของลู่หานไม่นานไฟในห้องก็ดับลง
ผมนอนลืมตาโพลงในความมืด อากาศเย็นๆภายในห้องทำให้ผมต้องขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
นอนไม่หลับ
เป็นรอบที่สิบแล้วที่ผมพลิกตัวไปมาเพราะหลับไม่ลง ได้แต่นอนจมอยู่กับความมืดมิดในใจของตัวเอง
นี่ผมร้ายกับเขามากไปใช่ไหม
เพราะอคติของผมมันเลยทำให้ผมมองข้ามความเป็นจริงอะไรไปรึเปล่า
ความคิดเห็น